บริการ
คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก 1
VIDEO ...
จ้าวแห่งการสื่อสาร 1
VIDEO ...
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย ประวัติสมาคมฝึกการพูด
Written by สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๕ เวลาบ่าย บนชั้นสามของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส วัฒนา วังบูรพา
นายอรุณ แสงสว่างวัฒนะได้เชิญเพื่อนๆและญาติมิตรราว ๔๐ คน มาร่วมรับประทาน น้ำชาเพื่อหารือกันเรื่องก่อตั้งสมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย ผู้ไปร่วมประชุมเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ และเลือกผู้แทน 3 ท่าน คือ นายอรุณ แสงสว่างวัฒนะ นายพานิช สัมภวคุปต์ และนายจรูญ โลกะกลิน ให้เป็นผู้ดำเนินการขอจดทะเบียน
แรงบันดาลใจในการก่อตั้งสมาคมฯเกิดขึ้นจากการที่นายอรุณ แสงสว่างวัฒนะ ซึ่งในสมัยนั้นดำรงตำแหน่งนายกสโมสรโรตารี่ ธนบุรี และอุปนายกสมาคม วาย เอ็ม ซี เอ กรุงเทพฯ ได้รับการเชิญชวนให้เป็นสมาชิกสโมสรโทสมาสเตอร์แหลมทอง ท่านจึงตระหนักในประโยชน์ และความจำเป็นในการฝึกพูด เช่น ช่วยให้กล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็น กล้าวิจารณ์ ฝึกให้ชินต่อการถูกวิจารณ์ ยินดีรับฟังคำวิจารณ์โดยไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม นอกจากนั้น ยังฝึกให้พูดสั้นได้เนื้อถ้อยกระทงความ ไม่พูดมากเยิ่นเย้อเสียเวลาทั้งผู้พูดและผู้ฟัง ทั้งเพื่อเป็นการปรับปรุงบุคลิกภาพในการพูดไปพร้อมๆ กัน
ดร.ราล์ฟ ซี สเมดเลย์ (Dr.Ralph C.Smedley) ชาวอเมริกันได้ก่อตั้งสโมสรโทสมาสเตอร์ สากลมานานกว่า ๖๐ ปีแล้ว มีสโมสรในเครืออยู่นานาประเทศทั่วโลกกว่า ๔,๐๐๐ แห่ง ทุกแห่งใช้ภาษาอังกฤษในการฝึกทั้งสิ้น สโมสรโทสมาสเตอร์ซึ่งนายอรุณ แสงสว่างวัฒนะ เข้าเป็นสมาชิก นอกจากจะใช้ภาษาอังกฤษในการฝึกแล้ว ยังมีระเบียบอยู่ว่าแต่ละสโมสรจะรับสมาชิกได้ไม่เกิน ๔๐ คน ถ้าเกิน ต้องมีการแยกไปตั้งสโมสรแห่งใหม่ขึ้นอีก
เพราะฉะนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์โดยกว้างขวางแก่คนไทยผู้ไม่สันทัดในภาษาอังกฤษ ท่านจึงเกิดความคิดที่จะจัดการฝึกตามระบบโทสมาสเตอร์โดยใช้ภาษาไทยขึ้น ด้วยการนำเอาระเบียบวิธีและคู่มือในการฝึกมาแปลเป็นภาษาไทย เปิดทดลองฝึกให้กับสมาชิก วาย เอ็ม ซี เอ เป็นอันดับแรก จนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
ขณะเดียวกัน ท่านก็ได้ติดต่อไปยัง ดร.ราล์ฟ ซี สเมดเลย์ แจ้งความจำนงที่จะก่อตั้งสมาคมฝึกการพูดโดยใช้ภาษาไทย ทั้งขออนุญาตแปลคู่มือในการฝึกออกเผยแพร่ โดยนำเอาวิธีการของสโมสรโทสมาสเตอร์ มายึดถือเป็นหลักและแนวทาง ดร.สเมดเลย์ ได้ตอบอนุญาตด้วยไมตรีจิต โดยเฉพาะในฐานะท่านเองก็เคยเป็นสมาชิกสโมสรโรตารี่ และสมาคม วาย เอ็ม ซี เอ มากว่า ๒๐ ปี ทั้งเคยเป็นนายกทั้งสองแห่งนั้นด้วย เช่นเดียวกับนายอรุณ แสงสว่างวัฒนะ ท่านจึงเข้าใจและสบอัธยาศัยเป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากจะอนุญาตด้วยความยินดีแล้วยังปวารณาจะส่งเสริมช่วยเหลือ
เมื่อทุกอย่างพร้อม สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทยจึงได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการกับกรมตำรวจขึ้นเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๐๕ ซึ่งวันดังกล่าวได้ถือเป็นวันเกิดของสมาคมฯ โดยจัดงานฉลองกันเป็นประจำทุกปี
นายอรุณ แสงสว่างวัฒนะ เป็นนายกสมาคมฯ คนแรก ซึ่งผู้ร่วมงานในยุคแรกๆ นั้น ประกอบด้วย นายประโพธิ เปาโรหิตย์ นายอดิเรก กุลสิริสวัสดิ์ นางทมนี มหานนท์ นายอดิศร อิสี พ.ต.ท.เกษม แสงมิตร นางสายสนม ไชยนุวัติ นายจรูญ โลกะกลิน นายพานิช สัมภวคุปต์ นายไชยวุฒิ อัตถากร นายพิชัย รัตตกุล นายแพทย์เลิศ ศรีจันทร์ นางศรีสุข นิยมไทย นายประสิทธิ์ กีรติพรานนท์ นางยุพวัลย์ อินทรโกมาลย์สุต นายจำนง เศาภายน และนายบุญจริง ธรรมสระ เป็นต้น นับว่าเป็นสมาคมฝึกการพูดในระบบโทสมาสเตอร์แห่งแรกในโลกที่ใช้ภาษาประจำชาติ โดยไม่ใช้ภาษาอังกฤษในการฝึก และเป็นสถาบันแห่งแรกในประเทศไทยที่ริเริ่มส่งเสริมเผยแพร่ศิลปะการพูดต่อที่ชุมนุมชนอย่างจริงจังกว้างขวางจนแพร่หลายมาในปัจจุบัน
ปีพุทธศักราช ๒๕๑๐ ในสมัยนายประโพธิ เปาโรหิตย์ เป็นนายกสมาคมฯ ได้กราบทูลเชิญพลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เพื่อให้ทรงเป็นที่ปรึกษาสมาคมฯ เสด็จในกรมฯ ทรงรับเชิญ และประทานนามสมาคมฯเป็นภาษาอังกฤษว่า “THE SPEECH TRAINING ASSOCIATION OF THAILAND”
วัตถุประสงค์และแนวนโยบายในการดำเนินงานของสมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทยที่ได้ยึดถือปฏิบัติสืบๆกันมาโดยเคร่งครัด พอจะประมวลได้ดังนี้
