หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การพูดหาเสียงเลือกตั้ง
การพูดหาเสียงเลือกตั้ง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การแข่งขันชิงตำแหน่งทางการเมืองในระบบประชาธิปไตย การพูดหาเสียงเลือกตั้งเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จอย่างหนึ่งที่นำพาบุคคลนั้นเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง
ผู้นำระดับโลก อย่าง ลินคอล์น(อดีตผู้นำสหรัฐ),ฮิตเล่อร์(อดีตผู้เยอรมันนี),มุสโสลินี(อดีตผู้นำอิตาลี) ผู้นำเหล่านี้ล้วนแต่มีความสามารถในการพูดหาเสียงเลือกตั้งกันทั้งสิ้น
นักการเมืองบ้านเราหลายคนที่พูดหาเสียงเลือกตั้งเก่งมักจะมีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง มากกว่านักการเมืองที่พูดไม่เก่ง เช่น คุณชวน หลีกภัย , คุณสมัคร สุนทรเวช , นายควง อภัยวงศ์ , มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ฯลฯ
ยิ่งในยุคปัจจุบัน ยุคแห่งข้อมูล ยุคของการสื่อสาร เมื่อมีการเลือกตั้งกันทุกครั้ง ก็มักจะเปิดโอกาสให้นักการเมืองได้มีโอกาสพูดหาเสียงผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ , วิทยุ , Youtube , เว๊ปไซค์ต่างๆ ฯลฯ
หากว่านักการเมืองท่านใดมีความสามารถในการพูด มีวาทศิลป์ มีสำนวนโวหาร มีลีลาการพูดดี พูดจาได้คล่องแคล่ว ก็ยิ่งจะเป็นที่ถูกใจของประชาชนโดยมากและเรียกคะแนนนิยมได้อีกด้วย
การพูดหาเสียงเลือกตั้ง จึงเป็นทั้งศาสตร์ที่สามารถเรียนรู้กันได้และเป็นทั้งศิลป์คือสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ ซึ่งการพูดหาเสียงทางการเมืองมีเทคนิคที่หลากหลาย เช่น
- การใช้บทกลอนขึ้นต้นพี่น้องที่เคารพ มีกลอนบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ ถึงฟ้ามืดยังมีดาวบนราวฟ้า ช่วยส่องทางเบื้องหน้าให้สดใส พี่น้องวีรชนส่วนใหญ่ได้ล่วงลับไป บัดนี้เสรีธรรมพร้อมที่จะสดใสขึ้นทดแทน”พี่น้องครับ
- การใช้ถ้อยคำสำนวนที่ชักจูงจูงใจ “ พี่น้องที่เคารพครับ พี่น้องมีความมั่นใจในนโยบายที่เป็นรูปธรรม จับได้ ต้องได้ วัดได้ นับได้ หรือยังครับ ”
- การพูดเปรียบเทียบ “ พี่น้องครับ ผมจะอุปมาอุปมัยให้พี่น้องเข้าใจง่ายๆ ว่า การจราจรในกรุงเทพฯ ตอนนี้ก็เหมือนกับท้องสนามหลวงซึ่งมีพื้นที่ 63 ไร่ ใครจะจอดรถในท้องสนามหลวงก็เข้าไปจอดตามใจชอบ จะมีรถเข้าไปจอดกันได้ซัก 2,000 คัน ก็เต็มแล้ว รถก็ติดขัด เข้าไม่ได้ออกไม่ได้ ยุ่งกันไปหมดเหมือนกับจราจรที่จลาจลที่กรุงเทพฯ เวลานี้”
การพูดหาเสียงเลือกตั้งจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ สำหรับผู้ที่เสนอตัวหรือผู้ที่ต้องการเล่น
การเมือง ถ้าท่านเป็นคนพูดเก่งโอกาสในการได้รับเลือกตั้งยิ่งมีมากขึ้น ซึ่งการพูดหาเสียงอาจจะพูดหาเสียงแบบเดี่ยวและการหาเสียงแบบรวม
การพูดหาเสียงแบบเดี่ยว ท่านอาจจะต้องเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ เช่น หมู่บ้าน อำเภอ ชุมชนต่างๆ วัด ตลาดสด ฯลฯ ยิ่งในช่วงวันใกล้จะเลือกตั้ง ยิ่งต้องอาศัยการพูดหาเสียงหลายจุดและต้องพูดติดต่อกันหลายวัน ทำให้นักการเมืองหลายคนเกิดอาการเจ็บคอหรือป่วยได้
การพูดหาเสียงแบบรวม เป็นกรณีที่ กกต.(สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง)จัดเวทีให้ปราศรัยรวม หรือ กรณีที่พรรคการเมืองได้นำทีมปราศรัยใหญ่มาช่วยหาเสียง
ถ้าพื้นที่เลือกตั้งเป็นพื้นที่ใหญ่ กว้างขวาง ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปหาเสียงได้อย่างทั่วถึง เราก็อาจจะใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย เช่น การบันทึกเสียงของตัวเองแล้วไปเปิดให้ประชาชนในพื้นที่ฟังหรือการถ่ายทอดสดการปราศรัยหาเสียง หลายจุดพร้อมๆกันโดยใช้ วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ เป็นต้น
สำหรับแนวทางการหาเสียงทางการเมือง นักพูดทางด้านการเมือง ควรทำการสำรวจในพื้นที่ว่าประชาชนในพื้นที่มีปัญหาอะไร แล้วจึงเลือกและเน้นการพูดหาเสียงในประเด็นดังกล่าว เช่น ยุคปัจจุบันอาจจะต้องพูดเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาเรื่องปากท้อง , ยุคอดีตที่มีการปฏิวัติ รัฐประหาร บ่อยๆ อาจพูดเน้นประเด็นของประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง , บางยุคบางสมัยอาจพูดเน้นเรื่องปัญหาการทุจริต การโกงกิน เป็นต้น

...
  
