หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
บทบาทหน้าที่ผู้นำที่ดี
บทบาทหน้าที่ผู้นำที่ดี ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " บทบาทหน้าที่ผู้นำที่ดี " ให้แก่ สารวัตรนิสิต ณ ห้องศาลจำลอง เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2556 ...
  
พูด Happy life Happy Work
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ พูดหัวข้อ "Happy life Happy Work " ให้แก่ผู้บริหารและพนักงาน บริษัท ปตท.ในงานสัมมนาพนักงานสายการตลาดพาณิชย์และต่างประเทศ ประจำปี 2556วันที่ 29-30 กันยายน 2556
ณ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง
...
  
ลีลาการเขียน
ลีลาการเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ลีลาการเขียน มีความสำคัญมาก เพราะ นักเขียนดังๆหลายคน มีลีลาการเขียนที่สนุก เร้าใจ บางคนเขียนจนกระทั่งกระชากหัวใจของผู้ฟังออกมาเลยก็มี(เป็นการเปรียบเทียบครับ ไม่ใช่กระชากออกมาจริงๆ)
สำหรับการฝึกฝนทางด้านลีลาในการเขียนเราสามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ดังนี้
1.หัดเป็นคนอ่านหนังสือให้มากๆ การอ่านหนังสือมากจะทำให้เราได้เห็นลีลาการเขียนของนักเขียนท่านอื่นๆ เพื่อนำเอาข้อดีเหล่านั้น มาพัฒนาลีลาการเขียนของเรา
2.หัดเป็นนักสะสม จดจำ เมื่อเห็น คำ ถ้อยคำ ลีลา การเขียนประโยคไหนที่ชื่นชอบ พยายามจดจำ หรือจดไว้ในสมุดบันทึก เพื่อนำเอาไปปรับปรุงใช้ในงานเขียนของตนเอง
3.หัดคิดก่อนลงมือเขียน การคิดนี้จะเป็นการวางโครงสร้างเรื่อง ว่าเราจะขึ้นต้นอย่างไร เนื้อเรื่องอย่างไร สรุปจบอย่างไร
4.หัดค้นหาตัวตนให้พบ นักเขียนหลายคน เขียนบทความได้ดี มีคนชื่นชม ยกย่อง แต่เมื่อเห็นนักเขียนท่านอื่น เขียนนวนิยายแล้วดังและร่ำรวย ก็อยากที่จะเขียนนวนิยายบ้าง แต่เมื่อลงมือเขียนจริงๆ กลับเขียนไม่ได้เรื่อง ฉะนั้น จงค้นหาตัวตนของตนเองให้เจอว่าตนเอง ชอบเขียนงานในลักษณะไหนแล้วพัฒนางานเขียนของตนเองจะออกมาดีกว่าไปมุ่งฝึกฝนงานเขียนที่ตนเองไม่ชอบ ไม่ถนัด
5.หัดพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ งานเขียนเป็นเรื่องของทักษะ หากว่าใครได้มีโอกาสเขียนมาก ก็จะยิ่งทำให้คนพบลีลาการเขียนของตนเอง อีกทั้งลีลาการเขียนก็จะพัฒนาดียิ่งๆขึ้น
6.หัดเป็นคนที่อดทน งานเขียนเป็นงานที่ต้องใช้เวลาพิสูจน์ บางคนกว่าจะดัง ต้องฝึกเขียนทุกๆวัน เป็นเวลา 10 ปี แต่นักเขียนรุ่นใหม่ ใช้เวลาฝึกเขียน ทุ่มเท น้อยมาก เพียงแค่ 1-2 ปี ก็อยากจะดังเสียแล้ว
7.หัดเป็นนักปรุง การเขียนเรื่องเดียวกัน เช่น เรื่อง “ แม่ ” แต่บางคนเขียนแล้วคนอ่านชอบ แต่อีกคนเขียนแล้ว คนอ่านไม่ชอบ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการปรุงนั้นเอง

8.หัดเปิดใจรับฟังคำวิจารณ์ คำวิจารณ์จะทำให้เราแก้ไขงานของตนเองให้ดียิ่งขึ้น งานเขียนของนักเขียนบางคน เขียนเป็นเวลา 10 ปี ไม่ดัง แต่เมื่อมีคนเสนอแนะ เหมือน “ เส้นผมบังภูเขา ” ปรากฏว่าเมื่อนำ คำขอเสนอแนะ ไปปรับปรุง งานเขียนก็ดีขึ้นทันตาเห็น
ฉะนั้น เรื่องของลีลาการเขียน เราสามารถปรับปรุง พัฒนาให้ดีขึ้นได้ ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับ ตัวของเราเองเป็นสำคัญ หากว่าเรามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพัฒนาปรับปรุง การใช้ภาษา การใช้ถ้อยคำ การดำเนินเรื่องในการเขียน กระผมเชื่ออย่างสุดใจว่า เราทุกคนทำได้ ขนาดสัตว์(หมา นกแก้ว ช้าง ม้า ) คนยังนำมาฝึกได้ แต่เนี่ยเราเป็นคน ก็ยิ่งต้องฝึกได้ คนเราสามารถเป็นนักเขียนได้ หากว่าเราคิดว่าเราทำได้

...
  
