หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนเราเกิดมาในโลกนี้ ทุกคนต่างก็ต้องพบเจออุปสรรค ปัญหา ความทุกข์ ความสุข ความเศร้า ความเหงา ซึ่งอารมณ์ต่างๆเหล่านี้ เป็นอารมณ์ของมนุษย์หรือปุถุชนที่ต้องพบเจอกัน แต่มนุษย์เราทุกๆคน ก็หวังที่จะมีชีวิตที่เป็นสุขมากกว่าชีวิตที่มีแต่ความทุกข์ บทความฉบับนี้ เราจะมาพูดเรื่อง “ ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข ” ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ สามารถนำไปใช้ได้จริง เริ่มจาก
1.หัดเป็นคนมองโลกในแง่ดี คนที่มองโลกในแง่ดีจะมีความทุกข์น้อยกว่าคนที่มองโลกในแง่ร้าย “ โลกมีไว้เหยียบ ไม่ได้มีไว้แบก ” เป็นคำพูดของคุณขรรค์ชัย บุนปาน ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์มติชน ซึ่งเป็นคำพูดที่ให้แง่คิดที่ดี เพราะบางคนชอบแบกปัญหาเหมือนแบกโลก แต่แท้จริงแล้ว ปัญหาทุกปัญหามีทางออกและทางแก้ ดังนั้นหากอยากมีความสุข ขอให้พยายามมองโลกในแง่ดี
2.ใฝ่ธรรมะ คนที่มีธรรมะในใจ มักมีความสุขมากกว่าคนที่ไม่มีธรรมะ เพราะผู้ที่มีธรรมะเมื่อพบเจอปัญหาอุปสรรคต่างๆ มักจะมองโลกตามความเป็นจริง สามารถปล่อยวางได้ ทำใจได้ แก้ไขปัญหาได้อย่างเยือกเย็นกว่า หากต้องการพบความสุขที่ยั่งยืน เราควรใฝ่ศึกษาหาธรรมะ แต่ในความเป็นจริง คนส่วนหนึ่งมักใฝ่ศึกษาหาธรรมะตอนที่ตัวเองมีความทุกข์ เช่น บางคนอกหักก็เข้าวัด , บางคนมีปัญหาเรื่องการทำงานก็หาหนังสือธรรมะมาอ่าน , บางคนมีปัญหาชีวิตถึงกับบวชไปเลยก็มี แต่ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าคนบางส่วน ที่มีทุกข์ หาทางออกไม่เจอก็ฆ่าตัวตายไปเลยก็มี
3.ลด ละ เลิก อบายมุข ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติดประเภทร้ายแรงผิดกฎหมาย(ยาบ้า ฝิ่น เฮโรอิน กัญชา) หรือ ยาเสพติดไม่ร้ายแรงไม่ผิดกฎหมาย(บุหรี่ เหล้า เบียร์ ) การ ลด ละ เลิก อบายมุข จะทำให้ชีวิตมีความสุข อีกทั้งสุขภาพแข็งแรง ทั้งใจและร่างกาย ซึ่งยาเสพติดส่วนมากมักจะมีโทษมากกว่ามีประโยชน์ เมื่อเสพก็มักจะติด ยิ่งเสพก็ยิ่งต้องการเสพมากขึ้น หากสามารถ ลด ละ เลิก อบายมุข ได้ก็จะทำให้ท่านลดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น อีกทั้งไม่ต้องป่วยเป็นโรคต่างๆ
4.ยิ้มและหัวเราะ การยิ้มและหัวเราะ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องเสียเงินลงทุน อีกทั้งมีประโยชน์มากๆกับผู้ที่ปฏิบัติ คนที่ยิ้มเก่งมักเป็นคนที่มีอารมณ์ดี เบิกบานแจ่มใส การหัวเราะก็เช่นกัน ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ศึกษาว่า คนที่หัวเราะเป็นประจำจะมีผลดีต่อระบบของหัวใจ ระบบของกล้ามเนื้อ การยิ้มและการหัวเราะ จะทำให้มีเพื่อนมาก คนอยากคบค้าสมาคมมากกว่าคนที่เครียด หน้าบึ้ง ลองหัดยิ้มและหัวเราะทุกวัน ท่านจะพบความสุขมากขึ้นในการดำรงชีวิต
5.รักษาสุขภาพ โดยยึดหลักทางสาธารณสุข 5 อ. อันได้แก่ 1.อาหาร 2.อากาศ 3.ออกกำลังกาย 4.อุจจาระ 5.อารมณ์ (1.อาหาร ควรรับประทานให้ครบ 5 หมู่ 2.อากาศ ควรหาโอกาสในการนำเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปในระบบหายใจมากๆ 3.ออกกำลังกาย ควรหาเวลาในการออกกำลังกายประมาณ 20-30 นาที ต่อวัน และ สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง 4.อุจจาระ ควรขับถ่ายทุกวันในตอนเช้า ไม่ใช่ 5-6 วันครั้ง ก็จะทำให้สุขภาพย่ำแย่ สำหรับบางคนมีปัญหาเรื่องของระบบการขับถ่ายที่ไม่ดีเนื่องจากการรับประทานกากอาหารเข้าไปน้อยดังนั้นควรทานผัก ผลไม้ ให้มากขึ้น และ 5.อารมณ์ อย่าปล่อยให้อารมณ์เสียนานและบ่อยๆ เพราะทำให้เกิดภาวะความเครียดได้ )
6.ใช้จ่ายอย่างประหยัด ในภาวะสังคมปัจจุบันเป็นยุคของสังคมที่เรียกว่า “บริโภคนิยม” ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มักใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แข่งขันกันบริโภคสินค้าแปลกๆ ใหม่ๆ ทันสมัย ทำให้เกิดหนี้สินขึ้นมาอย่างมากมาย บางคนไม่มีเงินใช้หนี้ทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นภายในใจ การหาเงินเก่งไม่สำคัญเท่ากับการเก็บเงินเก่ง เนื่องจากบางคนมีเงินเดือน 100,000 บาทต่อเดือนแต่ใช้ไป 120,000 บาทต่อเดือน สู้คนที่หามาได้เดือนละ 9,000 บาท แต่รู้จักเก็บออมเงินได้เดือนละ 1,000 บาทไม่ได้
ฉะนั้น สุขหรือทุกข์ ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ขึ้นอยู่กับแง่คิด ทัศนคติในการมองโลก อีกทั้งการประพฤติปฏิบัติของแต่ละบุคคล หากต้องการพบความสุขหรือหากท่านต้องการพบความทุกข์ ท่านไม่ต้องไปเที่ยวหาที่อื่นไกล ความสุขหรือความทุกข์ ท่านสามารถพบหรือสัมผัสได้จากตัวท่านเองทั้งสิ้น


















