หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
พลังแห่งการให้
พลังแห่งการให้
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
มือของผู้ให้ย่อมอยู่เหนือมือของผู้รับ และเราจะเป็นสุขใจเมื่อเราได้เป็นผู้ให้
พลังแห่งการให้ เป็นบุคลิกลักษณะหนึ่งของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ เพราะคนที่ให้มักจะเป็นคนที่มีมากพอแล้ว เราถึงไม่แปลกใจว่าทำไม มหาเศรษฐีต่างๆ จึงตั้งมูลนิธิเพื่อบริจาค เงิน สิ่งของ อุปกรณ์ เครื่องมือ ฯลฯ แก่ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่า ดังเช่น บิล เกตส์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐอเมริกา ได้ตั้งมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ เพื่อช่วยเหลือด้านสุขอนามัย และด้านคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในประเทศกำลังพัฒนา
พลังแห่งการให้ จะเป็นตัวช่วยให้คุณร่ำรวยยิ่งขึ้น ตัวอย่าง ธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์ “ เซเว่น อีเลฟเว่น ” ก่อกำเนิดมาจากร้านขายน้ำแข็งเล็กๆ ในเมืองดัลลัส มลรัฐเท็กซัส ของสหรัฐอเมริกา เปิดบริการขายน้ำแข็งตั้งแต่ เจ็ดโมงเช้าถึงห้าทุ่ม วันละสิบหกชั่วโมง ในขณะนั้น แต่เนื่องจากเจ้าของกิจการ “ เซเว่น อีเลฟเว่น ” มีพลังแห่งการให้ กล่าวคืออยากให้บริการแก่ผู้คนโดยมีสินค้าที่หลากหลายจึงได้เพิ่มสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น นม ขนมปัง สบู่ ยาสีฟัน ปากกา ดินสอ สมุดฯลฯ ต่อมา ด้วยพลังแห่งการให้บริการ เจ้าของกิจการ “ เซเว่น อีเลฟเว่น ” ต้องการให้บริการแก่ชาวอเมริกามากขึ้น จึงได้ขยายสาขาออกไปทั่วสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน ด้วยพลังแห่งการให้บริการ “ เซเว่น อีเลฟเว่น ” ใช้ระบบโดยการเปิดร้านตลอด 24 ชั่วโมงและมีสาขาเกือบทั่วโลก
พลังแห่งการให้ หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย ถามว่าแล้วเราจะให้อะไรแก่ผู้อื่นได้บ้าง ได้ครับ การเป็นผู้ให้ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่ท่านคิด เราสามารถ ให้โดยการลงแรง ให้โดยการช่วยคิด ให้ความรู้ทางปัญญาและให้สิ่งต่างๆ เช่น
- การเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครต่างๆ เพื่อบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่ชุมชน
- การช่วยคนตาบอดหรือคนพิการ ข้ามถนน
- การให้หนังสือดีๆ สักเล่มหนึ่งหรือการให้กำลังใจ แก่คนที่ล้มเหลว เพื่อปลุกเร้าให้เขามีกำลังใจอีกครั้ง
- การช่วยเหลือ ทำความสะอาด แม่น้ำ ลำคลอง ถนน ที่สาธารณะต่างๆ
และมีอื่นๆ อีกมากมายที่คุณสามารถทำได้ เมื่อคุณได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่น คุณจะมีความรู้สึกมีความสุข
ขึ้นมาทันที ดังนั้น หากว่าคุณอยากมีความสุข อยากที่จะประสบความสำเร็จ จงมีนิสัยเป็นผู้ให้หรือทำอะไรให้แก่โลกมากๆ แล้วสวรรค์ก็จะติดหนี้คุณ แต่ต้องเป็นการให้โดยน้ำใจที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน จงให้โดยไม่ต้องจดจำ
การให้เลือดโดยการบริจาค ก็เป็นตัวอย่างที่ดีอีกตัวอย่างหนึ่ง กล่าวคือ เมื่อท่านได้บริจาคเลือดแล้ว สิ่งที่ได้ตอบแทนมาก็คือ เรื่องของสุขภาพของท่านก็จะดีขึ้น เนื่องจากร่างกายได้สร้างเลือดใหม่ที่แข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากกว่าเลือดเก่าที่บริจาคไป อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการกระตุ้นการทำงานของไขกระดูก กุศลของการบริจาคเลือดที่ได้กลับมาอีกอย่างก็คือ หากว่ามีการตรวจพบความผิดปกติในเลือดของท่าน สภากาชาดจะแจ้งให้ท่านทราบโดยทันที
พลังแห่งการให้ เป็นพลังหนึ่งของจักรวาล มันมีกฏเกณฑ์และผลลัพธ์เสมอ เพียงแต่คุณเป็นผู้ให้คนอื่นมากๆ คุณก็จะได้สิ่งต่างๆ กลับคืนมาเช่นกัน แต่จะเร็วจะช้า เท่านั้นเอง เช่น อาจารย์หรือวิทยากร ที่ให้ความรู้สอนผู้อื่นมากๆ อาจารย์หรือวิทยากรผู้นั้นก็จะมีความรู้ในเรื่องที่สอนมากขึ้นด้วย ฉะนั้น จงแจกจ่ายความรู้ให้แก่ผู้อื่นแล้วความรู้นั้นก็จะกลับมาหาท่านมากยิ่งขึ้น
ความสุขที่ยิ่งใหญ่ คือ ความสุขที่เกิดจากที่เราได้เป็นผู้ให้
...
