หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  บทความที่ดี
  -  ขายเก่ง....รวยก่อน.....
  -  เทคนิคการประชุม
  -  ปัญหาของเด็ก
  -  การพูดของอาจารย์จตุพล ชมภูนิช
  -  พูดดี ต้องประเมิน
  -  ลักษณะนักพูด
  -  ผู้นำพูด
  -  พูดโอกาสต่างๆ
  -  สั่นเพราะไมค์
  -  ผู้บริหาร มนุษย์สัมพันธ์
  -  เทคนิคในการพูด
  -  IMC ของไทยรักไทย
  -  เอดส์ วัยรุ่น สังคมไทย
  -  นักเขียน
  -  เหล้ากับเด็ก
  -  เด็กขายตัว
  -  สู่ผู้นำ
  -  อาหารปลอดภัย
  -  ทำไมคนดีๆ จึงลาออก
  -  อารมณ์ขันกับนักพูด
  -  การพูดหน้าชุมชน
  -  เลิกเหล้าเข้าพรรษา
  -  ฝึกพูด
  -  น้ำเมารอบสถานศึกษา
  -  การมีมนุษย์สัมพันธ์
  -  ยาเสพติดประเทศไทย
  -  เหล้า เบียร์ วัยรุ่น
  -  องค์กรกับผู้บริหาร
  -  ศิลปะในการบริหาร
  -  คนตกงานกับปัญหาสัึงคม
  -  สื่อลามกกับวัยรุ่น
  -  คนคือทรัพย์สิน
  -  เหล้ากับเทศกาลสงกรานต์
  -  ผู้บริหารกับการตลาด
  -  ศิลปะการฟัง
  -  เพศกับวัยรุ่น
  -  ทีม
  -  คำคม 3 ก๊ก
  -  กล้าล้มเหลวจึงสำเร็จ
  -  เป้าหมายกับความสำเร็จ
  -  บทบาทนักบริหาร
  -  เอดส์ สังคมไทย
  -  เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด
  -  ธรรมชาติการขาย
  -  ลิขสิทธิ์
  -  กิ๊ก
  -  เมืองไทยเมืองเซ็กส์
  -  จริยธรรมของไทย
  -  แฟชั่น นักศึกษา
  -  ปัญหาสิ่งแวดล้อม
  -  ปัจจัยในการบริหาร
  -  การเปลี่ยนแปลงกับการบริหาร
  -  น้ำมันลอยติดลมบน
  -  พจนานุกรมวัยรุ่น
  -  น้ำมันยังเป็นปัญหาใหญ่
  -  เรียนภาษาอังกฤษให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
  -  โลกร้อน
  -  พ่อแม่
  -  ปัญหามากมายสังคมไทย
  -  บุหรี่
  -  เลิกเหล้า เลิกจน
  -  ขยะเป็นทอง
  -  ผู้นำ
  -  สนุกกับงาน
  -  คิด พูด ทำ ความสำเร็จ
  -  ยกระดับบริการและความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ
  -  คอร์รัปชั่นภัยร้ายสังคมไทย
  -  พ่อแม่ รังแกฉัน
  -  หลักการเขียนบทความ
  -  เด็กนอกระบบ
  -  ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
  -  การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข
  -  นักพูดที่ดีต้องรู้จักวิเคราะห์ภาษากายของผู้ฟัง
  -  จริยธรรม คุณธรรม ความรับผิดชอบ
  -  การตลาดเพื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
เด็กนอกระบบ
เด็กนอกระบบ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2553 กระผมได้มีโอกาสไปร่วมเป็นวิทยากรร่วมงานเสวนา “ พลังรักพลังอำนาจของเยาวชนในเทศบาลแม่กาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ” จัดโดย เทศบาลแม่กา สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ(สสส.)และสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน(สสค.)
โดยในเวทีได้พูดถึงเรื่องประเด็น เด็กนอกระบบ สถานการณ์ในปัจจุบันของเด็กนอกระบบตำบลแม่กา จังหวัดพะเยา และ วิธีการแก้ไขปัญหาเด็กนอกระบบ ซึ่งมีตัวแทนจาก ภาคศาสนา(พระสงฆ์) , ภาควิชาการ(กระผม),ภาคการศึกษานอกโรงเรียนและตัวแทนเทศบาลแม่กา
