หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด

6
...
  
บริหารความสุขในการทำงาน……ด้วยหลัก “P-D-C-A”
เรื่อง บริหารความสุขในการทำงาน……ด้วยหลัก “P-D-C-A”
ผู้เผยแพร่ อ.ประนอม เนติพุทธาวรกุล หัวหน้าหมวดวิชาพื้นฐาน
แหล่งที่มา : http://www.peoplevalue.co.th

ชีวิตคนทำงานไม่มีใครที่ไม่ต้องการความสุข เพราะความสุขที่เกิดขึ้นเป็นเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงให้พฤติกรรรมคนปรับเปลี่ยน และพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น อันนำไปสู่ผลการปฏิบัติงานตามที่องค์กรต้องการ ดังนั้นความสุขจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหา การบริหารความสุขในชีวิตการทำงานจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะสังคมไทยในยุคเศรษฐกิจเช่นนี้ ปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามา เป็นเหตุให้พนักงานทั้งหลายต้องกล้าเปลี่ยนแปลง กล้าคิดใหม่เพื่อทำให้ตนเองมีความสุข




เทคนิคหนึ่งที่ผู้เขียนอยากจะแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านลองนำไปปฏิบัติ ด้วยการบริหารตนเองให้มีความสุขตามหลักของ P-D-C-A นั่นก็คือ

Plan
ในการทำงานหากขาดเป้าหมายที่ ชัดเจน ทำงานไปวันๆ ย่อมเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พนักงานเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย และความรู้สึกเบื่อนี้เองจะเป็นอันตรายเนื่องจากจะนำไปสู่ผลการทำงานที่ถด ถอย หรือเป็นต้นเหตุของการสูญเสียคนดีมีฝีมือ ดังนั้นการวางแผนผลการปฏิบัติงานที่ชัดเจน (Performance Planning) รู้ เป้าหมายว่าในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง และเพื่อทำให้ได้เป้าหมายที่ต้องการ จะต้องแสดงออกหรือมีพฤติกรรมเช่นไรนั้น จะช่วยทำให้เกิดความคิดที่เป็นระบบ ทำงานเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น และเมื่องานที่ได้รับมอบหมายบรรลุผลสำเร็จ ย่อมเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนทำงานเกิดความรู้สึกโล่งอก โล่งใจ ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้มักจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดความคิดสิ่งใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อการปรับปรุงงานให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้การวางแผนงานที่ชัดเจนจำเป็นจะต้องมีการจดบันทึกว่าในแต่ละวันงานที่ ต้องทำให้สำเร็จมีอะไรบ้าง เพราะแผนงานที่ถูกเขียนขึ้นมาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจึงเป็นเสมือนเข็มทิศ หรือเครื่องนำทางให้สามารถทำงานแต่ละชิ้นอย่างเป็นระบบและเป็นขั้นเป็นตอน

Do
แผนงานที่ดีย่อมมีการปฏิบัติ การตรวจสอบ การติดตามผลงานที่ทำไปแล้วว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จบ้าง ด้วยการให้ข้อมูลป้อนกลับกับตนเอง (Performance Feedback) ซึ่งไม่จำเป็นต้องรอผู้ อื่นที่จะมาบอกว่างานแต่ละชิ้นคุณเองสามารถทำสำเร็จหรือไม่ การ Feedback กับ ตนเองก็คือ การหาโอกาสบอกหรือพูดคุยกับตนเองในแต่ละวัน ผู้เขียนขอแนะนำว่าควรจะเป็นตอนกลางคืนก่อนนอนจะดีกว่า เพื่อสำรวจว่าวันนี้คุณได้ทำงานเสร็จไปกี่อย่างบ้าง และงานใดบ้างที่คุณทำไม่สำเร็จเป็นเพราะเหตุใด เพื่อที่ว่าคุณจะได้นำปัญหาที่เกิดขึ้นมาวางแผนว่าควรจะทำอย่างไรให้งานชิ้น นั้นประสบผลสำเร็จในวันถัดไป ทั้งนี้ขั้นตอนการปฏิบัติสำหรับหลาย ๆ คนคิดว่าเป็นขั้นตอนที่ยากกว่าการวางแผนงาน เนื่องจากไม่สามารถทำงานให้บรรลุตามแผนที่กำหนดขึ้น เพราะจิตไม่อยู่กับที่ เกิดความกระวนกระวายใจ จิตไม่สงบ ขาดสมาธิ ซึ่งผู้เขียนขอแนะนำว่าในระหว่างการทำงานแต่ละอย่างนั้น ควรคิดถึงงานชิ้นนั้นอย่างเดียวทั้งกายและใจ จิตที่มีสมาธิจะทำให้เกิดปัญญาที่จะบริหารงานแต่ละอย่างสำเร็จเร็วกว่าเวลา ที่กำหนดขึ้น และเมื่อคุณทำงานสำเร็จ เชื่อแน่ว่าคุณจะรู้สึกภาคภูมใจ รู้สึกมีความสุขกับงานแต่ละอย่างที่สำเร็จลุล่วงไป