  
การฝึกการเขียน
การฝึกทักษะการเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การฝึกการเขียนก็เหมือนกับการฝึกทักษะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การว่ายน้ำ การวิ่ง การเล่นฟุตบอล การพูดต่อหน้าที่ชุมชน ฯลฯ
การจะฝึกการเขียนได้นั้น ก็ต่อเมื่อคุณนั่งแล้วลงมือเขียน เขียน เขียน มากกว่าการที่คุณจะมัวแต่นั่งอ่าน อ่าน อ่าน ถึงแม้หนังสือที่คุณอ่านนั้นจะเป็นหนังสือที่สอนให้คุณเป็นนักเขียนก็ตาม หนังสือเหล่านั้นอาจจะช่วยเพียงแต่บอกเทคนิค วิธีการ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ คุณต้องนั่งเขียน เขียนและเขียน นั้นเอง
คุณต้องนั่งเขียนทุกๆวัน หากเป็นไปได้ คุณควรฝึกการเขียนในรูปแบบต่างๆ เช่น ฝึกเขียนโดยไม่หยุดไม่ต่ำกว่าระหว่าง 3-7 นาที การเขียนแบบไม่หยุดจะทำให้ใช้สมอง ความคิดและมือทำงานอย่างเต็มที่
และในยุคปัจจุบัน หากคุณยังไม่สามารถพิมพ์งานเขียนด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ คุณก็จงฝึกเสีย หากเป็นไปได้คุณต้องฝึกพิมพ์แบบสัมผัสได้ด้วย ก็จะทำให้คุณสามารถทำงานได้ไวยิ่งขึ้น ดังนั้น จงหาโปรแกรมเกี่ยวกับการฝึกพิมพ์แบบสัมผัสซึ่งมีขายในท้องตลาดราคาถูก เพราะมันจะทำให้คุณสามารถใช้หรือเป็นเครื่องมือช่วยคุณตลอดชีวิตของการเป็นนักเขียน
หากว่าคุณ คิด พิมพ์แบบสัมผัสได้ไว หากคุณพิมพ์โดยไม่หยุดวันละ 3-7 นาที คุณก็จะได้งานเขียนวันละ 5-15 บรรทัด ถ้าคุณทำทุกวันติดต่อกัน 1 เดือน คุณก็จะได้งานเขียน 150-450 บรรทัด และถ้าหากว่าคุณทำทุกวันติดต่อกัน 1 ปี หรือ 365 วัน คุณก็จะได้งานเขียนถึง 1,825-5,475 บรรทัด สรุป ว่าหากคุณทำทุกวันติดต่อกันหนึ่งปี คุณจะได้หนังสือเล่มโต 1 เล่ม เลยทีเดียว
การเขียนเรื่องยากให้อ่านง่าย เป็นหัวใจของการเป็นนักเขียน ซึ่ง บุคคลนั้นต้อง เป็นคนที่สามารถเลือกใช้คำได้เก่ง เลือกคำให้เห็นเป็นภาพ ซึ่งเราสามารถฝึกโดยการเขียนเพื่ออธิบายภาพ การตอบคำถามแบบไหนเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน
ระยะทางหมื่นลี้ ย่อมเริ่มต้นจากก้าวแรก การฝึกการเขียนเป็นเรื่องลำบากใจไม่ใช่น้อยในการเริ่มต้น มันเหมือนกับการยกของหนัก ซึ่งต้องออกแรงมาก แต่เมื่อเราออกแรงจนยกของนั้นได้สำเร็จแล้ว ถ้าหากเราจะยกของชิ้นนั้นอีกรอบ หรือหลายรอบเราก็สามารถยกได้ใหม่ ฉะนั้น คนที่ต้องการฝึกเป็นนักเขียนจึงต้องออกแรงไม่ว่า การให้เวลากับมัน การใช้ความคิด การอ่านหนังสือ การฝึกเขียน ให้มากๆในช่วงแรกๆ
พรสวรรค์หรือพรแสวง ผมเองเกิดมาก็ไม่ได้เขียนได้มาตั้งแต่เกิด แต่มาหัดเขียนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง ดังนั้นในส่วนตัวกระผม เชื่อว่า การเป็นนักเขียนท่านสามารถสร้างขึ้นมาได้ โดยการฝึกฝน การศึกษา อบรม เรียนรู้และพัฒนางานเขียนของตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง งานเขียนของท่านจึงจะก้าวหน้า
จงตั้งหัวข้อที่ท่านมีความถนัดแล้วเริ่มเขียน เขียน และเขียน หัวข้อละ 1 กระดาษ A4 อย่ามัวแต่คิดแต่ไม่ทำ หากเป็นไปได้จงเขียนเรื่องเกี่ยวกับ แรงบันดาลใจ เรื่องที่มันสร้างสรรค์และเรื่องที่สามารถเปลี่ยนทิศทางสังคมให้ไปในทางที่ดีขึ้น
สุดท้ายเรื่องที่สำคัญที่อยากจะฝากท่านผู้อ่านที่อยากจะฝึกหัดทักษะด้านการเขียน จงอย่ากลัวที่จะล้มเหลว เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผู้ประสบความสำเร็จทุกคนและส่วนใหญ่มักจะได้รับ เช่นนักเขียนในอดีตหลายๆคน นำผลงานการเขียนของตนเองไปเสนอสำนักพิมพ์ แต่ก็ถูกปฏิเสธ บางคนถูกต่อว่า ว่างานเขียนออกมาไม่ดี แต่ในที่สุดหากว่าท่านไม่ยอมแพ้ ท่านก็จะได้รับชัยชนะ




...
