หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
สัมภาษณ์รายการวิทยุ ประเด็น " สิทธิผู้บริโภค "
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ สัมภาษณ์รายการวิทยุ ประเด็น " สิทธิผู้บริโภค " เพื่อให้ข้อมูล ความเคลื่อนไหว ประเด็นทางกฏหมาย องค์กรต่างๆ ที่ทำงานด้านบริโภค ...
  
อัจฉริยะอยู่ที่ตัวท่าน
อัจฉริยะอยู่ที่ตัวท่าน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
พวกเราหลายๆคน คงเคยได้อ่านประวัติของบุคคลที่เป็นอัจฉริยะกันบ้างแล้ว ถ้าว่าอัจฉริยะสามารถสร้างกันได้ไหม ได้ครับ หากว่าเราลองไปศึกษาประวัติของบุคคลที่เป็นอัจฉริยะ หลายๆท่านจะทำให้เราเรียนรู้ว่าอัจฉริยะอยู่ที่ตัวท่านเองและสามารถสร้างกันได้ โดยมีข้อแนะนำดังนี้
1.โทมัส อัลวา เอดิสัน กล่าวว่า “ อัจฉริยะเกิดจากแรงบันดาลใจเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ อีก 99 เปอร์เซ็นต์คือความอุตสาหะ” ฉะนั้นจากคำกล่าวของ โทมัส อัลวา เอดิสัน ทำให้เราทราบว่า ความอุตสาหะ พากเพียร ทำให้เกิดความเป็นอัจฉริยะขึ้น ดังเช่น หลวงวิจิตรวาทการได้ทำงานหนักด้วยความอุตสาหะ พากเพียร จนได้ชื่อว่าเป็นผู้มีสามารถหลากหลายหรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งได้
2.อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวว่า “ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ” บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีจินตนาการสูง บุคคลที่เป็นนักประดิษฐ์คิดค้น นักวิทยาศาสตร์ นักสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ มักจะจินตนาการเห็นภาพของสิ่งต่างๆหรือสินค้านั้นก่อน หลังจากนั้นก็จะลงมือร่างในกระดาษเปล่า แล้วดำเนินการสร้างหรือประดิษฐ์ทันที จินตนาการจึงมีความสำคัญต่อบุคคลที่ต้องการสร้างสรรค์สิ่งแปลกๆใหม่ๆ ขึ้นในโลกนี้
3.สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวว่า “ การเป็นผู้เรียนรู้อย่างลึกซึ้งจนมีความเชี่ยวชาญและรู้จักใช้คำพูดที่ดี เหล่านี้คือโชคดี” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอีกผู้หนึ่งที่โลกยกย่องให้เป็นอัจฉริยะบุคคล ท่านเรียนรู้สิ่งที่ท่านสอนผู้คนอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งปฏิบัติจนเกิดความเชี่ยวชาญและยังเป็นบุคคลที่โลกยกย่องให้เป็นนักพูดที่เก่งกาจ ทั้งพูดให้ผู้ฟังคิด พูดให้ผู้ฟังเกิดการปฏิบัติตาม หากท่านต้องการเป็นอัจฉริยะบุคคล ท่านควรเรียนรู้สิ่งที่ท่านทำจนให้เกิดความเชี่ยวชาญและควรฝึกฝนการพูดให้ได้ดี ท่านก็จะประสบความสำเร็จ
4.แฟรงคลิน ดี.รุสเวลทต์ อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “ เราไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวนอกจากเจ้าตัวความกลัวเท่านั้น ” บุคคลธรรมดาทั่วโลก มักมีความกลัวต่างๆ มากมายจึงทำให้ไม่กล้าที่จะลงมือทำงานที่ยิ่งใหญ่ ทำงานที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆและทำงานที่หนักได้ เช่น กลัวถูกวิจารณ์ กลัวถูกตำหนิ กลัวความไม่มั่นคงปลอดภัย กลัวความตาย กลัวพลัดพลาดจนคนที่เรารัก กลัวเจ็บป่วย กลัวอันตราย กลัวการถูกปฏิเสธ ฯลฯ ฉะนั้นหากท่านมีความกล้ามากขึ้น ท่านลดความกลัวต่างๆให้น้อยลง ท่านจะเป็นคนหนึ่งที่สามารถทำงานที่ยิ่งใหญ่ ทำงานที่สร้างสรรค์และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขขึ้น