Check
ความสุขเกิดขึ้นจากการให้ ให้ในสิ่งที่ผู้รับได้รับประโยชน์จากงานของคุณ ซึ่งการบริหารความสุขของตนเอง ก็คือการบริหารจิตใจของผู้อื่นด้วยเช่นกัน ดังนั้นตัวคุณเองจะต้องประเมินผลงานที่ทำขึ้นมาว่าผู้รับหรือลูกค้ามีความ พึงพอใจกับผลงานแต่ละชิ้นมากน้อยแค่ไหน การประเมินผลงาน (Performance Appraisal) จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ผลักดันให้คุณจะต้องปรับ ปรุงผลงานของตัวคุณเองอยู่เสมอ ด้วยการวางแผนงานใหม่อีกสักครั้ง หากงานที่ทำไปแล้ว ถึงแม้คุณทำงานได้สำเร็จตามแผนที่กำหนดขึ้น แต่ผู้รับไม่ชอบ ไม่พอใจ คุณจะต้องปรับเปลี่ยนแผนงานใหม่ เพื่อสร้างผลงานให้ลูกค้าหรือผู้รับของคุณเกิดความพึงพอใจทั้งในแง่ของ คุณภาพและปริมาณงานที่ส่งมอบ ซึ่งวิธีการประเมินผลงานที่คุณสามารถทำได้และไม่ยุ่งยากก็คือ การสอบถามและพูดคุยกับลูกค้าของคุณว่าเขาชื่นชอบในผลงานที่ทำให้ไปมากน้อย แค่ไหน ทั้งนี้คำว่า “ลูกค้า” นั้นผู้เขียนไม่ได้มองเพียงแค่ลูกค้าภายนอกอย่าง เดียวเท่านั้น ผู้เขียนจะมองไปถึง ผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน คู่ค้า ด้วยเช่นกัน
Act
การปรับเปลี่ยนกระบวนการ และวิธีการทำงานของคุณว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกค้าไม่พอใจบ้าง เพื่อที่ว่าคุณจะได้หาวิธีการทำอย่างไรก็ตามในการตอบสนองต่อความต้องการของ ลูกค้า เพราะหากลูกค้ามีความสุข คุณเองย่อมมีความสุขในการทำงานด้วยเช่นกัน การสำรวจและจดบันทึกว่ามีแนวทางไหนบ้างในการปรับเปลี่ยนและพัฒนากระบวนการทำ งานของคุณให้ดีขึ้น การพัฒนาผลงานของคุณ (Performance Development) จะทำ ให้คุณมีการปรับปรุง และการปรับเปลี่ยนตนเองอยู่เสมอ ไม่ซ้ำซากจำเจกับวิธีการทำงานแบบเดิม ๆ เพราะความซ้ำซากทำงานแต่แบบเดิม ๆ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณเกิดความรู้สึกไม่มีความสุขในการทำงาน

สรุปว่าความสุขในการทำงานทุกวันนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นการได้รับเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นทุกปีเท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ตัวคุณเองเกิดความสุขได้ก็คือ การวางแผน การปฏิบัติ การตรวจสอบ และการปรับปรุง หรือการปฏิบัติตามหลัก P-D-C-A ซึ่งจะเป็นหนทางให้ตัวคุณเองและคน รอบข้างเกิดความสุขในการทำงาน



...
  
Knowledge Management & E-Learning
6
...
  
