หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การเข้าสู่อาเซียนของสาธารณสุขไทย
การเข้าสู่อาเซียนของสาธารณสุขไทย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
31 ธันวาคม 2557 ประเทศไทยและอีก 9 ประเทศต้องเข้าสู่อาเซียน กระทรวงสาธารณสุขเป็นกระทรวงหนึ่งที่ต้องทำงานหนัก ซึ่งรวมไปถึงบุคลากรของกระทรวงที่จะต้องทำงานหนักและมีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น โรงพยาบาลต่างๆของรัฐและเอกชน ทุกขนาดจะต้องทำงานมากขึ้น เหตุผลก็คือ เมื่อมีการเปิดอาเซียนจะทำให้อีกหลายประเทศเข้ามาทำงานได้ง่ายขึ้น อีกทั้งจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ตามมาในด้านบวก บุคลากรสาธารณสุขจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนในด้านลบบุคลากรสาธารณสุขต้องระวังการฟ้องร้องโดยเฉพาะแพทย์ พยาบาล
ปัจจุบันไทยเรามีโรงพยาบาล 900 กว่าแห่ง ซึ่งรับรองคนไทย 65 ล้านคน ซึ่งนับว่าไม่พอเพียง แต่หากเปิดอาเซียน ไทยเราคงต้องมีโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะโรงพยาบาลสำหรับคนต่างชาติ
ด้านการสื่อสารโดยเฉพาะช่วงแรกๆ ประเทศไทยเรามีปัญหาทางด้านการสื่อสารโดยเฉพาะการใช้ภาษาอังกฤษ ไม่เว้นหน่วยงานด้านสาธารณสุขเอง คงต้องเผชิญกับปัญหาด้านการสื่อสาร ไม่ว่า การสื่อสารทางด้านการพูด การเขียน ระหว่าง หมอ พยาบาล กับผู้ป่วยชาวต่างชาติ , บุคลากรสาธารณสุขกับผู้ใช้บริการชาวต่างชาติ
แต่ทั้งนี้ หากพูดถึงในเรื่องของการบริการแล้ว ประเทศไทยเรามีความโดดเด่นมาก ไม่เว้นแม้บุคลากรด้านสาธารณสุข เนื่องมาจาก คนไทยและบุคลากรด้านนี้ มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีกริยา มารยาท อ่อนโยน อ่อนโน้มถ่อมตน ไม่แข็งกระด้าง เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
สำหรับแพทย์ พยาบาล ทัตนแพทย์ จะมีการเคลื่อนย้ายกันมากขึ้น เราจะเห็นบุคลากรเหล่านี้จากประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งบุคลากรเหล่านี้มีจุดเด่นทางด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ เขาสามารถเข้ามาเปิดสถานบริการและโรงพยาบาลเพื่อรองรับชาวต่างประเทศซึ่งสามารถทำรายได้ได้มากกว่า การรักษาคนไทยโดยรวม
และแน่นอนแพทย์ที่มีความชำนาญของไทยก็คงต้องเคลื่อนย้ายไปหารายได้ที่สูงกว่ายังประเทศที่มีรายได้ที่ดีกว่า ส่วนคนไทยส่วนหนึ่ง อาจเป็นผู้ป่วยของแพทย์ชาวพม่า ซึ่งบางส่วนก็ได้มีการเตรียมตัวเข้ามาแล้ว เนื่องจากแพทย์ของประเทศพม่ามีจำนวนมากกว่าสัดส่วนของประชาชนชาวพม่า
ด้านงานบริหารสาธารณสุขการเปิดอาเซียน ทำให้เราสามารถมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ดูงาน และจ้างงานบุคลากรด้านสาธารณสุขที่ขาดแคลนได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขอข้อมูล การประสานงานต่างๆ การเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆทางด้านสาธารณสุข
อีกทั้งสาธารณสุขไทยควรใช้ เทคโนโลยีให้มากขึ้น เพื่อเข้าช่วยในการทำงาน เช่น การใช้ไลน์ การใช้เครื่องมือติดต่อสื่อสาร แพทย์ที่ชำนาญอาจอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ อาจใช้กล้องซูมดูอาการคนไข้หรือคนป่วย เพื่อให้แพทย์ที่ชำนาญสิงคโปร์ได้วินิจฉัยโรค อีกทั้งเทคโนโลยีสามารถนำมาช่วยในการประชุมข้ามประเทศได้ในระหว่างการทำงานสาธารณสุขในประเทศอาเซียน ซึ่งจะประหยัดทั้งเวลา ค่าใช้จ่ายต่างๆ
โรงพยาบาลนานาชาติจะมากขึ้น เหมือนกับโรงเรียนนานาชาติที่มากขึ้นทุกวัน
ประเทศไทยได้มีการวางวิสัยทัศน์ไว้ว่าเราจะเป็น ศูนย์กลางสุขภาพครบวงจรหรือ Medical Hub อีกทั้งรัฐบาลได้มีการลงทุนทางด้านต่างๆเพื่อสนับสนุน หากเปิดเขาไปในเว็ปไซค์กระทรวงสาธารณสุข เราก็จะสามารถสืบค้นข้อมูลของโรงพยาบาลต่างๆได้ ซึ่งภายในบอกข้อมูลต่างๆไว้อย่างมากมาย เช่นมีจำนวนคนกี่คน มีเครื่องมืออะไรบ้าง มีความชำนาญในการรักษาโรคอะไรบ้าง
ปัจจุบันสิ่งที่กระผมเป็นห่วงก็คือ ในยุคปัจจุบันประเทศไทยเราประสบกับปัญหาเรื่องของความแตกแยกทางการเมือง มีการเป็นเป็นขั้วต่างๆ จึงทำให้ สื่อต่างๆ ลงข่าวแต่เรื่องของการการเมือง
ส่วนพื้นที่ข่าวของอาเซียนก็หายไปจากสื่อต่างๆ จำนวนไม่น้อย หากว่า การเมืองมีความเข้มแข็งก็จะส่งผลให้ประเทศไทยเกิดความสนใจ เรื่องเกี่ยวกับอาเซียนมากยิ่งขึ้น สื่อต่างๆก็จะลงเรื่องของอาเซียนมากขึ้น

...
  
วิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน
วิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
หากเรามีฐานะเป็นผู้บริหารหรือหัวหน้างานภายในองค์กร เรามีวิธีการอย่างไรถึงจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตัวเราเองกับลูกน้อง ซึ่งในบทความนี้ กระผมขอนำเสนอ 4 วิธี ดังนี้
1.ชื่นชมลูกน้องบ้าง เมื่อมีโอกาส เมื่อลูกน้องทำความดี หรือมีผลงานเป็นที่ปรากฏ โดยหลักการชมลูกน้องที่ดี เราไม่ควรปล่อยเวลาให้นานจนเกินไป ควรชื่นชมในขณะที่เขาทำความดีหรือมีผลงานเป็นที่ปรากฏไม่นานนัก อีกทั้งเราควรชมต่อหน้าเพื่อนร่วมงานของเขา หรือหากมีการประชุม เราก็ควรหาโอกาสชื่นชมเขาต่อที่ประชุม และควรเก็บหลักฐานการทำความดีต่างๆ เพื่อนำมาเสนอในการประชุม เช่น การตัดข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ , หลักฐานการได้รับรางวัลต่างๆ เป็นต้น
2. ควรมีการตักเตือนบ้าง เมื่อลูกน้องทำผิด เราในฐานะหัวหน้างานก็ควรที่จะว่ากล่าวตักเตือน ชี้แนะเพื่อให้เขาเกิดการปรับปรุงตัว แต่หลักการตักเตือนที่ดี เราไม่ควรตักเตือนเขาต่อหน้าที่สาธารณชน แต่เราควรเรียกเขามาตักเตือนภายในห้องทำงานของเรา สองต่อสอง เพราะจะไม่ทำให้ลูกน้องเสียหน้าหรือขายหน้า
3.เมื่อเกิดมีการเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อลูกน้อง เราควรที่จะบอกกล่าวหรือให้ข้อมูลเขา เพื่อให้เขาได้เตรียมตัว หากจำเป็นเราก็ควรชี้แจ้งเหตุผลให้เขายอมรับต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น เช่น หากเขาถูกคำสั่งให้ย้ายงาน หรือ มีการสับเปลี่ยนหน้าที่
4.กระตุ้นศักยภาพของลูกน้องออกมาอย่างเต็มที่ คนเราทุกๆคนมีศักยภาพในตัวมากมายแต่คนเราเกือบทุกๆคนใช้ ศักยภาพของตนเองน้อยมาก ดังนั้น หากเรามีโอกาสเราควรกระตุ้นหรือนำเสนอความสามารถที่ซ่อนเร้นของลูกน้องและไม่ควรกีดกันการแสดงศักยภาพของลูกน้องด้วยความอิจฉา ซึ่งความอิจฉานี้ สังคมไทยมีหัวหน้าหลายๆคนเป็นกันมาก กล่าวคือ ไม่อยากให้ลูกน้องของตนเอง โดดเด่นกว่าตน หรือ ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งแซงตนเอง
หากว่าท่านเป็นผู้บริหารหรือหัวหน้างาน การนำหลักการ 4 ข้อ ข้างต้นไปใช้ กระผมเชื่อแน่ว่า ท่านจะสามารถได้หัวใจของลูกน้องไปครอบครองอย่างแน่นอน

...
  
การจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " การจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน" ให้แก่บริษัทสินธานีเชียงรายและสินธานี ณ ห้องประชุมแห่งใหม่ของบริษัทสินธานี ...
  
