หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การบริหารโดยให้พนักงานมีส่วนร่วม
การบริหารโดยให้พนักงานมีส่วนร่วม
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
การบริหารงานที่ดีควรเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วม เพราะการเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วม พนักงานจะมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร อีกทั้งยังจะช่วยเหลือแก้ไขปัญหา เมื่อองค์กรมีปัญหา ซึ่งกิจกรรมที่ควรเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมมีดังนี้
1.การมีส่วนร่วมประชุมภายในองค์กร การเปิดโอกาสให้พนักงานร่วมประชุมจะทำให้พนักงานได้รับรู้ข้อมูล ข่าวสาร สถานการณ์ขององค์กร หากเป็นองค์กรขนาดใหญ่พนักงานก็จะได้รู้จักกันมากขึ้น
2.การมีส่วนร่วมตัดสินใจ การบริหารงานที่ดีผู้บริหารควรเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมมือและร่วมในการตัดสินใจ เพราะหากพนักงานเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ พนักงานก็จะมีส่วนรับผิดชอบในงานมากกว่าการที่พนักงานไม่มีส่วนร่วมในการร่วมตัดสินใจ
3.การมีส่วนร่วมในการสร้างระบบงาน ในปัจจุบันหลายๆองค์กรได้นำเอาระบบเข้ามาเพื่อพัฒนาองค์กร เช่น ระบบคิวซี ระบบรีเอ็นจิเนียริ่ง ระบบมาตรฐาน ISO เป็นต้น การบริหารงานที่ดีต้องเปิดโอกาสให้พนักงานได้เข้าร่วมในการเรียนรู้ระบบ ศึกษาระบบ อบรมพัฒนาระบบ
4.การมีส่วนร่วมในการสื่อสารภายในและภายนอก การสื่อสารในองค์กรมีหลายรูปแบบ เช่น การสื่อสารแบบบนลงล่าง การสื่อสารแบบล่างขึ้นบน การสื่อสารระดับแนวเดียวกัน การสื่อสารภายนอกองค์กร การเปิดโอกาสให้พนักงานสื่อสารภายในและภายนอกองค์กร จะทำให้พนักงานรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น อีกทั้งพนักงานยังเป็นผู้ซึ่งเผยแพร่ข่าวสารจากภายในองค์กรไปยังภายนอกองค์กรได้ด้วย
5.การมีส่วนร่วมในกิจกรรมสัมพันธ์ กิจกรรมสัมพันธ์เป็นการกระทำเพื่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคนในองค์กร เช่น การจัดงานเลี้ยงปีใหม่ การจัดงานครอบครัว การจัดงานพิธีครบรอบขององค์กรพร้อมทั้งมอบรางวัลพนักงานดีเด่น เป็นต้น
6.การมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสโมสร ชมรม ต่างๆที่เป็นขององค์กร หลายองค์กรได้มีการจัด สโมสรกีฬา สโมสรฟุตบอล ชมรมโต้วาที ชมรมร้องเพลง ชมรมคาราโอเกะ ชมรมนักสะสม ฯลฯ ผู้บริหารควรสนับสนุนให้พนักงานได้เข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าว เพื่อเป็นการให้พนักงานเกิดสังคมใหม่ๆและเกิดการพัฒนาตนเอง
7.การมีส่วนร่วมในการสัมมนา ฝึกอบรม หลายองค์กรมักไม่ยอมลงทุนในการจัดการสัมมนา จัดการฝึกอบรม เนื่องจากต้องการประหยัดเงิน อีกทั้งไม่ต้องการให้พนักงานใช้เวลาในการทำงานไปสัมมนาหรือไปอบรม แต่ผู้บริหารควรตระหนักว่า การที่มีพนักงานที่เก่ง ฉลาด รอบรู้ ขยัน สามารถแก้ปัญหาให้องค์กรได้ หากว่ามีพนักงานลักษณะนี้มากๆ จะทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วขนาดไหน การจัดอบรม การจัดสัมมนา จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้พนักงานเกิดพัฒนาตนเอง
ดังนั้น การบริหารโดยให้พนักงานมีส่วนร่วมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในการบริหารงานสมัยใหม่ ซึ่งในอดีตผู้บริหารอาจใช้คำว่า “ ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ”ได้ โดยไม่ต้องให้พนักงานมีส่วนร่วมเช่น ร่วมตัดสินใจหรือให้รับฟังแต่คำสั่งอย่างเดียว แต่การบริหารสมัยใหม่ ผู้บริหารต้องเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมมากที่สุด หากผู้บริหารสามารถทำได้ก็จะทำให้ผู้บริหารทำงานน้อยลง มีเวลามากขึ้น แบกรับภาระน้อยลง และทำงานอย่างมีความสุขมากขึ้น





...
  
