หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
ประสบความสำเร็จในการทำงานด้วยหลัก 5 ถึง
ประสบความสำเร็จในการทำงานด้วยหลัก 5 ถึง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในการทำงานเราสามารถที่จะสร้างทรัพย์สิน สร้างองค์กรให้ยิ่งใหญ่ได้ ก็ด้วยหลักการ 5 ถึง ซึ่งหลักการ 5 ถึง มีดังนี้
1.เงินทุนถึง การที่จะประกอบธุรกิจต่างๆ เราจำเป็นจะต้องมีเงินทุน หากมีเงินทุนมากเราก็ย่อมมีโอกาสในการขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว เพราะการมีเงินทุนมาก เราสามารถใช้เงินทุนสำหรับการจ้างงาน , การสร้างสำนักงาน , การลงทุนซื้อที่ดิน ซื้อโรงงาน ซื้อเครื่องจักรต่างๆ เป็นต้น
2.ฝีมือถึง คือ การที่จะประกอบธุรกิจอาชีพการทำงานต่างๆ จำเป็นจะต้องเป็นมืออาชีพในการบริหารงาน มีความสามารถในการนำทีม มีความสามารถในการตัดสินใจ แก้ไขปัญหาต่างๆ
3.หัวใจถึง คือ มีความมั่นใจในตนเอง มีความกล้าที่จะทำสิ่งใหม่ๆ เมื่อปัญหา มีอุปสรรคมากๆ ก็สามารถนิ่งได้ ไม่วิตกกังวลจนเสียสุขภาพจิต
4.ทีมงานถึง คือ การทำงานใหญ่ได้ ท่านไม่สามารถทำคนเดียวได้ หากใครได้ดูภาพยนตร์เรื่อง สามก๊ก ก็จะเข้าใจ ในภาพยนตร์เชิงประวัติศาสตร์ของจีนเรื่อง สามก๊ก สื่อให้เราทราบว่า คนคือทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด ก๊กใดมีทีมงานที่เก่ง ก๊กนั้นก็จะสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ได้
5.วาสนาถึง คือ แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญวาสนาแข่งกันยาก บางคนบอกว่า “ เก่งไม่กลัวกลัวเฮง” เรื่องของดวง เรื่องของบุญวาสนา บางคนอาจจะไม่เชื่อ แต่หลายๆคนอาจเชื่อ
ฉะนั้น หากท่านต้องการประสบความสำเร็จ หลักข้อ 5 เกี่ยวกับเรื่องวาสนา เป็นเรื่องของนามธรรม เมื่อเทียบกับหลักการ 4 ข้อแรก ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปธรรมมากกว่า หากท่านเชื่อเรื่องของบุญวาสนา ท่านก็ไม่ควรละเลยการเติมบุญสำหรับวิธีการเติมบุญทางพุทธศาสนาท่านสามารถทำได้ เช่น การฟังธรรม การทำบุญตักบาตร การไปเวียนเทียน การบริจาค การให้อภัยซึ่งกันและกัน การทอดกฐิน การทอดผ้าป้า เป็นต้น
...
  
การใช้วาทศิลป์ขั้นสูง(การโต้วาที)
ภาพงานบรรยายของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ" การใช้วาทศิลป์ขั้นสูง(การโต้วาที)" ให้กลุ่มผู้บริหาร ของวิทยาลัยป้องกันสาธารณภัยซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ จังหวัดปทุมธานี ...
  