  
สุดยอดอัฉริยะทางความคิด ของไทย จีน ฝรั่ง
ความคิด มุมมอง อมตะวาจาและหลักปฏิบัติที่ยอดเยี่ยม เรียบเรียงโดย ทีมงาน บอสตัน เบรน กรุ๊ฟ
ราคา 80 บาท แต่ไม่ทราบว่ายังมีการพิมพ์ใหม่ขึ้นมาหรือไม่ เป็นหนังสือที่ รวมหัวกะทิของเรื่องเด่นๆ อมตะวาจาของมหาบุรุษ คำคมของทั้ง 3 ชาติ คำกล่าวที่เด่นๆ ของคนไทย หลักปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ ทฤษฏีที่ได้รับการยอมรับ มีครบถ้วนในเล่มนี้
...
  
การพูดจูงใจคน
การพูดจูงใจคน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
การพูดจูงใจ เป็น การพูดประเภทหนึ่งในวัตถุประสงค์ของการพูดต่อหน้าที่ชุมชน กล่าวคือวัตถุประสงค์ของการพูด ได้แก่ การพูดเพื่อการบอกเล่า การพูดเพื่อความบันเทิงและการพูดเพื่อการจูงใจ
การพูดจูงใจ จึงเป็นศิลปะในการพูดที่ต้องอาศัยการฝึกฝน การศึกษา และดูแบบอย่างของนักพูดที่สามารถพูดจูงใจคนได้
ก่อนที่เราจะศึกษาหรือเรียนรู้การพูดจูงใจ เราควรศึกษาธรรมชาติหรือความต้องการของคนก่อน เนื่องจากคนทุกคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน เช่น ถ้าเราพูดจูงใจเด็ก กับพูดจูงใจผู้ใหญ่ เราอาจจะมีวิธีการพูดที่แตกต่างกัน หรือ ถ้าเราพูดให้ผู้ฟังในกลุ่มอาชีพต่างๆฟัง เราอาจจะต้องมีวิธีในการพูดจูงใจที่แตกต่างกัน เช่น พูดให้ชาวนาฟัง กับพูดให้นักวิชาการฟัง ฯลฯ
แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องความต้องการของมนุษย์หรือคนเรา กระผมคิดว่า คนเรามีความต้องการในเรื่องใหญ่ๆ ที่คล้ายกันกล่าวคือ เรื่องของ กิน กาม และเกียรติ
- กิน คนเราเมื่อเกิดมาเป็นคนหรือมนุษย์จะต้องมีการบริโภคหรือการกิน ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารประเภทต่างๆ การดื่มกินน้ำประเภทต่างๆ
- กาม คนเราเกิดมาแล้ว ตามสัญชาตญาณของการสืบพันธุ์ ก็ต้องมีเรื่องของเพศสัมพันธ์
- เกียรติ คนเราเกิดมา ก็อยากจะมีชื่อเสียง อำนาจ ความดัง ความมีหน้าตาในสังคม
ดังนั้น คนเราหรือมนุษย์เรา จึงได้แสวงหาเรื่องของการ กิน กาม และเกียรติ กันด้วยความกระเสือกกระสนดิ้นรน (ทั้งนี้ผู้เขียนขอใช้คำว่า คนเราหรือมนุษย์เราส่วนใหญ่ จึงไม่ได้หมายถึงทุกคน)
เมื่อเราศึกษาธรรมชาติความต้องการของคนเราหรือมนุษย์เราแล้ว ที่นี้ ในการพูดต่อหน้าที่ชุมชน เทคนิคในการพูดจูงใจคน เราจำเป็นจะต้องศึกษา เรียนรู้เช่นกัน กล่าวคือ ในการพูดจูงใจให้คนคล้ายตามเรานั้น
- ผู้พูดจำเป็นจะต้องพูดด้วยอารมณ์ กล่าวคือ เมื่อต้องการให้ผู้ฟังเศร้า ผู้พูดจะต้องมีอารมณ์เศร้าก่อนอีกทั้งต้องแสดงอารมณ์ผ่านทางใบหน้า น้ำเสียง ท่าทาง เพื่อจูงใจให้ผู้ฟังมีอารมณ์เศร้าด้วย หรือ ต้องการพูดให้ผู้ฟังมีอารมณ์เกลียดชัง ผู้พูดต้องแสดงอารมณ์ความรู้สึกเกลียดชัง ผ่านทางภาษาพูดและภาษากายต่างๆของผู้พูด เพื่อส่งความรู้สึกอารมณ์ดังกล่าวไปยังผู้ฟัง เป็นต้น
- ผู้พูดจะต้องพูดด้วยความจริงใจ จากใจ ยิ่งพูดมาจากก้นบึ้งของหัวใจได้ยิ่งดี การที่จะพูดให้คนคล้ายตามหรือจูงใจคนได้นั้น ผู้พูดจะต้องพูดด้วยความจริงใจก่อน ซึ่งความจริงใจ ผู้ฟังสามารถสัมผัสได้ผ่านการแสดงอาการต่างๆของผู้พูด ไม่ว่าจะเป็นทางสายตา น้ำเสียง ท่าทาง กล่าวคือ ถ้าต้องการให้ผู้ฟังเกิดความศรัทธาในสิ่งใด ผู้พูดเองต้องมีความศรัธทาในสิ่งนั้นก่อน ถ้าผู้พูดไม่เชื่อถือไม่ศรัธทาก่อน ก็คงยากที่จะพูดให้ผู้ฟังเกิดความศรัธทาในสิ่งนั้นด้วย