การจัดการเวลา
เทคนิคการจัดการด้านเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่คนเราใช้เวลาไม่เหมือนกัน คนที่ฉลาดมักมีการจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ในการจัดการด้านเวลา จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นต่อผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จ จะต้องเรียนรู้ อีกทั้งต้องนำไปปฏิบัติ สำหรับเทคนิคในการจัดการด้านเวลาที่ดีมีดังนี้
1.ต้องมีการวางแผน คนใช้เวลาเป็น มักเป็นคนที่มีการวางแผนในการทำงานหรือมีการวางแผนในการดำเนินชีวิต ว่าวันพรุ่งนี้จะทำอะไร วันมะรืนนี้จะทำอะไร วันมะเรื่องนี้จะทำอะไร สัปดาห์หน้าจะทำอะไร เดือนหน้าจะทำอะไร ปีหน้าจะทำอะไร ห้าปีข้างหน้าตนเองต้องการอะไร เป็นต้น สำหรับคนที่วางแผนเป็นมีงานวิจัยกล่าวว่า หากใช้เวลาวางแผนเพียง 8-10 นาที จะทำให้ประหยัดเวลาไปถึง 1-2 ชั่วโมง ดังนั้น หากท่านต้องการจัดการด้านเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ท่านควรเริ่มวางแผนการใช้ชีวิตได้ตั้งแต่บัดนี้
2.ต้องมีเครื่องมือ คนใช้เวลาเป็น มักมีเครื่องมือในการบริหารเวลา ซึ่งเครื่องมือในปัจจุบันมีมากมายกว่าในอดีต เช่น ไดอารี่ , ปฏิทิน , โทรศัพท์มือถือสมัยใหม่ , คอมพิวเตอร์ , ใบงานต่างๆที่ผู้อ่านสามารถออกแบบด้วยตนเองตามความเหมาะสมของตนเอง ฯลฯ
3.การจัดลำดับงานมีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากในการบริหารเวลา เราสามารถแบ่งงานออกเป็น งานสำคัญ(สำคัญและไม่สำคัญ)และ งานเร่งด่วน(เร่งด่วน,ไม่เร่งด่วน)

ช่องที่ 1 งานเร่งด่วนและงานสำคัญ เป็นงานที่ต้องทำให้เสร็จเดี๋ยวนี้ เป็นวันสุดท้าย ไม่ทำไม่ได้เพราะจะมีปัญหา หรือ งานประชุมที่มีการเร่งด่วน เช่น เจ้านายให้ทำงานสำคัญส่งในวันพรุ่งนี้เช้าก่อน 8 โมง
ช่องที่ 2 งานสำคัญและไม่เร่งด่วน ต้องมีการวางแผน ต้องมีการเตรียมตัว การดูแลสุขภาพร่างกาย จิตใจ เช่น การตรวจสุขภาพทุกปี , การเก็บออมเงิน เป็นต้น ในช่วงนี้พวกเรามักจะผัดผ่อนไปเรื่อยๆ
ช่องที่ 3 งานไม่สำคัญและเร่งด่วน คือ สิ่งที่ขัดจังหวะ สิ่งที่ไม่ทำก็ไม่กระทบมาก เช่นการรวบรวมรายชื่อคนเล่นกีฬาฟุตบอลหรือรวบรวมรายชื่อคนบริจาคเงิน ให้แก่เจ้านายพรุ่งนี้เช้า
ช่องที่ 4 งานไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน สิ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับงานไม่จำเป็น เช่น การช่วยเพื่อนหาเอกสาร , การทำความสะอาดห้องทำงาน เป็นต้น
ซึ่งคนส่วนใหญ่มักใช้เวลาไปกับช่องที่ 3 เป็นอันมาก ตรงข้ามกับคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของการบริหารเวลามักใช้เวลาอยู่กับช่องที่ 2
4.เป้าหมายกับการจัดการเวลา เช่น เป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะกลางและเป้าหมายระยะยาว ต้องทำให้สอดคล้องกับการใช้เวลา เช่น เป้าหมายระยะสั้นภายใน 1 ปี เราจะทำอะไร , เป้าหมายระยะกลาง 1-5 ปี เราต้องการอะไร และเป้าหมายระยะยาว 6-10 ปี เราต้องการอะไร (ซึ่งระยะเวลาของเป้าหมายของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน)
5.ฝึกให้เป็นนิสัย คนที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย หากว่าเราอ่านแล้ว เรียนรู้แล้ว แต่ไม่ได้นำเอาไปปฏิบัติ ทุกสิ่งที่อ่านมาก็มักจะไม่เกิด การฝึกเป็นนิสัย ควรฝึกทุกๆวัน ให้เป็นนิสัยอย่างน้อย 21 วัน ติดต่อกันแล้ววันที่ 22 ท่านจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวท่าน
ดังนั้น การจัดการเวลาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องเรียนรู้ ฝึกฝน พัฒนา และที่สำคัญต้องนำไปปฏิบัติ จึงจะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต
...
  