อยากประสบความสำเร็จต้องลงมือทำ
อยากประสบความสำเร็จต้องลงมือทำ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตหรือบุคคลที่สำคัญๆของโลก มักจะเป็นคนที่มีลักษณะ คิดดี พูดดี และทำดี ซึ่ง หลายๆคน มีความคิดที่ดี มีคำพูดที่ดี แต่เสียอย่างเดียว ก็คือ เขาไม่กล้าที่จะลงมือทำ
หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่อยากประสบความสำเร็จ ท่านต้องกล้าที่จะลงมือทำ
สตีฟ จอบส์ เขากล้าที่จะลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์ หากว่าเขาเป็นคนที่มีความคิดที่ดี มีคำพูดที่ดี แต่ไม่ยอมที่จะกล้าเสี่ยงที่จะลาออกแล้วมาตั้งบริษัทของตนเอง บริษัทแอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์ ก็คงจะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนในปัจจุบัน
หลุยส์ ราโมล นักเขียนหนังสือแนวนวนิยายซึ่งเขาได้รับรางวัลเบสท์ เซลเลอร์ กว่า 100 เล่ม เมื่อเขาเป็นนักเขียนใหม่ๆยังไม่มีชื่อเสียง เขาเสนอต้นฉบับหนังสือเล่มแรกให้กับสำนักพิมพ์ เขาต้องถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธเกือบ 300 ครั้ง แต่เขายังมีความคิดว่า ต้องมีสำนักพิมพ์สักแห่งที่สนใจหนังสือของเขา เขาจึงลงมือทำต่อไป เขายังคงมุ่งหน้าเสนอ ต้นฉบับกับสำนักพิมพ์ต่อ จนในที่สุดมีสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งสนใจต้นฉบับของเขา สุดท้าย เขาคือ นักเขียนชาวอเมริกันคนแรกที่ได้รับรางวัลจากสภาครองเกรส ในฐานะที่เป็นผู้แนะนำรูปแบบโครงร่างทางประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ เขาเป็นคนแรกที่ต้องการสร้างประวัติศาสตร์ เขามีความตั้งใจที่จะทำลายประวัติศาสตร์ของโลก โดยเขาต้องการวิ่งระยะทาง 1 ไมล์ ให้ได้เร็วที่สุด จนกระทั่งปี 1954 เขาวิ่ง 1 ไมล์ใช้เวลาเพียงแค่ 4 นาที ซึ่งเขาต้องลงมือซ้อม ฝึกฝน อดทน เขาจึงประสบความสำเร็จ ต่อมาเมื่อคนทั้งโลกเห็น โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ วิ่งได้ ต่อมาจึงมีคนมากกว่า 24 คน วิ่งได้
อุดมพร พลศักดิ์ หรือน้องอร ของชาวไทย เธอต้องการได้เหรียญทองโอลิมปิก เธอต้องทุ่มเท ฝึกซ้อม อดทน ด้วยความมานะ จนกระทั่งในที่สุดเธอคือผู้พิชิต เหรียญทองโอลิมปิกในปี 2547 ในประเภทกีฬายกน้ำหนักโดยเธอยกได้ 97.5 กก.ในท่าสแนตซ์ และ ท่าคลีนแอนด์เจร์กได้ 125 กก. รวมน้ำหนักที่ได้ 222.5 กก. ในขณะที่ตัวของเธอมีน้ำหนักไม่เกิน 53 กก.
คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เขาต้องการค้นหาโลกและพิสูจน์ว่าโลกกลม เขาต้องเสี่ยงภัยอยู่กลางทะเล โดยแล่นเรืออยู่เป็นหลายเดือน หลายปี จนในที่สุดเขาค้นพบอเมริกาและพิสูจน์จนได้ว่า โลกของเรากลมซึ่งตรงกันข้ามกับความเชื่อของคนสมัยนั้นว่า โลกแบนและมีความเชื่อว่าไม่ควรเดินทางโดยเรือไปไหนไกลๆ เพราะอาจจะทำให้ ตกโลกได้ เมื่อเขาพิสูจน์แล้วว่าโลกกลม จึงทำให้คนสมัยนั้นไม่กังวลอีกต่อไปว่าจะตกโลก
นีล อัลเดน อาร์มสตรอง เขาต้องการพิชิตดวงจันทร์ ในขณะที่คนสมัยนั้น คิดว่าดวงจันทร์หากไกลแสนไกล ไกลกับโลกมากเหลือเกิน คนเราไม่สามารถไปถึงได้ แต่นีล อัลเดน อาร์มสตรอง เขาไม่ได้คิดเช่นนั้น ในที่สุด คนก็พิชิตดวงจันทร์และเขาก็เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์โลกที่พิชิตดวงจันทร์ได้สำเร็จ
มหาตมะ คานธี ต้องการปลดปล่อยประเทศอินเดียให้เป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักรอังกฤษ เขาลงมือทำ เขาพยายาม เขาอดทน ต่อสู้ โดยใช้หลักการอหิงสาจนในที่สุด โลกก็ได้บันทึกว่าเขาคือนักต่อสู้แบบอหิงสาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้รับการยกย่องจากประชาชนชาวอินเดียให้เป็นบิดาแห่งอินเดียอีกด้วย
บุคคลที่กระผมได้กล่าวในข้างต้น ประสบความสำเร็จได้ก็เพราะว่า เขามีเป้าหมาย เขามีความคิด เขามีการวางแผน เขามีความทะเยนทะยาน เขามีความอดทน แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เขามีการลงมือกระทำอย่างจริงจัง หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ จงลงมือทำแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ



...
  
สนุกกับงาน
จงสนุกกับการทำงาน
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มักจะเลือกงานที่ตัวเองทำแล้วสนุก อีกทั้งยังตรงกับเป้าหมายในชีวิต ความสามารถในตัวเอง


การเลือกอาชีพในการทำงานจึงถือว่าสำคัญมากในการที่คนๆ นั้น จะประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นผู้ยิ่งใหญ่หรือเป็นคนธรรมดา ดังนั้น การเลือกงานที่ชอบจึงสำคัญกว่าเลือกงานเพราะมีเงินเดือนมาก หรือได้เงินตอบแทนมาก โดยที่ตนเองอาจไม่ชอบงานนั้นๆ


การเลือกอาชีพเพราะเห็นว่ามีความมั่นคง ถึงเลือกก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ประสบความสำเร็จทำกัน


เช่น งานราชการ ผมไม่ได้กล่าวว่างานราชการไม่ดี งานราชการมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังเช่นงานอื่นๆ แต่งานราชการบางครั้งก็ทำให้ศักยภาพของคนที่ต้องการประสบความสำเร็จด้อยลง เพราะเคยมีคนกล่าวว่า ถ้าจะทำงานราชการให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องยึดหลัก 3 ข้อ คือ


1.เจ้านายไม่ผิด


2.ถ้าเจ้านายผิดก็ให้กลับไปดูข้อ 1. ใหม่


3.ห้ามทะเลาะกับเจ้านาย เพราะจะทำให้เกิดความหายนะ


แต่ถ้าอยากทำงานในหน่วยงานราชการ บางหน่วยงานราชการให้ประสบความสำเร็จ (กระผมบอกว่าบางหน่วยงานราชการนะครับ) คนๆนั้น จะต้องมีลักษณะดังนี้


สายโลหิต ศิษย์ข้างเคียง ส่งเสบียงหลังบ้าน กราบกรานสอพลอ ล่อไข่แดง คนนั้นจะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว


สายโลหิต หมายถึง เรามีสายเลือดเดียวกันกับ เจ้านายหรือผู้บริหารคนนั้น อาจเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง


ลุง ป้า น้า อา ญาติห่างๆ ฯลฯ


ศิษย์ข้างเคียง หมายถึง เราเป็นลูกศิษย์ของเจ้านายหรือผู้บริหาร คนนั้น ทำให้เจ้านายหรือผู้บริหารเกิดความเอ็นดู รักชอบเรา มีอะไรก็เรียกใช้ เมื่อถึงเวลาพิจารณาเงินเดือนหรือตำแหน่ง มักจะได้มากกว่าหรือเลื่อนขั้นเร็วกว่า เพื่อนร่วมงาน


ส่งเสบียงหลังบ้าน หมายถึง เราต้องเอาของขวัญหรือมีของฝากเนื่องในโอกาสต่างๆ ให้เจ้านายหรือผู้บริหาร แต่ถ้าเจ้านายหรือผู้บริหารไม่รับ เราก็ต้องแอบให้แก่ภรรยาหรือเมียเจ้านายหรือผู้บริหารแทนแล้วภรรยาหรือเมียเจ้านายก็จะพูดถึงเราในแง่ดี


กราบกรานสอพลอ หมายถึง เราต้องพยายามประจบ สอพลอ เจ้านาย รู้จักพูด รู้จักชม เจ้านายหรือผู้บริหาร แต่เราต้องมีศิลปะในการพูด เพราะถ้าพูดผิดนิดหนึ่ง เขาอาจมองเราในแง่ไม่ดีได้เช่นกัน แล้วอาจเป็นภัยแก่ตัวเองได้


ล่อไข่แดง หมายถึง เอาตัวเข้าแลก หรือ เอาผู้หญิงเข้าล่อ เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งและความก้าวหน้าในอาชีพการงาน


ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องวิเคราะห์ด้วยว่า เจ้านายหรือผู้บริหาร ของเรามีนิสัยหรือพฤติกรรมเช่นไรเราถึงตอบสนองถูก เช่น เจ้านายหรือผู้บริหารเป็นคนรักครอบครัว เราดันหาผู้หญิงให้นายหรือพยายามเอาตัวเข้าแลก


ปรากฏว่าการกระทำเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ทำลายความก้าวหน้าของตนเอง


การเลือกอาชีพ ตามกระแส คนบางคนอาจจะไม่รู้จักตนเอง ไม่รู้ว่าตนต้องการอะไร เหมือนกับเด็กๆ เห็น ภราดร ศรีชาพันธ์ ตีเทนนิส ประสบความสำเร็จ บางคนก็อยากให้ลูกตีเทนนิส บางคนเห็น ไทเกอร์วูด ตีกอล์ฟ ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง ก็อยากให้ลูกเป็นนักกอล์ฟบ้าง แต่หารู้ไม่ว่า คนเรามีความสามารถแตกต่างกันไป เราไม่อาจเลียนแบบคนอื่นแล้วประสบความสำเร็จตามคนๆนั้นได้


การเลือกอาชีพ ตามเวรตามกรรม บางคนซึ่งอาจเป็นคนส่วนใหญ่ก็ว่าได้ เลือกอาชีพ ตามเวรตามกรรม เห็นว่างานไหน มีตำแหน่งว่างก็สมัครไปก่อน เมื่อได้ทำแล้ว ก็ทำแบบสบายๆ ไม่กระตือรือร้น ไม่มีความสนุกในงาน เกิดอาการเบื่อหน่าย ดูสิ่งแวดล้อมต่างๆ ของที่ทำงานก็เกิด อาการเซ็ง ถ้าเป็นอย่างนี้ กระผมขอแนะนำให้เปลี่ยนงานใหม่ที่ตรงกับความชอบ ความรัก และตรงกับความสามารถ รวมทั้งความฝันของตนเองด้วย


แต่แท้จริงแล้ว การเลือกอาชีพ หรือ เลือกงานนั้น มีความหมายมากๆ สำหรับการดำเนินชีวิตและผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต การทำงานที่ตนชอบจะทำให้ตนเองเกิดความสนุก การทำงานที่ตนชอบจะทำให้ผู้นั้นทำงานได้นานกว่าปกติ การทำงานที่ตนเองชอบจะทำให้คนนั้น มีความอดทนต่อความล้มเหลวได้มากกว่าคนธรรมดา การทำงานที่ตนเองชอบจะทำให้คนนั้นอดทนต่อการถูกด่าทอ อดทนต่อการดูถูก กว่าคนที่ไม่มีเป้าหมาย


ดังนั้น จงเลือกงานที่ตนเองชอบ เราจะมีความสุข เราจะมีความสนุก และเราจะประสบความสำเร็จในชีวิต

...
  
9 อุปนิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จ
9 อุปนิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูด วิทยากร นักเขียน
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จกับคนธรรมดาโดยทั่วไป มักมีความแตกต่างกันหลายอย่าง เช่น เรื่องของความคิด คำพูด การกระทำและอุปนิสัย ในบทความฉบับนี้ เราจะมาพูดคุยกันเรื่องของอุปนิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งมีดังต่อไปนี้
1.พวกเขามีการ “ วางเป้าหมาย” คนที่ไม่ประสบความสำเร็จเขาจะไม่มีการวางเป้าหมาย ซึ่งการวางเป้าหมายมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จ คนจำนวนมากมีความฝัน แต่ไม่มีการวางเป้าหมาย ซึ่งการวางเป้าหมายควรมีทั้งเป้าหมาย ระยะยาว ระยะกลาง ระยะสั้น หรือ อาจแบ่งเป็นเป้าหมาย 10 ปี เป้าหมายรายปี เป้าหมายรายเดือน เป้าหมายรายสัปดาห์ เป้าหมายรายวัน เป็นต้น
นักขายจำนวนมากมีความฝันอยากที่จะร่ำรวยเงินทอง แต่ไม่มีการวางเป้าหมายว่าจะสร้างรายได้จากการขายปีละเท่าไร เดือนละเท่าไร สัปดาห์ละเท่าไร วันละเท่าไร หรือ เป้าหมายในการเข้าพบลูกค้าก็เช่นกัน ถ้าไม่มีการวางเป้าหมายในการเข้าพบจำนวนกี่รายต่อปี ต่อเดือน ต่อสัปดาห์ ต่อวัน แล้วนักขายคนนั้นก็จะไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพนักขาย ดั้งนั้น หากเราไม่มีเป้าหมายในการทำงาน เราก็จะไม่รู้ว่าเราจะเดินทางไปในทิศทางไหน
2.พวกเขามี “ ความรับผิดชอบต่อชีวิตของเขาอย่างเต็มที่ ” ซึ่งแตกต่างกับคนโดยทั่วไป ทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จก็มักจะโทษสิ่งต่างๆ ยกเว้นโทษตัวเอง ตอนเด็กๆ เพื่อนของผมหลายคนไม่ได้ส่งการบ้านคุณครู เมื่อคุณครูถาม แทนที่จะยอมรับผิด หลายคนกลับมีข้อแก้ตัวต่างๆนานา ว่า “หมาคาบการบ้านไปบ้าง” “ พ่อแม่พาไปกินข้าวนอกบ้านกลับบ้านมาดึกเลยไม่ได้ทำการบ้านบ้าง” ดั้งนั้น คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะไม่โทษคนอื่นหรือสิ่งต่างๆ รอบตัว แต่เขาจะรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง พวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาต้องการประสบความสำเร็จ พวกเขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตนเองและรับผิดชอบตัวของเขาเอง
3.พวกเขา “ มีวินัย ” หลายคนทำงานที่บ้านโดยไม่มีเจ้านายค่อยควบคุม แต่เขามีวินัยในตนเอง จึงสามารถสร้าง ผลงานได้อย่างมากมายมหาศาล เช่น อาชีพนักเขียน นักเขียนเป็นจำนวนมากที่ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพนักเขียน เนื่องจากว่าไม่มีวินัยในตนเอง หลายคนวางเป้าหมายว่าจะเขียนหนังสือให้ได้วันละ 10 หน้า แต่ปรากฏว่าเขียนได้วันละ 10 หน้าได้แค่ 2-3 วัน วันที่ 4 เริ่มขี้เกียจจนกระทั่งต่อมา เริ่มสร้างเป็นนิสัยบางวันเขียนบ้าง บางวันไม่เขียนบ้าง แทนที่ถ้ามีวินัย ถ้าเขาเขียนวันละ 10 หน้าต่อวัน ก็จะทำให้ 1 ปี มีผลงานการเขียนถึง 3,650 หน้าเลยทีเดียว หรือ ได้หนังสือถึง 20 เล่มต่อปี(เล่มละ 180-200 หน้าต่อเล่ม)
4.พวกเขามี “ การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง” อยู่ตลอดเวลา พวกเขาจะแสวงหาความรู้ใหม่ๆเพื่อนำเอาไปใช้ในการทำงาน เช่น การอ่านหนังสือเป็นจำนวนมาก การเข้ารับการอบรมเพื่อหาความรู้และข้อมูลแปลกๆใหม่ที่เกี่ยวข้องกับงานของตนเอง หรือการฟังหนังสือเสียงในรถเวลาที่รถติดหรือเวลาเดินทางไกล เป็นต้น
5.พวกเขามี “ การบริหารเวลาที่ดี ” คนในเรามีเวลาเท่ากันทุกคนในโลกคือ 24 ชั่วโมงต่อวัน แต่คนที่ประสบความสำเร็จเขาจะรู้จักการบริหารเวลา จึงทำให้เขาสร้างผลงานได้มากกว่าคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาจะรู้จักการจัดความสำคัญของงานและความเร่งด่วนของงาน กล่าวคือ งานที่มีความสำคัญกว่าและมีความเร่งด่วนเขาจะทำงานชิ้นนั้นก่อน และรู้จักการวางแผนในการทำงานที่มีความสำคัญแต่ไม่มีความเร่งด่วนให้เสร็จก่อน หรือมีการจัดลำดับความสำคัญของงานหรือกิจกรรมเป็น A B C D E F เป็นต้น
6.พวกเขาชอบ “ ความเสี่ยง ” คนจำนวนมากชอบเรื่องของความมั่นคง ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ชอบความเสี่ยง ชีวิตจึงนิ่ง ซึ่งแตกต่างกับคนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่พวกเขาจะชอบความเสี่ยง เช่น ชอบการลงทุนเพราะการลงทุนสามารถทำให้เกิดกำไรขึ้น ในขณะเดียวกันการลงทุนก็เสี่ยงกับการขาดทุนหรือล้มละลาย คนเป็นจำนวนมากมักไม่ชอบเรื่องของการเปลี่ยนแปลงเพราะทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมต้องพบการความเสี่ยงอยู่เสมอ คนจำนวนมากเบื่อหน่ายงานที่ตนเองทำมาเกือบ 10 ปี แต่ก็ไม่กล้าที่จะลาออกไปทำงานใหม่หรือออกมาค้าขาย เนื่องจากกลัวความเสี่ยงที่จะขาดทุน เป็นต้น
7.พวกเขา “ กล้าที่จะล้มเหลวหรือลุกขึ้นมาใหม่ทุกครั้งที่ล้มเหลว” เศรษฐีหรือมหาเศรษฐีเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ หลายๆคนต้องพบกับการขาดทุนในกิจการที่ตนเองลงทุนไป แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นใหม่ จนกระทั่งร่ำรวยและประสบความสำเร็จในที่สุด เช่น ผู้พันเซนเดอร์หรือผู้พัน KFC พวกเราลองไปศึกษาชีวิตในอดีตท่านล้มเหลวมาโดยตลอดก่อนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตหลังวัยเกษียณอายุ หรือ อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐ ลินคอล์น พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเป็นจำนวนมากแต่ท่านไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นมาต่อสู้ จนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี
8.พวกเขา “ จะหาวิธีที่จะเอาชนะในการแข่งขัน “ โลกยุคปัจจุบันเป็นโลกแห่งการแข่งขัน หน่วยงานต่างๆ องค์กรต่างๆ ธุรกิจต่างๆ ต้องมีคู่แข่งขัน คนที่ประสบความสำเร็จเขาจะแสวงหาวิธีการ เครื่องมือ หรือสิ่งใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการทำงานเพื่อที่จะเอาชนะคู่แข่งขัน โดยอาศัยเรื่องของ ความคิดเข้ามาช่วยในการทำงาน “ พวกเขาจะใช้ความคิดของการสร้างสรรค์” เข้ามาช่วย
9.พวกเขา “ รู้ว่าตนเองรักอะไรหรือชอบที่จะทำอะไร” คนที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง เขาจะรักในงานที่ตนเองทำหรือเขาจะเลือกทำงานที่ตนเองรัก เขาจึงทำงานอย่างมีความสุขและสามารถทำงานได้เป็นเวลานาน บางคนทำงานได้ตลอดชีวิตถ้าเขาได้ทำงานที่ตนเองรัก “ จงค้นหาให้พบว่าเราชอบทำงานอะไร” แล้วท่านจะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

