หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
ธรรมในใจ - อ.วรภัทร์ ภู่เจริญ(1)
18
...
  
การทำงานให้เจริญก้าวหน้า
การทำงานให้เจริญก้าวหน้า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
พวกเราคงเคยนึกสงสัยหรือคงเคยเห็นบุคคลที่มีอายุน้อยแต่มีความสามารถในการบริหารงาน อีกทั้งเมื่อทำงานไปได้ไม่นานกลับมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เร็วยิ่งกว่าคนที่เข้ามาทำงานพร้อมๆกัน การทำงานให้เจริญก้าวหน้าในสายงานหรือในองค์กรนั้น หากไม่คำนึงถึงเรื่องของเส้นสายหรือระบบอุปถัมภ์ คนที่จะก้าวหน้าหรือเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วนั้น คงต้องอาศัยหลักการดังนี้
1.มีต้นแบบที่ดี หากต้องการประสบความสำเร็จในการทำงานในสายงานหรือในองค์กร ท่านควรหาต้นแบบที่ดี ทุกองค์กรมักมีเจ้านายที่ทำงานเก่ง มีการบริหารที่ดี มีแนวคิดการตัดสินใจที่เยี่ยม ท่านควรเลียนแบบหรือปรับปรุงตนเองให้เหมือนต้นแบบ ท่านลองศึกษาวิธีทำงานของเขา วิธีการแก้ไขปัญหา แล้วท่านก็จดจำวิธีที่ดีๆ นั้นไว้ใช้ต่อไป
2.มีความทะเยอทะยานในการทำงาน มีความใฝ่สูงในการทำงาน ความทะเยอทะยอนหรือความใฝ่สูงในการทำงานเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราเกิดความเจริญก้าวหน้า สำหรับคนที่ไม่มีความทะเยอทะยานหรือความใฝ่สูงในการทำงานมักมีแต่ความเสื่อม เพราะโลกยุคปัจจุบัน เป็นโลกของยุคการแข่งขัน หากเราหยุดอยู่กับที่เราในขณะที่คนอื่นๆ เดินไปข้างหน้า มุ่งไปข้างหน้า ก็เท่ากับเราล้าหลังทันที ความทะเยอทะยานหรือความใฝ่สูงในการทำงานนั้น คือ สมมุติว่าเราทำงานธนาคาร เราเป็นเจ้าหน้าที่ เราจะต้องมีความทะเยอทะยานหรือความใฝ่สูงว่าเราจะต้องทำงานเป็นผู้จัดการธนาคารให้ได้
3.มีความขยันพากเพียร ความขยันไม่ได้หมายถึงการหักโหมทำงานจนกระทั่งเจ็บปวด แต่เป็นการทำงานอย่างสม่ำเสมอ ไม่ลดความพยายาม เราจะเห็นจอมปลวก เป็นสัตว์ตัวเล็กๆ แต่สามารถสร้างจอมปลวกอันยิ่งใหญ่แข็งแรงเท่าภูเขาลูกเล็กๆ ขึ้นมาได้ เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะความขยันพากเพียรของปลวก หรือ เราจะเห็นนักเขียนที่สามารถเขียนหนังสือเล่มโตๆ ได้เป็นจำนวนมากได้เพราะอะไร หากไม่ใช่นักเขียนผู้นั้นมีความเพียรพยายาม ฉะนั้นหากท่านต้องการเจริญก้าวหน้าในสายงานหรือองค์กร ท่านจะต้องมีความขยันพากเพียรในการทำงาน
4.มีการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง การทำงานในยุคปัจจุบันเป็นยุคของการแข่งขัน เป็นยุคของเทคโนโลยี คนที่จะก้าวหน้าในสายงานหรือองค์กรนั้น จะต้องมีความสามารถ ความรู้หลายอย่าง อีกทั้งจะต้องทำงานที่มีความหลากหลายและรวดเร็วขึ้น ดังนั้นการพัฒนาตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำไปใช้ในการทำงาน เพราะเทคโนโลยีทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้คอมพิวเตอร์หรือ Ipad ในการนำเสนองาน ไม่ใช่นำเสนอแบบปากเปล่าเหมือนกันอดีต เป็นต้น
5.มีใจรักในงานที่ทำ ในการทำงานหากว่าเรามีใจรักในงานที่ทำเราจะทำงานนั้นได้นานกว่าปกติ อีกทั้งยังมีความรู้สึกสนุกกับมัน ในทางตรงกันข้าม หากว่าท่านต้องทำงานด้วยความจำใจทำ ท่านจะทำงานด้วยความลำบากใจ ไม่สนุก เฉื่อยช้า ชีวิตความก้าวหน้าในที่การทำงานของท่านก็จะเป็นไปอย่างช้าๆ
ฉะนั้น การทำงานให้เจริญก้าวหน้าเป็นสิ่งที่ทำกันได้ พัฒนาได้ ปรับปรุงแก้ไขได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ตัวท่านเองเป็นสำคัญ ว่าท่านต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองมากน้อยแค่ไหน ถ้าท่านอยากจะเจริญก้าวหน้าในสายงานหรือองค์กรได้อย่างรวดเร็ว ท่านคงต้องมีต้นแบบที่ดี ท่านต้องมีความทะเยอทะยานหรือความใฝ่งานในการทำงาน ท่านต้องมีความขยันพากเพียร ท่านต้องมีการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง และท่านต้องมีใจรักในงานที่ท่านทำ












...