ถ้าพูดถึง เด็กนอกระบบ หมายถึง เด็กที่ไม่มีโอกาสได้เรียนในระบบการศึกษา (โดยปัจจุบันมีเด็กนอกระบบ ที่ออกจากระบบการศึกษาในระดับประถมศึกษา(สูงสุด)และเด็กนอกระบบที่ออกจากระบบการศึกษาในระบบ ระบบมัธยมศึกษา(รองลงมา) ถึงแม้ทางรัฐบาลได้ออกกฏหมายบังคับให้เด็กเรียน 15 ปี ในระบบก็ตาม แต่ความเป็นจริง แต่ละโรงเรียนก็มีการถูกประเมินการศึกษาจากหน่วยงานต่างๆ เช่น สมศ. จึงทำให้แต่ละโรงเรียนต้องสร้างเด็กให้ได้มาตรฐาน ทั้งเป็นคนดีและเป็นคนเก่ง จึงทำให้เด็กที่มีคุณภาพต่ำกว่าจากมาตรฐานหลุดออกจากการศึกษาในระบบที่ละคนสองคน ซึ่งเด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กที่น่าสงสารเนื่องจาก เป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง หัวไม่ดี มีปัญหาครอบครัว เป็นเด็กยากจน มีปัญหา ขาดคนเข้าใจ
เมื่อเด็กกลุ่มดังกล่าวหลุดออกจากระบบการศึกษาก็ทำให้เด็กดำเนินชีวิตตามยถากรรม ขณะที่เพื่อนเรียนในระบบ ใช้เวลาอยู่ในระบบ แต่เด็กกลุ่มนี้ ต้องอยู่ที่บ้าน อยู่ตามร้านเกมส์ อยู่ตามสถานบันเทิงต่างๆ แล้วเด็กกลุ่มดังกล่าวก็จะก่อปัญหาแก่สังคมต่อๆไป ไม่ว่า ก่อปัญหายาเสพติด ก่อปัญหาอาชญากรรม ก่อปัญหาการทำร้ายร่างกายกัน ปัญหาลักจี้ชิงปล้น และปัญหาอื่นๆ
สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาเด็กนอกระบบ เราจะทำอย่างไร กระผมขอตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า เราก็คงต้องเอา เด็กนอกระบบ กลับเข้าสู่ระบบ เสีย แต่ถ้าเป็นระบบในปัจจุบัน กลุ่มเด็กนอกระบบดังกล่าวคงไม่สามารถเข้าไปสู่ในระบบได้ เนื่องจากโรงเรียนแต่ละแห่งคงไม่อยากรับ เราคงต้องหาระบบที่มีมาตราฐานต่ำกว่าการศึกษาในระบบ เช่น ระบบการศึกษานอกโรงเรียน(กศน.) หรือ การออกแบบกิจกรรมต่างๆ ของหน่วยงานหรือองค์กรพัฒนาเอกชน(NGO) ต่างๆ ที่ต้องออกแบบกิจกรรมหลักสูตรเพื่อรองรับ เด็กนอกระบบ ดังกล่าว เช่น หลักสูตรประกอบอาชีพเพื่อให้เด็กนอกระบบมีอาชีพในการทำงานได้ในอนาคต
ด้าน วัดหรือสถานปฏิบัติธรรมก็ช่วย เด็กกลุ่มนี้ได้ระดับหนึ่ง แต่คงต้องมีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมในการสอนหรืออบรม (ขนาดเด็กในระบบบางส่วนยังไม่ค่อยชอบในการอบรมของวัดบางแห่งซึ่งการอบรมไม่เร้าใจและไม่สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ในเด็กกลุ่มนี้)
สรุป ปัญหาเด็กนอกระบบ คงต้องหาเจ้าภาพดูแล เจ้าภาพที่ควรดูแลมากที่สุด คงต้องเป็นรัฐบาล แต่เราจะไปหวังอะไรมากจากรัฐบาลไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลแต่ละชุดมีปัญหาในระดับประเทศต้องแก้ไขมากมาย ดังนั้นจึงคงต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานท้องถิ่นที่ต้องสัมผัสกับเด็กนอกระบบในพื้นที่ หน่วยงานท้องถิ่น เช่น เทศบาล , อบต. , อบจ. ฯลฯ ซึ่งสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) คงมีแนวความคิดนี้เช่นกัน จึงได้ให้ทุนองค์กรส่วนท้องถิ่นหรือหาความร่วมมือโดยการจัดทำโครงการเพื่อการแก้ไขปัญหาเด็กนอกระบบ
แต่การแก้ปัญหาเด็กนอกระบบไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เนื่องจาก ปัญหาดังกล่าวเปรียบเทียบแล้ว คงเหมือนเชือก 1 เส้น ที่มีปมหลายปม แก้ปมนี้ อาจจะต้องเจออีกปมหนึ่ง เนื่องจากปัญหาเด็กนอกระบบมีความซับซ้อน และเกี่ยวโยงกับปัญหาอื่นๆ ด้วย กล่าวคือ เกี่ยวกับปัญหาครอบครัว,เกี่ยวกับปัญหาบริโภคนิยม,เกี่ยวกับปัญหายาเสพติด,เกี่ยวกับปัญหาสังคม ฯลฯ