น้ำมันยังเป็นปัญหาใหญ่
โดย บ้านเมืองออนไลน์ เมื่อเวลา 10:27:00 วันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2551

หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

โดย ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ม.นเรศวร พะเยา)

คอลัมน์ : บ้านเมืองเรื่องวังจันทร์ : ปัญหาน้ำมัน ยังคงเป็นปัญหาใหญ่

ปัญหาน้ำมัน ยังคงเป็นปัญหาใหญ่

ปัญหาพลังงานยังคงมีการพูดอยู่อย่างต่อเนื่องไม่หยุด โดยเฉพาะปัญหาราคาน้ำมันแพงในยุคปัจจุบันและยังมีแนวโน้มแพงขึ้นอีกในอนาคต เนื่องจากหลายสาเหตุ เช่น ถ้าเกิดภาวะสงคราม, การไม่เพิ่มการผลิตของกลุ่มผู้ค้าน้ำมันโอเปก, การเก็งกำไรน้ำมัน, ความต้องการการใช้น้ำมันมีมากกว่าจำนวนน้ำมัน ฯลฯ

มีคนเคยถามกระผมว่ากลุ่มประเทศโอเปกคือใคร คำตอบคือ กลุ่มประเทศที่เป็นเจ้าของบ่อน้ำมันใหญ่ๆ อันได้แก่ อิรัก คูเวต อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย และเวเนซุเอลา เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2503 และมีสมาชิกเพิ่มในเวลาต่อมาอีก 6 ประเทศ รวมเป็น 11 ประเทศ อันได้แก่ ไนจีเรีย, กาตาร์, ลิเบีย, แอลจีเรีย, อินโดนีเซียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีสำนักงานใหญ่เป็นศูนย์ประสานที่ประเทศออสเตรีย ซึ่งประเทศส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาอิสลาม

สำหรับประเทศไทยเองไม่มีบ่อน้ำมันเป็นของตนเอง จึงต้องซื้อน้ำมันดิบจากต่างประเทศกว่า 90% ทำให้ต้องเสียเงินกับการซื้อน้ำมันในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันโลกขึ้น จึงกระทบโดยตรงกับประเทศไทยของเรา และเมื่อรวมกับพลังงานอื่นๆ ปี พ.ศ.2550 ไทยเราใช้พลังงานรวมทั้งสิ้น 869,000 ล้านบาท แยกเป็นน้ำมันดิบ 702,637 ล้านบาท น้ำมันสำเร็จรูป 50,140 ล้านบาท ก๊าซเอ็นจีวี 79,761 ล้านบาท ไฟฟ้าซื้อมาจากประเทศเพื่อนบ้าน 7,087 ล้านบาท และถ่านหิน 29,407 ล้านบาท

ตอนนี้รัฐบาลก็กำลังแก้ไขการใช้พลังงานโดยเฉพาะพลังงานน้ำมัน ในการรณรงค์ให้ใช้พลังงานทดแทนน้ำมัน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ราคาน้ำมันพลังงานทดแทนที่ใช้แทนน้ำมัน ก็เริ่มมีราคาสูงขึ้นเช่นกัน ไม่ทราบว่าหนีเสือปะจระเข้หรือเปล่า เช่น แอลพีจี, พลังงานจากพืช ฯลฯ

แต่ในความคิดกระผม เชื่อว่า ถ้าจะให้ดีควรที่จะต้องเริ่มวางแผนแก้ไขในระยะยาว ด้วยการสร้างระบบขนส่งมวลชนที่ดีมีมาตรฐาน เชื่อมโยงทั่วประเทศ เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูง, ระบบขนส่งทางอากาศ, ระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน, ระบบขนส่งทางน้ำ ฯลฯ ถ้าทำได้ถูกและมีประสิทธิภาพก็จะทำให้คนหันมาใช้ แทนที่จะขับรถยนต์ส่วนตัวที่มีจำนวนมากขึ้นทุกวัน

ถ้าสมมุติว่าระบบขนส่งมวลชนที่ดี ราคาถูก กระผมเชื่อแน่ว่า คนทางภาคเหนือ, ภาคใต้, ภาคอีสาน ฯลฯ ก็จะหันมาใช้จะทำให้มีการบริโภคน้ำมันที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน เราจะสังเกตเห็นว่า ประเทศที่มีระบบขนส่งมวลชนที่ดี ราคาถูก มักจะไม่มีปัญหาเรื่องราคาน้ำมันมากนัก เช่น ประเทศในยุโรป ประเทศที่เจริญแล้ว


ดังนั้น ก็ขอฝากรัฐบาลช่วยแก้ไขและดูแลด้วยครับ เพราะปัญหาน้ำมันแพงมีผลกระทบกับปัญหาอื่นๆ ด้วย เช่น ผลกระทบกับปัญหาเศรษฐกิจ, ผลกระทบกับปัญหาสังคม, ผลกระทบกับปัญหาการเมือง, ผลกระทบกับความมั่นคงของประเทศ ฯลฯ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน การขึ้นราคาน้ำมันแต่ละลิตรมีผลต่อการขึ้นราคาสินค้า เช่น การขึ้นราคาน้ำมันปาล์มอีกขวดละ 6.50 บาท การขึ้นราคานม-โยเกิร์ตอีก 2 บาท และยังมีสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม 40 รายการ จ่อคิวขึ้นราคา

สรุปปัญหาราคาน้ำมันยังคงต้องมีการพูดถึงกันอีกต่อไปในอนาคต เพราะน้ำมันคือทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด และเป็นที่ต้องการของแต่ละประเทศ ไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศไทยของเรา สำหรับการแก้ไขปัญหาจะต้องมองดูรอบด้าน ไม่ว่าการจะหาพลังงานอื่นมาทดแทน การทำโครงการขนส่งมวลชนที่ดี การประหยัด การควบคุมนโยบายของรัฐบาล





...
  
การเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์
การเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์มีความสำคัญและมีความจำเป็นมาก ต่อการบริหารภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร โดยส่วนตัวกระผมได้ทำงานเกี่ยวกับงานประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา จนกระทั่งได้ถูกแต่งตั้งให้เป็น หัวหน้างานประชาสัมพันธ์ ของมหาวิทยาลัย นเรศวร พะเยา
ซึ่งต้องดูแลงานประชาสัมพันธ์โดยรวมของมหาวิทยาลัย นเรศวร พะเยา จากประสบการณ์ จึงได้รู้และได้เห็น ว่า การเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ มีความสำคัญต่อภาพลักษณ์ขององค์กรอย่างยิ่ง จนนำไปสู่ความร่วมมือของคนภายในและภายนอกขององค์กร อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือในการแก้ไขความเข้าใจผิดต่างๆ แก้ไขข่าวลือ ในบทความชิ้นนี้ ผู้เขียนจึงอยากที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแชร์ความรู้ แชร์ประสบการณ์ที่ได้รับ ในเรื่องการเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ ดังนี้
คนที่จะเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ที่ดี ก่อนอื่นควรมีการวางแผนก่อนการเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ เราต้องการให้ใครเป็นผู้รับสาร , การเขียนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หรือความต้องการอะไร และ เราจะมีกลยุทธ์หรือวิธีการนำเสนอข่าวอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
สำหรับถ้อยคำภาษาในการเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ เราไม่ควรมุ่งเน้นความไพเราะของคำ แต่ควรมุ่งเน้นการใช้ภาษาที่ชัดเจน ภาษาที่จูงใจ ซึ่งเมื่อคนอ่านอ่านแล้วจะเห็นภาพที่ชัดเจนและทำให้คล้ายตาม
การเลือกใช้สื่อก็มีความสำคัญอย่างมาก เราควรพิจารณาด้วยว่า กลุ่มเป้าหมายของเรา ชอบอ่านข่าวจากแหล่งใด ซึ่งการเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์เรามักเขียนในนามองค์กรมากกว่าเขียนนามบุคคล อีกทั้งการเขียนจะเน้นเรื่องของการสร้างสรรค์ การเขียนในเชิงบวก ไม่ควรเขียนข่าวในเชิงลบ
ส่วนวัตถุประสงค์ส่วนใหญ่ในการเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์มักจะมีวัตถุประสงค์ คือ
1.เขียนเพื่อให้คนโดยทั่วไปเกิดการยอมรับองค์กร
2.เขียนเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ
3.เขียนเพื่อแก้ไขข่าวลือ แก้ไขข่าวร้าย และเพื่อป้องกันข่าวต่างๆที่ไม่ดีขององค์กร
4.เขียนเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร
5.เขียนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในองค์กรและนอกองค์กร
6.เขียนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆของบริษัท
สมัยผมทำงานด้านประชาสัมพันธ์ใหม่ๆ ผมเองได้จัดการแถลงข่าวให้กับผู้บริหารขององค์กรหลายครั้ง ซึ่งผู้บริหารก็ให้ข่าวแก่สื่อมวลชนที่มาร่วมงาน สื่อมวลชนหลายคน ได้พูดบอกผมว่า อยากให้ผมสรุปข่าวแจก หรือ ให้รายละเอียด แก่นักข่าว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องถามเพิ่มเติมและทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งผมก็ได้ทำตามคำแนะนำ จึงทำให้สื่อมวลชนลงข่าวได้เร็วขึ้น
ซึ่งข่าวแจกที่ผมทำแจกมักจะเป็นข่าวประเภทต่างๆ เช่น ข่าวแจ้งเพื่อทราบ,ข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร่งด่วนหรือฉุกเฉิน, ข่าวกิจกรรมต่างๆขององค์กรและข่าวตอบโต้เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
สำหรับหลักในการเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ ผมมักจะใช้ทฤษฏี 5W 1H คือ Who ใคร What ทำอะไร Where ที่ไหน When เมื่อไร Why ทำไมจึงเกิดขึ้น และ How เหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร
โครงสร้างของข่าวประชาสัมพันธ์ที่ดี
1.พาดหัวข่าว ต้องโดนใจ กระชับ เร้าใจ 2.คำนำ 3.เนื้อหา 4.สรุป
สิ่งสำคัญ ถ้ามีภาพประกอบด้วยได้ยิ่งดี เพราะภาพเพียง 1 ภาพ แทนคำพูดได้เป็นหลายร้อยหลายพันคำ
สิ่งที่ควรระวังในการเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์คือ
1.ไม่ควรเขียน ชื่อ นามสกุล ยศ ตำแหน่ง ของคนที่เราเขียนภายในข่าว ผิด
2.การเขียนตัวเลข ไม่ควรผิดพลาด ควรตรวจสอบให้แน่นอนก่อนส่งข่าว
3.ไม่ควรใช้ศัพท์เทคนิค ถ้าใช้ก็ควรแปลความหมายหรืออธิบายความหมายเพิ่มเติม
4.ควรหลีกเลี่ยงการเขียนข่าวเปรียบเทียบเรื่องทางศาสนาและการเมือง
โดยสรุปคนที่จะเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ได้ดี ควรต้องฝึกฝนการเขียนบ่อยๆ แล้วลองสอบถาม รุ่นพี่หรือนักเขียนรุ่นพี่ว่า เราควรปรับปรุงอะไรบ้าง แล้วพัฒนาการเขียนอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็จะพบกับความสำเร็จในที่สุด