Marketing Mindset
Marketing Mindset
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในวงการต่างๆ เขามักจะมี Mindset เป็นของตนเอง เช่น มหาเศรษฐีโลก เขาก็จะมีความคิดที่ยิ่งใหญ่ มีความคิดแบบอภิมหาเศรษฐี ซึ่งแตกต่างกับ คนทำงานใช้แรงงาน เช่น กรรมกร ลูกจ้าง เขาก็จะมีความคิดแบบคนใช้แรงงาน หาเช้ากินค่ำ ความคิดแบบลูกจ้าง
โดนัลด์ ทรัมป์ หรือดีที. อภิมหาเศรษฐีวัย 69 ปี ผู้ประกาศตนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เขาอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ เขาใช้ชีวิตที่คุ้มค่ามากมีอยู่หลายครั้งที่ธุรกิจของเขา ประสบปัญหาถึงขั้นล้มละลาย แต่เขาก็สามารถพลิกฟื้นธุรกิจของเขาขึ้นมาใหม่ได้ มีคนวิเคราะห์ว่า ทำไมเขาจึงประสบความสำเร็จ อย่างยิ่งใหญ่ ความจริงมีหลายเหตุผล แต่มีเหตุผลหนึ่งที่สำคัญก็คือ เขาเป็นคนมี Mindset แบบอภิมหาเศรษฐีนั่นเอง
แล้ว Marketing Mindset คืออะไร Marketing Mindset คือ ความคิด ความเชื่อ ทางการตลาดที่ส่งผลต่อพฤติกรรมต่อการกระทำของบุคคลนั้นๆ ซึ่งความคิด ความเชื่อ Mindset ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
Mindset จึงเหมือนกับแบบแปลนบ้าน ก่อนที่จะสร้างบ้าน เราควรมีแบบแปลนบ้านเสียก่อน ไม่ใช้คิดจะปลูกบ้าน สร้างบ้าน ก็สร้างเลย ถ้าทำเช่นนี้ อาจจะทำให้เกิดการผิดพลาดในการก่อสร้างได้ แล้วผลที่ตามมาก็คือ ต้องเสียเวลา เสียเงินทอง ในการแก้ไข ปรับปรุง เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของตนเอง แต่ถ้าเรามีแบบแปลนบ้าน เราก็จะสร้างบ้านได้ตามแผนหรือแบบแปลน ทำให้ไม่เสียเวลา ไม่เสียค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น
Marketing Mindset จึงมีความสำคัญ ถ้าใครมี Marketing Mindset ที่ผิด เขาก็จะเกิดความผิดพลาดในการทำงานด้านการตลาดและต้องเสียเวลาแก้ไข ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ฉะนั้น ก่อนที่จะเป็นนักการตลาดที่ดีและประสบความสำเร็จ นักการตลาดควรมี Marketing Mindset เป็นของตนเองเสียก่อน ซึ่ง Marketing Mindset ของแต่ละคนนั้นอาจจะไม่เหมือนกัน แต่สำหรับกระผม Marketing Mindset มีดังนี้
1. การตลาดคือ การตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งการทำการตลาด นักการตลาดจะต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าก่อนว่าลูกค้าต้องการอะไร ซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์ การวิจัยทางการตลาดการลงพื้นที่ไปสำรวจความต้องการของลูกค้า แล้วจึงทำการวางแผนการทำการตลาด แล้วลงมือปฏิบัติต่อไป
2.การตลาดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ นักการตลาดต้องเข้าใจก่อนว่า การตลาดเป็นทั้งศาสตร์คือ สามารถเรียนรู้ได้จาก ตำรา หนังสือ การเข้ารับการอบรม แต่จะเก่งหรือไม่เก่ง แต่จะนำเอาหลักวิชาการทางด้านตลาดไปใช้ได้อย่างประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว กระผมคิดว่าขึ้นอยู่กับศิลป์ ซึ่ง ศิลป์ก็คือ การประยุกต์ใช้ ศาสตร์นั้นเอง เราจะเห็นได้ว่า คนที่เรียนหนังสือเก่งสอบได้เกียรตินิยมทางด้านการตลาด เมื่อนำหลักวิชาการทางด้านการตลาดไปปฏิบัติ อาจพ่ายแพ้การแข่งขันทางด้านการตลาดกับ คนที่เรียนหลักวิชาการทางด้านการตลาดน้อยกว่าก็ได้ ทั้งนี้ ก็เนื่องมาจาก การประยุกต์ใช้นั้นเอง คนที่เรียนวิชาการตลาดมาน้อยกว่าสามารถประยุกต์ใช้เก่งกว่า หรือมีศิลป์ในการประยุกต์ใช้มากกว่านั้นเอง