ผู้นำกับการจัดการ
Leadership vs. Management
Tuesday, 28 July 2009 00:02
อะไรคือความแตกต่างระหว่าง การจัดการ และ ความเป็นผู้นำ?

นี้เป็นคำถามที่ถูกถามอย่างมากในหลายต่อหลายครั้ง และเป็นคำถามที่มีคำตอบในหลายๆทาง ความแตกต่างที่มากที่สุดระหว่าง การจัดการ และ ความเป็นผู้นำ คือวิธีการที่เราใช้ในการกระตุ้นหนุนใจคนที่ทำงานให้กับเขา และการกระตุ้นนี้เป็นเหตุให้คนพูดถึงสิ่งต่างที่เขาได้ทำ

คนจำนวนมากต้องเป็นทั้งผู้จัดการ และเป็นผู้นำ พวกเขาจัดการกับการงานสิ่งต่างๆ แต่พวกเขาได้ตระหนักสิ่งหนึ่งที่เขาไม่สามารถซื้อใจคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีความคิดเห็นที่ต่างกัน

ผู้จัดการมีลูกน้องโดยคำจำกัดความ ผู้จัดการคือคนที่มีลูกน้อง ยกเว้นคนที่ได้รับเกียรติให้เป็นผู้จัดการโดยตำแหน่ง ในกรณีนี้ตำแหน่งมักจะไม่มีอิทธิพลอย่างแท้จริงและอำนาจหน้าที่จะมีไม่มากเหมือนกับอำนาจหน้าที่ที่ได้รับตามตำแห่นงโดยปกติ

อำนาจในการสั่งการของผู้จัดการ
ผู้จัดการตำแหน่งที่ได้รับมอบอำนาจหน้าที่จากบริษัท และพวกลูกน้องของเขาจะทำงานให้กับเขามากเท่ากับที่เขาได้บอกให้กระทำ พวกลูกน้องทำงานให้แก่ผู้จัดการไม่เพราะพวกเขาเป็นหุ่นยนต์ แต่เพราะพวกเขาได้รับค่าตอบแทน (หรือได้รับค่าแรง) ในการทำงาน

จดจ่อที่งาน
ผู้จัดการได้รับการจ้างเพื่อทำงานให้สำเร็จ (เป็นลูกจ้างแบบหนึ่งด้วย) บ่อยครั้งที่มีเงื่อนไขของเวลาที่จำกัดมาเกี่ยวข้องด้วยพร้อมกับเงื่อนไขของค่าจ้าง โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจะส่งงานต่างๆให้กับลูกน้องของเขาเป็นผู้กระทำ

แสวงหาความสะดวกสบาย
มีผลการวิจัยที่น่าสนใจได้พบว่า พวกผู้จัดการมีแนวโน้มที่มาจากกลุ่มที่รักความสะดวกสบาย พวกเขามักหลบเลี่ยงความเสี่ยงและการเผชิญหน้ามากเท่าที่เขาจะทำได้ ในการเปรียบเทียบแล้วพวกเขาเป็นเหมือนพวกที่ชองแล่นเรือสำราญ


ผู้นำจะมีผู้ตาม

ผู้นำจะไม่มีลูกน้อง อย่างน้อยเมื่อพวกเขากำลังนำทีมงาน ในหลายๆหน่วยงานผู้นำจะมีลูกทีมของตนด้วย ไม่เพียงเพราะว่าเขามีตำแหน่งเป็นผู้จัดการ แต่เพราะเมื่อเขามีความสามารถในการนำทีมงาน การนำในแบบนี้จะไม่ขึ้นกับรูปแบบที่กำหนดตามตำแหน่งหน้าที่ แต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของลูกทีมหรืออาสาสมัคร เขานำทีมโดยมีคนยอมเป็นผู้ตาม

คาริสเมติก(Charismatic) และรูปแบบบริหารสู่การเปลี่ยนแปลง (transformational)
การบอกหรือสั่งให้คนทำงานไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจในการติดตามคุณ แต่คุณต้องขอร้องพวกเขา แสดงถึงความต้องการให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของคุณแล้วคุณจะได้หัวใจของเขา พวกเขาจะมีความต้องการที่จะติดตามคุณอย่างเพียงพอที่จะหยุดสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ และบางครั้งอาจจะเดินไปสู่ที่อันตรายโดยไม่คิดถึงความเสี่ยงภัย

