หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
วิธีทำตนให้คนเกลียดในที่ทำงาน
วิธีทำตนให้คนเกลียดในที่ทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การทำงานภายในองค์กรเรามักจะต้องมีความสัมพันธ์กับบุคคลหลายๆฝ่าย ซึ่งเราสามารถแยกได้ดังนี้
1.เจ้านาย นายจ้าง ผู้บริหาร
2.บุคคลที่เสมอกัน หรือ เพื่อนร่วมงาน
3.ลูกน้อง ลูกจ้าง
หากเราสังเกตเพื่อนร่วมงานหรือคนที่ทำงานในองค์กร บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน มักจะเป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่ภายในองค์กรมากกว่าบุคคลที่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งบุคคลที่ไม่ประสบความสำเร็จมักมีพฤติกรรมที่ทำให้คนเกลียดดังนี้
- การไม่ให้ความร่วมมือ บุคคลที่เป็นที่รังเกลียด มักเป็นบุคคลที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับคนภายในองค์กรหรือไม่ยอมทำตามนโยบายของบริษัท เช่น เขารณรงค์ให้ประหยัดไฟฟ้า น้ำประปา กลับไม่ช่วยองค์กรประหยัด , องค์กรขอความร่วมมือให้ใส่เสื้อสีเขียวทุกวันศุกร์ก็ไม่ยอมปฏิบัติตาม เป็นต้น
- คิดในแง่ลบ อยู่เสมอ บุคคลที่ทำงานแล้วคนเกลียดมักเป็นบุคคลที่มองโลกในแง่ลบ มักคิดกับผู้อื่นในแง่ร้าย ชอบนินทาว่าร้ายบุคคลอื่นๆ เขาจึงเป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีเพื่อนที่สนิทมากนัก
- ไม่รับผิดชอบงาน รับปากใครแล้วไม่ปฏิบัติตาม บุคคลที่ไม่มีความรับผิดชอบในการทำงาน มักทำงานไม่ทัน สาเหตุก็เนื่องมาจากการปล่อยงานค้างไว้เป็นจำนวนมากๆ อีกทั้งรับปากใครแล้วไม่ยอมปฏิบัติคำพูดตามคำสัญญา
- ขาดความกระตือรือร้น ในการทำงาน เฉื่อยชา ทำงานช้า ไม่ทันใจ อีกทั้งมีนิสัยดื้อดึง ใครพูดใครสอนอะไร มักไม่ยอมเชื่อ ไม่ยอมรับผิดเมื่อตัวเองทำงานผิดพลาด
- ไม่มีความสุภาพ อ่อนโยน แข็งกระด้าง พูดจาก้าวร้าว คนที่มีนิสัยดังกล่าว มักจะไม่มีใครอยากเข้าใกล้
- ไม่รักองค์กรที่ตนเองทำงาน บุคคลเหล่านี้มักโจมตีหน่วยงานที่ตนเองทำงานอยู่เป็นประจำ จึงเป็นที่น่ารังเกลียดของเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง
ฉะนั้น หากว่าท่านมีพฤติกรรมดังกล่าวตามข้อความข้างต้นนี้ ขอให้ท่านจงลองที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อให้เป็นที่รักของคนในองค์กร
...
  
การจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " การจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน" ให้แก่หัวหน้างานยุคใหม่ของ 4 บริษัท คือ บริษัท เทรด คอลเลคชั่น จำกัด บริษัท เออาร์ แอนด์ เอ็น แอสโซซิเอสท์ จำกัด บริษัท ดิจิตอล สเกล และ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เอ คอมมิวนิเคชั่น ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด ณ บรุคไซด์ วัลเล่ย์ รีสอร์ท จังหวัดระยอง ...
  