...
  
เขียนให้เก่งอย่างนักเขียน
เขียนให้เก่งอย่างนักเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
งานเขียนเป็นอาชีพอิสระ งานเขียนเป็นอาชีพที่สามารถบริหารเวลาในการทำงานด้วยตนเองได้ งานเขียนสามารถสร้างรายได้มากมายมหาศาล สำหรับคนที่เขียนเก่งและสามารถเขียนในแนวที่ตลาดมีความต้องการได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม งานเขียนเป็นวิชาชีพหนึ่งที่ต้องอาศัยองค์ความรู้อยู่พอสมควร ถ้าไม่มีองค์ความรู้ท่านก็ไม่สามารถเขียนถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ที่ท่านต้องการถ่ายทอดได้
ทำอย่างไรถึงจะเขียนให้เก่งอย่างนักเขียน เคยมีคนตั้งคำถามนี้กับกระผมอยู่บ่อยๆ โดยส่วนตัวกระผมคิดว่า การประกอบอาชีพใดๆ ก็ตามในโลกนี้ บุคคลที่ประกอบอาชีพนั้นๆ หากต้องการความสำเร็จ ท่านจำเป็นจะต้องมีการพัฒนา ทั้งการพัฒนาตนเอง การพัฒนาทักษะ การพัฒนาความรู้ การพัฒนาความคิด การพัฒนาจิตใจ เป็นต้น
หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จในวิชาชีพต่างๆ แต่ท่านขาดการพัฒนา ชีวิตการทำงานของท่านก็จะนิ่ง ไม่มีความก้าวหน้า แต่ถ้าหากท่านมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ การประกอบอาชีพนั้นๆ ก็จะเจริญก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพและปริมาณ
การจะเขียนให้เก่งอย่างนักเขียนก็เช่นกัน ท่านควรเริ่มต้นจากการฟังหรืออ่าน แนวความคิดของนักเขียนแต่ละท่านว่านักเขียนเหล่านั้นมีเทคนิคอย่างไรเวลาเขียน มีแรงบันดาลใจอย่างไรถึงได้สร้างผลงานที่มีคุณภาพและปริมาณออกมาอย่างมากมาย เมื่อท่านได้เทคนิค วิธีการ ต่างๆจากบรรดานักเขียนแล้ว ท่านลองนำไปปฏิบัติ นำไปปรับปรุง ดัดแปลง วิธีการต่างๆ เหล่านั้น ท่านก็จะเป็นอีกผู้หนึ่งที่จะประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียนภายในอนาคต
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่บรรดานักเขียนที่ประสบความสำเร็จมีเหมือนกันก็คือ
1.การอ่าน การอ่านเป็นเส้นทางของการเป็นนักเขียน นักอ่านทุกคนอาจไม่ใช่นักเขียน แต่นักเขียนทุกคนจะต้องเป็นนักอ่าน การอ่านหนังสือต่างๆ จะทำให้งานเขียนนั้นเกิดการพัฒนา หากไม่ชอบอ่านเราก็จะไม่รู้แนวทางในการเขียนรูปแบบต่างๆ หรือประเภทต่างๆ เช่น การใช้ภาษา การใช้สำนวน การใช้โวหาร การใช้ถ้อยคำ การเว้นวรรค การเล่นคำ การใช้รูปแบบตัวอักษร การสร้างเอกลักษณ์ของนักเขียนแต่ละท่าน เป็นต้น
2.แรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่นปรารถนาที่จะเป็นนักเขียน เป็นสิ่งหนึ่งที่บรรดานักเขียนที่ประสบความสำเร็จจะต้องมี กล่าวคือ เมื่อนักเขียนมีแรงบันดาลใจ มีเป้าหมายในชีวิตในการทำงานที่อยากเป็นนักเขียน นักเขียนผู้นั้นก็จะมีความขยันขันแข็งที่จะเขียน มีความตั้งใจที่จะพยายามพัฒนางานเขียนของตนเอง มีความอดทนต่ออุปสรรค การประกอบอาชีพหรือการทำกิจการใดๆ ก็ตาม หากต้องการประสบความสำเร็จจะต้องใช้เวลา เช่น นักมวยแชมป์โลก ไม่ได้ชกแค่ครั้งเดียวแล้วได้เป็นแชมป์โลก แต่ต้องฝึกซ้อม ฝึกฝน พยายาม มานะ อดทน กว่าจะประสบความสำเร็จในการเป็นแชมป์โลก นักเขียนก็เช่นกัน ไม่ใช่เขียนหนังสือออกมาแล้ว 1 เล่ม แล้วไม่ดัง ก็เลิกล้ม หากมีนิสัยอย่างนี้ก็คงประสบความสำเร็จได้ยาก
3.แนวคิดหรือการคิด การประกอบอาชีพใดๆ ก็ตามหากทำเหมือนคนอื่น ผลที่ออกมาก็จะไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ แต่หากเรากล้าที่จะทำให้สิ่งที่ต่างแตก ผลที่ออกมาเราก็จะได้รับผลสำเร็จที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เช่นกัน จงสร้างความแตกต่างแล้วจะมีคนตามอ่านหนังสือของท่านเป็นจำนวนมาก
4.ทำทันที สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็นนักเขียนก็คือ ทำทันที “ จงอย่าบอกโลกว่าท่านทำอะไรได้บ้างแต่จงแสดงมันออกมา” มีคนเป็นจำนวนมากอยากเป็นนักเขียน แต่ไม่ยอมลงมือที่จะเขียน หากท่านไม่ย่อมเดินก้าวแรก ท่านก็ไม่มีวันที่จะถึงจุดหมายปลายทาง เช่นกัน หากว่าท่านอ่านมากแต่ไม่ยอมเขียน ท่านได้เป็นแค่นักอ่านไม่ใช่นักเขียน , หากว่าท่านมีแรงบันดาลใจแต่ท่านก็ไม่ลงมือที่จะกระทำคือลงมือเขียน แรงบันดาลใจแทบจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย และหากท่านมีแนวคิดที่ดีๆ แต่ท่านไม่ยอมลงมือที่จะถ่ายทอด แนวคิดนั้นก็ไม่สามารถเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นได้
โดยสรุปท่านสามารถเขียนให้เก่งอย่างนักเขียนได้ ถ้าท่านชอบอ่านหนังสือ ท่านมีแรงบันดาลใจ ท่านมีแนวความคิดที่ดีๆ แปลกๆ ใหม่ๆ และสิ่งที่สำคัญก็คือ ท่านต้องลงมือเขียน ถ้าอยากเป็นนักเขียนต้องเขียนครับ