- ผู้พูดจะต้องพูดถึงเรื่องของผลประโยชน์ของผู้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินเดือนเพิ่ม โบนัสเพิ่ม ได้บุญเพิ่ม ได้กุศลเพิ่ม ได้โลห์ ได้ชื่อเสียง เกียรติยศต่างๆ ฉะนั้น ผู้พูดสามารถชักจูงใจคนได้ด้วยการพูดถึงเรื่องของผลประโยชน์ เช่น หากต้องการได้เงินเดือนเพิ่ม โบนัสเพิ่ม ท่าน(ผู้ฟัง)จะต้องขยันทำงานขึ้น
ดังนั้น คนที่ต้องการพูดจูงใจเป็น จำเป็นจะต้องเรียนรู้ จากการอ่านมาก การฟังมาก การศึกษาดูแบบอย่างมากๆ เช่น หากท่านต้องการเป็นนักพูดจูงใจทางด้านการเมืองกล่าวคือ ต้องการพูดให้คนลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้ท่าน ท่านก็ควรตามไปฟังนักพูดทางการเมืองหรือศึกษาจาก เทป วีซีดี ดีวีดี รวมทั้งการดูการถ่ายทอดการหาเสียง การอภิปรายทางโทรทัศน์ ดูแล้วต้องวิเคราะห์ว่าทำไม นักการเมืองคนนี้พูดแล้วคนเชื่อ ทำไมนักการเมืองคนนี้พูดแล้วคนไม่เชื่อ อีกทั้งต้องรู้จักวิเคราะห์ผู้ฟังด้วย






...
  
Public Speaking/Presentation Skills Keynote with Robert Graham
30
...
  
เสวนา " แก้ไขปัญหาเด็กนอกระบบ "
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ ร่วมเสวนา " การแก้ไขปัญหาเด็กนอกระบบ " ในโครงการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพเยาวชนในระดับท้องถิ่น(เทศบาล) สนันสนุน โดย สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพเยาวชน (สสค.) การพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนในท้องถิ่น “ โครงการเสริมสร้างพัฒนาศักยภาพของเยาวชนนอกระบบเทศบาลตำบลแม่กาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น” ...
  
เคล็ดลับความสำเร็จของมหาเศรษฐีระดับโลก
เคล็ดลับความสำเร็จของมหาเศรษฐีระดับโลก
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับชีวประวัติของบุคคลที่ประสบความสำรวจ รวมทั้งชอบอ่านหนังสือประวัติของมหาเศรษฐีระดับโลกด้วย เช่น โดนัลด์ เจ ทรัมพ์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ , บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ , ซึซึมิ โยชิอากิ มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่น , สตีฟ จ๊อบส์ ผู้ก่อตั้งแอปเปิ้ล ฯลฯ
จากการอ่านและศึกษา ค้นคว้า ทำให้ผมได้ทราบแนวความคิดในเรื่องของความสำเร็จที่บุคคลเหล่านี้ ใช้ในการดำเนินชีวิตและใช้ในการทำธุรกิจ หากท่านมีโอกาสท่านลองตามไปอ่านหนังสือของบุคคลเหล่านี้ ท่านจะได้แง่มุมหลายๆอย่าง แต่หากท่านไม่มีเวลามากพอกระผมขอสรุปแนวความคิดของบุคคลเหล่านี้ ด้วยวาทะหรือคำพูดต่างๆของพวกเขา อาจจะทำให้ท่านจุดประกายความคิดที่ประสบความสำเร็จได้
จงมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า
โดนัลด์ เจ ทรัมพ์ กล่าวว่า “ แรงปรารถนา คือ สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตและเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จอย่างแท้จริง หากคุณทำงานหนักโดยที่ไม่มีแรงปรารถนา คุณก็จะต้องสูญเสียพลังงานอย่างมากมายไปเปล่าๆ คุณจะต้องมีความต้องการอะไรบางอย่างที่สำคัญอยู่ด้วย”
ดังนั้น หากบุคคลใดต้องการความสำเร็จไม่ว่าในเรื่องใด คุณต้องเพิ่มความปรารถนาอย่างแรงกล้า เข้าไป หากว่าคุณขาดแรงปรารถนาอย่างแรงกล้า ก็จะทำให้คุณขาดความกระตือรือร้น ขาดการต่อสู้ที่อยากที่จะประสบความสำเร็จ ดังนั้น ความปรารถนาอย่างแรงกล้า จึงเป็นคุณสมบัติหนึ่งของบรรดามหาเศรษฐี
