หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การเสริมสร้างภาวะผู้นำ คุณธรรม จริยธรรมและความเสียสละเพื่อส่วนร่วม
ผู้ช่วยศาสตาจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " การเสริมสร้างภาวะผู้นำ คุณธรรม จริยธรรมและความเสียสละเพื่อส่วนร่วม" ให้แก่ผู้นำชุมชนในเขตเทศบาลเมืองพะเยา ณ อาคารสโมสรพนักงานเทศบาลเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา Www.drsuthichai.com

...
  
การสร้างแรงจูงใจในการทำงาน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ www.drsuthichai.com บรรยาย หัวข้อ​ จิตสำนึกรักองค์กรและการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน...ให้แก่ ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้บริหาร ของเทศบาลนครลำปาง ณ ห้องประชุมเทศบาลนครลำปาง จังหวัดลำปาง ...
  
Attraction Marketing การตลาดแบบดึงดูด
Attraction Marketing การตลาดแบบดึงดูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การตลาดแบบ Attraction Marketing เป็นการตลาดที่ดึงความสนใจของผู้บริโภค ของผู้มุ่งหวัง ให้มาขอซื้อสินค้าหรือมาขอทำธุรกิจเครือข่ายกับเรา โดยที่เราไม่ต้องไปเสนอขอให้เขามาทำธุรกิจเครือข่ายหรือซื้อสินค้าจากเรา ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดเดิมๆ ที่ต้องไปเสนอขายสินค้าหรือนำเสนอขายธุรกิจเครือข่าย ซึ่งทำให้เกิดความน่าเบื่อหน่าย ความน่ารำคาญ จากลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง จากพฤติกรรมการตามตื้อ ตามง้อของเรา
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่า เมื่อใช้การตลาดแบบ Attraction Marketing คนจะไม่ปฏิเสธ
หรือถูกโดนปฏิเสธจากลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง เพราะเป็นธรรมดางานขายหรืองานนำเสนอจะต้องมีทั้งการตอบรับและการถูกปฏิเสธ
การตลาดแบบ Attraction Marketing ส่วนใหญ่มักจะทำกันในโลกอินเตอร์เน็ตหรือโลกออนไลน์ เพราะ โลกออนไลน์มีลักษณะเป็น Mass สูง เป็นโลกของ Social ที่ทันสมัย แต่คนจำนวนมากมักคิดว่า ถ้าอย่างไร เราต้องโพสต์หรือส่งข้อความของบริษัทของเรา สินค้าของเรา ตัวเรามากๆ คนเขาจะได้เข้ามาซื้อหรือเข้ามาติดตาม
แต่จริงๆแล้ว การตลาดแบบ Attraction Marketing จะต้องมีการนำเสนอ Content และการนำเสนอ Profile ที่น่าสนใจ จึงจะสามารถดึงดูดผู้คนรวมทั้งลูกค้าและผู้มุ่งหวังมาให้สนใจเรามากกว่าการโพสต์หรือการส่งข้อความเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีความแตกต่าง ไม่มีความน่าดึงดูด ให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาสนใจ
กล่าวคือ เราจะต้องสร้างมูลค่าให้กับตัวเราเองเสียก่อน การสร้าง Brand จึงเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะต้องนำเอามาใช้ เพราะการสร้าง Brand จะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างความจดจำ สร้างความศรัทธาภายในใจของกลุ่มเป้าหมาย จนกระทั่งกลุ่มเป้าหมายอยากที่จะซื้อสินค้าหรืออยากจะทำงานร่วมกับเรา
การรู้จักกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในการทำการตลาดแบบ Attraction Marketing ให้ประสบความสำเร็จ เช่น ในตลาดแชมพู มีหลายยี่ห้อ เราต้องรู้ก่อนว่า กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของเราคือใคร คนที่มีผมเสีย ผมแตกปลายใช่หรือไม่ คนที่มีผมเป็นรังแคใช่หรือไม่ คนที่มีผมร่วงใช่หรือไม่ คนที่เป็นเด็กใช่หรือไม่ เมื่อเรารู้กลุ่มเป้าหมายแล้ว เราจึงสามารถทำการตลาดแบบดึงดูด กลุ่มเป้าหมายของเราได้สำเร็จ ไม่ใช่ดึงดูดทุกกลุ่มเข้ามา เพราะถ้าทำเช่นนั้น ก็จะเป็นการสิ้นเปลืองเงินทอง สิ้นเปลืองเวลา สิ้นเปลืองงบประมาณ สิ้นเปลืองทรัพยากรต่างๆ โดยใช่เหตุ
การสร้างการตลาดแบบดึงดูดมีองค์ประกอบดังนี้
1.การสร้าง Brand โดยผ่านเครื่องมือออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นผ่านเวปไซด์ และ Social Media เช่น Youtube , twitter , Facebook , Line , Blog ฯลฯ
2.การสร้างช่องทางการสื่อสารให้แก่ผู้มุ่งหวังหรือลูกค้า ให้สามารถติดต่อกับเราได้และเราก็สามารถติดต่อเขาได้ เช่น E-mail พูดคุยผ่าน Facebook , Massager , Line , E-mail , Instragram เป็นต้น
3.การสร้างหรือรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง(กล่าวคือเราต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของเราด้วย) ข้อมูลของบริษัทของสินค้า ข้อมูลบทความ ความรู้ต่างๆ เคล็ดลับการทำงานให้ประสบความสำเร็จ เป็นต้น
4.การสร้างหรือการส่งมอบสิ่งดีๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ เคล็ดลับต่างๆ ผ่านช่องทางการสื่อสารที่ได้มีการเตรียมไว้ และเมื่อลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังต้องการติดต่อก็สามารถตอบหรือหาข้อมูลต่างๆ ส่งไปให้ได้