...
  
ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการทำงาน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การทำงานในองค์กร หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน การทำงานวันหนึ่งๆ ของสัปดาห์ ของวัน ในที่นี้ขอนำเอาวันเวลาในระบบราชการเป็นมาตรฐานคือ ทำงานวันจันทร์-วันศุกร์ ทำงานตั้งแต่ 8.00-16.00 น. หากต้องการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพในการทำงาน เราควรศึกษาช่วงเวลาทำงานว่าช่วงไหนควรทำอะไร ช่วงไหนไม่ควรทำสิ่งใด เคยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ทำการวิจัยการทำงานในช่วงเวลาต่างๆ ของคนทำงาน โดยได้รายละเอียดดังนี้
1.ช่วงเวลาที่เราควรวางแผนทำงานในวันพรุ่งนี้หรือวันถัดไปมากที่สุด คือช่วงเวลา 15.45-16.00 น. โดยการเขียนรายการที่จะทำในวันพรุ่งนี้หรือวันถัดไป ออกมาเป็นรายการว่าเราจะทำอะไรบ้าง หากไม่มีการเขียนรายการ ก็จะทำให้เกิดการลืมได้หรือหากไม่มีเวลาจริงๆ หรือรีบกลับบ้าน ก็คงต้องใช้เวลาในตอนกลางคืนสำหรับการวางแผนการทำงานในวันถัดไป
2.ช่วงเวลาในการประชุมการวางแผนทีมงาน เราควรใช้วันและช่วงเวลา คือ วันพุธของสัปดาห์และเวลา 14.00 น.
หากว่าเราประชุมในวันศุกร์ วันเสาร์-วันอาทิตย์ เป็นวันหยุด เหตุการณ์ต่างๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้อาจต้องมีการประชุมเพื่อปรับแผนใหม่ได้ในวันจันทร์ แต่หากประชุมในวันพุธ ซึ่งวันพฤหัสบดี วันศุกร์ ไม่ได้เป็นวันหยุดเราสามารถนำนโยบายต่างๆ ที่ประชุมไปปฏิบัติได้
3.ช่วงหรือวันเวลาใดที่ยุ่งที่สุด อีกทั้งรถติดมากที่สุด คือ วันจันทร์ โดยเฉพาะ วันจันทร์แรกของการหยุดยาวเนื่องมาจากมีการปิดวันสำคัญต่างๆ เช่น วันขึ้นปีใหม่ , วันสงกรานต์ เป็นต้น และ ถ้าหากไปตรงกับวันจันทร์แรกของเงินเดือนออกก็ยิ่งทำให้รถติดเนื่องจากคนที่ทำงานกินเงินเดือนจะนำเงินไปซื้อสินค้าตามห้างร้านต่างๆ
4.ช่วงที่ควรงดเว้นการประชุม หรือ เรียกประชุม คือ ช่วงวันจันทร์ในตอนเช้าและวันศุกร์ในตอนช่วงบ่าย เนื่องจากคนทำงานราชการ บางส่วนมีครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด บางส่วนก็จะเตรียมตัวกลับบ้านในช่วงบ่ายวันศุกร์ และกลับมาทำงานต่อในวันจันทร์เช้า
5.ช่วงเวลาใดที่ไม่ควรโทรศัพท์ไปติดต่อลูกค้าหรือโทรศัพท์เพื่อคุยธุระกับหน่วยงานต่างๆ คือ ช่วงเริ่มงานตอนเช้า ซึ่งหลายๆ คนพึ่งไปถึงหน่วยงาน กล่าวคือ ช่วง 8.00-9.00 น. ฉะนั้นหากหลีกเลี่ยงการโทรศัพท์เพื่อติดตามงานในช่วงเวลานี้ได้จะเป็นการดี
6.ช่วงเวลาที่สมองสามารถทำงานได้ดีที่สุด ควรทำงานที่สำคัญๆ คือ ช่วงเวลา 10.00-11.00 น. ของแต่ละวันเป็นเวลาที่เราควรใช้ในการทำงานชิ้นสำคัญๆ เนื่องจากช่วงเวลานี้ สมองสามารถทำงานได้ดีเยี่ยม
7.ช่วงเวลาที่สมองสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพต่ำที่สุด คือ ช่วงเวลา 14.00-15.00 น. เราควรหลีกเลี่ยงในการทำงานชิ้นสำคัญๆ ในช่วงเวลานี้ควรทำงานในชิ้นที่ไม่ค่อยสำคัญ
ฉะนั้น หากเราได้รู้ว่าเวลาใดเป็นช่วงเวลาที่เราควรทำงานใด เราก็สามารถวางแผนบริหารเวลาของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวางแผนเป็นสิ่งที่สำคัญในการบริหารเวลา ท่านอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ท่านประธานาธิบดีลินคอลน์ได้กล่าวไว้ว่า “ หากข้าพเจ้ามีเวลา 10 ชั่วโมงในการตัดต้นไม้ ข้าพเจ้าจะใช้เวลา 7 ชั่วโมงในการลับคมขวาน ” เช่นกัน มีงานวิจัยชิ้นสำคัญเคยกล่าวไว้ว่า หากเราใช้เวลาวางแผนเพียง 8-15 นาทีต่อวัน จะทำให้เราประหยัดเวลาในการทำงานถึงวันละ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
สำหรับเรื่องของการบริหารเวลา การวางแผนเวลา หรือ การอบรมเพื่อพัฒนาตนเอง ในหลักสูตรต่างๆ งานวิจัยยังกล่าวอีกว่า หากท่านต้องการเปลี่ยนนิสัยใหม่ ท่านควรทำพฤติกรรมใหม่ซ้ำๆ ทุกๆวัน ติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 21 วัน แล้ววันที่ 22 ท่านจะเห็นความเปลี่ยนแปลง กล่าวคือท่านจะได้นิสัยใหม่ ท่านจะได้พฤติกรรมใหม่ แต่ขอย้ำนะครับ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ติดต่อกัน ทุกๆวันอย่างน้อย 21 วัน แต่คนโดยส่วนใหญ่มักจะไม่เปลี่ยนแปลงนิสัย เนื่องจากเดี๋ยวทำ เดี๋ยวหยุด นึกจะทำก็ทำ นึกจะไม่ทำก็ไม่ทำ กล่าวคือความไม่มีวินัยในตนเองนั้นเอง
...
  