ปัจจัยต่างๆที่นำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง
ปัจจัยต่างๆที่นำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งมีหลายปัจจัยด้วยกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1.เป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพดี รูปร่างหน้าตาดี หรือมีชาติกำเนิดดี เกิดอยู่ในตระกูลที่ดี
2.เป็นผู้ที่มีการศึกษาดี หากจบปริญญาเอกก็จะยิ่งเป็นที่ยอมรับของประชาชน
3.เป็นผู้ที่มีฐานะทางด้านการเงินดี มั่นคง
4.เป็นผู้ที่มีชื่อเสียง คนรู้จักเป็นจำนวนมาก
5.เป็นผู้ที่มีเครือข่ายญาติพี่น้องมากและมีเพื่อนฝูงมาก
6.เป็นผู้ที่ประกอบอาชีพที่ผู้คนยอมรับและรู้จักมาก เช่น ครู ทนายความ แพทย์ ตำรวจ และข้าราชการที่ได้ทำงานใกล้ชิด ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่
7.เป็นผู้ที่นำเทคนิคใหม่ๆมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง เช่นในอดีต ผู้สมัครบางคนอาจจะจัดให้มีการฉายภาพยนตร์ บางคนอาจจะมีการขี่ช้างขี่ม้าในการหาเสียง บางคนอาจจะจุดตะเกียงเข้าไปสมัครรับเลือกตั้ง เป็นต้น
8.เป็นผู้สมัครที่มีใจกว้าง ใจถึง ใจใหญ่ เช่น มีการเลี้ยงอาหารสุราหัวคะแนนหรือผู้ที่ช่วยทำงาน
9.เป็นผู้ที่มีใจบุญกุศล ชอบช่วยเหลือผู้ยากไร้ บริจาคเงินให้กับวัดวาอาราม และสาธารณกุศลต่างๆ
10.เป็นผู้ที่มีระบบบริหารจัดการหัวคะแนนที่ดี
11.เป็นผู้ที่ใช้เงินในการซื้อเสียงซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย แต่ก็มีนักการเมืองจำนวนมากที่ยังใช้เงินเพื่อซื้อคะแนนเสียง
12.เป็นผู้ที่รู้จักประสานผลประโยชน์หรือใช้ระบบอุปถัมภ์ให้กับกลุ่มต่างๆในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
13.เป็นผู้ที่สร้างและสะสมผลงานต่างๆ อย่างมากมาย เช่น ถูกรับเชิญไปให้ความรู้เป็นวิทยากรให้แก่หน่วยงานและประชาชนในพื้นที่
14.เป็นผู้ที่มีความสามารถในการพูดหาเสียงที่เก่ง สามารถพูดโน้มน้าวใจประชาชนในพื้นที่ได้
15.เป็นผู้ที่มีระบบการจัดการเลือกตั้งที่ดี กล่าวคือ มีการวางแผน มีการจัดองค์กร มีการจัดคนที่เหมาะสมกับงาน มีการสั่งการและมีการประเมินผล
16.เป็นผู้ที่มีความสามารถในการนำหลักการตลาดมาประยุกต์ใช้กับการเมือง
17.เป็นผู้ที่มีความสามารถในการสื่อสารทางการเมืองกับคนในพื้นที่เลือกตั้ง
สำหรับ ปัจจัยที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งได้แก่
1.ไม่มีสร้างผลงานต่างๆในพื้นที่
2.ไม่สม่ำเสมอในการพบปะกับประชาชนในพื้นที่ เช่นบางคนมักจะไปพบปะประชาชนในช่วงหาเสียง เมื่อได้เป็นนักการเมืองแล้วก็ไม่ยอมไปพบปะ ซึ่งคู่แข่งสามารถใช้โจมตีได้
3.ไม่มีระบบจัดตั้งหัวคะแนนที่ดี เพราะหัวคะแนนจำนวนมาก เห็นแก่เงิน เห็นแก่ผลประโยชน์ ในขณะเดียวกันก็ไม่ยอมให้การช่วยเหลือผู้สมัครอย่างเต็มที่
4.ไม่ซื้อเสียงในการเลือกตั้ง สำหรับในการเลือกตั้งจำนวนมากมีการซื้อเสียง หากผู้สมัครคนใดที่ไม่ซื้อเสียงแต่คู่แข่งซื้อเสียง ผู้สมัครท่านนั้นก็เสี่ยงกับการสอบตกเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้การซื้อเสียงจะผิดกฏหมายแต่ก็มีนักการเมืองจำนวนมากที่เสี่ยงซื้อเสียงเพื่อให้ตัวเองได้รับเลือกตั้ง
5.ไม่รู้จักประชาสัมพันธ์ตนเองหรือประชาสัมพันธ์ผลงานตนเองน้อยเกินไป ทำให้ผู้เลือกตั้งคิดว่าผู้สมัครท่านนั้นไม่มีผลงาน
6.ไม่รู้จักตอบโต้ข่าวลือ ในการเลือกตั้งคู่แข่งมักจะมีการปล่อยข่าวลือ ถ้าหากว่าผู้สมัครไม่ตอบโต้หรือไม่แก้ข่าวก็จะทำให้ประชาชนในพื้นที่หลงเชื่อข่าวลือนั้น จึงทำให้ผู้สมัครท่านนั้นเสียคะแนนเสียง เช่น ข่าวลือว่าผู้สมัครได้วุฒิการศึกษาในระดับปริญญาเอกปลอมแล้วนำมาลงสมัคร เป็นต้น

...
  
เมืองไทยเมืองเซ็กส์
หรือเมืองไทยจะเป็นเมืองเซ็กส์
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


เมื่อวานนี้ กระผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือพิมพ์เก่าๆ ได้มีนักการเมืองที่เป็นสุภาพสตรีท่านหนึ่งบอกว่า วิธีการผูกใจสามี ต้องไม่นุ่งชุดชั้นใน ไม่ต้องนุ่งยกทรง และกางเกงใน แล้ว ภรรยาที่ดีต้องเป็นโสเภณีตอนอยู่บนเตียงกับสามี นักการเมืองหญิงท่านนี้ปัจจุบันก็มีข่าวอยู่หน้าหนึ่งตามหนังสือพิมพ์ต่างๆ คอยวิจารณ์ มรรยาทหรือการแต่งตัว โป๊ ของดาราต่างๆ บ้าง คอยวิจารณ์การสอนลูกของดาราบ้าง แต่สิ่งที่กระผมสนใจก็คือ การบรรยายต่อหน้าที่ชุมชนของท่านเรื่องการผูกใจสามี โดยใช้เซ็กส์เป็นตัวนำ