...
  
เทคนิคในการเรียนพูดภาษาอังกฤษ
เทคนิคในการเรียนพูดภาษาอังกฤษ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ปัจจุบัน ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมาก ใครที่เก่งภาษาอังกฤษย่อมสร้างโอกาสและมักจะได้เปรียบคนอื่นๆ ไม่จะเป็นเรื่องของหน้าที่การงาน การติดต่อสื่อสาร โอกาสในการสอบชิงทุนการศึกษาเพื่อไปต่างประเทศหรือการสอบไปดูงาน ต่างประเทศ หรือทำวิจัย ทดลอง ค้นคว้า ในต่างประเทศ ซึ่งจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในสอบแข่งขัน
ยิ่งปัจจุบันประเทศไทย ได้เข้าสู่ AEC หรือ Asean Economics Community คือการรวมตัวของชาติใน Asean 10 ประเทศ. ได้แก่ ไทย พม่า ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา บรูไน. ซึ่งมีข้อตกลงกันว่าให้ใช้ภาษาอาเซียนในการติดต่อสื่อสารกัน ซึ่งภาษาอาเซียนก็คือภาษาอังกฤษนั่นเอง
สำหรับบทความนี้ กระผมมีเทคนิคในการเรียนพูดภาษาอังกฤษให้ได้ผล มาฝากกัน คือทำอย่างไรถึงจะพูดภาษาอังกฤษได้ ทั้งนี้จะสังเกตดูว่า ประเทศไทยของเรา เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงเรียนในมหาวิทยาลัย แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เทคนิคในการเรียนพูดภาษาอังกฤษให้ได้ผลมีดังนี้
1. ฟัง ฟัง ฟัง คือ ฟังภาษาอังกฤษให้มากๆ ฟังทุกๆวัน ฟังในทุกที่ที่โอกาสอาจจะฟังครั้งละ 5 นาที 10 นาที 15 นาที ฟังในทุกสถานที่ เช่น เวลาอาบน้ำ ก็เปิดภาษาอังกฤษฟัง เวลาเดินออกกำลังกายก็ใช้หูฟัง ฟังภาษาอังกฤษไปด้วย ถ้าทำได้เช่นนี้ เราจะสามารถฟังภาษาอังกฤษสะสมได้วันละอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ทีเดียว
2. ฟังซ้ำไป ซ้ำมา ให้เกิดการจดจำและเกิดทักษะในการเข้าใจภาษาอังกฤษมากขึ้น เช่นเราฟังนิทานภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ เราฟังครั้งแรกเราอาจจะไม่เข้าใจ 100 % เราอาจจะเข้าใจเพียง 30% แต่ถ้าเราฟังครั้งที่ 2 เราอาจจะจำเรื่องราวได้ชัดเจนขึ้น และความเข้าใจก็จะเพิ่มขึ้นจาก 30%เป็น 35% และถ้าเราฟังครั้งที่ 3,4,5,6,7,8,9,10…………เ ราก็จะยิ่งเข้าใจเรื่องราวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนถึง 100 %
3. ฟังเรื่องที่ง่ายๆไปหาเรื่องที่ยากๆ เช่น ฟังนิทานสำหรับเด็กก่อน เพราะใช้คำศัพท์ที่ง่าย ถ้าเราเริ่มต้นจากการฟังข่าวภาษาอังกฤษซึ่งมีศัพท์ที่ยากหรือมีศัพท์เฉพาะเยอะ เราก็อาจจะเรียนรู้ได้ช้าลง เหมือนกับการยกน้ำหนัก เราควรที่จะเริ่มจากน้ำหนักที่น้อยก่อนแล้วเพิ่มจำนวนน้ำหนักขึ้นไปทีละนิด ถ้าเราเริ่มจากการยกน้ำหนักที่มีน้ำหนักมากเราก็จะยกมันไม่ไหว
4. ฟังเรื่องราวที่สามารถนำเอาไปใช้ในการสนทนาภาษาอังกฤษได้จริงๆ ไม่ควรฟังหรืออ่านหนังสือ ตำรา เรียนซึ่งไม่สามารถช่วยทำให้เราสนทนาภาษาอังกฤษได้ดี เพราะในตำราเรียนเป็นรูปแบบที่ตายตัว แต่ในความจริงเราสามารถตอบได้หลายคำตอบ เช่น คนที่ 1 Good morning.How are you? คนที่ 2 I am fine. Thank you and you. คนที่ 1 I am fine.ประโยคพวกนี้พวกเราคงฟังกันคุ้นหูเนื่องจากอยู่ในหนังสือเรียนภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่แต่ในความเป็นจริง เราสามารถตอบได้หลายคำตอบ เช่น คนที่ 1 Good morning.How are you? คนที่ 2 I am good. I am sick. I am great.I am very well today. I am tired. I am hungry.I am not so good today.เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าท่านอยากพูดอังกฤษได้ ท่านจะต้องฟังภาษาอังกฤษให้มาก เพราะการพูดมาจาก
การฟัง เมื่อท่านฟังภาษาอังกฤษได้หรือรู้ว่าเขาพูดอะไร ท่านก็จะเข้าใจและท่านก็จะเริ่มขยับปากพูดได้ทีละนิดทีละหน่อย เมื่อท่านฟังภาษาอังกฤษเข้าใจได้ระดับหนึ่ง ขั้นต่อไปกระผมแนะนำให้เริ่มอ่านภาษาอังกฤษ เพราะจะทำให้เรารู้ศัพท์เพิ่มมากขึ้นและทำให้เราพูดภาษาอังกฤษได้ดียิ่งขึ้น
การอ่านภาษาอังกฤษก็ใช้หลักการเดียวกันกับการพูดก็คือ อ่านทุกเวลาที่มีโอกาส อ่านซ้ำไป
ซ้ำมาหลายๆรอบ(ซึ่งสิ่งที่เราฟังและซึ่งที่เราอ่านควรเป็นเรื่องที่เราชอบ) อ่านจากหนังสือที่ง่ายๆไปหนังสือที่ยาก(เช่นอ่านนิทานสำหรับเด็กก่อน ไม่ควรอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษก่อนในระยะที่ฝึกฝนใหม่ๆ) และไม่ควรอ่านหนังสือเรียน หนังสือตำราเรียนภาษาอังกฤษ(เพราะพวกเราอ่านมากแล้วในโรงเรียนในมหาวิทยาลัยแต่ก็ลืมไปเกือบหมด) ควรอ่านหนังสือจำพวกนิทานหรือหนังสือที่ช่วยทำให้การพูดภาษาอังกฤษได้ดี
...
  
