หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  
  -  พูดเก่ง...ด้วยปัญญา...
  -  คำคม เกี่ยวกับการพูด
  -  นักพูดผู้ยิ่งใหญ่
  -  การเตรียมเพื่อพูด
  -  อัตลักษณ์ของนักพูด...มีผลต่อการพูดจูงใจคน
  -  การเตรียมการพูด
  -  คุณสมบัติของนักพูดที่ดี
  -  พูดเก่ง...รวยก่อน...
  -  ศิลปะการพูดจูงใจ
  -  อยากเป็นนักพูด
  -  วิเคราะห์ผู้ฟัง
  -  การแต่งตัวกับนักพูด
  -  องค์ประกอบของการพูด
  -  ถ้อยคำการพูด
  -  พูดดี ต้องประเมิน
  -  บุคลิกภาพของนักพูด
  -  การพูดจูงใจคน
  -  ทำไมการพูดถึงล้มเหลว
  -  ผู้ฟังอันตราย
  -  วิธีการฝึกพูดด้วยตนเอง
  -  พูดเป็นเขียนเป็นอย่างนักพูดนักเขียน
  -  เส้นทางสู่วิทยากร
  -  การพูดกับการเป็นผู้นำ
  -  ศิลปะการพูดในงานบริการ
  -  ศิลปะการพูดแบบกะทันหัน
  -  การเปิดฉากการพูด
  -  การดำเนินเรื่องในการพูด
  -  วิธีการฝึกฝนการพูด
  -  การสร้างความน่าเชื่อถือในการพูด
  -  Actions Speak Lound Than Words (ท่าทางนั้นดังกว่าคำพูด)
  -  การพูดเพื่อนำเสนอ
  -  6 W 1 H สำหรับการพูด
  -  วิทยากรสมัยใหม่
  -  วิธีการนำเสนอ
  -  เทคนิคการเป็นวิทยากรมืออาชีพ
  -  การพูดต่อหน้าที่ชุมชน
  -  สู่วิทยากรมืออาชีพ
  -  กิริยาท่าทางในการพูด
  -  การเตรียมพูดและการฝึกซ้อมการพูด
  -  การใช้สื่อต่างๆประกอบการพูด
  -  การออกเสียงและการพัฒนาพลังเสียงในการพูด
  -  การเตรียมความพร้อมในการพูด
  -  คำพูดประเภทต่างๆ
  -  การสื่อสารโดยการพูด...ภายในองค์กร
  -  บริหารเวลา กับ เป้าหมาย
  -  การพูดเพื่อให้สัมภาษณ์
  -  การพูดหาเสียงเลือกตั้ง
  -  เทคนิคในการเรียนพูดภาษาอังกฤษ
  -  การพูดทางการเมือง
  -  การพูดกับการบริหาร
  -  การอ่านกับการพูด
  -  วิธีฝึกการพูดของ ลินคอล์น
  -  วิทยากรกับการเป็นวิทยากร
  -  การเตรียมความพร้อมในการเป็นวิทยากร
  -  การเลือกวิทยากร
  -  ประโยชน์ของการฝึกอบรม
  -  การใช้วาทศิลป์ขั้นสูง(ศิลปะการโต้วาที)
  -  ศิลปะการพูดสำหรับเจ้าหน้าที่ฝึกอบรม
  -  การพูดในอาชีพสื่อมวลชน
  -  เห็นไมค์แล้วไข้ขึ้น
  -  ศิลปะการโต้วาที
  -  การเตรียมตัวก่อนสมัครเป็นนักการเมือง
  -  ปัจจัยที่ส่งผลให้ชนะการเลือกตั้งโดยไม่ใช้เงินซื้อเสียง
  -  การประชาสัมพันธ์เพื่อการตลาด
  -  วิธีสร้างความกล้าในการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
  -  จงพูดอย่างกระตือรือร้น
  -  การพูดและการเป็นโฆษกที่ดี
  -  การนำเสนอและการพูดต่อหน้าที่ชุมชนที่ดี
  -  การใช้มือประกอบการพูด
  -  พลังของจังหวะในการหยุดพูด
  -  การใช้โน๊ตย่อในการพูด
  -  การพูดโน้มน้าวใจ​
  -  ภาษากายไม่เคยโกหก
  -  การพูดสำหรับโฆษกฟุตบอล
  -  ภาษากายกับความสำเร็จ
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
