หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การอ่านกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " การอ่านกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต " ให้แก่ พนักงาน เจ้าหน้าที่ผู้บริหาร สมาชิกสภาอบต.ดอกคำใต้และเจ้าหน้าที่ห้องสมุด

...
  
จงทำงานอย่างมีชีวิตชีวา
จงทำงานอย่างมีชีวิตชีวา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ไม่ก้าวหน้าในสายงานอาชีพของตนเอง มักเป็นคนที่ทำงานอย่างขี้เกียจ ไม่มีความกระตือรือร้น คิดแต่เรื่องลบ และขาดซึ่งชีวิตชีวาในการทำงาน หากว่าคุณเบื่องาน ท้อแท้ ท้อถอย แต่ในทางกลับกันถ้าคุณอยากทำงานอย่างมีความสุข คุณควรจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่ เปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อการทำงานเสียใหม่ คุณสามารถเปลี่ยนได้ดังนี้
ประการแรก คุณจงรักในงานที่คุณทำ หากคุณรักในงานที่คุณทำ คุณจะทำมันอย่างสนุก อย่างมีความสุข เอดิสัน เขาเอาอาหาร เครื่องดื่ม ไปทานในห้องทดลอง เขาเอาที่นอนไปนอนในห้องทำงาน เขามีความรักในงานที่เขาทำมาก เคยมีคนถาม เอดิสัน ว่า ทำอย่างไรให้มีความกระตือรือร้นในการทำงานอย่างเขา เขาตอบกลับไปว่า “ ผมไม่ได้ทำงาน แต่ ผมสนุกกับงานที่ผมทำต่างหาก” การที่เขามีความสนุกกับการทำงาน ทำให้เขาทำงานได้ตลอดคืน เขามีความเพลิดเพลินกับงานที่เขาทำ ดังนั้น จึงไม่ประหลาดใจเลยว่า ทำไม เขาถึงได้เป็น นักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ เอกของโลก
ประการสอง คุณต้องหาปลาฉลามให้กับชีวิต ผมเคยได้รับ Forward mail เรื่องหนึ่งน่าสนใจมาก คือ คนญี่ปุ่นเขานิยมกินปลาและชอบเนื้อปลาสดๆ แต่ทะเลของญี่ปุ่นสมัยหนึ่งไม่มีปลาที่ชุกชุม ชาวญี่ปุ่นจึงต้องใช้เรือขนาดใหญ่ไปหาปลากลางทะเลลึก ซึ่งไกลจากฝั่งเป็นอันมาก การออกทะเลลึกแต่ละครั้งกินเวลาไป 3-4 วัน กว่าจะกลับเข้าฝั่ง ทำให้ปลาที่หามาได้ไม่สด คนญี่ปุ่นจึงไม่ชอบกิน
ต่อมาได้มีการคิดค้น ตู้แช่แข็ง กล่าวคือเมื่อจับปลาขึ้นมาได้ก็จะเก็บไว้ในตู้แช่แข็ง แต่ชาวญี่ปุ่นก็ไม่นิยมกินเช่นกันเพราะชาวญี่ปุ่นสามารถแยกรสชาติได้ ว่าอะไรคือรสชาติของปลาสดและรสชาติของปลาแช่แข็ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ บริษัทประมงแห่งหนึ่งจึงเริ่ม ติดตั้งแท็งก์น้ำขนาดใหญ่บนเรือ แล้วเอาปลาที่จับได้ใส่ลงไป แต่พอปลาถูกอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด และถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาตามคลื่นทะเลอยู่หลายวัน สุดท้ายปลาก็ไม่ยอมว่ายน้ำ ซึม ขาดชีวิตชีวา แม้จะมีชีวิตอยู่ก็ตามแต่บางตัวก็ เหงา ซึม ไม่ยอมว่ายน้ำ จนตายในที่สุด ถึงแม้ปลาบางตัวที่ยังไม่ตาย เมื่อชาวญี่ปุ่นกินก็รู้และสัมผัสได้ถึงรสชาติว่า ปลาที่ไม่ได้ว่ายน้ำนานหลายวัน ซึม ใกล้ตายรสชาติแตกต่างกับปลาที่มีชีวิตชีวา ว่ายน้ำอย่างมีความสุขอย่างไร
คนญี่ปุ่นคนหนึ่ง จึงคิดไอเดียขึ้นมาได้ว่า เขาจะใส่ปลาฉลามเข้าไปในแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ด้วย เขาให้เหตุผลว่า ปลาฉลามอาจกินปลาไปบางส่วนบ้าง แต่มันทำให้ปลาส่วนใหญ่มีชีวิตชีวามากขึ้น เนื่องจากต้องว่ายน้ำเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกปลาฉลามกิน ทำให้ปลาส่วนใหญ่มีชีวิตชีวา มีความท้าทาย มากขึ้น
ตัวอย่างข้างต้นจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งก็ตาม แต่เนื้อเรื่องนี้มีความสนใจ เพราะถ้าหากท่านทำงานไปด้วยความเฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้น ไม่มีความท้าทาย ขาดชีวิตชีวาในการทำงาน ไม่มีความสุขจากการทำงาน ท่านก็เหมือนปลาที่ไม่ได้ว่ายน้ำหลายวัน ซึม เหงา ใกล้ตาย ดังนั้น หากท่านอยากที่จะทำงานด้วยความกระตือรือร้น ท่านควรที่จะหาปลาฉลามใส่เข้าไปในชีวิตของท่านด้วย เพื่อให้ท่านเกิดความท้าทาย ในการที่จะทำงานอย่างกระตือรือร้น ปลาฉลามในที่นี้อาจเปรียบได้ดังเช่น ท่านควรมีการตั้งเป้าหมายขึ้นมาในชีวิต , ท่านควรมีความกล้าที่จะเปลี่ยนงานหากว่าท่านทำงานแล้วไม่เกิดความสนุก , ท่านควรหาความท้าทายใหม่ๆในการทำงาน เป็นต้น
ดังนั้น หากท่านมีความรักในงานที่ท่านทำ และท่านชอบหาความท้าทายในการทำงานอยู่เป็นประจำ ท่านก็จะเกิดความกระตือรือร้น ความมีชีวิตชีวา ขึ้นมาในงานที่ท่านทำ แล้วท่านจะทำงานอย่างมีความสนุกและเป็นสุขกับการทำงาน ท่านจะทำงานได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ท่านจะสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จงทำงานอย่างมีชีวิตชีวา แล้วชีวิตของท่านก็จะมีความสุขมากยิ่งขึ้น
...
  
