หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
ปาฐกถาของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ปาฐกถาของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

เรื่อง “แนวคิดเรื่องสถาบันพัฒนาความรู้แห่งชาติ”

ในโอกาสเป็นประธานการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง

“มิติใหม่ : ระบบหนังสือสาธารณะ”

ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ

วันพุธที่ 19 มีนาคม 2546 เวลา 09.00 น



-------------------





รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ท่านปลัดกระทรวง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และท่านผู้มีเกียรติที่เคารพรักทุกท่าน

วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของประเทศที่เรามารวมกันที่นี่ เพื่อที่จะระดมความรู้และประสบการณ์เพื่อที่จะมาสร้างสถาบันพัฒนาความรู้แห่งชาติ และจะมาสร้างมิติใหม่แห่งการพัฒนาการอ่าน การรักการอ่าน การเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ให้แก่เยาวชนของเรา ในขณะที่ช่วง 3 เดือนนี้ เป็นช่วง 3 เดือนแห่งการประกาศสงครามกับยาเสพติด ซึ่งทำลายอนาคตและทำลายสมองเยาวชนของชาติ และในห้องนี้เรากำลังทำอีกมิติหนึ่งเพื่อที่จะสร้างเยาวชนของชาติที่ไม่ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดทั้งหลายให้อยู่ในสังคมนี้อย่างมีความสุข อยู่อย่างมีความรู้เพื่อเตรียมตัวเองให้เข้าสู่สังคมฐานความรู้ วันนี้ประเทศไทยมีจุดด้อยหลายเรื่องที่เราต้องแก้ แต่ที่แก้ไม่ได้ก็อาจจะเป็นเพราะว่าการเมืองไม่มีความต่อเนื่อง หรือการเมืองที่คิดถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป ( NEXT ELECTION ) มากกว่าคนรุ่นต่อไป ( NEXT GENERATION ) เพราะฉะนั้น วันนี้โอกาสที่การเมืองจะนึกถึง NEXT GENERATION โอกาสที่พวกเรากำลังถูกภัยที่ใกล้ตัวเข้ามาจี้ว่าสังคมไทยกำลังอันตราย เรากำลังจะเข้าสู่สังคมฐานความรู้ที่มีความรู้ในลักษณะท่องจำ ความรู้ในลักษณะที่บูรณาการไม่เป็น ความรู้สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะเรียนรู้ตลอดชีวิต ความรู้ที่คิดว่าเรียนจบปริญญาได้ใบประกาศนียบัตรมา 1 ใบ ตรี โท หรือเอกก็แล้วแต่ เป็นสิ่งที่การันตีชีวิตทั้งชีวิตแล้ว ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดและใช้ไม่ได้อีกแล้วในโลกยุคใหม่ โลกยุคใหม่เราต้องการคนซึ่งจบหรือไม่จบอะไรก็ได้ แต่ชีวิตต้องรักการเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองได้ตลอดชีวิต นั่นคือสิ่งที่สำคัญ คนที่จบแล้วไม่เรียน กับคนที่ไม่จบแล้วเรียนไม่เลิก ผมยังเลือกคนที่ไม่จบแต่เรียนตลอดชีวิตมากกว่า คนที่จบแล้วไม่เรียนต่อแล้วสำคัญตัวผิดคิดว่าตัวเองรู้มากแล้ว และไปครอบงำความคิดของคนอื่นนั้นอันตรายยิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น ซึ่งผมอยากจะเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่สร้างบรรยากาศแห่งการใฝ่รู้ใฝ่เรียนให้กับคนไทยทั้งชาติ

เรื่องอินเตอร์เน็ตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทำไมอินเตอร์เน็ตจึงมีปัญหากับเยาวชนไทยในระดับที่สูงกว่าระดับของเยาวชนในต่างประเทศ ก็เพราะเราสอนเยาวชนของเราไม่ให้ใฝ่เรียนรู้ บังคับให้เขาท่องจำ เขาจึงไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่รักการอ่าน อินเตอร์เน็ตเป็นสังคมที่ต้องรักการอ่านจึงจะเกิดประโยชน์ ถ้าสังคมไม่รักการอ่าน สังคมรักความสนุก ซึ่งคงไม่มีใครห้ามไม่ให้สิ่งที่ไม่ดีมาอยู่ในอินเตอร์เน็ตได้ทั้งหมด แต่แน่นอนว่าตัวเลือกของคนอยู่ที่วัฒนธรรมที่คนเหล่านั้นสั่งสมมา แต่ถูกสั่งสมวัฒนธรรมที่ผิดก็จะไปสู่สิ่งที่ผิด นี่คือสิ่งที่ผู้ใหญ่ในวันนี้ต้องตระหนักและเสียสละ ต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเอง ต้องปรับตัวเราเองให้เป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนจึงจะถ่ายทอดความใฝ่รู้ใฝ่เรียนนี้ไปให้เด็กได้ แต่ถ้าผู้ใหญ่ไม่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนเสียเองแล้วอย่าหวังว่าจะถ่ายทอดความใฝ่รู้ใฝ่เรียนให้กับเด็กได้ เด็กวันนี้ฉลาดมาก คำพูดของผู้ใหญ่ทุกคำเด็กนำไปวิเคราะห์ แต่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่มาจากใจของผู้ใหญ่ เด็กรู้ว่าใจของผู้ใหญ่คิดอย่างไร เพราะฉะนั้นการที่จะไปแนะนำเด็กในวันนี้นั้น ผู้ใหญ่จะต้องปรับตัวเองก่อน ต้องทุ่มเทหัวใจก่อนว่าวันนี้เราพร้อมหรือยังที่จะใฝ่เรียน ไม่มีอะไรที่จะสายเกินเรียน วันก่อนผมเห็นคนอายุ 60 กว่าปีไปเรียนอินเตอร์เน็ต ผมชื่นชมมากเพราะว่าในอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นห้องสมุดโลก มีอะไรอีกมากมายที่เราสามารถเข้าไปท่องและเรียนรู้และสนุกกับมัน ถ้าเมื่อไรที่เด็กอ่านหนังสือในลักษณะที่ไม่เห็นความสนุกของตัวหนังสือก็จบ แต่การที่จะให้เด็กสนุกกับการอ่านหนังสือ ตื่นเต้นกับเรื่องใหม่ๆนั้น เป็นสิ่งที่ต้องสร้างตั้งแต่โรงเรียน เพราะฉะนั้นก็ต้องย้อนกลับไปที่ระบบการศึกษาของไทย เด็กต้องท่องจำ ครูไม่สามารถที่จะสอนให้เด็กรู้ในห้องเรียนได้ เพราะขยักไว้สอนพิเศษบ้าง หรือว่าหลักสูตรเป็นหลักสูตรท่องจำบ้าง ซึ่งวันนี้เราได้ปฏิรูประบบการศึกษาแล้ว เราก็กำลังเปลี่ยน เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนตรงจุดนี้ต้องให้ความสนใจและต้องเปลี่ยนตลอดไป