พลังของจังหวะในการหยุดพูด
พลังของจังหวะในการหยุดพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่า คนที่พูดเก่ง ต้องเป็นคนที่พูดคล่อง พูดเร็ว พูดแบบไม่หยุด แต่จริงๆแล้ว การหยุดพูด ชั่วขณะหนึ่ง ในเวทีการพูดต่อหน้าที่ชุมชนกับเป็นประโยชน์และมีพลังเป็นอันมาก
เพราะในการพูด หากว่าเราพูดเป็นประโยค แล้วเราหยุดบ้าง จะทำให้ผู้ฟังได้มีโอกาสคิดตาม ในการพูด หากว่าเราพูด แล้วหยุดเป็นจังหวะ ก็จะทำให้ผู้ฟังเกิดการผ่อนคลายอารมณ์ในการฟัง ในการพูด แล้วหยุดบ้าง ก็จะทำให้ผู้ฟังตามทันเรื่องราวต่างๆที่เรานำเสนอ
ซึ่งเทคนิคหรือจังหวะในการหยุดพูด เราจะเห็นนักการเมือง นักพูดที่จูงใจคน ใช้ในเวทีการพูดเสมอ เช่น เมื่อพูดไปสักระยะหนึ่ง แล้วเขาจะถามผู้ฟังว่า “ จริงไม่จริง ครับ” แล้วหยุดพูด ไปชั่วขณะ เพื่อให้ผู้ฟังได้มีเวลาคิดคล้ายตามเขา หรือ “ ใช่ไม่ใช่ ครับ พี่น้อง” แล้วก็หยุดพูด ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่า ผู้ฟังบางส่วนจะพยักหน้าแล้วตอบว่า “ ใช่ ”
หรือ นักพูดที่ทำให้ผู้อื่นคล้ายตามได้บางคน ต้องการให้ผู้ฟังจดจำคำพูดบางประโยค ที่มีความสำคัญๆ หรือต้องการให้ผู้ฟังเกิดการนำเอาคำพูดไปปฏิบัติตาม เขาก็จะพูดซ้ำประโยคนั้น แล้วก็หยุดพูด แล้วก็พูดประโยคเดิมอีกครั้งหรือสองครั้ง เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความคิดและเล็งเห็นถึงความสำคัญของประโยคดังกล่าว เช่น การพูดในวันแม่แห่งชาติ
กระผมขอให้พวกเราที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ท่านกลับไปก้มลงกราบคุณแม่เถอะครับ (แล้วหยุดพูดชั่วขณะหนึ่ง) กระผมขอให้พวกเราที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ท่านกลับไปก้มลงกราบคุณแม่เถอะครับ (แล้วหยุดพูดชั่วขณะหนึ่ง) กระผมขอให้พวกเราที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ท่านกลับไปก้มลงกราบคุณแม่เถอะครับ (แล้วหยุดพูดชั่วขณะหนึ่ง) ก่อนที่จะไม่มีคุณแม่เหลือไว้ให้ท่านกราบ
ฉะนั้น จังหวะในการหยุดพูด ย่อมมีพลังเสมอ เช่นเดียวกันกับ การร้องเพลง เราจะเห็นได้ว่า การร้องเพลงก็มีจังหวะเสมอ เพลงทุกเพลง ผู้ร้องร้องไป ก็จะมีบางช่วงบางตอน เขาจะหยุดร้อง แต่จะมีท่วงทำนองบรรเลง สอดแทรกแทน เสียงร้อง
เสมอ

...
  
การใช้โน๊ตย่อในการพูด
การใช้โน๊ตย่อในการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การใช้โน๊ตย่อในการพูด มีความจำเป็นมากสำหรับ นักพูดหน้าใหม่ หรือ แม้แต่นักพูดหน้าเก่า หรือ แม้แต่นักพูดมืออาชีพเอง หากว่าเป็นการบรรยายที่มีเนื้อหามากหรือใช้เวลาในการพูดที่ยาวนาน หรือ ต้องการพูดประโยค คำคม พระราชดำรัส พระบรมราโชวาท ที่ไม่ต้องการให้เกิดการผิดพลาด ก็สามารถจดไว้ในโน๊ตย่อ เพื่ออ่านได้