...
  
เรียนภาษาอังกฤษให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
เรียนภาษาอังกฤษให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การเรียนภาษาอังกฤษให้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง มีความสำคัญมากต่อกระบวนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึก ถามว่าคนไทยเราเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กอนุบาลยันถึงมหาวิทยาลัย แต่ถามว่าทำไมเราถึงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หรือแม้แต่ทักษะอื่นๆ คือ ฟัง อ่านและเขียน เราก็ไม่เก่งเท่าที่ควร
สาเหตุหนึ่ง เกิดการกระบวนการเรียนภาษาอังกฤษเรา ขาดการเรียนแบบให้นักเรียนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เราจะสังเกตว่า แบบเรียนหรือหนังสือเรียนภาษาอังกฤษที่ให้เด็กนักเรียนเรียน เด็กนักเรียนจะต้องเรียนแบบเรียนแต่ละชั่วโมงไม่ซ้ำกัน เช่น วันนี้เรียนบทที่ 1 พรุ่งนี้เรียนบทที่ 2 มะรืนนี้เรียนบทที่ 3 มะเรื่องนี้เรียนบทที่ 4 เป็นต้น
กล่าวคือเด็กนักเรียนจำเป็นจะต้องเรียนให้จบตามหลักสูตรหรือเรียนตามแผนการสอนที่ครูได้วางเอาไว้ ทำให้เด็กนักเรียนไม่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในแบบเรียนอังกฤษแต่ละบท และเมื่อเลื่อนชั้นจาก ป.1 ขึ้น ป.2 ขึ้น ป.3 ก็ต้องเรียนแบบเรียนหรือหนังสือภาษาอังกฤษเล่มใหม่
ถ้าถามว่า “ แล้วจะทำให้อย่างไร ถ้าต้องการเรียนภาษาอังกฤษให้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ” ผมขอตอบอย่างนี้ครับ เราจำเป็นจะต้องใช้กระบวนการเรียนซ้ำหรือทำซ้ำ เพราะการทำซ้ำเป็นหัวใจที่ทำให้เกิดทักษะหรือประสบการณ์ทางด้านภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ความเข้าใจภาษาอังกฤษฝังรากลึกไปยังจิตใต้สำนึก
สมัยกระผมเด็กๆ ผมก็เรียนภาษาอังกฤษแบบเด็กนักเรียนไทยทั่วไปกล่าวคือ เรียนภาษาอังกฤษแบบเข้าใจอย่างผิวเผิน เพราะต้องเรียนเรื่องใหม่ๆตลอดเวลา เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่กระผมเรียนรู้ก็พลอยลืมเลียนไปด้วย ต่อมาเมื่อกระผมรู้เทคนิคในการเรียนรู้แบบทำซ้ำ จึงทำให้ภาษาอังกฤษอยู่ติดตัวกระผมและสามารถดึงเอาออกมาใช้ได้ตลอดเวลา
ในบทความฉบับนี้เราจะมาพูดถึงเทคนิคนั้น วิธีการก็คือ จงเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากแบบเรียนที่ง่ายๆก่อน แล้วพยายามทำซ้ำ ไม่ว่าจะโดยการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน เมื่อทำซ้ำมากๆจนเข้าใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วจึงเปลี่ยนไปเรียนแบบเรียนที่มีความยากขึ้นอีกนิดหนึ่ง แล้วทำซ้ำ จนเข้าใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วเปลี่ยนไปเรียนแบบเรียนที่ยากขึ้นอีกระดับหนึ่ง ถ้าท่านทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ภาษาอังกฤษของท่านจะพัฒนาไปทีละระดับ และที่สำคัญก็คือท่านจะไม่ลืม