ความล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่าย
ความล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่าย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเครือข่าย มักมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ดีหลายๆอย่าง ซึ่งพวกเราสามารถหาอ่านได้ตามหนังสือ บทความทางสื่อต่างๆ แต่บุคคลที่ล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่ายมักมีการพูดถึงกันน้อย สำหรับบทความฉบับนี้ เราจะมาพูดถึงบุคคลที่ล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่ายว่าเป็นคนที่มีลักษณะอย่างไร
1.ไม่มีเป้าหมายในชีวิต บุคคลที่ล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่ายมักเป็นบุคคลที่ขาดการตั้งเป้าหมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายในเรื่องของตำแหน่งต่างๆ ในธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายในเรื่องของรถ บ้าน การท่องเที่ยว ที่ตนเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายในการขยายเครือข่าย ฯลฯ สำหรับการตั้งเป้าหมายที่ดีเราควรกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน อีกทั้งต้องกำหนดระยะเวลาในการไปถึงเป้าหมายด้วย
2.ขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน การทำธุรกิจเครือข่าย เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการขายและขยายเครือข่าย เป็นธุรกิจอิสระ ซึ่งเราไม่ต้องไปทำงานในสำนักงานเหมือนการทำงานประจำ ดังนั้น ผู้ที่ทำธุรกิจเครือข่ายจะต้องมีความกระตือรือร้น มีความรับผิดชอบ มีวินัยในการทำงาน เนื่องจากการทำธุรกิจเครือข่ายเราสามารถกำหนดเวลาทำงานได้ด้วยตนเอง
3.ไม่ออกไปชวนคน ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยคน เพื่อให้เกิดการซื้อใช้ เกิดการขาย เกิดการบอกต่อ คนที่ล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่ายมักเป็นคนที่ไม่ออกไปชวนคนมาร่วมทำธุรกิจ เมื่อไม่มีการชวนคนเข้าร่วม การขยายเครือข่ายก็ไม่เกิดขึ้น
4.ไม่เข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัท การทำธุรกิจเครือข่าย เรามีความจำเป็นจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัท เพื่อให้ทราบข้อมูล ข่าวสาร การแข่งขัน โดยเฉพาะการประชุม การสัมมนา หากท่านไม่ต้องการความล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่าย ท่านควรหาโอกาสเข้าร่วม ประชุม สัมมนา บ่อยๆ เท่าที่จะมีโอกาส เนื่องจากการเข้าประชุม สัมมนา จะทำให้เราเกิดไฟหรือความกระตือรือร้นในการทำงาน
5.ไม่ศึกษาตัวสินค้าของบริษัท การทำธุรกิจเครือข่าย นักธุรกิจเครือข่ายที่ดีต้องรู้จักรายละเอียดของสินค้า ประเภทของสินค้า คุณลักษณะพิเศษของผลิตภัณฑ์ ทั้งของคู่แข่งและของบริษัท เพราะหากเนื่องจากลูกค้าถาม นักธุรกิจเครือข่ายที่ดีจะต้องตอบและอธิบายได้ด้วยความมั่นใจ
6.ไม่ศึกษาแผนการตลาด การทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ นักธุรกิจเครือข่ายมีความจำเป็นจะต้องเขียนแผนการตลาด อธิบายแผนการตลาดของบริษัทได้ หากอธิบายหรือเขียนแผนการตลาดไม่ได้ ท่านก็ไม่สามารถขยายธุรกิจของท่านได้ ดังนั้นควรศึกษารายละเอียดของแผนการตลาดของบริษัทให้ถูกต้อง เมื่อถูกถามท่านก็สามารถตอบและอธิบายได้ด้วยความมั่นใจ
7.ไม่ติดต่อกับทีมงาน การทำธุรกิจเครือข่าย เป็นการทำธุรกิจแบบเป็นทีม ทุกคนในทีมมักจะช่วยกัน เนื่องจากหากลูกทีมได้ผลประโยชน์ หัวหน้าทีมก็มักจะได้ด้วย ฉะนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเครือข่าย จงพยายามติดต่อกับทีมงาน หัวหน้าทีม เพื่อนร่วมทีม ลูกทีม ให้มากที่สุด
8.ไม่มีความสม่ำเสมอ ทำๆ หยุดๆ ขาดการต่อเนื่อง อีกทั้งเลิกล้มก่อนเวลาที่จะประสบความสำเร็จ การทำกิจการทุกอย่างกว่าจะประสบความสำเร็จต้องใช้เวลา เช่น การปลูกต้นไม้กว่าต้นไม้นั้นจะโตก็ต้องใช้เวลา อีกทั้งต้องเพียรพยายามรดน้ำ พรวนดิน ดังนั้นหากต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย ท่านจำเป็นจะต้องมีความอดทน มีความสม่ำเสมอในการทำงาน จึงจะประสบความสำเร็จ
เราจะเห็นได้ว่าปัจจัยต่างๆข้างต้นนี้ หากมีในบุคคลใด บุคคลนั้นมักล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่าย ดังนั้นหากต้องการประสบความสำเร็จ ท่านจะต้องตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนแน่นอน ท่านจะต้องมีความกระตือรือร้นในการทำงาน ท่านจะต้องออกไปชวนคนเข้าร่วมทำธุรกิจเครือข่าย ท่านจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท ท่านจะต้องศึกษาตัวสินค้าของบริษัท ท่านจะต้องศึกษาแผนการตลาด ท่านจะต้องมีการติดต่อกับทีมงานและท่านจะต้องมีความสม่ำเสมอในการทำงานธุรกิจเครือข่าย


...
  