ก่อนที่ผมจะมาพูดเรื่องห้องสมุด ห้องสมุดนั้นเป็นสิ่งที่ถ้าคนไม่รักการอ่าน มีห้องสมุดเท่าไรก็ไม่อ่าน เป็นเหมือนไก่กับไข่ มีห้องสมุดก่อนจึงจะรักการอ่าน หรือรักการอ่านก่อนแล้วจึงมีห้องสมุด ไม่ต้องเถียงกัน เพราะถ้าเถียงกันเมื่อไรก็ไม่จบ ในที่นี้ไม่มีใครตอบผมได้ว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ต้องไม่เถียงกัน ไก่มีหน้าที่ฟักไข่ก็ฟักต่อไปเรื่อยๆ ไข่มีหน้าที่เปลี่ยนเป็นไก่ก็เปลี่ยนเป็นไก่ มันก็จะมีทั้งไก่และไข่ตลอดไป นั่นก็คือเราจะต้องพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กให้เด็กเป็นคนรักการอ่าน ปรับปรุงหลักสูตรเพื่อให้หลักสูตรนั้นเป็นหลักสูตรที่เกิดความเข้าใจมากกว่าเกิดการท่องจำ แล้วต้องให้เด็กใช้เวลามากเกินความจำเป็นของชีวิตเด็ก เด็กต้องตื่นไปโรงเรียนตั้งแต่ตีห้าเพราะรถติด ไปถึงโรงเรียนเรียนหนังสือก็ง่วงนอน ครูก็สอนได้ไม่เต็มที่เพราะตอนเย็นต้องสอนพิเศษต่อ พอถึงเวลาก็ท่องๆแล้วก็ไปสอบ เรื่องอย่างนี้ถ้าไม่เลิกหรือเลิกไม่ได้แล้ว สิ่งที่เราฝันกันในวันนี้ที่จะทำห้องสมุดก็จะไม่เป็นจริง เราก็จะมีห้องสมุดที่ไม่มีคนอ่าน จะมีห้องสมุดที่เท่ๆ พอมีหนังสือก็ใส่เข้าไป เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องสร้างไปพร้อมๆกัน และที่แน่นอนห้องสมุดในวันนี้ต้องเริ่มต้นที่ผู้ใหญ่ต้องใช้ ผู้ใหญ่วันนี้ต้องพร้อมปรับตัวที่จะใช้ห้องสมุด

ตอนที่ผมเรียนหนังสืออยู่นั้น ทุนของ ก.พ. ที่ให้ไปก็น้อย แต่ผมต้องเก็บเงินถ่ายเอกสารเพราะว่าในวันนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ต อ่านก็ไม่ทันเพราะตื่นเต้น ตอนอยู่ประเทศไทยไม่ค่อยมีหนังสือให้อ่านขนาดนั้น ไปเห็นห้องสมุดของเขาเจอหนังสืออะไรก็น่าอ่าน จนอ่านไม่ทัน อ่านอยู่ในห้องสมุดพอถึงเวลาเขาก็ปิดแล้ว ก็ต้องถ่ายกลับไปอ่านที่หอพัก ตลอดชีวิตที่ผมเรียนมานั้น ผมถูกเรียนให้เข้าใจในห้องเรียนมากกว่าถูกเรียนเพราะต้องท่องจำ ผมเป็นคนที่ท่องหนังสือตอนสอบน้อยที่สุด แต่ระหว่างเรียนนั้นผมเข้าใจแล้วก็ทำการบ้านให้เพื่อนลอก ผมยังมั่นใจว่าการเรียนรู้ที่เข้าใจในห้องเรียนนั้นเป็นหัวใจสำคัญ และเมื่อเข้าใจแล้วก็อยากที่เข้าใจเพิ่มขึ้นอีก อันนี้ต้องสร้างหลักสูตรตั้งแต่ในวัยเด็ก ต้องปรับปรุงหลักสูตรในวัยเด็กให้ได้ ถ้าเราไม่ปรับปรุงแล้วเรายังคิดว่าจะต้องเรียนซ้ำซาก เรียนมากๆ ผมว่าผิด ใส่เข้าไปมากๆแล้วล้น ก็รับไม่ได้ ใส่ไปน้อยๆแต่รับได้ดีกว่า ใส่อะไรที่เป็นหลักคิดที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชน ท่านพุทธทาสได้พูดเอาไว้ว่าความรู้ทั้งโลกนั้นเปรียบเสมือนจำนวนใบไม้ที่มีอยู่ทั้งป่า นับเท่าไรก็ไม่ถ้วน มีจำนวนมาก แต่ความรู้ที่ใช้เป็นหลักในการดำรงชีวิตนั้นเปรียบเทียบได้กับจำนวนใบไม้เพียงกำมือเดียวเท่านั้น หลักมีแค่นั้น ถ้าเราไม่สอนหลักแล้วพยายามเอาใบไม้ทั้งป่ามาให้เด็กนับ ผลสุดท้ายเมื่อเด็กนับแล้วก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ถ้าสอนให้เด็กรู้ว่านี่เป็นไม้ประเภทไหน เป็นป่าประเภทไหน เมื่อเด็กรู้หลักแล้ว เด็กก็สามารถที่จะนำไปใช้ต่อไปได้ นี่คือสิ่งที่จะต้องขอย้อน

พูดไปถึงเรื่องของการสร้างเด็กรุ่นใหม่ ต้องทำคู่ขนานเหมือนไก่กับไข่ เราต้องให้ไข่ฟักเป็นไก่เราต้องให้ไก่ออกไข่ต่อไป แล้วมันจะไปคู่กัน และในที่สุดก็จะมีทั้งไก่และไข่ตลอดไป นั่นคือระบบส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การพัฒนาความรู้ที่ต้องให้มีการเรียนรู้ ต้องมีข้อมูลก็ต้องทำไป แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็ต้องสร้างเด็กให้ไปเจอกันให้ได้ ต้องทำไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราไม่ทำไปพร้อม ๆ กัน เราทำข้างใดข้างหนึ่ง หรือรอกัน ไม่ได้ แต่ระหว่างวันนี้ที่รอเด็กพัฒนาผู้ใหญ่ต้องใช้ห้องสมุด อย่าไปแปลกใจอะไรเลยถ้าสมมติว่ามีอธิบดีคนหนึ่งไปเข้าห้องสมุด แล้วไปนั่งอ่านหนังสือ ถ้าผมเห็นอย่างนั้นแล้วผมก็จะคิดว่ากระบวนการอยากเรียน อยากรู้ อยากพัฒนาตัวเองเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย หลายคนไม่อ่าน อ่านแต่หนังสือพิมพ์ แค่นั้นไม่พอ บทความไม่อ่าน มีผลการวิจัยต่างๆออกมาที่เกี่ยวข้องกับเรา เราจะได้รู้ว่าวันนี้ไปถึงไหนแล้ว เพราะพอมีคนทำวิจัยต่อเนื่องต่างๆเราจะได้รู้ นี่คือสิ่งที่ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นตัวอย่าง แล้วจึงจะสื่อกับเด็กด้วยภาษาใจได้ ถ้าสื่อกับเด็กโดยไม่มีภาษาใจ สื่อเพราะสั่งแล้วไม่มีทาง ต้องสื่อด้วยภาษาใจซึ่งผู้ใหญ่ต้องเริ่มปฏิบัติก่อน

วันนี้ผมดีใจกับเรื่องห้องสมุดของผม ผมอยากเห็นห้องสมุดชั้นดีที่ทุกคนอยากจะไป ผมบอกว่าเงินมี ให้ใครมาช่วยทำที ผมบอกมาเกือบสองปีแล้วไม่มีคนรับเลย นี่คืออีกหนึ่งธรรมชาติของสังคมไทย คือมีคนชอบฟังแต่ไม่มีคนชอบนำไปปฏิบัติ ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีคนที่จะอาสาเป็นเจ้าภาพ มีเรื่องอีกมากในประเทศไทยแต่ยังขาดเจ้าภาพ วันนี้ถ้ามีใครอาสา ถ้าเราขี้เกรงใจกันว่าจะเป็นเรื่องของหน่วยนั้นหน่วยนี้หรือเปล่า เดี๋ยวจะหาว่าเรายุ่งเกินไปหรือเปล่า ขอย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลนี้ต้องการเห็นเส้นแบ่งความเป็นเจ้าภาพอย่างชัดเจน แต่เส้นแบ่งอำนาจบังคับบัญชา เส้นแบ่งขององค์กรนั้นไม่จำเป็นต้องเข้ม กรณีที่มีการสร้างองค์กรที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความมีระเบียบ องค์กรนั้นจะต้องยอมรับระบบการรายงานไขว้ แต่ความรับผิดชอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งต้องมีเจ้าภาพที่ชัดเจน สังคมไทยเป็นสังคมที่ตรงกันข้าม คือ ความเป็นเจ้าภาพไม่ชัดเจน การแบ่งอำนาจการบังคับบัญชาเข้มมาก พื้นที่ของข้าใครอย่ายุ่ง แต่ว่าเรื่องนี้ถามว่าใครรับผิดชอบ เดินหาทั่วกระทรวงไม่เจอซักคน แม้แต่ปลัดกระทรวงยังไม่ใช่เจ้าภาพเลย แล้วจะเอาใครเป็นเจ้าภาพ ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยน เจ้าภาพต้องชัดเจน

วันนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับเป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม เท่าที่ผมดูคร่าวๆ นั้นเหมือนกับเราจะมีห้องสมุดหลายระดับ ห้องสมุดระดับหมู่บ้าน ห้องสมุดระดับโรงเรียน ห้องสมุดระดับอำเภอ ห้องสมุดระดับภูมิภาค ห้องสมุด กทม. ห้องสมุดระดับชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงวัฒนธรรมกับกระทรวงศึกษาฯ หรือหน่วยงานอื่นที่จะสร้างห้องสมุด ไม่ได้เป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่กระทรวงวัฒนธรรมนั้นดูแลหอสมุดแห่งชาติแน่นอน กระทรวงเทคโนโลยีฯก็จะใช้ระบบห้องสมุดที่มีการเชื่อมโยงกันได้ มี e-Library e-Book เพื่อที่จะได้ให้คนที่นั่งอยู่ในห้องสมุดเล็กๆแห่งหนึ่ง สามารถที่จะได้อ่านหนังสือจากห้องสมุดใหญ่ๆผ่านอินเตอร์เน็ตได้ และถ้าผมเข้าใจไม่ผิดก็คืออยากทำอย่างนั้น วันนี้ประเทศไทยต้องเรียนลัดไม่มีเวลามานั่งเพาะเมล็ดทีละเมล็ด ต้องขุดต้นไม้ใหญ่ๆจากป่ามา เก็บรากให้ดี ย้ายมาปลูกกลางเมืองก็ต้องทำ ไม่มีเวลาแล้ว เพราะโลกไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เราช้ากว่าเขามากๆแล้ว วันนี้ต้องเรียนลัดและเรียนเร็ว วันนี้เรามีประชากร 63 ล้านคน เราต้องใช้ความเร็วในการแข่งขัน ความเร็วในวันนี้ คนเป็นสิ่งสำคัญ มีรัฐมนตรีหลายคนจะตั้งคนเข้าไปทำงานก็มาถามผมว่ามีใครไหม ช่วยเสนอหน่อย เขานึกไม่ออก หายากมาก วันนี้หาคนที่เราคิดว่ามีความไว้วางใจและความเชื่อมั่นได้ยากมาก วันนี้หลายองค์กรยังมีตำแหน่งว่างอยู่ ไม่รู้จะตั้งใคร นี่คือปัญหา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผมชอบนะ ผมทุกข์มาก เพราะฉะนั้นวันนี้ผมต้องการคนที่กล้าอาสา ผู้ใหญ่วันนี้ต้องเลิกเกรงใจ ต้องกล้าเป็นเจ้าภาพ ผิดถูกไม่เป็นไร ไม่มีคนที่ทำงานแล้วไม่มีผิด อยากถูกตลอดไปก็ไม่ต้องทำอะไรเลย คือไม่มีโอกาสผิดนั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้าคนทำงานแล้วอย่าไปกลัวผิด สำคัญว่าเราต้องมีหัวใจให้ชาติ มีหัวใจให้สังคมส่วนรวม ไม่ต้องไปกลัวอะไร แล้วงานราชการ งานสาธารณะนั้นให้เข้าใจว่ามันเป็นงานที่ไม่มีคำว่าขอบคุณหรอก ให้ใจเรามันบอกกับเราดีกว่าว่าได้ทำงานให้กับชาติบ้านเมืองแล้วอย่างเต็มที่ ขอให้หน่วยงาน ขอให้ประชาชนทุกคน ข้าราชการทุกคน ที่เกี่ยวข้องมาช่วยกัน

มีคำที่ท่านพุทธทาสได้เขียนไว้ในหนังสือของท่านคำหนึ่งว่า ถ้าจะให้ท่านสร้างพระนั้นท่านทำไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ท่านสร้างหนังสือ สร้างตัวหนังสือแล้ว ท่านเลือกที่จะสร้างตัวหนังสือดีกว่า เพราะมันให้ปัญญาคน และพระนั้นมีมากแล้ว นั่นคือหนังสือของท่านพุทธทาส เพราะฉะนั้นผมคิดว่าการให้ปัญญากับเยาวชนของชาติและให้ปัญญากับสังคมของไทยเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราในวันนี้ที่หลายคนอุตส่าห์ไปเรียนรู้มา ทั้งในประเทศบ้าง ต่างประเทศบ้าง ขอให้ความรู้ที่ยังเหลืออยู่ในตัวเราวันนี้ทิ้งไว้ให้กับสังคม ถ่ายทอดออกมาให้กับสังคม จะมากจะน้อยไม่เป็นไร ถ่ายทอดออกมาให้เต็มที่ แล้วเราก็พัฒนาตัวเราต่อไป และระหว่างที่เรากำลังพัฒนาตัวเองอยู่นั้นก็จะได้ถ่ายทอดต่อ อย่าลืมว่าวันนี้คนที่จบปริญญาตรีมาแล้วไม่ได้เรียนหนังสือต่อเลยทั้งชีวิตนั้น ผมเชื่อว่าท่านเหลืออยู่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ 10 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังเป็นประโยชน์ ขอให้คายออกมาให้สังคม แล้วถ้าท่านเอาฐาน 10 เปอร์เซ็นต์ ของท่านไปพัฒนาต่อ ท่านอาจจะขึ้นมาเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ แล้วถ้าท่านมีโอกาสได้คาย ทั้ง 50 เปอร์เซ็นต์ ให้กับสังคม ก็ควรจะภูมิใจได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เราต้องมาช่วยกัน แต่อย่าใช้ความรู้สึกของตัวเองคายให้กับสังคม อย่าเขียนหนังสือบนความรู้สึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือทางด้านสังคมศาสตร์ต่างๆ หลายคนได้เอาความเป็นดอกเตอร์ของตัวเองมาพูด แต่ที่พูดนั้นไม่ได้พูดแบบเอาความรู้ของดอกเตอร์มาใช้ เอาอารมณ์ของตัวเองที่มีวุฒิดอกเตอร์มาพูด แล้วให้คนมองว่าพูดแบบดอกเตอร์พูด สังคมก็เลยเข้าใจผิดคิดว่านี่คือดอกเตอร์พูด ที่จริงแล้วเป็นอารมณ์ของคนพูดที่ทิ้งดอกเตอร์ไปไว้ไหนก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น วันนี้ถ้าหากเราช่วยกันนำความรู้ที่มีอยู่ มาช่วยกันคิดและถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมา แล้วก็ไปช่วยกันหาหนังสือ ช่วยกันวางระบบของห้องสมุด วางไว้ที่โรงเรียน ที่ชุมชนหรือที่ไหนก็ตาม คนละไม้คนละมือ ส่วนรัฐบาลนั้นก็พร้อมที่จะสนับสนุนในทุกมิติเพื่อให้เกิดการส่งเสริมความรู้ในการเรียนรู้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบ แต่ห้องสมุดนั้นถ้าท่านเห็นในประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีห้องสมุดใหม่ 60,000 ตารางเมตร และก็มีทูตส่งไปเชิญคนมาใช้ห้องสมุด มาเรียนรู้ เพราะเขาต้องการเห็นคนเรียนรู้