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราเริ่มหัดภาษาอังกฤษโดยต้องการพัฒนาทักษะทางด้านการฟัง ขอให้ท่านเริ่มจากการฟังนิทานของเด็ก โดยฟังซ้ำไปเรื่อยๆ เพราะการฟังครั้งแรกท่านอาจจะเข้าใจแค่ 30 % พอครั้งที่สอง อาจจะเข้าใจเพิ่มเป็น 35% พอครั้งที่สาม อาจจะเข้าใจเพิ่มเป็น 40% พอครั้งที่สี่ อาจจะเข้าใจเพิ่มเป็น 45% พอครั้งที่ห้าอาจจะเข้าใจเพิ่มเป็น 50% พอครั้งที่หก อาจจะเข้าใจเพิ่มเป็น 55% ครั้งที่เจ็ด อาจจะเข้าใจเพิ่มเป็น 60% ครั้งที่แปด อาจจะเข้าใจเพิ่มเป็น 65% ครั้งที่เก้า อาจจะเข้าใจเพิ่มเป็น 70% ครั้งที่สิบ อาจจะเข้าใจเพิ่มเป็น 75% ครั้งที่สิบเอ็ด อาจจะเข้าใจเพิ่มเป็น 80% ครั้งที่สิบสอง อาจจะเข้าใจเพิ่มเป็น 85% ครั้งที่สิบสาม อาจจะเข้าใจเพิ่มขึ้นเป็น 90% เป็นต้น
ส่วนตัว กระผมเองต้องขอบอกว่า กระผมเคยฟังนิทานหรือเรื่องราวบางเรื่องมากกว่า 100 ครั้งขึ้นไป จนกระทั่งจำและเข้าใจนิทานภาษาอังกฤษหรือเรื่องราวนั้นๆได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
ดังนั้น ถ้าสมมุติว่าท่านต้องการพัฒนาทักษะด้านการอ่านภาษาอังกฤษ ขอให้ท่านเริ่มหัดอ่านภาษาอังกฤษที่ง่ายๆก่อนแล้วไปหายากขึ้น โดยเริ่มจากการอ่านนิทานของเด็ก โดยการอ่านซ้ำไปเรื่อยๆ อาจจะอ่านเป็น 10 ครั้ง 20 ครั้ง 30 ครั้ง จนกระทั่งมีความเข้าใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วจึงเปลี่ยนไปอ่านนิทานเรื่องใหม่ แล้วอ่านนิทานเรื่องใหม่ซ้ำไปซ้ำมาอีก 10 ครั้ง 20 ครั้ง 30 ครั้ง จนกระทั่งมีความเข้าใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วจึงเปลี่ยนไปอ่านนิทานเรื่องใหม่ที่มีความยากที่มากขึ้น
ถามว่าถ้าเราใช้เทคนิคในการเรียนซ้ำแบบนี้จะทำให้เรียนภาษาอังกฤษช้าไหม คำตอบก็คือ เรียนช้าครับ แต่มันทำให้ภาษาอังกฤษของเรามีความหนักแน่นและอยู่ติดตัวของเราอย่างยาวนาน อีกทั้งยังเข้าใจรูปแบบของแกรมม่า(Grammar)มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเราเรียนแบบรวดเร็วอย่างในอดีตคือตอนที่เราเรียนอนุบาลถึงมหาวิทยาลัย มันพิสูจน์มาแล้วว่าเราเรียนแบบผ่านๆ ถามว่าเราจำสิ่งที่เราเรียนไปในอดีตได้กี่เปอร์เซ็นต์
เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ตอนเรียนภาษาอังกฤษ ครูภาษาอังกฤษมักจะสอนประโยคเหล่านี้ให้แก่นักเรียนไทย โดยถามหลายๆรอบ จนเด็กนักเรียนของไทยเราจดจำได้ก็เพราะการถามซ้ำไปถามซ้ำมา คือประโยค Good morning . How are you? I am fine. Thank you and you? เป็นต้น
เช่นกันครับ เด็กชาวอเมริกา พ่อแม่ชาวอเมริกาพูดคำว่า Good morning,Thank you , How are you?กับลูกๆ เกือบทุกๆวัน หากนับได้อาจเป็น ร้อยครั้ง พันครั้ง จนกระทั่งเด็กมีความเข้าใจคำว่า Good morning , Thank you , . How are you? โดยไม่ต้องมีการแปล นี่ก็เพราะการพูดซ้ำและการฟังซ้ำนั่นเอง
ดังนั้น ถ้าเราต้องการเรียนภาษาอังกฤษให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถ้าเราต้องการฝึกทักษะในด้านใด(ฟัง พูด อ่านและเขียน) เราควรฝึกทักษะด้านนั้นโดยการทำซ้ำไปซ้ำมาหลายๆรอบจนเกิดทักษะ แล้วการเรียนภาษาอังกฤษของท่านจะพัฒนาขึ้นไปทีละระดับและที่สำคัญมันจะอยู่ติดตัวท่านตลอดไป
...
  