อนาคตที่รออยู่ข้างหน้ากับองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
อนาคตที่รออยู่ข้างหน้ากับองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
เนื่องจากวันที่ 20 ตุลาคม 2554 กระผมได้มีโอกาสเข้าร่วมเวทีสภาผู้บริโภค “ อนาคตที่รออยู่ข้างหน้ากับองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ” ณ โรงแรมพะเยาเกทเวย์ จังหวัดพะเยา จัดโดย...กลุ่มงานภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม , มูลนิธิพะเยาเพื่อการพัฒนา, สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพะเยา,ศูนย์ให้บริการและสนับสนุนนิสิตพิการ,มหาวิทยาลัยพะเยา,สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.),สำนักงานยุติธรรมจังหวัด,สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา,บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ,สำนักงานสภาทนายความจังหวัดพะเยา,เครือข่ายผู้บริโภคจังหวัดพะเยา และสนับสนุนโดย....กลุ่มงานภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ภายใต้...กสทช.,แผนงานคุ้มครองผู้บริโภค(คคส.),สำนักงานสำนักกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.),มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ภายในเวที มีการแสดงละครสะท้อนปัญหาผู้บริโภค จาก..ชุมชนคุ้มครองผู้บริโภคโรงเรียนพะเยาพิทยาคม พิธีเปิดโดย รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา มีการชมวีดีทัศน์เรื่อง “ เสียงและมุมมองเครือข่ายผู้บริโภคจังหวัดพะเยากับพรบ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค” และมีช่วงเสวนา “ ประชาชนจะได้อะไรจาก พรบ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครอง”
อีกทั้งยังมีการแบ่งกลุ่มย่อยตามห้อง โดยมีหัวข้อต่างๆ เช่น ด้านการบริการสาธารณะ(รถโดยสารสาธารณะ),ด้านบริการสุขภาพ(หลักประกันสุขภาพ),ด้านสินค้าและบริการทั่วไป(แร่ใยหิน),ด้านสื่อสารและโทรคมนาคมและด้านอาหาร ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ช่วงสุดท้ายของงานมีการนำเสนอและหาทางออกแต่ละประเด็น
จากการเข้าร่วมเวทีดังกล่าว ทำให้กระผมได้ทราบข้อมูลและความเคลื่อนไหวของ พรบ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ขณะนี้ยังอยู่ในส่วนของนิติบัญญัติหรือรัฐสภาในการพิจารณา ตามข่าว “ 30 ก.ย.2554 นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 54 ที่ผ่านมานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือถึงประธานรัฐสภา แจ้งผลการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อร่างพระราชบัญญัติที่ค้างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และได้ลงมติให้ร้องขอต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติรวมทั้งสิ้น ๒๕ ฉบับ โดยในจำนวนนั้นมี ร่าง พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ......... และกฎหมายที่ประชาชนเข้าชื่อหมื่นรายชื่อรวมอยู่ด้วย 9 ฉบับ”
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่จังหวัดพะเยา เนื่องจากผู้บริโภคขาดความรู้ ความเข้าใจ ขาดข้อมูลและถูกผู้ประกอบการเอาเปรียบโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ทางด้านโทรคมนาคม เช่น เรื่องของค่าบริการโทรศัพท์มือถือ , ข้อความรบกวนใจ , บริการเสริมไม่ได้สมัคร , บริการเสริมเพลงรอสาย ฯลฯ