ทำงานอย่างมีความสุข
ทำงานอย่างมีความสุข
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
หากพวกเราลองหัก เวลากิน เวลานอน เวลาเดินทาง เวลาทำกิจกรรมส่วนตัวลงแล้ว เราจะเห็นได้ว่า เราใช้เวลาเป็นจำนวนมากอยู่กับการทำงาน ดังนั้น หากว่าเราทำงานที่เรารัก เราชอบ เราก็จะใช้เวลาในช่วงดังกล่าวอย่างมีความสุข แต่ตรงกันข้ามหากว่า เราทำงานที่เราไม่ได้รัก เราก็จะเกิดความเบื่อหน่าย ความทุกข์ทรมานอย่างหนัก เช่นกัน ในบทความฉบับนี้ เราจะมาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้กัน เกี่ยวกับประเด็นของการทำงานอย่างมีความสุข
ธรรมชาติของการทำงาน หลายๆคนมักบ่นว่า เครียดจังเวลาทำงาน บางคนบอกว่าถูกกดดันจังเวลาทำงาน แต่จริงๆแล้ว หากพวกเรามองตามความเป็นจริง ความเครียด ความกดดัน ภายในงานเป็นสิ่งที่ดี แต่ทั้งนี้ไม่ควรจะให้มีน้อยเกินไปหรือมากจนเกินไป พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้ว่า ทางสายกลางเป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าเรา ไม่มีความเครียด ไม่มีความกดดันเลยในการทำงาน งานที่ออกมาก็มักไม่มีประสิทธิภาพ เช่น เราจะไม่มีการเตรียมตัวเลย เราจะไม่มีการทำการบ้านเลย แต่เราจะปล่อยทุกๆสิ่งให้เป็นไปตามยถกรรม ทำให้ผลงานที่ออกมาไม่มีประสิทธิภาพ ตรงกันข้าม หากว่าเรา เครียดมากจนเกินไป รู้สึกถูกกดดันมากจนเกินไป ผลเสียก็จะเกิดขึ้นกับตัวเราเอง เช่น ทำให้เราเกิดโรคต่างๆขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคความดัน โรคเบาหวาน โรคหัวปวดข้างเดียว โรคหัวใจ เป็นต้น ฉะนั้น เราควรเดินทางสายกลางในการทำงาน การทำงานก็จะเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
มีมนุษย์สัมพันธ์ในการทำงาน ในการทำงานเราต้องทำงานร่วมกับคน ฉะนั้น หากต้องการมีความสุขในการทำงาน เราควรสร้างมนุษย์สัมพันธ์ให้เกิดขึ้น หรือเรียนรู้ ทำความเข้าใจกับคนให้มากยิ่งขึ้น
ยิ่งหากใครที่เป็นผู้บริหาร ก็ยิ่งต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์สัมพันธ์ในการทำงานเป็นอย่างดี
มีความรักในงานที่ทำ เป็นปัจจัยสำคัญในความคิดเห็นของกระผม คิดว่ามีความสำคัญที่สุด ดังคำพูดของ สตีฟ จอบส์ ที่กล่าวไว้ว่า “ คนเรามีเวลาที่จำกัด เราควรเลือกงานที่ตนเองรัก เพราะว่าเราจะต้องใช้เวลาอยู่กับมันเป็นจำนวนมาก ” ดังนั้น จงรักงานที่ท่านทำ แล้วตัวท่านจะเกิดแรงบันดาลใจ ตัวท่านจะเกิดการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง ดังคำสอนของพุทธศาสนาที่ได้พูดถึงเรื่องของ “อิทธิบาท 4” ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา เพราะการที่คนเราจะประสบความสำเร็จหรือมีความสุขได้ เราต้องเริ่มจาก ฉันทะหรือความรักในสิ่งที่เราได้เริ่มทำก่อนเป็นอันดับแรก
มีการบริหารเวลาที่ดี หลายๆครั้งที่เราเกิดความเครียด ความกดดัน ในที่ทำงาน เป็นไปได้ไหมที่เราไม่ยอมวางแผนหรือเตรียมตัว หรือทำงานให้เสร็จก่อนเวลา แต่ตอนกันข้าม เรากับทำในวันสุดท้าย จึงทำให้เราเกิดความเครียด ความกดดันที่มากยิ่งขึ้น ฉะนั้น หากท่านต้องการมีความสุขในการทำงาน ท่านจงเรียนรู้ เทคนิคต่างๆในการบริหารเวลาก็จะทำให้ท่านทำงานอย่างมีความสุข ไม่เจอความเครียด ความกดดันที่มากจนเกินไป
คิดถึงประโยชน์ที่ได้จากงาน การทำงานที่ดี เราควรคิดถึงผลลัพธ์ที่ได้ด้วย หากว่าเราคิดถึงผลลัพธ์ เราก็จะเกิดความภาคภูมิใจในการทำงาน เช่น ครู อาจารย์ เราต้องภูมิใจที่เด็กนักเรียนของเรา เติบโต มีความรู้ เป็นคนที่มีคุณภาพในอนาคต , หมอ แพทย์ ดีใจที่ทำงานได้รักษาคนไข้หรือผู้ป่วยให้เกิดการพ้นทุกข์จากการเจ็บไข้ได้ป่วยและได้ช่วยเหลือผู้ป่วย , นักขายเราต้องดีใจที่ได้ช่วยเหลือคนให้ได้รับผลประโยชน์จากสินค้าของเรา เป็นต้น
ดังนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่อยากจะมีความสุขในการทำงานหรือทำงานอย่างมีความสุข ท่านจะต้อง รู้ธรรมชาติของการทำงาน,มีมนุษย์สัมพันธ์ในการทำงาน,มีความรักในงานที่ทำ,มีการบริหารเวลาที่ดีและท่านจะต้องคิดถึงประโยชน์ที่ได้จากการทำงาน แล้วท่านก็จะเป็นคนหนึ่งที่พบแต่ความสุขในการทำงานของท่าน

...
  
หลักพาเรโต ทำกิจกรรม 20% ให้ได้ผลลัพธ์ 80%
หลักพาเรโต ทำกิจกรรม 20% ให้ได้ผลลัพธ์ 80%
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
กฏ 20:80 ได้มีการพูดและเขียนหนังสือกันเป็นจำนวนมาก แต่คนที่คิดค้นคนแรกก็คือ นายวิลเฟรโด พาเรโต เขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์และนักสังคมวิทยา ชาวอิตาเลียน
กฏ 20:80 มีลักษณะดังนี้ ในบรรดางานที่คุณทำ 10 อย่าง จะมีงานที่มีคุณค่าสูงสุดหรือก่อประโยชน์สูงสุด เพียงแค่ 2 อย่าง แต่ให้ผลลัพธ์หรือผลประโยชน์กับคุณถึง 80 %
ตัวอย่างเช่น
- หากคุณทำงานด้านการขาย คุณลองสังเกตดูว่าจะมีลูกค้าเพียงไม่เกิน 20% แต่เป็นลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งสามารถสร้างยอดขายให้กับคุณได้ถึง 80 % ของยอดขายทั้งหมด

- สินค้าในห้างสรรพสินค้า มีจำนวนหลายหมื่นหลายพันชิ้น แต่รายได้จากการขายสินค้ากว่า 80% มาจากสินค้าเพียงแค่ 20% ในทางกลับกันจำนวนสินค้ากว่า 80% ก่อรายได้จากการขายสินค้าเพียงแค่ 20%
- Computer ที่เราใช้ก็เช่นกัน โปรแกรมต่างๆ เช่น Photoshop , windows, Excel เวลาที่เราใช้เราก็มักจะใช้ฟังก์ชั่นเดิมๆ เครื่องมือเดิมๆ เพียงแค่ 20% แต่ถูกใช้งานถึง 80%
- การเจรจาต่อรอง (Negotiation) เราจะสงสัยว่าประเด็นที่สำคัญๆมีไม่เกิน 20 % แต่ต้องใช้เวลาในการเจรจาต่อรองกว่า 80 % ของเวลาทั้งหมด ส่วนประเด็นที่ไม่สำคัญ 80 % เราใช้เวลาเพียง 20 %
- เวลาในการทำงานของเราในแต่ละวันก็เช่นเดียวกัน ภายในเวลา 24 ชั่วโมง จะมีกิจกรรมที่สำคัญๆเพียงแค่ 20% แต่ได้ผลลัพธ์ถึง 80%
ฉะนั้น เวลาที่จะเริ่มต้นทำงาน จงวางแผนก่อนว่า อะไรคือ “ งานประเภท 20% แต่ได้รับผลลัพธ์ถึง 80% แล้วจงเลือกที่จะทำงานเหล่านั้นก่อน จงสัญญากับตนเองตั้งแต่เดี๋ยวนี้ว่า คุณจะจัดลำดับโดยเลือกทำงานที่สำคัญที่มีจำนวนน้อยแต่ได้ให้ผลลัพธ์สูง ก่อนเลือกที่จะทำงานที่มีจำนวนมากแต่ได้รับผลลัพธ์ต่ำ ถึงแม้งานเหล่านั้นจะยากเย็นแสนเข็นสักปานใดก็ตาม จงห้ามใจที่จะไม่ทำงานที่ให้ผลลัพธ์น้อย แต่ใช้เวลามาก
แบบฝึกหัด
- จงเขียนงานทั้งหมดของคุณ แล้วลองพิจารณาว่างานอะไรคือ งานที่มีความสำคัญซึ่งมีเพียง 20 % ของงานทั้งหมด แต่ให้ผลลัพธ์ถึง 80 %
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
...
  
การสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ทางด้านการตลาด
การสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ทางด้านการตลาด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
กลยุทธ์การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางการตลาด มีด้วยกันหลายวิธีเช่น กลยุทธ์ด้านราคาหรือต้นทุน , กลยุทธ์ทางด้านความรวดเร็ว และกลยุทธ์ที่สำคัญและเป็นที่นิยมในโลกยุคนี้ก็คือ การสร้างความแตกต่างหรือการสร้างสรรค์และนวัตกรรม ในบทความนี้ เราจึงมาพูดเกี่ยวกับเรื่อง การสร้างสรรค์และนวัตกรรมทางด้านการตลาดกัน
อันดับแรกเรามาทราบความหมายกันก่อน
ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง การคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ (Creative thinking) เป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมและใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม องค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่ ความคิดนั้นต้องเป็นสิ่งใหม่ (New, Original) ใช้การได้ (Workable) และมีความเหมาะสม (Appropriate)
ปัจจุบันเรามีอาชีพวิทยากร ถ้าผมแก้ผ้าไปบรรยายหรือสอน พวกเราคิดว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ ถึงแม้จะเป็นสิ่งใหม่คือไม่มีใครทำมาก่อน แต่ไม่มีความเหมาะสมและใช้การได้
ส่วนความหมายของคำว่า “นวัตกรรม หมายถึง สิ่งใหม่ๆที่ได้จากองค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ การทดลอง โดยออกมาในรูปของผลิตภัณฑ์ แนวคิด หรือกระบวนการที่สามารถนำเอาไปใช้ประโยชน์ได้ อีกทั้งยังสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นเงินเป็นทองได้อีกด้วย
ซึ่งการสร้างสรรค์และนวัตกรรมแบ่งออกเป็น 2 แบบ
1.การสร้างสรรค์และนวัตกรรมแบบเปลี่ยนโลก
2.การสร้างสรรค์และนวัตกรรมแบบเปลี่ยนแปลงแบบไม่มาก
1.การสร้างสรรค์และนวัตกรรมแบบเปลี่ยนโลก เช่น การสร้างสรรค์และนวัตกรรม รถยนต์คันแรกของโลกของเฮนรี่ ฟอร์ด ,
สตีฟ จ็อบ กับสินค้าตระกูล I (ipad iphone ipod imac) , เครื่องบินลำแรกของโลก ของสองพี่น้องตระกูลไรค์ เป็นต้น
2.การสร้างสรรค์และนวัตกรรมแบบเปลี่ยนแปลงแบบไม่มาก เช่น สินค้าที่พวกเราเห็นในยุคปัจจุบัน มีการพัฒนาสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ สี รสชาติ รูปทรงให้มีความแตกต่างกันออกไป