หลักบริหารเวลาของไอวี่ ลี(Lvy Lee)
หลักบริหารเวลาของไอวี่ ลี(Lvy Lee)
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
เรื่องมีอยู่ว่า ประธานบริษัทเหล็กเบธเลเฮม ชื่อ ชาร์ลส์ ชว้าบ(Charles Schwab) ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กให้ได้มากที่สุด จึงได้ประกาศว่าใครที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กให้ได้มากที่สุด เขาจะมีเงินรางวัลเป็นการตอบแทน
หลังจากนั้นไม่นาน ชาร์ลส์ ชว้าบ(Charles Schwab) ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากไอวี่ ลี(Lvy Lee) โดยไอวี่ ลี ให้ความสำคัญกับเรื่องของการบริหารเวลา โดยแนะนำ ชาร์ลส์ ชว้าบ ดังนี้
1.ให้หากระดาษมาแผ่นหนึ่ง
2.ให้เขียนงานที่จะต้องทำทั้งหมดในวันพรุ่งนี้ลงไป
3.ให้จัดลำดับความสำคัญว่างานไหนมีความสำคัญโดยจัดเรียงตามลำดับความสำคัญมากไปหาน้อย เช่น สำคัญมากให้เขียน A , รองลงมา B , C , D ตามลำดับ
4.เมื่อตื่นขึ้นมา ให้เริ่มต้นทำงานตามแผนงานที่วางไว้ โดยทำงานที่มีความสำคัญตามลำดับ
5.เมื่อทำงานนั้นๆ เสร็จแล้วให้ขีดฆ่า ส่วนงานที่ยังไม่สามารถทำได้ ก็ให้เขียนลงในกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง ซึ่งใช้สำหรับวางแผนทำงานในวันพรุ่งนี้
6.เมื่อมีเวลาเหลือ ก็ให้รีบทำงานที่มีลำดับความสำคัญ รองๆ ลงมาต่อๆไป
ปรากฏว่า ชาร์ลส์ ชว้าบ(Charles Schwab) ได้นำหลักการนี้ไปใช้ จนทำให้ บริษัทเหล็กเบธเลเฮม เป็นบริษัทเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในเวลาต่อมา หลังจากนั้น ชาร์ลส์ ชว้าบ(Charles Schwab) ได้ให้เงินรางวัลกับ ไอวี่ ลี(Lvy Lee) เป็นจำนวนถึง 25,000 ดอลลาร์ หรือถ้าเป็นเงินไทยก็หลายแสนบาทเลยทีเดียว
ท่านผู้อ่านครับ ขนาดประธานบริษัทเหล็กเบธเลเฮม ชาร์ลส์ ชว้าบ(Charles Schwab) ยังเชื่อและยอมรับหลักการบริหารเวลาของไอวี่ ลี(Lvy Lee) และยังนำไปปฏิบัติกับตัวเองและพนักงานของบริษัท แล้วได้ผล กระผมเชื่อว่า หากว่าเราได้นำหลักการบริหารเวลาของไอวี่ ลี(Lvy Lee) ไปใช้ เราก็สามารถบริหารเวลา บริหางานของเรา ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
...
  