  
การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมือง
การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมือง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ องค์กร หน่วยงาน สถาบัน และตัวเราเอง มีความจำเป็นอย่างยิ่ง การสร้างภาพลักษณ์ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ความน่าเชื่อถือและความศรัทธาแก่ผู้พบเห็น แวดวงต่างๆจึงให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแวดวงศาสนา แวดวงธุรกิจและแวดวงการเมือง ในบทความตอนนี้เราจะมาพูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้กันในเรื่อง “ การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมือง ” มีดังนี้
- การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองผ่านการใช้สื่อ เช่น สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์
สื่ออินเตอร์เน็ต ฯลฯ นักการเมืองที่โดดเด่นและผู้คนรู้จักกันมาก มักจะต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสื่อมวลชน เพื่อให้สื่อมวลชนออกข่าวประชาสัมพันธ์ความดีหรือผลงานของตน เพราะหากนักการเมืองมีผลงานมากมายขนาดไหนแต่สื่อมวลชนไม่ลงข่าวประชาสัมพันธ์ให้ ประชาชนส่วนมากก็คงไม่ทราบ จึงไม่แปลกใจที่นักการเมืองหลายคนเป็นเจ้าของสื่อหรือยอมลงทุนที่จะทำธุรกิจสื่อทั้งๆที่ การทำสื่อบางประเภทขาดทุนหรือกำไรน้อยแต่ก็ต้องทำทั้งนี้เพื่อสื่อประชาสัมพันธ์ผลงานของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ เจ้าของสถานีวิทยุ เจ้าของสถานีโทรทัศน์ ฯลฯ อีกทั้งนักการเมืองอีกหลายท่านหรืออดีตนายกรัฐมนตรีหลายท่าน ถึงกับใช้เวลาและพื้นที่สื่อในการจัดรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ด้วยตนเองหรือเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ด้วยตนเอง เพราะการจัดรายการวิทยุ โทรทัศน์ เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ ด้วยตนเอง ถือว่าได้เปรียบกว่านักการเมืองคนอื่นที่มีนักข่าวช่วยประชาสัมพันธ์เขียนให้พูดให้ ก็เนื่องมาจากนักการเมืองผู้นั้นได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อไปยังประชาชนได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านบรรณาธิการสื่อ
- การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองผ่านการตลาด ปัจจุบันทฤษฏีการตลาดได้นำมาใช้กับการเมืองมากขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การทำการตลาดการเมืองที่ดีนั้น จะต้องมีผู้จัดการด้านสื่อ คอยช่วยทำธนาคารข้อมูล ทำงานวิจัย ทำโพลในเรื่องต่างๆ มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน มีการวิเคราะห์สถานการณ์ว่า ควรจะให้นักการเมืองที่ทำการตลาดการเมือง พูดเมื่อไรเวลาไหน เพราะหากนักการเมืองไม่มีประเด็นในการนำเสนอก็จะไม่เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและก็ไม่เป็นข่าว การทำการตลาดการเมืองจึงต้องมีงบประมาณ การควบคุม การประเมินผลงาน การตรวจสอบ ทั้งนี้ผู้จัดการด้านสื่อจะต้องรู้จักใช้สื่อทุกอย่างที่เป็นเครื่องมือให้เป็นประโยชน์มากที่สุด อีกทั้งต้องรู้จักเรื่องของการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าหรือประชาชน และต้องวิเคราะห์ว่าลูกค้าหรือประชาชนที่ไม่เลือกนักการเมืองที่ทำการตลาดนั้นให้ได้ ว่าทำไมเขาถึงไม่เลือกหรือลังเล การวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของตนเองและคู่แข็งก็มีความสำคัญ
- การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองผ่านสถานการณ์ทางการเมือง การเมืองทุกยุคทุกสมัยมักมีความ
คล้ายคลึงกัน ถ้าหากท่านลองไปศึกษาการเมืองในยุคสามก๊กหรือประวัติศาสตร์ทางการเมืองของทุกประเทศในอดีต ก็จะเห็นจริงว่า บ้านเมืองเคยสงบแล้วก็กลับมาวุ่นวาย จากความวุ่นวายก็กลับมาสงบ เช่นเดียวกับการเมืองระดับชาติ พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแล้วก็กลับเป็นฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายค้านแล้วก็กลับเป็นรัฐบาล หรือการเมืองระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด คนที่เคยได้รับเลือกตั้งแล้วก็กลับไม่ได้รับเลือกตั้ง จากไม่ได้รับเลือกตั้งก็กลับเป็นรับเลือกตั้ง ดังนั้นการสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองต้องสร้างทั้งตอนที่มีอำนาจอยู่ในตำแหน่งและสร้างตอนที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจในตำแหน่ง เช่นเมื่อไม่ได้รับเลือกตั้งก็ต้องนั่งรถตระเวนไปพบปะประชาชนให้ความช่วยเหลือประชาชน ยังภาคต่างๆจังหวัดต่างๆ ท้องที่ต่างๆ เพื่อเก็บคะแนนในการเลือกตั้งในครั้งต่อไป
ดังข้อความข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองมีความสำคัญและความจำเป็น ที่จะทำให้นักการเมืองผู้นั้นชนะการเลือกตั้งหรือเป็นที่ยอมรับ เป็นเคารพ เป็นที่ศรัทธาของประชาชน สำหรับการสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองนั้นต้องอาศัยสื่อ อาศัยทฤษฏีทางการตลาดและสถานการณ์ทางการเมืองในการสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมืองด้วย


...
  
เหนือคู่แข่งด้วยการบริการ
เหนือคู่แข่งด้วยการบริการ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในยุคนี้ การแข่งขันเพื่อแย่งชิงลูกค้ามีความรุนแรงมากเมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต คุณภาพของสินค้ามีความใกล้เคียงกัน แผนการตลาดมีความใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สามารถทำให้เกิดความแตกต่างกันได้ก็คืองานด้านบริการนั่นเอง ดังคำแนะนำของ ปรมาจารย์ด้านการจัดการสมัยใหม่ ปีเตอร์ ดรักเกอร์ แนะนำว่า อาวุธของการจัดการงานบริหารสมัยใหม่ คือ การบริการที่เป็นเลิศ
เพราะหากบริการลูกค้าไม่ดีลูกค้าไม่พอใจ 1 คน มักจะเกิดการบอกต่ออีก 67 คน ลูกค้าจึงมีความสำคัญมากดังคำกล่าวของ มหาตมะ คานธี กล่าวไว้ว่า “ ลูกค้าคือบุคคลที่สำคัญที่สุด ที่มาเยือนเราในสถานที่นี้ เขามิได้พึ่งเรา เราต่างหากที่จำเป็นต้องพึ่งเขา เขามิได้มาขัดจังหวะการทำงานของเรา หากแต่การรับใช้เขา คือ วัตถุประสงค์ของงานของเรา เขามิใช่บุคคลภายนอก แต่เขาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจของเราทีเดียว ในการรับใช้เขานั้น เรามิได้ช่วยอะไรเขาเลย เขาต่างหากเป็นฝ่ายช่วยเหลือเรา โดยให้โอกาสแก่เรา ที่จะได้รับใช้เขา ”
ทุกธุรกิจต้องมีงานบริการ เมื่อทราบถึงความสำคัญของงานบริการแล้ว ถามว่าแล้วจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและบริการให้อยู่เหนือคู่แข่ง มีงานวิจัยชิ้นสำคัญกล่าวว่า การสร้างความประทับใจต่อลูกค้า มีดังนี้
1.พูดจาสุภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความกระตือรือร้นในการบริการ
2.บริการด้วยความรวดเร็ว แม่นยำและถูกต้อง
3.บริการเป็นกันเองเสมือนหนึ่งเป็นญาติ
4.พนักงานมีบุคลิกภาพดี มีอัธยาศัยใจคอที่ดี ให้การต้อนรับที่ดี