การผูกใจต่อสามีมีตั้งมากมายแต่ทำไม ต้องมาลงที่เรื่อง เซ็กส์ หรือเมืองไทยจะเป็นเมืองเซ็กส์ นี่ไม่ใช่เรื่องแรกที่เคยได้ยินได้ฟังมา แต่กระผมได้ยินเรื่องพรรณนี้มาตั้งหลายครั้ง แม้กระทั่ง ชาวต่างชาติ ต่างประเทศเอง เขาก็พูดทำนองนี้ กระผมเองได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศอยู่บ้าง และได้มี โอกาสสอบถามชาวต่างประเทศว่า คุณเคยไปเมืองไทยหรือเปล่า เขาตอบว่าเคย แล้ว คุณคิดว่าเมืองไทยเป็นอย่างไร ฝรั่ง หรือ แขก เขาตอบทันทีว่า เป็นเมืองเซ็กส์ ทำไม เขาคิดอย่างนั้น แล้วเราไม่สามารถห้ามให้เขาคิดได้ด้วย เมื่อไม่กี่ปีก่อนเขาก็บันทึกไว้ ในหนังสือบันทึกที่รวบรวมเรื่องราวต่างๆไว้ในโลก เขาบันทึกว่าเมืองไทยมีดี 2 อย่าง คือ เซ็กส์ และ กอฟส์ กระผมเป็นคนมีนิสัยไม่ดีอยู่อย่างหนึ่งคือ ถ้าอยากรู้เรื่องอะไร กระผมจะพยายามค้นหาและสืบค้นจนพบ ดังนั้นผมจึงอยากรู้เรื่องว่าทำไมชาวต่างชาติ มาเที่ยวเมืองไทยกลับไปประเทศเขาแล้วทำไมถึงว่าไทยเป็นเมืองเซ็กส์ จึงได้ถาม เขาบอกว่า บริษัทนำเที่ยวพาเขาเที่ยวเมืองไทย ในเมืองต่างๆที่สวยงาม แต่ไปจบที่สถานที่ท่องเที่ยวประเภทขายบริการทางเพศ เช่น ย่านพัฒน์พงษ์ ย่านรัชดา ส่วนต่างจังหวัดก็ไม่น้อยหน้า เช่น พัทยา ไกด์ก็พาไปสถานบริการทางเพศ หรือ แม้แต่โรงแรมดังๆในกรุงเทพฯเอง กระผมก็เคยเจอด้วยตัวกระผมเอง ตอนกลางคืนมักจะมีหญิงขายบริการทางเพศ มาเคาะประตู แล้วถามขายบริการทางเพศ เราเองมักเคยชินกับสิ่งเหล่านี้แต่นักท่องเที่ยว เขาไม่คิดอย่างนั้น เขาคิดว่าถ้ามาเมืองไทย ต้องมานอนกับหญิงสาวไทย


ดังนั้น กระผมต้องขอร้อง บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านท่องเที่ยวบางบริษัท เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวมีตั้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัดวาอาราม ทะเล ภูเขา น้ำตก วัฒนธรรม ประเพณีไทยที่งดงาม ฯลฯ ทำไมไม่พาเขาไปดู แต่พาไปดูสถานบริการทางเพศหรือมีการแสดงลามก อนาจาร เกี่ยวกับทางเพศ


ถ้าบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยว ถ้ารักเมืองไทย ถ้าเกิดมาเป็นคนไทย เราต้องช่วยกัน อย่าเห็นแค่เพียง เงินทองแค่เล็กน้อย แต่ทำให้ภาพพจน์ ภาพลักษณ์ของประเทศไทยต้องเสียไป


อีกธุรกิจหนึ่งที่ทำลายภาพพจน์ของไทยเราเช่นกัน ก็คือ แหล่งขายบริการทางเพศที่มีมากขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน รวมกับการถ่ายภาพ และ วีดีโอเกี่ยวกับภาพลามก อนาจาร ผ่านทางสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วีซีดี ดีวีดี อินเตอร์เน็ต ฯลฯ


เมื่อสื่อเหล่านี้เผยแพร่ออกไป ทำให้ภาพพจน์ของคนไทยเสียไป ชาวต่างประเทศมักคิดว่า


เมืองไทยมีโสเภณีเด็ก ทั้งชายและหญิง รวมถึงความต้องการมาเมืองไทยเพื่อใช้บริการทางเพศแบบต่างๆ


ดังนั้น การจะรักษาภาพลักษณ์ของเมืองไทย เพื่อให้พ้นจากการเป็นเมือง เซ็กส์ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น รัฐบาลต้องออกกฎหมายควบคุม ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง


ธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องเลิกกิจการ และที่สำคัญคือประชาชนทุกคนต้องคอยสอดส่องดูแล

...
  