5.วอลเทอร์ อีเลียส ดิสนีย์หรือวอลท์ ดิสนีย์ เจ้าของสวนสนุกที่มีชื่อเสียงระดับโลก กล่าวว่า “ หากคุณได้ทำงานที่คุณรัก คุณจะประสบผลสำเร็จที่แท้จริง ” บุคคลที่ยิ่งใหญ่หรือเป็นอัจฉริยะบุคคลมักรักในงานที่ตนทำ หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่รักในงานที่ท่านทำแล้วท่านสามารถพัฒนาตนเอง เรียนรู้ ฝึกฝน อดทน สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในงานของท่าน ท่านก็สามารถเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ
บุคคลที่มีความเป็นอัจฉริยะทั้ง 5 ท่านที่ได้กระผมได้เขียนไว้ข้างต้น อาจทำให้ท่านผู้อ่านได้แง่คิดและความรู้ในการปรับปรุงพัฒนาตัวท่านเอง ความเป็นอัจฉริยะสามารถ ฝึกฝน เรียนรู้ได้ ด้วยการทุ่มเททำงานอย่างหนัก มีจินตนาการ มีการเรียนรู้ฝึกฝนและการสื่อสารที่ดี มีความกล้าที่จะทำและมีความรักในงานของท่าน ความเป็นอัจฉริยะก็จะอยู่ที่ตัวท่าน





...
  
ใช้ความราบรื่นเพิ่มความสุขให้ชีวิต
ใช้ความราบรื่นเพิ่มความสุขให้ชีวิต
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
การหาความสุขให้กับชีวิตตนเอง บางคนคิดว่าต้องใช้เงินจำนวนมาก บางคนบอกว่าต้องไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ บางคนบอกว่าต้องมีรถมีบ้าน ฯลฯ แต่แท้จริงแล้วเราสามารถเพิ่มความสุขให้ชีวิตของตนเองได้โดยใช้วิธีการง่ายๆอย่างราบรื่น ดังนี้
1.หางานอดิเรกทำ อันว่างานอดิเรกคือ งานที่เราพอใจทำ เพื่อความสนุกสนาน มากกว่าคิดถึงค่าตอบแทนทางด้านการเงิน งานอดิเรกยังก่อให้เกิดประโยชน์หลายอย่างเช่น ช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ องค์ความรู้ ทำให้รู้จักผู้คนในวงการที่ทำงานอดิเรกเดียวกันมากขึ้น ตัวอย่างงานอดิเรก การอ่านหนังสือ การสะสมสิ่งของต่างๆ การปลูกต้นไม้ การเล่นกีฬา การวาดรูป การเล่นดนตรี ฯลฯ
2.ดื่มน้ำเปล่าๆดีที่สุด การดื่มน้ำเปล่าจะทำให้เราประหยัดเงินได้มากกว่า การดื่มเครื่องมดื่มต่างๆ เช่น กาแฟ น้ำอัดลม น้ำชา น้ำผสมหัวเชื้อผลไม้หรือสีต่างๆ ฯลฯ เพราะการดื่มน้ำเปล่านั้น ไม่มีคาเฟอีน ไม่มีน้ำตาล ไม่มีสี ไม่มีการอัดแก๊ส ไม่มีการผสมกลิ่น ไม่มีการผสมแอลกอฮอล์ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะก่ออันตรายให้แก่ร่างกายหากว่ารับประทานเป็นจำนวนมากและทานประจำติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ การดื่มน้ำเปล่าจึงไม่ก่ออันตรายให้แก่สุขภาพ อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายเรามีความแข็งแรง เป็นปกติอีกด้วย