Service Mind ต้องอยู่ในหัวใจของพนักงาน หากว่าคุณเคยเข้าไปซื้อของที่ร้านขายของชำตามตลาด หากคนขาย พูดจาไม่สุภาพ ไม่ยิ้มแย้ม หน้าบึ้งตึงตลอดเวลา ทำเสมือนหนึ่งว่าคุณกำลังมารบกวน คุณจะรู้สึกอย่างไร แต่หากว่าคุณเข้าไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 พนักงานยิ้มแย้ม พูดจาสุภาพ คุณจะรู้สึกอย่างไร
หากว่าคุณได้สัมผัสกับคนขายในร้านขายของชำ คุณคงไม่รู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเมื่อเข้าไปใช้บริการในร้าน เหมือนกับการใช้บริการในร้านสะดวกซื้อ 7-11 และเช่นกันหากว่าคุณกำลังทำธุรกิจอยู่คุณคงไม่อยากให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ไม่ประทับใจเช่นนั้นกับธุรกิจของคุณ
Seveic Mind หรือการสร้างหัวใจนักบริการที่ดี จึงเป็นสิ่งที่คุณควรปลูกฝังและสร้างมันให้เกิดขึ้นในองค์กรธุรกิจของคุณ ส่วนใหญ่บริษัท องค์กรธุรกิจมักจะสร้างขึ้นด้วยการฝึกอบรมพนักงาน ถึงแม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากก็ตาม แต่ผลที่ได้กลับคืนมาคุ้มกว่าค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปเป็นอันมาก
อีกทั้งแนวโน้มของธุรกิจบริการในประเทศที่พัฒนาแล้วมีแนวโน้มที่มากขึ้นเพราะประเทศพัฒนาแล้วได้ลดกำลังการผลิตลง แต่ไปเพิ่มในส่วนของธุรกิจการบริการมากขึ้น เช่น
GE (เจเนอรัลอิเล็กทริก) เดิมทำธุรกิจผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล ปัจจุบันหันมาทำธุรกิจด้านบริการทางการเงิน คือ GE Capital ซึ่งมีสาขาทั่วโลก อีกทั้งทำกำไรได้มากกว่าการผลิตเครื่องจักร ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เสียอีก
IBM เมื่อก่อนผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เป็นอันดับ 1 ของโลก ปัจจุบันได้ขายธุรกิจการผลิตคอมพิวเตอร์ทั้งหมดแล้วหันมาทำธุรกิจบริการ เช่น การพัฒนาซอฟแวร์ การให้คำปรึกษาในการวางระบบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ดังนั้นแนวโน้มของธุรกิจการบริการเป็นแนวโน้มที่ดีมากๆในอนาคต อีกทั้งในยุคปัจจุบัน หากองค์กรใด หน่วยงานใด มีการบริการที่ดีและเหนือกว่าคู่แข่งขัน ย่อมสร้างความได้เปรียบ ความเป็นต่ออย่างมากในการทำธุรกิจ

...
  
การพูดสำหรับนักการเมือง
การพูดสำหรับนักการเมือง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
เราต้องยอมรับกันว่า นักการเมืองที่มีวาทศิลป์ พูดเก่ง ผู้ฟังและประชาชนที่ลงคะแนนเลือกตั้งมักจะชื่นชอบ ดังนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในอาชีพนักการเมือง จึงสมควรที่จะต้องพัฒนาการพูดของตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าหากท่านประสบความสำเร็จในการพูดทางการเมือง สิ่งที่ตามมาก็คือ ชื่อเสียง ตำแหน่ง เงินทอง การเป็นผู้นำ อีกทั้งยังได้รับความศรัทธาจากผู้คน ฯลฯ
ถ้าหากท่านต้องการประสบความสำเร็จในการพูดทางการเมือง กระผมขอทำความแนะนำพร้อมทั้งยกตัวอย่างดังนี้
1.ท่านต้องเรียนรู้จิตวิทยา การจะพูดทางการเมืองให้ได้ดี ท่านมีความจำเป็นจะต้องเรียนรู้ วิเคราะห์ว่า ประชาชนที่กำลังไปฟังท่านนั้น เป็นกลุ่มไหน ท่านจึงจะสามารถพูดให้เข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้ฟังได้ เช่น พูดให้ประชาชนผู้ใช้แรงงานฟัง ท่านควรพูดถึงเรื่องใกล้ตัวของเขา เรื่องค่าครองชีพในปัจจุบัน เรื่องของภาวะเศรษฐกิจ เรื่องของการปรับตัว ตลอดจนเรื่องของรายได้ ค่าใช้จ่าย การศึกษาของลูกๆ เป็นต้น