แล้ว ธุรกิจใดเหมาะที่จะนำ Attraction Marketing การตลาดแบบดึงดูด มาใช้มากที่สุด สำหรับในความคิดของกระผม ธุรกิจเครือข่ายครับ หรือ ธุรกิจที่ต้องการสมาชิกเป็นจำนวนมากๆ ยอดขายมากๆ ซึ่ง Attraction Marketing การตลาดแบบดึงดูด สามารถช่วยได้ ดังเราจะสังเกตเห็นว่า หลาย เว็ปไซค์ของธุรกิจเครือข่าย มักจะมีการนำเสนอ Content และการนำเสนอ Profile ที่น่าสนใจ เพื่อดึงดูดผู้คน ให้เข้ามาอ่าน เข้ามาดู และอีกหลายเว็ปไซค์ ก็จะมีการเปิดโอกาสให้คนที่สนใจ ฝากเบอร์โทรศัพท์ อีเมล์(Email Marketing) เพื่อติดต่อกลับ หากว่าสนใจในตัวของบริษัท สินค้า หรือบริการ ด้วย
ซึ่ง Email Marketing เป็นส่วนหนึ่งของ Attraction Marketing พวกเราลองไปศึกษาเพิ่มเติม เพราะการใช้ Email Marketing อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มการดึงดูดได้มากยิ่งขึ้น เราจะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปหาลูกค้าเพื่อคุยเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ เราจะรู้ได้ว่า กลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร(คนที่สนใจธุรกิจของเราหรือตัวเราจริงๆ) ยิ่งบริษัทใดมีรายชื่อลิสต์ลูกค้ามากๆ การไปพูดคุยต่อตัวต่อ ยิ่งทำได้อย่างยากลำบาก เสียเวลา เสียเงินทอง เสียค่าใช้จ่ายต่างๆ การใช้ Email Marketing จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ติดต่อลูกค้าได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งตอบสนอง ในโลกยุคออนไลน์หรือในโลกยุคนี้ ซึ่งแตกต่างจากในอดีต ที่พนักงานขายหรือผู้นำธุรกิจเครือข่ายจะต้องเดินทางไปพูดคุยตัวต่อตัว หรือโทรศัพท์พูดคุยกัน หากมีจำนวนไม่มากก็ไม่น่ามีปัญหาแต่ถ้ามีเป็นจำนวนมากหลายพันคน หลายหมื่นคน คงลำบากที่จะติดต่อ
สำหรับธุรกิจเครือข่ายหลายบริษัทที่มีการทำการตลาด Attraction Marketing อย่างมีประสิทธิภาพ มักจะวางระบบไว้อย่างดี ทำให้มีการปิดการขายหรือมีการปิดรับสมัครคนเข้าในเครือข่ายได้เป็นจำนวนมาก
โดยสรุปแล้ว การทำ Attraction Marketing การตลาดแบบดึงดูด เป็นเครื่องมือเครื่องมือหนึ่งในการทำการตลาด และถ้าต้องการทำอย่างได้ผล เราจะต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของเราเสียก่อน เราจะต้องสร้างความแตกต่าง เราจะต้องสร้างความจดจำ เราจะต้องหาช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย เราจะต้องมอบสิ่งที่ดีๆให้แก่กลุ่มเป้าหมาย จนกระทั่งกลุ่มเป้าหมายมาติดต่อเราเอง ขอความรู้จากเรา ขอคำแนะนำ ขอคำปรึกษาจากเรา ขอซื้อสินค้าจากเรา หรือพูดง่ายๆ คือ เราได้หัวใจของกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง

...
  
บรรยาย กฏหมาย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยาย ประสบการณ์ชีวิต การใช้ชีวิต และกฏหมาย ณ วัดราชคึกฤห์วิทยา จังหวัดพะเยา กับโครงการโรงเรียนในโครงการยุติธรรมอุปถัมภ์ ...
  
สู่ความเป็นสุดยอด...นักการตลาดมือทอง....
สู่ความเป็นสุดยอด...นักการตลาดมือทอง....
โดย...ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูด วิทยากร นักเขียน
www.drsuthichai.com
ถ้าพูดถึงนักการตลาด ใครๆ ก็อยากที่จะเป็นสุดยอดมือทองทางด้านการตลาด แต่การตลาดเป็นเรื่องของ ศาสตร์และศิลป์ ซึ่งจำเป็นจะต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องไม่หยุด อีกทั้งไม่มีกฎเกณฑ์แน่นอนตายตัว คนที่จะเป็นนักการตลาดมือทองมีความจำเป็นจะต้องปรับศาสตร์ที่เรียนรู้ให้เข้ากับสถานการณ์หรืออาจกล่าวได้ว่า นักการตลาดมือทองต้องมีศิลป์ในการใช้ศาสตร์ทางด้านการตลาดให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์นั้นเอง ในบทความนี้จะพูดกลยุทธ์ต่างๆที่นักการตลาดต้องเรียนรู้ซึ่งมีดังนี้
1.การตลาดแบบ Attraction Marketing เป็นการตลาดที่ดึงความสนใจของผู้บริโภค ของผู้มุ่งหวัง ให้มาขอซื้อสินค้าหรือมาขอทำธุรกิจเครือข่ายกับเรา โดยที่เราไม่ต้องไปเสนอขอให้เขามาทำธุรกิจเครือข่ายหรือซื้อสินค้าจากเรา ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดเดิมๆ ที่ต้องไปเสนอขายสินค้าหรือนำเสนอขายธุรกิจเครือข่าย ซึ่งทำให้เกิดความน่าเบื่อหน่าย ความน่ารำคาญ จากลูกค้าหรือผู้มุ่งหวัง จากพฤติกรรมการตามตื้อ ตามง้อของเรา
2.การตลาดแบบ CRM ซึ่ง CRM หมายถึง วิธีการต่างๆ ที่เราจะนำเอาไปใช้ในการบริหารลูกค้าให้เกิดความรู้สึกที่ดี มีความผูกพันธ์กับสินค้า ,บริการ หรือหน่วยงานของเรา เมื่อลูกค้ามีความผูกพันธ์ในทางที่ดี ชอบเรา รักเรา แล้วลูกค้าคนนั้นก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าหรือบริการอื่น ในขณะเดียวกันก็จะเกิดการบอกต่อไปยังเพื่อนๆ จึงทำให้เรามีฐานลูกค้าที่มั่นคงและเพิ่มขึ้น
C คือ Customer เราต้องรู้จักลูกค้าของเราก่อนว่าลูกค้าคือใคร แบ่งกลุ่มได้กี่กลุ่ม เราจะเก็บข้อมูลอย่างไร และเราจะสร้างฐานลูกค้าอย่างไร