เพื่อส่งเสริมเผยแพร่วิชาการ และศิลปะการพูดต่อที่ชุมนุมชนทุกแขนง เช่น การบรรยาย การแสดงปาฐกถา การแสดงสุนทรพจน์ การโต้วาที การประชุม การทำหน้าที่พิธีกรในโอกาสต่างๆ การอภิปราย เป็นต้น
ทั้งเพื่อปรับปรุง และส่งเสริมบุคลิกภาพ สร้างลักษณะผู้นำ การมีมนุษยสัมพันธ์ ตลอดจนสามัคคีธรรมในระหว่างบรรดาสมาชิกทั้งมวล เพื่อธำรงไว้ซึ่งธรรมของการเป็นผู้พูด อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งตนเองและส่วนรวม
กิจกรรมที่สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทยทำเป็นประจำ มีอาที การจัดฝึกการพูดตามระบบโทสมาสเตอร์เป็นประจำทุกสัปดาห์ สืบเนื่องกันมานับแต่เริ่มก่อตั้งสมาคมฯ จัดการอบรมศิลปะการพูดต่อที่ชุมนุมชนหลักสูตรระยะสั้นโดยจัดขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย เป็นแบบอย่างให้สมาคม หรือสถาบันอื่นนำไปใช้อย่างมากมาย นอกจากนั้นยังส่งวิทยากรของสมาคมฯไปบรรยายเผยแพร่ความรู้ในด้านนี้ตามหน่วยงานราชการ สมาคม สถาบันการศึกษาต่างๆตามที่ได้เชิญมา
ในการดำเนินงานของสมาคมฯนี้ คณะกรรมการตลอดจนวิทยากรทุกคนล้วนเป็นอาสาสมัครทำงานกันด้วยความศรัทธา และความเสียสละ เพื่อสาธารณประโยชน์ทั้งสิ้น นอกจากจะไม่ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินทองจากทางสมาคมฯ แล้ว ยังต้องชำระค่าสมาชิกเช่นเดียวกับผู้มาฝึกหรือมาอบรมในสมาคมฯ ทุกๆ คน
สำหรับรายนามผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย จนถึงปัจจุบัน โดยลำดับ มีดังนี้
1. นายอรุณ แสงสว่างวัฒนะ พ.ศ. 2505 – 2507 (ผู้ก่อตั้ง)
2. นายประโพธิ เปาโรหิตย์ พ.ศ. 2508 – 2511
3. ม.ร.ว.พัฒนไชย ไชยันต์ พ.ศ. 2512
4. นายไขแสง สุกใส พ.ศ. 2513
5. นายพิชัย สันตภิรมย์ พ.ศ. 2514 -2517
6. พ.ต.ต.พจน์ บุณยะจินดา พ.ศ. 2518
7. พ.ต.ต.ปกรณ์ กองทอง พ.ศ. 2519 – 2520
8. พ.ต.ท.พจน์ บุณยะจินดา พ.ศ. 2521 – 2530
9. นายเปี่ยมเดช ปินโฑละ พ.ศ. 2531 – ปัจจุบัน
นักพูดดีเด่น ของสมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทยในบางปี สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทยได้มีการตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสรรหา “นักพูดดีเด่น” ประจำปี และประกาศเกียรติคุณ เพื่อเป็นการยกย่องผู้ที่มีบทบาทในการพูดต่อที่ชุมนุมชน ซึ่งมีความสามารถดีเด่นทั้งด้านการพูด และการวางตนเป็นแบบอย่างที่ดี นอกจากจะเป็นการเชิดชูนักพูดที่ดีแล้ว ยังโน้มน้าวผู้อื่นให้เป็นนักพูดที่ดีอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมและประเทศชาติด้วย เมื่อปี 2518 พ.ต.ต.พจน์ บุณยะจินดา ซึ่งเป็นนายกสมาคมฯ ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันต่างๆ 14 ท่าน โดยมี ศาสตราจารย์คุณหญิงจินตนา ยศสุนทร เป็นประธาน และประกอบด้วยกรรมการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุนีย์ สินธุเดชะ นายอาคม มกรานนท์ นายพอใจ ชัยยะเวฬุ นายภูรี ปฏิภาณ นายประยุทธ สิทธิพันธ์ นายรังษี เลาเจริญ ร.ต.อ.ปกรณ์ กองทอง และนางฉลวย ศรีรัตนา ร่วมกันสรรหา “นักพูดดีเด่น” ประจำปีเป็นครั้งแรก ผลการลงมติ นักพูดดีเด่นประจำปี 2518 ได้แก่ นายชวน หลีกภัย สส.จังหวัดตรัง
สำหรับรายนามผู้ได้รับการประกาศเกียรติคุณเป็น “นักพูดดีเด่น” ตามบันทึกที่มีอยู่ มีลำดับดังนี้
นักพูดดีเด่นประจำปี 2518 นายชวน หลีกภัย (นักการเมือง)
นักพูดดีเด่นประจำปี 2520
พระราชนันทมุนี (ท่านเจ้าคุณปัญญา นันทภิกขุ) (นักเผยแพร่ธรรม)
นายพิชัย รัตตกุล (นักการเมือง)
นายชลอ ธรรมศิริ (ข้าราชการ)
ดร.ไพจิตร เอื้อทวีกุล (นักวิชาการ)
นางภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ (ศิลปิน)
นักพูดดีเด่นประจำปี 2525 พลเอกสิทธิ จิรโรจน์
นักพูดดีเด่นประจำปี 2526 พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก (นักพูดสร้างสรรค์ เพื่อความสามัคคีของชาติ)
แบ่งเป็น 12 บท เรียงตามลำดับความยากง่าย และหลักเกณฑ์ซึ่งควรฝึกฝนเรียนรู้ก่อนหรือหลัง ผู้ฝึก ต้องฝึกตามลำดับโดยเริ่มจากบทที่ 1 กำหนดเวลาให้พูดครั้งล่ะ 5 นาที ยกเว้นผู้ฝึกในบทสูง ตั้งแต่บทที่ 7 เป็นต้นไป อาจขอพูดมากกว่า 5 นาทีแน่ไม่เกิน 7 นาที โดยต้องแจ้งให้ประธานรายการฝึกการพูด
บทที่ 12 หลักชัยของการฝึก
บทที่ 11 การสร้างอารมณ์ขัน
บทที่ 10 การพูดจูงใจ
บทที่ 9 การพูดในโอกาสพิเศษ
บทที่ 8 การใช้คำราชาศัพท์
บทที่ 7 การสร้างภาพพจน์
บทที่ 6 การลำดับเนี้อหา
บทที่ 5 การใช้เสียง
บทที่ 4 การใช้ท่าทาง
บทที่ 3 การเรียบเรียง
บทที่ 2 ความจริงจังและจริงใจ
บทที่ 1 แนะนำตนเอง
...