2.ท่านควรมีการอ้างอิง การอ้างอิงจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ การจูงใจ ดังเราจะสังเกตเห็นว่า นักการเมืองระดับประเทศหลายๆคน เวลาหาเสียง มักมีการอ้างอิงถึง สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันที่มีชื่อเสียง ตลอดจนอ้างอิงผู้มีชื่อเสียงต่างๆ นักการเมืองบางคน หนักถึงขนาดท้าสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันเลยก็มี
3.ท่านควรใช้ภาษาชาวบ้าน ภาษาท้องถิ่นนั้นๆ หากว่าท่านสามารถพูดได้ แต่ถ้าหากพูดภาษาท้องถิ่นไม่ได้ ก็ควรใช้ภาษาที่ประชาชนเข้าใจง่ายๆ หลีกเลี่ยงศัพท์วิชาการหรือคำที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น นักการเมืองหลายคนเป็นคนภาคใต้ ก็มักจะพูดภาษาใต้ในการหาเสียงทางการเมือง , นักการเมืองหลายคนพูดอีสานได้ ก็จะหาเสียงเป็นคำพูดอีสานในการหาเสียงในบริเวณพื้นที่อีสาน เป็นต้น
4.ท่านควรมีความหลากหลายในการพูดทางการเมือง เช่น ท่านควรมีอารมณ์ขันในการพูดในบางช่วง ท่านต้องพูดด้วยอารมณ์ที่จริงจังในบางช่วง ท่านต้องสื่ออารมณ์ด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเห็นใจในบางช่วงท่านจำเป็นจะต้องพูดช้าๆ หากต้องการให้ผู้ฟังเข้าใจหรือให้ผู้ฟังคิดตามในบางช่วง ท่านต้องพูดในจังหวะที่รวดเร็วในบางช่วง สรุปคือ นักพูดที่ประสบความสำเร็จทางการเมืองจะเป็นนักพูดหรือนักแสดงการพูดที่มีความหลากหลายในการนำเสนอหรือพูด
5.ท่านต้องสามารถพูดในลักษณะ ชัดเจนที่คลุมเครือ ได้ ตัวอย่าง เช่น ในการจัดการประชุมครั้งหนึ่ง เราจัดเก้าอี้ให้คนได้นั่ง 30 ที่นั่ง แต่ปรากฏว่ามีคนมา 50 คน เราสามารถพูดแบบ ชัดเจนที่คลุมเครือ ได้ดังนี้ ในการจัดการประชุมครั้งที่ผ่านมา เราได้รับความสนใจจากผู้มาฟังที่ ล้นหลาม คับคั่ง มากมาย เกินคาด แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อไปอีก เพื่ออธิบายในรายลักษณะ ถามว่า โกหกไหม ไม่ได้โกหกครับ ถาม ล้นหลามหรือเปล่า ล้มหลามครับ ถามว่า คับคั่งหรือเปล่า คับคั่งครับ มากมายหรือเปล่า มากมายครับ และเกินคาดหรือเปล่า เกินคาดครับ เนื่องจากเจ้าภาพจัดที่นั่ง 30 ที่นั่ง แต่คนมา 50 คน บางคนก็ต้องยืนฟังก็มี อีกทั้งผู้จัดได้ใช้ห้องเล็กเพราะมีคนมาประชุม 30 คน แต่พอมามาก จึงจำเป็นจะต้องเปิดประตูบางคนต้องไปฟังนอกห้องก็มี นักพูดทางการเมืองที่เก่งมักจะต้องมีความสามารถในการพูดในลักษณะนี้ แต่ถ้าพูดไม่เก่งหรือพูดไม่เป็น บางคนอาจจะพูดเลยไปว่า “ การประชุมครั้งที่ผ่านมา เราได้รับความสนใจจากผู้ฟังที่ ล้มหลาม คับคั่ง มากมาย เกินคาด มีคนมาฟังตั้ง 50 คน คนฟังชักงง เพราะตอนแรกพูดจนเห็นภาพพจน์ ว่าเป็นการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ เป็นต้น
6.ท่านอาจใช้เทคนิคการ ถามตอบ นักการเมืองระดับประเทศ หลายคนมักใช้เทคนิคนี้ คือ เวลาพูดมักถามนำและสรุปคำตอบให้ผู้ฟัง เช่น ใช่หรือไม่ ครับ พี่น้อง , จริงไม่ จริง ครับ พี่น้อง แล้วจึงตอบว่า ใช่ พร้อมยกคำตอบเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ฟังคล้ายตาม
เทคนิคเหล่านี้ เป็นเทคนิคที่ใช้กันมาเป็นพันๆปี และยังสามารถนำไปใช้ได้อยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นหากท่านต้องการพูดทางการเมืองให้ได้ดีหรือประสบความสำเร็จ ท่านควรเรียนรู้ ศึกษา และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องแล้วท่านจะประสบความสำเร็จในการพูดทางการเมือง
...