R คือ Relationship ความสัมพันธ์ ทำอย่างไรจะสร้างความสัมพันธ์เพื่อให้เกิดชุมชนหรือเพื่อให้เกิดครอบครัวใหญ่
M คือ Management เราจะติดต่อกับลูกค้าหรือสื่อสารกับลูกค้าอย่างไร เมื่อไร จะบริหารจัดการลูกค้าอย่างไร
ฉะนั้น CRM จึงต้องอาศัยเป้าหมายและการวางแผน ว่าปีหนึ่งเราจะติดต่อกับลูกค้ากี่ครั้ง เมื่อไร เดือนไหน พร้อมทั้งมีการเสนอขายสินค้าและบริการเมื่อไร เพราะถ้ามีลูกค้าแต่ไม่มีการสั่งซื้อก็ไม่มีประโยชน์อะไร
3.การตลาดแบบ E-Commerce มีความสำคัญมากในการทำธุรกิจ การบริหาร การจัดการ เพื่อทำให้องค์กรเกิดความก้าวหน้า เกิดกำไร เกิดความมีชื่อเสียง ทำไมต้องทำการตลาด E-Commerce เพราะ โลกยุคนี้เป็น โลกของการรวมเป็นหนึ่ง โลกแห่งการสื่อสาร โลกแห่งเครือข่าย โลกแห่งการไร้ซึ่งขอบเขต ซึ่งทำให้ประเทศไทยและหน่วยงานธุรกิจจะต้องทำงานค้าขายร่วมกับประเทศต่างๆ มากยิ่งขึ้น
หากพูดถึงเรื่องของการตลาดในยุคก่อน เรามักมีการใช้การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ แต่ยุคนี้ สื่อที่มีความสำคัญและมาแรงมาก ได้แก่ สื่อทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีคนใช้การเกือบครึ่งโลก การตลาดแบบ E-Commerce จึงเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้สำหรับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน
4.การตลาดแบบสร้างสรรค์ เนื่องจากยุคปัจจุบันและยุคอนาคตเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และไม่หยุดนิ่ง หากเรามองกลับไปยังยุคอดีตเราจะเห็นว่า สินค้าหลายๆตัวได้หายไปจากการแข่งขันในยุคปัจจุบัน เช่น
- การใช้บริการโทรเลขได้เป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว เด็กยุคใหม่จะไม่รู้จักอีกต่อไป สาเหตุก็มาจาก มีผู้ใช้บริการน้อย เทคโนโลยีมีความทันสมัย มีโทรศัพท์มือถือ มีระบบอินเตอร์เน็ต อีเมล์ต่างๆ มารองรับ อีกทั้งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ที่สูง ฉะนั้นการบริการโทรเลข จึงได้หยุดให้บริการนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2551
- การใช้เครื่องพิมพ์ดีด ก็มีจำนวนที่ลดน้อยลง โรงงานผลิตจึงต้องลดจำนวนผลิต บางแห่งมีการปิดตัวไปเลยก็มี สาเหตุหนึ่งก็เกิดจาก การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆออกมาแทนที่ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่อง Ipad โทรศัพท์บางรุ่นบางยี่ห้อ ก็สามารถใช้พิมพ์งานได้อย่างสบาย
ดังนั้น เมื่อเราเข้าสู่ยุคของการแข่งขันที่เสรีและรวดเร็ว บริษัท ห้างร้าน หน่วยงานต่างๆ ก็คงต้องพยายาม สร้างสรรค์ตัวสินค้า ตัวผลิตภัณฑ์ และการทำการตลาดอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น เพื่อให้ทันสมัย ทันเหตุการณ์ ทันต่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตลอดเวลา
5.การตลาดแบบ Digitalmarketing Communication คือ การสื่อสารในการทำการตลาดบนโลก Online ซึ่งต้องอาศัย Internet โดยผ่านเครื่องมือหรือ Technology ที่ทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ มือถือสมาร์ทโฟน และต้องอาศัยการสื่อสารผ่านช่องทาง Social Network คือ Blog หรือ บล็อก ,ไมโครบล็อก (Microblog) เป็นเว็บไซต์ขนาดเล็ก, โซเชียลเน็ตเวิร์คเว็บไซต์ (Facebook, Linkedin, Myspace, Hi5 ) , เว็บโซเชียลบุ๊คมาร์ค (Bookmark Social Site) รวมถึง Youtube , INSTAGRAM ,GOOGLE,FLICKR เป็นต้น
6.การตลาดแบบ Marketing Mindset คืออะไร Marketing Mindset คือความคิด ความเชื่อ ทางการตลาดที่ส่งผลต่อพฤติกรรมต่อการกระทำของบุคคลนั้นๆซึ่งความคิด ความเชื่อ Mindset ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
Mindset จึงเหมือนกับแบบแปลนบ้าน ก่อนที่จะสร้างบ้าน เราควรมีแบบแปลนบ้านเสียก่อน ไม่ใช้คิดจะปลูกบ้าน สร้างบ้าน ก็สร้างเลย ถ้าทำเช่นนี้ อาจจะทำให้เกิดการผิดพลาดในการก่อสร้างได้ แล้วผลที่ตามมาก็คือ ต้องเสียเวลา เสียเงินทอง ในการแก้ไข ปรับปรุง เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของตนเอง แต่ถ้าเรามีแบบแปลนบ้าน เราก็จะสร้างบ้านได้ตามแผนหรือแบบแปลน ทำให้ไม่เสียเวลา ไม่เสียค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น
Marketing Mindset จึงมีความสำคัญ ถ้าใครมี Marketing Mindset ที่ผิด เขาก็จะเกิดความผิดพลาดในการทำงานด้านการตลาดและต้องเสียเวลาแก้ไข ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ฉะนั้น ก่อนที่จะเป็นนักการตลาดที่ดีและประสบความสำเร็จ นักการตลาดควรมี Marketing Mindset เป็นของตนเองเสียก่อนซึ่ง Marketing Mindset ของแต่ละคนนั้นอาจจะไม่เหมือนกัน
7.การตลาดแบบครบเครื่องเรื่องการสื่อสารการตลาด ภาษาอังกฤษมักเรียกว่า Integrated Marketing Communication หรือเรียกย่อว่า IMC เป็นการพัฒนาการสื่อสารการตลาดที่นำการสื่อสารหลายๆรูปแบบมาผสมผสานกันอย่างต่อเนื่องเพื่อไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