รู้จักตนเอง...เพื่ออนาคตการทำงานของตนเอง
รู้จักตนเอง...เพื่ออนาคตการทำงานของตนเอง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษา ควรทำการรู้จัก วิเคราะห์ตนเอง ว่าตนเองเป็นคนอย่างไร ชอบอะไร เพราะถ้าหากเรารู้จักตนเองดี ก็จะทำให้เราสามารถเลือกประกอบอาชีพที่ตนเอง มีความชอบ มีความถนัด มีความชำนาญได้ แต่ถ้าหากใครยังไม่รู้จักตนเอง ท่านสามารถวิเคราะห์ตัวท่านเองดังนี้
1.ท่านทำอะไรแล้วมีความรู้สึกว่าดี ทั้งทางด้านอารมณ์ จิตใจ ความชอบ ความสนุกกับสิ่งๆนั้น
2.ท่านเรียนรู้สิ่งใดได้อย่างรวดเร็ว เช่น บางคนเป็นนักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เขาจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว จากการลองผิดลองถูก การศึกษาด้วยตนเอง การอ่านหนังสือ โดยที่ไม่ต้องมีใครมาบังคับให้ทำ
3.ท่านอยากทำสิ่งใดมากที่สุด หลายท่านชอบเล่นกีฬา หลายท่านชอบพูดและอยากเป็นวิทยากร จงค้นหาว่าตนเองอยากที่จะทำอะไรมากที่สุด
4.อะไรที่ท่านทำแล้วได้ผลลัพธ์ออกมาดีและสม่ำเสมอ เช่น หลายคนชอบร้องเพลง แล้วออกมาดี จนมีคนฟังชื่นชอบ หากว่าท่านได้พัฒนาสิ่งนั้นต่อไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ท่านได้เปรียบมากกว่าคนที่ร้องเพลงไม่เป็น อีกทั้งในอนาคตท่านสามารถเป็นนักร้องได้อีกต่างหาก ซึ่งยุคสมัยนี้ นักร้องไม่จำเป็นต้องหล่อและสวยเหมือนในอดีต นักร้องหลายๆคนในต่างประเทศ ไม่หล่อไม่สวยแต่เป็นนักร้องได้ดีมีชื่อเสียง เงินทองอีกต่างหาก
ทั้งนี้กระผมอยากให้ท่านทำการบ้าน โดยการนั่งเขียน นั่งวิเคราะห์ ว่าท่านเป็นคนอย่างไร โดยคำนึงถึงทั้ง 4 ปัจจัย ข้างต้นนี้ เช่น เมื่อท่านถ่ายรูปแล้วมีความรู้สึกที่ดี ท่านรักที่จะเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆในการถ่ายรูป ท่านอยากที่จะทำมันตลอดเวลา และ ผลลัพธ์จากการถ่ายรูปของท่านออกมาสวย เยี่ยมยอดอีกทั้งมีผู้คนขอซื้อภาพถ่ายต่างๆของท่าน ท่านก็สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นนักถ่ายรูปอันดับต้นๆของเมืองไทยได้หรือเป็นวิทยากรฝึกอบรมทางด้านการถ่ายรูปหรือเป็นเจ้าของร้านขายกล้องถ่ายรูป ร้านอัดภาพ ได้ในอนาคต
จงเลือกอาชีพ เพราะท่านมีใจรัก มากกว่าเลือกอาชีพ เพราะเงินหรือเลือกอาชีพเนื่องมาจากปัจจัยอื่นๆ
...
  