ผู้นำที่มี charisma สูงจะพบว่าเป็นสิ่งง่ายในการดึงดูดผู้คนในเข้าหา ในโดยการพวกเขายอมติดตามผู้นำแบบนี้มักก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เป็นประโยชน์ในตัวเขา พวกเขาไม่เพียงได้รับค่าเหนื่อยเป็นการตอบแทนเท่านั้นแต่จะได้รับบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่ดีขึ้นด้วย

จดจ่อที่คน

ถึงแม้ว่าผู้นำจำนวนมากมายมีคาริสเมติก (charismatic) ที่มักแสดงออกมา แต่สิ่งนี้ไม่จำเป็นจะต้องถูกพูดออกจากปาก พวกเขาจะทำดีกับคนอื่นและยอมเงียบเพื่อให้คนอื่นได้รับการยกย่องการชมเชย (และยอมรับคำตำหนิต่างๆไว้กับตัว) สิ่งนี้จะมีผลอย่างมากการสร้างความจงรักภักดีที่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะได้รับ

ถึงแม้ว่าปู้นำจะทำดีต่อคนอื่นก็ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาเป็นมิตรกับคนนั้น เพื่อที่จะต้องสร้างบรรยากาศของการนำ ในบ่อยครั้งที่พวกเขาสร้างระยะห่างขนาดหนึ่ง

การจดจ่อที่คนไม่ได้หมายความว่าผู้นำไม่ได้ให้ความสนใจต่อภาระหน้าที่ ตามจริงแล้วพวกเขามักจะเน้นในการทำภาระกิจให้สำเร็จอย่างสูง สิ่งที่พวกเขาตระหนักถึงก็คือการให้ความสำคัญต่อการกระตุ้นผู้อื่นให้ทำงานโดยมุ่งไปสู่นิมิตรของพวกเขา

กระโดดเข้าหาความเสี่ยง
ในการศึกษาอันเดียวกันที่พบว่าผู้จัดการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ในทางตรงกันข้ามพบว่าผู้นำมีกระโดดเข้าหาความเสี่ยง เมื่อพวกเขาพุ่งตรงไปยังนิมิตร พวกเขาจะพิจารณาในการจัดการกับปัญหาและอุปสรรคที่อยู่ระหว่างทาง พวกเขาไม่รู้สึกวิตกที่จะพบกับความเสี่ยงและเขามักจะพบกับทางที่คนอื่นๆพยายามหลีกเลี่ยงว่าเป็นโอกาสที่เปิดให้ และจะมีความสุขเมื่อทำงานได้สำเร็จ

มีตัวเลขที่น่าประหลาดใจที่พบว่าคนที่เป็นผู้นำมักจะมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติหรือพิการในตัวของเขาที่ต้องการเอาชนะหรือขจัดออกไป บางคนมีความเจ็บป่วยในวัยเด็ก บางคนมีความผิดปกติบางอย่างเช่นด้านการฟัง, ตัวเตี้ยกว่ามาตรฐานเป็นต้น สิ่งเหล่านี้บางที่เป็นตัวสอนให้พวกเขามีจิตใจที่เข้มแข็งไม่ย่อถ้อต่ออุปสรรค และไม่สนใจต่อความคิดของผู้อื่น

บทสรุปตารางด้านล่างเป็นข้อสรุปของความเป็นผู้จัดการและความเป็นผู้นำ สำหรับบางคนสามารถเป็นผู้จัดการและเป็นผู้นำได้ในเวลาเดียวกัน และได้แสดงถึงพฤติกรรมร่วม