ปัจจัยที่ทำให้เกิดการตลาดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรม มีดังนี้
1.การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน มีอยู่ 3 อย่าง คือ1.1.กลยุทธ์ผู้นำด้านต้นทุน(Cost Leadership)1.2.กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง(Differentiation) 1.3.กลยุทธ์สร้างความรวดเร็ว( speed) กลยุทธ์สร้างความแตกต่างจึงเป็นเรื่องของการสร้างสรรค์และนวัตกรรมนั้นเอง
2.การวิจัยทางการตลาด เราสามารถวิจัยการตลาดได้หลายอย่างเช่น 2.1. การวิจัยผู้บริโภค 2.2. การวิจัยผลิตภัณฑ์
2.3. การวิจัยราคา 2.4. การวิจัยช่องทางการจำหน่าย 2.5. การวิจัยการส่งเสริมการตลาด
3.พฤติกรรมผู้บริโภค เราสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคโดยใช้ทฤษกี 6W 1H คือ Who? ใครเป็นลูกค้าเป้าหมาย
, What? ผู้บริโภคซื้ออะไร , Why? ทำไมผู้บริโภคจึงซื้อ , Who? ใครมีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อ,
When? ผู้บริโภคซื้อเมื่อใด , Where? ผู้บริโภคซื้อที่ไหน และ How? ผู้บริโภคซื้ออย่างไร
4.วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ซึ่งประกอบไปด้วย ขั้นแนะนำ ขั้นเติบโต ขั้นเติบโตเต็มที่ และขั้นถดถอย
5.การเปลี่ยนแปลงของโลก มีความรวดเร็วมากกว่าในอดีตเนื่องจากเทคโนโลยีช่วยให้เกิดความรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะยุคนี้เรามีอินเตอร์เน็ตทำให้ทุกอย่างมีความรวดเร็วไม่ว่า เรื่องของข้อมูลข่าวสาร เรื่องของการบริการโดยผ่านอินเตอร์เน็ต
ปัจจัย 5 ข้อข้างต้น จึงก่อให้เกิดการตลาดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรมขึ้น
การตลาดเชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรม เราควรสร้างสรรค์และนวัตกรรม 4P หรือสร้างสรรค์ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix ) นั่นเองคือ 1.1. การสร้างสรรค์และนวัตกรรม Product 1.2. การสร้างสรรค์และนวัตกรรม Price 1.3. การสร้างสรรค์และนวัตกรรม Place 1.4. การสร้างสรรค์และนวัตกรรม Promotion
1.1. การสร้างสรรค์และนวัตกรรม Product เราควรสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าให้มี คุณภาพและก่อให้เกิดความแตกต่าง ความแปลกใหม่ ไม่ว่าในเรื่องของ ความคงทน สะอาด รสชาติต่างๆ รูปร่างลักษณะแปลกใหม่ เช่น ทรงกลม ทรงกระบอก ให้ใช้งานง่าย ทันสมัย พกพาสะดวก เป็นต้น
1.2. การสร้างสรรค์และนวัตกรรม Price การสร้างสรรค์และนวัตกรรมด้านราคา มีหลายรูปแบบเช่น
1.2.1.ตั้งราคาให้เท่ากันทุกชิ้น(ทั้งร้าน 10 บาททุกชิ้น ทั้งร้าน 20 บาททุกชิ้น ทั้งราคา 90 บาททุกชิ้น)
1.2.2.ตั้งราคาด้วยเลข 9หรือลงท้ายด้วยเลข 9 เป็นการตั้งราคาตามจิตวิทยา เคยมีนักวิชาการชาวสหรัฐอเมริกาเคยทำการวิจัย โดยตั้งราคาสินค้าชนิดเดียวกันอย่างเดียวกัน แต่เอาไว้คนละร้าน ร้านที่ 1 ตั้งราคาที่ 44 บาท ร้านที่ 2 ตั้งราคาที่ 39 บาท ปรากฏว่า 39 บาทขายดีกว่า 44 (หลายคนคงบอกว่าก็แน่นอนเพราะมันถูกกว่ากัน) ต่อมานักวิชาการคนเดียวกันก็เลยตั้งราคาใหม่ให้ร้านที่ 1 ขายในราคา 33 บาท แต่ร้านที่ 2 ขายราคาเดิมคือ 39 บาท ปรากฏว่า ราคา 39 บาทก็ยังขายดีกว่า 33 บาท ดังนั้นการตั้งราคาด้วยเลข 9 หรือลงท้ายด้วย 9 มีผลอย่างมากในทางจิตวิทยา แต่นักวิชาการคนดังกล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การตั้งราคาด้วยเลข 9 หรือลงท้ายด้วย 9 ไม่ควรตั้งเกินหรือมากกว่า 30% ของสินค้าทั้งหมดในร้าน เพราะจะทำให้ดูเหมือนว่าสินค้าไม่มีค่าหรือเป็นของที่ไม่มีคุณภาพเนื่องจากราคาถูก
1.2.3.ตั้งราคาแบบ Pay-What-You Want เกิดขึ้นที่อเมริกา ตามร้านอาหารหลายแห่งและตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เป็นการใช้บริการก่อน ไม่มีกำหนดราคา ลูกค้าจะจ่ายก็ต่อเมื่อ ใช้บริการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าเห็นว่าดีหรือมีคุณภาพก็เอาเงินใส่ในกล่อง
1.2.4.ตั้งราคาแบบ pay it forward เกิดขึ้นที่อเมริกาเช่นกัน กล่าวคือ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จหรือใช้บริการเสร็จ ตอนคิดเงิน ร้านอาหารหรือผู้ประกอบการก็บอกว่า มีคนจ่ายแทนคุณแล้วก็คือคนที่กินก่อนหน้าคุณ แล้วคุณจะจ่ายให้คนต่อไปเท่าไร เป็นการจ่ายเงินให้คนต่อไปที่ใช้บริการต่อจากเรา
1.3. การสร้างสรรค์และนวัตกรรม Place(ช่องทางการจัดจำหน่าย) คือการเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีกิจกรรมได้แก่ การขนส่ง การคลังสินค้า / การบริหารสินค้าคงเหลือ การตัดสินใจเรื่องคนกลาง เป็นต้น
ในยุคปัจจุบันมีการสร้างสรรค์และนวัตกรรม Place หลายอย่าง เช่น การใช้รถยนต์เคลื่อนที่(รถยนต์อาหารหรือรถยนต์กาแฟเคลื่อนที่), E-commerce ฯลฯ
1.4. การสร้างสรรค์และนวัตกรรม Promotion หมายถึง การให้ข้อมูลข่าวสารแก่ผู้รับข่าวสารซึ่งเป็นผู้บริโภค ให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือสินค้า รวมไปถึงข้อมูลกิจการของผู้จำหน่าย เช่น E-Mail Marketing , Online (Advertising and Search agent) , Billboard ฯลฯ
การสร้างสรรค์และนวัตกรรมกับการสร้างแบรนด์ การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆมีผลมากต่อการสร้างแบรนด์ เพราะการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆออกมาจะทำให้ผู้บริโภคสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ความทันสมัย ความก้าวหน้า ของแบรนด์อยู่ตลอดเวลา เช่น แบรนด์ แอปเปิลคอมพิวเตอร์ ของสตีฟ จอบส์ ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ทันสมัยออกมาตลอดเวลา จึงทำให้แบรนด์แอปเปิลคอมพิวเตอร์มีความแข็งแกร่งและมีความทันสมัย อีกทั้งยังได้สร้างความมั่งคั่งในด้านเงินทองอย่างมากมายมหาศาล
การสร้างสรรค์และนวัตกรรมกับสารสนเทศ เทคโนโลยี ยุคปัจจุบันเราต้องยอมรับกันว่า สารสนเทศมีความสำคัญและมีความจำเป็นในการสร้างนวัตกรรม รวมทั้งมีความสำคัญต่อการสร้างสรรค์ธุรกิจให้เติบโต เราจะเห็นได้ว่าบริษัทระดับโลกที่มีความยิ่งใหญ่มักใช้สารสนเทศ ข้อมูล ข่าวสาร เทคโนโลยีในการขาย เช่น บริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับโซเซียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น youtube , Facebook , google , Twitter , Line , Instagram ฯลฯ บริษัทเหล่านี้เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ปี แต่ประเทศไทยเรายังทำเรื่องเหล่านี้น้อยมาก
ดังนั้น ผู้ประกอบธุรกิจของไทยเรามีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนานวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมเกี่ยวกับสินค้า นวัตกรรมเกี่ยวกับกระบวนการผลิต หรือนวัตกรรมที่เกี่ยวกับการบริการ เพราะในยุคปัจจุบัน ถ้าเราจะแข่งขันด้านราคา เราคงพ่ายแพ้ต่อการแข่งขัน โดยเฉพาะประเทศจีน สินค้า ผลิตภัณฑ์ของจีน มีราคาถูกมากๆ ถูกจนทำให้ผู้ประกอบธุรกิจหลายประเทศสู้ไม่ได้ ยิ่งในยุคของอินเตอร์เน็ต ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างเสรีและได้ในราคาถูกยิ่งขึ้น เช่น เราสามารถสั่งซื้อสินค้าจากประเทศจีนได้โดยผ่านเว็ป aliexpress ซึ่งมีบริการส่งสินค้าถึงที่บ้านเลยทีเดียว
โดยภาพรวมเราจะเห็นได้ว่าประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่ร่ำรวย ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้ประเทศอเมริการ่ำรวย แต่มีปัจจัยหนึ่งที่น่าคิดและพิจารณาก็คือ ประเทศอเมริกามี บุคคลสำคัญๆของโลกที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์หรือกล้าที่จะคิดนวัตกรรมใหม่ๆออกมา จึงทำให้ประเทศอเมริกาจดลิขสิทธิ์แล้วสามารถขายสินค้าไปได้ทั่วโลก เช่น 1.สตีฟ จอบส์ ได้ลิขสิทธิ์ในสินค้าแบรนด์แอปเปิลคอมพิวเตอร์เป็นชาวอเมริกา 2.บิล เกตส์ บริษัทไมโครซอฟท์ เป็นชาวอเมริกา 3.ทอมัส แอลวา เอดิสัน เป็นนักประดิษฐ์ของโลกและนักธุรกิจชาวอเมริกัน 4.พี่น้องตระกูลไรท์ ผู้สร้างเครื่องบินได้สำเร็จเป็นคนแรกเป็นชาวอเมริกา 5.เฮนรี ฟอร์ด ผู้ผลิตรถยนต์คันแรกก็เป็นชาวอเมริกา และมีอีกเป็นจำนวนมากที่เป็นนักคิดนวัตกรรมชาวอเมริกา
...
  