IMC มีความจำเป็นแค่ไหน มีความจำเป็นเป็นอันมากในยุคปัจจุบันและอนาคต ตามความเป็นจริงแล้วในยุคปัจจุบัน เราต้องยอมรับกันว่า สื่อต่างๆมีมากขึ้น สื่อบางอย่างที่นิยมในอดีตมีราคาแพงขึ้น ผู้บริโภค สามารถรับสื่อต่างๆได้อย่างมากมายกว่าในอดีต
IMC กับการส่งเสริมตราสินค้า IMC สามารถส่งเสริมตราสินค้าได้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตราสินค้า มีความสัมพันธ์กับราคา ความคุ้มค่า หากว่าตราสินค้าไหน เป็นที่รู้จักมาก โอกาสที่ลูกค้าจะซื้อสินค้า บริการ ก็ยิ่งจะมีมากขึ้น อีกทั้งในยุคปัจจุบัน มีคู่แข่งรายใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น หากไม่มีการทำ
IMC ก็จะถูกแย่งลูกค้าไปได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น เราจำเป็นที่จะต้องมีการสื่อสารตราสินค้า อันได้แก่ การโฆษณา,การขายโดยพนักงานขาย,การประชาสัมพันธ์,การส่งเสริมการขาย,การจัดโชว์รูม,การใช้ยานพาหนะของบริษัทเคลื่อนที่,การใช้ป้ายต่างๆ,การใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ต,การจัดนิทรรศการ,การใช้ผลิตภัณฑ์เป็นสื่อ เป็นต้น
IMC ที่ยอดเยี่ยมมักจะต้อง ใหม่ แปลก ใหญ่ ดัง กล่าวคือ หากทำสื่อต่างๆ ออกมาเหมือนกับคู่แข่งในท้องตลาด ก็จะไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้าเท่าที่ควร ตรงกันข้าม หากว่าเราทำสื่อต่างๆออกมาอย่างสร้างสรรค์ให้ 1.ใหม่ 2.แปลก 3.ใหญ่ 4.ดัง หากเป็นลักษณะนี้ ก็จะสร้างความจดจำและเป็นที่ประทับใจของลูกค้าได้มากกว่า
ดังนั้น หากท่านผู้อ่านได้เรียนรู้และนำเอาการตลาดแบบต่างๆ 7 ข้อข้างต้นเอาไปประยุกต์ใช้กับงานทางด้านการตลาดของตนเอง กระผมเชื่อว่า ท่านจะเป็นนักการตลาดมือทองในที่สุด
...
  
จงมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อนำไปสู่ความเป็นเลิศ
จงมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อนำไปสู่ความเป็นเลิศ
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน
www.drsuthichai.com
ไม่ว่าคุณทำงานอาชีพอะไร ไม่ว่าคุณจะอยู่วงการอะไร ถ้าคุณต้องการความเป็นเลิศ คุณจำเป็นจะต้องมุ่งมั่นทุ่มเท พวกเราจะเห็นได้ว่า บุคคลที่เป็นสุดยอดของโลก ไม่ว่าวงการใดๆ เขาจะต้องทำงานหนัก เขาจะต้องมีความขยันขันแข็งมากกว่าคนปกติธรรมดาทั่วๆไป
- ไทเกอร์ วูดส์ นักกอล์ฟอันดับหนึ่งของโลก กว่าเขาจะมาเป็นอันดับหนึ่ง เขาต้องมุ่งมั่นทุ่มเท
ขยันฝึกซ้อม ต้องใช้เวลาฝึกซ้อมและเข้าแข่งขันในรายการต่างๆมากกว่านักกอล์ฟคนอื่นๆ
- เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลกกว่าที่เขาจะเป็นนักประดิษฐ์เอก เขาได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์
ต่างๆมากมาย เขาต้องใช้ความอดทน ลองผิดลองถูกมากมาย โดยเฉพาะการประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลก เขาต้องล้มเหลวนับเป็นพันๆครั้ง แต่เขาก็พยายามอดทนมุ่งมั่นทุ่มเทต่อไป จนกระทั่งเขาประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าดวงแรกสำเร็จ
- 2 พี่น้องตระกูลไรท์ วิลเบอร์ ไรท์และออร์วิล ไรท์ กว่าที่พวกเขาจะคิดค้นเครื่องบินลำแรกได้
เขาต้องพบกับความยากลำบาก เขาต้องทดลองขับเครื่องบินที่เขาผลิตและตกลงมาทำให้เขาได้รับบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทเขาจึงสามารถประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกของโลกได้สำเร็จ
- อับราฮัม ลินคอล์น นักพูดระดับโลก นักการเมืองระดับโลก เขาเป็นอดีตประธานาธิบดีของ
สหรัฐอเมริกา เขาเข้าเรียนหนังสือในโรงเรียนไม่เกิน 1 ปี แต่เขาฝึกพูดด้วยตนเอง เขาเรียนรู้ด้วยตนเอง ต่อมาเขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าว่าจะเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐให้ได้ในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท เขาสอบตกจากการเลือกตั้งหลายครั้ง เช่น เคยพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งในตำแหน่งนิติบัญญติ พ่ายแพ้การเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พ่ายแพ้การเลือกตั้งในตำแหน่งวุฒิสภา พ่ายแพ้การเลือกตั้งในตำแหน่งรองประธานาธิบดี แต่ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทเขาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาและเป็นประธานาธิบดีที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาและประวัติศาสตร์ของโลก
ดังนั้น ถ้าท่านต้องการความเป็นเลิศในวงการของท่าน ท่านจงสร้างอุปนิสัยแห่งความมุ่งมั่น
ทุ่มเท แล้วท่านจะเป็นคนหนึ่งที่ยืนอยู่แถวหน้าในวงการของท่านหรือในสายอาชีพของท่าน
น้ำแต่ละหยดยังรวมกันเป็นทะเลมหาสมุทร หินแต่ละก้อนยังรวมเป็นภูเขา
ถ้าท่านอยากเป็นเลิศในวงการของท่าน จงมุ่งมั่นทุ่มเทแล้วท่านจะเป็นเลิศอย่างแน่นอน
...