หนังสือ " กลยุทธ์สร้างอำนาจในที่ทำงาน" ขอแนะนำหนังสือครับ " กลยุทธ์สร้างอำนาจในทีทำงาน" เขียนโดย...ธรรมจักร สร้อยพิกุล พิมพ์ครั้งที่ 8 สำหรับที่อยู่ในมือของผมนี้ พิมพ์ครั้งที่ 7 ครับ มีจำนวน 173 หน้า ภายในแบ่งเป็นตอนต่างๆ ที่มีความน่าสนใจ เช่น
มนุษย์ย่อมแสวงหา " อำนาจ" , อานุภาพของ เสียง และ ความเงียบ , หลัก 5 ข้อ ในการยอคน , ขู่ อย่างมีศิลปะ , วิธีหา คนเก่ง มาช่วยงาน , การสร้างฐานอำนาจ , วิธียึดอำนาจทีละน้อย , ทำอย่างไรจึงไม่ถูกเบียดเบียน และ คุณจะมีอำนาจมากขึ้นได้ในหนึ่งสัปดาห์ (ยังมีอีกหลายๆตอน)
เนื้อหาในด้านหลังใช้ถ้อยคำที่น่าสนใจ คือ ไม่ว่าคุณเป็นใคร คุณกลายเป็นคนมี " อำนาจ" ได้ ด้วยกลยุทธ์เยี่ยงนี้
- เพิ่ม "อำนาจจิต " ก่อน - อานุภาพของเสียงและความเงียบ
- อย่าอยู่กลางแสงไฟ - อำนาจจากการปล่อยข่าว
แล้วราศีอำนาจ จะเปล่งรัศมีออกจากตัวคุณ
ไปหาซื้ออ่านหรือยืมห้องสมุดได้นะครับ
เพราะกระผมได้อ่านดูแล้ว ทำให้ได้รู้ถึง พฤติกรรม เล่ห์เหลี่ยมของผู้มีอำนาจในการเล่มเกมส์ต่างๆ ภายในองค์กร จิตวิทยาต่างๆของคนมีอำนาจครับ
แนะนำโดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com ...
ประวัติ ของ คะเณยะ อ่อนนาง ชื่อ อาจารย์ คะเณยะ อ่อนนาง (อ.จ๊อบ)
การศึกษา ปริญญาตรี คณะ ศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาการสอนภาษาไทย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
กำลังศึกษาปริญญาโท คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาการสอนภาษาไทย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ประสบการณ์และผลงาน
@ ประธานยุวโฆษกแห่งประเทศไทยรุ่นที่ 1 ทำเนียบรัฐบาล
@ นักพูดรางวัลชนะเลิศ รับถ้วยรางวัล นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร
@ วิทยากรอบรมครู ขยายเครือข่ายหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๘๔ พรรษา มหาราชา
มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคาร ไทยพาณิชย์
จังหวัดที่ได้อบรมครู
เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ กรุงเทพ ชลบุรี จันทรบุรี นครพนม พิจิตร มุกดาหาร สกลนคร พะเยา สุรินทร์
@ วิทยากรอบรมครูและผู้บริหาร ปลุกพลังสุข ผู้บริหารการศึกษา จำนวน ๘๑ โรงเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ ๒๒ จังหวัด มุกดาหาร สกลนคร นครพนม
@วิทยากรบรรยาย สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อชุมชนเป็นสุข(สรส.)
@ วิทยากร บรรยายโครงการต้นกล้าพัฒนาจิต ณ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 7 จังหวัด
เชียงใหม่
@วิทยากร อบรม การสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพ ทีมทรงพลัง ปลุกพลังความสุข สนุกกับงาน สำราญกับชีวิต คิดบวก ข้าราชการชั้นสูง กรมสรรพสามิตภาคที่ 7
@วิทยากรอบรมเยาวชน และครู สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดย์ ป.ป.ส ภาค ๕
@ วิทยากรฝึกอบรม ปลุกพลังพยาบาล โรงพยาบาล ศรีสังวาลย์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
@ วิทยากรฝึกอบรม องค์การบริหารส่วนตำบล จังหวัดลำพูน
@ วิทยากร อบรมค่าย เยาวชนใจ คุณธรรม สบย ๑
@ วิทยากร อบรม ปลุกพลังสุข โครงการครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว
@ สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ (สสข.6 เชียงใหม่)
@ วิทยากรอบรมเยาวชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงใหม่ (กอ.รมน.จว.ชม.)