กลยุทธ์สร้างความสนใจในการหาเสียงเลือกตั้ง
กลยุทธ์สร้างความสนใจในการหาเสียงเลือกตั้ง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ในการหาเสียงเลือกตั้ง หากว่าผู้สมัครคนใดใช้วิธีการหาเสียงเหมือนๆกับผู้สมัครคนอื่นๆ ย่อมจะไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนเท่าที่ควร แต่หากว่าผู้สมัครท่านใดที่ใช้วิธีหาเสียงที่แตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆ ผู้สมัครคนนั้นย่อมได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่เลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ผู้สมัครก็ควรที่จะศึกษา หาความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งไว้ด้วย เนื่องจากการกระทำบางอย่างอาจจะเป็นการผิดกฎหมาย หรือ การกระทำบางอย่างอาจใช้ได้ในสมัยหนึ่ง แต่พอช่วงเวลาผ่านไปกฎหมายก็ห้ามไม่ให้ทำ เช่น การฉายภาพยนตร์ ในอดีตได้รับความนิยมมาก แต่พอมาตอนหลังๆ กฎหมายห้ามไม่ให้มีการฉายภาพยนตร์ อีกทั้งในยุคปัจจุบัน การฉายภาพยนตร์ก็ไม่ได้เป็นที่นิยมอีกต่อไป เนื่องจากสภาพสังคมและเทคโนโลยี่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับกลยุทธ์สร้างความสนใจในการหาเสียงเลือกตั้งมีดังนี้
1.กลอนหาเสียง การใช้กลอนที่สนุกๆ และมีความแปลกใหม่มักจะทำให้เป็นที่สนใจของประชาชนในการเลือกตั้ง อีกทั้งในยุคปัจจุบันมีเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย ผู้สมัครสามารถบันทึกเสียงแล้วใช้รถโฆษณาไปทั่วพื้นที่ เช่น
อยากได้นายกอบต. ที่พึ่งได้ ต้องเลือกเบอร์หนึ่ง
อยากได้นายกอบต. ที่ใจซื่อมือสะอาด ต้องเลือกเบอร์หนึ่ง
อยากได้นายกอบต. ที่กล้าพูด ต้องเลือกเบอร์หนึ่ง
อยากได้นายกอบต. ที่บริหารงานดี ต้องเลือกเบอร์หนึ่ง
อยากได้นายกอบต. ที่เก่ง ต้องเลือกเบอร์หนึ่ง
2.ลูกโป่งหาเสียง การใช้สื่อในการหาเสียงโดยมากมักจะทำเหมือนๆกัน เช่น ป้ายโฆษณา ป้ายผ้า โปสเตอร์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ แต่มีสมัยหนึ่ง ผู้สมัครคนหนึ่งได้ใช้ลูกโป่งในการหาเสียง โดยนำลูกโป้งไปแจกตามโรงเรียนให้แก่เด็กๆ แจกตามวัด อีกทั้งยังจัดให้มีการแข่งขัน เป่าลูกโป่งให้แตก อีกด้วย เพราะการใช้สื่อใหม่ๆ สื่อที่แปลกๆ จะทำให้เกิดกระแส มีการพูดคุยกันไปทั่วพื้นที่
3. ฝาเข่งหาเสียง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นับว่าเป็นนักการเมืองคนหนึ่งที่สามารถสร้างความสนใจในการหาเสียงเลือกตั้งโดยเฉพาะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพในอดีต ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ด้วยภาพพจน์ของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน อีกทั้งมีการสวมเสื้อม่อฮ่อมเป็นประจำ จึงทำให้มีภาพลักษณ์ในการหาเสียงในลักษณะสมถะ การใช้ฝาเข่งหาเสียงจึงได้ผลและประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง
4.การใช้คำในการหาเสียง คำพูด ภาษา ถ้อยคำ มีผลอย่างมากต่อการสื่อสารให้กับประชาชนในพื้นที่ หากท่านใช้คำหรือถ้อยคำที่ถูกใจหรือเข้าไปอยู่ในหัวใจของประชาชน ท่านก็จะได้คะแนนเสียงอย่างท่วมท้น เช่น คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เป็นนักการเมืองท่านหนึ่งที่มีความสามารถในการสื่อสารจึงทำให้ได้รับคะแนนเสียงอย่างมากมาย จากภาพลักษณ์ในการหาเสียงที่ดุดัน แต่มีความขำขันและฮาในขณะเดียวกัน เมื่อดูจากป้ายการโฆษณาหาเสียง ยิ่งทำให้ผู้พบเห็นโดนใจ จากคำที่สื่อและภาพหน้าตาที่ดุดัน ดังตัวอย่าง
- ผมเป็นสุนัขเฝ้าประเทศ เมื่อคุณโกงผมจะเห่า เมื่อคุณกินผมจะกัด
- จอดกรุงเทพฯด้วย “ ผมจะลง” ให้ชูวิทย์ เปลี่ยนกรุงเทพฯสักครั้ง
- ไม่มีทางเลือก ไม่มีทางออก ไม่มีความสุข ไม่มีความจริง นี่คือการเมืองไทย
- คนอย่างคุณ ไร้สัจจะ ไม่ชัดเจน ชาติไม่ต้องการ
5.สร้างพฤติกรรมแปลกๆในการหาเสียง ในฤดูการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะนักการเมืองที่หาเสียงเลือกตั้งในระดับประเทศ มักสร้างพฤติกรรมแปลกๆ เพื่อที่จะได้เป็นข่าว ฉะนั้นหากท่านเป็นคนหนึ่งที่อยากจะเป็นที่สนใจของสื่อและประชาชน การสร้างพฤติกรรมแปลกๆในช่วงหาเสียงจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น หากท่านต้องการตกเป็นข่าว เพราะในการหาเสียงหากท่านมีพฤติกรรมเหมือนๆกับนักการเมืองคนอื่นๆ สื่อและประชาชนก็จะไม่สนใจ สำหรับพฤติกรรมแปลกของนักการเมืองในตอนหาเสียง มีดังนี้ ท่องดงเกย์ , มีการสวมเสื้อวินมอเตอร์ไซค์ มีการสวมชุดนักเรียนในการหาเสียง , การอุ้มหมีแพนด้าขึ้นป้ายหาเสียง เป็นต้น
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเพียงแค่เล็กน้อยในการสร้างความสนใจในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งการหาเสียงเลือกตั้งนั้น หากว่าท่านสามารถใช้วิธีการใหม่ๆ แปลกๆ และไม่ซ้ำแบบใคร มักจะเป็นที่สนใจของสื่อและประชาชน สำหรับวิธีการหาเสียงในสมัยหนึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป วิธีการหาเสียงในรูปแบบนั้นก็อาจจะล้าสมัยไป ฉะนั้น ท่านจะต้องคิดรูปแบบที่ แปลกๆใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา จึงจะนับได้ว่าท่านประสบความสำเร็จในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง แต่สิ่งที่ควรระวัง คือท่านต้องมีการศึกษากฎหมายเลือกตั้งด้วย ว่ากฎหมายเปิดช่องให้ทำได้หรือไม่ เพียงใด
...
  