หนังสือทุกเล่มมีคุณค่า แต่อ่านแล้วอย่าเชื่อทั้งหมด พระพุทธเจ้าทรงพูดถึง การามสูตร อย่าไปเชื่อเพราะปราชญ์พูด อย่าไปเชื่อเพราะคนนั้นคนนี้พูด แต่ต้องเชื่อจากการเรียนรู้ ถ้าเราไปหลงเชื่อตามเขาง่ายๆ เราก็จะไม่รู้จริง ถ้าอยากจะรู้จริงก็ต้องอ่านหนังสือหลายๆเล่ม หลายเล่มเป็นเรื่องดี แต่หนังสือทุกเล่มมีความดีของตัวเองอยู่ แต่ว่าต้องอ่านมากๆ แล้วเราจะรู้ และต้องคอยตรวจสอบ แม้กระทั่งสิ่งที่เราเรียนซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นศาสตร์ที่ถูกต้อง เมื่อวิวัฒนาการเปลี่ยนไปสิ่งที่เคยถูกต้องในอดีตก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถูกต้องในอนาคต ถ้าท่านเห็นคนที่ดีรับรางวัลโนเบล ไพรซ์ สาขาเศรษฐศาสตร์ในปีที่ผ่านมา ก็จะชัดเจนว่ารางวัลโนเบล ไพรซ์ ได้ถูกจัดแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งมอบให้กับนักเศรษฐศาสตร์ อีกส่วนหนึ่งมอบให้กับนักจิตวิทยา เพราะนักจิตวิทยานั้นได้นำเอาระบบ experimental design เข้าไปใส่แล้วทำการวิจัย พบว่าการตัดสินใจในเชิงอุปสงค์ อุปทาน นั้นไม่สมเหตุสมผล แต่นักเศรษฐศาสตร์บอกว่าการตัดสินใจบนพื้นฐานเพื่ออุปสงค์ อุปทาน นั้นเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุ สมผล เห็นไหม เมื่อเหตุการณ์ต่างๆเปลี่ยนไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ถ้าท่านอ่านหนังสือเก่าๆ เล่มหนึ่งของ บิล เกตต์ เรื่อง THE ROAD AHEAD เขาก็พูดบอกว่าถนนที่ลากจากอดีตมาถึงปัจจุบันนั้น อยู่คนละระนาบกับถนนที่ลากจากปัจจุบันไปสู่อนาคต แต่ถ้าเป็นทฤษฎีสมัยเก่าแล้วเราก็จะลากเส้นจากอดีตมาถึงปัจจุบันแล้วก็ทำนายอนาคต ซึ่งทำนายผิดหมด เพราะส่วนประกอบของการเป็นอนาคตจากปัจจุบันนั้น กับส่วนประกอบที่เป็นปัจจุบันจากอดีตนั้น เป็นคนละส่วนประกอบ เพราะโลกได้เปลี่ยนไปอย่างแรง เพราะฉะนั้นการอ่านหนังสือจึงเป็นการอ่านที่ต้องอ่านมากๆแล้วเปรียบเทียบ อย่าท่องจำ อ่านแล้วทำความเข้าใจ เข้าใจหลักคิด เข้าใจวิธีคิด เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่ในวันนี้ต้องอ่าน อ่านแล้วถ่ายทอด แล้วต้องถ่ายทอดอย่างมีความสนุก เล่าให้ฟังอย่างมีความรู้ เล่าให้ฟังอย่างสนุกแล้วเด็กจึงจะเกิดความสนุก ความสนุกที่สร้างสรรค์นั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากเลย แต่สำคัญว่าท่านทั้งหลายต้องเอาจิตวิญญาณใส่กับมันให้ได้ ถ้าท่านไม่มีจิตวิญญาณที่จะไปอ่านหนังสือ ไม่ชอบอ่าน ก็ไม่มีทาง ต้องทนฝืน ถ้ายังไม่ชอบในตอนแรกก็อ่านอะไรก็ได้ที่ท่านคิดว่าจะชอบ แล้วจากนั้นก็ค่อยอ่านในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบแต่อยากรู้ แล้วต่อมาตอนหลังท่านก็จะชอบเอง ผมเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านนิยาย จะให้ผมนั่งดูละครกับลูกผมนั่งดูได้ แต่จะให้ผมอ่านหนังสือนิยายแล้วผมไม่เคยอ่าน ถ้าจะอ่านก็อ่านพวกนิยายวิทยาศาสตร์นิดหน่อย แต่ก็ไม่มาก แต่จะชอบอ่านพวกที่เป็นตำรา หรือกึ่งไปทางตำรา พวกผลการวิจัยต่างๆ ผมชอบและอ่านได้สนุก เพราะฉะนั้นคนที่อ่านพวกนี้ไม่สนุกก็ต้องไปอ่านพวกนิยาย

วันนี้ที่ท่านได้มารวมกันเพื่อที่จะสร้างสถาบันพัฒนาความรู้ของชาติ ผมก็ขอขอบคุณ เพราะอย่างน้อยๆ จุดเริ่มต้นก็เกิดแล้ว เป็นวันเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์ของอนาคตลูกหลานเราที่ดี และผมพร้อมที่จะสนับสนุนในทุกๆด้าน เราเสียเงินในเรื่องโง่ๆ ไปมากแล้ว ถ้าเราจะเสียเงินในเรื่องที่จะสร้างความฉลาดให้กับสังคมบ้าง ผมว่าคุ้ม เราอุตส่าห์ทำอะไรโง่ๆ มากแล้ว ขุดคลองโง่ๆก็ทำมาแล้ว วันนี้เรามาทำเรื่องฉลาดๆ บ้าง จะเสียเงินบ้างก็ไม่ต้องกลัวคนว่า แล้วผมพร้อมที่จะปะทะ ใครจะว่าก็ว่าถ้าผมจะสร้างปัญญาให้กับสังคม เพราะฉะนั้น วันนี้ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายคิดว่ามีอะไรที่เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาดีๆให้มองทั้งระบบ แต่อย่าทิ้งอย่าขว้าง เรายังไม่ร่ำรวย เราต้องประหยัด สร้างแล้วต้องมีคนใช้ตลอดเวลา สมมติว่าสร้างถนนขึ้นมาถนนหนึ่งแล้วไม่มีใครใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่ถ้าสร้างถนนขึ้นมาแล้วมีรถมาใช้มาก สามารถระบายการจราจรได้ ทำให้เศรษฐกิจดี อย่างนั้นภูมิใจได้ เหมือนกันกับห้องสมุดที่ท่านจะสร้าง ท่านต้องสร้างแล้วให้คนมาใช้ให้ได้ ถ้าท่านจะสร้างห้องสมุดแบบใหม่มีระบบ e-Library e-Book หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะสามารถทำให้เด็กไทย รวมถึงผู้ใหญ่ไทยในปัจจุบันได้เข้าไปสู่การเรียนรู้ และรักการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้นั้น ท่านสร้างมาเลย บรรยากาศจะมีอะไรบ้าง จะมีระบบอะไรบ้าง ทันสมัยขนาดไหน ถ้าท่านทำอย่างนั้นจะต้องใช้เงินเท่าไร ผมยินดีสนับสนุน ขอให้บอกผมมาเลย วันนี้มีเรื่องให้ทำมากมาย ถ้าเมื่อไรมีเจ้าภาพและเป็นเจ้าภาพที่ทุ่มเทใจให้กับงานนั้นผมจะขอบคุณมาก แล้วผมพร้อมที่จะสนับสนุน

วันนี้ผมก็ต้องขอขอบคุณกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ขอขอบคุณทุกท่าน รวมทั้งภาคเอกชนด้วย อันนี้เป็นความรู้สึกในใจลึกๆจริงๆ บางทีผมเห็นเยาวชนนั่งดูหนังสือ เข้าห้องสมุดอ่านหนังสือแล้วผมมีความสุข ผมชอบ ผมอยากเห็น เวลาลูกผมเข้าอินเตอร์เน็ตไปดูหนังสือต่างๆ ผมเข้าไปให้กำลังใจเขา เพราะผมมีความรู้สึกว่ายังมีเรื่องให้เราได้เรียนรู้ตลอดไป ตราบใดที่เรายังคิดว่าเรายังต้องอยู่ในองค์กร อยู่ในประเทศ ก็จะต้องตื่นตัวและเรียนรู้ตลอด แต่ถ้าเมื่อไรไม่เรียน ปัญญาจมอยู่กับเรื่องว่ากันไปว่ากันมาแล้ว ผมว่าประเทศไปไม่รอด เพราะฉะนั้นผมขอให้ท่านทั้งหลายสร้างมิติใหม่ ขอขอบคุณ หวังว่าการสัมมนาในวันนี้คงจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง ขอบคุณครับ



----------------------
...
  
อ.วันชัย สอนศิริ
8
...
  