@ วิทยากร บรรยาย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี หัวข้อ แรงบันดาลใจ เรียนอย่างไรให้มีความสุข ปลุกพลังฝัน เพื่อวันแห่งอนาคต
@ วิทยากรบรรยาย ฝึกอบรม การเคหะแห่งชาติ โครงการบ้านเอื้ออาทร
@ วิทยากรบรรยาย ฝึกอบรม สำนักงานเขต หนองจอก กรุงเทพมหานคร
@ วิทยากรบรรยาย ฝึกอบรม หลักสูตร
“ การเพิ่มขีดความสามารถการบริการเพื่อเพิ่มยอดขาย ”
บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย)
@ วิทยากรบรรยาย ฝึกอบรม หลักสูตร
“การบริการที่เป็นเลิศ" BLACK CANYON COFFEE
@ วิทยากรบรรยาย ฝึกอบรม หลักสูตร
“การบริการที่เป็นเลิศ" บริษัท บริษัท เวอรีน่าอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
@ วิทยากรฝึกอบรม มูลนิธิ บ้านร่มไม้ชายคา
Children Shelter Home Union Chiang Mai, Thailandp
@ วิทยากรบรรยาย อบรมนักศึกษา
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ
คณะคุรุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชฏัชเชียงใหม่
คณะคุรุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชฏัชเชียงราย
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
@ วิทยากร บรรยาย สานฝัน เพื่อวันแห่งอนาคต สถาบันพัฒนศาสตร์ ABC เชียงใหม่
@ รับรางวัลทอล์คโชว์ งาน สภาโจ๊กสัญจร itv มหาวิทยาลัยแม่โจ้
@ วิทยากร นักสร้างแรงบันดาลใจ ฝึกอบรมทั้งภาครัฐ
และหน่วยงานเอกชน สถาบันการศึกษา
ปัจจุบัน @ อาจารย์ประจำ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เชียงใหม่
@ อาจารย์พิเศษคณะเศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
@ นักพูด วิทยากร บรรยาย ฝึกอบรม กลุ่มสัมพันธ์
ตามหน่วยงานและสถาบันการศึกษา
@ เจ้าของเว็ป ตุ้ยทอล์ค www.oknation.net/blog/tuitalk
Email: kaneyatalk@gmail.com
มือถือ 0835820941
หลักสูตรยอดนิยม ของ อ.คะเณยะ อ่อนนาง
๑หัวข้อ ปลุกพลังสุข สนุกกับงาน สำราญกับชีวิต คิดบวก
เน้นเรื่องการทำงาน พลังแห่งความสุข พลังแห่งการคิดบวกสำนึกรักองค์กร
๒หัวข้อ แรงบันดาลใจ เรียนอย่างไรให้มีความสุข ปลุกพลังฝัน เพื่อวันแห่งอนาคต
เน้นเรื่องการสร้างแรงบันดาลใจ วางเป้าหมายชีวิต ลิขิตฝัน หน้าต่างแห่งชีวิต สร้างความมหัศจรรย์ให้ชีวิตด้วยการสำนึกรู้คุณ
๓.หัวข้อ พลังคน พลังทีม
เน้น เรื่องการสร้างภาวะผู้นำ สร้างพลังแห่งทีม สร้างทีมให้ทรงพลัง
๔.หัวข้อ คนที่องค์กรต้องการ
เน้นเรื่อง ทักษะแห่งชีวิต ทักษะแห่งการทำงาน
๕.หัวข้อ พลังแห่งการสื่อสาร อำนาจมหาศาลติดตรึงใจ
เน้นเรื่อง การสื่อสาร ทักษะแห่งการสื่อสาร
...
กฏหมายธุรกิจ กฏหมายธุรกิจ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ถ้าพูดถึงกฎหมายธุรกิจแล้ว มักจะมีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเฉพาะ บรรพ 3 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยเอกเทศสัญญา ซึ่งมีส่วนประกอบที่สำคัญถึง 23 ลักษณะ คือ ลักษณะ 1 ซื้อขาย ลักษณะ 2 แลกเปลี่ยน ลักษณะ 3 ให้ ลักษณะ 4 เช่าทรัพย์ ลักษณะ 5 เช่าซื้อ ลักษณะ 6 จ้างแรงงาน ลักษณะ 7 จ้างทำของ ลักษณะ 8 รับขน ลักษณะ 9 ยืม ลักษณะ 10 ฝากทรัพย์ ลักษณะ 11 ค้ำประกัน ลักษณะ 12 จำนอง ลักษณะ 13 จำนำ ลักษณะ 14 เก็บของในคลังสินค้า ลักษณะ 15 ตัวแทน ลักษณะ 16 นายหน้า ลักษณะ 17 ประนีประนอม ลักษณะ 18 การพนันและขันต่อ ลักษณะ 19 บัญชีเดินสะพัด ลักษณะ 20 ประกันภัย ลักษณะ 21 ตั๋วเงิน ลักษณะ 22 หุ้นส่วนและบริษัท ลักษณะ 23 สมาคม
ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายธุรกิจหรือเอกเทศสัญญาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีวิตและการประกอบธุรกิจ และกระผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนคงมีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับกฎหมายเอกเทศสัญญาไม่มากก็น้อย เช่น เรื่องของการค้ำประกัน จำนองและจำนำ
การค้ำประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 ระบุว่า อันว่าค้ำประกันนั้น คือ สัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น อนึ่งสัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
ฉะนั้นเรื่องของการค้ำประกันเป็นเรื่องที่ต้องควรศึกษาและทำความเข้าใจเพราะบางคนต้องใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้โดยที่ตนเองไม่ได้เป็นคนก่อหนี้ แต่ต้องใช้หนี้แทนผู้อื่น ซึ่งการค้ำประกันมี 2 ชนิด คือ 1.การประกันด้วยบุคคล และ 2.การประกันด้วยทรัพย์สิน
1.การประกันด้วยบุคคล คือ การที่บุคคลหนึ่งเข้าผูกพันตนต่อเจ้าหนี้ว่า ถ้าลูกหนี้ไม่ชำระหนี้แล้ว เขาจะเป็นผู้ชำระแทนให้ ฉะนั้น สิ่งที่เป็นประกันให้แก่เจ้าหนี้ก็คือ ตัวบุคคลผู้นั้นเอง(ธนวัฒน์ เนติโพธิ์ 2539: 386)