Subject
Leader
Manager

Essence
เปลี่ยน
ความมั่นคง

ความจดจ่อ
การนำคน
การจัดการงาน

สิ่งที่มี
ผู้ยอมติดตาม
ผู้ใต้บังคับบัญชา

ช่วงเวลา
ระยะยาว
ระยะสั้น

มุ่งสู่
นิมิตร
เป้าหมาย

การดำเนินการ
กำหนดทิศทาง
วางแผนอย่างละเอียด

การตัดสินใจ
ทำให้เกิดประโยชน์
ทำให้เสร็จ

อำนาจ
อิทธิพลเหนือคนอื่น (Chrisma)
อำนาจตามหน้าที่

คำนึงถึง
จิตใจความรู้สึก
เหตุผล

พลังงาน
ความปราถนา
อำนาจการควบคุม

การทำงาน
Proactive
Reactive

การชักชวน
หว่านล้อม
บอก/สั่ง

รูปแบบ
Transformational
Transactional

ข้อแลกเปลี่ยน
ความตื่นเต้นกับงาน
ค่าจ้าง

ความชอบ
Striving
Action

ความต้องการ
Achievement
Results

Risk
Takes
Minimizes

กฎเกณฑ์
อยู่นอกกฏ
ชอบตั้งกฏ

ความขัดแย้ง
ใช้เป็นประโยชน์
หลบหลีก

ทิศทาง
New roads
Existing roads

Truth
Seeks
Establishes

Concern
What is right
Being right

Credit
Gives
Takes

Blame
Takes
Blames





...
  
กลยุทธ์และเทคนิคการสร้างแบรนด์ 07
6
...
  
ทำงานให้สนุกและสร้างความสุขกับการทำงาน
ทำงานให้สนุกและสร้างความสุขกับการทำงาน

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

www.drsuthichai.com

พวกเราที่มีงานทำ พวกเราเคยถามตัวเองบ้างไหมว่า เราทำงานกันทุกวันเรามีความสุขหรือไม่

ถ้าท่านมีความรู้สึก เบื่อที่ทำงาน ไม่อยากไปทำงาน การทำงานในที่ทำงานนั้นเวลาผ่านไปช้าเหลือเกิน อยากให้มีวันหยุดบ่อยๆ อยากลางานบ่อยๆ ฯลฯ

เมื่อท่านมีความรู้สึกอย่างนี้อยู่ในหัวใจ ท่านลองถามตัวเองว่า ท่านมีความสุขในการทำงานหรือมีความทุกข์ในการทำงานของท่านในแต่ละวัน

ถ้าท่านมีความทุกข์ในการทำงาน ความทุกข์นั้นอยู่ที่ไหน ใช่ครับ หลายคนคงบอกว่าอยู่ที่ใจ

เช่น พระพุทธเจ้า เคยกล่าวไว้ว่า “ ความสุขอื่นยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี” หรือ ท่าน ดาไล ลามะเคยกล่าวไว้ว่า “การได้มาซึ่งความสุข ไม่จำต้องขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ด้วยการพัฒนาจิตใจ (ทำให้สงบและมีเมตตากรุณา)
เราสามารถสร้างความสุขได้เกือบตลอดเวลา”

ถ้าถามว่า แล้วชีวิตของคนๆหนึ่งจะมีประโยชน์จะมีคุณค่าขึ้นอยู่กับการทำงานใช่ไหม พวกเราใช้เวลาเกือบทุกวันในการทำงานใช่ไหม ถ้าคำตอบว่าใช่ ดังนั้นก็เป็นดังคำกล่าวที่ว่า งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน ของหลวงพ่อพุทธทาส

ถ้าถามคนส่วนใหญ่ว่าแล้วทำอย่างไรชีวิตการทำงานถึงจะมีความสุข คำตอบของหลายๆท่าน มักตอบว่าต้องทำงานในงานที่ตัวเองรัก

แล้วชีวิตการทำงานในปัจจุบันของหลายๆท่านเป็นอย่างไร หลายคนได้ทำงานตามที่ตนรัก แต่ไม่พอใจ หลายคนเลือกไม่ได้ จึงต้องจำใจทำ บางคนมีปัญหากับเจ้านายและเพื่อนผู้ร่วมงาน

อาจสรุปได้ว่าปัจจัยในการทำงานอย่างมีความสุขหรือทำงานอย่างมีความทุกข์มักเกี่ยวกับกับ งานที่ทำ เจ้านาย เพื่อนผู้ร่วมงาน สิ่งแวดล้อม องค์กร เงิน และตัวเราเอง ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ ปัจจัยที่เราสามารถปรับตัวได้ก็คือ ตัวเราเอง เพราะปัจจัยที่เหลือเป็นปัจจัยภายนอก เราไม่สามารถควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงได้