  
การให้อภัยศัตรู
การให้อภัยศัตรู
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การให้อภัย มีความสำคัญมากต่อ สุขภาพจิตใจ สุขภาพร่างกายของเรา เพราะการให้อภัยจะทำให้เราไม่ยึดติดในความร้อน ความแค้น เมื่อไม่ร้อน จิตก็จะกลางๆ คือเข้าสู่ความสงบ ความสว่าง ตามหลักการทางพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับศัตรูของเรา เมื่อได้พูดไปแล้ว เมื่อได้กระทำต่อเราแล้ว ก็ลืมและก็ไม่ได้คิดมาก ศัตรูจึงไม่มีความทุกข์
จงให้อภัย เป็นคำพูดที่ง่ายๆ แต่ในทางปฏิบัตินั้นยากมากๆ ที่จะให้อภัย โดยเฉพาะกับศัตรู ตัวกระผมเอง ก็เคยมีประสบการณ์ ซึ่งเคยถูกข่มขู่ ที่จะฆ่า ที่จะทำร้าย ทำให้โกรธและอยากที่จะเอาคืน แต่คิดโกรธ แค้นทีไร ตัวกระผมเองก็เกิดความทุกข์ ความร้อนขึ้นทันที ซึ่งทำให้เกิดอาการและโรคต่างๆตาม มา เช่น โรคนอนไม่หลับ , โรคเครียด โรคกระเพาะ ตามมา
ในทางจิตวิทยาได้กล่าวไว้ว่า ถ้าเราคิดแต่สิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในสมอง ก็เสมือนเราเก็บของไม่ดีเอาไว้ในสมองมากๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะทำให้เราอ่อนแรง ไม่มีพลังในการทำงาน อีกทั้งจะทำให้เราเกิดการเจ็บป่วยได้
การให้อภัยจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะเป็นผลดีต่อเรามากกว่าเป็นผลดีต่อศัตรูของเรา ซึ่งเทคนิคการให้อภัยมีดังนี้
1.เราไม่ควรคิดทบทวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะจะทำให้เรายิ่งเจ็บแค้น ควรเปลี่ยนเรื่องคิด หรือความคิดที่ดีๆ มาใส่แทน เสมือนว่า ในแก้วน้ำมียาพิษ หากว่าเราต้องการให้ยาพิษหมด เราต้องหาน้ำดีเติมลงไป เมื่อเติมลงไปเยอะๆ น้ำและยาพิษก็จะล้นออกจากแก้ว ก็จะทำให้ ยาพิษจางและค่อยๆหายไป ในที่สุด ดังนั้น ต้องหาความคิดที่ดีๆ ความสุขเติมลงไปเยอะๆ
2.เข้าหาศาสนา ทุกศาสนาจะสอนให้ “ ให้อภัย” ศาสนาพุทธ “ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร” ศาสนาคริสต์ “ เมื่อถูกคนตบหน้าด้านซ้ายก็จงเอาด้านขวาให้เขาตบด้วย” หรือพระเยซูเอง ตอนตาย ก็ถูกตรึงไม้กางเขน ก่อนตายก็พูดกับพระเจ้าว่า “ ให้อภัยเขา”
พระคัมภีร์ไบเบิล ก็ยังได้กล่าวไว้ว่า “เราให้อภัยคนอื่นเมื่อเราไม่ถือโทษและไม่เรียกร้องให้เขามาขอโทษหรือชดใช้ คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าความรักแบบไม่เห็นแก่ตัวเป็นหัวใจสำคัญของการให้อภัยอย่างแท้จริง เพราะความรัก “ไม่จดจำเรื่องที่ทำให้เจ็บใจ”—1 โครินท์ 13:4, 5”
3.จงคิดบวกหรือเปลี่ยนทัศนคติให้บวก เช่น เหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้ ทำให้เราได้รับบทเรียนในชีวิต อนาคตเราจะได้ไม่ทำผิดพลาดอีก และคิดเสียว่า บุคคลที่ได้ทำลายเรา ก็จะถูกเวรกรรมตามทัน
4.จงหลีกเลี่ยง หรือไม่พบกับบุคคลที่เป็นศัตรูของท่าน เพราะจะทำให้ท่านคิดหรือเขาอาจจะสร้างปัญหาให้แก่ท่านได้ หรือ หลีกเลี่ยงไปยังสถานที่ของศัตรูของท่านหรือหลีกเลี่ยงพบกับพวกพรรคของเขา
โดยสรุปเมื่อท่านได้ให้อภัยแก่ศัตรูของท่าน ท่านก็จะได้รับประโยชน์ดังนี้
1. ท่านจะเป็นผู้ชนะ เพราะท่านจะชนะใจตนเอง อีกทั้งท่านจะไม่แคร์ศัตรูท่านอีกต่อไป
2. ท่านจะไม่คิดถึงมันเพราะแผลในหัวใจของท่านได้จางหายไปเสียแล้ว ทำให้ไม่เกิดความทุกข์กับเรื่องนั้นอีกต่อไป
3.ท่านจะได้รับ สารความสุข Endophine เพิ่มมากขึ้น
4.ท่านจะมีความภาคภูมิใจในตัวของท่านเอง เพราะ ท่านสามารถทำสิ่งที่ยากได้
5.ท่านจะไม่ได้สร้างเวร สร้างกรรม ต่อกันอีกต่อไป เพราะบางคน คิดจะแก้แค้นถึงกับฆ่ากันตายกันเลยทีเดียว จนตัวเองต้องเข้าคุกเข้าตารางกันไป



...