IQ EQ AQ MQและSQ สำหรับนักบริหาร
IQ EQ AQ MQและSQ สำหรับนักบริหาร
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
IQ EQ AQ MQและSQ ตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษเหล่านี้ มักมีผู้สนใจ อีกทั้งต้องการที่จะทราบความหมายว่าหมายความว่าอย่างไร และสำหรับผู้ที่เป็นนักบริหาร ตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ควรจะศึกษาและทำความเข้าใจ
IQ ย่อมาจาก Intelligenec Quotient หมายถึง ความฉลาดความสามารถทางเชาว์ปัญญา ซึ่งถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยที่คอยส่งเสริม เชาว์ปัญญาเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ แต่สามารถแสดงออกโดยผ่านพฤติกรรมต่างๆของบุคคล
สำหรับการวัดไอคิว เราสามารถวัดได้จากแบบทดสอบหรือเครื่องมือที่นักวิทยาศาสตร์คิดค้นโดยมีการแบ่งออกเป็นทักษะต่างๆคือ
ทักษะด้านคณิตศาสตร์ , ทักษะด้านการคิด , ทักษะด้านความจำ , ทักษะด้านการใช้ภาษา , ทักษะด้านความเร็วในการคำนวณต่าง เป็นต้น
ปัจจัยต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อสมองหรือการพัฒนาไอคิว เช่น การขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและสมอง , ความเครียด ความกดดัน ขาดการออกกำลังกาย ขาดการพักผ่อน , ขาดการฝึกฝนการใช้ความคิด , การมองตนเองในด้านลบ , การใช้สารยาเสพติดต่างๆ , การเลี้ยงดู การอบรม ภายในครอบครัว เป็นต้น
นักบริหารที่มีไอคิวที่สูง มักได้เปรียบนักบริหารที่มีไอคิวที่ต่ำ เพราะนักบริหารที่มีไอคิวที่สูง มักคิดได้ไวกว่า , ตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆได้ดีกว่า , เรียนรู้งานหรือสิ่งต่างๆได้เร็วกว่า เป็นต้น
EQ ย่อมาจาก Emotional Quotient หมายถึง เชาว์อารมณ์ หรือความฉลาดทางอารมณ์ คือ การรู้จัก เรียนรู้ ความรู้สึก อารมณ์ของตนเองและผู้อื่น อีกทั้งสามารถบริหารจัดการกับอารมณ์ต่างๆได้ มีงานวิจัยออกมาหลายชิ้นพบว่า บางคนมี IQ ที่สูง มีความฉลาดทางสติปัญญา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ก็เนื่องมาจากการขาด EQ เช่น นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกหลายๆคน มีความฉลาดทางปัญญาระดับอัจฉริยะ แต่ครอบครัวแตกแยก ภรรยาขอเลิก หรือ ทำงานร่วมกันคนอื่นๆไม่ได้ เป็นต้น
ดังนั้นการเป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จควรมีทักษะด้าน EQ ให้มาก เนื่องจากการทำงานภายในองค์กรมักจะต้องทำงานร่วมกันกับคน นักบริหารที่สามารถปรับอารมณ์ของตนเองและเรียนรู้อารมณ์ของผู้อื่นมักจะประสบความสำเร็จในการทำงานต่างๆได้เป็นอย่างดี
AQ ย่อมาจาก Adversity Quotient หมายถึง ความสามารถในการฝันฝ่าอุปสรรคปัญหาต่างๆ ทั้งต้องมีความอดทน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ร่างกาย จิตใจ เพื่อที่จะบรรลุถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ ตัวอย่างเช่นนักไต่เขา 3 คน
คนที่ 1 เมื่อเห็นภูเขาสูงๆ แล้ว ปฏิเสธไม่อยากที่จะปีนเพราะกลัวเหนื่อย ทั้งๆที่ตนเองก็สามารถปีนขึ้นได้ เราเรียกนักไต่เขาคนนี้ว่า “ Quitters” หรือ ผู้ที่ไม่ยอมเดินทางหรือหยุดเดินทางเมื่อเจอปัญหาอุปสรรค มีลักษณะของการหลบเลี่ยง
คนที่ 2 เมื่อปีนเขาไปได้สักครึ่งทาง บ่นว่าเหนื่อยแล้วหยุดพัก ตั้งเต้นท์แล้วไม่ยอมปีนต่อ สำหรับลักษณะของคนที่ 2 เมื่ออยู่ภายในองค์กรมักไม่ชอบทำตนให้เด่นเกินหน้าใคร เราเรียกนักไต่เขาคนนี้ว่า “ Campers” หรือ ผู้หยุดพักพิงเมื่อได้ที่เหมาะ
คนที่ 3 จะพยายามปีนให้ไปถึงจุดสูงสุดบนยอดเขา เป็นนักปีนเขาที่อุทิศตนไม่หยุดยั้ง ชอบความท้าทาย มีแรงจูงใจ มีวินัย เมื่อปีนถึงจุดสูงสุดบนยอดเขา มักจะพูดกับตัวเองและผู้คนรอบข้างว่า “ มีเขาลูกไหนที่สูงกว่านี้ให้ปีนอีกไหม” เราเรียกนักไต่เขาคนนี้ว่า “ Climbers” หรือ ผู้ที่รุกไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง
เมื่อท่านเป็นนักบริหาร ท่านลองสำรวจตัวท่านเองหรือลูกน้องของท่าน ว่าตัวท่านเองหรือลูกน้องมีลักษณะเหมือนนักปีนเขาคนใด เพราะถ้าหากท่านเหมือนกับนักปีนเขาคนที่ 1 และคนที่ 2 ท่านมีโอกาสเป็นผู้แพ้มากกว่าผู้ที่ชนะ แต่ถ้าหากท่านหรือลูกน้องของท่านมีลักษณะเหมือนนักปีนเขาคนที่ 3 ท่านและลูกน้องคนนั้นๆ มีโอกาสในการเป็นผู้ชนะ มากกว่าผู้พ่ายแพ้
MQ ย่อมาจากคำว่า “Moral Oral Quotient” หมายถึง ความฉลาดทางจริยธรรม ศีลธรรม หากว่าผู้ใดที่มี MQ สูง คนๆนั้นก็จะมีลักษณะที่รู้จักให้อภัย ลดความเห็นแก่ตัว มีความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งสังคมไทยเรามีปัญหามาก ในเรื่องของ MQ จึงเกิดการทุจริต คอรัปชั่น ในองค์กร หน่วยงานต่างๆ มากมายขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นวงการการเมือง วงการข้าราชการระดับสูง วงการธุรกิจต่างๆ เป็นต้น
การจะปลูกฝังเรื่องของ MQ เป็นเรื่องยากเพราะต้องปลุกฝังตั้งแต่เด็ก โดยการสอน การอบรม อีกทั้งผู้ใหญ่ควรประพฤติปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างที่ดีด้วย
MQ สำหรับนักบริหาร ถ้าหากว่านักบริหารท่านใดมี MQ สูง มักจะได้รับการยกย่อง ความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ มากกว่านักบริหารที่มี MQ ต่ำ
SQ ย่อมาจากคำว่า Social Quotient หมายถึง ความฉลาดทางสังคม เป็นความสามารถในการปรับตัวในการเข้าสังคมได้ดี เป็นบุคคลที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีทักษะในการพูดจา ยิ้มแย้มแจ่มใส มีบุคลิกภาพที่ดี
ดังนั้นการเป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จควรมีทักษะด้าน SQ เนื่องจากการทำงานบริหารเรามีความจำเป็นจะต้องมีการบริหารคน ใช้คนทำงานแทนเรา อีกทั้งต้องมีการพบปะผู้คนที่มากมายเพื่อการสร้างโอกาสในด้านธุรกิจอีกด้วย ดังคำกล่าวของสุภาษิตจีนที่กล่าวไว้ว่า “ นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน ขึ้นสู่ที่สูงได้ยาก ”
โดยสรุป IQ EQ AQ MQ และ SQ กระผมเชื่อว่าพวกเราทุกๆคนมี แต่มีความแตกต่างกันหรือมีไม่เท่ากัน ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวของกระผม นักบริหารที่ประสบความสำเร็จ ควรจะต้องมี IQ EQ AQ MQ และ SQ ที่มีสัดส่วนที่มีความสมดุลกัน ไม่มีตัวไหนที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป การเดินทางสายกลางจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมดังคำสอนของพระพุทธเจ้าในทางพุทธศาสนา คือ ไม่ตึงจนเกินไป หรือ ไม่หย่อนจนเกินไป