3.การตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่นิ่ง ฉะนั้น นักการตลาดที่ดีจะต้องไวต่อการปรับตัว ไวต่อการแข่งขัน หลักวิชาการตลาด เรื่องหนึ่งในอดีตอาจใช้ได้ผลในยุคสมัยหนึ่ง แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน นักการตลาดที่ดีจะต้องมีการปรับตัวต่อสถานการณ์นั้นๆ
4.การตลาดที่ดีควรมีการวางแผนก่อนลงมือปฏิบัติจริง เพราะถ้าไม่มีการวางแผนการตลาดที่ดี นักการตลาดก็จะขาดทิศทางในการทำงาน ซึ่งการวางแผนที่ดีควรประกอบไปด้วย เรื่องของ การวิเคราะห์ลูกค้า การวิเคราะห์สถานการณ์ การตั้งวัตถุประสงค์ การตั้งเป้าหมาย การวางแผนในการทำงาน การประเมินผลและการปรับปรุง แก้ไขการทำงานด้านการตลาด
5.การตลาดที่ดีที่สุดต้องรู้จัก ยืดหยุ่น เนื่องจากการตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การตลาดเป็นศิลป์ ฉะนั้น นักการตลาดจึงจำเป็นจะต้องยืดหยุ่น เมื่อมีการวางแผนที่ดีแล้ว แต่เมื่อนำไปปฏิบัติ สถานการณ์อาจเกิดความพลิกผัน เปลี่ยนแปลง ฉะนั้น นักการตลาดระดับเซียนจึงต้อง เรียนรู้และรู้จักการยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยน แผนที่วางไว้ ให้เข้ากับสถานการณ์ หรือ การนำแผนการณ์ใหม่ๆมาใช้เมื่อสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง
6.การตลาดที่ดีไม่ใช่การเน้นที่การขาย แต่การตลาดที่ดีคือการทำอย่างไรให้ลูกค้าเกิดการอยากที่จะซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ การขายคือการที่บริษัทหรือเจ้าของสินค้า พยามยามให้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของตนเองกระจายตัวออกไปให้ถึงมือลูกค้า แต่การตลาดที่ดีคือ ทำอย่างไรให้ลูกค้าอยากที่จะซื้อสินค้าและบริการ ถ้าเปรียบเทียบกับกลยุทธ์การ ผลักกับการดึงในวิชาการทางด้านการตลาด การขายคือการใช้กลยุทธ์การพลัก แต่ การตลาดคือการใช้กลยุทธ์การดึง
7.การตลาดที่ดีต้องมีการสร้าง Brand การสร้าง Brand คือ หัวใจอย่างหนึ่งของการทำงานทางด้านการตลาด ซึ่งจะทำให้เกิดการจดจำ เกิดการซื้อซ้ำ ดังจะเห็นได้จาก Brand ดังๆ อย่าง Coca-Cola หรือ Red Bull ซึ่งประสบความสำเร็จทางด้านการตลาดจากการสร้าง Brand เป็นต้น
ฉะนั้น นักการตลาดที่เก่ง นักการตลาดที่ประสบความสำเร็จ นักการตลาดระดับเซียน จึงควรมี Mindset ทางด้านการตลาดเป็นของตนเอง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือและหลักการในการทำงานทางด้านการตลาด โดยส่วนตัวกระผมเชื่อว่า นักการตลาดที่มี Mindset เป็นของตนเอง จะตัดสินใจ จะทำงาน จะออกแบบ ทางด้านการตลาดได้ดีกว่า นักการตลาดที่ไม่มีหลักการหรือ Mindset เป็นของตนเอง
...
  