  
เทคนิคในการสร้างนวัตกรรมและคิดสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด
เทคนิคในการสร้างนวัตกรรมและคิดสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ในบทความนี้กระผมจะไม่ขอพูดถึงความหมายของคำว่า “ นวัตกรรม ” และความหมายของคำว่า “ ความคิดสร้างสรรค์” เนื่องจากกระผมได้เคยเขียนไว้ในบทความฉบับก่อนหน้านี้แล้ว
แต่บทความฉบับนี้ จะลงไปในเรื่องของรายละเอียดเรื่องของเทคนิคในการสร้างนวัตกรรมและคิดสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด คนที่จะสร้างนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ทางด้านการตลาดได้ จะต้องมีการพัฒนาด้านความคิดกันก่อนเป็นอันดับแรกๆ ผมมีนิทานฉบับย่อๆ หนึ่งเรื่องจะเล่าให้ฟัง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ได้มีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านแห่งนี้ได้จัดให้มีการแข่งขัน โดยการเดินทางไกลไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งจะต้องเดินทางเป็นระยะทาง 300 กม. ปรากฏว่ามีคนอยู่ 3 กลุ่ม ได้เข้าร่วมการแข่งขัน กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มใหญ่สุด ซึ่งผู้เข้าแข่งขันใช้วิธีเดินโดยการแบกเป้เอาไว้ด้านหลังซึ่งเป็นความคิดของคนโดยทั่วไปในสมัยนั้น กลุ่มที่ 2 ใช้เกวียนเป็นพาหนะในการเดินทาง เป็นกลุ่มรองลงมา ที่คิดวางแผนก่อนที่จะเข้าแข่งขันโดยหาเครื่องมือทุ่นแรง กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มคนที่มีน้อยที่สุด เขาริเริ่มคิดที่จะใช้เครื่องมือแปลกใหม่ๆหรือค้นหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแข่งขันเพื่อไปให้ถึงเส้นชัยโดยหาเครื่องมือที่ไปหรือขับเคลื่อนได้ไวกว่าเกวียน
กระผมให้ท่านผู้อ่านเดาครับ ว่าคนกลุ่มไหนจะมีโอกาสชนะในการแข่งขัน แน่นอนครับ กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่มีน้อยที่สุด แต่เป็นกลุ่มที่ใช้ความคิดมากที่สุดเพื่อที่จะหาเครื่องมือใหม่ๆแปลกๆในการแข่งขัน
ถ้าเปรียบดังการแข่งขันด้านการตลาด กลุ่มที่ 1 เป็นพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปมีมากที่สุด ขายสินค้าเหมือนๆกัน กลุ่มที่ 2 มีน้อยลงมาหน่อยคือพ่อค้าแม่ค้าที่รู้จักใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือ เทคโนโลยีเข้าช่วยในการทำงาน ส่วนกลุ่มที่ 3 มีน้อยที่สุด เป็นกลุ่มที่คิดพัฒนานวัตกรรมกับความคิดสร้างสรรค์ก่อนที่จะเข้าสู่การแข่งขัน เช่น สตีฟ จอบส์ พัฒนาสินค้าตระกูล I ก่อนซึ่งต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะได้สินค้าแต่ละตัวแต่ตรงกันข้ามกับเจ้าของธุรกิจทั่วไป เขาอยากจะเปิดร้านขายอะไรก็เปิด ไม่ยอมคิดสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด
ดั้งนั้นเทคนิคในการสร้างนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ทางการตลาดมีดังนี้
1.จงคิดสร้างนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ทางการตลาดก่อนที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจจะต้องมีการวางแผน การทำวิจัย หรือการตั้งหน่วยงานนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ขึ้นในองค์กร ซึ่งการวางแผน การทำวิจัยก่อนที่จะเปิดขายสินค้า ขายผลิตภัณฑ์ อาจจะทำให้เสียเวลาในช่วงแรก แต่ถ้ามองในระยะยาวจะมีผลดีตรงข้ามกับคนกลุ่มใหญ่ที่คิดจะเปิดร้านขายสินค้า ผลิตภัณฑ์อะไรก็เปิดเหมือนๆกันกับคู่แข่งขัน อาจจะไม่เสียเวลาและง่ายในการเริ่มต้น แต่ในระยะยาวจะไม่เกิดผลดีและอาจจะพ่ายแพ้ต่อการแข่งขัน
2.จงศึกษาความแตกต่างและความเหมือนกัน จงค้นหาความแตกต่างของสิ่งที่เหมือนกัน
และจงค้นหาความเหมือนกันในสิ่งที่แตกต่างกัน เช่น ของโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ กาแฟ สินค้าต่างๆ บริษัทต่างๆ ซึ่งการคิดบ่อยๆก็จะทำให้เราเห็นความแตกต่างกันระหว่างสินค้า ผลิตภัณฑ์ การตลาดของเรากับคู่แข่งขันและสามารถคิดวิเคราะห์ได้ดียิ่งขึ้น
3.จงจินตนาการ เพราะ อัลเบิรต์ ไอน์สไตน์ อัจฉริยะระดับโลกได้กล่าวไว้ว่า “ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” และนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ นักวิจัย นักวิชาการ นักการเมือง ระดับโลก บุคคลเหล่านี้เขามีจินตนาการและรู้จักใช้จินตนาการมากกว่าคนทั่วไป เช่น JFK อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้พูดไว้ว่า จะส่งคนไปดวงจันทร์ ซึ่งในสมัยนั้นเป็นไปได้ยากมากๆและคนทั่วไปอาจจะยังมองไม่เคยภาพ แต่ ประธานาธิบดี JFK ก็มีจินตนาการที่จะส่งคนไปดวงจันทร์ให้ได้และก็ทำสำเร็จในเวลาต่อมา บุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาดก็เช่นกัน ควรใช้จินตนาการให้มากขึ้น
4.จงนำเอาสิ่งตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไปมารวมกัน เช่น ยาสีฟันรวมตุ๊กตา(หลอดยาสีฟันแต่ตัวหลอดกับหัวหลอดยาสีฟันเป็นตัวตุ๊กตาที่มีความแปลกๆหรือตุ๊กตาที่อยู่ในกระแสความดัง) , การนำเอาสิ่ง 3 สิ่งมารวมกัน ตัวอย่าง (ธนาคาร+ร้านกาแฟ+ร้านอินเตอร์) , การนำเอาสิ่ง 4 สิ่งมารวมกัน ตัวอย่าง ปั๊ม ปตท.(ปั๊มน้ำมัน +คาเฟ่ อเมซอน+7-11+เชสเตอร์กริลล์) , การนำเอาสิ่ง หลาย สิ่งมารวมกัน ตัวอย่างเช่น (มีด+ไขควง+กล้องขยาย+ช้อน+ส้อม+กรรไกร+ไม้จิ้มฟัน+ปากกา+ที่แคะขี้หู+เลื่อยขนาดเล็ก+เข็มทิศ+กรรไกรตัดเล็บ+คีม) สิ่งเหล่านี้สามารถพับออกมาใช้งานได้และสามารถพับเก็บได้ในชิ้นเดียวกัน
เทคนิคในการสร้างนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ทางการตลาด ทั้ง 4 อย่างข้างต้นนี้จะช่วยให้เกิดสิ่งใหม่ๆ และเกิดสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม อีกทั้งยังช่วยสร้างความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันให้เหนือกว่าคู่แข่งขันอีกด้วย จงสร้างนวัตกรรมและใช้ความคิดสร้างสรรค์ทางการตลาดอยู่ตลอดเวลา เพราะสิ่งที่เราคิดได้ว่าเป็นสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่แปลกๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะเป็นสิ่งเก่าทันที เนื่องจากมีคนเลียนแบบ
ดังนั้น จงสร้างนวัตกรรมและคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องแล้วท่านจะเป็นผู้รับชัยชนะ และเป็นผู้นำทางด้านตลาดในวงการธุรกิจของท่าน
...