จงสร้างผลลัพธ์ในตัวคุณให้สูงสุด
จงสร้างผลลัพธ์ในตัวคุณให้สูงสุด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เคยมีคนตั้งคำถามกับผมว่า ทำไมคนที่ประสบความสำเร็จ เขาถึงประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป อะไรที่ทำให้เกิดความแตกต่างกัน เวลาหรือ? เปล่าเลยครับ เวลาของเขากับพวกเราก็คงไม่ได้แตกต่างกันคือมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน
แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างกันก็คือวิธีคิดนั้นเอง คนที่ประสบความสำเร็จมักมีความคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไป เขาเรียนรู้และพัฒนามันตลอดเวลา เขาจะหาเทคนิค แล้วมีการวางแผน อีกทั้งมีวินัยในการปฏิบัติตามแผนอย่างจริงจัง ซึ่งในบทความนี้ เราสามารถเรียนรู้เทคนิคต่างๆได้ดังนี้
1.เขาจะลงมือทำกิจกรรมที่มีค่าสูงสุด(20%) แต่ให้ผลลัพธ์(80%) อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง หลักของพาเรโต คิดโดย วิลเฟรโด พาเรโต ซึ่งเขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาเลียน เขากล่าวว่าสิ่งที่สำคัญมีเพียงแค่ 20 % สำหรับสิ่งที่ไม่สำคัญจะมี 80% ของทั้งหมด เช่น ยอดขายของสินค้าทั้งหมดมักเกิดจากลูกค้ารายใหญ่ไม่เกิน 20 % แต่สั่งซื้อสินค้ามากกว่า 80 % แต่ในทางกลับกันลูกค้ารายเล็กๆ รวมกัน 80% แต่มียอดสั่งซื้อแค่ 20% ดังนั้น คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะค้นหา เขาจะวิเคราะห์ว่า กิจกรรมต่างๆในแต่ละวัน เดือน ปี จะมีกิจกรรมไม่เกิน 20% แต่จะให้ผลลัพธ์ 80% เขาจะเขียนมันขึ้นมาแล้ว ลงมือทำกิจกรรมที่มีค่าสูงสุดโดยการทำอย่างต่อเนื่อง เช่น เรื่องงาน เรื่องการตรวจสุขภาพ การออกกำลังกาย การฝึกอบรม การอ่านหนังสือ การเขียนหนังสือ เรื่องการวางแผนทางการเงิน เป็นต้น
2.เขาจะเรียนรู้พลังของการบริหารเวลา เขาจะมีการลำดับความสำคัญของงานต่างๆ มีการวางแผนทุกๆวัน ทุกๆสัปดาห์ ทุกๆเดือน โดยมีการแยกแยะงานออกเป็น งานสำคัญ งานไม่สำคัญ งานเร่งด่วน งานไม่เร่งด่วน แล้วมีวินัยในการปฏิบัติงานตามแผนการที่ได้วางไว้
3.เขาจะมีเป้าหมายในการทำงาน มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป้าหมายในเรื่องสุขภาพ เป้าหมายทางด้านการเงิน เป้าหมายทางด้านครอบครัว การตั้งเป้าหมายจึงทำให้เขามีทิศทางในการดำเนินชีวิต ดังนั้นหากท่านยังไม่มีเป้าหมาย ท่านควรตั้งเป้าหมายแล้วจงเดินทางไปสู่เป้าหมายของท่านแล้วที่จะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
4.เขาจะมีพลังแห่งความรัก เขาจะรักในสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าเรื่องของการทำงาน เขาจะเลือกงานที่เขาชอบ ไม่ใช่เลือกทำงานหรือประกอบอาชีพเพราะเงิน เพราะเป็นไปตามกระแส เมื่อเขารักงานที่เขาทำ เขาจึงทำงานได้เป็นเวลานาน มีความสนุกสนานกับการทำงาน ไม่เกิดความเบื่อหน่าย แต่จะเกิดความกระตือรือร้นตลอดเวลาในการทำงาน ดังนั้น ท่านจงหางานที่ท่านรักทำแล้วท่านจะมีความสุขในการทำงาน
5.เขาจะมีความสามารถในการทำงานเป็นทีม หากว่าท่านทำงานคนเดียว ความสำเร็จที่ท่านได้รับก็จะมีเพียงเล็กน้อย แต่หากว่าท่านมีทีมงาน ความสำเร็จที่ท่านจะได้รับย่อมจะใหญ่โตกว่า เช่น การทำธุรกิจเครือข่าย ท่านจะเห็นได้ชัดว่า ทุกคนในทีมงานมักจะช่วยเหลือกัน เป็นต้น
6.เขาจะเน้นจุดแข็ง ไม่ใช่เน้นจุดอ่อน เขาจะทำอะไรที่ตนเองมีความถนัด ส่วนที่เขาไม่ถนัด เขาก็จะไม่ทำ ไม่ลงทุน เพราะการทำงานที่ตนเองมีความถนัด จะทำให้งานเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล มากขึ้น
ดังนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการสร้างผลลัพธ์ในตัวของท่านให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด ข้อความข้างต้นถ้าหากท่านนำไปใช้ ท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้
...
  
การบริการที่เป็นเลิศเชิงพฤติกรรม
การบริการที่เป็นเลิศเชิงพฤติกรรม
วันที่ 9-10 พฤษภาคม 2556 บรรยายหัวข้อ " การบริการที่เป็นเลิศเชิงพฤติกรรม" ให้แก่ สำนักโรคติดต่อทั่วไป กระทรวงสาธารณสุข ณ โรงแรมเดอะริช จังหวัดนนทบุรี ...
  