3.อ่านหนังสือ การอ่านหนังสือช่วยสร้างความสุขให้กับชีวิตเรา บางคนมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีก็เพราะเหตุที่ได้อ่านหนังสือเพียงแค่เล่มเดียว การอ่านหนังสือดีๆยังช่วยให้เราเกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ผู้ที่มีนิสัยรักการอ่านมักได้เปรียบกว่าคนที่ไม่มีนิสัยรักการอ่าน เพราะการอ่านหนังสือเหมือนเราได้อ่านประสบการณ์ต่างๆ ของผู้อื่น ซึ่งถ้าหากเราใช้ประสบการณ์ของตนเอง เราต้องเสียเวลาเป็นอันมาก การอ่านหนังสือจึงเป็นทางลัดที่นำตนเองไปสู่ความสำเร็จ
4.การทำสมาธิ ท่านแทบไม่ต้องใช้เงินเลย เพียงแต่ทำใจให้สงบ การฝึกสมาธิจะช่วยลดความกดดันในตัวเรา ทำให้จิตใจเรามีความโปร่งใส จิตใจมีความเข้มแข็ง และมีกำลังความคิด กำลังใจ ในการแก้ไขปัญหาอุปสรรค ดังนั้นท่านสามารถหาความสุขได้จากการทำสมาธิในสถานที่ต่างๆ เช่น ที่บ้าน ที่สาธารณะ ที่วัด ในรถโดยสารประจำทาง ห้องนอน ฯลฯ
5.การออกกำลังกาย เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้คนเรามีความสุข เพราะเวลาเราออกกำลังกายจะมีสารสุขหรือเอ็นโดฟินส์หลั่ง การออกกำลังยังมีประโยชน์อีกหลายอย่าง เช่น ทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรง ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ทำให้รูปร่างดี ทำให้การเคลื่อนไหวของร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ฯลฯ
6.ทำสวนครัว เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์และความสุข เพียงแต่ท่านพรวนดิน รดน้ำ ปลูกพืช ปลูกผักสวนครัวต่างๆ ก็จะทำให้ท่านเพลิดเพลินไปกับการได้ลงมือทำสวนครัว การทำสวนครัวจะทำให้ท่านได้บริโภคผักผลไม้ที่ไร้สารพิษ เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ทำให้ร่างกายแข็งแรง อารมณ์ของท่านก็จะเบิกบานขึ้น
7.เป็นตัวของตัวเองบ้าง การอยู่ร่วมกันในสังคมแน่นอนว่าความเป็นส่วนตัวหรือความเป็นตัวของตัวเองของคนเราจะน้อยลง อีกทั้งยังต้องถูกอิทธิพลของคนอื่นครอบงำเราด้วย การหาโอกาสอยู่กับตัวเองหรือการให้เวลาอยู่กับตัวเองจะทำให้เราได้ศึกษา เรียนรู้ ตัวตนของเรามากขึ้น อีกทั้งถ้าหากเรารู้จักตนเองจะทำให้เราเกิดความสุขขึ้นมาได้อย่างแท้จริง
8.นอนหลับให้พอเพียง การหาความสุขให้กับตนเองง่ายๆ ด้วยการพักผ่อน การพักผ่อนที่ดีที่สุดและไม่เสียค่าใช้จ่ายคือ การนอนหลับ ท่านควรแบ่งเวลานอนหลับให้พอเพียงกับร่างกายของตนเอง ไม่มากไปหรือน้อยไป ถ้านอนหลับมากไปก็จะทำให้เราเกิดนิสัยขี้เกียจได้ หรือ ถ้าหากน้อยไปก็จะทำให้ร่างกายเกิดความอ่อนแอ จากงานศึกษาและวิจัย ช่วงระยะเวลาในการนอนหลับที่เพียงพอจะอยู่ระหว่าง 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
ดังนั้น เราสามารถแสวงหาความสุขได้อย่างเรียบง่าย อีกทั้งยังเสียค่าใช้จ่ายที่น้อย ก็ด้วยวิธีการต่างๆ ข้างต้น การทำงานอดิเรก การดื่มน้ำเปล่า การอ่านหนังสือ การทำสมาธิ การออกกำลังกาย การทำสวนครัว การเป็นตัวของตัวเอง และการนอนหลับให้พอเพียง เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้และก่อให้เกิดประโยชน์กับชีวิตของเรา
...