...
  
ความอดทนพากเพียรคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
ความอดทนพากเพียรคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
หนทางที่จะนำพาบุคคลไปสู่ความสำเร็จ มีกุญแจอยู่หลายดอก แต่มีกุญแจดอกหนึ่งซึ่งมีความสำคัญ บุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จไม่ว่าอาชีพใด จะต้องมีกุญแจดอกนี้ กุญแจดอกนี้ก็คือ ความอดทนพากเพียร
บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักมีความอดทนพากเพียรอยู่ในหัวใจ อยู่ในจิตวิญญาณ ดังตัวอย่างเช่น
- โทมัส อัลวา เอดิสัน เคยมีคนไปถามว่า อัจฉริยะเกิดจากอะไร เขาตอบกลับไปโดยไม่คิดว่า “ อัจฉริยะเกิด
จากแรงบันดาลใจเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ อีก 99 เปอร์เซ็นต์ เกิดจากความอดทนพากเพียร ทำไม่หยุด”
- ยอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ นักประพันธ์บทละครที่มีชื่อเสียงชาวไอริส กล่าวไว้ว่า “ เมื่อตอนหนุ่มๆ เขาสังเกตว่า
9 ใน 10 ของสิ่งที่ผมทำไปนั้นเรียกได้ว่าล้มเหลว แต่ผมไม่ยอมแพ้ ฉะนั้นผมจึงได้อดทนพากเพียรขึ้นไปอีก 10 เท่า
- ซิเซโร กว่าจะเป็นนักพูดที่ยิ่งใหญ่ของกรุงโรม เขาต้องอดทนพากเพียรโดยการพูดต่อหน้าเพื่อนๆหรือพูด
ตามชายหาดทะเล ทุกวันเป็นเวลาถึง 30 ปี กว่าที่จะมีคนยอมรับว่าเขาเป็นนักพูดที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก
- เซอร์ ไอแซค นิวตัน กว่าจะค้นพบกฎของแรงโน้มถ่วงของโลก เขาต้องอดทนพากเพียรทำงาน เขาไม่เคย
นอนก่อนตีสองเลย ในการทำงานของเขาเพื่อที่จะค้นพบกฎที่ยิ่งใหญ่เพื่อมอบให้แก่มนุษยชาติ
ความอดทนพากเพียร มักขื่นขม แต่ผลของมันมักหวานชื่นเสมอ คนที่มีความอดทนพากเพียรมักเป็นคนที่มีความขยันขันแข็ง ไม่เกียจคร้าน ซึ่งการปลูกฝังความขยันขันแข็งเราสามารถปลูกฝังได้ดังต่อไปนี้
1.ฝืนใจทำงานในระยะแรก งานบางอย่างเป็นสิ่งใหม่และยาก จนบางคนไม่อยากที่จะลงมือทำ แต่คนที่ขยันขันแข็ง เขามักที่จะควบคุมตนเองและฝืนใจที่จะทำงานนั้น
2.ทำอย่างสม่ำเสมอ คนที่มีความขยันขันแข็งมักเป็นคนที่ทำอะไร สม่ำเสมอ เขาจะไม่ทำแล้วหยุด เขาจะทำงานด้วยความสม่ำเสมอ ดังคำว่าเปรียบเทียบว่า “ น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน ” ที่หินกร่อนไม่ใช่เพราะอนุภาพของหยดน้ำที่แรงหรือมีพลัง แต่ก็ด้วยความสม่ำเสมอของหยดน้ำต่างหาก
3.มีเป้าหมายในการทำงาน คนที่มีเป้าหมายในการทำงานมักจะทำงานด้วยความขยันขันแข็ง กระตือรือร้น ในการทำงาน ดังนั้น การตั้งเป้าหมายในการทำงานจึงมีความสำคัญ
4.รู้จักความสำคัญของเวลา คนที่มีความขยันมักเป็นคนที่รู้จักความสำคัญของเวลา เขามักจะบริหารเวลาเป็น อีกทั้งรู้จักที่จะจัดลำดับความสำคัญของงานที่ตนเองได้ทำลงไป
5.ปลูกความรักในงานที่ตนเองทำ คนที่ขยันมักที่จะมีความสนใจ ความรัก ความชอบในงานที่ตนเองทำ เขาถึงได้ทำงานนั้นด้วยความสนใจ อีกทั้งทุ่มเทในการทำงานนั้นๆ
6.ฝึกนิสัย ทำทันที(ททท.) สิ่งใดที่เราสามารถทำได้ ก็ให้ลงมือทำทันทีไม่ควรผัดวันประกันพรุ่ง
7.ฝึกความกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง ในการทำงาน ไม่ควรทำงานด้วยความเฉื่อยชา แต่หากว่าเหน็ดเหนื่อยก็ให้หยุดพัก แล้วจึงเริ่มทำงานใหม่ การหยุดพักไม่ได้หมายถึงการหยุดพักก็ด้วยเพราะความขี้เกียจ
8.ฝึกหลักคำสอน อิทธิบาท 4 มาใช้ คือ ฉันทะ มีความรักในงานที่ตนเองทำ , วิริยะ มีความพากเพียรในการทำงาน , จิตตะ มีความเอาใจใส่ในงานที่ตนเองทำ และวิมังสา คือ มีความใคร่ครวญในงานที่ตนเองได้ทำลงไป
ดังนั้น หากท่านเป็นอีกผู้หนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ ท่านควรฝึกความอดทน ฝึกความพากเพียร และฝึกความขยันขันแข็ง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นกุญแจที่จะนำพาท่านไปสู่ความสำเร็จ เพราะบุคคลที่ยิ่งใหญ่ บุคคลคนที่สำคัญของโลก ที่มีผลงานมากมายก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากหยาดเหงื่อแรงกาย แรงความคิดและแรงใจ ด้วยแท้

...
  
เทคนิคการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชน
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายให้ความรู้แก่ วิทยากรของกรมวิทยาศาสตร์บริการ เมื่อวันที่ 8-9 สิงหาคม 2555 ณ ศูนย์ฝึกอบรม กรมวิทยาศาสตร์บริการ ในหัวข้อ " เทคนิคการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชน" ในการอบรมครั้งนี้ ท่านอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการให้ความสำคัญมากจึงได้มาเป็นประธานและเปิดงานการฝึกอบรมในครั้งนี้

...
  
กิริยาท่าทางในการพูด
กิริยาท่าทางในการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ถ้ารู้สึกว่าจะพูดอะไรให้น่าฟังไม่ได้...ก็นิ่งเสียดีกว่า....
กิริยาท่าทางในการพูดต่อหน้าที่ชุมชน มีผลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวในการพูดในแต่ละครั้ง พวกเราลองสังเกตดู เมื่อผู้พูดพูดด้วยความกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา ก็จะทำให้เราผู้ฟังเกิดความกระตือรือร้นตามไปด้วย ในทางกลับกัน หากว่าผู้พูดพูดด้วยความเฉยชา หรือมีความรู้สึกว่าไม่อยากจะพูด ก็จะทำให้ผู้ฟัง สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของผู้พูดตามได้ด้วย
นักแสดงหลายคนรู้ถึงคุณค่าของสิ่งเหล่านี้ บางคนเมื่อมีการแสดงบนเวที เมื่อได้รับบทที่สนุกสนาน ตื่นเต้น ถึงกับกระโดดไปกระโดดมาเพื่อปลุกตนเองให้กระฉับกระเฉง บางคนยิ้มแย้มแจ่มใส บางคนชกลม เพื่อให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว ผู้พูดก็เช่นกัน เมื่อต้องการพูดเรื่องที่สนุก ตื่นเต้น ก็ควรกระตุ้นอารมณ์ตนเองให้มีความรู้สึกที่สนุก ตื่นเต้น ก่อนขึ้นพูด
นักพูดที่ดีจะต้องพูดให้ได้ เต็มเสียง เต็มอารมณ์ และ เต็มอาการ กล่าวคือ
- เต็มเสียง คือ พูดด้วยกิริยาที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง พูดเสียงดัง ฟังชัด
- เต็มอารมณ์ คือ พูดไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ให้มีความสอดคล้องกับเรื่องที่พูด
- เต็มอาการ คือ เมื่อเราพูดเต็มเสียงและเต็มอารมณ์แล้ว อาการต่างๆ ในระหว่างพูดก็จะปรากฏออกมาเอง
ทั้งนี้ กริยาท่าทางของผู้พูด ยังรวมไปถึง การปรากฏกาย ก่อนขึ้นพูดและหลังจากลงเวทีด้วย เช่น เมื่อถูกเชิญก็
ควรปรากฏกายด้วยความกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง ต้องขึ้นพูดด้วยความมั่นใจ และในระหว่างการพูดบนเวทีก็ควรระวัง กิริยาดังต่อไปนี้ “ ล้วง แคะ แกะ เกา หาว ยัก โยก ถอน ค้อน และกระพริบ ”
ผู้พูดไม่ควรเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงในระหว่างพูด , ไม่ควรเอามือไปแคะขี้มูกระหว่างพูด , ไม่ควรเอามือไปแกะสิ่งต่างๆในระหว่างพูด , ไม่ควรเกาศีรษะบ่อยๆ , ไม่ควรหาวในเวลาพูด , ไม่ควรยักไหล่ , ไม่ควรโยกตัวไปมาระหว่างการพูด,ไม่ควรถอนขนจมูกในระหว่างพูด, ไม่ควรมีกิริยาค้อนและกระพริบตาบ่อยๆ ในระหว่างพูดบนเวที เป็นต้น
เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเรื่องของการใช้ กิริยาท่าทางในการพูดมากยิ่งขึ้น จึงขอขยายรายละเอียดดังนี้
1.การใช้สีหน้า สายตา ระหว่างพูด การใช้สีหน้า จะต้องแสดงสีหน้าให้เข้ากับเนื้อหาของเรื่อง เช่น พูดเรื่องสนุกก็ควรยิ้มแย้มแจ่มใส , หากพูดเรื่องเศร้าก็ควรใช้สีหน้าที่เรียบ ไม่ควรหัวเราะในระหว่างพูด ส่วนการใช้สายตา ควรมองไปยังกลุ่มผู้ฟังให้ทั่วถึง
2.การใช้มือ ควรนำมาใช้ประกอบการพูด แต่ไม่ควรมีมากจนเกินไป
3.การใช้น้ำเสียง จะต้องมีความหลากหลาย เช่น มีเสียงดัง เสียงเบา มีการหยุด มีการเน้น อีกทั้งควรใช้น้ำเสียงให้มีความสอดคล้องและสัมพันธ์กับเนื้อเรื่อง
4.การแต่งกาย ต้องเหมาะสมการสถานที่ กับกลุ่มของผู้ฟัง
5.การเคลื่อนไหวร่างกาย ต้องมีความสัมพันธ์กับ เนื้อเรื่อง เช่น พูดเรื่องสนุก ก็ควรเคลื่อนไหวร่างกายให้บ่อยขึ้น เคลื่อนไหวร่างกายแบบกระตือรือร้น , แต่หากพูดเรื่องเศร้า ก็ควรเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยลง เป็นต้น
6.การทรงตัวในระหว่างการยืนพูด ควรยืนให้มั่นคง เท้าห่างกันพอประมาณ 1 คืบ ไม่ควรยืนชิดจนเกินไป หรือ เท้าห่างกันมากจนเกินไปในระหว่างการยืนพูด
นอกจากนี้ กิริยาท่าทางในการพูดต่อหน้าที่ชุมชน ยังรวมไปถึงเรื่องของบุคลิกภาพทั้งภายนอกและภายในของผู้พูดอีกด้วย เช่น บุคลิกภาพภายนอก ( ทรงผม , ใบหน้า , ท่าทาง , ปาก , ขา , ตา , หู ฯลฯ) , บุคลิกภาพภายใน ( นิสัย , พฤติกรรม , การแสดงออก , มารยาท ฯลฯ) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ผู้พูดจำเป็นต้องพัฒนา ฝึกฝน ปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
บุคลิกภาพ ทุกผู้ จะดูดี
ปรากฏตัว ทุกที่ สมทีท่า
มาดผู้นำ ทำถูก ทุกลีลา
ผู้ตามมา ก้าวเดิน เจริญรอย

...
  