2.การประกันด้วยทรัพย์สิน คือ การที่เจ้าหนี้ได้รับทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใดไว้เป็นการประกันการชำระหนี้ของลูกหนี้ ซึ่งทรัพย์ที่เป็นประกันนี้อาจเป็นทรัพย์ของลูกหนี้เอง หรือเป็นทรัพย์ของบุคคลภายนอกก็ได้ ซึ่งการประกันด้วยทรัพย์มี 2 ประการ คือ 1.การจำนอง 2.การจำนำ
(ธนวัฒน์ เนติโพธิ์ 2539: 386)
ส่วนการจำนอง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 ระบุว่า คือ สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่ง เรียกว่า ผู้จำนอง เอาทรัพย์สินตราไว้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับจำนอง เป็นประกันการชำระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจำนอง
สำหรับทรัพย์สินที่กฎหมายกำหนดให้จำนองกันได้คือ อสังหาริมทรัพย์(ที่ดินและบ้านเรือน) , เรือกำปั่น ,แพ , สัตว์พาหนะ(ช้าง ม้า วัว ควาย )
ส่วนการจำนำ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามมาตรา 747 อันว่าจำนำนั้น คือ สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้จำนำ ส่งมอบสังหาริมทรัพย์สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจำนำ เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้
สำหรับบทความข้างต้นถามว่าทำไมต้องอ้าง ประมวลกฎหมาย มาตราต่างๆ เพราะ กฎหมายเป็นข้อบังคับ ดังนั้นผู้ศึกษากฎหมายจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักกฎหมายมาตราต่างๆ มาให้เข้าใจ อีกทั้งคำบางคำหรือถ้อยคำบางคำ เราอ่านแล้วฟังแล้ว อาจไม่เข้าใจซึ่งต้องอาศัยการตีความตามกฏหมาย
ดังนั้นการศึกษากฏหมายเอกเทศสัญญาจึงมีความสำคัญมากในการดำรงชีพและการประกอบธุรกิจ เพราะจะทำให้เราไม่เสียเปรียบผู้อื่น และที่สำคัญคือเมื่อเรารู้กฏหมายแล้วเราก็ไม่ควรนำความรู้กฎหมายไปเอาเปรียบผู้อื่นด้วย
...
อยากเป็น นักเขียนต้องเขียน อยากเป็น...นักเขียนต้องเขียน เขียนและเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
มีคนเคยถามผมว่า ถ้าอยากเขียนบทความ เขียนสารคดี เขียนนิยาย เขียนเรื่องสั้น ต้องทำอย่างไร จึงจะเขียนเก่ง คำตอบที่ผมตอบไป ไม่ว่าจะเขียนบทความ เขียนสารคดี เขียนนิยาย เขียนเรื่องสั้น หรือแม้แต่การเขียนตำรา เขียนหนังสือต่างๆ คนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่ชอบเขียน เขียน และเขียน ยิ่งเขียนบ่อยๆ ยิ่งเขียนมากๆ ยิ่งเขียนได้ทุกวันยิ่งดี
เพราะการเขียนก็เหมือนกับการฝึกทักษะด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพูด การอ่าน และการฟัง เมื่อเราฝึกพูดบ่อยๆ เราฝึกอ่านบ่อยๆ และเราฝึกการฟังบ่อยๆ จะทำให้เราเรียนรู้ และมีประสบการณ์เกี่ยวกับทักษะนั้นๆ มากขึ้น ทำให้เราสามารถเรียนรู้ ปรับปรุง ได้ดียิ่งขึ้น
แต่ขออย่างเดียวคือ ท่านที่ต้องการเป็นนักเขียน อยากท้อถอย ท้อแท้ เสียก่อนเวลาอันควร ไม่มีใครไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียน เพียงแต่คนๆนั้น เลิกก่อนเวลาที่จะประสบความสำเร็จเสียก่อน ดังนั้น ท่านที่ต้องการประสบความสำเร็จในด้านการเขียน จำเป็นจะต้องอดทน ฝึกฝนการเขียนอยู่เสมอ บางครั้ง อาจเขียนไม่ออก หรือไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาเขียน ก็เป็นปกติของคนที่เริ่มเขียนใหม่ๆ
เราก็ต้องมีความอดทน หาข้อมูลจากการอ่านเยอะๆ ถ้าเป็นไปได้ ควรมีห้องสมุดส่วนตัวอยู่ที่บ้าน ยิ่งดี เพราะเวลาต้องการข้อมูลสามารถค้นคว้าหามาได้เลยโดยไม่ต้องไปยืมห้องสมุดหรือหาซื้อมาเพื่อที่จะนำมาเป็นข้อมูล บางท่านอาจคิดว่า ยุคปัจจุบันมีอินเตอร์เน็ต เราสามารถค้นหาทางอินเตอร์เน็ตได้ แต่ข้อมูลบางอย่าง การหาทางอินเตอร์เน็ตไม่สามารถหาข้อมูลได้ในเรื่องของเนื้อหาหรือรายละเอียด ในอินเตอร์เน็ตอาจมีข้อมูลบางส่วนของหนังสือที่เราต้องการ ฉะนั้น นักเขียนมืออาชีพส่วนใหญ่จะมีห้องสมุดส่วนตัวอยู่ที่บ้าน อาจไม่ใหญ่มากก็ได้
อีกประการหนึ่ง สำหรับผู้ต้องการเป็นนักเขียนโดยเฉพาะมือใหม่ คือ การแบ่งเวลาหรือการกำหนดเวลาเป็นสิ่งที่จำเป็นในการฝึกฝนด้านการเขียน การกำหนดเวลาจะทำให้เกิดการสร้างนิสัยและเกิดวินัย ซึ่งการกำหนดเวลาในการเขียนของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เช่น บางคนอาจจะใช้เวลาตอนเช้ามืด ตี 4- ตี 5 ตื่นขึ้นมาเขียน บางคนอาจใช้เวลาตอนกลางคืน ช่วงดึกๆ ฯลฯ