นักขายต้องมีเป้าหมายและมีความฝัน
นักขายต้องมีเป้าหมายและมีความฝัน
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน
www.drsuthichai.com
ถ้าเรามีโอกาสไปศึกษาหรืออ่านประวัตินักขายที่สำคัญๆ ในระดับประเทศหรือในระดับโลก เราจะพบว่า นักขายเหล่านั้นมีคุณสมบัติหลายอย่าง แต่นักขายที่ประสบความสำเร็จทุกๆคนมีเหมือนกันก็คือ เรื่องของการตั้งเป้าหมายหรือทุกคนมีความฝัน
ความฝันหรือเป้าหมายคือพลัง ถ้านักขายคนหนึ่งขาดซึ่งเป้าหมายหรือความฝัน พวกเขาเหล่านั้นจะไม่มีพลังและจะไม่มีความหวัง
ดังนั้น ถ้าใครต้องการประสบสำเร็จในชีวิตการขาย ก็จะต้องมีเป้าหมายและความฝัน
การเดินเรือจะต้องมีเข็มทิศ การดำเนินชีวิตจะต้องมีเป้าหมายหรือความฝัน
ท่านจะต้องเป้าหมายในการขายเป็นรายปี รายเดือน รายสัปดาห์หรือรายวัน
ท่านจะต้องมีความฝันว่าท่านจะซื้อบ้านใหม่ รถใหม่ มีความฝันว่าจะพาคุณพ่อคุณแม่หรือครอบครัวท่องเที่ยว หรือฝันถึงความสะดวกสบาย หรือแม้กระทั่งฝันว่าตนเองจะต้องมีอิสรภาพทางการเงิน
การสร้างความฝันที่ดีควรทำให้เห็นภาพ ดังนั้นจงเขียนเป้าหมายเป็นตัวเลขไว้ในสมุดวางแผนงาน จงตัดภาพรถใหม่ บ้านใหม่ ภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่ตนเองอยากไปลงในสมุดวางแผนงานแล้วดูมันบ่อยๆ ทบทวนมันบ่อยๆ
ที่สำคัญ ถ้าคุณมีความฝัน มีเป้าหมายจงสนุกกับมัน อย่าขายไปด้วยความเครียด เพราะถ้าท่านทำงานขายด้วยความเครียด คุณจะรู้สึกกดดันตนเอง คุณจงไปพบลูกค้า หรือพบผู้มุ่งหวัง จงทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด จงออกไปเลย ไปคุยลูกค้าเลย ได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่ปัญหาสำคัญ คุณอย่าไปสนใจ หน้าที่คุณคือ ไปขาย ไปสร้างเครือข่าย(สำหรับงานขาย MLM) ได้หรือไม่ได้ ไม่เป็นไร คุณไปให้ประโยชน์แก่ลูกค้า คุณไปสร้างเครือข่ายไว้ก่อน สร้างไว้ สร้างไว้ แล้วเมื่อถึงเวลาที่มันสุกงอมมันมาเองมันได้เอง ทำไมคุณไม่คิดแบบนี้
สุดท้ายนี้ขอฝากบทกลอนของคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ไว้เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ทุกคน
มีเม็ดทรายนับไม่ถ้วนจำนวนทราย คนทั้งหลายนับไม่ถ้วนในคุณค่า
เม็ดทรายแกร่งก็เพราะผ่านกาลเวลา คนจะกล้าก็เพราะผ่านการอดทน
ถ้ามือเราแบวางอยู่อย่างนี้ โลกจะหยุดอยู่กับที่ทุกแห่งหน
แต่ถ้ามือกำหมัดในบัดดล โลกจะหมุนเริ่มต้นตามมือเรา
...
  
จริยธรรมของไทย
จริยธรรมของคนในสังคมไทย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


จริยธรรม เป็นหนึ่งในวิชาหลักของ วิชา ปรัชญา ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับความดีงามทางสังคมมนุษย์ จำแนกแยกแยะว่าสิ่งไหนถูกและสิ่งไหนผิด หากจะอธิบายอย่างง่ายๆ แล้ว จริยธรรม หมายถึง การแยกสิ่งถูกจากผิด ดีจากเลว


ความหมายตามพจนานุกรมในภาษาไทย จริยธรรม หมายถึง ธรรมที่เป็นข้อประพฤติ


ศิลธรรมอันดี


แต่โดยส่วนตัวกระผมขอจำกัดความคำว่า จริยธรรม ว่า การทำความดี


ถ้าพูดถึงคนทุกอาชีพในสังคมไทยเรา ย่อมจะต้องมีจริยธรรมอยู่ เช่น นักการเมือง ก็ต้องมีจริยธรรมของนักการเมือง , หมอ ก็ต้องมีจริยธรรมของหมอ , ครู อาจารย์ ก็ต้องมีจริยธรรมของ ครู อาจารย์ , สื่อมวลชน ก็คงต้องมีจริยธรรมของความเป็นสื่อมวลชน ฯลฯ


แต่ในยุคปัจจุบัน ความเจริญก้าวหน้าทางด้านวัตถุนิยม เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้ความดีงาม หรือ จริยธรรมของคนเรา กลับไม่เจริญก้าวหน้าตาม ซ้ำร้ายกลับ ลดน้อย ถอยลง


สังคมไทยในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันสูง จนทำให้เกิดการเอาเปรียบซึ่งกันและกัน การเอาเปรียบกันในสังคมจึงมีทุกระดับ ตั้งแต่ขอทานไปจนถึงนายกรัฐมนตรี


ระบบอุปถัมภ์นำเราไปสู่การขาดจริยธรรม การเล่นพรรค เล่นพวก การไม่แยกระหว่างเพื่อน ญาติ และหน้าที่ การช่วยคนกระทำผิดให้พ้นผิด ถ้าคนคนนั้นคือ พรรคพวกเดียวกัน แต่ถ้าคนละพวก ก็ไม่ให้การช่วยเหลือ ทำให้ขาดการเสมอภาคในสังคมไทย


ดังนั้น ถ้าเราเรียกหา จริยธรรมของคนในสังคมไทย เราคงต้องแก้ไขทั้งระบบของสังคม ไม่ว่าเราจะประกอบอาชีพอะไร? ต้องมีจริยธรรมอยู่ในตัวเราเสมอ เช่น


สื่อมวลชนซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นฐานันดรที่ 4 เคยพิจารณาตัวเองบ้างไหม ว่าวางตัวเป็นกลางหรือไม่