กฏของพาร์กินสันในการบริหารเวลา
กฏของพาร์กินสันในการบริหารเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ศาสตราจารย์ซีริล นอร์ทโคท พาร์กินสัน หรือ Prof.Cyril Northcote Parkinson เป็นนักประพันธ์ นักประวัติศาสตร์ ทหารเรือ ได้เขียนหนังสือที่โด่งดังขึ้นมาเล่มหนึ่ง คือ กฏของพาร์กินสัน(Parkinson’s) ซึ่งมีกฏทั้งหมด 10 ข้อ แต่มีอยู่ข้อหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการบริหารเวลา พาร์กินสันได้กล่าวว่า
Work expands so as to fill the time available for its completion.
(งานจะขยายเวลาออกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบกำหนดงานเสร็จ)
ปัจจุบันผมเป็นอาจารย์ประจำอยู่ในมหาวิทยาลัย ผมมักจะสั่งงานหรือมอบหมายงาน ให้นิสิต นักศึกษา ทำรายงาน โดยให้เวลาทำ 1 เดือน สมมุติกำหนดส่งในวันที่ 15 สิงหาคม 2550 จากการสังเกต นิสิต นักศึกษา ปรากฏว่า ไม่มีนิสิต นักศึกษา คนใดสนใจทำตั้งแต่วันแรก แต่ส่วนใหญ่มักจะรีบทำหรือเริ่มทำ รายงาน ตอนใกล้จะถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2550 หลายคนมาบ่นกับผมว่า เรียนหนัก รายงานวิชาอื่นๆ ก็มีมาก ซึ่งผมก็เห็นใจ จึงเลื่อนการส่งรายงานวิชาของกระผมออกไปอีก 1 เดือน คือให้ส่งในวันที่ 15 กันยายน 2550 ผลที่ได้รับ แทนที่ นิสิต นักศึกษา จะรีบทำรายงานในวิชาของกระผม กลับกลายไปทำรายงานวิชาอื่นๆ ก่อนหรือทำงานอื่นๆ บางคนแทนที่จะใช้เวลาในการอ่านหนังสือ ทำรายงาน กลับใช้เวลาไปเที่ยวเตร่เฮฮา กินเหล้า ดูหนัง เดินห้าง แบบสำราญใจ จนใกล้ถึงวันที่ 15 กันยายน 2550 นิสิต นักศึกษา ก็เริ่มเร่งทำรายงานวิชาของกระผม โดยทำแบบลวกๆ ทำแบบไม่ให้ความสำคัญ
นับตั้งแต่นั้น ผมจึงได้เรียนรู้ว่า ผมจะไม่ขยายเวลาในการส่งรายงานของนิสิต นักศึกษาออกไป เพราะถ้าผมขยายเวลาออกไป นิสิต นักศึกษา ก็จะไม่รีบร้อนทำรายงานของกระผม
ในการทำงานหรือการทำกิจกรรมของคนเราส่วนใหญ่ เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำงานชิ้นหนึ่ง โดยมีกำหนดส่งงานอีก 3 เดือนข้างหน้า แทนที่พวกเราส่วนใหญ่จะรีบทำงานให้เสร็จภายในเวลา 2 เดือน แต่คนส่วนใหญ่ มักจะทำงานอื่นๆก่อน ด้วยความใจเย็น แต่จะรีบทำงานงานชิ้นนี้ในวันสุดท้ายเสมอ
ฉะนั้น หากว่าเราได้รับมอบหมายงานให้ส่งรายงานหรือส่งงาน ภายใน 5 วัน เราควรกำหนดเวลาส่งงานของเราให้เร็วขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นตัวเองให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการทำงานเสร็จก่อนกำหนด จะทำให้เราสามารถตรวจสอบ ตรวจทาน ความถูกต้องงานของเราได้อีกด้วย
ตรงกันข้ามหากว่าเราไม่มีการกำหนดเวลาส่งให้เร็วขึ้น เราก็จะปล่อยปะละเลย ทำงานแบบสบายๆ ไม่มีแรงกดดัน เมื่อครบกำหนดส่งงาน เราจะทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว
ดังนั้น จงกำหนดเวลาทำงานใหม่ ก่อนที่จะครบกำหนดการส่งงานจริงๆ สัก 1-2 วัน แล้วมีวินัยในการทำงานตามที่เรากำหนด เพราะถ้าไม่มีวินัย เราก็จะยืดหยุ่น หาเรื่องแก้ตัว และในที่สุด การบริหารเวลาของคุณก็จะไม่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพอย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้


...
  