  
การเป็นพิธีกรและวิทยากรมืออาชีพ
เขียนโดย ถวัลย มาศจรัส พิมพ์ครั้งที่ 2
เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการเป็นพิธีกร สูตรของความสำเร็จในการเป็นพิธีกรและวิทยากรที่มีประสิทธิภาพ
เนื้อหาบางส่วนในหนังสือกล่าวว่า “ หลายคนเชื่อว่า การเป็นพิธีกรหรือวิทยากรนั้นเป็นงานที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์เท่านั้น แต่สำหรับโลกยุคโลกาภิวัตน์ พรสวรรค์สามารถสร้างขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากให้ความสนใจที่จะศึกษาถึงเคล็บลับ TACTICIAN การเป็นพิธีกรและวิทยากร เล่มนี้ คือสูตรของความสำเร็จในการเป็นพิธีกรและวิทยากร ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังได้อย่างสูงสุด ผู้ฟังจะได้ทั้งอรรถรส ความสนุกสนาน และสาระในสัดส่วนที่ลงตัว และเรียกร้องให้เชิญวิทยากรอย่างนี้มาพูดให้ฟังอยู่เสมอ หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอด TACTICIAN จากประสบการณ์ตรงของวิทยากรมืออาชีพ
...
  
ผู้ฟังอันตราย
ผู้ฟังอันตราย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ในการพูดแต่ละครั้ง เรามักวัดความสำเร็จของนักพูดหรือวิทยากร จากการประเมินผลหรือการให้คะแนนของผู้ฟัง ดังนั้น ผู้ฟังจึงมีความสำคัญมากสำหรับการเป็นนักพูด นักบรรยาย เพราะถ้าการพูดในครั้งนั้น ถ้าพูดแล้วคนฟังชอบ และมีการประเมินผลออกมาดีก็ถือว่าการพูดในครั้งนั้นๆ ประสบความสำเร็จ และถ้ายิ่งมีการเชิญให้มาพูดหรือเชิญมาให้บรรยายซ้ำๆ ก็ยิ่งถือว่าเป็นที่ยอมรับจากผู้ฟังมากยิ่งขึ้น
ในบทความฉบับนี้ เราจะมาพูดกันถึง ผู้ฟังอันตราย กล่าวคือ ผู้ฟัง ที่มีลักษณะที่ผู้พูดไม่ต้องการเจอหรือต้องการเผชิญ แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ผู้ฟังอันตรายมีดังนี้
1.ผู้ฟังที่ง่วงนอน ผู้ฟังประเภทนี้พบมากในการสอนหนังสือในห้องเรียน รวมทั้งงานบรรยายของวิทยากร โดยเฉพาะช่วงบ่าย ซึ่งมักมีคำกล่าวว่า “ ช่วงปราบเซียน ” เนื่องจากหลังรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ ลักษณะของผู้ฟังมักจะมีอาการ “ หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ” วิธีแก้ไข ผู้พูดควรออกแบบกิจกรรมให้ผู้ฟังมีการเคลื่อนไหวบ้าง เช่น ให้ปรบมือ ให้ยืน ให้เล่นเกมส์เพื่อการศึกษา ฯลฯ
2.ผู้ฟังประเภทจดบันทึก ผู้ฟังประเภทนี้มักจะตั้งหน้าตาจดบันทึก คำบรรยายหรือคำสอน จนกระทั่งไม่มองหน้า อาจารย์หรือวิทยากร ผู้ฟังประเภทนี้มีความตั้งใจมาก หากจดไม่ทันก็มักจะถาม ทำให้การพูดการบรรยาย ต้องช้าลง เนื่องจากกลัวผู้ฟังจดไม่ทัน วิธีแก้ไข ผู้พูดควรแนะนำผู้ฟังว่า หากจดไม่ทัน หลังจากการบรรยาย ผู้พูดมีเอกสารหรือข้อมูล ผู้ฟังสามารถนำไปคัดลอกหรือถ่ายเอกสารได้ สำหรับเวลาบรรยายขอให้ตั้งใจฟังก่อน