สำหรับในประเด็นรถโดยสารสาธารณะ ผู้บริโภคควรมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ จับตา ร้องเรียนต่อหน่วยงานที่ดูแลในงานคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อช่วยกันไม่ให้ผู้ประกอบการเอาเปรียบ เช่น ช่วยกันจับตาในเรื่องของคนขับรถโดยสาร หากขับด้วยความประมาท ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ กินเหล้า สูบบุหรี่ ในขณะขับรถโดยสาร โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร , สภาพรถโดยสารบางคันมีสภาพเก่า ยางโล้น ชำรุดทรุดโทรม , พนักงานบริการ บริการด้วยคำพูดไม่สุภาพ ไร้หัวใจในงานบริการ เราสามารถร่วมแจ้งหรือให้ข้อมูลไปที่ หน่วยพิทักษ์ รถโดยสารปลอดภัย โทรศัพท์ 02-2483737 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า รถโดยสารประจำทางบางคัน เก่ามากๆ ซึ่งไม่น่าจะผ่านการตรวจสอบ แต่ก็ยังสามารถใช้เป็นรถโดยสารสาธารณะได้ สำหรับการประกันชีวิตหรือระบบการประกันภัย เมื่อผู้บริโภคได้รับอันตรายจากการโดยสารรถโดยสารสาธารณะ เงินค่าชดเชย บางรายได้รับค่าชดเชยน้อยมาก อีกทั้งยังต้องมีการฟ้องร้องเป็นคดีความถึงจะได้รับค่าชดเชย
แร่ใยหิน ภัยใกล้ตัวอีกตัวหนึ่ง ที่ควรต้องระวัง แร่ใยหินทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายทำให้เป็นโรคต่างๆ เช่น โรคปอดอักเสบจากแอสเบสตอส , โรคเยื่อหุ้มปอดหนาตัว,โรคมะเร็งปอด และ โรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอดหรือเมโสธีลิโอมา กลุ่มที่เสี่ยงมากที่สุดเป็นกลุ่มที่ทำงานในโรงงานที่ใช้แร่ใยหิน ในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ใช้แรงงานในการทำงานก่อสร้าง ทำลายรื้ออาคารต่างๆ ที่มีโอกาสสูดฝุ่นละอองของแร่ใยหิน
พฤติกรรมการทานยาหรืออาหารเสริม ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ถูกผลประกอบการเอาเปรียบ ไม่ว่าการมีการโฆษณาทางวิทยุชุมชน โทรทัศน์ดาวเทียม สื่อต่างๆ ที่มีการโฆษณาเกินจริง อาหารเสริมบางตัวมีการโฆษณาถึงการรักษาโรคต่างๆ แบบครอบจักรวาล เช่น การรักษาโรคมะเร็ง , การรักษาโรคเอดส์ , การรักษาโรคติดต่อต่าง ฯลฯ อีกทั้งยังมีรถขายยาเร่ในชุมชนต่างๆ ที่นำยาที่หมดอายุ ยาที่ด้อยคุณภาพ มาขายอีกด้วย
ดังนั้น ในความคิดเห็นของกระผม พรบ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค จึงมีส่วนสำคัญในการทำให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบน้อยลง อีกทั้งพวกเราทุกคนที่เป็นผู้บริโภคควรช่วยกันสนับสนุน แต่ที่ผ่านมาพวกเราที่อยู่ในฐานะผู้บริโภคมักยินยอม และไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ หรือเรียกร้อง ดังเช่น การยินยอมซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่เขียนว่าคู่ละราคาละ 80 บาท แต่ในความเป็นจริงผู้ขาย ขายในราคาเกินความเป็นจริง เป็นต้น
แต่สิ่งที่กระผมให้ความห่วงใย หากมี พรบ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค เกิดขึ้นจริงๆ อาจจะต้องแก้ปัญหาในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายในสังคมไทยตามมา เนื่องจากผู้ที่บังคับใช้กฎหมาย ยังไม่มีการบังคับใช้กฏหมายกันอย่างจริงจัง ประเทศไทยเรามีการออกกฎหมายมามากมาย แต่มักมีปัญหาเรื่องการบังคับใช้ นี่คืออีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย

...
  