และที่สำคัญที่สุดคือ ท่านที่ต้องการเป็นนักเขียน ท่านจะต้องมีใจรักในงานเขียน แน่นอนในช่วงต้นๆ ของงานเขียน รายได้จากงานเขียนอาจน้อย ทำให้นักเขียนหลายๆท่าน ต้องหางานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานเขียนก่อน แล้วใช้ช่วงเวลาว่างในการเขียน ซึ่งเป็นลักษณะของงานอดิเรก แต่ถ้าท่านต้องการเป็นนักเขียนจริงๆ กระผมแนะนำว่า ท่านควรหางานที่เกี่ยวข้องกับงานเขียนโดยตรง ท่านก็จะได้ทั้งเงินและงานเขียนในเวลาเดียวกัน เช่น งานด้านการข่าว งานด้านการเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ วารสาร หรืองานด้านประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับการเขียนข่าว ส่งข่าว ฯลฯ
งานเขียนมีหลากหลายประเภท เช่น บทความ สารคดี นิยาย เรื่องสั้น เรื่องแปล กลอน ฯลฯ การที่เราจะรู้ว่าเราชอบงานด้านไหนบางทีอาจจะต้องลองผิดลองถูก แต่เท่าที่สังเกต ใครที่ชอบอ่านหนังสือในแนวนั้นมักชอบงานเขียนในแนวนั้น เช่น บางคนชอบอ่านบทความ ก็มักจะเขียนบทความได้ดีกว่างานเขียนประเภทอื่น หรือบางคนชอบนิยาย ก็มักจะเขียนนิยายได้ดีกว่าการเขียนกลอนหรือบทความ
ท้ายนี้ ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งการเขียนให้ได้ดี เราจำเป็นจะต้องฝึกเขียน เขียน และเขียน การเขียนหนังสือ ก็เหมือนกับการที่เราขี่จักรยานหรือว่ายน้ำ ไม่มีใครขี่จักรยานเป็นหรือว่ายน้ำเป็น เพียงแค่การอ่านหนังสือ ดังนั้น ถ้าท่านต้องการที่จะเป็นนักเขียน ท่านต้องฝึกเขียน เขียน และเขียน ถ้าท่านเอาแต่อ่านท่านจะเป็นได้แค่นักอ่านเท่านั้น
...
บันได 6 ขั้น สู่ความสำเร็จ โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ มักมีแนวความคิดที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งพวกเขาจะยึดถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด จากการสำรวจและอ่านหนังสือ ค้นคว้า ผมมักเห็นคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มีแนวคิดบางประการที่คล้ายกัน ดังนี้
1.เป้าหมาย คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักมีเป้าหมายของชีวิตตนเอง บางคนมีเป้าหมายมาตั้งแต่เด็ก บางคนมีเป้าหมายตอนทำงาน และบางคนมีเป้าหมายตอนแก่ เช่น ไทเกอร์ วู้ดส์ มีเป้าหมายอยากเป็นนักกอล์ฟระดับโลก ในวัยเด็ก ที่สุดเขาจึงได้เป็น , เอดิสัน เขามีเป้าหมายอยากเป็นนักประดิษฐ์เอกของโลกในที่สุดเขาก็ได้เป็น เขาผลิตสิ่งประดิษฐ์นับร้อยๆชิ้น เช่น หลอดไฟฟ้า ที่พวกเราใช้กัน และผู้พันแซนเดอร์สมีเป้าหมายตอนแก่ คือ เขาต้องการขายสูตรไก่ทอด เขาต้องเดินเร่ ขายสูตรไก่ทอดของเขา ให้แก่นักธุรกิจ จากคนที่ 1 ไม่ซื้อ คนที่ 10 ไม่ซื้อ คนที่ 1,000 ไม่ซื้อ จนในที่สุดมีคนที่ 1,009 ซื้อ นี่เพราะเขามีเป้าหมายนั้นเอง ดังนั้นใครต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต คนๆนั้นจะต้องมีเป้าหมายที่ตนเอง ใผ่ฝันก่อนเป็นอันดับแรก
2.วางแผน คนที่ประสบความสำเร็จ เมื่อมีเป้าหมายแล้ว จะต้องมีแผนการหรือการวางแผน เพื่อจะนำตนเองไปสู่เป้าหมายของชีวิต การวางแผนควรกำหนด ระยะเวลา วัน เดือน ปี ที่ต้องไปให้ถึงเป้าหมายนั้น การวางแผนที่ดี ควรมีการวางแผน เป็นระยะเวลา สั้น กลาง และยาว เช่น การขายประกันชีวิต เราควรมีการวางแผนการขายเป็นระยะยาว อาจวางแผน 5 ปี แล้วจึงวางแผนการขายระยะกลาง เราอาจแบ่งเป็นระยะเวลา 1 ปี และ วางแผนการขายระยะสั้น เราวางแผนเป็นรายเดือนและรายวัน เพื่อจะทำให้เราสามารถตรวจสอบแผนการที่วางไว้ได้ในระยะเวลาดังกล่าว
3.ลงมือ ทำตามแผนการที่วางไว้ คนที่ประสบความสำเร็จ เมื่อมีเป้าหมายแล้ว มีการวางแผนแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ ลงมือทำ ไม่ใช่มีแต่แผน แล้วไม่ลงมือทำก็จะไม่ประสบความสำเร็จ แผนที่วางไว้ก็จะเป็นแผนที่เลื่อนลอย ไม่เป็นจริงตามเป้าหมายหรือความฝัน
4.มีความจริงจัง ย้ำกับตัวเองตลอดเวลาและ ฝันถึงเป้าหมายตลอดเวลา คนเรานั้นมีความพยายามเหมือนกันแต่ใช้ไม่เท่ากัน จึงเป็นข้อแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ล้มเหลว คนที่ประสบความสำเร็จมักจะจริงจัง ย้ำกับตัวเอง และฝันถึงเป้าหมายตลอดเวลา ดังนั้น จึงทำให้เขามีพลังในการทำงาน อย่างกระตือรือร้น ส่วนคนที่ล้มเหลว มักทำงานของตนเองด้วยความเฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้น ไม่มีความสุขในการทำงาน เพราะไม่มีความจริงจังในความฝันของตนเอง
5.หาต้นแบบ คนประสบความสำเร็จมักมีคนเป็นต้นแบบ ของตนเอง เช่น บางคนอยากเป็นนักการเมือง มาตั้งแต่เด็ก เนื่องจาก ชื่นชม และชื่นชอบ ผู้นำของประเทศ หรือ บางคนอยากเป็นนักพูดเนื่องจาก ชื่นชมหรือชื่นชอบในตัวนักพูดระดับชาติ ระดับโลก จึงทำให้ตนเอง อยากเป็นเช่นนั้นบ้าง
6.ต้องมีการตรวจสอบ ควบคุม และทบทวน ตนเองอยู่เสมอ ว่าสิ่งที่ตนเองทำในทุกวันนี้ ไปในทิศทางที่ได้วางเป้าหมายไว้หรือไม่ แล้วแผนที่วางไว้สำเร็จถึงขั้นไหนแล้ว ถ้ายังไม่เป็นไปในทิศทางที่เป้าหมายวางไว้ เราจะมีการปรับแผนอย่างไร เพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมายดังกล่าว ควรตรวจสอบเป็นระยะๆ เพื่อหาทางแก้ไข ปรับปรุงการวางแผนนั้น