3.ผู้ฟังประเภทพูดคุยกัน ผู้ฟังประเภทนี้ รบกวนสมาธิของผู้พูดและผู้ฟังคนอื่นๆ มักจะพูดคุยกันในห้องเป็นระยะๆ วิธีแก้ไข ผู้พูดควรสังเกตว่า การพูดคุยกันของผู้ฟัง เป็นการพูดคุยกันเรื่องส่วนตัวหรือเกี่ยวกับการอบรม หากเกี่ยวกับการอบรม ผู้พูดก็สามารถตั้งคำถาม เพื่อให้ผู้ฟังได้ถามหรือแสดงความคิดเห็น แต่หากไม่เกี่ยวกับการฝึกอบรมหรือการเรียน ผู้พูดอาจใช้สายตามองไปยังผู้ฟังบ่อยๆ เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความเกรงใจ
4.ผู้ฟังประเภทหลับ แตกต่างจากประเภทแรกคือง่วงนอน ผู้ฟังประเภทหลับ มักเกิดจากหลายปัจจัย อาจเป็นนิสัยส่วนตัว บางคนอาจพักผ่อนมาน้อย นอนหลับมาน้อย ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย วิธีการแก้ไข ต้องมีกิจกรรมต่างๆ เสริมการบรรยาย ไม่บรรยายอย่างเดียว เช่น ให้ปรบมือเป็นจังหวะ ร้องเพลง เต้น กล่าวคือทำให้บรรยากาศตื่นเต้นครึกครื้น
5.ผู้ฟังประเภททำลายจังหวะ ผู้ฟังประเภทนี้ เมื่อผู้พูดพูดไปก็มักจะมีคำถามระหว่างการสอนหรือการบรรยายตลอดเวลา ทำให้จังหวะในการพูดต้องเสียไป วิธีการแก้ไข เมื่อได้ตอบคำถามเสร็จ ก็ควรบอกผู้ฟังประเภทนี้ว่าสำหรับคำถามต่อไปกระผมขอตอบท้ายชั่วโมง เนื่องจากเวลามีจำกัดครับ
6.ผู้ฟังประเภทลองของ ผู้ฟังประเภทนี้ มักจะมีปมเด่น มักจะต้องการอวดภูมิความรู้ของตน และมักจะคิดว่าตนเองเก่งเลอเลิศกว่าผู้อื่น วิธีแก้ไข ต้องสังเกตให้รู้ว่าผู้ฟังต้องการอะไร เพราะถ้าต้องการเด่นหรือถ้าต้องการอวดภูมิความรู้ของตน เราก็อาจเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงความคิดเห็นในห้องเรียนบ้าง เมื่อเขาแสดงความคิดเห็นแล้วเขาก็จะมีความสุขและความภูมิใจ แต่ข้อควรระวังคือ ต้องระวังอย่าให้ผู้ฟังประเภทนี้ยึดเวที เนื่องจากกระผมไปเจอบางงาน ผู้ฟังประเภทนี้พอได้ไมค์โครโฟนแล้ว ไม่ยอมปล่อยไมค์โครโฟน พูดอย่างเดียวทำให้เสียบรรยากาศในการพูดหรือเสียบรรยากาศในการจัดฝึกอบรม
ท้ายนี้ขอสรุปว่า ปัจจัยที่มีผลทำให้การพูดแต่ละครั้งประสบความสำเร็จ กล่าวคือผู้ฟัง หากถ้าผู้ฟังไม่ให้ความร่วมมือ คือไม่ยอมฟัง ก็ถือว่าการพูดการบรรยายในครั้งนั้นๆ มักจะมีปัญหาหรืออุปสรรคในการพูด ดังนั้น ถ้าอยากประสบความสำเร็จในการเป็นนักพูด เราควรเอาใจใส่และสนใจ ความต้องการของผู้ฟัง เมื่อเราตอบสนองความต้องการของผู้ฟังได้แล้ว ผู้พูดก็มักจะประสบความสำเร็จในการพูดในครั้งนั้นๆ
พูดอะไรพูดจริงทุกสิ่งเถิด จะบังเกิดลาภผลเป็นล้นหลาม
ปฏิบัติตนเยี่ยงผู้ดีไม่มีทราม พยายามสงวนศักดิ์รักเกียรติตน













...
  
คอร์ส "จ้าวแห่งการสื่อสาร" Communication Mastery โดยโค้ช สิริลักษณ์ ตันศิริ
33
...
  
วิทยากร รากฐานประชาธิปไตย
วิทยากร รากฐานประชาธิปไตย ณ ณ โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จ.พระนครศรีอยุธยา ...