สำหรับนักพูดหน้าใหม่หลายคน ยังไม่มีประสบการณ์ในการใช้โน๊ตย่อ หลายคนมักจะใช้กระดาษ A4 ในการทำโน๊ตย่อ ซึ่งมันมีขนาดใหญ่จนเกินไป จนทำให้กระดาษที่เราเขียนโน๊ตย่อนั้น บังใบหน้าเรา บังปากเรา บังสายตาของเรา ในขณะที่เราพูด
อีกทั้งการใช้กระดาษ A4 ในการทำโน๊ตย่อ ทำให้การพูดของเราลดประสิทธิภาพลงไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆที่ เนื้อหาของเราเตรียมมาดี บุคลิกภาพของผู้พูดดี น้ำเสียงดี เพราะในการพูดต่อหน้าที่ชุมชน สายตาของผู้พูดต้องสบตาที่ผู้ฟังในขณะที่ขึ้นพูด แต่ถ้าเรามัวแต่ดู มัวแต่อ่าน โน๊ตย่อ ก็จะทำให้เราละสายตาไปจากผู้ฟัง แล้วผู้ฟังก็จะไม่สนใจที่จะฟังการพูดของเรา เนื่องจากเราไม่ได้ให้ความสนใจในตัวของผู้ฟังก่อน
หลายคนเตรียมกระดาษ A4 หลายแผ่น เนื่องจากมีเนื้อหามาก แต่เมื่อขึ้นพูดอยู่บนเวที กระดาษหลายแผ่นเกิดตกหล่นบนเวที ทำให้กระดาษที่เรียงมาสลับสับเปลี่ยนกันไปหมด จึงทำให้เสียเวลาในการเก็บแล้วขึ้นมาเรียงใหม่ และเกิดอาการเสียหน้า
หลายคนใช้กระดาษ A4 เป็นโน๊ตย่อ เมื่อพูดไปเกิดอาการประหม่า มือสั่น จึงทำให้กระดาษ A4 สั่นไปด้วย เมื่อผู้ฟังได้เห็นจึงเป็นเรื่องที่ชวนให้ตลกขบขัน และเช่นเดียวกัน หากว่าเราใช้กระดาษ A4 ซึ่งมีขนาดใหญ่ แล้วเราจำเป็นจะต้องใช้ท่าทางประกอบในการพูด เช่นใช้มือโปกไปมา ก็จะทำให้กระดาษ A4 โบกไปมาไปด้วย
อีกทั้งการใช้กระดาษ A4 นั้น ทำให้เราไม่สามารถใช้นิ้วประกอบการบรรยายหรือใช้นิ้วประกอบการพูด เนื่องจากมือข้างหนึ่งเราถือไมโครโฟน อีกข้างหนึ่งถือโน๊ตย่อกระดาษ A4 เช่น เราจะบอกว่า ปัจจุบันเรามี ลูกชาย 2 คน เราจะใช้นิ้วยกมา 2 นิ้ว เราก็ต้องวางกระดาษ A4 ลงก่อน ในขณะที่พูด
ฉะนั้น หากว่าเรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้โน๊ตย่อในการพูด เราไม่ควรใช้กระดาษ A4 เพราะมันใหญ่จนเกินไป เราควรลดขนาดของกระดาษลง ขนาดของกระดาษที่มีเหมาะสมควรมีขนาดเท่ากับ กระดาษ A4 พับ 2 ครั้ง (พับครึ่งครั้งที่ 1 แล้ว พับครึ่งครั้งที่ 2 อีกครั้ง) หรือมีขนาดเท่ากับ 1 ส่วน 4 ของกระดาษ A4 หรือ 1 ใน 4 ของกระดาษ A4 นั่นเอง
ส่วนการเขียนโน๊ตย่อ เราควรเขียนหน้าไว้ที่หัวมุมด้านบนขวามือ เช่นหน้า 1,2,3,4,5,6 ฯลฯ ตามลำดับ เพื่อไม่ให้เกิดการสับสนขึ้น
ควรเขียนโน๊ตย่อ แบบสรุปใจความที่สำคัญ เป็นข้อๆ ไม่ควรเขียนทุกคำพูดที่จะพูด เมื่อเขียนเสร็จก็ควร นำเอามาอ่านทบทวน บ่อยๆ ก่อนที่จะขึ้นไปพูดจริง และถ้าหากโน๊ตย่อมีจำนวนมาก เราก็ควรแบ่งแล้วใส่ในกระเป๋าข้างใดข้างหนึ่งก่อน พอใช้โน๊ตย่อเสร็จก็ควรนำเอาไปใส่อีกข้างหนึ่ง เช่น กระดาษโน๊ตย่อที่ยังไม่ได้พูด เราควรเรียงแล้วเอาไว้ในกระเป๋าด้านซ้ายมือ เมื่อใช้กระดาษโน๊ตย่อแผ่นที่ 1 เสร็จ เราก็นำเอามาไว้ที่กระเป๋าเสื้อด้านขวามือ เป็นต้น ทั้งนี้ แล้วแต่ความถนัดหรือแล้วแต่การเตรียมของแต่ละบุคคล


...