แฟชั่น นักศึกษา
โดย บ้านเมืองออนไลน์ เมื่อเวลา 8:53:00 วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2550

คอลัมน์ : บ้านเมืองเรื่องวังจันทร์ : แฟชั่นของ นิสิต นักศึกษา

แฟชั่นของ นิสิต นักศึกษา
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ถ้าพูดถึงปัญหาเรื่องแฟชั่นการแต่งกายของนิสิตนักศึกษา ได้มีการพูดถึงกันมานานหลายปีทีเดียว โดยเฉพาะ การแต่งกายตามแฟชั่นของนิสิต นักศึกษา หญิง ทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและมหาวิทยาลัยเอกชน ที่นิยมสวมเสื้อติ้วรัดรูปโชว์ส่วนสัด กับกระโปรงสั้นเอวต่ำ

ถามว่ารูปแบบเหล่านี้ ถูกต้องตามระเบียบการแต่งกายหรือ ยูนิฟอร์ม ในชุดนิสิต นักศึกษา ของมหาวิทยาลัยหรือไม่ ตอบว่า ไม่ถูกต้อง

การแต่งกายตามระเบียบหรือ ยูนิฟอร์ม ถือว่าเป็นการให้เกียรติแก่สถาบัน เนื่องจากสถาบันแต่ละแห่งได้กำหนดยูนิฟอร์มไว้แล้ว ก็ต้องเหมือนกันหมด การแต่งกายตามแฟชั่นจึงเป็นการไม่ให้เกียรติแก่สถาบัน ไม่ให้เกียรติแก่อาจารย์ผู้สอน อีกทั้งยังทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศในด้านวัฒนธรรม ขนาดฝรั่งต่างชาติ ยังชี้ว่า ชุดนิสิต นักศึกษา เซ็กซี่มากเกินไป

การแต่งกายตามกระแสแฟชั่นของนิสิตนักศึกษาอาจทำให้หลายๆ คน ต้องยอมอดอาหารเพียงเพื่อต้องการสวมใส่เสื้อติ้วให้สวย การสวมใส่ชุดนิสิต นักศึกษา ตามแฟชั่น ถ้าไปถามนิสิต นักศึกษาชาย หรือผู้ชาย ส่วนใหญ่จะบอกว่า ชอบมอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย

การแต่งกายตามแฟชั่น ของนิสิต นักศึกษาหญิง ซึ่งถ้าเซ็กซี่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดคดีอาชญากรรมขึ้น เช่น การถูกข่มขืน การแอบถ่ายจากพวกโรคจิต ฯลฯ โดยไม่คาดคิด

การที่กระทรวงวัฒนธรรม นำโดย คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและนายกสภามหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ออกมารณรงค์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งโดยส่วนตัว ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

จากกรณีดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวัฒนธรรม จึงร่วมกันจัดโครงการรณรงค์เรื่องการแต่งกายของนิสิตนักศึกษา โดยทำเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้นิสิตนักศึกษาแต่งกายด้วยชุดนิสิต นักศึกษาตามระเบียบของมหาวิทยาลัยและการแต่งกายด้วยชุดลำลองภายในมหาวิทยาลัย โดยเชิญรองอธิการบดีฝ่ายกิจการ นิสิต นักศึกษาของมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนกว่า 30 แห่งมาหารือกันในวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ซึ่งมหาวิทยาลัยต่างๆ มีความเห็นตรงกันในเรื่องดังกล่าว โดยมีมาตรการต่างๆ เช่น รณรงค์การแต่งกายชุดนิสิต นักศึกษาโดยให้รุ่นพี่เป็นแบบอย่างรุ่นน้อง มีสโมสรนิสิต นักศึกษาช่วยดูแล จัดประกวดแต่งกายชุดนิสิต นักศึกษา มีป้ายรณรงค์ มีอาจารย์และหน่วยงานต่างๆ ในมหาวิทยาลัยดูแล หากแต่งกายไม่เหมาะสม จะไม่ให้เข้าเรียน ไม่ให้ติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ และมีบทลงโทษ เช่น ตักเตือน ตัดคะแนนความประพฤติ ส่วนชุดลำลองดูแลให้แต่งให้เหมาะสม บางแห่งมีการจัดเวทีเสวนาประชาสัมพันธ์โครงการและเวทีแถลงนโยบายการแต่งกายชุดนิสิต นักศึกษา ถูกระเบียบ ทำแผ่นปลิวจดหมายข่าวและโปสเตอร์เชิญชวนผลิตสปอตวิทยุ จัดบอร์ดรณรงค์การแต่งกายเคลื่อนที่ จัดทำสติ๊กเกอร์และที่คั่นหนังสือ จัดเวทีเดินแฟชั่นโชว์และการแสดงละครเวทีกลางแจ้ง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้นิสิตระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัย ตระหนักถึงความสำคัญและหันมาแต่งกายถูกระเบียบเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นขอฝากท่านอธิการบดี มหาวิทยาลัยทุกแห่ง รวมทั้งครู อาจารย์ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ตลอดจนตัวนิสิต นักศึกษา ช่วยกันตรวจตรา ดูแล ตักเตือน การแต่งกายให้ถูกระเบียบ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง

เป็นการให้แก่เกียรติสถาบัน ครู อาจารย์ และสร้างความปลอดภัยให้กับตัวเอง ทำให้ตัวนิสิต นักศึกษา เกิดความภาคภูมิใจในสถาบัน และชุดยูนิฟอร์มของสถาบันตัวเอง


...
  
วิธีทำตนให้คนเกลียดในที่ทำงาน
วิธีทำตนให้คนเกลียดในที่ทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การทำงานภายในองค์กรเรามักจะต้องมีความสัมพันธ์กับบุคคลหลายๆฝ่าย ซึ่งเราสามารถแยกได้ดังนี้
1.เจ้านาย นายจ้าง ผู้บริหาร
2.บุคคลที่เสมอกัน หรือ เพื่อนร่วมงาน
3.ลูกน้อง ลูกจ้าง
หากเราสังเกตเพื่อนร่วมงานหรือคนที่ทำงานในองค์กร บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน มักจะเป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่ภายในองค์กรมากกว่าบุคคลที่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งบุคคลที่ไม่ประสบความสำเร็จมักมีพฤติกรรมที่ทำให้คนเกลียดดังนี้
- การไม่ให้ความร่วมมือ บุคคลที่เป็นที่รังเกลียด มักเป็นบุคคลที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับคนภายในองค์กรหรือไม่ยอมทำตามนโยบายของบริษัท เช่น เขารณรงค์ให้ประหยัดไฟฟ้า น้ำประปา กลับไม่ช่วยองค์กรประหยัด , องค์กรขอความร่วมมือให้ใส่เสื้อสีเขียวทุกวันศุกร์ก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม เป็นต้น
- คิดในแง่ลบ อยู่เสมอ บุคคลที่ทำงานแล้วคนเกลียดมักเป็นบุคคลที่มองโลกในแง่ลบ มักคิดกับผู้อื่นในแง่ร้าย ชอบนินทาว่าร้ายบุคคลอื่นๆ เขาจึงเป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีเพื่อนที่สนิทมากนัก
- ไม่รับผิดชอบงาน รับปากใครแล้วไม่ปฏิบัติตาม บุคคลที่ไม่มีความรับผิดชอบในการทำงาน มักทำงานไม่ทัน สาเหตุก็เนื่องมาจากการปล่อยงานค้างไว้เป็นจำนวนมากๆ อีกทั้งรับปากใครแล้วไม่ยอมปฏิบัติคำพูดตามคำสัญญา
- ขาดความกระตือรือร้น ในการทำงาน เฉื่อยชา ทำงานช้า ไม่ทันใจ อีกทั้งมีนิสัยดื้อดึง ใครพูดใครสอนอะไร มักไม่ยอมเชื่อ ไม่ยอมรับผิดเมื่อตัวเองทำงานผิดพลาด
- ไม่มีความสุภาพ อ่อนโยน แข็งกระด้าง พูดจาก้าวร้าว คนที่มีนิสัยดังกล่าว มักจะไม่มีใครอยากเข้าใกล้
- ไม่รักองค์กรที่ตนเองทำงาน บุคคลเหล่านี้มักโจมตีหน่วยงานที่ตนเองทำงานอยู่เป็นประจำ จึงเป็นที่น่ารังเกลียดของเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง
ฉะนั้น หากว่าท่านมีพฤติกรรมดังกล่าวตามข้อความข้างต้นนี้ ขอให้ท่านจงลองที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อให้เป็นที่รักของคนในองค์กร
...
  