  
วาทะ ชวน หลีกภัย
เป็นการรวบรวมคำคมของอดีต นายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย โดย ไพโรจน์ อยู่มณเฑียร ราคา 90 บาท
อดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้ได้รับฉายาว่า “ ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง ” ใบมีดโกนจะอาบน้ำผึ้งอย่างไรสามารถหาอ่านกันได้ครับ ผมเองอ่านแล้วชอบหลายประโยค เช่น
- แม้จะเจ็บปวดในตอนต้น แต่ถ้าคคิดถึงผลระยะยาว มันเป็นเรื่องที่แน่นอนกว่า
- ผมไม่เคยคิดว่าตำแหน่งสำคัญกว่าความอยู่รอดของพรรค ช่วงไหนคนเหมาะสมกว่าก็ต้องเปิดโอกาส
- ถ้าข้าราชการสนับสนุนพวกนักการเมืองที่ซื้อเสียง ภัยก็จะมาถึงพวกเขาก่อนคนอื่นๆ ต่อไปวันหนึ่ง กระทรวง ทบวง กรม ก็จะมีโจรมาปกครอง
...
  
การซื้อขายที่ดิน
19
...
  
ดร.บุญชัย ONAIR on CH.3 (4/4) Fast English
19
...
  
ความเชื่อมั่นในตนเอง
ความเชื่อมั่นในตนเอง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างหนึ่งของบรรดาบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ไม่มีบุคคลสำคัญคนใดเลยที่ไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว หากท่านปราศจากความเชื่อมั่นในตนเองแล้วท่านก็ไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่ใหญ่โตได้
ลักษณะของคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเองจะมีพฤติกรรม กล่าวคือ กล้าแสดงออก กล้าพูด กล้าคิด กล้าที่จะลงมือทำ มีความกล้าเสี่ยง ชอบริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งแปลกๆใหม่ๆ มีความเป็นผู้นำ เป็นต้น
สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง เราสามารถสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง ได้ดังนี้
1.ต้องรู้จักพึ่งตนเอง การพึ่งพาตนเอง การใช้ความสามารถของตนเองให้มากที่สุด จะทำให้เราสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างมากมาย คนที่ขาดการพึ่งพาตนเอง ได้แต่ขอความพึ่งพาจากผู้อื่น จะทำให้เกิดความอ่อนแอ อีกทั้งเป็นสิ่งที่ทำลายอนาคตของตนเอง
2.ต้องรู้จักนั่งแถวหน้า ในงานอบรม ในงานสัมมนา ในงานประชุมต่างๆ เราจะเห็นได้ว่าคนที่เป็นผู้นำหรือคนที่มีความมั่นใจในตนเองจะเป็นคนนั่งแถวหน้า แต่ในทางตรงกันข้าม บุคคลที่ขาดความมั่นใจจะรู้สึกมีความปลอดภัยโดยการนั่งแถวหลังๆ เพราะการนั่งแถวหน้า มักจะเป็นจุดเด่น เป็นเป้าสายตา อีกทั้งยังมีโอกาสถูกวิทยากรถามอีกด้วย