  
การพูดโน้มน้าวใจ​
การพูดโน้มน้าวใจ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การใช้ชีวิตอยู่ในสังคม การพูดเป็นการสื่อสารที่มีความง่าย มีความจำเป็นและมีความสำคัญในการที่มนุษย์ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันภายในสังคม ซึ่งวัตถุประสงค์ของการพูดมีหลายประเภท เช่น การพูดเพื่อความบันเทิง การพูดเพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร การบรรยายและการพูดเพื่อการจูงใจหรือโน้มน้าวใจคน
ในบทความนี้เราจะมาพูดในการเรื่องการพูดเพื่อการโน้มน้าวใจคน ซึ่งทักษะของการพูดโน้มน้าวใจที่ดี ผู้พูดต้องมีหรือควรมีสิ่งเหล่านี้ มาประกอบการพูด คือ
1.ผู้พูดต้องเป็นคนมีเหตุมีผล ผู้พูดต้องเป็นคนที่หาเหตุผลต่างๆ มาชี้แจงในการพูด สำหรับเรื่องที่พูด ผู้พูดอาจจะต้องบอกข้อดี ข้อเสีย หากว่าผู้ฟังทำตามหรือไม่ทำตาม สิ่งที่ผู้พูดได้พูดออกไป
2.ผู้พูดจะต้องพูดให้ผู้ฟังเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ เชื่อถือ เกิดความประทับใจในการพูด ทั้งนี้ยังคงรวมไปถึง บุคลิกภาพ นิสัย ตำแหน่งหน้าที่การงานของผู้พูดด้วย หากว่าผู้พูดเป็นคนที่มีชื่อเสียง มีตำแหน่งใหญ่โต ผู้ฟังก็มักจะเชื่อถือ เชื่อฟัง เกิดความศรัทธา มากกว่าผู้พูด ที่ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีตำแหน่งใหญ่โต
3.ผู้พูดจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี เช่น พูดให้คนไม่สูบบุหรี่ แต่ผู้พูดยังสูบบุหรี่อยู่ พูดให้คนเลิกกินเหล้า แต่ผู้พูดยังคงกินเหล้าอยู่ พูดให้คนเลิกเล่นการพนัน แต่ผู้พูดยังเล่นการพนันอยู่ อย่างนี้ ถ้าผู้พูดพยายาม พูดให้โน้มน้าวใจสักเพียงใด คนฟังก็มักจะไม่เกิดความเชื่อถือ เกิดความศรัทธา และไม่อยากที่จะนำสิ่งที่หรือเนื้อหาต่างๆของผู้พูดไปปฏิบัติ
4.ผู้พูดควร หาเอกสาร ควรหาหลักฐาน ควรหารูปภาพ ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ มาประกอบการพูด เช่น พูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ ก็ควรนำเอาเอกสาร ข้อมูลของ ธนาคารแห่งประเทศไทย มาประกอบการพูด , พูดถึงเรื่อง ความผิด ก็ควรนำเอาประมวลกฏหมายมาตราต่างๆมาประกอบการพูด
5.ผู้พูดควร สอดใส่อารมณ์ในการพูด ถ้าพูดเรื่องเศร้า ควรใส่น้ำเสียง ใส่อารมณ์ ถ้าพูดเรื่องจริงจัง ควรทำหน้าตาจริงจังไปด้วย ดังตัวอย่าง ถ้าเราสังเกตการพูดทางการเมือง ซึ่งเป็นการพูดโน้มน้าวใจแบบหนึ่ง ผู้พูดจะใช้น้ำเสียงต่างๆในเวลาที่พูด เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความคล้อยตาม
6.ผู้พูดควร พูดเรื่องผลประโยชน์ พูดเรื่องรายได้ พูดเรื่องสิ่งที่ผู้ฟังจะได้รับ เมื่อผู้ฟังดได้นำเอาเรื่องที่พูดไปปฏิบัติ เช่น การพูดเกี่ยวกับงานขาย ถ้าผู้พูดต้องการให้ผู้ฟังสมัครเป็นตัวแทนเพื่อจำหน่ายสินค้า ผู้พูดควรพูดถึงรายได้ที่เกิดจากการขาย หรือ ถ้าผู้พูดต้องการให้ผู้ฟังใช้สินค้า ผู้พูดก็ควรพูดถึง คุณประโยชน์ของสินค้า ข้อดีต่างๆของสินค้า
7.ผู้พูดควรหาตัวอย่าง บุคคล เรื่องราว ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่พูดมาประกอบเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ เช่น การพูดให้คนเลิกสูบบุหรี่ เราควรนำตัวอย่างบุคคลที่เป็นโรคต่างๆที่เกี่ยวกับการสูบบุหรี่มาใช้ประกอบในการพูด (โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งหลอดลม โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ฯลฯ)
...