การค้ามนุษย์ภัยร้ายในสังคมไทย
การค้ามนุษย์ภัยร้ายในสังคมไทย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจาย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
สถานการณ์การค้ามนุษย์ของสังคมไทย ในภาวะปัจจุบันมีความรุนแรง มีมากขึ้น กว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการบังคับเด็กเพื่อบังคับใช้แรงงาน บังคับค้าประเวณี ขอทาน ไม่เว้นแม้กระทั่ง ผู้ใหญ่ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
สำหรับชาวต่างชาติที่เป็นเหยื่อในการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ก็มีเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ไม่ว่าชาวต่างชาติที่มาจากประเทศ จีน พม่า ลาว เวียดนาม รัสเซีย ฟิจิและอุซเบกิสถาน ซึ่งชาวต่างชาติเหล่านี้เข้ามาในไทยด้วยความเต็มใจ ก็ด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น ความยากจน การต้องการเงินทอง โดยส่วนใหญ่ก็จะเข้ามาในรูป การขอทาน การถูกบังคับ ขู่เข็ญ ล่อลวงเพื่อบังคับใช้แรงงานและการขายตัวหรือค้าประเวณี
สำหรับ ความหมายของ การค้ามนุษย์ คือ การจัดหา การส่ง การทำให้เคลื่อนที่ของมนุษย์ โดยบุคคลด้วยวิธีการใช้กำลัง การข่มขู่ การบังคับ โดยการทำเพื่อการค้า การหารายได้ โดยมิชอบ หรือการรับผลประโยชน์ การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี การแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ การบังคับใช้แรงงาน การเอาคนมาใช้งานเยี่ยงทาส การนำคนมาขอทาน
ซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์มีหลายฉบับมากมาย เช่น
1.ประมวลกฏหมายอาญา 2.พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
3.พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539
4.พ.ร.บ.ปราบปรามการทำให้แพร่หลายและการค้าวัตถุอันลามก พ.ศ.2471
5.พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
6.พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 7.พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
8.พ.ร.บ.จัดหางาน และคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 9.พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2472
10.พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535
11.พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2552 12.พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2484
ซึ่งหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องและร่วมแก้ไขปัญหาได้แก่
ตำรวจหรือพนักงานฝ่ายปกครอง,พนักสอบสวน,โรงพยาบาล,นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์,พนักงานอัยการ,ทนายความ,องค์กรพัฒนาเอกชน,กระทรวงยุติธรรม,สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด,ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัด,บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัด ฯลฯ
สำหรับรูปแบบการค้ามนุษย์หรือรูปแบบการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ คือ
1.การค้าประเวณี 2.แสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น 3.การผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามก (ข้อ 1-3 เน้นเรื่องทางเพศ) 4.การเอาคนลงเป็นทาส 5.การนำคนมาขอทาน 6.การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ 7.การบังคับตัดอวัยวะเพื่อการค้า
ฉะนั้น การค้ามนุษย์ กระบวนการค้ามนุษย์ จึงเป็นภัยร้ายของสังคมไทย ที่พวกเราต้องคอยช่วย สอดส่อง ดูแล เพราะถ้าปัญหา ที่เกิดจากการค้ามนุษย์มีมากขึ้น ก็จะกระทบและก่อให้เกิดปัญหาด้านอื่นๆตามมา
...
  
กล้าเสี่ยงและลองทำสิ่งใหม่ๆแล้วท่านจะเป็นผู้ชนะ
จงกล้าเสี่ยงและลองทำสิ่งใหม่ๆแล้วท่านจะเป็นผู้ชนะ
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ธุรกิจที่ล้มเหลวมักจะเป็นธุรกิจที่ทำอะไรเดิมๆ และไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ไอเดียเดิมๆ กระบวนการเดิมๆ คิดและทำแบบเดิมๆ ฉะนั้น ถึงแม้ว่าองค์การธุรกิจจะไม่เปลี่ยนแปลงแต่ทุกวันนี้ โลกของเราเปลี่ยน ลูกค้าของเราเปลี่ยน และสถานการณ์ต่างๆทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
จงกล้าเสี่ยงและลองทำสิ่งใหม่ๆ ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จและเป็นผู้ชนะ มีบริษัทยักษ์ใหญ่ในอดีตเคยประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป โลกเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง แต่บริษัทยังคงติดภาพกับความสำเร็จในอดีต จึงทำให้เป็นผู้พ่ายแพ้ในที่สุด เช่น
ธุรกิจฟิล์ม สมัยอดีต ฟิล์มสีโกดักและฟูจิฟิล์ม โด่งดังมาก เป็นผู้นำในธุรกิจภาพถ่าย แต่เมื่อโลกเปลี่ยน ฟิล์มโกดักไม่ยอมเปลี่ยน จึงต้องล้มละลายและสิ้นชื่อไปจากวงการตลาดไป ส่วนฟูจิฟิล์ม ยังมีการปรับตัวถึงแม้จะช้ากว่าคู่แข่งแต่ก็สามารถอยู่ในวงการต่อไปได้ แต่ก็สูญเสียการนำและส่วนแบ่งทางการตลาดไปให้กับคู่แข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย
ดังนั้นจงกล้าเสี่ยงและลองทำสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าเราไม่ยอมเปลี่ยน ในอนาคตโลกก็จะบังคับให้เราเปลี่ยน.....
ในอดีตพวกเรามักได้ยินคำว่า “ ปลาใหญ่ต้องกินปลาเล็ก ” แต่โลกของการแข่งขันในยุคนี้ เราต้องให้ความสำคัญกับความรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงจึงอาจกล่าวได้ว่า “ ปลาเล็กสามารถเอาชนะปลาขนาดใหญ่ได้ด้วยความเร็ว” เรามักจะเห็นว่าองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่หรือเปรียบเทียบได้กับปลาตัวใหญ่มักจะเคลื่อนไหวช้า ตัดสินใจช้า หรือไม่ทำอะไรที่รวดเร็วต่อการสนองตอบการเปลี่ยนแปลงของโลกของการแข่งขันในยุคปัจจุบัน ตรงกันข้ามกับองค์การธุรกิจขนาดเล็กหรือปลาตัวเล็ก ที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสนองตอบเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกของการแข่งขัน
มนุษย์เราหรือองค์การธุรกิจมักกลัวการเปลี่ยนแปลง.....แต่มนุษย์และองค์การธุรกิจจะเจริญได้ก็ด้วยการเปลี่ยนแปลง......จงกล้าเสี่ยงที่จะเปลี่ยนแปลงและลองทำสิ่งใหม่ๆ แล้วท่านและองค์การธุรกิจของท่านจะเป็นผู้ชนะ....
...
  