  
ประตูสู่ความมั่งคั่ง
ประตูสู่ความมั่งคั่ง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
โอกาสแห่งความมั่งคั่ง ร่ำรวย ยังเปิดประตูให้แก่คนทุกๆคน ขึ้นอยู่แต่ว่าคนๆนั้นจะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะต้องการมันอย่างแท้จริงหรือไม่ แนวคิดและวิธีการสู่ความมั่งคั่ง ร่ำรวยมีด้วยกันหลายแนวความคิดขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะเลือกปฏิบัติอย่างไร เช่น
1.ต้องเชื่อก่อนว่าเรามีสิทธิร่ำรวยได้ หากว่าเราต้องการความมั่งคั่ง ร่ำรวย เรามีความจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนความคิดเสียก่อนว่า คนเราเกิดมาในโลกนี้ มีสิทธิที่จะร่ำรวยได้ทุกๆคน มีการศึกษา ค้นคว้า วิจัย จากนักวิชาการหลายต่อหลายท่าน เรื่องของความมั่งคั่ง ร่ำรวย ปัญหาที่ขัดขวางที่ทำให้เราไม่สามารถสร้างความมั่งคั่ง ร่ำรวยได้สิ่งนั้นก็คือเรื่องของความคิด ความเชื่อ ของตัวเราเอง
2.หาหนทางช่วยเหลือผู้อื่นให้มากที่สุด การช่วยเหลือผู้อื่นให้มากก็เสมือนหนึ่งว่าเราขยายฐานลูกค้าของตนเอง บุคคลที่เป็นมหาเศรษฐีมักมีแนวความคิดในลักษณะนี้ กล่าวคือทำอย่างไรถึงจะขายหรือบริการลูกค้าได้มากกว่านี้ ทำอย่างไรถึงจะช่วยเหลือลูกค้าได้มากกว่านี้ เช่น วิทยากรให้ความรู้ หากว่ามีแต่งานบรรยายก็สามารถช่วยเหลือคนได้แค่ในห้องฝึกอบรมเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าวิทยากรท่านใดมีความคิดจะช่วยเหลือผู้คนให้มากขึ้น เขาก็จะทำเทป ทำหนังสือ จัดรายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้คนให้มากขึ้น เมื่อเขาช่วยเหลือผู้อื่นมากๆ ความมั่งคั่งก็จะกลับมาสู่เขาในที่สุด
3.เพิ่มความมั่งคั่งด้วยปัญญา คนที่มั่งคั่ง มักเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดอยู่ในตัว เป็นคนที่รู้จักใช้ความคิด อีกทั้งยังเป็นคนที่อ่านหนังสือมาก ฟังวิชาการและอบรมเรียนรู้สิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่รู้จักใช้สิ่งต่างๆ ให้ก่อประโยชน์ในงานของตนเอง เช่น ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน การวิเคราะห์สภาพตลาดได้อย่างถูกต้อง
4.ค้นหาว่าตนเกิดมาเพื่ออะไร จงทำให้สิ่งที่ตนเองชอบ แล้วทำมันให้ดีที่สุด แล้วความมั่งคั่ง ร่ำรวย ก็จะเกิดกับตัวท่าน ไทเกอร์ วูดส์ , เฉินหลง , สตีฟ จอบส์ , บิล เกตส์ ฯลฯ คนเหล่านี้รู้ว่าตนเกิดมาเพื่ออะไร ความมั่งคั่ง ร่ำรวยจึงเขามาสู่เขาอย่างมากมายมหาศาล จงเลือกทำงานที่ตังเองรักชอบ แล้วท่านก็จะพบกับความสำเร็จ
5.จงแปลง จินตนาการ ไอเดีย ความคิด ให้เป็นความมั่งคั่ง ความมั่งคั่งลอยอยู่รอบๆ ตัวเรา เราสามารถหาได้โดยสร้างจินตนาการ สร้างไอเดีย สร้างความคิด แปลกๆ ใหม่ๆ หากว่าท่านสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา ท่านก็สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างยาวนาน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อโซนี่ , บริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ , บริษัทไมโครซอฟต์ ฯลฯ จงแปลง จินตนาการ ไอเดีย ความคิด ลงไปในบนกระดาษแล้วทำมันให้เป็นความจริง
6.จักรวาลจะให้ความมั่งคั่ง ร่ำรวย แก่ท่านหากว่าท่านได้สร้างคุณสมบัติที่เกินกว่างานที่ท่านทำอยู่ในปัจจุบัน จงทำงานให้เกินกว่าเงินเดือน จงขยัน จงสร้างงาน จงพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แล้วจักรวาลทั้งจักรวาลก็จะตอบแทนท่าน กิมย้งนักเขียนชาวจีนที่ร่ำรวย เขาสามารถสร้างรายได้จากงานเขียนของเขา เขาพัฒนางานเขียนของเขาตลอดเวลา งานเขียนของเขาจึงได้พัฒนาขึ้นทุกวันจนในที่สุด เขาจัดอยู่ในขั้นมหาเศรษฐี ผลงานที่เป็นอมตะนิยายเรื่อง มังกรหยก ก็เป็นหนึ่งในผลงานของเขา จงใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาตนเอง ผ่านร้านขายหนังสือมากกว่าการใช้จ่ายผ่านร้านกาแฟ
ดังนั้น หากว่าท่านต้องการความมั่งคั่ง ร่ำรวย ประตูสู่ความมั่งคั่งเปิดให้แก่ท่านตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองว่าจะต้องการมันมากน้อยสักเพียงไร จงเชื่อว่าท่านสามารถร่ำรวยได้ จงหาวิถีทางในการช่วยเหลือผู้อื่นให้มากขึ้น จงใช้ปัญญา จงค้นหาตัวตนของตนเอง จงแปลงจินตนาการ จงพัฒนางานของท่าน และยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะนำพาท่านสู่ความสำเร็จ
จงลงมือทำแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ

...