ดังนั้น หากเราจะทำงานให้มีความสุขก็คงต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ใจเราก่อน หากท่านไหนได้ทำงานในงานที่ตนรัก ท่านก็มีความสุขกว่าคนที่ไม่ได้ทำงานในงานที่ตนรัก แต่ท่านอาจจะต้องปรับตัวเองเนื่องจากได้ทำงานในงานที่รัก แต่อาจรู้สึกไม่ชอบหรือไม่มีความสุขกับปัจจัยภายนอก เช่น ไม่ชอบเจ้านาย ไม่ชอบเพื่อนร่วมงาน ได้เงินเดือนไม่พอใช้ ฉะนั้นก็คงต้องหาสาเหตุแล้วทำการแก้ไขสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น

สำหรับท่านที่ไม่สามารถเลือกงานที่ตนเองรักได้ ท่านก็ควรจะต้องมีการปรับทัศนคติใหม่ เนื่องจากเราไม่สามารถเลือกงานที่ทำได้ แต่หากท่านเลือกได้ กระผมแนะนำให้เปลี่ยนงานไปทำงานที่ตนเองชอบหรือรัก ก็จะทำให้ท่านมีความสุขจากการทำงานได้มากขึ้น หากไม่สามารถเปลี่ยนงานได้ ก็คงต้องคิดเสียใหม่ว่า “ หากเราไม่สามารถทำงานที่เรารัก ก็ขอให้รักในงานที่เราทำ ”

ด้านเทคนิคในการสร้างความสุขในการทำงาน มีหลายเทคนิคซึ่งในที่นี้กระผมขอเขียนตามทัศนะของกระผม มีดังนี้

-สร้างทัศนคติในด้านบวกเสมอ เช่น การพัฒนาความคิดหรือเปลี่ยนแปลงความคิดให้มองโลกในแง่ดี ไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องต่างๆในที่ทำงาน

-สร้าง มนุษย์สัมพันธ์ เนื่องจากการทำงานในทุกที่ทุกองค์กร เราจำเป็นจะต้องทำงานร่วมกับคน ยิ่งองค์กรใหญ่ๆ ก็ยิ่งได้ทำงานร่วมกับคนจำนวนมาก การสร้างมนุษย์สัมพันธ์ การพัฒนาความมีมนุษย์สัมพันธ์จึงมีความสำคัญในการทำงานร่วมกัน หากว่าในองค์กรมีการทะเลาะกัน ไม่สามัคคีกัน การจะทำงานอย่างความสุขในการทำงานก็คงมีลดน้อยลง การทำงานร่วมกับคน หากว่าเราสามาราถหลีกเลี่ยง การต่อว่าองค์กร ต่อว่าเพื่อนร่วมงาน ต่อว่าหัวหน้างานได้ก็จะเป็นการดีครับ

- สร้างประโยชน์หรือหาประโยชน์ จากการได้ทำงานของเรา ในการทำงานต่างๆ ย่อมมีประโยชน์แก่สังคม แก่บริษัท แก่ครอบครัว และแก่ตัวเราเองทั้งในปัจจุบันและอนาคต หากเราสามารถมองเห็นประโยชน์ต่างๆ จากการได้ทำงานของเรา เราก็จะมีความสุขมากขึ้น งานที่เราทำปัจจุบัน เราสามารถนำไปประกอบกิจการหรือเป็นเจ้าของกิจการได้ในอนาคต เช่น บางคนเป็นพ่อครัว ท่านก็สามารถใช้ความรู้ความสามารถในปัจจุบันนำไปเปิดร้านอาหารได้ในอนาคต บางคนเป็นคนซ่อมรถ ท่านก็สามารถนำความรู้ความสามารถรวมทั้งประสบการณ์ไปเปิดอู่ซ่อมรถได้ในอนาคต บางคนเป็นนักข่าวในปัจจุบันในอนาคตท่านสามารถไปเป็นนักเขียนได้ ฯลฯ

ดังนั้น ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการสร้างความสุขในที่ทำงานก็คือ ตัวเราเอง หากว่าเรามีทัศนคติในแง่ดี หากเรามีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี หากเรามองหาประโยชน์จากงานที่เราทำในปัจจุบัน เราก็สามารถทำงานให้สนุกและสร้างความสุขกับการทำงาน ...
  