โลกร้อน
คอลัมน์ : บ้านเมือง-เรื่องวังจันทร์ โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ ม.นเรศวร พะเยา (นสพ.บ้านเมือง)

: โลกร้อน น้ำมันแพง

ภาวะน้ำมันราคาแพงในปัจจุบัน สร้างปัญหาให้กับทุกประเทศไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศไทยของเรา เนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกราคาแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยเราเองจึงต้องเดือดร้อน เนื่องจากประเทศไทยเราไม่มีน้ำมันดิบเป็นของตนเอง

เมื่อกระแสราคาน้ำมันแพง บวกกับปัญหาโลกร้อนอันเนื่องมาจากการปล่อยมลพิษ ของเสียต่างๆ รวมทั้งสารต่างๆ ที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก และสารต่างๆ เหล่านั้นส่วนหนึ่งมาจากการใช้น้ำมัน ฉะนั้นในปัจจุบันชาวโลกจึงหันมาให้ความสนใจพลังงานบริสุทธิ์หรือพลังงานทดแทน ที่ใช้แล้วไม่ไปทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานไฟฟ้า รวมทั้งพลังงานอันเกิดจากพืชการเกษตร

พลังงานอันเกิดจากภาคเกษตรนี่เอง ที่ทำให้กระแสของชาวเกษตรกรของไทยเรายิ้มออก

และเริ่มมองเห็นภาพที่สดใสขึ้น ทำให้เกิดมีข่าวอย่างต่อเนื่องในลักษณะว่า ผู้ใช้แรงงาน ชาวไร่ ชาวนา เริ่มหันมาปลูกพืชที่สามารถแปรสภาพเป็นพลังงานทดแทนน้ำมัน เช่น ฉันทนาแห่ปลูกปาล์ม, ตะวันออกเดิมพันโค่นสวนผลไม้ ลุยปาล์ม-ยางพารา, อีสานฮิตไร่มันฯ เป็นต้น

สำหรับพืชที่สามารถนำมาแปรเป็นน้ำมันคือ ถั่วเหลือง ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพด ฯลฯ เมื่ออดีตพืชน้ำมันเหล่านี้มักใช้ในอุตสาหกรรมอาหารคนและอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ แต่ในปัจจุบันเริ่มที่จะนำมาใช้กับ อุตสาหกรรมพลังงานทดแทนมากยิ่งขึ้น

ซึ่งโดยส่วนตัวกระผมเอง เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการนำพืชน้ำมันมาใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน จะทำให้เราลดการนำเข้าน้ำมันได้มากและลดการขาดดุลการค้าต่างๆ ได้มากเช่นกัน อีกทั้งเกษตรกรเองก็มีรายได้เพิ่มขึ้น ผู้ใช้แรงงานที่ทำงานในกรุงเทพฯ ก็สามารถกลับไปทำงานในชนบทหรือบ้านเกิดของตนเองได้ สามารถลดปัญหาสังคมในเมืองหลวงได้ระดับหนึ่ง

เพียงแต่กระผมอยากเห็นการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ ช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ลงทุน เพื่อให้เขาเกิดความมั่นใจในการลงทุน ไม่ใช่เพียงแต่สร้างกระแสให้คนปลูกพืชน้ำมันเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนกันมากๆ แล้วก็ลอยแพหรือไม่สนใจให้ความช่วยเหลือในอนาคต

สำหรับประเทศในยุโรปหรือสหรัฐเอง ก็ตื่นตัวกับพลังงานทดแทนไม่น้อยไปกว่าไทยเรา

เช่น ปีที่ผ่านมา (ปี 2550) สหรัฐอเมริกานำข้าวโพดไปใช้ผลิตเอทานอลสูงถึง 80-90 ล้านตัน และปีนี้ (ปี 2551) เองสหรัฐก็ประกาศว่าจะผลิตเอทานอลจากข้าวโพดไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา

ส่วนสหภาพยุโรป ก็เป็นห่วงเรื่องภาวะโลกร้อนและราคาน้ำมันแพง จึงใช้พลังงานทดแทนโดยนำ เรพซีด (น้ำมันพืชเมืองหนาว) ไปใช้สำหรับผลิตไบโอดีเซล เพื่อลดการใช้น้ำมันและภาวะโลกร้อน


สำหรับการใช้พลังงานทดแทนจากพืช นำมาใช้ทดแทนน้ำมันที่มีราคาแพง เราอาจจะมองแต่ส่วนที่ดี แต่ความจริงของชีวิต เมื่อมีส่วนดี ก็มีส่วนเสีย สำหรับปัญหาที่เกิดจากการนำพืชน้ำมันไปใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนนี้ ก็คือ ผู้บริโภคต้องรับมือกับอาหารที่แพง ดังจะเห็นจากราคาน้ำมันปาล์มจากราคาเพดานที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดให้ขวดละ 38 บาท (ขนาด 1 ลิตร) จากที่ไม่เคยขายชนราคาเพดาน แต่ปัจจุบันต้องปรับราคาเพดานขึ้นไปอยู่ที่ขวดละ 43.50 บาท สาเหตุเนื่องจากราคาผลปาล์มดิบมีราคาสูงขึ้นกิโลกรัมละ 2 บาทกว่าเป็น 6 บาทกว่า อีกทั้งน้ำมันถั่วเหลืองต้องนำเข้ามาจากสหรัฐ เนื่องจากวัตถุดิบไม่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ สำหรับน้ำมันถั่วเหลืองราคาเพดานในปัจจุบันอยู่ที่ขวดละ 45.50 บาท ซึ่งมีราคาสูงกว่าในอดีต

ณ วันนี้จึงเป็นเวลาที่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นเวลาเปลี่ยนผ่าน จากการผลิตพืชน้ำมันเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารคนและอาหารสัตว์ มาเป็นอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน เป็นที่น่าจับตาต่อไปว่า การเปลี่ยนผ่านดังกล่าวจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกหรือไม่ เพราะการแก้ไขปัญหาอย่างหนึ่ง อาจเกิดปัญหาอีกอย่างหนึ่งตามมาเสมอ


...
  