  
ภาษากายไม่เคยโกหก
ภาษากายไม่เคยโกหก
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
อัลเบิร์ต เมห์ราเบี้ยน ได้ทำวิจัยพบว่า คนเรามีความสามารถในการสื่อสารแล้วให้ผู้ฟังโดนใจ มักจะเป็นคำพูดเพียงแค่ 7 % เป็นเรื่องของน้ำเสียง สุ้มเสียงต่างๆ อีก 38 % และเป็นเรื่องของภาษากายหรือ
อวัจนภาษาอีก 55%
นั้น แสดงว่า มนุษย์เราสามารถโกหกกันด้วยคำพูดได้ แต่ ภาษากายหรืออวัจนภาษานั้น โกหกกันได้ยาก เพราะ อวัจนภาษานั้น ใช้กิริยาท่าทาง สีหน้า การเคลื่อนไหวแทนคำพูด ฉะนั้นการเรียนรู้ภาษากายจึงเป็นการเรียนรู้แบบเจาะลึกไปยังเบื้องหลังหรือใต้คำพูดของคนเรา
สำหรับท่าทางพื้นฐานที่บ่งบอกถึงความรู้สึกต่างๆ เช่น
1.ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม บ่งบอกถึง ความสุข
2.ใบหน้านิ่วคิ้วขมวด บ่งบอกถึง ความโกรธหรือความทุกข์
3.การพยักหน้า บ่งบอกถึง คำว่า ใช่
4.การส่ายศีรษะ บ่งบอกถึง คำว่า ไม่
5.การยักไหล่(ยกไหล่สูงขึ้น การแบมือและการเลิกคิ้วทั้ง 2 ข้าง) บ่งบอกถึง ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ
6.ทุกอย่าง OK(การใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งจรดเป็นวงกลม) บ่งบอกถึง ทุกอย่างเรียบร้อยดี
สำหรับ การเรียนรู้ภาษากายที่ดีนั้น เราต้องเป็นคนที่รู้จักสังเกตและสนุกกับมัน วิธีง่ายก็คือ ควรที่จะมีการฝึกสังเกต 15-20 นาที ต่อวัน สำหรับสถานที่ที่เหมาะกับการฝึกฝนก็คือ งานสังคม งานเลี้ยงสรรค์ และก็สนามบิน เพราะสถานการณ์ในงานต่างๆเหล่านี้ เราจะสังเกตให้ลีลาท่าทางของคนในรูปแบบต่างๆ เช่น บางคนแสดงร่างกายออกในทางสนุกสนาน,บางคนแสดงอาการเบื่อหน่าย,บางคนแสดงท่าทางเศร้าโศกและอีกหลากหลายอารมณ์โดยแสดงผ่านกิริยาท่าทางต่างๆ
หลายคนอาจจะเคยเลี้ยง หมา แมว นก ช้าง ฯลฯ สัตว์เหล่านี้ไม่สามารถพูดจาภาษามนุษย์เราได้ แต่ ถ้าผู้เลี้ยงสัตว์เหล่านี้ ลองใช้เวลา ศึกษาและสังเกตมันจริงๆ เราจะรู้ได้จากภาษากายหรือภาษาท่าทางของสัตว์เหล่านี้ว่า มันมีอาการ มีอารมณ์ มีความรู้สึก มีความต้องการอะไร
ฉะนั้น ภาษาท่าทางหรือภาษากาย หากพวกเราลองศึกษาอย่างจริงจัง จะพบว่า เราสามารถอ่านใจคนได้ เราสามารถจับโกหกของคนได้ เราสามารถรู้ว่าเขาเกลียดเราได้ เราสามารถรู้ทันความคิดของคนได้ ก็โดยการอ่านกิริยาอาการ ความคิด การเคลื่อนไหวโดยผ่าน ภาษากายหรือภาษาท่าทางนั่นเอง และถ้าหากว่าใครฝึกฝน เรียนรู้ สังเกต ศึกษาอย่างต่อเนื่อง เขาก็จะสามารถจับอารมณ์ต่างๆของผู้คนได้ เช่น รู้ว่าใครกำลัง โกหก อึดอัด ไม่ชอบ ชอบ รัก เกลียด เบื่อ สนุก อยากมีส่วนร่วม ฯลฯ
ตัวอย่างเช่น
- คนที่สงสัย มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ การมองด้วยหางตา,การมองลอดแว่นตา,การเอามือจับจมูกและถูไปมาเบาๆ เป็นต้น
- คนที่กระวนกระวายใจ มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ การเอามือปิดปาก,นั่งไม่นิ่งกระสับกระส่ายตลอดเวลา,ชอบทำเสียงกระแอม,การใช้อุปกรณ์เช่นปากกาหรือนิ้วหรือมือเคาะโต๊ะเบาๆ ,การเอามือดึงติ่งหูเบาๆ เป็นต้น
- คนที่เศร้า มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ เดินก้มหน้าและเดินอย่างช้าๆ , หายใจเข้าออกช้าๆ , การใช้มือกอดตัวเอง เป็นต้น