  
วาทะชนะธุรกิจ
โดย..ปานอนันต์ เทพบุศย์ เรียบเรียง
เป็นหนังสือเกี่ยวกับ การเจรจาต่อรอง คือ กุญแจไขประตูสู่ความสำเร็จอย่าพลาด เพราะโอกาสอาจมีเพียงครั้งเดียว
ส่วนหนึ่งในเนื้อหาจากสำนักพิมพ์ การต่อรองที่ดีนั้น คือ จะได้รับความพอใจทั้งสองฝ่าย สามารถตกลงกันได้ด้วยดีในขณะที่การเจรจาต่อรองที่ไม่ประสบผลสำเร็จ ความขัดแย้งกันก็จะเกิดขึ้น การสานต่อประโยชน์ก็จะหยุดชะงัก
...
  
วิธีการฝึกพูดด้วยตนเอง
วิธีการฝึกพูดด้วยตนเอง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
การฝึกพูดต่อหน้าที่ชุมชนในยุคปัจจุบัน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ด้วยกันกล่าวคือ การฝึกการพูดแบบในระบบ กับ การฝึกพูดด้วยตนเอง
1.การฝึกการพูดแบบในระบบ หมายถึง การฝึกการพูดที่มีรูปแบบการฝึกที่เป็นระบบ มีขั้นมีตอน มีผู้ฟังหรือผู้เข้ารับการอบรมนั่งฟัง โดยมากในยุคปัจจุบัน มักมี หน่วยงาน องค์กร ชมรม สโมสร สถาบัน มหาวิทยาลัยต่างๆ ทำหน้าที่สอนและมีการฝึกปฏิบัติ ซึ่งเป็นที่นิยมกัน
2.การฝึกการพูดด้วยตนเอง หมายถึง การฝึกพูดด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเอง จากการอ่านศึกษาค้นคว้าจากตำราหนังสือการพูด การสังเกต การตามฟังนักพูดที่มีชื่อเสียงพูด ซึ่งการฝึกพูดลักษณะนี้ ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ต้องลองผิดลองถูกอยู่บ่อยๆ
ในบทความนี้ กระผมขอแนะนำการฝึกการพูดด้วยตนเอง.... ซึ่งมีข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกการพูดด้วยตนเองดังนี้
1.จงเป็นนักอ่าน.... ในยุคปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร ท่านสามารถหาหนังสือ ตำรา บทความดีๆเกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้จากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุด ในอินเตอร์เน็ต จงอ่านข้อแนะนำการพูดต่อหน้าที่ชุมชนในหนังสือต่างๆ และจงฝึกปฏิบัติด้วยตนเองอย่างตั้งใจ อดทน สม่ำเสมอ ก็จะทำให้ท่านสามารถพัฒนาการพูดของท่านได้
2.จงเป็นนักฟัง....จงหาแบบอย่างหรือนักพูดที่ท่านชอบหรือศรัทธา แล้วติดตามไปฟังการพูดของท่านเหล่านั้นให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ แล้วลองสังเกต รูปแบบการพูด ท่าทาง น้ำเสียง กริยาต่างๆของนักพูดท่านนั้น แล้วลองมาปรับใช้กับตนเอง