สู้ไม่ถอย
สู้ไม่ถอย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
บุคคลสำคัญๆในประวัติศาสตร์หรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาเหล่านั้นมักมีคุณสมบัติหลายประการ แต่มีอยู่ประการหนึ่งที่คนสำคัญหรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จมีเหมือนๆกันก็คือ การสู้ไม่ถอย
คนเรามีสิทธิ์ท้อได้ แต่คนที่สู้ไม่ถอยเท่านั้น จึงจะนำพาตัวเองผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้ ถ้าท่านเป็นบุคคลหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ท่านจำเป็นจะต้องปลูกฝังอุปนิสัย “ สู้ไม่ถอย ” ไว้กับตัวของท่านเอง
- โคลัมบัส นักเดินทาง นักเสี่ยงภัย ได้เดินทางท่ามกลางทะเลมหาสมุทร แอตแลนติก เพื่อหาทาง
ไปยังประเทศอินเดีย ซึ่งคนในยุคนั้นไม่เชื่อว่าเขาจะทำได้ เขาต้องต่อสู้กับคำสบประมาท การถูกดูถูก อีกทั้งต้องต่อสู้กับกลาสีเรือที่ต้องการเดินทางกลับบ้านในระหว่างการเดินทางอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร แอตแลนติก จากความเด็ดเดี่ยวและหัวใจที่สู้ไม่ถอย ทำให้เขาค้นพบดินแดนใหม่ ก็คือ ทวีปอเมริกา
- แลนซ์ อาร์มสตรอง นักปั่นจักรยานมืออาชีพ เมื่อเขาทราบว่าเขาเป็นโรคมะเร็งในปอด เขาเข้า
รับการรักษาและรับคีโม แม้ร่างกายตอนนั้นเขาจะย่ำแย่ แต่สภาพจิตใจของเขา “ สู้ไม่ถอย” การปั่นจักรยานเป็นกีฬาและอาชีพที่เขารัก เขาจึงตัดสินใจเข้าแข่งขันในสนามที่โหดที่สุดหรือยากที่สุด เขาทุ่มเทกำลังในการซ้อม ซ้อม และซ้อม อย่างหนัก จนในที่สุดเขาเป็นแชมป์และได้รับรางวัลต่างๆจากการแข่งขันจักรยานอีกหลายสนาม
- หลวงวิจิตรวาทการ ท่านเป็นนักเขียน นักการเมือง นักการทูต นักคิด นักอะไรอีกมากมาย เคย
มีคนไปถามท่านว่า ตอนที่ท่านอยู่ในคุกเพราะเจอวิกฤตชีวิตทางด้านการเมือง “ ท่านทำไมอยู่ได้ตั้งนาน ท่านไม่ทุกข์บ้างหรือ ” ท่านตอบกลับว่า “ ท่านจะทุกข์ได้อย่างไรเพราะภายในคุกมีงานให้ท่านทำตั้งมากมาย” ท่านจึงสามารถผลิตผลงานต่างๆได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะงานเขียนหนังสือ ก็ด้วยหัวใจที่ “สู้ไม่ถอย” ขนาดคุกยังไม่สามารถมาปิดกั้นในการทำงานของท่านได้
- ยายไฮ ขันจันทา นักต่อสู้แห่งจังหวัดอุบลราชธานี ยายไฮได้ต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม ที่ถูก
ทางการเวนคืนที่ดินที่เป็นสิทธิทำกินของเธอไปสร้างเขื่อน เป็นเวลาถึง 27 ปี ด้วยความมีหัวใจที่ “สู้ไม่ถอย” ยายไฮ จึงเป็นผู้ชนะในที่สุด
- สตีฟ จอบส์ คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย เป็นอีกคนหนึ่งที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว เขาตัดสินใจลาออกจาก
มหาวิทยาลัย แล้วเลือกทำในสิ่งที่เขารักโดยเขาตั้งบริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ จนสร้างความร่ำรวยได้อย่างมากมาย ตอนเขาอายุ 30 ปี เขาถูกไล่ออกจากบริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ที่เขาก่อตั้งขึ้นมาเอง เนื่องจากผู้บริหารที่เขาจ้างและเชิญมาให้ทำงานร่วมกับเขารวมหัวกับกรรมการบริษัทไล่เขาออก แต่ด้วยความมีหัวใจที่ “ สู้ไม่ถอย” เขาก่อตั้งบริษัท Next และ Pixar สร้างการ์ตูนแอนิเมชั่น จนประสบความสำเร็จมากมาย ในที่สุด บริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ได้ซื้อบริษัท Next จึงทำให้เขาได้กลับไปยังบริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์อีกครั้ง
ดังนั้น การสู้ไม่ถอย จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนๆหนึ่งประสบความสำเร็จ และเช่นกัน การสู้ไม่ถอย ได้ทำให้คนจำนวนมากเกิดความล้มเหลวเพราะการเลิกล้ม ไม่ยอมเดินหน้าต่อ ไปยังจุดมุ่งหมายปลายทาง
เอเมอร์สัน นักปราชญ์ชาวอเมริกา กล่าวไว้ว่า “ ผู้ที่เชื่อว่าตนเองสามารถทำได้นั้น จะเป็นผู้ชนะเสมอ” และ “จงทำงานที่ท่านกลัวเถิด แล้วเจ้าความกลัวก็จะหายไปอย่างแน่นอน”
...
  