ททท.หรือทำทันที
บิล เกตส์ กล่าวว่า “ชีวิตไม่ได้แบ่งเป็นเทอม ไม่มีช่วงซัมเมอร์ แล้วเจ้านายส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจจะให้คุณปิดเทอมไปค้นหาชีวิตคุณหรอกนะ ถ้าจะไปค้นหาอะไร ทำซะเดี๋ยวนี้ด้วยเวลาที่คุณยังมี”
ดังนั้น จง ททท.หรือทำทันที ไม่ต้องรอเวลาหรือโอกาส หากว่าต้องการความสำเร็จเมื่อมีเป้าหมาย มีการวางแผนหรือมั่นใจแล้ว จงลงมือทำทันที นี่คือคุณลักษณะหนึ่งของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งแตกต่างกับบุคคลธรรมดาทั่วไปที่คิดแล้ว ไม่ยอมลงมือที่จะทำ อีกทั้งยังพลัดวันประกันพรุ่งอีกด้วย
จงฝึกฝนและเรียนรู้
ซึซึมิ โยชิอากิ มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นที่ร่ำรวยที่สุดในโลกติดต่อกัน 3 ปีซ้อน (ตั้งแต่ปี พ.ศ.2530-2532) กล่าวว่า “ หากมีใครจับเอาคนอย่างมัตสิชิตะ โคโนะสุเกะ(ผู้ก่อตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าเนชั่นแนล)และฮอนด้าโซ อิจิโร(ผู้ก่อตั้งรถยี่ห้อฮอนด้า)ไปเข้าเรียนมหาวิทยาลัยโตเกียว เชื่อได้ว่า คนทั้งสองนี้ก็คงเป็นได้แต่เพียงข้าราชการธรรมดาๆ และไม่มีผลงานสร้างสรรค์นับร้อยนับพันชนิดให้คนทั่วโลกได้ใช้สอยกันเหมือนเช่นทุกวันนี้แน่”
หมายเหตุ : คำพูดประโยคนี้เป็นคำพูดที่ ซึซึมิ โยชิอากิ สนทนาอยู่กับมัตสึชิตะ โคโนะสุเกะ ซึ่งเขาได้ตั้งสมมุติฐานที่สามารถทำให้ทุกคนหูผึ่งขึ้นมาได้
ดังนั้น ซึซึมิ โยชิอากิ เขาจะให้ความสำคัญกับพนักงานที่จบปริญญาตรีหรือเรียนจบมัธยมปลายพอๆกัน ไม่ได้คำนึงว่าจบปริญญาตรีจะเก่งกว่ามัธยมปลาย แต่เขาจะเน้นเรื่องของการฝึกฝน อบรม บ่มเพาะตามกฏเกณฑ์ของบริษัทที่เขาวางระบบไว้ ซึซึมิ โยชิอากิ มีแนวความคิดเดียวกับ นักปราชญ์ชาวจีนที่ชื่อ สวินจื่อ ซึ่ง สวินจื่อเคยกล่าวไว้ว่า “ ฟ้า ไม่ได้แบ่งคนเป็นยอดคนกับปุถุชน ยอดคนจะปรากฏขึ้นเสมอ แต่นั้นมิใช่เพราะฟ้ากำหนด ยอดคนคือผู้ที่มาจากปุถุชนคนธรรมดาแต่เป็นผู้ที่ได้ผ่านการฝึกฝนอบรมมาแล้ว ในความจริงคนธรรมดาก็เป็นยอดคนได้ แต่ที่เขายังคงเป็นคนธรรมดาอยู่อย่างนั้นก็เพราะเขาไม่ได้ฝึกฝนและเรียนรู้ที่จะเป็นยอดคน ” จงฝึกฝนและเรียนรู้ ท่านก็สามารถประสบความสำเร็จได้
สร้างความแตกต่าง
สตีฟ จ๊อบส์ กล่าวว่า “ นวัตกรรมทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างผู้นำกับผู้ตาม”
หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเป็นผู้นำ ท่านจงสร้างความแตกต่างให้แก่ ตัวเอง องค์กร สินค้า หน่วยงาน ฯลฯ ของท่าน ดังเช่น สตีฟ จ๊อบส์ ที่ได้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อ Apple , iPhone , iPad ,iPod ,iMac และiTunes ถ้าท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเป็นผู้นำและประสบความสำเร็จจงอย่าหยุดที่จะเรียนรู้ อีกทั้งควรสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
จาก คำคมหรือแนวความคิดของบรรดามหาเศรษฐีระดับโลก เพียงแค่ประโยคเดียว กระผมคิดว่าท่านผู้อ่านคงได้จุดประกายความคิดของท่านเองได้ไม่ใช่น้อย หากท่านต้องการประสบความสำเร็จดังมหาเศรษฐีทั้ง 4 ท่าน ท่านคงต้องมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ท่านจะต้อง ททท.หรือทำทันที ท่านจะต้องฝึกฝนและเรียนรู้ และท่านจะต้องสร้างความแตกต่าง




...