เติมไฟในการทำงาน
เติมไฟในการทำงาน
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เพิ่มมิตร พิชิตโอกาส คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มักมีองค์ประกอบหลายอย่าง แต่มีองค์ประกอบที่สำคัญองค์ประกอบ 1 คือ เรื่องของการมีเพื่อนมาก การรู้จักคนมากๆ เพราะการรู้จักคนมากๆคือโอกาสในการทำงานหรือการทำธุรกิจ ดังจะเห็นได้จากหลายๆคนมักไปอบรม ไปเรียนต่อ ไปสัมมนา ไปทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เล่นกีฬา การไปร่วมทำบุญ การเข้าชมรม สมาคม สโมสร ฯลฯ ก็เพื่อที่จะได้มีโอกาสรู้จักคนให้มากขึ้น
ผูกมิตร พิชิตงาน หลายคนมีเพื่อนมาก แต่เมื่อคบไปนานๆ เพื่อนก็ลดน้อยลง จึงหันไปหามิตรใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไม่อยากจะคบเราก็คือ การที่ไม่รู้จักผูกมิตรนั้นเอง ซึ่งเทคนิคของการผูกมิตรมีอยู่หลายเทคนิค เช่น การชม เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง เมื่อปรากฏกับผู้ใด ผู้คนก็มักจะชื่นชอบคนๆนั้น , ยิ้ม เมื่อเรายิ้มบ่อยๆ ยิ้มมากๆ ผู้คนก็มักที่จะอยากคบกับเรา อยากเข้ามาทักทายเรา , พูดจาดี มีปิยวาจา คนที่พูดแล้ว เกิดประโยชน์ พูดในด้านดีๆ ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดประชด ไม่พูดให้ร้ายใครผู้คนมักจะชื่นชอบ , มีมนุษย์สัมพันธ์ บุคคลที่มีมนุษย์สัมพันธ์มักมีเพื่อนมาก เพราะคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ มักเป็นที่เข้าใจคนอื่นๆได้ดี เป็นต้น
ลดการโต้เถียง เพื่อพิชิตมิตร การโต้เถียง หากว่าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะการโต้เถียง มักทำให้มิตรภาพขาดลง เพราะน้อยคนนัก ที่จะโต้เถียงกันอย่างสงบ ไม่ใช้อารมณ์ในการโต้เถียง อีกทั้งหากพวกเราลองสังเกตดู เมื่อเราโต้เถียงคนอื่นๆ ชนะบ่อยๆ เข้า เพื่อนของเราก็มักจะลดน้อยลง หรือ หนีจากเราไป
เพิ่มงาน โดยการรู้จักบริหารเวลา เมื่อเรารู้จักบริหารเวลา ปริมาณงานของเราก็จะเพิ่มมากขึ้น คุณภาพของงานของเราก็จะดีขึ้น เรามีเวลาเหลือที่จะทำกิจกรรมอื่นๆ ได้มากยิ่งขึ้น ความเครียดความกดดันก็จะลดลง
ฝึกคิด ฝึกตัดสินใจ การทำงาน การใช้ชีวิต เราต้องยอมรับกันว่า เราไม่สามารถหลีกหนีการตัดสินใจไปได้เลย ยิ่งถ้าหากพวกเราเป็นนักบริหาร การตัดสินใจก็มักจะมากขึ้นเป็นลำดับไป เทคนิคการตัดสินใจที่ดี เราควรที่จะต้องหาข้อมูลให้มากขึ้น เราควรหาทางเลือกให้มากขึ้น เราควรพิจารณาข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือก แล้วค่อยตัดสินใจ การตัดสินใจของเราก็จะดีกว่าเดิมเป็นอันมาก ความผิดพลาดก็จะลดน้อยลง
หัดกล่าวคำว่า “ ขอบคุณ ” คำเพียง 2 คำ สามารถสร้างความประทับใจแก่ผู้ฟังเป็นอันมาก เพราะคนที่คอยให้ความช่วยเหลือเรา เขาอยากได้ยินคำๆนี้ ซึ่งการกล่าวคำว่า “ ขอบคุณ” ที่ดี เราจำเป็นจะต้องมองหน้าคนที่เราต้องการ “ขอบคุณ” ในขณะที่พูด , ควรขอบคุณด้วยความจริงใจและควรฝึกใช้อย่างสม่ำเสมอ
ควรฟัง มากกว่าพูด ในการสนทนากัน เราควรที่จะเป็นผู้ฟังมากกว่าเป็นผู้พูด ธรรมชาติสร้างหู มา 2 ข้าง แต่ สร้างปากมาแค่ 1 ปาก ฉะนั้น ธรรมชาติคงต้องการให้เราได้มีโอกาสฟังมากๆ แต่ในการสนทนากัน พวกเรามักชอบทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามคือ ชอบพูดมากกว่าชอบฟัง อีกทั้งบางคนพูดมากจนไม่เปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้พูดเลยก็มี
เข้ากับเจ้านายได้เป็นต่อ พวกเราคงเคยได้ยินมาว่า กฎของการทำงานข้อที่ 1 คือ เจ้านายถูกต้องเสมอ กฎข้อที่ 2 หากเจ้านายผิด ลองกลับไปดูข้อที่ 1 ใหม่ ฉะนั้น ในการทำงานร่วมกันในองค์กร หากผู้ใดต้องการความก้าวหน้า เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับเจ้านาย เป็นสิ่งที่ควรที่จะพิจารณา
และสิ่งที่สำคัญที่สุด จงหางานที่ตนเองรัก แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ ความรักมีอนุภาพที่ยิ่งใหญ่ พวกเราส่วนใหญ่มักทำงานเพื่อเงิน สิ่งที่ได้รับก็คือ ความเบื่อหน่าย ความท้อแท้ การขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน ก็จะเกิดขึ้นเมื่อเราได้ทำงานไประยะหนึ่ง แต่ตรงกันข้าม หากว่าเรามีความรักในงานที่ตนเองทำ เราก็จะมีความขยันทำงาน เราก็จะเกิดความสุขในการทำงาน ทำงานได้ทั้งวัน ไม่เกิดความเบื่อหน่าย นักเขียนหลายท่าน สามารถเขียนหนังสือได้หลายเล่ม ทั้งๆที่อยู่ในเรือนจำหรืออยู่ในคุก โดยเขียนหนังสืออย่างมีความสุข , นักวิทยาศาสตร์ระดับโลก หลายคน ทำงานอยู่ในห้องเล็กๆได้ทั้งวันทั้งคืนอย่างมีความสุข เป็นต้น

...
  