บรรยาย การทำงานด้วยหัวใจ
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " การทำงานด้วยหัวใจ" แก่ บุคลากร สำนักกษาปณ์ กรมธนารักษ์ เมื่อวันที่ 6-7 มกราคม 2557 ...
  
การสร้างแรงบันดาลใจ
การสร้างแรงบันดาลใจ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในแวดวงต่างๆ เขามักเป็นคนที่มีแรงบันดาลใจในการทำงาน ฉะนั้น การสร้างแรงบันดาลใจจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จ สำหรับการสร้างแรงบันดาลใจ เราสามารถสร้างได้หลายทาง เช่น
- การตั้งเป้าหมาย การเขียนเป้าหมาย การสร้างภาพความฝัน ที่ตนเองต้องการอยู่เป็นประจำ
โดยเฉพาะตอนก่อนเข้านอน หนังสือเรื่องเดอะซีเคร็ต ได้แนะนำว่าในโลกนี้มีกฎแห่งการดึงดูด หากว่าคุณหมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องใดเป็นประจำคุณก็มักจะได้สิ่งนั้น ฉะนั้น จงคิดมัน จงฝันถึงมัน จงจินตนาการถึงมันบ่อยๆ แล้วชีวิตของคุณก็จะเดินทางไปสู่เป้าหมายหรือความฝันของตนเองในที่สุด
- การอ่านหนังสือ การอ่านหนังสือสามารถสร้างแรงบันดาลใจที่ดี โดยเฉพาะสำหรับคนบางคน
ผู้นำของหลายประเทศหลายคนทั้งในอดีตและปัจจุบัน ได้อ่านเรื่องราวของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ทางการเมือง ผู้นำประเทศเหล่านั้น จึงได้สร้างแรงบันดาลใจในตัวเองขึ้น เขาเหล่านั้นจึงเกิดความต้องการที่จะเป็นผู้นำประเทศเหมือนกับชีวประวัติของผู้นำในหนังสือบ้าง เป็นต้น
- การฟังเทป การฟัง VCD เรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงจูงใจ ก็เป็นสิ่งหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ
ขึ้น เพราะในเทป ใน VCD จะเล่าเรื่องราวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ว่าเขาทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จ ซึ่งหากว่าเราฟังแล้วนำไปปฏิบัติ เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้ดังบุคคลนั้น
- การสัมมนา การอบรม การประชุม เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถ สร้างแรงบันดาลใจได้ เพราะภายใน
งาน ผู้จัดงานมักจะนำเอาบุคคลที่ประสบความสำเร็จมาพูด มาคุย อีกทั้งการสัมมนา การอบรม การประชุม จะทำให้เราทราบความเคลื่อนไหว ข่าวคราว ของหน่วยงาน ของกิจการ ของประเทศ ซึ่งเป็นข่าวที่ใช้ในการทำงานของเราได้โดยตรง
- การรวมกลุ่มที่มีจิตใจเดียวกัน ความต้องการเดียว ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ
เช่น หากว่าเราอยากเป็นนักเขียนระดับประเทศ เราก็ควรเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน อีกทั้งเมื่อเราได้รู้จักนักเขียนมืออาชีพแล้ว เขาก็มักจะมีคำแนะนำดีๆในการสร้างแรงบันดาลใจให้เราได้เป็นนักเขียนมืออาชีพในอนาคต
- การหาแบบอย่างหรือการหาบุคคลตัวอย่าง โดยเฉพาะบุคคลที่ประสบความสำเร็จหรือบุคคลที่
เราอย่างที่จะมีชีวิตแบบเขา ก็เป็นอีกทางหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจขึ้นภายในตนเอง เช่น ไมเคิล จอร์แดน(Michael Jordan) เป็นแรงบันดาลใจให้แก่บรรดาเด็กๆหลายๆคนทั่วโลกอยากที่จะเป็นนักบาสเก็ตบอล , ไทเกอร์ วูดส์ เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอีกหลายๆคนในการที่อยากที่จะเป็นนักกอฟส์มืออาชีพ ,จอห์น เลนน่อน(John Lennon) ผู้แต่งเพลง “ Eight Day” เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอเมริกาหลายคนอยากที่จะเป็นนักแต่งเพลง,สตีฟ จอบส์ เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนหลายคนทั่วโลกในการต่อสู้ชีวิตและสร้างผลงานใหม่ๆ เป็นต้น
และมีอีกหลายวิธีในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ตนเอง ฉะนั้นบุคคลที่มีผลงานโดดเด่น มีผลงานมากมายมักจะเป็นคนที่มีความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ตนเองทั้งสิ้น จงสร้างแรงบันดาลใจในตนเองขึ้น แล้วท่านจะเป็นคนหนึ่งที่ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นและมากมายให้แก่โลกนี้


...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  [100]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.