วีรวัฒน์ กนกนุเคราะห์
วีรวัฒน์ กนกนุเคราะห์ เป็นชาวราศีพิจิก วันเดือนปีเกิดคือมีความอัศจรรย์ในความบังเอิญที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขแฝงอยู่

เรียนหนังสือจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนศรีวิกรม์ด้วยทุนของ โรงเรียน มี “แวว” เป็น “ครู” และเป็น “นักเขียน” ตั้งแต่เด็ก ชอบเกณฑ์เพื่อนเด็กแถวบ้านกับหมา แมว อีก 3-4 ตัวมานั่งเรียนเป็นนักเรียนมีลงโทษเพื่อนที่ไม่ตั้งใจเรียนโดยให้ยืนขาเดียว และคาบไม้บรรทัดไว้ในปากอีกต่างหาก

ประมาณประถมศึกษาปีที่ 6 ส่ง “เรื่องสั้น” และ “แต่งเรื่องจากภาพ” ไปลงที่สตรีสารภาคพิเศษ เรื่องได้รับการตีพิมพ์เป็นที่ฮือฮากันทั้งห้อง เพราะมีชื่อตัวเองและชื่อโรงเรียน พร้อมผลงานปรากฏอยู่ เจ้าตัวก็เลยยิ้มหน้าบาน ตั้งแต่เช้าจนดึก จำได้ว่าตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับ ได้หนังสือเรื่อง “เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก เล่ม 1 และ 2” ของ “ทิพย์วาณี สนิทวงศ์ฯ” เป็นรางวัล เรื่องสั้นเรื่องแรกในชีวิตคือเรื่อง “สวนทาง”

รับทุนการศึกษาพิเศษ “พสวท.” สำหรับการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาชีววิทยา จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากนั้นได้รับทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาโทจากมูลนิธิศาสตราจารย์ ดร.แถบ นีละนิธิ และทุนวิจัยพิเศษจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ จนจบหลักสูตรปริญญาโท สาขาจุลชีววิทยาอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมื่อเรียนหนังสือจบ แม่บังคับให้ “หา” งาน “ประจำ” ทำ จึงสอบข้อเขียน และสอบสัมภาษณ์ผ่านเข้าบรรจุเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยกรุงเทพ บรรจุตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 ตอนแรกกะว่าจะอยู่สอน เอาใจ “แม่” สักสองปีคงเพียงพอแล้ว ตั้งเป้าไว้ว่าจะ “ลาออก” มาเป็น “นักเขียนอาชีพ” และนักประพันธ์ “หญ่าย”

แล้วด้วยบุญหรือกรรมอะไรก็ไม่ทราบ สามารถ “อึด” ทนเป็นลูกจ้างประจำมาได้ถึง 17 ปีเต็ม (ทำเรื่องลาออกเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2550 แต่มีผลเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2551) รู้สึกว่าเวลาในบทบาท “ครู” ช่างรวดเร็วเหลือเกิน ยิ่งกว่า “ติดปีกบิน” เสียอีก (แสดงว่ามีความสุข)

ตอนเป็นอาจารย์ประจำ ทำหน้าที่หลักคือ สอนหนังสือ บริการให้ความรู้ในวิชามนุษย์กับสภาพแวดล้อม (ซึ่งเป็นวิชาศึกษาทั่วไป) แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 1-4 ในหลายคณะ อาทิ นิเทศศาสตร์ วิทยาศาสตร์ บัญชี บริหารธุรกิจ ศิลปกรรมศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เป็นต้น

ลาออกจากลูกจ้างประจำด้วยหลายสาเหตุรวมกัน ใช้เวลาในการตัดสินใจลาออกเพียงคืนเดียว

เป็นคนสอนหนังสือสนุกสนาน บรรยาย “ยาก” ให้กลายเป็น “ง่าย” เพียบทั้งสาระ คติธรรม และเฮฮา เพื่อให้ลูกศิษย์มีความสุขและเกิดความเข้าใจในขณะเข้าฟังคำบรรยาย ลูกศิษย์จะได้มีความรู้เต็มที่ “คิด” มากกว่า “ท่องจำ”

ด้วยเหตุนี้เองจึงได้รับการโหวตให้เป็น “คุณครูในดวงใจ” มาโดยต่อเนื่อง

นับเวลาการทำงานประจำแล้วจะว่าสั้นก็สั้น แต่จะว่ายาวก็ใช่ 17 ปีนานไม่ใช่น้อย (คิดแล้วก็งงตัวเองอยู่เหมือนกัน ไม่รู้อยู่มานานขนาดนี้ได้ยังไง)

ปัจจุบันลาออกมาเพื่อยึดอาชีพ “นักประพันธ์” เป็นหลัก เป็นนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ และแฟนตาซีที่ทำต้นฉบับด้วยดินสอ 2B

ประสบการณ์การเขียนหนังสือ รวมเวลา23 ปี (พ.ศ. 2551) มีผลงานวรรณกรรมทุกประเภท ตั้งแต่บทความ บทความเชิงวิชาการ รวมเรื่องสั้น ตำราวิชาการ (10 เล่ม) สารคดี ปกิณกะ หัสคดี ท่องเที่ยว นิยายชุด นิยายวิทยาศาสตร์ นิยายแฟนตาซี และการ์ตูนวิทยาศาสตร์ รวมทั้งหมด 98 เล่ม (พ.ศ. 2551) มีบทความและบทความทางวิชาการมากกว่า 2,000 เรื่อง งานวิจัยทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพตีพิมพ์แล้ว 11 เรื่อง (อยู่ระหว่างทำวิจัย 2 เรื่อง) เดินทางท่องโลกมาแล้ว 94 ประเทศ

งานมาสเตอร์พีซ คือ เด็กหลอดแก้ว, พิจิก, ดีเอ็นเอ, เร้นพลบ, กลมนุสส์, คมสังหรณ์, ซากดอกไม้ และด้ายสีม่วง

ผลงานที่เคยได้รับรางวัลอาทิ พิจิก, รังสีมรณะ, สะพานเชื่อมฝัน, การ์ตูนชุด “โลกอนาคต” 4 เล่มชุด

นิยายวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 88 เล่มหนังสือดีวิทยาศาสตร์ คือ ดีเอ็นเอ

ผลงานล่าสุดที่กำลังจะวางตลาดคือ “ห่วงจำแลง”

อาชีพปัจจุบันคือ “นักเขียนอาชีพ” นักวิจัย นักวิชาการอิสระ วิทยากร อาจารย์พิเศษ และมีอีก 2 งานที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ตอนนี้ (เหตุผลส่วนตัว)

งานเขียนที่กำลังทำอยู่ขณะนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับดนตรีแจ๊ส ใน 2 เวอร์ชัน คือ ความเรียง และนวนิยาย (ไม่นานเกินรอ)

งานวิจัยที่กำลังทำร่วมกับนักวิชาการอื่น คือ “การค้นหาตัวยาใหม่เพื่อใช้ต่อต้านและกำจัดเซลล์มะเร็ง ในระบบทางเดินอาหาร”

ชีวิตโดยรวมมีความสุขดีตามอัตภาพ






นามปากกาที่เคยใช้

ครองแครงกรอบ, เฉียดเฉิดโฉม, ผักกาดหอม, ต้อยติ่ง, ปรัศนีย์, พุทธิมาศ,
กนกวัฒน์ รวีธาร

การศึกษา

วิทยาศาสตรบัณฑิต (ชีววิทยา) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2531
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (จุลชีววิทยาอุตสาหกรรม) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2533

การทำงาน

อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (2534 - 2551)

ได้รับอนุญาตให้แต่งตั้งเป็นอาจารย์ เมื่อวันที่ 29 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2534
ได้รับอนุญาตให้แต่งตั้งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ เมื่อวันที่ 31 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2539
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ 2547
เบญจมดิเรกคุณาภรณ์ 2542

งานสอน

วท.201 มนุษย์กับสภาพแวดล้อม
ระดับ ปริญญาตรี ภาคการศึกษาที่ 1 ภาคการศึกษาที่ 2 และภาคฤดูร้อน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2534 - ปัจจุบัน

งานบริการทางวิชาการ

* เขียน บทความเพื่อเผยแพร่ความรู้วิทยาศาสตร์ แก่ประชาชน ในนิตยสารทั่วไป และวารสารทางวิชาการหลากหลายฉบับนับตั้งแต่ปี 2531 ถึงปัจจุบัน
* เขียนบทความเพื่อเผยแพร่ออกอากาศสำหรับรายการวิทยุ คลื่นสไมล์เรดิโอ
สถานีวิทยุยานเกราะ /สถานีวิทยุจุฬา /สถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือ

งานบริการด้านอื่น

1. เป็นสมาชิก "สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์"
2. เป็นสมาชิก "นักวิจัยแห่งชาติ" สังกัดสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ทำงานวิจัยทางเทคโนโลยีชีวภาพ เฉลี่ยปีละ 1 เรื่อง
3. เขียนบทละครเวทีสร้างสรรค์เพื่อเผยแพร่แก่เด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาสในโครงการ "ละครเวทีสัญจร" เฉลี่ยปีละ 3 เรื่อง
4. รับเชิญบรรยาย ในฐานะวิทยากรและอาจารย์พิเศษ เฉลี่ยปีละ 10-12 คาบ ในหัวข้อเรื่อง ดังนี้
* ไวรัสวิทยา
* การจัดหมวดหมู่แบคทีเรีย
* ราวิทยา
* กลวิธีการเขียนเรื่องสั้น และนิยายวิทยาศาสตร์
* การตั้งรับและอยู่รอดบนโลกหลังปี 2000
* ความเชื่อและความเข้าใจพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ในชุมชนขนาดเล็ก
* ฯลฯ
5. เป็นกรรมการบริหาร "ชมรมนักเขียนและผู้จัดทำหนังสือวิทยาศาสตร์"
6. เป็นสมาชิก "สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย" ในพระบรมราชูปถัมภ์
7. เป็นสมาชิก “สมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย”
8. เป็นกรรมการตัดสินการประกวดนิยายวิทยาศาสตร์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เนชันบุคส์ และ บริษัท ดูปองท์ จำักัด
9. เป็นอาจารย์ที่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์ระดับมหาบัณฑิตของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง
10. เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาไวรัสวิทยา พิษวิทยา และ พันธุศาสตร์ของเชื้อรา สังกัดสภาวิจัยแห่งชาติ
ฯลฯ

สถาบันที่รับเชิญ

* ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร)
* คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
* คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
* โรงเรียนรวมเหล่า โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ฯลฯ

งานวิจัย

1. การเพิ่มจำนวนวีเอไมคอไรซา ในถั่วเหลืองพันธุ์ สจ.5 2534
2. การเพิ่มผลผลิตของเห็ดฟางด้วยวิธีรวมโปรโตพลาสต์ 2535
3. การสร้างสายพันธุ์ใหม่ของเห็ดลูกผสมด้วยวิธีพันธุวิศวกรรมศาสตร์ 2536
4. Mushroom Productivity from Fusant Intraspecies of Volvariella volvacea 2537
5. แนวโน้มการเพิ่มผลผลิตของสัตว์น้ำบริเวณถิ่นที่อยู่น้ำกร่อยในประเทศไทย 2539-2540
6. ความ หลากหลายทางชีวภาพในบริเวณลุ่มแม่น้ำเหือง อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ที่มีผลออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียกลุ่มก่อโรคในระบบทางเดินอาหาร 2543-2547
7. Cognitive Neuroscience 2548
8. ชีวจริยธรรมกับสังคมไทย 2548-ปัจจุบัน

รางวัล

* ราย ชื่อหนังสือที่ได้รับรางวัลจากงานประกวดหนังสือแห่งชาติและสำนักงานเยาวชน แห่งชาิติ มีดังนี้คือ พิจิก,รังสีมรณะ,สะพานเชื่อมฝัน,DNA และการ์ตูนชุดโลกอนาคต ฯ
* หนังสือชื่อ DNA ได้รับการประกาศเป็นหนังสือหนึ่งใน 88 เล่ม โครงการหนังสือวิทยาศาสตร์ดีเด่น วิจัยโดย สกว.

...
  
การเขียน 1
เป็นหนังสือสำหรับเด็กมัธยมปลาย 4-6 ช่วงที่ 2
ราคาไม่แพงครับ แค่ 78 บาท เป็นกลุ่มเรียนรู้สาระภาษาไทย ... (เล่มนี้เป็น เล่มที่ 1 ครับ มีสองเล่มเกี่ยวกับการเขียน) ...
  
เทคนิคการพูด
8
...
  
เทคนิคการนำเสนอ : 002
8
...
  
ครูเคทบรรยาย 8/11
8
...
  
อุดมการณ์ชีวิต
8
...
  

8
...
  
คุณภาพชีวิตการทำงาน
คุณภาพชีวิตการทำงาน

ผจญ เฉลิมสาร

การทำงานมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง อาจกล่าวได้ว่าการทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ปฏิบัติมากกว่ากิจกรรมใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมอุตสาหกรรม คาดกันว่ามนุษย์ได้ใช้เวลาถึงหนึ่งในสามของชีวิตเป็นอย่างน้อยอยู่ในโรงงานหรือสำนักงาน และยังเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ มนุษย์จำเป็นต้องใช้เวลาของชีวิตเกี่ยวข้องกับการทำงานเพิ่มขึ้นไปอีก
การทำงานเป็นสิ่งที่ให้ประสบการณ์ที่มีคุณค่าต่อชีวิตมนุษย์ เพราะเป็นโอกาสที่ทำให้เกิดการ พบปะสังสรรค์ระหว่างผู้ใช้แรงงานกับบุคคลอื่น ๆ กับสถานที่ กับขั้นตอนและเรื่องราวต่างๆ ตลอดจนความคิดเห็นทั้งหลายจากผู้เกี่ยวข้อง ดังนั้นการทำงานจึงเป็นการเปิดโอกาสให้แสดงออกถึงเชาว์ ปัญญา ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ อันจะนำมาซึ่งเกียรติภูมิและความพึงพอใจในชีวิต
ในขณะที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ภาวะของความเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (NICS) เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีคนเป็นจำนวนมากเข้ามาใช้เวลาของชีวิตเกี่ยวข้องกับการทำงานในภาค อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นในทุกระดับของการจ้างแรงงาน และถ้าหากว่าเวลาส่วนมากของชีวิตในการทำงานนี้ มนุษย์ได้อยู่กับสิ่งที่ตนเองพอใจ ก็จะช่วยให้มีสภาพจิตใจและอารมณ์ที่จะส่งเสริมให้เกิดสภาพการทำงานที่ดี ซึ่งย่อมถือได้ว่ามีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ดี และจะส่งผลต่อชีวิตโดยส่วนรวมของบุคคลผู้นั้นให้เป็นสุข ซึ่งแสดงถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย อันเป็นเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาประเทศด้านการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์
ภาคอุตสาหกรรมนับเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศและจะทวีความสำคัญเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถพิจารณาได้จากโครงสร้างของภาคอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป คือ ส่วนแบ่งของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรมได้เพิ่มขึ้นทุกปี และจำนวนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อไป ประกอบกับภาครัฐบาลได้ให้ความสำคัญ และสนับสนุนมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 6 และ 7 ซึ่งได้กำหนดแผนพัฒนาอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับแนวทางการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ในภาวะเช่นนี้ลักษณะของอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมการผลิตขนาดเล็ก หรือขนาดย่อม คือมีถึง 90-95% จะต้องมีการเติบโตขึ้นเป็นอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่ตามลำดับ
ประเทศไทยเราได้เริ่มต้นพัฒนาประเทศอย่างจริงจังตามแนวทางนี้โดยมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจ แห่งชาติที่ประกาศใช้ในปี 2504 เป็นแนวทาง ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากประเทศเกษตรกรรมไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม และภาคอุตสาหกรรมได้ทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นตลอดมาเมื่อเปรียบเทียบกับภาคการเกษตร โดยดูได้จากสัดส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจาก 12.0% ในปี 2509 เป็น 25.56% ในปี 2534 ขณะที่สัดส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่เกิดจากภาคการเกษตรกลับลดลงจากเดิม 35.1% มาเป็น 14.67% ในช่วงเวลาเดียวกัน
การเพิ่มสูงขึ้นของสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเช่นนี้ ได้ส่งผลต่อความต้องการ หรืออุปสงค์ด้านแรงงานเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ดังจะเห็นได้ว่าสัดส่วนการจ้างงานในภาคการเกษตร ในปี 2524 และสัดส่วนการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจาก 7.54% มาเป็น 13.17% ในช่วงเวลาเดียวกัน และสัดส่วนการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นต่อไป
จากสัดส่วนการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน แสดงถึงแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีกในอนาคตในทุกสาขาอุตสาหกรรมมีการเพิ่มขึ้นของการจ้างแรงงานในทุกระดับของการจ้างแรงงาน ในองค์การของภาคอุตสาหกรรม และในวงการอุตสาหกรรมถือว่าคนเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ซึ่งจะมีผลทำให้ อุตสาหกรรมนั้นได้รับการพัฒนามากหรือน้อย เพราะการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยความหมายที่แท้จริงแล้วนั้นมิได้หมายความถึงการเปลี่ยนแปลงในด้านการนำเอาความรู้ใหม่ ๆ ทางเทคโนโลยีมา ใช้เพื่อให้ได้ผลผลิตให้มากที่สุดเท่านั้น แต่ยังหมายความรวมไปถึงการพัฒนาตัวบุคคลที่ทำงานเกี่ยวข้องในงานอุตสาหกรรมซึ่งเป็นการพัฒนาให้บุคคลเหล่านี้รู้จักที่จะปรับตัวให้เข้ากับชีวิตการทำงาน และสภาพแวดล้อมการทำงานได้อย่างมีความสุข เพื่อที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตการทำงานไป ในทางที่ดีขึ้น ซึ่งก็คือการมุ่งไปสู่สิ่งที่เรียกว่า การมีคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดีนั่นเอง