...
  
ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ประชาคมอาเซียน คือ ASEAN COMMUNITY เป็นการรวมตัวกันภายในประเทศสมาชิกอาเซียนให้เป็นชุมชนที่มีความแข็งแกร่ง ทั้งทางด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจและภัยคุกคามรูปแบบใหม่
เราต้องยอมรับว่า โลกในปัจจุบันมีความเชื่อมโยงกัน และประเทศต่างๆก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จาก เรื่องของเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองจากประเทศอื่นๆ
ประเทศไทยเราเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบเช่น ทางด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากไทยเราส่งออกสินค้าต่างๆออกนอกประเทศ การลดภาษีนำเข้าต่างๆ เป็นสิ่งหนึ่งที่มีผลกระทบโดยตรง แต่การลดภาษีก็มีข้อดีกล่าวคือ ทำให้ช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้เป็นอย่างดี
การรวมตัวกันเป็นกลุ่มอาเซียนทำให้เกิดอำนาจต่อรองทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งหากรวมตัวกันแล้ว เศรษฐกิจของประเทศ ASEAN จะคิดเป็น 3% ของ GDP โลก ซึ่งก็นับว่ายังน้อยมากเมื่อเทียบกับ สหรัฐอเมริกา ที่คิดเป็น 27 % ยุโรป คิดเป็น 19% จีน 9% อินเดีย 3% เป็นต้น
การรวมตัวเป็นกลุ่มอาเซียนประเทศไทยเราเป็นประเทศเริ่มคิดในการร่วมกลุ่มเป็น ASEAN โดยการทำการก่อตั้งขึ้นโดยทำปฏิญญากรุงเทพฯ ซึ่งมีประเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ประชาชนคนไทยในปัจจุบันมีความสนใจในเรื่องอาเซียนน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับอีกหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน และภายหลังมีประเทศ ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชาและบรูไน มาเพิ่มเติมภายหลัง
อาเซียน สู่การเป็น ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งมีการกำหนดให้มีการสร้างประชาคมอาเซียนที่ประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน(ไทยเรามอบให้กระทรวงต่างประเทศเป็นผู้ดูแล) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดูแล)และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน(กระทรวงต่างประเทศเป็นผู้ดูแล) ซึ่งความจริงแล้วประเทศในกลุ่มอาเซียนได้ตกลงว่าจะจัดตั้งประชาคมอาเซียนในปี 2563 แต่ผู้นำในกลุ่มอาเซียนได้ตกลงจัดตั้งให้เร็วยิ่งขึ้น ในปี 2558 ถึงแม้จะประสบปัญหาหลายอย่างก็ตาม เช่น อาเซียนกับปัญหาพม่า เราต้องยอมรับว่า ปัญหาพม่าเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานโดยเฉพาะเรื่องของการเมืองภายในประเทศ ตัวอย่างเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลเผด็จการทหารพม่ากับพรรค NLD ของนางอองซาน ซูจี จนเกิดการนองเลือดในเดือนพฤษภาคม 2003 ทำให้เกิดแรงกดดันจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐ เป็นต้น
สาเหตุที่ต้องรีบจัดตั้ง เนื่องจาก ประเทศจีนและประเทศอินเดีย เป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากชาวต่างประเทศที่เข้าไปลงทุน ทำให้ต้องมีการรีบจัดตั้งให้ไวยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สมาชิกในอาเซียนต้องมีข้อตกลงกัน ทำกฎบัตรอาเซียน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2007 ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเนื้อหาของกฏบัตรอาเซียนประกอบด้วย เป้าหมาย หลักการ โครงสร้างองค์กร กระบวนการตัดสินใจ กลไกระงับข้อพิพาท กฎหมาย เอกสิทธิและความคุ้มกัน
ด้านผลกระทบทางด้านการตลาดและฐานการผลิตร่วม คือ การเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างเสรี,การเคลื่อนย้ายบริการอย่างเสรี,การเคลื่อนย้ายการลงทุนอย่างเสรีมากขึ้น,การเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเสรีมากขึ้นและการเคลื่อนย้ายแรงงานมีฝีมืออย่างเสรี(พยาบาล,บัญชี,วิศวกรรม,สถาปัตยกรรม,การสำรวจ,แพทย์และ ทันตแพทย์ สำหรับการออกใบอนุญาตงต้องมีองค์กรที่อยู่ตรงกลางคอยออกกฏระเบียบเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพภายในกลุ่มอาเซียน)
สำหรับผลประโยชน์ในการรวมกลุ่มมีมากมายเช่น ตลาดใหญ่ขึ้น , มีการลงทุนมากขึ้นซึ่งมีประโยชน์ต่อธุรกิจ SME ทำให้มีการจ้างงานมากขึ้น , ทำให้รายได้ต่อหัวของประชาชนในกลุ่มอาเซียนเพิ่มขึ้น ,การจัดการด้านแรงงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น,ทำให้ตลาดผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น, ทำให้ภูมิภาคในอาเซียนมีความดึงดูด การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจง่ายขึ้น ฯลฯ
ท้ายนี้ กระผมขอฝากแง่คิดของ Strobe Talbott ที่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องโลกาภิวัตน์ว่า “โลกาภิวัตน์โดยตัวของมันเองมิได้เป็นปรากฏการณ์ทั้งในทางลบหรือในทางบวก แต่มันเป็นสภาพความเป็นจริงของโลกสมัยใหม่...ฉะนั้นประเด็นจึงมิใช่อยู่ที่ว่าเราควรจะสนับสนุนหรือต่อต้านโลกาภิวัตน์ แต่อยู่ที่ว่าเราควรจะสนองตอบสภาพความจริงนี้อย่างไรและเราควรจัดการกับโลกาภิวัตน์และผลกระทบของมันอย่างไรมากกว่า”



...
  
การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข
การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข
เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ความเคลื่อนไหวของประชาคมสุขภาพอาเซียน สถานการณ์สุขภาพของไทย ปรากฏว่าอายุโดยเฉลี่ยของคนไทยเราเพิ่มสูงขึ้น ทั้งชายและหญิง เช่น ปี 2507 อายุชายไทยมีอายุเฉลี่ย 56 ปี หญิงมีอายุเฉลี่ย 62 ปี จนกระทั้งถึงปี 2553 ชายไทยมีอายุเฉลี่ย 70 ปี หญิงมีอายุเฉลี่ย 77 ปี (ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติ 2554 )
สาเหตุการตายจำแนกสาเหตุสำคัญต่อประชาการ 100,000 คน(ที่มา:สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข,2553) ไทยเรามีอัตราเสียชีวิตจากโรคมะเร็งมาเป็นอันดับที่ 1 คือ ปี 2549 (83 คน ต่อประชากร 100,000 คน) ปี 2553 (91 คน ต่อประชากร 100,000 คน) อันดับที่ 2 คือ อุบัติเหตุ ปี 2549 (59 คนต่อประชากร 100,000 คน) ปี 2553 (51 คนต่อประชากร 100,000 คน) อันดับที่ 3 โรคหัวใจ ปี 2549 (28 คนต่อประชากร 100,000 คน) ปี 2553 (28 คนต่อประชากร 100,000 คน) อันดับที่ 4 คือ โรคความดันเลือดสูงและหลอดเลือดสมอง อันดับที่ 5 คือ โรคปอดอักเสบและโรคปอดอื่นๆ อันดับที่ 6 คือโรคไตอักเสบ อันดับที่ 7 โรคเกี่ยวกับตับ อันดับที่ 8 โรคเบาหวาน อันดับที่ 9 โรคบาดเจ็บจากการฆ่าตัวตาย อันดับที่10 โรควัณโรค อันดับที่ 11 โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องจากไวรัส(เอดส์) เป็นต้น
ปริมาณการบริโภคน้ำอัดลมต่อคนของคนไทยสูงที่สุดในอาเซียน(ที่มา BMI ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปี 2554 )ไทยเราบริโภคสูงที่สุดในอาเซียนในอัตรา 41.30 หน่วย:ลิตร/คน/ปี , ฟิลิปปินส์ ในอัตรา 31.30 หน่วย:ลิตร/คน/ปี , สิงคโปร์ ในอัตรา 26.55 หน่วย:ลิตร/คน/ปี ,มาเลเซีย ในอัตรา 17.05 หน่วย:ลิตร/คน/ปี,เวียดนาม ในอัตรา 5.31 หน่วย:ลิตร/คน/ปี และอินโดนีเซีย ในอัตรา 3.13 หน่วย:ลิตร/คน/ปี เป็นต้น
ผลกระทบจากแรงงานข้ามชาติ ปี 2553(ข้อมูลจากสำมะโนประชากรและการเคหะ) ประชากรที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย มีประมาณ 2.7 ล้านคน (ซึ่งเท่ากับ 4.1 ของประชากรทั่วประเทศ) มากกว่าครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเทพและภาคกลาง และร้อยละ 90 เป็นแรงงานต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน และมีการประเมินอีกว่า มีแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาผิดกฎหมายอีก 1 ล้านคน (รวมแรงงานต่างชาติโดยประมาณ 3 ล้านคน)
สำหรับผู้ป่วยชาวต่างประเทศที่เข้ามารักษาในประเทศไทยมีมากขึ้น จึงทำให้รายได้ในส่วนนี้เพิ่มมากขึ้นทุกๆปี
สาธารณสุข กับ อาเซียน เมื่อมีการเปิดประเทศมากขึ้น ประชากรในอาเซียนและทั่วโลก สามารถเข้าออกกันง่ายขึ้น จึงทำให้เกิดปัญหาทางด้านสาธารณสุขตามมาอย่างมากมาย เช่น นักท่องเที่ยว แรงงานต่างด้าว จะนำพาโรคภัยต่างๆเข้ามามากขึ้น การค้าขายสัตว์ พืช อาหารต่างๆ จะนำพาเชื้อโรคหรือพาหะนำโรคเข้ามามากขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นภัยต่อสุขภาพ(เหล้า บุหรี่ ยาเสพติด สารเคมีอันตราย)จะเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้น ประชาชนต้องเผชิญกับโรคภัยต่างๆ (โรคระบาด โรคอุบัติเหตุใหม่ โรคติดต่อทั้งเรื้อรังและไม่เรื้อรัง)
การเปลี่ยนแปลงในด้านสาธารณสุขเมื่อเปิดอาเซียน คือ การลงทุนเสรีจะมากขึ้น จะตั้งโรงเรียน โรงพยาบาลจะง่ายขึ้น , ไทยมีโอกาสในการเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว การบิน การสัมมนา การแสดง การบริการทางด้านการแพทย์ ปัญหาทางด้านแรงงานจะไม่ขาดแคลนเพราะแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานมากขึ้น ปัญหาการขาดแคลนสาธารณูปโภคและบริการพื้นฐาน เกิดปัญหาอาชญากรรมและปัญหาสังคมสูงขึ้น
การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนเพื่อให้การเปิดประชาคมอาเซียน 31 ธันวาคม 2558
จากปัญหาและการเปลี่ยนแปลงข้างต้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การเตรียมความพร้อม ต้องคิดในแง่ดีว่า อาเซียนคือโอกาสและสิ่งที่ท้าทาย จะทำให้เราเกิดการพัฒนาตนเองเพื่อให้ต่อสู้กับการแข่งขัน
การเตรียมความพร้อมกำลังคนด้านสาธารณสุข ต้องมีการเร่งผลิตบุคลากรสาธารณสุขให้เพียงพอ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ พยาบาลเทคนิค อสม. เป็นต้น อีกทั้งต้องมีการสร้างเสริมสมรรถนะภาพด้านภาษาอังกฤษ เทคโนโลยี ไปพร้อมๆกัน
สำหรับแนวโน้มในอนาคตหากมีการเปิดประชาคมอาเซียน ก็จะมีแพทย์ พยาบาล อยากที่จะมาเปิดคลินิคหรือสถาพยาบาลในประเทศไทยมากขึ้น อีกทั้งหากมีการเปิดเขาก็คงเลือกเปิดในเมืองหลวง เขาคงไม่เลือกเปิดในชนบท เช่นเปิดที่ถนนสีลม ถนนสาธร ถนนสุขุมวิท ซึ่งจะเน้นลูกค้าชาติต่างประเทศ เพราะสามารถหารายได้ได้มากกว่านั้นเอง
การเตรียมความพร้อมในด้านระบบบริการด้านสุขภาพ ต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพ คุณภาพในการทำงาน ให้ได้มาตรฐานที่สูงขึ้น , มีแผนงานบริการชาวต่างชาติ แรงงานต่างชาติ นักท่องเที่ยว และมีกลยุทธ์ต่างๆที่ดึงดูดการใช้บริการ
การเตรียมพร้อมทางด้านตัวบุคคล คนทำงานสาธารณสุขต้องทำความเข้าใจประชาคมอาเซียน เปิดรับวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกในอาเซียน และปรับตัวในเรื่องของการสื่อสารทั้งการฟัง การพูด การอ่านและการเขียน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ และที่สำคัญต้องไม่มีการหยุดพักในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
การเตรียมพร้อมระดับองค์กร หน่วยงานสาธารณสุขต้องสร้างพันธมิตร ร่วมมือภายในและภายนอกอาเซียน มีการยกระดับหลักประกันสุขภาพให้สูงขึ้น องค์กรต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ยกระดับหน่วยงานราชการให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ดังประเทศสิงคโปร์ ระบบราชการมีประสิทธิภาพอย่างมากในการทำงาน
ท้ายนี้อยากฝาก คำพูดของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก องค์พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย
“ True success exists not in learning, but in its application to the benefit of mankind”
หรือ “ความสำเร็จที่แท้จริงมิได้อยู่ที่การเรียนรู้ หากแต่อยู่ที่การนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อคุณประโยชน์แก่มนุษยชาติ”


...
  