3.ต้องมีความกระตือรือร้น โดยฝึกเคลื่อนไหวร่างกายให้มีความกระฉับกระเฉง เดินให้เร็วกว่าปกติสัก 20-30 เปอร์เซ็นต์ ฝึกเดินยืดอก ยืดไหล่ หน้าเชิด อย่างคนที่มีความมั่นใจในตนเอง ถ้าท่านผู้อ่านลองไปสังเกตดู ในการเดินแต่ละรูปแบบ อารมณ์ของคนเราจะเปลี่ยนไป การเดินเร็วกว่าปกติจะทำให้ท่านมีอารมณ์ที่สดชื่น มีความมั่นใจในตนเอง แต่ตรงกันข้ามหากท่านเดินช้ากว่าปกติ อารมณ์ของท่านก็จะมีความรู้สึกที่ห่อเหี่ยว เฉื่อยชา
4.ต้องฝึกการพูดต่อหน้าที่ชุมชนและฝึกพูดแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม การฝึกพูดต่อหน้าที่ชุมชนและการฝึกแสดงความคิดเห็น จะทำให้เราเกิดความมั่นใจในตนเอง คนหลายคนมีศักยภาพ มีความสามารถ มีความคิดที่ดีเฉียบแหลม แต่ไม่กล้ายืนพูดต่อหน้าที่ชุมชนหรือแสดงความคิดเห็น ฉะนั้นหากท่านต้องการสร้างความมั่นใจในตนเอง ท่านต้องกล้าที่จะยืนพูดหรือกล้าแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะชน เมื่อท่านพูดบ่อยๆ ท่านก็จะมีความมั่นใจในตนเองมากยิ่งขึ้น
5. ต้องฝึกพูดบวกกับตัวเองบ่อยๆ ว่า “ฉันทำได้” “ ฉันสู้ตาย” ไม่ควรพูดกับตัวเองในทางลบ “ ฉันทำไม่ได้แน่” “ เรื่องนี้ยากเกินไป” “ไม่เอาแล้วไม่สู้แล้ว” การฝึกพูดบวกกับตัวเองบ่อยๆ จะช่วยให้ท่านเกิดความมั่นใจในตนเองยิ่งขึ้น และในทางกลับกัน เมื่อท่านพูดลบกับตัวเองบ่อยๆ ความมั่นใจในตนเองของท่านก็จะลดน้อยลง
6. ต้องฝึกสบสายตา คนที่มีความมั่นใจในตนเอง เวลาพูดเวลาสนทนากันเขามักจะกล้ามองตาผู้สนทนา แต่บุคคลที่ขาดความมั่นใจในตนเอง มักจะเป็นคนที่ลบสายตาในเวลาที่สนทนากัน การลบสายตามักจะทำให้ผู้สนทนาตีความหมายไปในทิศทางต่างๆ เช่น ผู้ลบสายตาเขากลัวอะไร , เขากำลังปิดบังอำพรางอะไรหรือไม่ , เขากำลังมีความลับอะไรบางอย่างหรือไม่ ฯลฯ
7.ต้องฝึกมองโลกในแง่ดี ฝึกยิ้มให้กว้าง ฝึกอารมณ์ให้เบิกบานแจ่มใส จะช่วยสร้างกำลังใจของท่านให้ดีขึ้น และทำให้เกิดความมั่นใจในตนเอง การฝึกยิ้มให้กว้างจนเห็นฟันจะดีกว่าการยิ้มแบบปิดปากหรือยิ้มแบบครึ่งๆ กลางๆ จากการศึกษาและสำรวจ บุคคลที่ยิ้มกว้างหรือยิ้มแบบเปิดเผยจะทำให้ท่านชนะความกลัวและเกิดความมั่นใจในตนเองขึ้น
ทั้งหมดข้างต้นนี้ เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการฝึกสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเอง หากท่านลองนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ท่านก็จะเกิดความมั่นใจในตนเองมากขึ้น จงฝึกเพื่อพัฒนาตนเอง ปรับปรุงตนเอง ท่านก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวของท่าน
...