คุณภาพชีวิตการทำงาน คืออะไร
คุณภาพชีวิตการทำงาน (Quality of Working Life) เป็นองค์ประกอบหรือเป็นมิติหนึ่งที่สำคัญ ของคุณภาพชีวิต (Quality of Life) นั่นเอง แนวความคิดเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตการทำงานได้กำเนิดและ แพร่หลายในประเทศอุตสาหกรรม หากกล่าวถึงความหมายของคำว่า คุณภาพชีวิตการทำงานแล้ว เราจะพบว่า มีผู้รู้ นักวิชาการ หรือผู้เกี่ยวข้องได้ให้ความหมาย หรือคำนิยามไว้น่าสนใจหลายประเด็น คือ

1. เป็นการสร้างสรรค์บรรยากาศที่จะทำให้ผู้ใช้แรงงานได้รับความพึงพอใจในการทำงานสูงขึ้น โดยผ่านการเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาสำคัญขององค์การ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อชีวิตการทำงานของพวกเขา นั่นคือ หมายความรวมถึงการปรับปรุงการ บริหารเกี่ยวกับทรัพยากรมนุษย์ โดยทำให้มีประชาธิปไตยในสถานที่ทำงานเพิ่มมากขึ้น เพื่อก่อให้เกิดการปรับปรุงประสิทธิผลขององค์การ ทั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ผู้ ปฏิบัติงานทุกระดับได้นำเอาสติปัญญา ความเชี่ยวชาญ ทักษะและความสามารถอื่น ๆ มาใช้ ในการทำงานย่อมทำให้พนักงานหรือกำลังแรงงานได้รับความพึงพอใจสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติและพฤติกรรมภายในกลุ่มและองค์การขึ้น เช่น การขาดงานลดลดคุณภาพของผลิตภัณฑ์ดีขึ้น การกวดขันเกี่ยวกับวินัยผ่อนคลายลง ความคับข้องใจลดลง เป็นต้น
2. คุณภาพชีวิตการทำงานมีความหมายทั้งทางกว้างและทางแคบ ซึ่งได้รวบรวมความหมาย ของคุณภาพชีวิตการทำงานไว้ในประเด็นต่างๆ ดังนี้

2.1 คุณภาพชีวิตการทำงานในความหมายที่กว้าง หมายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยว ข้องกับชีวิตการทำงาน ซึ่งประกอบด้วย ค่าจ้าง ชั่วโมงการทำงาน สภาพแวดล้อมการทำงาน ผลประโยชน์และบริการ ความก้าวหน้าในการทำงาน และการมีมนุษยสัมพันธ์ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่แรงจูงใจและความพึงพอใจสำหรับคนงาน
2.2 คุณภาพชีวิตการทำงานในความหมายอย่างแคบ คือ ผลที่มีต่อคนงาน ซึ่ง หมายถึง การปรับปรุงในองค์การและลักษณะงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานควรได้รับการ พิจารณาเป็นพิเศษสำหรับการส่งเสริมระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของแต่ละบุคคล และรวมถึงความต้องการของพนักงานในเรื่องความพึงพอใจในงาน การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจที่จะมีผลต่อสภาพการทำงานของเขาด้วย
2.3 คุณภาพชีวิตการทำงานในแง่มุมที่หมายถึงการคำนึงถึงความเป็นมนุษย์ในการทำงาน(Humanization of Work) ซึ่งประเทศฝรั่งเศสและประเทศที่พูดภาษาฝรั่งใช้ คำว่า การปรับปรุงสภาพการทำงาน (Improvement of Working Condition) ประเทศสังคม นิยมใช้คำว่า การคุ้มครองแรงงาน (Workers' Protection) กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย หรือใน ญี่ปุ่นใช้คำว่าสภาพแวดล้อมการทำงาน (Working Environment) และความเป็นประชาธิปไตยในสถานที่ทำงาน(Democratization of the Workplace) คุณภาพชีวิตการทำงานมีความหมายครอบคลุมถึงวิธีการ แนวปฏิบัติหรือเทคโนโลยีที่ส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ก่อให้เกิดความพึงพอใจมากขึ้น ในการปรับปรุงผลลัพธ์ทั้งขององค์การและปัจเจกบุคคล ตามลำดับ

จากความหมายต่างๆ ที่นักวิชาการได้นิยามไว้ข้างต้นจะพบว่า คุณภาพชีวิตการทำงาน เป็นคำที่มีความหมายกว้างครอบคลุมไปในทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับชีวิตในการทำงาน ของแต่ละบุคคลและสภาพแวดล้อมในการทำงานภายในองค์กร แต่มีเป้าหมายสำคัญร่วมกันอยู่ที่การลดความตึงเครียดทางจิตใจ เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในงานที่ทำ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตในสถานที่ทำงาน