เสนอข่าวตรงไปตรงมาหรือเปล่า ไม่ทำตามคำสั่งใคร รับใช้นายทุนมากเกินไปหรือไม่


พ่อค้า แม่ค้า ไม่คิดเอาเปรียบลูกค้า โดยเอาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพมาขาย ไม่ผสมสิ่งแปลกปลอม ซึ่งเป็นอันตรายให้ผู้บริโภคทาน


ครู อาจารย์ เป็นอีกอาชีพหนึ่ง ที่เป็นตัวอย่างให้กับสังคม รวมทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษา และตามหลักวิชาชีพ ครู อาจารย์ ต้องเสียสละ แต่ปัจจุบันเห็นข่าวคราวเรื่อง การขาดจริยธรรมของ ครู อาจารย์ เกิดขึ้นบ่อย ตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และสื่อต่างๆ


ข้าราชการตั้งแต่ระดับเล็กไประดับใหญ่ ตามหน้าที่คือต้องรับใช้ประชาชน ให้บริการแก่ประชาชน


ทุกระดับ ทุกเรื่อง แต่ปัจจุบันลองไปดู การบริการบางแห่งมีการลัดคิว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พรรคพวกและคนมีเงิน และมีการทุจริตในหน้าที่ในหน่วยงานรัฐบางแห่งโดยเฉพาะหน่วยงานที่ดูแลผลประโยชน์มาก


พระสงฆ์ ความจริงตามหลักต้องมีจริยธรรม เหนือประชาชนทั่วไป แต่พระสงฆ์ บางรูป มีพฤติกรรม ที่ขาดจริยธรรม ยิ่งกว่าคนโดยทั่วไปเสียอีก เราจะเห็นได้ตามสื่อต่างๆ จน ทำให้คนบางส่วนของสังคมไทย ขาดความนับถือใน ศาสนาไปเลยก็มี ไม่ว่าการมีเพศสัมพันธ์กับสีกาหรือผู้หญิง ทั้งๆที่เป็นข้อห้ามทางศาสนา


การสะสมวัตถุ เงินทอง ต่างๆ ของ พระสงฆ์ ซึ่ง ตามหลักศาสนาให้ ลด ละ สิ่งต่างๆ เหล่านี้


ดังนั้น เราคงต้องมาช่วยกัน ดูแล ควบคุม จริยธรรมของคนในสังคมไทย ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ยาก แต่อย่างน้อย การประกอบอาชีพใด ก็ควรมีจริยธรรมในอาชีพนั้น

...
  
ประสบความสำเร็จในการทำงานด้วยหลัก 5 ถึง
ประสบความสำเร็จในการทำงานด้วยหลัก 5 ถึง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในการทำงานเราสามารถที่จะสร้างทรัพย์สิน สร้างองค์กรให้ยิ่งใหญ่ได้ ก็ด้วยหลักการ 5 ถึง ซึ่งหลักการ 5 ถึง มีดังนี้
1.เงินทุนถึง การที่จะประกอบธุรกิจต่างๆ เราจำเป็นจะต้องมีเงินทุน หากมีเงินทุนมากเราก็ย่อมมีโอกาสในการขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว เพราะการมีเงินทุนมาก เราสามารถใช้เงินทุนสำหรับการจ้างงาน , การสร้างสำนักงาน , การลงทุนซื้อที่ดิน ซื้อโรงงาน ซื้อเครื่องจักรต่างๆ เป็นต้น
2.ฝีมือถึง คือ การที่จะประกอบธุรกิจอาชีพการทำงานต่างๆ จำเป็นจะต้องเป็นมืออาชีพในการบริหารงาน มีความสามารถในการนำทีม มีความสามารถในการตัดสินใจ แก้ไขปัญหาต่างๆ
3.หัวใจถึง คือ มีความมั่นใจในตนเอง มีความกล้าที่จะทำสิ่งใหม่ๆ เมื่อปัญหา มีอุปสรรคมากๆ ก็สามารถนิ่งได้ ไม่วิตกกังวลจนเสียสุขภาพจิต
4.ทีมงานถึง คือ การทำงานใหญ่ได้ ท่านไม่สามารถทำคนเดียวได้ หากใครได้ดูภาพยนตร์เรื่อง สามก๊ก ก็จะเข้าใจ ในภาพยนตร์เชิงประวัติศาสตร์ของจีนเรื่อง สามก๊ก สื่อให้เราทราบว่า คนคือทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด ก๊กใดมีทีมงานที่เก่ง ก๊กนั้นก็จะสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ได้
5.วาสนาถึง คือ แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญวาสนาแข่งกันยาก บางคนบอกว่า “ เก่งไม่กลัวกลัวเฮง” เรื่องของดวง เรื่องของบุญวาสนา บางคนอาจจะไม่เชื่อ แต่หลายๆคนอาจเชื่อ
ฉะนั้น หากท่านต้องการประสบความสำเร็จ หลักข้อ 5 เกี่ยวกับเรื่องวาสนา เป็นเรื่องของนามธรรม เมื่อเทียบกับหลักการ 4 ข้อแรก ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปธรรมมากกว่า หากท่านเชื่อเรื่องของบุญวาสนา ท่านก็ไม่ควรละเลยการเติมบุญสำหรับวิธีการเติมบุญทางพุทธศาสนาท่านสามารถทำได้ เช่น การฟังธรรม การทำบุญตักบาตร การไปเวียนเทียน การบริจาค การให้อภัยซึ่งกันและกัน การทอดกฐิน การทอดผ้าป้า เป็นต้น
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  [100]  [101]  [102]  [103]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.