- คนที่มีความตื่นเต้น มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ หายใจเร็วและแรงมาก,เสียงสั่น,ตาโต,การถูมือถูแขนไปๆมาๆ เป็นต้น
- คนที่ อาย มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ มีใบหน้าแดง,ไม่กล้าสบสายตาคน,บิดมือบิดแขนไปๆมาๆ,เคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่รู้ตัว เป็นต้น
- คนที่ กำลังใช้ความคิดอยู่ มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ เอามือเท้าคางแล้วเอานิ้วชี้ไว้บนแก้ม,ใช้นิ้วเคาะหัว,ใช้มือเกาหัว,การถอดแว่นตาแล้วใช้ปากคาบขาแว่นตา,เดินแล้วเอามือไขว้หลัง,ใช้มือลูบคางไปๆมาๆ เป็นต้น
- คนที่ มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ สายตาจ้องไม่กะพริบ,การใช้มือกอดอก,นั่งในท่าสบายเอนหลังพิงเก้าอี้,นั่งในท่าไขว้ห้าง,ใช้มือทำเป็นรูปสามาเหลี่ยม เป็นต้น
- คนที่ มีความต้องการการเป็นส่วนตัว มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ เคลื่อนไหวตัวหรือขยับตัวหนีเมื่อมีคนเข้ามาใกล้ๆ , วางสิ่งของอุปกรณ์ต่างๆไว้เต็มโต๊ะ,เลือกที่นั่งด้านในสุด เป็นต้น
- คนที่โกหก มักจะแสดงกิริยา อาการ ผ่านท่าทาง คือ ไม่กล้าสบสายตาคู่สนทนา , น้ำเสียงเปลี่ยนไป , ใบหน้าที่เปลี่ยนไป , ตากะพริบบ่อยครั้ง , พูดติดอ่างหรือพูดเร็วเกินไป, หายใจไม่สม่ำเสมอ เป็นต้น
- คนที่โกรธ มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ ใบหน้าแดงก่ำ , กำหมัดแน่น,เม้มปาก,เดินหนี,ชอบทำอะไรเสียงดัง,เหวี่ยงข้าวของทิ้ง,กระทืบเท้า,เสียงแข็งกระดากผิดปกติ เป็นต้น
- คนที่เครียด มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ บีบมือของตัวเอง,กำมือหรือกำหมัดแน่น,มือประสานกันแน่น,เอามือไขว้หลังแล้วจับข้อมือ เป็นต้น
- คนที่อึดอัด มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ จัดทรงผมหรือเอามือลูบผมบ่อยๆ,เอามือจับแขนของตนเอง,เอามือนวดท้ายทอย,การจุ๊ปากของตนเอง เป็นต้น
- คนที่ ไม่ไว้ใจคนอื่น มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ เอามือล้วงกระเป๋า,เอามือกอดอกขณะยืนหรือขณะนั่ง เป็นต้น
- คนที่ ยอมรับหรือไว้ใจเรา มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ เอนตัวหรือโน้มตัวเข้ามาใกล้,เขาฟังอย่างตั้งใจ,เขาเข้ามาสัมผัสส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายของเรา เป็นต้น
- คนที่ กระตือรือร้น มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ เอามือเท้าใส่เอว, ท่ายิ้มแบบเห็นฟัน, นั่งตัวตรงและนั่งอยู่ตรงขอบของเก้าอี้ เป็นต้น
- คนที่ แสดงตัวเองว่า เขาชอบคุณ มักจะแสดงกิริยา อาการผ่านท่าทางคือ เขาจะจัดเสื้อผ้าอยู่แสดงเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณ , เขาจะใช้สายตาชำเลืองหรือมองคุณอยู่บ่อยๆ , เขาจะชอบยืนใกล้คุณ , เขาจะโน้มหัวเข้าหาคุณ เป็นต้น
ฉะนั้น หากว่าเราหมั่นสังเกต กิริยา อาการต่างๆเหล่านี้ เราก็จะสามารถถอดรหัสได้ว่า คนที่เราคุยด้วย สนทนาด้วย มีความคิด มีความรู้สึก กับเราอย่างไร ทั้งนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนและการสังเกติอย่างสม่ำเสมอ แล้วคุณก็จะเป็นคนหนึ่งที่มีความสามารถในการอ่านใจคนได้และได้เปรียบในการทำงานหรือได้เปรียบในการแข่งขัน


...