  
กุศโลบายในการทำงานให้มีความสุข
กุศโลบายในการทำงานให้มีความสุข
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
1.เปลี่ยนความคิดของตนเองเสียใหม่ว่า การทำงานนั้น เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด จงมองให้เห็นคุณค่าของการทำงาน ว่าคุณค่าของการทำงานคือการได้ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น เช่น ครู อาจารย์ ต้องภูมิใจในตนเองว่าตนมีคุณค่าในการสอนนักเรียน นักศึกษา ให้มีความรู้ อีกทั้งยังก่อประโยชน์ให้กับประเทศชาติอีกด้วย เป็นต้น
2.ควรให้รางวัลแก่ตัวเองทุกครั้ง เมื่อตนทำงานชิ้นสำคัญสำเร็จเสร็จสิ้นได้ดังความตั้งใจ โดยรางวัลนั้นอาจเป็นรางวัลเล็กๆ แต่ก่อให้เกิดความสุขใจ
3.จงหางานที่ตนรักหรือหากไม่สามารถหางานที่ตนรักได้ ก็ควรรักในงานที่ตนเองทำ จงเปลี่ยนความคิดให้รักงานที่ตนเองทำ หากว่าเรามีความรักในงานที่ตนเองทำ การทำงานนั้นท่านจะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่ท่านจะสนุกกับมัน เสมือนหนึ่งว่าเราได้ทำงานอดิเรก
4.เมื่อไรที่เจองานที่ยากและหนักหนาสาหัส ให้บอกกับตัวเอง ว่านี่คือแบบฝึกหัดที่จะทำให้เราเจริญก้าวหน้า จงอดทนเรียนรู้ เพราะหากว่าเราสามารถผ่านพ้นไปได้ เราก็จะพัฒนาตนเองได้อีกระดับหนึ่ง เสมือนหนึ่งเป็นการสอบเลื่อนชั้นสมัยตอนเป็นนักเรียนนั่นเอง
5. เวลาที่ท่านถูกบีบให้ออกจากงานหรือถูกกีดกันให้ออกจากงานที่ตนกำลังทำอยู่ ให้คิดเสียว่า เป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งในโลกนี้ มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เพราะหากว่าเราไม่ถูกให้ออกตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้าเราก็ต้องถูกให้ออกอยู่ดีในวันเกษียณอายุ เมื่อท่านคิดได้เช่นนี้ ท่านก็จะสามารถยืนหยัดต่อสู้ เข้มแข็ง ได้ยิ่งกว่าเดิม
6.เมื่อเจอกับเพื่อนร่วมงานทรยศหักหลังหรือเจอเจ้านายกลั่นแกล้ง จงให้อภัยแก่เขา จงบอกกับตัวเองว่า เรายังมีเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายที่ดีๆ อีกหลายคน จงคิดว่าเป็นกรรมเก่าที่เราเคยติดค้างเขาไว้ และดีใจที่เราได้ชดใช้เขาแล้ว ไม่ควรผูกใจโกรธ เพราะเมื่อท่านมีความรู้สึกโกรธจะเป็นผลร้ายต่อตัวท่าน ยิ่งกว่าเป็นผลร้ายต่อคนที่ท่านโกรธหลายเท่า จงเรียนรู้ที่จะให้อภัย
7.เวลาเจอปัญหาต่างๆมากมาย ที่ทำให้ท่านต้องตัดสินใจ ขอให้ท่านคิดว่า ปัญหามี สติปัญญาเกิด การมีปัญหาทำให้เราได้ใช้ สติปัญญา วิเคราะห์ เรียนรู้เพื่อแก้ไขปัญหา อีกทั้งยังทำให้เราได้พัฒนาความคิดของเราเองอีกด้วย
8.เมื่อเจอเจ้านายที่เก่ง จงเรียนรู้การทำงานและแนวความคิดของเขา แล้วนำมาปรับปรุงใช้ในงานของตนเอง จงหาแบบอย่างที่ดีๆ เพื่อนำมาพัฒนาการทำงานและแนวความคิดของตน
9.เมื่อเจอเจ้านายที่บ่น เจ้าระเบียบ จู้จี้จุกจิก น่ารำคาญใจ ให้คิดเสียใหม่ว่า นี่คือช่วงเวลาที่จะทำให้เราได้เกิดการฝึกฝนตนเอง ฝึกความอดทน ฝึกจิตใจของเราเอง
10.หลักการทำงานที่ดีควรยึดหลักคำสอนเรื่องอิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ มีความรักในงานที่ตนทำ ,วิริยะ มีความพากเพียรในงาน ,จิตตะ ความเอาใจใส่ในงาน และวิมังสา คือการไตร่ตรองใคร่ครวญในผลงานที่ออกมา
11.ฝึกฝนตนเองให้เป็นคนขยันขันแข็งในการทำงาน ความขยันไม่ได้หมายถึงการหักโหมทำงานหนักในช่วงแรก
แล้วหยุดพักในเวลาต่อมา แต่หมายถึง มีความสม่ำเสมอในการทำงาน ไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ความขยันพากเพียร คือ การทำไปที่ละน้อยตามกำลังของตน แต่ไม่หยุด ดังคำพูดที่ว่า “น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน”


...