  
นวัตกรรมและการสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด
นวัตกรรมและการสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ปัจจุบันนี้ ประเทศไทยของเรา มีกระแสในเรื่องของนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ ซึ่งจะเห็นได้ว่า รัฐบาล องค์กร บริษัท ห้างร้าน ได้สนับสนุนและจัดให้มีการอบรมเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอย่างมากมาย เช่น
มีการเปิดอบรมหลักสูตรการพัฒนานวัตกรรมและพัฒนาองค์กร , หลักสูตรการสร้างสรรค์นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้สู่ครูมืออาชีพ , หลักสูตรการสร้างสรรค์และนวัตกรรมอุตสาหกรรมแฟชั่น,
หลักสูตรการสร้างนวัตกรรมใหม่และการสร้างสรรค์ โดยอาศัยการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น
สำหรับบทความนี้ จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของ “นวัตกรรมและการสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด”
ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง การคิดสร้างสรรค์สิ่ง แปลกๆ ใหม่ๆ (Creative thinking) เป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่หรือสิ่งที่แปลก ที่มีความแตกต่างไปจากของเดิมและสามารถนำเอาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม
ดังนั้นองค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์ คือ ความคิดนั้นต้องเป็นสิ่งแปลก ใหม่ (New, Original) สามารถนำเอาไปใช้การได้ (Workable) และมีความเหมาะสม (Appropriate)
นวัตกรรม หมายถึง สิ่งที่มีความแปลกใหม่ ซึ่งเกิดจากการใช้ความรู้ ความสามารถ ใช้ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ สิ่งแปลกใหม่ในที่นี้อาจจะอยู่ในรูปต่างๆ เช่น ของสินค้า ของผลิตภัณฑ์ แนวคิด การโฆษณา การสื่อสาร การจัดสถานที่ รวมไปถึงกระบวนการที่สามารถนำไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนางานทางด้านการตลาด
ซึ่งมีเทคนิคในการทำแบบง่ายๆหรือเข้าใจให้ง่ายๆ ก็คือ การนำเอาสิ่ง 2 สิ่งขึ้นไปมารวมกัน ก็จะเกิดสิ่งที่มีความแปลกใหม่ขึ้นมา เช่น
- การนำเอาสิ่ง 2 สิ่งมารวมกัน ตัวอย่าง ยาสีฟันรวมตุ๊กตา(หลอดยาสีฟันแต่ตัวหลอดกับหัวหลอดยาสีฟันเป็นตัวตุ๊กตาที่มีความแปลกๆหรือตุ๊กตาที่อยู่ในกระแสความดังแต่ควรระวังเรื่องลิขสิทธิ์)
- การนำเอาสิ่ง 3 สิ่งมารวมกัน ตัวอย่าง (ธนาคาร+ร้านกาแฟ+ร้านอินเตอร์)
- การนำเอาสิ่ง 4 สิ่งมารวมกัน ตัวอย่าง ปั๊ม ปตท.(ปั๊มน้ำมัน +คาเฟ่ อเมซอน+7-11+เชสเตอร์กริลล์)
- หรือการนำเอาสิ่ง หลาย สิ่งมารวมกัน ตัวอย่างเช่น (มีด+ไขควง+กล้องขยาย+ช้อน+ส้อม+กรรไกร+ไม้จิ้มฟัน+ปากกา+ที่แคะขี้หู+เลื่อยขนาดเล็ก+เข็มทิศ+กรรไกรตัดเล็บ+คีม) สิ่งเหล่านี้สามารถพับออกมาใช้งานได้และสามารถพับเก็บได้ในชิ้นเดียวกัน
ดังนั้น ใครที่เปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือร้านอะไรก็ตาม เราสามารถนำเอานวัตกรรมและการสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด โดยการนำเอาสิ่ง 2 สิ่งขึ้นไปมาขายพร้อมๆกันได้
เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หลายๆแห่ง มีนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ทางด้านการตลาดโดยนำเอาอาหาร หรือ กาแฟ มาทำนวัตกรรมให้มีหลายรสชาติ แก้วรูปทรงต่างๆ ที่มีความน่าสนใจ อีกทั้งยังมีนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ทางด้านการตลาดในส่วนของคนขายอีกด้วย กล่าวคือ คนขายอาจจะแต่งตัวโป๊ คนขายอาจจะแต่งตัวแปลกๆ คนขายหล่อ คนขายสวย เป็นต้น( สร้างสรรค์ด้านอาหารหรือกาแฟ + สร้างสรรค์ด้านคนขาย)
การวิจัยกับนวัตกรรม การวิจัยมีความสำคัญมากต่อการสร้างสรรค์และก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ซึ่งการวิจัยกับนวัตกรรม จะมีความแตกต่างกัน คือ การวิจัย เรามักจะเสียเงินหรือใช้เงินเพื่อสร้างความรู้หรือได้รับความรู้ใหม่ๆ แต่ นวัตกรรม เป็นการเปลี่ยนความรู้ให้เป็นเงินทอง
ตัวอย่าง เช่น
- ระบบเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อและการสกัดสารคอลลาเจนจากเป๋าฮื้อ ถ้าเราเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อ ขาย เราอาจจะขายได้ กิโลกรัมละ 1,000 บาท แต่ถ้าเรานำเอาการวิจัยมาสกัดเป็นสารคอลลาเจน เราก็จะขายได้ถึง 5,000 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว
- นมยี่ห้อBedtime milk นมที่มีสารเมลาโทนินในธรรมชาติสูง ก็อาศัยงานวิจัยซึ่งเป็นของบริษัทแดรี่โฮมร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดยการสนับสนุนของกระทรวงวิทยาศาสตร์ ก็ได้อาศัยงานวิจัยทำให้ผู้บริโภคทานนมแล้วนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวสินค้าและราคา
- ข้าวเจ้าสามารถขายได้กิโลกรัมละ 30 บาท แต่เราสามารถสร้างนวัตกรรมโดยนำเอาผลการวิจัยมาใช้โดยการแปรรูปเป็น แป้งเด็กจากแป้งข้าวเจ้า หรือการเพิ่มปริมาตรในเม็ดยา ก็จะขายได้กิโลกรัมละ 400 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว หรือมาทำเป็นแป้งพัฟจากแป้งข้าวเจ้าก็จะได้กิโลกรัมละ 100,000บาท

โดยสรุป นวัตกรรมและการสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด มีความสำคัญมากต่อการช่วยเพิ่ม
มูลค่าเพิ่มให้กับตัวของสินค้าและมูลค่าเพิ่มให้กับราคาของสินค้า สมัยอดีต ประเทศไทยเรามีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย เช่น มีแร่ธาตุ ยางพารา ข้าว ป่าไม้ แต่ในยุคปัจจุบัน ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ก็เหลือน้อยลง อีกทั้ง สินค้าที่ส่งออกเหล่านี้ ประเทศต่างๆ ก็ส่งสินค้าแบบเดียวกับเรา ซึ่งมีความเหมือนกัน
สิ่งที่จะช่วยให้ราคาดีขึ้น มีกำไรสูงขึ้น และสามารถแข่งขันกันได้ ก็คือ การใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ๆ ทางด้านการตลาด หากว่าเราสามารถสร้างสรรค์และสร้างนวัตกรรมสินค้าใหม่ๆได้ เราก็จะได้เปรียบทางการตลาดเหนือคู่แข่งขัน



...