3.จงใช้เครื่องบันทึกเสียง ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ในยุคปัจจุบัน เรามีเครื่องบันทึกเสียงในรูปแบบต่างๆ เช่น เทป MP3 MP4 เครื่องบันทึกภาพเคลื่อนไหว ฯลฯ ท่านสามารถนำเอาไปบันทึกเสียงหรือภาพนักพูดที่ท่านชื่นชอบให้มากที่สุดแล้วนำมาเปิดฟังซ้ำอีกหลายรอบ เพื่อวิเคราะห์การพูดของนักพูดท่านนั้น อีกทั้งท่านควรบันทึกเสียงหรือภาพการพูดของตัวท่านเอง เพื่อนำมาเปิดแล้วลองดูสิ่งที่ต้องแก้ไขปรับปรุงการพูดของท่านแต่ละครั้ง
4.จงฝึกการพูดด้วยตนเอง หาที่เงียบๆ แล้วลองฝึกการพูดของท่าน อาจจะฝึกต่อหน้ากระจก หรือฝึกระหว่างการเดินทางไปในที่ต่างๆ ด้วยตนเอง ดังเช่น นักพูดหลายท่านทำกัน เช่น ลิงคอล์น อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ฝึกพูดบนหลังม้าระหว่างเดินทางไกล เดล คาร์เนกี อาจารย์ด้านการพูดชื่อดังของโลก เคยหัดการพูดด้วยตนเองระหว่างทำสวน เด็ดหญ้า อาจารย์จตุพล ชมพูนิช คิง ออฟสปีค ของเมืองไทย เคยฝึกการพูดด้วยตนเอง ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ฝึกพูดจากปากซอยถึงท้ายซอย การฝึกวิธีนี้ควร ทำท่าทางประกอบด้วย ไม่ต้องกระดากอาย การฝึกการพูดในรูปแบบนี้ มีประโยชน์หลายอย่าง... เป็นการฝึกลำดับความคิด เป็นการฝึกพูดให้คล่องปาก ทำให้ไม่ติดขัดเมื่อถึงเวลาต้องไปพูดบทเวทีจริงๆ
5.จงฝึกเขียนประกอบการพูด ก่อนที่ท่านจะไปพูดจริง ท่านควรหัดเขียน โครงเรื่องว่า ท่านจะขึ้นต้นอย่างไร เนื้อเรื่องมีอะไรบ้างและสรุปจบจะลงท้ายว่าอย่างไร แล้วจึงฝึกพูดหรือฝึกอ่าน หลายๆรอบ จนกระทั่งเมื่อถึงเวลานำไปแสดงท่านไม่ควรใช้หรือดูบันทึกนั้น
6.จงฝึกพูดจากง่ายไปหายาก เช่น ฝึกพูดคำพังเพย การฝึกพูดจากสิ่งของที่เป็นรูปธรรมแล้วจึงมาฝึกการพูดจากสิ่งของที่เป็นนามธรรม ฯลฯ
7.จงหาเวทีแสดงการพูด ข้อสุดท้ายนี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุด หากท่านปฏิบัติตามทั้ง 6 ข้อ ข้างต้นแล้ว แต่ถ้าท่านขาดในข้อที่ 7 นี้ กระผมเชื่อแน่ว่า ท่านจะไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นนักพูดเลย เพราะฉะนั้น การมีเวทีการพูดต่อหน้าผู้ฟังจริง จึงมีความสำคัญมาก ยิ่งท่านมีเวทีแสดงการพูดมากเพียงใด ท่านก็เข้าใกล้เป้าหมายในการเป็นนักพูดของท่านมากขึ้นทุกขณะ จงหาโอกาสต่างๆ ในการพูด
ทั้ง 7 ข้อนี้เป็นข้อแนะนำการฝึกการพูดด้วยตนเอง สำหรับท่านผู้ฟังที่ขาดโอกาสในการฝึกการพูดในระบบ ท่านก็สามารถประสบความสำเร็จได้โดยคำแนะนำข้างต้นนี้ เพียงแต่ท่านต้องมีความตั้งใจจริง มีความอดทน มีความรักและมีความฝันเป็นสำคัญ
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.