การเผาป่า
เผาป่า


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


มช.แจง3เดือนไฟป่าเผาป่าไม้ เชียงใหม่-ลำพูนแล้ว 8พันไร่ ( ปี 2551)


ชาวบ้านลอบเผาป่าดอยสุเทพวอดกว่า 10 ไร่ (ผู้จัดการออนไลน์17 เมษายน 2551)


สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 ตรวจยึดพื้นที่บุกรุกเผาป่าประมาณ 10 ไร่ ที่จังหวัดน่าน( 19 มีค.51)


ข้อความข้างต้น เป็นข่าวเก่าๆ เกี่ยวกับการเผาป่าในปีที่แล้ว ซึ่งมักเกิดขึ้นบริเวณ พื้นที่ภาคเหนือตอนบน ความจริงกระผมคิดว่าปีนี้น่าจะน้อยลง หรือไม่มีการเผาป่าอีก แต่เหตุการณ์ก็ยังเหมือนเดิม ในปีนี้ พบว่ายังมีการเผาป่ากันอยู่


การเผาป่าทำให้เกิดหมอกควันขึ้นในจังหวัดของตนและบริเวณภาคเหนือ ทำให้คุณภาพของอากาศย่ำแย่


อีกทั้งยังทำลาย สิ่งแวดล้อม ทำให้ประเทศไทยของเราต้องสูญเสียต้นไม้ที่มีค่า โดยการถูกเผาเป็นเถ้าถ่านหลายล้านต้นต่อปี ซึ่งต้นไม้เหล่านี้ กว่าจะโต ใช้เวลานาน บางต้นใช้เวลาหลายชั่วอายุคนเลยทีเดียว ยังไม่พอการเผาป่า


ยังทำให้ความสมบูรณ์ของดินลดลง


ซึ่งสาเหตุในการเผาป่า มีอยู่หลายสาเหตุ เช่น การเผาเพื่อหาของป่า (เห็ดถอบ ผัก สัตว์ป่า )


โดยเฉพาะ การหาเห็ดถอบ ในปัจจุบันพบว่าราคาเห็ดถอบในฤดูแล้งมีราคาสูงถึงลิตรละ 200-300 บาทเลยทีเดียวเพราะเป็นของป่าหายาก นอกจากนี้ยังพบว่ามีการนำเห็ดถอบมาบรรจุกระป๋อง โดยทำเป็นธุรกิจเป็นล่ำเป็นสันเลยทีเดียว


เมื่อความต้องการของคนในการกินหรือบริโภค เห็ดถอบมากจึงทำให้ราคาเห็ดถอบสูง เมื่อราคาสูงคนจึงต้องหามาขาย โดยทำทุกวิธี และวิธีการหนึ่งในนั้นก็คือ การเผาป่า นั้นเอง


การเผาป่าเพื่อหาเห็ดถอบ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทยเราเท่านั้นครับ ยังมีประเทศเพื่อนบ้านของเราก็พากันเผาป่าเพื่อหาเห็ดถอบป้อนเพื่อบรรจุกระป๋องอีกด้วยไม่ว่า ประเทศพม่า ลาว ฯลฯ


การลักตัดไม้เพื่อทำฟืน เผาถ่าน ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดมลพิษขึ้นในอากาศ


การบุกรุกโค่นเผาป่าไม้ เพื่อทำการเกษตร อีกสาเหตุหนึ่ง ในการทำร้ายป่าและสิ่งแวดล้อม การทำไร่เลื่อนลอย คือ การบุกรุกป่า เผาป่า เพื่อนำที่ดินไปทำการเกษตร แต่เมื่อผลิตผลทางการเกษตรตกต่ำลง ทำได้แค่ 2-3 ปี เนื่องจากคุณภาพของดินลดลง เป็นดินจืดบ้าง มีวัชพืชปกคลุมมากขึ้น ก็ย้ายไปบุกรุกที่ใหม่โดยการโค่นป่า เผาป่า เพิ่ม


สำหรับการแก้ปัญหาที่ผ่านมา นายพิชิต ปิยะโชติ หัวหน้าหน่วยควบคุมไฟป่าดอยตุง จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ขณะนี้ สำนักงานบริการพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมกับหน่วยควบคุมไฟป่าดอยตุง ได้จัดทำโครงการโซเชียลแซงก์ชั่นหรือมาตรการลงโทษทางสังคม มาใช้กับชาวบ้าน โดยเฉพาะหมู่บ้านชาวไทยภูเขาในเขตพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง พื้นที่ทรงงาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันในฤดูหนาวของทุกปีที่ผ่านมา


นางเนตรนภา แซ่สี ผู้ใหญ่บ้านมูเซอลาบา ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า
ทางหมู่บ้านได้เข้าร่วมโครงการของหน่วยควบคุมไฟป่า โดยได้ติดประกาศกฎข้อห้ามไว้ในหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจและปฏิบัติโดยพร้อมเพรียงกัน หากใครละเมิดเข้าไปเผาหรือทำลายป่า ก็จะมีมาตรการลงโทษทางสังคม เริ่มตั้งแต่ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมของหมู่บ้าน กู้ยืมเงินจากกองทุนที่เกี่ยวข้องกับหมู่บ้าน หากยังผ่าฝืนหนักอาจถึงขั้นไล่ออกจากหมู่บ้าน(หนังสือพิมพ์ข่าวสด)


การที่จะหยุดการเผาป่า เพื่อลดมลพิษ ลดหมอกควัน เพิ่มคุณภาพในอากาศ คงเป็นเรื่องยากในปัจจุบัน


ถ้ามนุษย์เรา หรือ คนเรา ยังมีความโลภ ไร้จิตสำนึก ยังมีความเห็นแก่ได้ โดยไม่คำนึงถึง สิ่งแวดล้อม หรือ อนาคต ซึ่ง ลูก หลาน ยังต้องอยู่ในโลกนี้ต่อไป


หัวใจของสิ่งมีชีวิตอยู่ที่ป่า แล้วหัวใจของป่าอยู่ที่ใคร

...
  