การจัดการเวลา
การจัดการเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
เวลาเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ ที่ใช้ในการดำรงชีวิตและการทำงาน เมื่อเรามาวิเคราะห์การใช้เวลา เราจะเห็นได้ว่า เรามักเสียเวลาไปกับการนอน การทำงาน การเดินทาง การกิน การพักผ่อน ฯลฯ
เคยมีคนศึกษาการใช้เวลาของคนไทย โดยมีอายุเฉลี่ย 72 ปี คนไทยโดยเฉลี่ยมักใช้เวลาไปกับการนอนถึงวันละ 8 ชั่วโมง ( นอน 24 ปีหากคิดจากอายุเฉลี่ย 72 ปี) , ทำงาน 6 ชั่วโมง( ทำงาน 18 ปีหากคิดจากอายุเฉลี่ย 72 ปี) ,เดินทาง 3 ชั่วโมง(เดินทาง 9 ปีหากคิดจากอายุเฉลี่ย 72 ปี) ฯลฯ
ฉะนั้น หากเราสามารถปรับปรุงการใช้เวลาหรือหากเรามีการจัดการเวลาที่ดี ก็จะทำให้เราสามารถทำงานได้มากขึ้น สร้างผลงานต่างๆให้กับโลกได้มากขึ้น เช่น เราสามารถลดจำนวนเวลาในการนอนจากเฉลี่ยนอนวันละ 8 ชั่วโมง เราอาจลดเหลือ 7 ชั่วโมง ก็จะทำให้เราสามารถมีเวลาเหลืออีก 1 ชั่วโมงต่อวัน หรือมีเวลามากกว่าคนอื่นถึง 3 ปีหากคิดจากอายุเฉลี่ย 72 ปี
หากจะพิจารณาว่าสิ่งที่เป็นปัจจัยในการใช้เวลาของคนเรา อาจมีอยู่ 3 ปัจจัยด้วยกัน คือ 1.ตัวเราเอง 2.ผู้อื่นและ3.สิ่งแวดล้อม แต่ปัจจัยที่ทำให้การจัดการเวลามีประสิทธิภาพหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้อื่นและสิ่งแวดล้อมมีส่วนแค่ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การจัดการเวลาที่ดีควรเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน
นักจัดการเวลาที่ดีควรจัดเวลาโดยการแบ่งเวลาให้เป็นระบบระเบียบ เช่น นักเขียนที่ประสบความสำเร็จหรือนักเขียนมืออาชีพมักจะมีการจัดตารางเวลาในการเขียน นักเขียนบางคนเริ่มต้นเขียนตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 4 โมงเย็น เขาก็จะปฏิบัติตามทุกวันจนเคยชินและเป็นนิสัย
จังหวะเวลามีความสำคัญ กล่าวคือต้องรู้ว่าอะไรควรทำก่อน อะไรควรทำทีหลัง เช่น การต้มถั่วเขียวต้องเอาตัวถั่วเขียวใส่น้ำแล้วต้มจนเม็ดถั่วแตกก่อนแล้วใส่น้ำตาลลงไป กล่าวคือ ต้องรู้ว่าอะไรควรใส่ก่อน อะไรควรใส่ทีหลัง แต่ถ้า ใส่น้ำตาลก่อนแล้วใส่ถั่วเขียว จะปรากฏว่าเม็ดถั่วเขียวไม่ยอมแตก ทำให้เสียเวลาเปล่า
อยากทำอะไรให้รีบทำ ไม่ควรนึกฝันแล้วไม่ลงมือทำ เคยมีลูกศิษย์ของผู้เขียน เคยถามผู้เขียนว่า เขามีโอกาสไปเรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา เพราะพ่อแม่มีฐานะอีกทั้งมีญาติอยู่ที่สหรัฐอเมริกา สามารถช่วยเหลือและให้คำแนะนำต่างๆได้ แต่ในปัจจุบันเขาทำงานในหน่วยงานเอกชนแห่งหนึ่งใน กรุงเทพฯ จะลาออกไปเรียนต่อหรือทำงานต่อดี