โต้วาที โลกนี้ไม่ควรมีวันวาเลนไทน์
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพิษณุโลก เป็นกรรมการและผู้เสนอแนะ ในรายการ U-Debate ของสถานีโทรทัศน์ VOICE TV ในญัตติ โลกไม่ควรมีวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่าง มหาวิทยาลัยกรุงเทพและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ...
  
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ท่านผู้อ่านทุกท่านครับ ถ้าหากว่าพวกเราย้อนหลังไปในอดีต สิ่งมหัศจรรย์ ทั้งหลายในโลก ล้วนแล้วแต่ ถูกมนุษย์ สร้างขึ้น ประดิษฐ์ขึ้น คิดค้นขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น ดาวเทียม คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์สี โทรศัพท์มือถือ ในยุค 50 ปีก่อน ไม่มี เดี๋ยวนี้มี
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน F 16 ยานอาวกาศ จรวด ในอดีตไม่มี แต่ปัจจุบันมี
สิ่งต่างๆถูกมนุษย์สร้างขึ้น พัฒนาขึ้น ประดิษฐ์ขึ้น คิดค้นขึ้น
ในอดีต “ ใครๆ ก็บอกว่านกเท่านั้นที่บินได้ ” แต่ด้วยน้ำมือของ 2 พี่น้องตระกูลไรค์ เครื่องบินลำแรกถูกสร้างขึ้น
ในอดีต “ ใครๆ ก็บอกว่า มนุษย์ไม่สามารถวิ่งได้ระยะทาง 1 ไมล์ น้อยกว่า 4 นาที ” และแล้วโรเจอร์ แบนนิสเตอร์ ก็เป็นมนุษย์คนแรกที่วิ่งได้ ในเวลาต่อมาก็มีคนอีก 10 คน 100 คน 1,000 คน 10,000 คน 100,000 คนวิ่งได้
ในอดีต “ ใครๆก็บอกว่า มนุษย์ไม่มีวันเหยียบดวงจันทร์ได้ ” และแล้ว นีล อาร์มสตรอง เป็นมนุษย์คนแรกในโลกที่ได้ลงไปเหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรก
ท่านผู้อ่านที่รักทั้งหลายครับ ท่านจะเห็นได้ว่า สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ จากความคิด ความฝัน การลงมือทำ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆจึงเกิดขึ้น
นโปเลียน ฮิลล์ อดีตที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐ 3 สมัย กล่าวไว้ว่า “ ถ้าหากท่านคิดว่า ท่านทำได้ ท่านจะทำได้ แต่ถ้าหากท่านคิดว่า ท่านทำไม่ได้ ท่านก็จะทำไม่ได้” ความคิดเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ ถ้าคุณเปลี่ยนความคิด ชีวิตของคุณเปลี่ยน
บุคคลส่วนใหญ่ในโลกนี้ ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะพวกเคยชินกับความคิดเดิมๆ ความคิดเล็กๆ ความคิดที่ว่า “ทำไม่ได้ “ “ฉันไม่กล้า” แล้วเราจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร
เรา จนไม่ใช่เพราะพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์ แต่เป็นเพราะ เราไม่เคยคิดที่จะรวย
เรา ไม่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เพราะ เทวดา นางฟ้า พระอินทร์ แต่เป็นเพราะเราไม่เคยคิดที่จะประสบความสำเร็จต่างหาก
“ อันใครเล่า กำหนดชีวิตข้า ใช่เทวาดาดฟ้า อะไรหนา
ตัวข้านี้กำหนด มันมา ชั่วดีหนาเกิดจากกรรม ข้าทำเอง”
ฉะนั้นหนทางไปสู่ความสำเร็จนั้นจะว่ายาก มันก็ยาก จะว่าง่ายมันก็ง่าย จะว่าไกลมันก็ไกล จะว่าใกล้มันก็ใกล้ ดังเช่น ระยะทาง จากกรุงเทพถึงภูเก็ต ใครที่คิดว่าไกลมันก็ไกล ใครที่คิดว่าใกล้ มันก็ใกล้ แต่ระยะทางที่ไกลกว่านั้น ก็คือความคิดของคุณต่างหาก
“ ฉันแก่เกินไป” ผู้พันแซนเดอร์ส ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่หลังเกษียณอายุ 60 ปี เขาได้เริ่มทำธุรกิจร้านเคนตั๊กกี้ฟรายด์ชิกเก้นหรือ KFC เขาจึงประสบความสำเร็จภายหลังเกษียณอายุ
“ ฉันเด็กเกินไป” ไมเคิล แจ็คสัน ประสบความสำเร็จกลายเป็นนักร้องชื่อดังในขณะที่เขาเพิ่งออกจากโรงเรียนอนุบาล และด้วยความคิดอย่างผู้ประสบความสำเร็จในที่สุด “เขาคือ ราชาเพลงป๊อบของโลก”
“ ฉันมีการศึกษาน้อย” โธมัส อัลวา เอดิสัน เขาเรียนหนังสืออย่างเป็นทางการได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น แต่เขาก็เป็นนักประดิษฐ์เอกของโลก ซึ่งเขามีสิทธิบัตรเกือบ 1,300 ชิ้น
“ ฉันมันโง่” อัลเบิรต์ ไอนสไตน์ สมัยเด็กๆ เขาเป็นคนพูดช้า ชอบฝันกลางวัน จนครูที่สอนเขากล่าวหาเขาว่า เป็นเด็กที่ผิดปกติ และแล้วในเวลาต่อมา คนทั้งโลกได้ยอมรับเขาว่า เขาคืออัจฉริยะบุคคล เขาคือผู้คิดทฤษฏีซึ่งก่อกำเนิดปรมณู
“ ฉันมันคนขี้คุก” เนลสัน แมนเดลา นักโทษทางการเมืองที่ติดคุกยาวนานที่สุดของโลกคนหนึ่ง เขาติดคุกนานถึง 25 ปี แต่สุดท้ายเขาคือ ประธานาธิบดีของอาฟริกาใต้ ในขณะที่อายุ 76 ปี
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ความคิดของคุณ หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ ความคิดของคุณต้องชัดเจน ความฝันของคุณต้องชัดเจน มันจึงจะพาชีวิตของคุณไปสู่เป้าหมาย
ชาวประมงจะเดินเรือต้องมีเข็มทิศ คุณจะดำเนินชีวิตคุณจะต้องมีเป้าหมาย
เป้าหมายสามารถเปลี่ยนแปลงโลก เป้าหมายสร้างคนให้เป็นคน เป้าหมายสามาถควบคุมความคิด ควบคุมการกระทำ ควบคุมบุคลิก ให้คุณกล้าที่จะแสดงออก
คุณต้องกล้าคิด กล้าที่จะตั้งเป้าหมาย กล้าที่จะฝัน แล้วคุณจะเป็นเจ้าของมัน มันอยู่ที่ความคิดของคุณ ว่าคุณจะใส่อะไรเข้าไปในสมอง แล้วคุณต้องดูแลมัน คุณต้องรดน้ำพรวนดิน เพราะ ถ้าคุณไม่ดูแลความคิด ความฝันของคุณ แล้วใครจะดูแลให้คุณ
คนเป็นจำนวนมาก แลกชีวิต แลกร่างกาย แลกค่าตอบแทนกับสิ่งตอบแทนเล็กๆน้อยๆ แล้วคิดว่า “ ฉันทำได้แค่นี้” ฉันขายได้เท่านั้น ฉันทำรายได้เพียงเท่านี้ แต่จริงๆแล้ว เราสามารถทำรายได้ ได้โดยไม่มีขีดจำกัด
คนจำนวนน้อยคนร่ำรวยมัก Think Big หรือ คิดใหญ่ แต่คนจำนวนมากมัก Think small หรือ คิดเล็ก คิดเพียง 1 คิด ฝันเพียง 1 ฝัน ถ้าคุณจะคิดทั้งที ผมขอแนะนำคุณให้คิดใหญ่ๆ เมื่อคุณจะ ฝันทั้งที ทำไมคุณไม่ ฝันใหญ่
ฉะนั้น คุณจะเป็น นักขาย นักพูด นักการเมือง นักสื่อสารมวลชน นักการทูต คุณจะเป็น นักอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่ที่คุณ ถ้าคุณกล้าคิด ถ้าคุณกล้าฝัน ถ้าคุณกล้าตั้งเป้าหมาย คุณสามารถเป็นสิ่งนั้นได้