  
การพูดสำหรับโฆษกฟุตบอล
การพูดสำหรับโฆษกฟุตบอล
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การพูด การเป็นโฆษกฟุตบอล เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ เป็นทั้ง ทักษะ
ศาสตร์หมายถึง สามารถหาความรู้ จากการอ่านหนังสือ ไปสอบถามผู้ที่มีประสบการณ์ การค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเพื่ออ่าน
ศิลป์ หมายถึง การนำเอาความรู้ที่มีอยู่ไปใช้จริง ตามสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งต้องอาศัย
การประยุกต์ ปรับเปลี่ยน ดัดแปลง การแก้ปัญหา ไหวพริบ ในการพูด
ทักษะ หมายถึง การฝึกฝน การทำซ้ำ การทำบ่อยๆ นั้นคือ ถ้าใครอยากเป็นโฆษกฟุตบอล เขาจะต้องฝึกฝน หรือ ไปเป็นโฆษกฟุตบอลบ่อยๆ ก็จะเกิดทักษะ เกิดความชำนาญขึ้น
สำหรับปัจจัยที่ทำให้เราสามารถทำหน้าที่โฆษกฟุตบอลได้สำเร็จและดีมีดังนี้
1.ต้องทำการบ้านไปก่อนการทำหน้าที่โฆษกฟุตบอลจริงๆภายในสนาม เช่นหาข้อมูลของผู้เล่น , การศึกษาตำแหน่งต่างๆของการเล่น รู้ว่าใครเล่นตำแหน่งใด และถ้าจะให้ดีก็ควรค้นหาข้อมูลประวัติผู้เล่นแต่ละคน เพื่อจะนำไปพูดเสริมหรือให้ข้อมูลเสริมในเวลาทำหน้าที่จริง
และถ้าเป็นโฆษกฟุตบอลใหม่ๆ ยิ่งจำเป็นจะต้องมีการเขียนสคิปล่วงหน้า ว่าเราจะพูดอะไรบ้าง พักครึ่งกลางแข่งขัน เราจะพูดอะไรบ้าง
2.ต้องมีไหวพริบ ในการพูด เมื่อพูดผิดก็อย่าได้ตื่น ตกใจ หรือ กลัว แต่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ สามารถพูดต่อหรือทำหน้าที่ต่อไปได้ อีกทั้งต้องมีความรวดเร็ว มีสมาธิในการพูด สายตาจะต้องจับจ้องอยู่ภายในสนามฟุตบอลหรือหน้าจอโทรทัศน์ตลอดเวลา(กรณีถ่ายทอดสดหรือไม่มีโอกาสเป็นโฆษกข้างสนามฟุตบอล)
3.ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนวันที่จะไปเป็นโฆษกฟุตบอล เราต้องมีการพักผ่อนให้เพียงพอ บางคนก่อนไปทำหน้าที่ ดันนอนดึก ไปกินเลี้ยง เมาเหล้า ถึงแม้จะมีการทำการบ้านมาอย่างดี แต่หากขาดซึ่งการพักผ่อน เวลาไปเป็นโฆษกฟุตบอลจริงๆ ก็อาจจะทำหน้าที่ได้ไม่ดี
4.ต้องมีความรับผิดชอบ คือ ต้องไปก่อนเวลา ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตลอดจนกระทั่งต้องมีการตรวจเช็คอุปกรณ์ในการทำงาน เช่น ไมโครโฟน ลำโพง เครื่องเสียง
5.ต้องสอดใส่อารมณ์ในการพูด เราจะสังเกตว่า โฆษกฟุตบอลที่พูดเก่งๆ มักจะมีอารมณ์ที่สนุกสนาน มีอารมณ์ขัน มีน้ำเสียงที่ตื่นเต้น กล่าวคือ เมื่อโฆษกฟุตบอล ใช้น้ำเสียงที่ตื่นเต้น ผู้ฟังก็จะรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย
6.ต้องดูแบบอย่างในการเป็นโฆษกฟุตบอลให้มากๆ ดูว่าใครพูดเก่ง ใครเป็นโฆษกฟุตบอลที่คนยอมรับว่าดี เราก็ควรตามไปดูหรือลองดูผ่านทางสื่อต่างๆ ว่าเขามีเทคนิค มีลีลา มีจังหวะการพูดอย่างไร สำหรับยุคนี้เราต้องยอมรับว่า เราทำงานได้ง่ายขึ้น เราสามารถดูการแข่งขันฟุตบอลผ่านทางอินเตอร์เน็ต และเราสามารถดูการแข่งขันฟุตบอลในรายการเก่าๆได้โดยการดูผ่าน Youtube รายการโทรทัศน์ย้อนหลัง
7.ต้องมีใจรักในการอยากเป็น โฆษก เพราะการเป็นโฆษกที่ดีต้องอยู่ที่ ชั่วโมงบิน หากว่าฝึกบ่อยๆ รับหน้าที่บ่อยๆ ก็จะเกิดความชำนาญ บางคนไปทำหน้าที่แค่ไม่กี่เวที เมื่อไม่ประสบความสำเร็จก็ถอดใจ แล้วก็เลิกราไป แต่คนที่มีใจรักจะทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่ย่อท้อจนในที่สุดเขาจะกลายเป็นโฆษกฟุตบอลที่
เก่งในระดับแนวหน้าของประเทศ
ปัจจัยเหล่านี้ จึงเป็นปัจจัยในการสร้างความสำเร็จในการพูดสำหรับการเป็นโฆษกฟุตบอล



...