ผู้เขียนจึงแนะนำว่า เธอควรไป ถ้าเธออยากไป และถ้าหากเธอไม่อยากไปเธอก็ควรไป สรุปผู้เขียนพยายามพูดหว่านล้อมให้เขาไปเรียนเนื่องจาก เราควรลงมือตัดสินใจทำถ้ามีโอกาส ถ้าหากปล่อยเวลาเนิ่นนานต่อไป โอกาสนั้นอาจจะไม่กลับมาหาอีกก็ได้ ในที่สุด ลูกศิษย์ของผู้เขียนตัดสินใจไป เรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา 2 ปี แล้วกลับมาทำงานที่บริษัทอีกแห่งหนึ่งที่ กรุงเทพฯ เป็นบริษัทมหาชน โดยเขาได้รับเงินเดือนถึงหกหลักเลยทีเดียว
การจัดการเวลาที่ดีควรมีการวางแผนและประเมินหรือควบคุมแผนที่วางไว้ เช่นมีเครื่องมือ Diary ,ตารางเวลา,ใบงาน , สมุดบันทึก ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนอาจใช้เครื่องมือหรือมีวิธีการในการจัดการเวลาที่ต่างกัน โดยไบรอัน เทรซี่(นักพัฒนาศักยภาพของมนุษย์) เคยกล่าวไว้ว่า ทุกๆ นาทีที่ใช้ในการวางแผนจะประหยัดเวลาได้มากถึง 10 นาที ฉะนั้นหากคุณใช้เวลาวางแผน 10 นาที คุณจะประหยัดเวลาได้ตั้ง 100 นาที หรือ 1 ชั่วโมงกับ 40 นาที เลยทีเดียว
สำหรับการจัดการเวลาของผู้เขียน ผู้เขียนมักมีเครื่องมือที่ใช้ กล่าวคือ มี Diary 1 เล่ม มีสมุดบันทึก มีกระดาษเปล่า A4 โดยทุกๆคืน ผู้เขียนจะมานั่งวางแผนโดยคิดวางแผนเป็นแผนรายปี ทุกปีต้องมีเป้าหมายที่จะต้องทำให้สำเร็จ โดยมี Diary พกติดตัวเป็นประจำ ถ้ามีงานใหม่ๆ เข้ามาก็จะบันทึกลงไปว่าต้องทำอะไรในวันไหน สำหรับสมุดบันทึกใช้บันทึกข้อความต่างๆ ที่อ่านพบแล้วรู้สึกประทับใจก็จะบันทึกไว้ เพื่อเป็นข้อมูลในการเขียนหนังสือต่อไป สำหรับกระดาษเปล่า A4 ทุกคืน ผู้เขียนจะมานั่งวางแผนว่าจะทำอะไรในวันพรุ่งนี้โดยเรียงลำดับจาก 1-15 และหมายเหตุลำดับว่าอะไรต้องทำก่อนทำหลัง พอถึงวันพรุ่งนี้ก็ทำตามลำดับในกระดาษ A4 ที่ได้วางแผนไว้ เมื่อลำดับไหนทำเสร็จก็จะขีดฆ่า และเมื่อมีอะไรจะต้องทำในวันพรุ่งนี้หรือวันนี้ ก็จะเขียนลงในตอนท้ายของกระดาษ A4
ทั้งนี้การจัดการเวลาเป็นเรื่องของศาสตร์และศิลป์ กล่าวคือ สามารถเรียนรู้ได้ สามารถนำไปปฏิบัติ บางหลักการคนอื่นนำไปใช้แล้วได้ผล แต่บางคนอาจจะไม่ชอบ เราก็สามารถเลือกวิธีการวางแผนหรือเลือกใช้เครื่องมือในการวางแผนตามที่เราถนัดหรือชอบได้ แต่ทั้งนี้ถ้าอยากให้ได้ผลเราก็ควรที่จะปฏิบัติตามและลงมือทำอย่างตั้งใจ ทำจนเป็นนิสัยถึงจะประสบความสำเร็จในเรื่องของการจัดการเวลา
...
  
โปงลาง
6
...
  
ทอล์คโชว์ ชุด 1
6
...
  
โต้วาที 6 นางร้ายในวรรณคดีไทยน่าพิศมัยกว่านางเอก
6

...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  [100]  [101]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.