นักพูดที่ดีต้องรู้จักวิเคราะห์ภาษากายของผู้ฟัง
นักพูดที่ดีต้องรู้จักวิเคราะห์ภาษากายของผู้ฟัง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
นักพูดที่ดีต้องรู้จักวิเคราะห์ภาษากายของผู้ฟัง หากว่าเราเป็นนักพูด นักบรรยาย วิทยากร เราสามารถวิเคราะห์ผู้ฟังได้จากภาษากาย ว่าผู้ฟังมีความตั้งใจฟังเรา สนใจฟังเรา หรือ มีความเบื่อหน่าย ไม่อยากที่จะฟังเรา ซึ่งเราสามารถวิเคราะห์ภาษากายของผู้ฟังได้จาก ใบหน้า ท่าทาง ความสนใจของผู้ฟัง การนั่ง ความเคลื่อนไหวต่างๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้
นั่งกอดอก แสดงถึงการป้องกันตัวเอง เริ่มไม่ไว้วางใจ ความไม่สนใจในเรื่องที่พูด ความไม่ใส่ใจ การต้องการวางอำนาจเหนือผู้พูด และไม่ยอมเปิดใจที่จะรับฟัง
นั่งเอามือเท้าคาง เป็นลักษณะของคนกำลังใช้ความคิด หากเท้าคางแล้วเอนตัวมาข้างหน้า แสดงว่ากำลังสนใจกับเรื่องที่ผู้พูดพูด แต่ถ้าหากเท้าคางแล้วเอนตัวไปข้างหลัง แสดงว่า ไม่สนใจในเรื่องที่ผู้พูดพูด
นั่งขาถ่างหรือชอบนั่งอ้าขา แสดงถึงความเปิดเผย เป็นมิตร เป็นกันเอง เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ กล้าแสดงออก
นั่งไขว่ห้าง แสดงถึงการป้องกัน ไม่เปิดใจที่จะรับฟัง เป็นคนมั่นใจในตนเอง
นั่งตัวตรง แสดงถึงเป็นคนกล้าพูดกล้าทำ กล้าแสดงออก มีความเป็นผู้นำ มีพลัง มีความกระตือรือร้น มีความรับผิดชอบสูง
นั่งจับจมูกบ่อยๆ แสดงถึงความไม่มั่นใจ ครุ่นคิด สับสน ต้องการใช้เวลาตัดสินใจ
นั่งพนักหน้าตอบรับเป็นระยะๆ แสดงความเป็นกันเอง รู้สึกมีความเห็นด้วยกับผู้พูด เป็นมิตร กำลังเชื่อในเรื่องที่ผู้พูดได้พูด
นั่งเอามือวางไว้ที่บนตัก แสดงถึงว่าเป็นคนที่มีความสุภาพ อ่อนโยน รู้สึกเจียมตัว มีความเรียบร้อย
นั่งเอามือซุกกระเป๋า แสดงถึงว่าไม่ต้องการฟัง รู้สึกอึดอัดใจ
นั่งแล้วเอามือเกาศีรษะบ่อยๆ แสดงถึงอาการสงสัย ไม่เข้าใจในเรื่องที่ฟัง
นั่งกระดิกขา แสดงถึงอาการผ่อนคลาย เปิดเผย รู้สึกสบายๆ ไม่กระตือรือร้น
นั่งก้มหน้า แสดงถึง การซ่อนหรือเก็บความรู้สึกบางอย่าง ไม่อยากเปิดเผย ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง รู้สึกประหม่า รู้สึกกลัว รู้สึกอาย
นั่งฟังแต่ไม่กล้าสบสายตา แสดงถึงการทำผิด ประหม่า ไม่มีความมั่นใจในตนเอง มีพิรุธ
นั่งหลังงอไหล่ห่อ เป็นคนที่สบายๆ ไม่ชอบเรื่องมาก ไม่ค่อยเครียด
แต่อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ภาษากายหรืออ่านใจผู้ฟัง ควรใช้วิจารณญาณ สัญชาติญาณ สถานการณ์ อารมณ์ ความรู้สึก ของผู้ฟัง ประกอบด้วย รวมไปถึงเรื่องความแตกต่างของเชื้อชาติ วัฒนธรรม ภาษา ซึ่งเหล่านี้ก็อาจทำให้เกิดความแตกต่างกันในการวิเคราะห์และอาจจะไม่มีความถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์






...
  
จริยธรรม คุณธรรม ความรับผิดชอบ
บุคคล: คุณธรรม จริยธรรม เสรีภาพกับความรับผิดชอบ

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก

www.drsuthichai.com

บุคคล : ตาม กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 15 กล่าวไว้ว่า

มาตรา 15 สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็น ทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย

คุณธรรม หมายถึง ตามพจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตสถาน ( 2530 : 190 ) ได้ให้ความหมายของ คุณธรรมว่า คุณธรรม หมายถึง สภาพคุณงามความดีหรือหน้าที่อันพึงมีอยู่ในตัว

จริยธรรม หมายถึง การแยกสิ่งถูกจากผิด ดีจากเลว มาจากคำ 2 คำคือ จริย กับธรรม ซึ่งแปลตามศัพท์ คือ จริยะ แปลว่า ความประพฤติ กิริยาที่ควรประพฤติ คำว่า ธรรม แปลว่า คุณความดี

จริยธรรม ตามพจนานุกรมในภาษาไทย จริยธรรม หมายถึง ธรรมที่เป็นข้อประพฤติ ศีลธรรมอันดี

เสรีภาพ ตามพจนานุกรม หมายถึง อำนาจทำอะไรได้ตามใจ, ความเป็นอิสระแก่ตัว

ความรับผิดชอบ ตามพจนานุกรม หมายถึง ยอมรับผลทั้งที่ดีและไม่ดีในกิจการที่ตนได้ทำลงไปหรือที่อยู่ในความดูแลของตน เช่น สมุห์บัญชีรับผิดชอบเรื่องเกี่ยวกับการเงินรับเป็นภารธุระ