หลักบริหารเวลาของไอวี่ ลี(Lvy Lee)
หลักบริหารเวลาของไอวี่ ลี(Lvy Lee)
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
เรื่องมีอยู่ว่า ประธานบริษัทเหล็กเบธเลเฮม ชื่อ ชาร์ลส์ ชว้าบ(Charles Schwab) ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กให้ได้มากที่สุด จึงได้ประกาศว่าใครที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กให้ได้มากที่สุด เขาจะมีเงินรางวัลเป็นการตอบแทน
หลังจากนั้นไม่นาน ชาร์ลส์ ชว้าบ(Charles Schwab) ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากไอวี่ ลี(Lvy Lee) โดยไอวี่ ลี ให้ความสำคัญกับเรื่องของการบริหารเวลา โดยแนะนำ ชาร์ลส์ ชว้าบ ดังนี้
1.ให้หากระดาษมาแผ่นหนึ่ง
2.ให้เขียนงานที่จะต้องทำทั้งหมดในวันพรุ่งนี้ลงไป
3.ให้จัดลำดับความสำคัญว่างานไหนมีความสำคัญโดยจัดเรียงตามลำดับความสำคัญมากไปหาน้อย เช่น สำคัญมากให้เขียน A , รองลงมา B , C , D ตามลำดับ
4.เมื่อตื่นขึ้นมา ให้เริ่มต้นทำงานตามแผนงานที่วางไว้ โดยทำงานที่มีความสำคัญตามลำดับ
5.เมื่อทำงานนั้นๆ เสร็จแล้วให้ขีดฆ่า ส่วนงานที่ยังไม่สามารถทำได้ ก็ให้เขียนลงในกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง ซึ่งใช้สำหรับวางแผนทำงานในวันพรุ่งนี้
6.เมื่อมีเวลาเหลือ ก็ให้รีบทำงานที่มีลำดับความสำคัญ รองๆ ลงมาต่อๆไป
ปรากฏว่า ชาร์ลส์ ชว้าบ(Charles Schwab) ได้นำหลักการนี้ไปใช้ จนทำให้ บริษัทเหล็กเบธเลเฮม เป็นบริษัทเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในเวลาต่อมา หลังจากนั้น ชาร์ลส์ ชว้าบ(Charles Schwab) ได้ให้เงินรางวัลกับ ไอวี่ ลี(Lvy Lee) เป็นจำนวนถึง 25,000 ดอลลาร์ หรือถ้าเป็นเงินไทยก็หลายแสนบาทเลยทีเดียว
ท่านผู้อ่านครับ ขนาดประธานบริษัทเหล็กเบธเลเฮม ชาร์ลส์ ชว้าบ(Charles Schwab) ยังเชื่อและยอมรับหลักการบริหารเวลาของไอวี่ ลี(Lvy Lee) และยังนำไปปฏิบัติกับตัวเองและพนักงานของบริษัท แล้วได้ผล กระผมเชื่อว่า หากว่าเราได้นำหลักการบริหารเวลาของไอวี่ ลี(Lvy Lee) ไปใช้ เราก็สามารถบริหารเวลา บริหางานของเรา ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
...
  
จงสร้างผลลัพธ์ในตัวคุณให้สูงสุด
จงสร้างผลลัพธ์ในตัวคุณให้สูงสุด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เคยมีคนตั้งคำถามกับผมว่า ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จ เขาถึงประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป อะไรที่ทำให้เกิดความแตกต่างกัน เวลาหรือ? เปล่าเลยครับ เวลาของเขากับพวกเราก็คงไม่ได้แตกต่างกันคือมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน
แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างกันก็คือวิธีคิดนั้นเอง คนที่ประสบความสำเร็จมักมีความคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไป เขาเรียนรู้และพัฒนามันตลอดเวลา เขาจะหาเทคนิค แล้วมีการวางแผน อีกทั้งมีวินัยในการปฏิบัติตามแผนอย่างจริงจัง ซึ่งในบทความนี้ เราสามารถเรียนรู้เทคนิคต่างๆได้ดังนี้
1.เขาจะลงมือทำกิจกรรมที่มีค่าสูงสุด(20%) แต่ให้ผลลัพธ์(80%) อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง หลักของพาเรโต คิดโดย วิลเฟรโด พาเรโต ซึ่งเขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาเลียน เขากล่าวว่าสิ่งที่สำคัญมีเพียงแค่ 20 % สำหรับสิ่งที่ไม่สำคัญจะมี 80% ของทั้งหมด เช่น ยอดขายของสินค้าทั้งหมดมักเกิดจากลูกค้ารายใหญ่ไม่เกิน 20 % แต่สั่งซื้อสินค้ามากกว่า 80 % แต่ในทางกลับกันลูกค้ารายเล็กๆ รวมกัน 80% แต่มียอดสั่งซื้อแค่ 20% ดังนั้น คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะค้นหา เขาจะวิเคราะห์ว่า กิจกรรมต่างๆในแต่ละวัน เดือน ปี จะมีกิจกรรมไม่เกิน 20% แต่จะให้ผลลัพธ์ 80% เขาจะเขียนมันขึ้นมาแล้ว ลงมือทำกิจกรรมที่มีค่าสูงสุดโดยการทำอย่างต่อเนื่อง เช่น เรื่องงาน เรื่องการตรวจสุขภาพ การออกกำลังกาย การฝึกอบรม การอ่านหนังสือ การเขียนหนังสือ เรื่องการวางแผนทางการเงิน เป็นต้น
2.เขาจะเรียนรู้พลังของการบริหารเวลา เขาจะมีการลำดับความสำคัญของงานต่างๆ มีการวางแผนทุกๆวัน ทุกๆสัปดาห์ ทุกๆเดือน โดยมีการแยกแยะงานออกเป็น งานสำคัญ งานไม่สำคัญ งานเร่งด่วน งานไม่เร่งด่วน แล้วมีวินัยในการปฏิบัติงานตามแผนการที่ได้วางไว้
3.เขาจะมีเป้าหมายในการทำงาน มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป้าหมายในเรื่องสุขภาพ เป้าหมายทางด้านการเงิน เป้าหมายทางด้านครอบครัว การตั้งเป้าหมายจึงทำให้เขามีทิศทางในการดำเนินชีวิต ดังนั้นหากท่านยังไม่มีเป้าหมาย ท่านควรตั้งเป้าหมายแล้วจงเดินทางไปสู่เป้าหมายของท่านแล้วที่จะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
4.เขาจะมีพลังแห่งความรัก เขาจะรักในสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าเรื่องของการทำงาน เขาจะเลือกงานที่เขาชอบ ไม่ใช่เลือกทำงานหรือประกอบอาชีพเพราะเงิน เพราะเป็นไปตามกระแส เมื่อเขารักงานที่เขาทำ เขาจึงทำงานได้เป็นเวลานาน มีความสนุกสนานกับการทำงาน ไม่เกิดความเบื่อหน่าย แต่จะเกิดความกระตือรือร้นตลอดเวลาในการทำงาน ดังนั้น ท่านจงหางานที่ท่านรักทำแล้วท่านจะมีความสุขในการทำงาน
5.เขาจะมีความสามารถในการทำงานเป็นทีม หากว่าท่านทำงานคนเดียว ความสำเร็จที่ท่านได้รับก็จะมีเพียงเล็กน้อย แต่หากว่าท่านมีทีมงาน ความสำเร็จที่ท่านจะได้รับย่อมจะใหญ่โตกว่า เช่น การทำธุรกิจเครือข่าย ท่านจะเห็นได้ชัดว่า ทุกคนในทีมงานมักจะช่วยเหลือกัน เป็นต้น
6.เขาจะเน้นจุดแข็ง ไม่ใช่เน้นจุดอ่อน เขาจะทำอะไรที่ตนเองมีความถนัด ส่วนที่เขาไม่ถนัด เขาก็จะไม่ทำ ไม่ลงทุน เพราะการทำงานที่ตนเองมีความถนัด จะทำให้งานเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล มากขึ้น
ดังนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการสร้างผลลัพธ์ในตัวของท่านให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด ข้อความข้างต้นถ้าหากท่านนำไปใช้ ท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้
...
  