จากข้อสรุป 6 ข้อ ดังกล่าว เป็นปัจจัยที่ทำให้คนประสบความสำเร็จในวงการต่างๆ อาจจะมีอีกหลายปัจจัย แต่กระผมเชื่อว่า คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะต้องมี 6 ปัจจัยที่กระผมได้กล่าวถึง ถ้าท่านผู้อ่านอยากที่จะประสบความสำเร็จในวงการใดๆ ลองนำข้อแนะนำดังกล่าวไปปฏิบัติกระผมเชื่อแน่ว่าท่านจะเป็นคนหนึ่งที่จะประสบความสำเร็จในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน
...
ศิลปะในการบริหาร ศิลปะในการบริหาร
ศิลปะในการเป็นผู้บริหาร โดย... ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่) มีหนังสือและองค์ความรู้มากมายที่พูดถึงเรื่องของ ผู้บริหาร มีทั้งนักวิชาการ ผู้ปฏิบัติจริง ทั้งต่างประเทศและในประเทศ ซึ่งกระผมได้อ่าน ได้ศึกษา อาจสรุปได้เป็นประเด็นสำคัญๆดังนี้ 1.ผู้บริหาร ต้องมีพันธะผูกพัน(Commitment) คือ ต้องมีความรับผิดชอบในคำพูด คำสัญญา การแสดงออก การกระทำ ต่อสิ่งที่ได้ทำไปหรือต่อบุคคลอื่น เช่น สัญญาว่าจะทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จภายในวันนี้ ผู้บริหาร ก็ต้องพยายามทำให้เสร็จถึงแม้จะทำถึง เที่ยงคืน ตี 1 ตี 2 หรือรุ่งเช้าก็ต้องทำ 2.ผู้บริหารที่ดี ต้องมีสติปัญญา และการตัดสินใจที่ถูกต้อง รวดเร็ว เด็ดขาด แน่นอน การตัดสินใจย่อมต้องมีการผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าผู้บริหาร กลัวการที่จะตัดสินใจลงไปแล้ว อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ องค์กร หน่วยงาน รวมถึงประเทศชาติ ก็ได้ถ้าผู้บริหารคนนั้นบริหารประเทศ สำหรับหลักการตัดสินใจที่ดี เราควรแสวงหาข้อมูลให้มากที่สุดในเรื่องที่เราต้องตัดสินใจแล้ว มองอย่างเป็นระบบ วิเคราะห์ข้อมูล หาสาเหตุของปัญหา แนวทางแก้ปัญหาและจึงตัดสินใจ เมื่อ ผู้บริหารตัดสินใจผิดพลาดก็ควรรับผิดชอบ 3.ผู้บริหารที่ดี ต้องสร้างความศรัทธา แก่ลูกน้อง ลูกค้า เจ้าของกิจการ รวมทั้งผู้พบเห็น ภาพพจน์(Image) ของผู้บริหารถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ การพัฒนาบุคลิกภาพ การพูดจา การแต่งกาย และการสร้างชื่อเสียง จึงเป็นส่วนสำคัญในเรื่องนี้ ทำอย่างไรให้คนเชื่อถือไว้วางใจ และเกิดการกระทำในสิ่งที่ผู้นำ จูงใจให้กระทำ 4.ผู้บริหาร ต้องเรียนรู้อย่างไม่หยุดหยั้ง เนื่องจากยุคปัจจุบันเป็นยุคแห่งการเรียนรู้ สิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ดังนั้นผู้บริหาร ต้องรู้จักเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไม่ว่าเทคโนโลยี การหาข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ใหม่ๆ ดังนั้นการไปดูงานต่างประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญทำให้เห็นสิ่งใหม่ๆแล้วกลับนำมาใช้ในองค์กร ในหน่วยงาน ในประเทศของตน 5.ผู้บริหารที่ดี มักจะเลือกงานที่ตัวเองทำแล้วสนุก อีกทั้งยังตรงกับเป้าหมายในชีวิต ความสามารถในตัวเอง การเลือกอาชีพในการทำงานจึงถือว่าสำคัญมากในการที่คนๆ นั้น จะประสบความสำเร็จในการเป็นผู้บริหาร ดังนั้น การเลือกงานที่ชอบจึงสำคัญกว่าเลือกงานเพราะมีเงินเดือนมาก หรือได้เงินตอบแทนมาก โดยที่ตนเองอาจไม่ชอบงานนั้นๆ 6.ผู้บริหารต้องทำงานโดยใช้วิธีที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ลักษณะงานการบริหารในปัจจุบันมีความแตกต่างจากงานบริหารในอดีต อาจกล่าวได้ว่ามีความแตกต่าง ดังนี้ 6.1.ผู้บริหารต้องทำงานหนัก เนื่องจากมีภาระความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น และต้องทำงานให้เสร็จ จึงทำให้ในแต่ละวัน ผู้บริหารต้องแก้ปัญหามากขึ้น มีความเครียดในการทำงานมากขึ้นกว่าผู้บริหารในอดีต 6.2.ผู้บริหารต้องมีความสามารถหลากหลาย เนื่องจากการทำงานในยุคปัจจุบันผู้บริหารต้องทำงานและทำกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การเจรจาต่อรอง งานด้านเอกสาร การเป็นประธานในงานต่างๆ การประชุม การกล่าวปราศรัยในงานต่างๆ 6.3.ผู้บริหารต้องทำงานร่วมกับสื่อมวลชนทุกประเภทมากขึ้น การบริหารองค์การในยุคปัจจุบัน มีการแข่งขันสูง ผู้บริหารจึงต้องเป็นนักการตลาด นักประชาสัมพันธ์ บางสถานการณ์จะต้องถูกสัมภาษณ์จากสื่อสารมวลชน 6.4.ผู้บริหารต้องทำงานเกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารมาก ในยุคปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร สรุปแล้วการเป็น ผู้บริหาร เป็นทั้งศาสตร์ที่สามารถเรียนกันได้ เป็นทั้งศิลป์ คือ นำมาประยุกต์ได้ โดยไม่จำกัดว่าเกิดในสถานะภาพใด ไม่ว่า ยากดี มีจน เป็นลูกมหาเศรษฐี ไม่ว่ายากดี มีจน คนเราก็สามารถเป็น ผู้บริหารที่ดีได้ ...