คำ 5 คำข้างต้นนี้ มีความเกี่ยวพันกันอย่างมาก ในการดำรงชีวิตในโลกยุคปัจจุบัน เนื่องจากโลกยุคนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการติดต่อสื่อสาร ความขัดแย้ง ปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง

คุณธรรม จริยธรรม บุคคลที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข มีความสงบ ควรคำนึงถึงเรื่องนี้ เพราะหากว่า บุคคลใด ดำรงชีวิตอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม บุคคลนั้น ก็จะได้รับการยกย่อง อีกทั้งเป็นแบบอย่างให้แก่คนในสังคม และอยู่รอดปลอดภัย ไกลคุก ไกลตะราง

เสรีภาพ กับความรับผิดชอบ คำ 2 คำนี้ มีความสัมพันธ์อย่างแยกไม่ออก ในการดำรงชีวิตอยู่ภายในสังคม บุคคลในแต่ละสังคม แต่ละประเทศ บุคคลสามารถมีเสรีภาพ อิสระในการที่จะทำอะไรก็ได้ ภายใต้กฏหมายของประเทศนั้นและสังคมนั้น อีกทั้งควรมีความรับผิดชอบ ทั้งดีและไม่ดีในสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไปด้วย



แต่ในยุคปัจจุบัน บุคคลและองค์กรต่างๆในหลายวงการ มีเสรีภาพมากขึ้น แต่ความรับผิดชอบกลับลดน้อยลง เช่น การใช้สื่อของบุคคล หรือ แม้แต่นักสื่อสารมวลชน เราต้องยอมรับกันว่า สื่อในยุคนี้มีมากมายให้เลือกและมีความง่ายต่อการเข้าถึง ปัจจุบันเรามี สื่อ TV ดาวเทียม สื่อวิทยุชุมชน โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ สื่อทางอินเตอร์เน็ต เป็นสื่อที่คนทั่วโลกนิยมใช้กัน

บุคคลหรือสื่อมวลชนในยุคนี้ มักจะใช้สื่อทำลายศัตรูของตน โดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีอำนาจหรือบุคคลโดยทั่วไป คนจน คนที่ไม่สามารถตอบโต้ได้ แต่สำหรับผู้มีอำนาจทางการเมือง อำนาจทุน อำนาจรัฐ บุคคลหรือสื่อ มักงดเว้นหรือไม่กล้าที่จะไปตรวจสอบ โดยอ้างความรับผิดชอบที่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากการตรวจสอบนั้น อาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อหน้าที่การงานของตนเอง ความปลอดภัยในชีวิต ในทรัพย์สินของตนเอง ของครอบครัว เพราะบุคคลที่มีอำนาจ มักมีอิทธิพล มีเครือข่าย ที่จะตอบโต้

อีกทั้งสื่อมวลชนในยุคปัจจุบัน มีการนำเสนอข่าวที่มีการเลือกข้าง นำเสนอข่าวที่สร้างความขัดแย้ง และเข้าใจผิดให้แก่ผู้รับข่าวสาร หากใครอยู่ฝั่งเดียวกับตนก็จะชื่นชม แต่หากอยู่ฝั่งตรงกันข้ามก็เลือกที่จะใช้วิธี “ สุมไฟใส่ฟืน” ให้เกิดการแตกแยกยิ่งขึ้น

ดังนั้น สื่อควรรับผิดชอบต่อสังคม เพราะสื่อไม่ว่ารูปแบบใดจะมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม ฉะนั้น สื่อสามารถนำพาสังคมไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าในทางบวกหรือทางลบ ไม่ว่าในทางสร้างสรรค์หรือทางทำลาย ไม่ว่าในทางแก้ไขปัญหาหรือการสร้างปัญหา

“ โกง ช่วยชาติ ” จากการสำรวจโพลล์ของสำนักเอแบคในหัวข้อ “ ชีวิตที่พอเพียงกับความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชนและประเด็นสำคัญอื่นๆของประเทศ ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนใน 17 จังหวัดของประเทศ จำนวน 1,228 ครัวเรือน พบว่า ร้อยละ 51.2 ยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตคอร์รัปชันได้ เพราะคิดว่าทุกรัฐบาลก็ทุจริตคอร์รัปชันเหมือนกัน ถ้าทุจริตแล้วทำให้ประเทศรุ่งเรือง ประชาชนกินดีอยู่ดีก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ อีกทั้ง ร้อยละ 84.5 มองว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องปกติธรรมดในการทำธุรกิจ

นอกจากนี้ผลของการสำรวจ ยังระบุอีกว่าเยาวชนยอมรับรัฐบาลที่ฉ้อราฏร์บังหลวง เพียงขอให้ทำประโยชน์แก่ประเทศและให้พวกเขาได้รับประโยชน์ไปด้วย

จึงไม่ต้องแปลกใจที่ มีงานสำรวจอีกชิ้นหนึ่งในปี 2552 ของสำนักข่าว AFP รายงานว่าสถาบันที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจหรือเพิร์ก ได้เผยแพร่รายงานประจำปี 2552 เกี่ยวกับการจัดอันดับการคอร์รัปชั่นในภูมิภาคเอเชีย 14 ประเทศ รวมถึงออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา

การสำรวจความเห็นผู้บริหารชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในภูมิภาคดังกล่าว 1,700 คน ปรากฏว่าประเทศที่มีการคอร์รัปชันน้อยที่สุดในเอเชียอันดับ 1 ได้แก่ สิงคโปร์ ได้ 1.07 คะแนน อันดับ 2 ได้แก่ ฮ่องกง 1.89 คะแนน อันดับ 3 ได้แก่ ออสเตรเลีย 2.40 คะแนน อันดับ 4 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 2.89 คะแนน และอันดับ 5 ได้แก่ ญี่ปุ่น 3.99 คะแนน อันดับ 6 ได้แก่ เกาหลีใต้ 4.64 คะแนน อันดับ 7 ได้แก่ มาเก๊า 5.84 คะแนน อันดับ 8 ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน 6.16 คะแนน อันดับ 9 ได้แก่ ไต้หวัน 6.47 คะแนน อันดับ 10 ได้แก่ มาเลเซีย 6.70 คะแนน อันดับ 11 ได้แก่ ฟิลิปปินส์ 7.0 คะแนน อันดับ 12 ได้แก่ เวียดนาม 7.11 คะแนน อันดับ 13 ได้แก่ อินเดีย 7.21 คะแนน อันดับ 14 ได้แก่ กัมพูชา 7.25 คะแนน อันดับ 15 ได้แก่ ประเทศไทย 7.63 คะแนน และอันดับ 16 (อันดับสุดท้าย) ได้แก่ อินโดนีเซีย 8.32 คะแนน

เราจะเห็นได้ว่า ชาวต่างชาติ รวมทั้งคนไทยเป็นจำนวนมาก ต่างก็รู้ว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นมีเป็นจำนวนมากในประเทศไทย และมีหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็น วงการเมือง วงการราชการ วงการนักธุรกิจ ไม่เว้นแม้กระทั่ง วงการทางศาสนา ดังเราจะเห็นได้จากการวิ่งเต้นซื้อตำแหน่ง การเรียกสินบน การเรียกผลประโยชน์ต่างๆ ซึ่งปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นมีทุกภาค ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ ทั่วประเทศไทย

ซึ่งในความเห็นของกระผม การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องทำการแก้ไขทั้งระบบ อีกทั้งปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น มีลักษณะคล้ายเชือกที่เป็นปม อยู่หลายปม แก้ปมนี้ก็จะไปเจออีกปมหนึ่ง

ดังนั้น บุคคล หากต้องการพบกับความสุข ความสงบ พบกับความเจริญ รุ่งเรือง ก้าวหน้าในชีวิต บุคคลนั้นควรยึดหลักคุณธรรม จริยธรรมในการดำเนินชีวิต อีกทั้งควรดำรงชีวิตอย่างมีเสรีภาพไม่เกินขอบเขตของกฏหมายกำหนด รวมถึงควรรับผิดชอบในการกระทำของตนที่ดีและไม่ดี
...
  
การตลาดเพื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
การตลาดเพื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com