  
ลักษณะของความเป็นผู้นำ
ลักษณะของความเป็นผู้นำ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
เมื่อพูดถึงเรื่องของคุณลักษณะของความเป็นผู้นำ กระผมเชื่อแน่ว่าหลายๆ ท่านคงคิดลักษณะของความเป็นผู้นำที่แตกต่างกัน ไม่ว่าเป็นผู้นำจะต้องมีคุณธรรม เป็นผู้นำจะต้องมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นผู้นำจะต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ ฯลฯ ในบทความฉบับนี้เราจะมาเรียนรู้แลกเปลี่ยนกันเพิ่มเติมสำหรับลักษณะของความเป็นผู้นำ ซึ่งมีดังนี้
1.ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ วิสัยทัศน์มีความจำเป็นต่อความเป็นผู้นำ อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ผู้นำขาดมิได้ เพราะผู้นำที่มีวิสัยทัศน์จะมองเห็นภาพของเป้าหมายที่วางไว้ แต่ในทางตรงกันข้าม หากผู้นำไม่มีวิสัยทัศน์ ผู้นำคนนั้นจะไม่มีเป้าหมายในการนำและจะมองไม่เห็นภาพเป้าหมายในอนาคต ฉะนั้น หากท่านได้มีโอกาสเป็นผู้นำ ขอให้ท่านอย่าได้ขาดวิสัยทัศน์
2.ผู้นำต้องมีความทุ่มเท ความทุ่มเทจะเป็นสิ่งที่แยกนักปฏิบัติออกจากนักฝัน ผู้นำหลายท่านมักมีวิสัยทัศน์ แต่ขาดการลงมือทำ การทุ่มเท ลงมือทำจึงมีความสำคัญต่อความสำเร็จของผู้นำ หากไม่มีการลงมือทำ ผลงานก็มักจะไม่เกิด ความทุ่มเท จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ตามเกิดความศรัทธาในตัวของผู้นำ เพราะคนมักจะไม่ตามผู้นำที่ปราศจากความมุ่งมั่นทุ่มเท
3.ผู้นำต้องมีการสื่อสารที่ดี หากว่าผู้นำมีความรู้และความคิดดี แต่ไม่สามารถสื่อสารหรือถ่ายทอดได้ ผู้นำอาจจะต้องทำงานคนเดียว การสื่อสารที่ดีควรทำเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ซึ่งแตกต่างจากนักวิชาการหรือผู้นำบางท่าน มักจะทำเรื่องง่ายๆให้สลับซับซ้อนเพื่อให้เกิดความเข้าใจยาก ถ้าหากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพจงพัฒนาการสื่อสารของท่าน
4.ผู้นำต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ ผู้นำต้องทำงานกับคน หากว่าผู้นำขาดซึ่งความมีมนุษย์สัมพันธ์เสียแล้ว ผู้ตามหรือคนมักจะไม่ให้ความร่วมมือ จงเอาใจใส่ผู้คนที่ท่านทำงานด้วย จงมีน้ำใจต่อผู้อื่น จงเข้าใจผู้อื่น และจงช่วยเหลือผู้อื่น แล้วความมีมนุษย์สัมพันธ์ของท่านก็จะมีการพัฒนาขึ้น
5.ผู้นำต้องมีการควบคุมตนเองได้ หากท่านมีความปรารถนาที่จะเป็นผู้นำที่ดี คนแรกที่ท่านจะต้องนำก็คือตัวของท่านเอง พระพุทธองค์ยังได้ตรัสไว้ว่า “ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สุด ก็คือการชนะใจตนเอง ” จงควบคุมตนเอง อย่าได้มีนิสัยปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปตามยถากรรม จงควบคุมอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง และจงควบคุม กาย วาจา ใจ ถ้าหากว่าท่านต้องการเป็นผู้นำที่ดี
6.ผู้นำต้องเรียนรู้ จงให้ความสำคัญใน การฟัง การอ่าน และการเรียนรู้อยู่เสมอ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรใหม่ๆ หรือ มีประสบการณ์ในด้านนั้นมาบ้างแล้วก็ตาม แต่หากว่าคุณต้องการเป็นสุดยอดในวงการ คุณจะต้องเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่บัดนี้ จงเริ่มเรียนรู้ทุกๆวัน โดยเริ่มเรียนรู้ให้เพิ่มขึ้นวันละ 2 เปอร์เซ็นต์ แล้วภายในหนึ่งปีท่านจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวของท่าน
7.ผู้นำต้องมองโลกในแง่ดีหรือมีทัศนคติที่ดี โทมัส เอดิสัน เขาสามารถยืนหยัดต่อความล้มเหลวในการทดลอง หลอดไฟฟ้า , ผู้พันแซนเดอร์ส เจ้าของสูตรไก่ทอด KFC อดทนต่อการถูกปฏิเสธในการเดินเร่ขายสูตรไก่ทอดนับพันครั้ง หากบุคคลทั้งสองขาดการมองโลกในแง่ดีหรือขาดทัศนคติที่ดี เราก็คงไม่มีโอกาสได้ใช้หลอดไฟฟ้าหรือรับประทานไก่ทอด KFC ได้ เหมือนในปัจจุบันนี้
8.ผู้นำต้องกล้าตัดสินใจ เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ มากหรือน้อย ผู้ที่เป็นผู้นำต้องกล้าที่จะต้องตัดสินใจถึงแม้ว่าการตัดสินใจนั้น จะถูกหรือผิด ก็ตาม แต่หากท่านไม่กล้าตัดสินใจ ความศรัทธาของผู้ตามในตัวผู้นำก็จะลดน้อยลง แต่การตัดสินใจของผู้นำที่ดีต้องมีการตัดสินใจที่ถูกมากกว่าผิด เพราะถ้าหากการตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องใหญ่ๆ เพียงแค่ครั้งเดียวอาจทำให้องค์กรนั้นๆ ล่มสลายได้
ฉะนั้น การมีวิสัยทัศน์ ความทุ่มเท การสื่อสารที่ดี การมีมนุษย์สัมพันธ์ การควบคุมตนเอง การเรียนรู้ การมองโลกในแง่ดีและการกล้าตัดสินใจ จึงเป็นลักษณะของความเป็นผู้นำ จงเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แล้วท่านก็จะเป็นผู้นำที่ผู้คนปรารถนาอยากที่จะติดตาม
...