อยากเป็นนักพูด
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

การที่คนคนหนึ่งจะพูดเก่งหรือมีชื่อเสียงทางการพูดต่อหน้าที่ชุมชนนั้น มันไม่ได้เกิดมาแล้วมีชื่อเสียงหรือพูดเก่งหมดทุกคน ซึ่งถ้าไปถามเบื้องหลังของนักพูดคนนั้นๆ เราจะทราบว่ากว่าที่เขาจะมีชื่อเสียงหรือพูดเก่งมาได้ เขาจะต้องผ่านสิ่งต่างๆหลายอย่างด้วยกัน ถ้าท่านอยากเป็นนักพูดท่านควรปฏิบัติดังนี้
1.มีความตั้งใจปรารถนาอย่างเต็มที่ที่จะต้องเป็นนักพูดให้ได้ และต้องมีเป้าหมายด้วยว่าจะเป็นนักพูดระดับใด ระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัดหรือระดับชาติ การที่ท่านมีเป้าหมาย มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าจะทำให้ ท่านคิดเรื่องนั้นตลอดเวลา แล้วจะทำให้ท่านได้พัฒนาตนเองตลอดเวลา ในที่สุดเมื่อท่านมีเป้าหมาย และมีความตั้งใจ ท่านก็มีโอกาสไปถึงฝั่งในที่สุด ซึ่งแต่ต่างกับคนที่ไม่มีเป้าหมายและความปรารถนาอย่างแรงกล้า

2.มีการเตรียมตัวทุกครั้งที่จะต้องขึ้นพูดต่อหน้าที่ชุมชน การเตรียมตัวมีความสำคัญมาก ถ้าเราเตรียมตัวมาก เราจะมีความมั่นใจในการพูดมากกว่าการที่เราไม่ได้เตรียมตัวเลย ดังนั้น นักพูดที่ดีอย่าได้ละเลยการเตรียมการพูดทุกครั้ง การเตรียมที่ดี เราควรเขียนลำดับเรื่องไว้ก่อน ว่าเราจะพูดอย่างไร ขึ้นต้นอย่างไร เนื้อเรื่องอย่างไร สรุปอย่างไร (ให้มีสุนทรพจน์ คือ ขึ้นต้นต้องตื่นเต้น ตอนกลางต้อง กลมกลืน สรุปจบต้องประทับใจ)ตลอดจนมีตัวอย่างอะไร มีคำคมหรือมีกลอนหรือไม่ แล้วลองซ้อมพูด หัวข้อนั้นดูว่าติดขัดอะไรหรือไม่ ไม่สมบูรณ์ตรงไหน ลองขัดเกลาคำพูดและภาษาดู