ปัญหาสิ่งแวดล้อม
โดย บ้านเมืองออนไลน์ เมื่อเวลา 9:03:00 วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2550

คอลัมน์ : บ้านเมืองเรื่องวันจันทร์ : ปัญหาสิ่งแวดล้อม ใครรับผิดชอบ
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ถามว่าปัญหาสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันใครเป็นผู้รับผิดชอบ ถ้าจะตอบว่า ต้องช่วยกัน ต้องร่วมมือกัน ก็ฟังดูดี แต่อาจเป็นข้อสรุปที่ง่ายเกินไป และอาจจะไม่มีใครปฏิบัติและรับผิดชอบ

ถามต่อว่า ถ้าอย่างนั้น ควรเป็นใครเป็นผู้รับผิดชอบ ในความเห็นของกระผมขอแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

กลุ่มแรก รัฐบาล เป็นกลุ่มที่มีอำนาจหน้าที่ กำกับ ดูแล โดยออกกฎหมายมาเพื่อใช้บังคับ ให้คนในประเทศปฏิบัติ อีกทั้งยังมีกลไก บุคลากร ข้าราชการ งบประมาณ เครื่องมือ ฯลฯ ในการดำเนินการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม

กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มธุรกิจ เป็นกลุ่มที่มีผลประโยชน์ จากการผลิตสินค้า บริการ โดยใช้ทรัพยากรต่างๆ ของประเทศ เพื่อทำการผลิตสินค้า และบริการ เพื่อจำหน่ายทั้งภายในและส่งออกต่างประเทศ เป็นกลุ่มที่ก่อให้เกิดสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ โดยเฉพาะในกระบวนการผลิต ที่ก่อให้เกิดสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ เช่น น้ำเสีย บางโรงงานปล่อยน้ำเสีย ของเสียทิ้งลงแม่น้ำลำคลอง ลำน้ำสาธารณะ โดยไม่มีการบำบัด อากาศเสีย บางโรงงานปล่อยควันพิษ ฝุ่นละอองที่เป็นพิษออกจากโรงงานโดยไม่มีการกรองอากาศ ฯลฯ

กลุ่มที่สาม คือ ประชาชน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มใหญ่สุด เป็นกลุ่มที่มีสถานะทั้งการผลิตและบริโภค ในฐานะผู้ผลิตคือ ผู้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้ง ดิน น้ำ ป่าไม้ โดยเฉพาะทางด้านเกษตรกรรม ทำให้เกิดผลกระทบที่ตามมา เช่น ทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ น้ำถูกปนเปื้อนด้วยสารเคมีซึ่งมาจากปุ๋ยและยาฆ่าแมลง อีกทั้งคนในกลุ่มนี้เป็นทั้งผู้บริโภค คือ ใช้สินค้าและบริการ ที่ฝ่ายธุรกิจผลิตออกมา ซึ่งสินค้าบางตัวอาจส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยต่างกัน ตัวอย่าง การใช้สินค้าที่ อุปโภค บริโภค โดยทิ้งสารตกค้าง หรือ ย่อยสลาย ไม่ได้ก่อให้เกิดขยะ หรือสิ่งที่พิษตามมามากมาย

ซึ่งทั้งสามกลุ่ม ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ใช่ รัฐ เก็บภาษีได้แล้ว ก็โยนความผิดให้กลุ่มธุรกิจและกลุ่มของประชาชน โดยอ้างว่า เพราะ ขยะ น้ำเสีย อากาศเป็นพิษ มาจากโรงงาน ถ้าจะโยนความผิดอย่างนี้ ก็คงยากที่จะแก้ไขได้

การที่จะร่วมมือกันของทั้งสามกลุ่มได้ต้องอาศัยความเข้าใจในปัญหา การศึกษา การเก็บข้อมูล รวมถึงต้องสร้างจิตสำนึก ความรับผิดชอบ

ดังกรณี การใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร การใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูง จะทำให้สารตะกั่วออกจากท่อไอเสีย และตกค้างอยู่ที่ถนน เมื่อสูดเข้าไปจะมีผลกระทบกับระบบหายใจ ระบบประสาท ระบบสมอง ถ้ารับไปมากๆ ก็จะทำให้ความจำเสื่อม ดังนั้น รัฐบาลจึงเริ่มรณรงค์ให้ใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2534 โดยได้รับความร่วมมือ จากกลุ่มธุรกิจและกลุ่มประชาชน ทำให้สารตะกั่วในอากาศและตามท้องถนนลดน้อยลง