อาจารย์พะเยาว์ พัฒนพงศ์
การศึกษา
ปริญญาโท ศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต (Thai studies) มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปริญญาตรี ครุศาสตร์บัณฑิต วิทยาลัยครูสวนสุนันทา กรมการฝึกหัดครู
วุฒิบัตร ศิลปะการพูดขั้นสูง สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
[แก้] เกียรติคุณ
นักพูดเข็มทองฝังเพชร ผู้มีสาระยอดเยี่ยม จากมติมหาชน
นักพูดดีเด่น ของอัครสังฆมณฑล กรุงเทพฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิผู้มีผลงานดีเด่นด้านการใช้ภาษาไทย กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
บุคคลผู้สนับสนุนการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมไทย คณะกรรมการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ
สตรีผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมที่ควรยกย่อง โรงเรียนรับรางวัลพระราชทาน “โรงเรียนประสาทศิลป์”
ศิษย์เก่าดีเด่นสาขาอาชีพอิสระ นักพูด โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช
ผู้ปกครองดีเด่น โรงเรียนสตรีวิทยา 2
แม่ดีเด่น เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 2542 โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
[แก้] ประสบการณ์
วิทยากรหลักสูตรนักบริการการแพทย์ และสาธารณสุขระดับสูง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2529-2542
ผู้บรรยายวิชา การพูดในที่สาธารณะ สถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง
ผู้บรรยายในการสัมมนา “ประชาคมเมือง” กรุงเทพมหานคร
วิทยากรการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ศิลปะการพูดที่มีคุณภาพ กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ
[แก้] ผู้บรรยายพิเศษ
คณะมัณฑนศิลป มหาวิทยาลัยศิลปากร
คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ฯลฯ
ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%8C_%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C".
หมวดหมู่: บทความเหมือนเรซูเม | พิธีกรไทย | นักพูด | บุคคลจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง | บุคคลจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา | บุคคลจากสมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
หมวดหมู่ที่ซ่อนอยู่: บทความที่ขาดแหล่งอ้างอิงเครื่องมือส่วนตัว
คุณลักษณะใหม่ล็อกอิน / สร้างบัญชีผู้ใช้เนมสเปซ
บทความอภิปรายสิ่งที่แตกต่างดู
เนื้อหาแก้ไขประวัติการกระทำ
สืบค้น

ป้ายบอกทาง
หน้าหลักเหตุการณ์ปัจจุบันถามคำถามบทความคัดสรรบทความคุณภาพสุ่มบทความมีส่วนร่วม
ศาลาประชาคมปรับปรุงล่าสุดเรียนรู้การใช้งานติดต่อวิกิพีเดียบริจาคให้วิกิพีเดียวิธีใช้พิมพ์/ส่งออก
สร้างหนังสือดาวน์โหลดในชื่อ PDFหน้าสำหรับพิมพ์
เครื่องมือ
หน้าที่ลิงก์มาปรับปรุงที่เกี่ยวโยงอัปโหลดหน้าพิเศษลิงก์ถาวรอ้างอิงบทความนี้หน้านี้แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2553 เวลา 13:03 น.
อนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แบบแสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน; เงื่อนไขอื่นอาจใช้ประกอบด้วย โปรดศึกษาเงื่อนไขการใช้งาน
...
  
พูดอย่างผู้นำ

พูดอย่างผู้นำ
แต่งโดย ดร.ดนัย ตุลาบดี แปลและเรียบเรียง ภายในเล่มมีคำพูดของนักพูดระดับโลก เช่น โรแนลด์ เรแกน
ลีกวนยู มาร์กาเรต แทตเชอร์ ลีไออาค็อกคา บิลล์ คลินตัน ฯลฯ
ราคาเล่มละ 105 บาท จัดจำหน่ายและจัดพิมพ์ โดย ดอกหญ้า
...
  
อายุความ
13
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.