  
อภัยทาน
อภัยทาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
อภัยทาน คือ การยุติผลกรรม การจองเวร การคิดแก้แค้น การอาฆาตพยาบาท การคิดร้าย การคิดลบ กล่าวคือ สิ่งที่เป็นภัยที่เกิดขึ้นจากจิตใจหรือความคิดของเราเอง ซึ่งถือว่าเป็นยาพิษสำหรับจิตใจของเรา หรืออาจจะเปรียบได้ว่า เป็นการตกนรกภายในใจ ทั้งๆที่มีชีวิตอยู่ เนื่องจากเกิดความทุกข์ ความไม่สบายใจ
อภัยทาน คือ การไม่พยาบาท การไม่ผูกใจโกรธ การไม่อาฆาตจองเวร หรือคิดร้ายแม้กระทั้งศัตรูของตนเอง
เราจะเห็นว่า ศาสนาพุทธ เมื่อผู้ใดได้ตายลงไปแล้ว ประเพณีของไทยเราส่วนใหญ่ เราก็จะจุดธูปแล้ว กล่าวขออภัยต่อศพ ว่าสิ่งใดที่เราได้ล่วงเกินไปด้วยกาย วาจา ใจ ก็ขออโหสิกรรม ถึงแม้จะเป็นศัตรูก็ตาม เพราะถ้ายังผูกใจเจ็บซึ่งกันและกัน ก็จะส่งผลไปยังภพชาติหน้า
แม้แต่ประเพณี สงกรานต์ของไทยเราหรือวันขึ้นปีใหม่หรือพิธีบวช ของไทยเรา ก็ยังคงมีเรื่องของ การอโหสิกรรม ซึ่งจะทำให้ใจของเราเกิดการอภัยทานซึ่งกันและกัน จึงเป็นเรื่องของการชำระล้างใจ ทำให้ใจของเราเกิดความสงบร่มเย็น
การอภัยทานจึงต้องอาศัยการฝึกทำ ไปทีละเล็กทีละน้อย จนเป็นปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำได้ยาก แต่ถ้าใครทำได้ก็จะเป็นเรื่องการสร้างบุญบารมีให้แก่ตนเอง เพราะการให้อภัยการเมตตาจะเป็นคุณประโยชน์แก่ตนเอง มากกว่าคนที่เราผูกใจเจ็บ
ซึ่งตามหลักการพุทธศาสนานั้นได้สอนไว้ว่า การให้อภัยทานคือการให้ทานสูงสุด เป็นการให้ทานที่สูงกว่าการให้ธรรมทานเสียอีก การให้ธรรมทาน 100 ครั้ง ก็ไม่อาจสู้หรือได้บุญน้อยกว่าการให้ “ อภัยทาน”
การทะเลาะกัน ก็เหมือนกับ การโทรศัพท์หากัน ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยตอบโต้กัน ถ้าการพูดต่อโต้กันเป็นเรื่องที่ดี เรื่องที่มีความสุข เรื่องความรัก ความอบอุ่น ก็ดีไป แต่ถ้า ทะเลาะกันผ่านทางโทรศัพท์ ถ้ามีฝ่ายหนึ่งหยุดพูด อีกฝ่ายก็ไม่สามารถโต้ตอบได้ ก็จะไม่เกิดอารมณ์ โกรธ เกลียด ที่มากขึ้นด้วยกันทั้งสองฝ่าย ดังนั้น การหลบเลี่ยง การหลบหนี การหยุดทะเลาะ การยอมแพ้บ้าง จึงเป็นเรื่องของการไม่เพิ่ม อารมณ์ ความโกรธ ความเกลียด ความเครียดแค้น การผูกใจเจ็บ ให้มากขึ้นได้
กระผมได้ฟังเทศนาจากพระคุณเจ้าในอดีตซึ่งจำไม่ได้ว่ามาจากพระท่านใด ท่านกล่าวว่า “ การที่เราโกรธใคร ไม่ไปอหิโสกรรมใคร จะทำให้บาปนั้นติดภายในใจเราไปอย่างยาวนาน ข้ามภพข้ามชาติ ถ้าเราไปเกิดใหม่ กรรมหรือบาปนั้น ก็ยังติดตามไปด้วย บางคนเกิดมามักจะถูกใส่ร้ายตลอด บางคนเกิดมาก็มีผู้คนกลั่นแกล้ง ทำร้ายตลอด นั่นเพราะเกิดจากกรรมในอดีต ”
จงชนะใจของตนเองด้วยการให้อภัยทาน แล้วท่านจะพบกับความสุขภายในใจของตนเอง จงแผ่เมตตาให้ตนเอง ให้กับผู้คน ให้กับสัตว์ร้ายและศัตรูของท่าน จงอโหสิกรรมให้แก่ตนเอง ผู้อื่น รวมทั้งศัตรูของท่าน จะทำให้ชีวิตของท่านเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  [100]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.