ขุมทรัพย์แห่งความสำเร็จคือการให้
ขุมทรัพย์แห่งความสำเร็จคือการให้
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
มือของผู้ให้ย่อมอยู่เหนือมือของผู้รับ และจะเป็นสุขใจเมื่อเราได้เป็นผู้ให้
การเป็นผู้ให้จะทำให้เราลดความเห็นแก่ตัว การเป็นผู้ให้จะทำให้เราสามารถลดกิเลสในตัวเราลงได้
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า หลักธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของผู้อื่น ผูกไมตรี คือ สังคหวัตถุ 4 ได้แก่ 1. ทาน คือ การให้ 2. ปิยวาจา คือ การพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน 3. อัตถจริยา คือ การประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น 4. สมานัตตา คือ การเป็นผู้มีความสม่ำเสมอ เราจะเห็นได้ว่า ทานหรือการให้ เป็นธรรมะข้อแรกสุด บุคคลที่เป็นผู้ให้มักเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากกว่าบุคคลที่เป็นผู้รับ เช่น
แอนโทนี่ ร็อบบินส์ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจระดับโลก มักบอกเสมอว่า เคล็ดลับของเขา คือ มุ่งความสนใจไปที่ความต้องการของผู้อื่น เขามักถามตัวเองบ่อยๆ ว่า เขาจะเพิ่มคุณค่าให้กับคนอื่นๆ ได้อย่างไร ”
ผู้พันแซนเดอร์แห่ง KFC เขาต้องการให้คนได้กินไก่ที่อร่อยที่สุดในโลก ด้วยการมีความคิดบวกและด้วยหัวใจของการเป็นผู้ให้ เขาจึงได้ออกเร่ขายสูตรไก่ให้กับนักธุรกิจ แต่ก็ถูกปฏิเสธหรือได้ยินคำพูดว่า “ ไม่ ” เป็นจำนวนถึง 1,009 คน ก่อนที่จะได้ยินคำว่า “ ตกลง”
วอลท์ ดิสนีย์ เขาต้องการให้ผู้คนเกิดความสุข โดยเฉพาะเด็กๆ ด้วยหัวใจของการเป็นผู้ให้ เขาจึงสร้างสวนสนุกดิสนีย์ขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เนื่องจากเขาต้องขอกู้หรือขอการสนับสนุนทางด้านการเงิน จากสถาบันต่างๆ ซึ่งเขาก็ถูกปฏิเสธถึง 302 ครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ จนความฝันของเขาเป็นความจริงขึ้นมาได้
ดังนั้น หากท่านสามารถให้คนอื่นได้มากเท่าไร หรือ ช่วยเหลือผู้อื่นได้มากเพียงใด หรือว่าท่านสามารถสร้างคุณค่าให้คนอื่นได้มากเท่าไร ผลตอบแทนก็จะกลับมาหาท่านในที่สุด
ตัวอย่าง คนไม่มีบ้านอยู่ ท่านสร้างบ้านให้เขาอยู่ ท่านก็จะได้รับเงินเป็นค่าแรง ค่าตอบแทนในการสร้างบ้าน,คนไม่มีข้าวกิน ท่านปลูกข้าวให้คนกิน ท่านก็จะได้รับค่าตอบแทน เป็นต้น
กล่าวคือ หากว่าผู้อื่นต้องการอะไร แล้วท่านสามารถตอบสนองหรือให้ในสิ่งที่ผู้อื่นต้องการได้ ท่านก็จะประสบความสำเร็จในที่สุด
การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง


...
  