สิ่งที่ควรทำหรือควรปฏิบัติสำหรับการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
หลักใครทำ ใครทิ้ง ผู้นั้นจ่าย การผลิต ตามกระบวนการต่างๆ กลุ่มธุรกิจและกลุ่มประชาชน อาจก่อให้เกิด น้ำเสีย อากาศ เป็นพิษ ผู้นั้นจะต้องรับผิดชอบการกระทำ โดยอาจเสียค่าระบบป้องกันต่างๆ หรือ ถ้ามีผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ต้องจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ควรกระจายความรับผิดชอบ ในการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยกระจายจากส่วนกลางไปยังส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น จนลงไปถึงประชาชน โดยสร้างจิตสำนึก สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน

ปัญหาสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย ทุกประเทศทั่วโลก ล้วนมีปัญหาเช่นกัน ดังนั้น ปัญหาสิ่งแวดล้อมจึงเป็นปัญหาของชาติที่ทุกคน ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน กระผมเชื่อว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่มีพลัง ถ้าต้องการแก้ไขอย่างแท้จริงและจริงจัง กระผมเชื่อว่า เราจะสามารถป้องกัน รักษา รวมถึงฟื้นฟูคุณภาพของสิ่งแวดล้อมของประเทศได้ดีขึ้น ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจาก ทั้งสามกลุ่มคือ รัฐบาล กลุ่มธุรกิจ และประชาชน



...
  
หลักสูตร " พลเมืองไทยที่พึงปรารถนา"
หลักสูตร " พลเมืองไทยที่พึงปรารถนา"
วันที่ 7-8 พฤษภาคม 2556 บรรยายหัวข้อ " การพัฒนาหลักสูตร พลเมืองไทยที่พีงปรารถนา" ในฐานะวิทยากรและกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าณ โรงแรมริชมอนด์ นนทบุรี ...
  
โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี
โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ท่านผู้อ่านทุกๆท่านครับ หากว่าท่านต้องการรวย หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จ ไม่ว่าด้านใดๆ ท่านจำเป็นจะต้อง ยอมเสียบางสิ่งบางอย่าง หรือท่านจำเป็นจะต้องย่อมที่จะเสียหลายสิ่งหลายอย่าง เพื่อแลกกับสิ่งนั้น ไม่ว่าท่านจะต้องยอมเสียเวลา เสียเงินทอง เสียความรู้สึก เสียโอกาส เพราะอะไรครับ ก็เพราะว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี
ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จในระดับที่สูงใน สายงานอาชีพของท่าน ท่านก็มีความจำเป็นที่จะต้องทุ่มเทเวลา ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ กับสิ่งๆนั้น เช่น
- ถ้าท่านต้องการเป็นนักกีฬาชกมวยมืออาชีพ ท่านจำเป็นจะต้องซ้อมอย่างหนัก ท่านต้องขยันพัฒนาทักษะต่างๆ ทุ่มเทเวลา หลายๆชั่วโมงต่อวัน อีกทั้ง ท่านต้องสร้างสมประสบการณ์ในการชกมวยบนเวทีอยู่เป็นประจำ ท่านต้องยอมที่จะต้องถูกชก ท่านจะต้องยอมที่จะต้องเจ็บตัว เจ็บปวด เพื่อแลกกับชัยชนะ
- ถ้าท่านต้องการเป็นนักเขียน ท่านคงต้องทุ่มเทเวลาในการอ่าน และการลงมือเขียนอยู่เป็นประจำ อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งควรหาเทคนิคใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงงานเขียนของท่าน ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ ท่านจะต้องเสียอะไรบางอย่างหรือหลายๆอย่าง เช่น เสียเงินซื้อหนังสือ เสียเวลาในการอ่าน การเขียน เสียใจต่อการถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ เป็นต้น
- ถ้าท่านต้องการเป็น นักการเมือง ท่านจำเป็นจะต้องลงพื้นที่ ท่านจำเป็นจะต้องเสียเงินเสียทองเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ท่านจำเป็นจะต้องเสียเวลาในการอยู่กับครอบครัว ท่านจำเป็นจะต้องอดทนเมื่อถูกคู่แข่งทางการเมือง สาดโคลน(ให้ร้ายต่างๆ)เป็นต้น
- ถ้าท่านต้องการเป็นนักธุรกิจ ท่านต้องกล้าเสี่ยงที่จะนำเงินของท่านไปลงทุน เพื่อให้ได้กำไรเป็นการตอบแทน ซึ่งท่านต้องเสี่ยงกับการขาดทุน อีกทั้งท่านจะต้องทำงานหนักโดยเฉพาะช่วงเปิดกิจการใหม่ๆ
- นักเรียน นักศึกษาก็เช่นกัน หากว่าต้องการสอบให้ได้คะแนนที่ดีๆ นักเรียน นักศึกษา ก็ควรที่จะต้องขยัน อ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัด ใคร่ครวญ หากว่าไม่เข้าใจก็ควรสอบถามผู้รู้
ระบบการศึกษาของประเทศญี่ปุ่นมักสอนให้คนมีวินัยมาตั้งแต่ สมัยเป็นเด็กนักเรียน โดยรัฐบาลญี่ปุ่นพยายามสร้างความทะเยอทะยานให้แก่เด็กนักเรียน โดยปลูกฝังให้เด็กทำการบ้าน ทุ่มเทการเรียนอย่างหนัก จนทำให้ชาวญี่ปุ่นเมื่อโตขึ้น จึงเป็นคนที่มีความอดทน มีระเบียบวินัย ขยันทำงานอย่างหนัก จนรัฐบาลของญี่ปุ่นบางสมัยถึงขนาด ออกกฎหมายให้มีวันหยุดมากขึ้น เพื่อให้คนญี่ปุ่นในวัยทำงานได้มีโอกาสพักผ่อน ไม่เครียดมากนัก เพราะชาวญี่ปุ่นในวัยทำงาน บางคนเครียดถึงขนาดหลังเลิกงานไปเที่ยว ไปกินเหล้า อยู่เป็นประจำ
แต่สำหรับโดยส่วนตัวของกระผมแล้ว กระผมคิดว่า การทำงานหนักและทุ่มเทให้กับงานเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ควรที่จะมากจนเกินไป จนขาดความสมดุล เพราะ หากว่าเราทำงานหนัก โดยขาดการพักผ่อน ขาดการออกกำลังกาย แต่เกิดความเครียด ความกดดันมากๆในชีวิตแล้ว ถามว่าเราจะหาเงินไปทำไม หาไปเพื่อรักษาตัวเองหรือ และ การทำงานอย่างหนัก โดยไม่พักผ่อนบ้าง จะส่งผลร้าย กล่าวคือ ทำให้เราตายไวกว่าอายุไขที่แท้จริงด้วย การขาดความสมดุล จึงเป็นสิ่งที่ควรคิด ควรพิจารณา ดังคำสอนของพระพุทธเจ้าได้สอนไว้ว่า “ ทางสายกลาง” จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการดำเนินชีวิตและการแก้ไขปัญหาต่างๆ
ดังนั้น พอสรุปได้ว่า หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ท่านต้องการมีชื่อเสียง เงินทอง ท่านมีความจำเป็นจะต้องลงทุนนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นการ ลงทุนเวลา แรงกาย แรงใจ กล้าที่จะเสี่ยง กล้าที่จะยอมผิดหวัง อีกทั้งท่านต้องพยายามรักษาความสมดุลของชีวิตของท่านในด้านต่างๆอีกด้วย


...
  
ปัจจัยในการบริหาร
ปัจจัยสำคัญสำหรับการบริหาร
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
การบริหารนั้น จะต้องยุ่งกับการจัดการ 4 เรื่องด้วยกัน คือ เรื่องของคน เรื่องของเงิน เรื่องของวัสดุสิ่งของและเรื่องของเครื่องจักรอุปกรณ์


ในบรรดา 4 เรื่องนี้ ถ้าใครเป็นนักบริหารก็คงจะทราบอยู่แก่ใจว่า การบริหารที่ยากที่สุดก็คือการบริหารคนหรือบุคลากรนั่นเอง


เพราะคน มีจิตใจ มีความอารมณ์ มีความรู้สึก มีชีวิต จิตใจ ไม่เหมือนกับ เงิน วัสดุสิ่งของหรือเครื่องจักรอุปกรณ์