3.มีบุคลิกภาพที่ดี มีความมั่นใจในตนเอง จะทำให้คนเชื่อมั่นเรามากกว่า นักพูดที่ไม่มีความมั่นใจในตนเอง ถ้าเรามีความมั่นใจ การปรากฏตัวของเราก็จะปรากฏตัวด้วยความมั่นใจ ตามหลักจิตวิทยา การกระทำมักเกิดขึ้นตามสิ่งที่เราคิด ถ้าเราคิดว่าเรากลัว การกระทำก็จะออกมา แต่ถ้าเราคิดว่า “ หัวข้อนี้เราเก่งที่สุด รู้ดีที่สุด วันนี้ฉันสู้ตาย ” เราก็จะเกิดกำลังใจได้ ขอให้พูดกับตัวเองในใจ
4.มีโอกาส ลองเข้าสมาคม สโมสร ชมรม ที่เกี่ยวข้องกับการพูดบ้าง เพราะการเข้ากลุ่มหรือองค์กรเหล่านี้จะทำให้เรารู้จักคนที่สนใจสิ่งเดียวกัน แล้วเกิดการเรียนรู้มากขึ้น จากการแลกเปลี่ยนความคิด เทคนิคใหม่ๆ วิธีการใหม่ๆ
5.มีการฝึกฝนตนเองตลอดเวลา และสม่ำเสมอ นักมวยที่ขึ้นชกมวยแล้วได้รางวัลนั้น เกิดจากการฝึกซ้อมเป็นจำนวนไม่ถ้วนถึงมาขึ้นชกจริง เช่นกัน การเป็นนักพูดที่ดีต้องหมั่นฝึกฝน ฝึกซ้อม หาเวทีการพูดทุกโอกาส เมื่อเรามีชั่วโมงบินมากขึ้น ก็จะทำให้การพูดของเราคล่อง และมีการพัฒนา การขึ้นพูดบนเวทีบ่อยๆ จะทำให้เราปรับตัวมากขึ้น การประหม่าเวทีก็จะน้อยลง ทำให้เรามั่นใจในตนเองมากขึ้น การพูดก็เหมือนกับการว่ายน้ำ เราไม่สามารถว่ายน้ำเป็น ด้วยการอ่านตำราหรือหนังสือเป็นพันๆ เล่ม แต่เราสามารถว่ายน้ำเป็นก็ด้วยการลงไปว่ายน้ำนั้นเอง


เมื่อท่านท้อแท้ให้ท่านคิดถึง คนที่พอเป็นแบบอย่างที่ดีให้ท่านได้ เช่น อับราฮัม ลินคอล์น เรียนหนังสือในระบบไม่ถึง 1 ปี แต่ท่านสามารถเป็นนักพูดที่ยิ่งใหญ่ได้ ก็ด้วยการที่ท่านฝึกไปเรียนไปนั้นเอง , ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นนักพูดทางการเมืองของไทยคนหนึ่ง จนได้รับฉายาว่า “ ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง ” ก็เป็นลูกแม่ค้า ไม่ได้เกิดมามีฐานะร่ำรวยอะไร แต่ท่านก็ฝึกไปเรียนไป จนเป็นนักพูดทางการเมืองระดับชาติ หรือแม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ท่านก็เป็นนักพูดการเมืองระดับชาติก็ด้วยการฝึกไปเรียนไปเหมือนกัน


ในทางจิตวิทยา ศาสตราจารย์ วิลเลี่ยม เจมส์ นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา เคยกล่าวว่า “ เราไม่จำเป็นที่จะต้องกังวล เกี่ยวกับการฝึกเลย ขอให้เราฝึกไปเรียนไป ตลอดเวลา อย่าหยุด แล้ววันหนึ่งเราก็จะพบว่า เราไม่เป็นรองใครเลยในวงการนั้นๆ ” เช่นเราอยากเป็นนักพูดก็ขอให้ฝึกไปเรียนไปตลอดเวลาอย่าหยุดยั้ง แล้ววันหนึ่งฝันของเราก็จะเป็นความจริงในที่สุด

...
  
ศิลปะการ โต้วาที และ ยอวาที
ศิลปะการ โต้วาที และ ยอวาที
เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นเพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างการโต้วาที และ ยอวาที ผมซื้อจากร้านขายหนังสือเก่าราคาเล่มละ 15 บาท รวบรวมโดย ยอดกมล กระผมได้ซื้อมาสองเล่มเนื่องจากมีการเปลี่ยนปกหนังสือจึงคิดว่าคนแต่งคนละคนแต่เขียนหนังสือชื่อเดียวกัน
เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วทำให้รู้หลักการโต้วาที และยอวาทีขึ้นอีกมากเลย ในด้านท้ายมีตัวอย่างการโต้วาทีและยอวาทีให้ได้อ่านกันอีกด้วย
...
  
ศาลผู้บริโภค
17
...
  