กฏของพาร์กินสันในการบริหารเวลา
กฏของพาร์กินสันในการบริหารเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ศาสตราจารย์ซีริล นอร์ทโคท พาร์กินสัน หรือ Prof.Cyril Northcote Parkinson เป็นนักประพันธ์ นักประวัติศาสตร์ ทหารเรือ ได้เขียนหนังสือที่โด่งดังขึ้นมาเล่มหนึ่ง คือ กฏของพาร์กินสัน(Parkinson’s) ซึ่งมีกฏทั้งหมด 10 ข้อ แต่มีอยู่ข้อหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการบริหารเวลา พาร์กินสันได้กล่าวว่า
Work expands so as to fill the time available for its completion.
(งานจะขยายเวลาออกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบกำหนดงานเสร็จ)
ปัจจุบันผมเป็นอาจารย์ประจำอยู่ในมหาวิทยาลัย ผมมักจะสั่งงานหรือมอบหมายงาน ให้นิสิต นักศึกษา ทำรายงาน โดยให้เวลาทำ 1 เดือน สมมุติกำหนดส่งในวันที่ 15 สิงหาคม 2550 จากการสังเกต นิสิต นักศึกษา ปรากฏว่า ไม่มีนิสิต นักศึกษา คนใดสนใจทำตั้งแต่วันแรก แต่ส่วนใหญ่มักจะรีบทำหรือเริ่มทำ รายงาน ตอนใกล้จะถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2550 หลายคนมาบ่นกับผมว่า เรียนหนัก รายงานวิชาอื่นๆ ก็มีมาก ซึ่งผมก็เห็นใจ จึงเลื่อนการส่งรายงานวิชาของกระผมออกไปอีก 1 เดือน คือให้ส่งในวันที่ 15 กันยายน 2550 ผลที่ได้รับ แทนที่ นิสิต นักศึกษา จะรีบทำรายงานในวิชาของกระผม กลับกลายไปทำรายงานวิชาอื่นๆ ก่อนหรือทำงานอื่นๆ บางคนแทนที่จะใช้เวลาในการอ่านหนังสือ ทำรายงาน กลับใช้เวลาไปเที่ยวเตร่เฮฮา กินเหล้า ดูหนัง เดินห้าง แบบสำราญใจ จนใกล้ถึงวันที่ 15 กันยายน 2550 นิสิต นักศึกษา ก็เริ่มเร่งทำรายงานวิชาของกระผม โดยทำแบบลวกๆ ทำแบบไม่ให้ความสำคัญ
นับตั้งแต่นั้น ผมจึงได้เรียนรู้ว่า ผมจะไม่ขยายเวลาในการส่งรายงานของนิสิต นักศึกษาออกไป เพราะถ้าผมขยายเวลาออกไป นิสิต นักศึกษา ก็จะไม่รีบร้อนทำรายงานของกระผม
ในการทำงานหรือการทำกิจกรรมของคนเราส่วนใหญ่ เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำงานชิ้นหนึ่ง โดยมีกำหนดส่งงานอีก 3 เดือนข้างหน้า แทนที่พวกเราส่วนใหญ่จะรีบทำงานให้เสร็จภายในเวลา 2 เดือน แต่คนส่วนใหญ่ มักจะทำงานอื่นๆก่อน ด้วยความใจเย็น แต่จะรีบทำงานงานชิ้นนี้ในวันสุดท้ายเสมอ
ฉะนั้น หากว่าเราได้รับมอบหมายงานให้ส่งรายงานหรือส่งงาน ภายใน 5 วัน เราควรกำหนดเวลาส่งงานของเราให้เร็วขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นตัวเองให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการทำงานเสร็จก่อนกำหนด จะทำให้เราสามารถตรวจสอบ ตรวจทาน ความถูกต้องงานของเราได้อีกด้วย
ตรงกันข้ามหากว่าเราไม่มีการกำหนดเวลาส่งให้เร็วขึ้น เราก็จะปล่อยปะละเลย ทำงานแบบสบายๆ ไม่มีแรงกดดัน เมื่อครบกำหนดส่งงาน เราจะทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว
ดังนั้น จงกำหนดเวลาทำงานใหม่ ก่อนที่จะครบกำหนดการส่งงานจริงๆ สัก 1-2 วัน แล้วมีวินัยในการทำงานตามที่เรากำหนด เพราะถ้าไม่มีวินัย เราก็จะยืดหยุ่น หาเรื่องแก้ตัว และในที่สุด การบริหารเวลาของคุณก็จะไม่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพอย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้


...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  [100]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.