  
ประหยัดเวลาด้วยวิธีการวางแผน
ประหยัดเวลาด้วยวิธีการวางแผน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
คนเรามีเวลาเท่ากัน 24 ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน 365 วันต่อ 1 ปี แต่คนที่มีประสิทธิภาพมักจะสร้างผลงานหรือมีผลงานออกมามากกว่าคนที่ไม่มีประสิทธิภาพ อาจจะมีหลายปัจจัยที่ทำให้ผลงานออกมาแตกต่างกัน เช่น เรื่องของสติปัญญา เรื่องความรู้ความสามารถ เรื่องของประสบการณ์ และเรื่องของการบริหารเวลา
การบริหารเวลา ถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่การจะบริหารเวลาให้ได้ผลดี การวางแผนถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ แต่ปัญหาส่วนใหญ่ก็คือ คนเป็นจำนวนมากมักไม่ชอบวางแผน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องการดำเนินชีวิต และการวางแผนเรื่องของการใช้เวลา การวางแผนการใช้เวลาจะทำให้เราประหยัดเวลาไปได้มาก ซึ่งการวางแผนการใช้เวลามีดังนี้
1.สร้างเป้าหมายประจำปี ประจำเดือน ประจำสัปดาห์และประจำวัน การมีเป้าหมายจะทำให้เรารู้ทิศทางที่เราต้องการจะเดินหรือมุ่งไป ตัวอย่าง อาชีพนักขาย เราควรกำหนดเป้าหมายเป็นยอดขายว่าปีนี้เราต้องการยอดขายเท่าไร เมื่อทราบเป้าหมายประจำปีแล้วจึง เฉลี่ยเป็นรายเดือน รายสัปดาห์และรายวัน ต่อไป เช่น เป้าหมายรายปี เท่ากับยอดขาย 12,000,000 บาท เป้าหมายรายเดือนเท่ากับ 12,000,000 บาทหารด้วย 12 เดือน เท่ากับ 1,000,000 บาท เป้าหมายรายวัน ก็นำเอา 1,000,000 บาท หารด้วย 30 วัน
2.ใช้เวลา 30 นาทีในการวางแผนการทำงานในแต่ละสัปดาห์และใช้เวลา 15 นาทีในการวางแผนการทำงานในแต่ละวัน การใช้เวลาเพียง 15-30 นาที ในการวางแผนงานเป็นรายสัปดาห์และการวางแผนเป็นรายวันจะทำให้ท่านประหยัดเวลาได้อีกเป็นจำนวนมาก เพราะจากงานวิจัยพบว่า การวางแผนเพียงแค่ 8 นาทีต่อวัน จะทำให้เราประหยัดเวลาในการทำงานถึงวันละ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
3.สร้างระบบหรือเครื่องมือในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น สร้างตารางการทำงาน , การใช้ไดอารี่ การใช้สมุดพก ฯลฯ ทั้งนี้การสร้างระบบหรือเครื่องมือในการทำงานของแต่ละท่านอาจไม่เหมือนกัน ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับลักษณะของการทำงาน นิสัย พฤติกรรมของแต่ละบุคคล
4.อย่าเปิดไปรษณีย์ที่ไม่สำคัญหรือหากเป็นงานที่ไม่สำคัญมากนัก ก็ขอให้ผู้อื่นทำแทน การเปิดจดหมาย การไปฝากเงินธนาคาร การไปส่งของยังสถานีต่างๆ อาจจะทำให้ท่านเสียเวลา หากต้องการมีเวลาในการทำงานมากขึ้น สิ่งที่ไม่สำคัญหรืองานที่ไม่สำคัญควรให้ผู้อื่นไปทำกิจกรรมนั้นแทน
5.จัดการงานด้านเอกสารทีละเรื่อง ไม่ควรทำที่ละ 2-3 อย่าง และไม่ควรสะสมงานที่ทำไม่เสร็จเป็นดินพอกหางหมู การทำงานที่ละ 2-3 อย่างจะทำให้เราไม่มีสมาธิในการทำงาน หากท่านต้องการทำงานให้รวดเร็วขึ้น อีกทั้งมีประสิทธิภาพ ท่านควรทำงานที่ละอย่าง จนเสร็จหมดทุกอย่างไม่ควรทำงานให้ค้างไว้หรือสะสมไว้มากๆ จนทำไม่ไหว
6. ขนงานบางชิ้นที่สามารถทำได้หรือหนังสือที่ต้องการอ่าน ไปทำหรือไปอ่านด้วย เช่น เมื่อเลิกงานทำไม่เสร็จท่านสามารถขนงานบางชิ้นที่สามารถทำได้หรือเร่งด่วนไปทำที่บ้าน หรือหนังสือที่ต้องการอ่านไปอ่านระหว่างการรอรถโดยสารประจำทาง หรือ ระหว่างรอเครื่องบินที่สนามบิน
ดังนั้น การวางแผนสำหรับประหยัดเวลาจึงมีประโยชน์และมีความสำคัญ เมื่อท่านมีการวางแผนท่านจะประหยัดเวลาได้มาก การทำงานของท่านจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ท่านจะมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น ท่านจะเหลือเวลาในการทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น จงสร้างเป้าหมาย จงวางแผนการทำงานในแต่ละวัน จงสร้างระบบหรือเครื่องมือ จงหาผู้ช่วยช่วยทำงานที่ไม่มีความสำคัญ จงทำงานทีละเรื่อง และจงขนงานบางชิ้นหรือหนังสือไปอ่านยังสถานที่ต่างๆ หากท่านลองนำวิธีดังกล่าวไปปฏิบัติกระผมเชื่อว่าเวลาในชีวิตของท่านจะมีเวลามากขึ้นกว่าเก่าอย่างแน่นอน
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.