หลวงพ่อพุทธทาส
. กำเนิดแห่งชีวิต

พ.ศ. ๒๔๕๓ ด.ช.เงื่อม วัย ๔ ขวบท่านอาจารย์พุทธทาส มีนามเดิมว่า เงื่อม นามสกุล พานิช
เกิดเมื่อ วันอาทิตย์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย
วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ ในสกุลของพ่อค้า
ที่ตลาด พุมเรียง ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
บิดา ชื่อ เซี้ยง มารดาชื่อ เคลื่อน มีน้องสองคน
เป็นชายชื่อยี่เก้ย และเป็นหญิงชื่อกิมซ้อย
บิดาของท่านมีเชื้อสายจีน ประกอบอาชีพหลักคือ
การค้าขายของชำ เฉกเช่น ที่ชาวจีนนิยมทำกันทั่วไป
แต่อิทธิพลที่ท่านได้รับจากบิดา กลับเป็นเรื่องของ
ความสามารถทางด้านกวี และทางด้านช่างไม้
ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่รักยิ่งของบิดา

ด.ช.เงื่อม กับ นายเซี้ยง บิดาและ ด.ช.ยี่เก้ย น้องชายส่วนอิทธิพลที่ได้รับจากมารดา คือ ความสนใจ
ในการศึกษาธรรมะ อย่างลึกซึ้ง อุปนิสัยที่เน้น
เรื่องความประหยัด เรื่องละเอียดละออในการ
ใช้จ่ายและการทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด และต้องทำ
ให้ดีกว่าครูเสมอ ท่านได้เรียนหนังสือเพียงแค่
ชั้น ม.๓ แล้วต้องออกมาค้าขาย แทนบิดาซึ่ง
เสียชีวิต





พระเงื่อม เมื่อแรกบวช ครั้น อายุครบ ๒๐ ปี ก็ได้บวชเป็นพระ ตามคตินิยมของ
ชายไทยที่วัดโพธาราม ไชยา ได้รับฉายาว่า"อินทปัญโญ"
แปลว่า ผู้มีปัญญา อันยิ่งใหญ่ เดิมท่านตั้งใจจะบวชเรียน
ตามประเพณี เพียง ๓ เดือน แต่ ความสนใจ ความซาบซึ้ง
ความรู้สึกเป็นสุข และสนุกในการศึกษาและเทศน์แสดง
ธรรม ทำให้ท่านไม่อยากสึก เล่ากันว่า เจ้าคณะอำเภอ เคย
ถามท่าน ขณะที่ เป็นพระเงื่อม ว่ามีความคิดเห็นอย่างไร
ในการใช้ชีวิตท่านตอบว่า "ผมคิดว่าจะใช้ชีวิตให้เป็น
ประโยชน์ แก่เพื่อนมนุษย์ ให้มากที่สุด"
"..แต่ถ้ายี่เก้ย จะบวช ผมก็ต้องสึกออกไป อยู่บ้านค้าขาย"
ท่านเจ้าคณะอำเภอ ก็เลยไปคุยกับโยมแม่ของท่านว่า ท่าน
ควรจะอยู่เป็นพระต่อไป ส่วนยี่เก้ย น้องชายของท่านนั้นไม่ต้องบวชก็ได้เพราะมี
ชีวิตเหมือนพระอยู่แล้ว คือเป็นคนมักน้อย สันโดษ การกินอยู่ก็เรียบง่าย ตัดผมสั้น
เกรียน ตลอดเวลา นายยี่เก้ย ก็เลยไม่ได้บวช ให้พี่ชาย บวช แทน มาตลอด

นาย ยี่เก้ย ต่อมาก็คือ "ท่านธรรมทาส" ฆราวาสผู้เป็นกำลังหลักของคณะ
ธรรมทาน ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ของสวนโมกขพลาราม ...
  
การเขียนเชิงสร้างสรรค์
หนังสือการเขียนเชิงสร้างสรรค์ เป็นหนังสือประกอบการเรียนการสอน ของสถาบันราชภัฏเชียงใหม่
แต่งโดย ผศ.พิศมัย อำไพพันธุ์ ผมซื้อจากร้านหนังสือมือสอง ในราคา 50 บาทครับ ...
  
ธรรมในใจ เฉลิมชัย Part 4
17
...
  
Case study โออิชิ (7)
17
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  [100]  [101]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.