...
  
การพูดทางการเมือง
การพูดทางการเมือง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การพูดทางการเมือง เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ เพราะการพูดทางการเมือง หากเรานำไปใช้ยังสถานที่หนึ่งแล้วได้ผล แต่เราอาจจะนำเอาคำพูดไปใช้อีกที่หนึ่งไม่ได้ผลก็ได้ อีกทั้งเวลาเปลี่ยนไป การพูดทางการเมืองก็ต้องมีการปรับประยุกต์ให้เข้ากับเหตุการณ์นั้นๆ
การพูดทางการเมือง มีทั้งการพูดก่อนหาเสียง ในระหว่างการหาเสียง การพูดหลังหาเสียง การพูดให้สัมภาษณ์นักข่าว และการพูดในรัฐสภา สำหรับการพูดในรัฐสภา ผู้พูดจะต้องเรียนรู้เรื่องการตั้งกระทู้ การตอบกระทู้ การอภิปราย การมีไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงการเรียนรู้กฎระเบียบต่างๆในการประชุม
การปราศรัยทางการเมืองนั้น ถ้าจะพูดไปแล้ว เป็นเพียงการปูความศรัทธาของผู้เลือกอย่างผิวเผิน เพราะถ้าเราจะปราศรัยทางการเมืองได้ดีพิเศษ สุดยอดสักเพียงใด ถ้าคนจะไม่เลือกเราเสียอย่างหรือตั้งใจจะไม่เลือกเสียแล้ว ยากมากเลยครับ ที่จะโน้มน้าวคนให้มาเลือกเรา เนื่องจากคนที่ไปฟังเราหาเสียงนั้นมีอยู่ 3 พวกก็คือ พวกที่ 1 พวกเตรียมไปเลือกเราอยู่แล้วหรือมีความตั้งใจจะเลือกอยู่แล้ว หากว่าเราพูดได้ดีเขาก็ยิ่งเกิดความเชื่อมั่น เกิดความศรัทธา พวกที่ 2 พวกตั้งใจจะไม่เลือกเราอยู่แล้ว ถึงเราจะพูดดีอย่างไร เขาก็จะไม่เลือก พวกที่ 3 พวกที่กลางๆ คือพวกที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกใคร หากว่าเราพูดได้ดี เขาก็จะมีโอกาสเปลี่ยนใจมาเลือกเรา แต่หากเราพูดไม่ดี เขาก็จะเปลี่ยนใจไปเลือกคนอื่น
การพูดทางการเมือง กับ การวิเคราะห์พื้นที่เลือกตั้ง การพูดทางการเมืองในชนบทกับในเมืองใหญ่ๆ มีความแตกต่างกัน อีกทั้งการหาเสียงในหมู่บ้านก็มีความแตกต่างกันอีก เช่น ในพื้นที่กรุงเทพฯ ในการหาเสียงเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัด หากท่านไม่สังกัดพรรคใดๆ โอกาสที่จะได้รับการเลือกตั้งน้อยมากถึงแม้ท่านจะพูดเก่งสักเพียงใด แต่หากว่า ท่านสังกัดพรรคการเมืองที่ดีแล้ว ท่านพูดเก่งด้วย โอกาสจะได้รับการเลือกตั้งมีอยู่สูงมาก สำหรับการหาเสียงในเมืองหรือเมืองใหญ่ ส่วนใหญ่จะใช้เวทีการปราศรัยใหญ่ มากกว่าเดินตามห้องแถว เพราะเราจะเดินทุกห้องก็คงยากเนื่องจากเวลามีจำกัด
การแต่งกลอนในการพูด ก็มีความสำคัญเพราะจะทำให้คนจดจำได้ง่ายขึ้น เช่น
อยากได้ผู้แทน เป็นคนเก่ง ต้องเลือกเบอร์ 5
อยากได้ผู้แทน เป็นคนดี ต้องเลือกเบอร์ 5
อยากได้ผู้แทน เป็นที่พึ่ง ต้องเลือกเบอร์ 5
อยากได้ผู้แทน ใช้คล่อง ต้องเลือกเบอร์ 5
อยากได้ผู้แทน มีฝีมือ ต้องเลือกเบอร์ 5
ฉะนั้นการแต่งกลอนเพื่อนำไปพูดประกอบการหาเสียง จะสร้างการจดจำเบอร์ของผู้สมัครได้ง่าย อีกทั้งประชาชนในพื้นที่จะจำติดปาก
การพูดทางการเมืองที่ดี ต้องมีการพูดที่มาจากใจ มีความจริงใจ มั่นใจ มีความเชื่อมั่นในตนเอง แต่อย่าย่ามใจ ชะล่าใจ อีกทั้งไม่ควรพูดโกหก วิธีการไม่โกหก ก็คือ เรื่องใด ถ้าจะพูดโกหก ก็ไม่ต้องพูด เฉยเสีย นิ่งเสีย เพราะการพูดโกหก จะมีผลเสียมากกว่าผลดี และผู้พูดทางการเมืองก็จะจำไม่ได้ว่า เรื่องใดได้พูดโกหกออกไป ดังคำกล่าวของ ลินคอล์นที่ว่า “ ท่านอาจโกหกคนบางคนได้ตลอดเวลา ท่านอาจจะโกหกคนทุกคนได้ตลอดเวลา แต่ท่านไม่สามารถโกหกคนทุกคนได้ทุกเวลา ” ถ้าเช่นนั้น นักพูดทางการเมืองที่ดีจึงไม่ควรโกหกประชาชน
ตัวอย่างเช่น หากท่านเป็นนายกรัฐมนตรี นักข่าวถามว่า “ ท่านครับ มีข่าวลือว่าท่านจะมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีหรือครับ” หากเป็นความจริงแล้ว ท่านปฏิเสธว่า “ ไม่มี ” แต่ อีกไม่กี่วันท่านมีการปรับเปลี่ยน ประชาชนก็จะไม่ศรัทธาในคำพูดของท่าน แต่ ถ้าท่านบอกว่า “ จะมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีอีก สองวันข้างหน้า” ก็จะเกิดความวุ่นวาย เกิดความขัดแย้งภายในรัฐบาลได้ ฉะนั้น หากท่านเป็นนักพูดทางการเมืองที่ดี ท่านจะพูดหาทางออกอย่างไร แต่มีนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งซึ่งกระผมไม่ขอเอ่ยนามกล่าวไว้อย่างน่าฟังว่า “ เอาข่าวมาจากไหน ” นักข่าวตอบว่า “ ข่าวลือครับท่าน” นายกรัฐมนตรีท่านนั้นตอบกลับทันทีว่า “ อ้อ ข่าวลือหรือ ข่าวลือมันก็คือข่าวลือ” เราจะเห็นได้ว่า นายกรัฐมนตรีท่านนี้ ไม่ได้ตอบว่า มีการปรับหรือไม่มีการปรับรัฐมนตรี อีกทั้งไม่ได้โกหกด้วย
ตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง ในสมัยหนึ่ง มีข่าวว่า มีนักบินคนหนึ่งเคยเห็นหลวงปู่แหวนลอยอยู่บนท้องฟ้า จึงมีคนไปถาม หลวงปู่แหวนว่า “ หลวงปู่ หลวงปู่เหาะได้หรือ” ถ้าหลวงปู่บอกว่า “ เหาะได้” ก็จะเข้าข่ายอวดอุตตริมนุษยธรรม แต่ถ้าบอกว่า “ เหาะไม่ได้” ทั้งที่ เหาะได้ ก็จะเข้าข่าย มุสา หลวงปู่ตอบว่า “อาตมาไม่ใช่นกเนี่ย ” ผิดไหมไม่ผิด เพราะหลวงปู่แหวนไม่ใช่ นก เป็นต้น






...
  
จะทำงานอย่างไรให้ก้าวหน้า
จะทำงานอย่างไรให้ก้าวหน้า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
คนเราทุกคนเกิดมาแล้วต้องทำงาน และเวลาที่เราใช้ในชีวิตการทำงาน เราใช้เวลาเป็นจำนวนมาก แล้วเราจะทำงานอย่างไรให้มีความก้าวหน้า สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน เขาจะมีปัจจัยที่ทำให้ตนเองก้าวหน้าดังนี้
1.ต้องรักงานที่ตนเองทำ รวมไปถึง รักเพื่อนร่วมงาน รักเจ้านาย รักองค์กร รักสถานที่ทำงาน เมื่อเขามีทัศนคติที่บวก เขาก็จะทำงานอย่างมีความสุข ขยันขันแข็งในการทำงาน แต่ในทางกลับกัน ถ้าเขาไม่รักงานที่ทำ ไม่รักเพื่อนร่วมงาน ไม่รักเจ้านาย ไม่รักองค์กร ไม่รักสถานที่ทำงาน เขาก็จะมีทัศนคติในทางลบ จึงทำให้เขาเกิดการเบื่อหน่าย ไม่มีความสุขที่ต้องทำงาน เกิดอาการที่ท้อแท้ หมดกำลังใจ เมื่อหนักๆ เข้าเขาก็พร้อมที่จะลาออกจากงานที่เขาทำ
แล้วมีคำถามว่า แล้วจะทำอย่างไรถึงจะมีทัศนคติให้มีความรักงานที่ทำ คำตอบคือ ท่านต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ ลองคิดว่างานให้อะไรแก่เราบ้าง เช่น งานทำให้เราได้ช่วยเหลือผู้อื่น งานทำให้เราได้สถานะภาพที่ดีขึ้น งานทำให้เราได้รับรายได้ งานให้เรามีคุณค่าในความเป็นคน งานทำให้เราได้ชื่อเสียง ฯลฯ
2.ต้องให้งานสอนเรา คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมากกว่าคนธรรมดา มักจะเป็นคนที่ทำงานมาก การทำงานด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน จึงทำให้เขาทำงานได้เก่งขึ้น ระหว่าง ครูสอน กับให้งานสอน ท่านผู้อ่านคิดว่า อย่างนั้นทำให้เราเก่งงานกว่ากัน แน่นอนครับ ให้งานสอนครับ ฉะนั้น เราจะสังเกตว่า คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะเป็นคนที่ขยันทำงาน ทำงานจนเกิดความเชี่ยวชาญ
3.ต้องมีความกระตือรือร้นในการทำงาน นักข่าวท่านใดมีความกระตือรือร้นในการหาข่าว มักจะได้ข่าวก่อน แต่นักข่าวคนใดเฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้น ก็มักจะหาข่าวได้ช้า ความกระตือรือร้นจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนทำงานแล้วประสบความสำเร็จ และพบกับความก้าวหน้า
4.ต้องมีความพยามยาม กัดไม่ปล่อย คนที่ประสบความสำเร็จในที่ทำงาน เขาจะเป็นคนทุ่มเท เขาจะไม่หยุดก่อนที่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่ เมื่อเจอปัญหาเพียงแค่ครั้ง สองครั้ง ก็จิตใจท้อแท้ ตรงกันข้ามกับคนที่ประสบความสำเร็จในระดับที่สูง เขาจะกัดไม่ปล่อย เช่น เอดิสัน กว่าจะคิดค้นหลอดไฟฟ้าได้ เขาต้องล้มเหลวถึง 1,000 ครั้ง เลยทีเดียว แต่คนส่วนใหญ่ พบกับความล้มเหลวเพียงไม่กี่ 10 กี่ 100 ครั้ง ก็เลิกล้มเสียแล้ว
5.ต้องมีสติในการทำงาน คนไม่มีสติ มักจะเกิดอาการสับสน หลายคนเมื่อออกจากบ้าน ก็คิดว่า ตัวเองลืมปิดไฟ ลืมปิดกุญแจ ลืมปิดน้ำ ก็เนื่องจากตนเองไม่มีสติ เช่นกัน ในการทำงานเราต้องมีสติ บางคน ทำงานแล้วเกิดข้อบกพร่องขึ้นในงาน ก็เนื่องจากความไม่มีสติ ฉะนั้น จงทำงานอย่างมีสติ แล้วก็จะไม่เกิดความเสียหายขึ้นภายในงาน ไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เกิดความสูญเสียต่างๆ
6.ต้องทำงานอย่างฉลาด หลายคนทำงานมาก ทำงานนาน แต่ไม่มีความก้าวหน้า สาเหตุเนื่องมาจาก เขาไม่ยอมที่จะเรียนรู้งานอะไรใหม่ๆ เขาไม่ยอมที่จะแก้ไข เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน เขาไม่คิดที่จะนำเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ในการทำงาน เช่น ไม่เรียนรู้ ไม่นำเอา เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ มาช่วยในการทำงาน
ดังนั้น หากท่านต้องการที่จะมีความก้าวหน้าในการทำงาน ท่านต้องรักงานที่ท่านทำ ท่านต้องให้งานสอนท่าน ท่านต้องมีความกระตือรือร้นในการทำงาน ท่านต้องมีความพยายาม ท่านต้องมีสติในการทำงานและท่านต้องทำงานอย่างฉลาด
...
  