การตลาดลูกผสม
การตลาดลูกผสม
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
แบรนด์ (Brand) ยังมีความสำคัญมากๆ ในการทำการตลาด การสร้าง แบรนด์ ยังเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงกันมาก เพราะ สินค้าใด มีการลงทุนสร้าง แบรนด์ สินค้านั้น จะได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว แบรนด์ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ที่เป็นเจ้าของ ไม่ควรละเลย อีกทั้งต้องเอาใจใส่ ดูแล อย่างสม่ำเสมอ
ลูกค้ายังเป็นพระเจ้าตลอดกาล สำหรับการทำการตลาดแล้ว ลูกค้าหรือผู้ซื้อหรือผู้ใช้บริการ เป็นผู้มีสิทธิเลือก ยิ่งยุคปัจจุบันและยุคอนาคต คู่แข่งมีมากขึ้น สินค้ามีให้เลือกหลากหลายขึ้น ลูกค้าจึงมีสิทธิเลือกใช้สินค้าหรือบริการใดๆ ก็ได้ หากไม่พอใจก็สามารถโอนย้าย ได้อย่างง่ายดาย การตลาดจึงเป็นเรื่องที่ต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ โดยหาวิธีการต่างๆ มาดึงดูดให้ลูกค้าอยู่กับเราให้ได้ยาวนานที่สุด เช่น การตอบสนองด้วยสินค้าที่มีความหลากหลาย หลายสี หลายกลิ่น หลายรส หลายแบบ มากขึ้น , การตอบสนองด้วยการบริการที่รวดเร็ว ทันสมัย ความสะดวกสบาย มากขึ้น , การตอบสนองด้วยราคาที่ถูกลง หรือ ต้องหาสินค้า หาบริการ ที่มีความคุ้มค่ากับราคา เป็นต้น
การตลาดภายในองค์กร ส่วนใหญ่แล้ว พวกเราหรือเจ้าของกิจการหรือผู้บริหาร มักให้ความสำคัญกับ การตลาดนอกองค์กรหรือลูกค้ามาก แต่หลายๆแห่งละเลย การตลาดภายในองค์กร หรือ คนที่ทำงานภายในองค์กรหรือทีมงาน ซึ่งมีความสำคัญไม่ใช่น้อย เพราะหากเราพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้วจะพบว่า องค์กร หน่วยงาน บริษัท ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มักจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของคน เป็นลำดับต้นๆ ภาพยนตร์เรื่อง 3 ก๊ก เป็นตัวอย่างที่ดี ก๊กใด รวบรวมคนเก่งไว้ได้มากๆ ก๊กนั้น มักจะเป็นผู้ชนะศึกสงคราม ฉะนั้นการทำสงครามด้านการค้าขายก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะถ้าหากองค์กรใด รวบรวมคนเก่งไว้มากๆ องค์กรนั้นก็จะมีโอกาสเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนประสมทางการตลาด นำมาใช้ทุกยุคทุกสมัย นักศึกษา นิสิต การตลาด ไม่มีใครไม่เคยเรียน Marketing Mix เพราะถือว่าเป็นทฤษฏีพื้นฐานในการเรียนวิชาการตลาดไปเสียแล้ว 4 P
Product ผลิตภัณฑ์ ทุกองค์กร ทุกหน่วยงาน จะต้องมีผลิตภัณฑ์ เพื่อทำการขาย เพื่อใช้ในการบริการ ลูกค้า ตัวผลิตภัณฑ์ จึงเป็นตัวขับเคลื่อนที่ในการสร้างกำไร และทำให้องค์กรเติบโต
Price ราคา การตั้งราคา ผลิตภัณฑ์ มีความสำคัญมากต่อการซื้อของลูกค้าและต่อการขายของพนักงาน เพราะเรื่องของการตั้งราคา ถูกหรือแพง มักมีองค์ประกอบอยู่หลายปัจจัย เช่น เรื่องของต้นทุน , เรื่องของจิตวิทยา , เรื่องของคู่แข่ง , เรื่องของความทันสมัย , เรื่องของความนิยม เป็นต้น
Place สถานที่หรือช่องทางในการจัดจำหน่าย การทำสงครามด้านการตลาด แพ้ชนะ บางครั้งขึ้นอยู่กับว่าใครมีช่องทางการจัดจำหน่ายมากกว่ากัน สินค้าหลายตัวแจ้งเกิดที่ร้าน 7-11 เพราะร้าน 7-11 มีสาขามากมายทั่วประเทศ ช่องทางการจัดจำหน่าย จึงทำให้เกิดความได้เปรียบทางด้านการแข่งขัน
Promotion การสื่อสารการตลาด เป็นเรื่องของการสื่อสารเพื่อทำให้คนได้รู้จักตัวผลิตภัณฑ์(Product) ซึ่งหากสื่อสารการตลาดได้ดีและทั่วถึง ผลิตภัณฑ์ก็มีโอกาสในการขายได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเราสามารถสื่อสารการตลาดได้หลายทาง เช่น การโฆษณา , การประชาสัมพันธ์ ตามสื่อต่างๆ เช่น แผ่นพับ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร บอร์ด , การขายตรงโดยพนักงานขาย รวมไปถึงการสื่อสารกับสื่อสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นทางอินเตอร์เน็ต ทางโทรศัพท์มือถือ ทางทีวีดาวเทียม เป็นต้น
อยากดัง.... ต้องโดน....การจะโด่งดังในปัจจุบัน ทำได้ง่ายกว่าในยุคอดีต เนื่องจากในอดีต คนมักเข้าถึงสื่อได้น้อยกว่า แต่ยุคปัจจุบัน เรามีสื่อออนไลน์ ทางอินเตอร์เน็ต จำนวนมาก เราสามารถใช้ช่องทางนี้ในการสร้างความโด่งดังได้ แต่ว่าหากเราทำอะไรเหมือนกันกับคนอื่นๆหรือสินค้าอื่นๆ เราก็คงมีโอกาสโด่งดังได้น้อยและช้ามาก การสร้างความแตกต่าง การคิดต่าง จึงเป็นคำตอบที่ดี จงสร้างความแตกต่างทางการตลาดแล้วคุณจะ โด่งดังเป็นพลุ ดังเช่น คนธรรมดาทั่วไปได้เอากล้องบันทึกภาพถ่ายตัวเองโดยแสดงความสามารถต่างๆ ที่ตนเองถนัดแต่มีความแตกต่าง ทำให้เกิดอารมณ์ตลก หรืออารมณ์ร่วมของผู้ชม โดยผ่านทาง Youtube เช่น จ๊ะ คันหู , เด็กฝรั่งท่อง ก. เป็นต้น
การเมืองกับการตลาดไปด้วยการได้ดี เราคงได้ยินคำเหล่านี้ “ ประชาธิปัตย์ ทำ รีแบรน์ดิ้ง , ไทยรักไทย ทำ IMC , โพลการเมือง ฯลฯ นับตั้งแต่คุณทักษิณ ชินวัตร ได้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย แล้วนำการตลาดมาประยุกต์ใช้กับการเมือง จึงทำให้นักการเมืองเกิดการตื่นตัวและพรรคอื่นๆ ก็ได้พยายามเลียนแบบมากขึ้น
ผู้บริโภคยุคเดิม มักต้องการร้านค้าที่ใหญ่ มีการจัดสินค้าที่สวยงาม เป็นระเบียบ มีพนักงานขายที่คอยต้อนรับ มีลานจอดรถที่มากพอ เป็นร้านค้าที่ติดเครื่องปรับอากาศ มีสินค้าที่สามารถหยิบจับ สัมผัส ดม ดู ของจริงได้
ผู้บริโภคยุคไซเบอร์ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น อินเตอร์เน็ตมีผู้ใช้บริการมากขึ้น โลกยุคนี้ ผู้บริโภคมีความสะดวกสบาย ผู้บริโภคหลายๆคน ไม่อยากออกไปช็อปปิ้ง การสั่งซื้อขายทางอินเตอร์เน็ตจึงมีมากขึ้น เพียงแค่กดปุ่ม เพียงแค่คลิก ทุกอย่างก็ซื้อขายได้ ทำให้ผู้บริโภค ประหยัดเวลาในการเดินทาง อีกทั้งสินค้าบางตัวยังขายต่ำกว่าราคาตลาดอีกด้วย
ผู้บริโภคยุคทุกอย่างอยู่ที่มือถือ โลกยุคต่อไป เราสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ เช่น การชำระค่าสินค้า การโอนเงิน การซื้อสินค้า การติดต่อค้าขาย การท่องเที่ยวโดยใช้มือถือนำทาง ฉะนั้น มือถือจึงเป็นเกือบทุกอย่างในการทำธุรกิจในโลกยุคอนาคต
การตลาดมีความเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น เมื่อโลกเป็นหนึ่งเดียว กลยุทธ์การตลาดก็มักจะมีแนวโน้มเดียวกัน ยุคอนาคต เมื่อออกโฆษณาชิ้นเดียวก็สามารถใช้ได้ทั่วโลก สินค้าก็มักจะมีลักษณะคล้ายกันหรือเหมือนกันมากขึ้น รสนิยมของแต่ละประเทศที่ในอนาคต มักยึดติดเรื่องของวัฒนธรรม ประเพณี ก็จะเปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างสังคมไทย เราจะเห็นวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น ภาษา การแต่งกาย ของคนในท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงไป สู่สากลมากขึ้น เสื้อผ้าพื้นเมือง เสื้อผ้าที่แต่ละชนเผ่าใส่ ก็ลดน้อยลง สำหรับสังคมในเมืองหลวงของแต่ละแห่ง ก็มักจะมีการใส่เสื้อสูท เพื่อให้ดูเป็นสากลมากขึ้น
การตลาดลูกผสม จึงเป็นคำตอบของการทำการตลาดในยุคใหม่ เนื่องจาก สูตรสำเร็จทางการตลาดไม่สามารถทำกันอย่างง่ายๆ เหมือนในอดีตอีกแล้ว เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง ปัจจัยต่างๆก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น ความต้องการของลูกค้า , เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก , สื่อมีจำนวนมากขึ้น อีกทั้งทันสมัยกว่าในอดีต การใช้การตลาดที่มีการผสมประสานกัน น่าจะเป็นสูตรการตลาดที่ประสบความสำเร็จมากกว่า การใช้สูตรเพียงสูตรเดียวในการทำงานด้านการตลาดเหมือนในอดีต
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  [100]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.