  
Leadership On Paper
Leadership On Paper
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การเขียนหนังสือที่ดีจะต้องสามารถนำคนอ่านให้เกิดความสนใจ เกิดการติดตาม งานเขียนของเราได้ ซึ่งต้องอาศัยศิลปะในการเขียน โดยมากมักจะมีองค์ประกอบดังนี้
1.เขียนอย่างไรให้อ่านง่ายเข้าใจง่าย ไม่ใช่เขียนแบบน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง เขียนแบบวกไปวนมา หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า การเขียนที่ดีต้องมีภาษาที่สละสลวย เป็นภาษากวี ที่ไพเราะ แต่ความจริงแล้ว หาเป็นเช่นนั้นไม่ งานเขียนที่ดีต้องง่ายต่อความเข้าใจของผู้อ่าน เพราะถ้ายากต่อความเข้าใจ ผู้อ่านก็ไม่อยากที่จะอ่าน เมื่อไม่อ่านต่อ ผู้เขียนก็ไม่สามารถสื่อสารให้ผู้อ่านทราบว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นเช่นไร
2.กำหนดโครงเรื่อง เขียนชื่อเรื่อง เขียนหัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อย แต่มุ่งไปประเด็นเดียวหรือทิศทางเดียวกันกับชื่อเรื่อง เพราะหากไม่มุ่งไปในทิศทางเดียวกันแล้ว จะทำให้ผู้อ่านเกิดความสับสน ซึ่งการวางโครงเรื่องที่ดี เราควรไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของงานเขียนในประเภทต่างๆ ซึ่งมีการวางโครงเรื่องที่แตกต่างกัน เช่น การเขียนบทความที่ดี ควรมี (ชื่อเรื่อง คำนำ เนื้อหา และสรุปจบ) หรือ โครงเรื่องของ การเขียนสารคดี ควรมี (ชื่อเรื่อง ความนำ ความตอนเชื่อมต่อระหว่างคำนำกับเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องและตอนลงท้าย) เป็นต้น
3.สร้างเอกลักษณ์เป็นของตนเอง บางคนเขียนงานเขียนประเภททวนกระแส วิพากษ์สังคม บางคนเขียน ตลก เฮฮา บางคนเขียนแนวโรแมนติก หวานแหวว บางคนเขียน ทะลึ่งตึงตัง ลามก เป็นต้น จงหาแนวทางงานเขียนของตนเองให้เจอแล้ว ค่อยพัฒนางานเขียนของตนเองไปอย่างสม่ำเสมออย่าหยุดยั้ง แล้วสักวันหนึ่งท่านจะประสบความสำเร็จและมีคนอ่านคอยติดตามงานเขียนของท่าน
4.จงฝึกเขียน เขียนและเขียน เป็นทักษะที่สำคัญที่สุด อย่ารักที่จะเขียนเพราะเห็นเพื่อนเขียน เห็นแก่เงินทอง แต่จงเขียนเพราะมีใจรัก จงเขียนไปปรับปรุงแก้ไข พัฒนาไป จนกว่าจะประสบความสำเร็จ จงฝึกเขียนให้เป็นนิสัย จงฝึกเขียนเป็นประจำอยู่เสมอ หากเป็นไปได้ให้เขียนทุกๆวัน
5. อ่านหนังสือเป็นประจำ การอ่านหนังสือของงานเขียนของนักเขียนท่านอื่นๆ เป็นประจำจะสามารถนำมาปรับปรุงงานเขียนของตนเองได้ เมื่ออ่านมากเราจะรู้ได้ว่า งานเขียนนี้ดี งานเขียนนี้ไม่ดี งานเขียนนี้มีจุดเด่นอย่างไร จุดด้อยอย่างไร เขาเขียนอย่างไรคนถึงได้สนใจ แล้วเราก็นำเทคนิคเหล่านั้นมาใช้กับงานเขียนของเรา ก็จะสามารถทำให้งานเขียนของเรามีผู้อยากอ่านเพิ่มมากขึ้น
เขียนมาถึงตอนนี้แล้ว กระผมอยากให้ท่านผู้อ่านได้ทดลองเขียนหนังสือให้มากครับ เนื่องจากคนไทยเราเขียนหนังสือกันน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศที่เขาเจริญแล้ว ผมเองก็ได้มีโอกาสอ่านหนังสือปีๆ หนึ่งจำนวนมาก บางเล่ม ชวนให้อ่านต่อ บางเล่มซื้อมา อ่านแค่ 10-20 หน้า ก็ต้องนำไปเก็บไว้ที่ตู้เก็บหนังสือแล้ว ไม่หยิบมาอ่านอีกเลย
ดังนั้น Leadership On Paper ต้องเขียนอย่างไรเพื่อให้ผู้อ่านติดตาม จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและมีความจำเป็น สำหรับนักอ่าน ที่จะต้องหาเทคนิค วิธีการ การฝึกฝน ซึ่งเทคนิคข้างต้นเป็นเทคนิคบางประการ หากท่านผู้อ่านนำไปใช้ก็จะช่วยเป็นแนวทางได้เป็นอย่างดี







...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  [100]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.