ธุรกิจการท่องเที่ยวของไทย มีความน่าสนใจมาก เพราะได้นำรายได้จำนวนมากมายมหาศาลเข้าประเทศ การท่องเที่ยวในประเทศไทยเติบโต เนื่องจากการได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของรัฐบาล หน่วยงานราชการ หน่วยงานภาคเอกชน อีกทั้งมีการบริหาร มีการจัดการระบบการท่องเที่ยวเข้ามาช่วย เช่น เรามีสนามบินสุวรรณภูมิที่ใหญ่มาก และตอนนี้ก็ได้มีการเปิดสนามบินดอนเมืองขึ้นมาใช้งานเพิ่มเติม เรามีโรงแรมหลากหลายประเภท ตั้งแต่โรงแรมขนาดเล็กราคาถูกจนถึงโรงแรมขนาดใหญ่ซึ่งมีราคาแพง เรามีบุคลากรที่บริการนักท่องเที่ยวที่ดี บริการด้วยความสุภาพ มีความเอื้ออาทรต่อนักท่องเที่ยว เรามีภูมิประเทศที่หลากหลาย เรามีทะเล มีภูเขา มีน้ำตก มีเขตติดต่อกับหลายประเทศ เรามีวัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ที่มีความน่าสนใจ เรามีระบบคมนาคมที่ดี มีรถโดยสารประจำทาง มีรถไฟฟ้า มีเรือ ที่จะนำพานักท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ
อีกทั้ง เราจะมีการเปิด AEC (ประชาคมอาเซียน) ประเทศไทยซึ่งได้รับการยอมรับและได้เป็นตัวกลางประสานเรื่องการท่องเที่ยวของประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน เราสามารถเดินทางเข้าออกไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนสะดวกขึ้น ถึงแม้จะมีการสำรวจว่านักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากจะมาเที่ยวประเทศในกลุ่มอาเซียนประเทศใดมากที่สุด ผลออกมาคือประเทศมาเลเซียอันดับ 1 และประเทศไทยอยู่อันดับรองๆลงมาก็ตาม
หน่วยงานที่รับผิดชอบการท่องเที่ยวไทย ควรทำการตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น มีการบุกตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์ในประเทศต่างๆมากขึ้น มีการทำอีเวนต์ มาเก็ตติ้งมากขึ้น มีการสร้างเครือข่ายข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดู ควรสร้างแบรนด์การท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เข้มแข็งขึ้น ควรมีแผนการทำงานด้านการตลาดทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว อีกทั้งควรพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวให้ได้มีการฝึกภาษาต่างประเทศที่หลากหลายภาษายิ่งขึ้น
การรุกตลาดใหม่ๆ มีการสำรวจว่านักท่องเที่ยวประเทศใดเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากที่สุด ปรากฏว่าเป็นชาวจีน แต่เราสามารถหาตลาดใหม่ๆได้ ปัจจุบันประเทศมุสลิม ส่วนใหญ่ร่ำรวยจากการขายทรัพยากรน้ำมัน ประชาชนชาวมุสลิมได้มีการท่องเที่ยวที่มากขึ้น ซึ่งประเทศไทยก็ควรจัดสิ่งต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกตามวิถีทางของชาวมุสลิม ไม่ว่าโรงแรม โรงพยาบาล สนามบิน สถานที่ละหมาด จะสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวในประเทศมุสลิมเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้น
ด้านผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวเอง คงขึ้นอยู่ที่คุณภาพของสินค้าและบริการ รวมถึงกลไกการตลาดด้านการท่องเที่ยวก็มีความสำคัญ ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ควรที่จะวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่การวางแผนก่อน ก่อนที่จะทำอะไรก็ตาม เราควรวางแผนลงไปในกระดาษว่า เราจะทำการตลาดอย่างไร ธุรกิจเราจะไปในทิศทางไหน เราจะสร้างโรงแรมโดยคิดราคาห้องพักราคาถูกหรือไม่ หรือเราจะสร้างโรงแรมที่มีความแตกต่างแล้วคิดในราคาที่สูงมากขึ้น ธุรกิจเราจะใช้ 4 P อะไรบ้าง marketing mix (Product Price Place Promotion) สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องคิดก่อน วางแผนก่อนลงมือทำจริง
การบริการลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวก็มีความสำคัญ เคยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งของสถาบันที่น่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริการ ระบุว่า 86 % ของลูกค้าคาดหวังจะได้รับบริการที่ดี 82 % จะเปลี่ยนผู้ให้บริการหากไม่พอใจ 97 % เปลี่ยนหันเหไปหาผู้ให้บริการรายอื่น 35 % ไม่ยอมรับคำขอโทษหากไม่พอใจ ลูกค้าไม่พอใจในบริการ 1 คน จะบอกต่อถึง 78 คน ยิ่งในยุคปัจจุบันลูกค้าสามารถบอกต่อได้เป็นแสนๆล้านๆคน เขียนผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต แต่ถ้าเขียนภาษาอังกฤษได้ คนก็สามารถได้เห็นได้อ่านมากยิ่งขึ้น อีกถ้าหากลูกค้าถ่ายคลิปได้ ยิ่งสามารถเผยแพร่ไปได้ทั่วโลก แต่ถ้าบริการดี ลูกค้าพอใจจะบอกต่อ 1 คน ต่อ10 คน และจะกลับมาใช้ใหม่35% ดังนั้นการทำ CRM คือ Customer Relationship Management จึงเป็นเครื่องมือช่วย ทำให้เกิดการบอกต่อมากขึ้น
ด้านการแข่งขันกันในธุรกิจโรงแรม ธุรกิจนำเที่ยว ส่วนใหญ่จะมีการแข่งขันในเรื่องการลดราคา อีกส่วนหนึ่งไม่อยากแข่งขันด้านราคา จึงหันไปสร้างความแตกต่าง เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น การออกแบบโรงแรมให้เกิดความแตกต่าง แต่มาถึงจุดหนึ่ง ก็โดนเลียนแบบ จนหาความต่างได้น้อยมาก การแข่งขันในยุคปัจจุบัน จึงต้องเน้นไปที่การสร้างตลาดใหม่ซึ่งเป็นของตนเอง Blue Ocean จึงมีการพูดถึงกันมากในยุคปัจจุบัน ชาน คิม และเรเน โมบอร์ค เป็นผู้คิดทฤษฏีนี้ เขาได้ระบุไว้ในหนังสือของพวกเขา โดยบอกไว้ว่า หากเราต้องการที่จะหลุดพ้นจากการแข่งขันที่รุนแรงหรือเขามักเรียกว่าทะเลเลือดหรือน่านน้ำสีแดง เราต้องพยายามเปลี่ยนความคิดในทางตลาดใหม่ เขาเรียกว่า ทะเลคราม หรือ น่านน้ำสีคราม
คิม และ โมบอร์ก กล่าวว่าอย่ามองแค่ธุรกิจที่อุตสาหกรรมที่เราทำอยู่เท่านั้น แต่ควรมองไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆที่มีสินค้า ที่ได้ตอบสนองลูกค้าคล้ายกับสินค้าของเรา เช่น ธุรกิจโรงแรม ตอบสนองลูกค้า หรือลูกค้าได้ประโยชน์ โดยการพักผ่อน แล้วอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่สามารถตอบสนองลูกค้าโดยการพักผ่อน ก็คือธุรกิจท่องเที่ยว เป็นไปได้หรือไม่ที่ เราจะสร้างโรงแรม ในรถทัวร์ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยว สามารถนอนบนรถทัวร์แบบสบายที่สุดเหมือนนอนในโรงแรม ในขณะเดียวกัน ก็ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย ในการเดินทางอีกด้วย
การโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ ควรทำหลายทาง สมัยนี้ โซเชียลมีเดีย มาแรงมาก ถ้าโรงแรมไหน ธุรกิจท่องเที่ยวไหน ยังไม่มีขอแนะนำให้ทำ ไม่ว่า จะเป็น เว็ปไซค์ Facebook ทวิตเตอร์ อีกทั้งควรมีการต่อยอดเพื่อให้เกิดการบอกต่อด้วย เช่น เมื่อลูกค้าเข้ามาโรงแรมพักที่โรงแรม หากลูกค้ามีการเช็คอินใน Facebook ก็จะมีแต้มหรือมีคะแนนหรือมีของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆให้ การจ้างพนักงานดูแลสื่อโซเซียลมีเดียจึงมีความจำเป็น บริษัทใหญ่ๆมักมีหน่วยงานนี้ เพราะบางครั้งลูกค้า ใส่ชื่อโรงแรมเราเข้าไปใน google เมื่อกดเข้าไปดันไม่ใช่เว็ปไซค์เรา ปัญหาเหล่านี้ ควรต้องมีการดูแลและเข้าไปแก้ไข
ฉะนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะพัฒนาและเจริญเติบโตไปได้อย่างรวดเร็ว คงต้องอาศัยการตลาดเข้าช่วย และจะต้องดำเนินไปพร้อมกับปัจจัยอื่นๆ เช่น การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว การพัฒนาบุคลากรและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น






...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.