ดร.อภิชาติ ดำดี ที่อยู่ 29/6 หมู่บ้านชวนชื่นปิ่นเกล้าวงแหวน
ถ.กาญจนาภิเษก ต.ปลายบาง
อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 11130
โทรศัพท์ : 02-921-4592
โทรสาร : 02-921-4593
E-mail : apichatd@hotmail.com
Website : www.damdee.com
การศึกษา * ปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์บัณฑิต
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
* ปริญญาโท การจัดการภาครัฐและภาคเอกชนมหาบัณฑิต (เกียรตินิยม)
คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)
(งานวิจัยเรื่อง “ปัญหาและแนวทางที่เหมาะสมในการจัดตั้ง
องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ : ศึกษาเฉพาะกรณีองค์กร กสช.)
* ประกาศนียบัตรชั้นสูง หลักสูตร “การเมืองการการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง” รุ่นที่ 8 (ปปร.8) สถาบันพระปกเกล้า
(ได้รับรางวัลโล่พระราชทานเอกสารวิชาการส่วนบุคคลดีเด่น
เรื่อง “หลักพระพุทศาสนากับการส่งเสริมวิถีชีวิตประชาธิปไตย)
* ปริญญาเอก การพัฒนาและการปฏิรูปองค์การดุษฎีบัณฑิต
(DODT : Doctor of Organization Development & Transformation)
มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ซีบู (Cebu Doctors’ University, Philippines.)
(Dissertation : Organization Development Interventions on The Team
Performance of Officers at Krasaebon Sub-district Administrative Organization,
Rayong, Thailand.)
งานเขียน * “หลักพระพุทธศาสนากับการส่งเสริมวิถีชีวิตประชาธิปไตย”
(เอกสารวิชาการส่วนบุคคลดีเด่น สถาบันพระปกเกล้า)
* “แมนทูวูแมน” (รวมบทความ สำนักพิมพ์บุคแบงก์)
* “วาไรตี้ทอล์ค” (รวมบทความ สำนักพิมพ์บุคแบงก์)
* “ชีพจรลงปาก” (รวมบทความ สำนักพิมพ์อิ่มอักษร)
* “ทอล์คโชว์อันซีน” (ร่วมเขียนกับคณะวิทยากร สำนักพิมพ์ต่วยตูน)
* “ติดอาวุธนักบริหาร” (ร่วมเขียนกับคณะวิทยากร สำนักพุทธศิลป์สาส์น)
* ร่วมเขียนชุดวิชา “เสริมประสบการณ์ผู้นำชุมชน”
หลักสูตรประกาศนียบัตรสำหรับผู้นำชุมชน
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ประสบการณ์ * ตัวแทนเยาวชนประเทศไทย เข้าร่วมโครงการ “เรือเยาวชนอาเซียน”
ณ กลุ่มประเทศอาเซียนและญี่ปุ่น
* ตัวแทนเยาวชนพรรคการเมือง ศึกษาดูงานองค์กรเยาวชนพรรคการเมือง
ณ ประเทศสหพันธรัฐเยอรมัน
* ได้รับเหรียญ “นักศึกษาผู้ทำชื่อเสียงดีเด่น” มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
* ได้รับโล่ “ศิษย์เก่าผู้ทำคุณประโยชน์” มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
* ได้รับเข็มกลัดทองคำฝังเพชร “นักพูดดีเด่น” รายการ “ทีวี-วาที 9 ใหม่”
* ได้รับเกียรติบัตร “ศิษย์เก่าดีเด่น”
เนื่องในโอกาสมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครบรอบ 70 ปี
* สร้างสรรค์รายการโทรทัศน์ส่งเสริมความรู้สู่ชุมชนหลายรายการ ที่เป็นที่รู้จัก
อย่างกว้างขวางยาวนาน คือรายการ “ผู้ใหญ่บ้านดำดี” ช่อง 9 อสมท.
* วิทยากร สถาบันการศึกษา, หน่วยงาน, องค์การภาครัฐและภาคเอกชน
* กรรมการพัฒนาหลักสูตรประกาศนียบัตรสำหรับผู้นำชุมชน
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
* กรรมการจัดทำหลักสูตรวุฒิบัตรสำหรับผู้ช่วยและผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎร สถาบันพระปกเกล้า
* ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ประจำคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา
* ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
* กรรมการประชาสัมพันธ์ โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ รัฐสภา
* สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดกระบี่ ปี 2549
* สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ * จตุตถดิเรกคุณาภรณ์
...