ถ้าเราหยิบเงินออกไปใช้จ่ายซื้อข้าวซื้อของ เงินมันไม่เคยตั้งคำถามหรือบ่น เราใช้เครื่องจักรอุปกรณ์และวัสดุสิ่งของ ก็เหมือนกันมันไม่เคยบ่น หรือถ้าเราว่าใช้มันทำไม


แต่ถ้าเราใช้คนหรือลูกน้องสักคนให้ไปทำอะไร บางทีอาจถูกถามกลับว่า ทำไมถึงใช้ผม ทำไมไม่ใช้คนอื่น


การบริหารก็เช่นกัน บริหารคนหรือบุคลากรนั้นยาก ยิ่งถ้าใครที่จบจากต่างประเทศมา อาจร้อนวิชาที่ได้เรียนมาจาก ต่างประเทศ แล้วนำมาบริหารกับคนไทยอาจไม่ได้ผล เพราะ มันแตกต่างกัน เรื่องบางอย่าง อาจใช้กับคนไทยเราไม่ได้เหมือนกัน เล่นกับคนไทยก็ต้องใช้การบริหารแบบไทยๆ ให้เข้ากับนิสัยใจ วัฒนธรรมแบบคนไทยเรา


เช่น เราคงเคยได้ยินคำว่า “ อเมริกันแชร์ ” วัฒนธรรมแบบนี้ฝรั่งอาจจะคุ้นเคยและพอใจแต่ถ้านำมาใช้กับคนไทยดูอาจไม่ถูกใจคนไทยเรามากนัก เพราะคนไทยเราเคยชินกับคำว่า “ เจ้าภาพจงเจริญ ” มากกว่า จนแต่งเป็นเพลงและร้องกันอย่างสนุกสนาน


ผู้บริหารหรือหัวหน้าฝรั่ง นั่งกินกาแฟกันสองคน เมื่อกินเสร็จลุกขึ้นต่างคนต่างจ่าย ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นผู้บริหารหรือหัวหน้าคนไทย กินกาแฟกันสองคน เมื่อกินเสร็จลุกขึ้นต่างคนต่างจ่าย รับรองได้ว่าหัวหน้าหรือผู้บริหารคนนั้น ถูกลูกน้องนำไปนินทาลับหลังว่า ขี้เหนียว ใจไม่กว้าง เพราะวัฒนธรรมนั่งเองที่แตกต่างกัน


ดังนั้น การเล่าเรียนมาจากต่างประเทศ ที่เกี่ยวกับทฤษฏีการบริหารต่างๆนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องนำมาปรับใช้กับสังคมไทยเรา รวมถึงการศึกษานิสัยใจคอของคนไทย จึงจะชนะใจลูกน้องซึ่งเป็นคนไทยได้


การตำหนิ อบรม ลูกน้องซึ่งเป็นคนไทย ผู้บริหารแบบไทยที่ดีนั้น ควรตำหนิลูกน้อง โดยเรียกคนที่จะถูกตำหนิมาพบแล้วจึงอบรม ตำหนิกันสองต่อสองในห้องทำงานของผู้จัดการหรือผู้บริหาร เพราะคนไทยเราไม่ชอบเสียหน้า ไม่ชอบถูกตำหนิ ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน


เวลาตำหนิลูกน้องก็ไม่ควรใส่ท่าทางหรืออารมณ์ความไม่พอใจผสมเข้าไปด้วย จะทำให้ลูกน้องรู้สึกว่าเจ้านายหรือผู้บริหาร เพิ่มดีกรีของความไม่พอใจขึ้นไปอีก


สำหรับการชื่นชม ลูกน้องแบบไทยมัก อยากเป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงาน เราก็ควรชื่นชมลูกน้องต่อหน้าที่ประชุมหรือสาธารณชน จึงจะชนะใจของลูกน้องซึ่งเป็นคนไทยได้


ท้ายนี้ขอฝากมงคลชีวิตของพระธรรมดิลก (จันทร์ กุสโล) วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบทประพันธ์ที่ให้แง่คิดได้มากเลยทีเดียว สำหรับผู้บริหาร


ถ้าท่านอยากมีอำนาจ ก็อย่าขาดความยุติธรรม


ถ้าท่านเห็นแก่ได้ ก็อย่าหวังน้ำใจจากผู้อื่น

...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  [100]  [101]  [102]  [103]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.