  
ภาษากายกับความสำเร็จ
การแสดงออกทางภาษากายมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึก
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การยิ้ม การหัวเราะ การทำหน้าเครียด การกอดอก การเอามือกุมศีรษะ การเดินเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ การเดินอย่างกระตือรือร้น การนั่งไขว้ห้าง การแสดงออกทางภาษากายเหล่านี้ มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของเราทั้งสิ้น
นางเอมี่ คัดตี้ (Amy Cuddy) เป็นนักจิตวิทยาสังคม เป็นนักวิจัยที่ Tufts University ได้ทำการทดลองกับคนและสัตว์ ในเรื่องของการใช้ภาษากาย จนสรุปได้ว่า การแสดงออกทางภาษากายของเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน 2 ตัว คือ เทสโทสเตอโรนและคอร์ติซอลในสมอง
นางเอมี่ คัดตี้ (Amy Cuddy) ได้วิจัยและสังเกต ลิงชิมแปนซี โดยเฝ้าสังเกต ท่าทางของลิงขิมแปนซีในรูปแบบต่างๆ เช่น เมื่อลิงขิมแปนซี ไม่มีความสุข ก็แสดงออกทางท่าทางโดย การกอดอก การเอามือกุมศีรษะ ทำหน้าเครียด ไม่ยิ้ม แต่ถ้าลิงขิมแปนซีมีความสุข ก็จะทำท่าทาง โดยเอามือและแขนทั้งสองข้างชูขึ้นบนทางฟ้า ยิ้ม หัวเราะ
ดังนั้น นางเอมี่ คัดตี้ (Amy Cuddy) จึงสรุปและเขียนเป็นหนังสือเกี่ยวกับภาษากายว่า ถ้าเราต้องการมีความสุข ต้องการประสบความสำเร็จ ต้องการมีอารมณ์ที่ดี เราต้องแสดงออกทางภาษากายหรือภาษาท่าทาง ที่ดี เช่น การเอามือและแขนทั้งสองข้างชูขึ้นบนอากาศ การนั่งแล้วเอามือประสานกันทั้งสองข้างประสานไว้บนท้ายทอย(ด้านหลังของคอ) การยืนแล้วเอามือทั้งสองข้างเท้าใส่เอว ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่สบายใจ ไม่มีความสุข ถ้าเราเกิดความเครียด เรามักจะแสดงออกอย่างไม่รู้ตัว โดย การกอดอก ไม่ยิ้ม ทำหน้าเครียด
อีกทั้งมีงานวิจัยอีกหลายชิ้น ที่ได้ระบุว่า การแสดงออกท่าภาษากายหรือท่าทางมีผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก รวมไปถึงผลงานในการทำงานอีกด้วย เช่น โรงงานที่ประเทศญี่ปุ่น จะให้พนักงานในโรงงานเดินเร็วกว่าปกติสักเล็กน้อย โดยหากใครเดินช้า ก็จะมีสัญญาณเลเซอร์ดัง ดังนั้น พนักงานในโรงงานจะต้องเดินเร็วขึ้น ผลปรากฏว่า โรงงานแห่งนั้นมีผลงานมากขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้น การเดินเร็ว การเดินอย่างกระตือรือร้น จะทำให้เราเกิดอารมณ์สดชื่นขึ้น ตรงกันข้าม คนที่อกหัก มักจะเดินช้าๆ ทำหน้าเครียด
ดร.อัล เบิร์ต แมห์ราเบียน ศาสตราจารย์ ด้านจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส ได้กล่าวว่า สิ่งที่มีอิทธิพลต่อการสื่อสารมี องค์ประกอบ คือ คำพูด 7% น้ำเสียง 38% และภาษากาย 55% แต่บุคคลส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับคำพูด แต่จริงๆ แล้วพวกเราควรเรียนรู้และฝึกฝนด้านการใช้ภาษากายให้มากขึ้น เพราะภาษากาย มีอิทธิพลที่ส่งผลให้มีประสิทธิภาพองการสื่อสารที่มากที่สุด


...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.