นอกจากนี้ Richard E. Walton ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับลักษณะสำคัญที่ประกอบขึ้นเป็นคุณภาพชีวิตการทำงานในหนังสือ Creteria for Quality of Working life โดยแบ่งออก เป็น 8 ประการ คือ
1. ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและเพียงพอ (adequate and fair compensation) หมายถึง การที่ผู้ปฏิบัติงานได้รับค่าจ้าง เงินเดือน ค่าตอบแทน และผลประโยชน์อื่นๆ อย่าง เพียงพอกับการมีชีวิตอยู่ได้ตามมาตรฐานที่ยอมรับกันโดยทั่วไป และต้องเป็นธรรม เมื่อเปรียบเทียบกับงานหรือองค์การอื่นๆ ด้วย
2. สิ่งแวดล้อมที่ถูกลักษณะและปลอดภัย (safe and healthy environment) หมายถึง สิ่งแวดล้อมทั้งทางกายภาพและทางด้านจิตใจ นั่นคือ สภาพการทำงานต้องไม่มีลักษณะที่ต้องเสี่ยงภัยจนเกินไป และจะต้องช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานรู้สึกสะดวกสบาย และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย
3. เปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติงานได้พัฒนาความรู้ความสามารถได้เป็นอย่างดี (development of human capacities) งานที่ปฏิบัติอยู่นั้นจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติ งานได้ใช้และพัฒนาทักษะความรู้อย่างแท้จริงและรวมถึงการมีโอกาสได้ทำงานที่ตนยอมรับว่าสำคัญและมีความหมาย
4. ลักษณะงานที่ส่งเสริมความเจริญเติบโตและความมั่นคงให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน (growth and security) นอกจากงานจะช่วยเพิ่มพูนความรู้ความสามารถแล้ว ยังช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานได้มีโอกาสก้าวหน้า และมีความมั่นคงในอาชีพ ตลอดจนเป็นที่ยอมรับทั้งของเพื่อนร่วมงานและสมาชิกในครอบครัวของตน
5. ลักษณะงานมีส่วนส่งเสริมด้านบูรณาการทางสังคมของผู้ปฏิบัติงาน (social integration) ซึ่งหมายความว่างานนั้นช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานได้มีโอกาสสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นๆ รวมถึงโอกาสที่เท่าเทียมกันในความก้าวหน้าที่ตั้งอยู่บนฐานของระบบคุณธรรม
6. ลักษณะงานที่ตั้งอยู่บนฐานของกฎหมายหรือกระบวนการยุติธรรม (Constitutionalism) ซึ่งหมายถึง วิถีชีวิต และวัฒนธรรมในองค์การจะส่งเสริมให้ เกิดการเคารพสิทธิส่วนบุคคลมีความเป็นธรรมในการพิจารณาให้ผลตอบแทนและรางวัล รวมทั้งโอกาสที่แต่ละคนจะได้แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย มีเสรีภาพ ในการพูด มีความเสมอภาค และมีการปกครองด้วยกฎหมาย
7. ความสมดุลระหว่างชีวิต กับการทำงานโดยส่วนรวม (the total life space) เป็นเรื่องของการเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติงานได้ใช้ชีวิตในการทำงานและชีวิตส่วนตัวนอก องค์การอย่างสมดุล นั่นคือต้องไม่ปล่อยให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับความกดดันจากการปฏิบัติงานมากเกินไป ด้วยการกำหนดชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยง การที่ต้องคร่ำเคร่งอยู่กับงานจนไม่มีเวลาพักผ่อน หรือได้ใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างเพียงพอ
8. ลักษณะงานมีส่วนเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับสังคมโดยตรง (social relevance) ซึ่งนับเป็นเรื่องที่สำคัญประการหนึ่งที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องรู้สึก และยอมรับว่าองค์การที่ตนปฏิบัติงานอยู่นั้นรับผิดชอบต่อสังคมในด้านต่างๆ ทั้งในด้านผลผลิต การจำกัดของเสีย การรักษาสภาพแวดล้อม การปฏิบัติเกี่ยวกับการจ้างงาน และเทคนิคด้านการตลาด


ทำไมต้องมีคุณภาพชีวิตการทำงาน
เมื่อแต่ละบุคคลได้ใช้ชีวิตการทำงานอยู่กับสิ่งที่ตนเองพอใจก็จะทำให้มีสภาพจิตใจ และอารมณ์ที่ดี ซึ่งส่งผลให้ทำงานดีตามไปด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่แต่ละองค์การจะต้องศึกษาหรือแสวงหาหนทางให้เกิดความสอดคล้องต้องกันของความพึงพอใจระหว่าง พนักงานและองค์การ เพื่อให้องค์การสามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุด เราคงได้ยินได้ฟังหรือเห็นภาพความขัดแย้งภาพการหยุดงานเพื่อประท้วงหรือเรียกร้องสิทธิอันพึงมีพึงได้ของผู้ใช้ แรงงานอยู่เสมอ หรือเหตุการณ์ในบางประเทศที่มีการประท้วงจนเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น นั่นเป็นเพราะผู้ใช้แรงงานมีความรู้สึกว่ากำลังถูกลิดรอนสิทธิ์ คุณภาพชีวิตการทำงานต่ำลง ผลที่ตามมาคือ ความเสียหายอย่างใหญ่หลวงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการผลิตที่ต้อง หยุดชะงัก จนมีผลทำให้การส่งออกไม่สามารถดำเนินการไปตามเป้าหมายได้ ซึ่งนอกจากองค์การจะสูญเสียรายได้จำนวนมหาศาลแล้ว พนักงานเองก็ต้องประสบความลำบาก และขาดรายได้ อีกทั้งส่งผลกระทบต่อสังคมและประเทศชาติโดยรวมด้วย

ทำอย่างไรจึงจะมีคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดี
เมื่อเราทราบความหมาย ลักษณะสำคัญ และสาเหตุที่ต้องมีคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดีแล้ว การจะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในสถานที่ทำงานนั้น มิใช่เรื่องที่ยากจนเกินความสามารถ หากแต่เป็นเรื่องความพร้อมของบุคคลสองฝ่าย คือฝ่ายองค์การหรือนายจ้าง และฝ่ายพนักงานหรือลูกจ้างที่พร้อมจะหันหน้าเข้าหากันเพื่อคิดหาแนวทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายของ องค์การ โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีความพึงพอใจด้วยกัน
การสร้างความพึงพอใจในการทำงานนี้ ผู้เขียนขอแนะนำแนวคิดทฤษฎีปัจจัยคู่ (Two-Factor Theory) ของเฟรดเดอริก เฮอร์ซเบอร์ก (Fredrick Herzberg) มาเป็นเครื่อง ช่วยในการชี้นำ นั่นคือ ปัจจัยจูงใจ (motivator factors) และปัจจัยสุขอนามัย (hygiene factors)
ปัจจัยจูงใจ (motivator factors) เป็นองค์ประกอบหรือปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานโดยตรง (instrinsic aspects of the job) เป็นปัจจัยที่จูงใจบุคลากรในหน่วยงานให้เกิด ความพอใจ ซึ่งได้แก่
1. ความสำเร็จของงาน (achievement)
2. การได้รับการยอมรับนับถือ (recognition)
3. ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน (advancement)
4. ลักษณะของงาน (work itself)
5. โอกาสที่จะก้าวหน้าในอนาคต (possibility of growth)
6. ความรับผิดชอบ (responsibility)
ปัจจัยสุขอนามัย (hygiene factors) เป็นองค์ประกอบที่ไม่ใช่เกี่ยวกับตัวงานโดยตรง แต่มีความเกี่ยวโยงกับการปฏิบัติงาน (extrinsic factors) เป็นปัจจัยที่ไม่ใช่สิ่งจูงใจแต่ สามารถทำให้บุคลากรพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจที่จะปฏิบัติงานได้ ซึ่งมีอยู่ 10 ประการคือ

1. การบังคับบัญชา (supervision)
2. นโยบายบริหาร (policy and administration)
3. สภาพการทำงาน (working condition)
4. ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา (relations with superiors)
5. ความสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา (relation with subordinates)
6. ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน (relation with peers)
7. ตำแหน่งในบริษัท (status)
8. ความมั่นคงในงาน (job security)
9. เงินเดือน (salary)
10. ชีวิตส่วนตัว (personal life)

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่มีส่วนทำให้เกิดความพึงพอใจได้เช่นกัน อาทิ
1. ชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสม และเป็นไปตามข้อบัญญัติของกฎหมาย
2. ลักษณะของงานที่ทำ ได้แก่ การได้ทำงานที่ตรงกับความต้องการและความรู้ ความสามารถของตน และไม่เกิดความเสี่ยงในขณะปฏิบัติงาน
3. การติดต่อสื่อสาร (communication) ได้แก่ การสื่อสารเพื่ออำนวยประโยชน์ให้การ ดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทันต่อเวลาและความต้องการของบุคคลในองค์การ
4. สิ่งตอบแทนหรือผลประโยชน์ต่าง ๆ (benefits) ได้แก่ การบริการ การรักษาพยาบาล สวัสดิการต่าง ๆ

จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าการสร้างคุณภาพชีวิตการทำงาน เป็นสิ่งที่จำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่ง คุณภาพชีวิตการทำงานในลักษณะของความพึงพอใจในการทำงานนั้น จะส่งผลต่อการปฏิบัติงาน และยังเป็นสิ่งจูงใจให้เกิดความต้องการทำงาน ซึ่งนำไปสู่ประสิทธิภาพและเกิดการเพิ่มผลผลิตของบริษัทหรือองค์การในที่สุด เรียกได้ว่า บรรลุเป้าหมายของทั้งบุคคลในฐานะสมาชิกขององค์การและตัวองค์การเอง นอกจากนี้ยัง ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอีกด้วย
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.