คิด พูด ทำ ความสำเร็จ
ฟัง คิด พูด ทำ สู่ความสำเร็จของนักบริหาร


โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


ม.นเรศวร พะเยา


นักบริหารที่ต้องการประสบความสำเร็จในงานด้านบริหารจัดการ ควรมีหลักยึดของนักบริหารที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งหลักยึดในการปฏิบัตินั้นมีอยู่หลายทฤษฏี มีอยู่หลายแบบ แล้วแต่ว่าเราจะยึดหลักไหน แต่ในวันนี้กระผมขอนำเสนอ หลักยึดหนึ่งที่ทำให้ผู้บริหารประสบความสำเร็จก็คือ ฟัง คิด พูด ทำ


1.พึงฟัง เพื่อค้นหาความต้องการหรือปัญหาที่แท้จริงที่เกิดขึ้นในงาน นักบริหารที่ดี ต้องรู้จัก ฟัง ฟัง ฟัง ฟัง เพื่อหาความต้องการหรือปัญหาที่แท้จริง ตั้งใจฟังในปัญหาหรือความต้องการของลูกน้องหรือลูกค้า ไม่ควรพูดในขณะที่ลูกน้องหรือลูกค้า บอกหรือบรรยายเกี่ยวกับปัญหาเพราะจะทำให้เราไม่ทราบปัญหาที่แท้จริง


สำหรับศิลปะในการฟัง คือ เมื่อลูกน้องหรือลูกค้า เล่าเรื่องหรือปัญหาอะไร เราอาจมีการตอบรับบ้าง เช่น โอ้โฮ เหรอครับ เยี่ยมเลย ครับ ค่ะ ยอดไปเลย คือฟังแล้วได้อรรถรสได้บรรยากาศ มี Feedback (การตอบสนองกลับมาบ้าง) จะทำให้ลูกน้องหรือลูกค้า รู้สึกว่าเราให้ความสนใจในสิ่งที่เขาพูดมา


2.พึงคิด คิดเป็นระบบ คิดรอบด้าน คิดในการหาทางออกของปัญหา โดยอาจมีวิธีคิด เป็นระบบ คิดในเชิงกลยุทธ์ คิดในอนาคต คิดในเชิงเปรียบเทียบ คิดในการหาทางออกของปัญหาว่าจะแก้ไขอย่างไร จึงจะดีที่สุดในสถานการณ์ในขณะนั้น เพราะ ถ้าผู้บริหารตัดสินใจผิดพลาด องค์กรนั้นอาจถึงขั้น ล้มละลายเลยก็ได้ ดังเช่น สถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศในอดีตและปัจจุบัน


ในบางครั้ง ผู้บริหารหรือผู้นำ อาจคิดมากจนเกินกว่าเหตุ ซึ่งสิ่งที่คิดอาจทำให้เกิดความเครียดในการทำงานได้ เป็นความคิดที่ฟุ้งซ่านไม่มีประโยชน์ ดังคำพูดที่บอกว่า “ อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังคำพูด”


3.พึงพูด ระวังคำพูดในการพูดกับผู้ใต้บังคับบัญชา พูดในสิ่งที่ควรพูดเมื่อมีปัญหาหรือคนในองค์กร รวมทั้งลูกค้า เกิดความไม่พอใจ ไม่เข้าใจ ผู้บริหารที่ดีจึงเป็นผู้ที่ต้องรู้จักใช้คำพูด รู้ว่าเมื่อไร ควรพูด เมื่อไร ควรเงียบ เพราะการ ที่พูดออกไปโดยไม่ได้คิด ก็เหมือนกับการยิงกระสุนออกไปโดยไม่ได้เล็งเป้า และถ้าผู้บริหารหรือผู้นำ สื่อสารผิดก็จะทำให้คนในองค์การเกิดความไม่เข้าใจหรือสับสนได้


การพูดของผู้นำมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะการพูดต่อหน้าที่ชุมชน จนเคยมีคนเคยกล่าวมาว่า “ ถ้าท่านไม่สามารถลุกขึ้นพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้ ท่านอย่าปรารถนาเป็นผู้นำ ” ดังนั้นผู้ที่เป็นผู้นำหรือผู้บริหาร ทุกคนจำเป็นจะต้องลุกขึ้นพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้ (ไม่ใช่ว่าผู้ที่ลุกขึ้นพูดต่อหน้าที่ชุมชนจะเป็นผู้นำทุกคน )แต่ผู้นำหรือผู้บริหารทุกคนจะต้องลุกขึ้นพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้


4.พึงทำ ควรประพฤติตนให้สมกับเป็นผู้นำ ผู้บริหาร จะต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี มีจริยธรรม มีคุณธรรม ถ้าผู้นำหรือผู้บริหาร ทุจริตต่อองค์กร ไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์กร ลูกน้องก็จะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง แต่ถ้าผู้นำหรือผู้บริหารเป็นคนดี ขยันขันแข็ง ลูกน้องก็จะเอาเยี่ยงอย่างเช่นกันคือ ประพฤติดี ขยันขันแข็งในการทำงาน


ดังนั้น ผู้นำหรือผู้บริหารที่ดี พึงฟัง เพื่อหาความต้องการหรือปัญหาของลูกน้อง ลูกค้า


ดังนั้น ผู้นำหรือผู้บริหารที่ดี พึงคิด คิดเพื่อที่จะนำไปแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น


ดังนั้น ผู้นำหรือผู้บริหารที่ดี พึงพูด พูดเพื่อทำความเข้าใจกับคนในองค์กรหรือลูกค้า


ดังนั้น ผู้นำหรือผู้บริหารที่ดี พึงทำ ทำตนให้เป็นแบบอย่าง ทำตนให้น่าเชื่อถือ





ความลับของความสำเร็จ คือ เตรียมตัวให้พร้อม พัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อรอโอกาสที่จะมาถึง ในวันข้างหน้า




...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  [100]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.