หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
  -  คำกล่าวของนายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร)
  -  สุนทรพจน์ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ
  -  อภิสิทธิ์
  -  สุนทรพจน์ ชวน หลีกภัย
  -  วิเคราะห์คำพูดของ นายกฯ สมัคร คำต่อคำ(โดย มะอึก)
  -  คำกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
  -  คำบรรยายพิเศษ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
  -  คำกล่าว ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
  -  ปาฐกถาของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
  -  ปาฐกถาของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
  -  สุนทรพจน์ นายอานันท์ ปันยารชุน
  -  ชวน หลีกภัย
  -  ยิ่งอ่านมาก..ยิ่งสำเร็จ..
  -  สูตรความสำเร็จของนักขาย
  -  ใครบ้างที่สมัครเป็นนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : สุนทรพจน์ของนักการเมือง
สุนทรพจน์ นายอานันท์ ปันยารชุน
รวมปาฐกถาภาษาไทย

สุนทรพจน์
เรื่อง บทบาทของนักธุรกิจในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม
โดย นายอานันท์ ปันยารชุน
ประธานสภาสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย
ในโอกาส เครือไทยสงวนวานิชครบรอบ ๕๐ ปี
๒๙ พฤษภาคม ๒๕๓๙
ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมโอเรียนเต็ล


ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน

ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่คุณวิกรม ชัยสินธพ ประธานกรรมการ เครือไทยสงวนวานิช เชื้อเชิญให้ผมมากล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสที่เครือไทยสงวนวานิชมีวาระครบรอบ ๕๐ ปี แก่ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านในวันนี้ อันประกอบไปด้วยผู้นำนักธุรกิจ ข้าราชการ สื่อมวลชน ในหัวข้อ “บทบาทของนักธุรกิจในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม” การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อสังคม และการพัฒนาประเทศ เมื่อประเทศไทยพัฒนาก้าวหน้า ความสำคัญของการจัดการสิ่งแวดล้อมก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แม้ว่ามีการพูดถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ แต่ก็ยังแก้ไขได้อย่างจำกัดเท่านั้น

ยกตัวอย่างที่เห็นชัดในช่วงนี้ คือ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งทุกคนทั้งผู้สมัครอิสระและผู้สมัครสังกัดพรรคการเมือง ต่างพยายามรณรงค์ด้วยการเสนอโครงการใหม่ ๆ ที่ต้องใช้งบเพื่อสิ่งแวดล้อมนับแสนล้าน ซึ่งชี้ชัดว่าการลงทุนแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมานั้นยังไม่เพียงพอ และไม่ทันต่อปัญหาที่ทวีเพิ่มขึ้นทุกวัน

วิกฤตสิ่งแวดล้อม

ทำไมประเทศไทยจึงต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น ผมเชื่อว่าทุก ๆ ท่านในที่นี้เห็นพ้องต้องกันอยู่แล้วว่า สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในประเทศไทยนั้นเสื่อมโทรม ไม่ว่าจะเป็นมลพิษในเมือง พื้นที่ป่าไม้ แหล่งน้ำ คุณภาพดิน และทรัพยากรทางทะเล ซึ่งความเสื่อมโทรมทั้งหมดนี้ ส่งผลคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งเรื่องความแออัด ความสกปรก มลพิษทางอากาศและทางน้ำ รวมทั้งความยากจนในชนบทเนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติร่อยหรอลง ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไขในทางปฏิบัติให้เห็นผลในเร็ววัน

ถ้าดูจากใกล้ ๆ ตัวก่อน เช่น อากาศเป็นพิษถึงขั้นวิกฤตในเขตกรุงเทพมหานคร ปัญหาฝุ่นละอองเพราะการจราจรติดขัด มีเขม่าดำจากเครื่องยนต์ดีเซล อีกทั้งการเร่งการก่อสร้างถนน ทางด่วน รถไฟฟ้ารวมทั้งตึกรามบ้านช่องโดยไม่สนใจและไม่รับผิดชอบต่อฝุ่นละอองที่เกิดขึ้น การเติบโตและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ถนนบางสายของกรุงเทพมหานคร เช่นริมถนนพหลโยธินมีปริมาณฝุ่นเกินกว่ามาตรฐานถึง ๗ เท่า และจากผลการสำรวจโรงพยาบาลในเมืองหลวงของเราพบว่า ประชากรใน กรุงเทพมหานคร มีอาการของโรคภูมิแพ้เกินกว่า ๑ ล้านคน

นอกจากเรื่องของฝุ่นและมลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำเป็นปัญหาที่ทวีความวิกฤตขึ้นทุกขณะ จากอดีตที่เมืองไทยเคยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำมีแม่น้ำหลักสายใหญ่ไหลผ่านทางใจกลางเมืองหลวง แต่ปัจจุบันจากการวัดคุณภาพน้ำพบว่า แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างคุณภาพน้ำต่ำกว่ามาตรฐาน ที่ปากคลองพระโขนงเคยมีคุณภาพน้ำถึงขั้นวิกฤต ในฤดูร้อนปริมาณโคลีฟอร์ม แบคทีเรีย ซึ่งเป็นดรรชนีวัดความสกปรกของน้ำ มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของผู้ใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำโดยตรง

ปัญหาขยะเป็นปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่ง เพราะปริมาณขยะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั่วประเทศต่อวันมีปริมาณขยะเกินกว่า ๓๓,๐๐๐ ตัน แค่เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครต่อวันมีมากกว่า ๗,๐๐๐ ตัน ถึงแม้ทางกรุงเทพมหานครเชื่อว่าสามารถจัดเก็บได้ถึงร้อยละ ๙๕ แต่ท่านทั้งหลายคงเห็นว่า ขยะใน กรุงเทพมหานคร นั้นยังกองล้นเกลื่อนกลาดอยู่ตามถนน และในตรอกซอกซอย จะพูดได้อย่างไรว่า กรุงเทพของเรานั้นสะอาด น่าอยู่ น่าอาศัย

ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ผมกล่าวมานั้น เป็นปัญหาต่อเนื่องที่พอกพูนทวีความวิกฤตขึ้นทุกวัน เพราะในขณะที่ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ผลักดันให้ประชาชนในชนบทมุ่งหน้าเข้าสู่หัวเมืองที่เป็นแหล่งงานที่สร้างรายได้สูงกว่าทำให้เมืองใหญ่แออัดขยายตัวอย่างไม่มีระบบ ขาดการควบคุม ส่งผลให้เกิดมลพิษขึ้นหลายรูปแบบดังที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งท้ายที่สุดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษทั้งหมดนั้น ก็จะส่งผลกระทบกลับมาที่คุณภาพชีวิตของพวกเราทุกคน

หน้าที่ของใครในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม

การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศนั้น เรามักเข้าใจกันว่า เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของรัฐโดยตรง ซึ่งเป็นความเข้าใจได้ที่ถูกต้องอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ความเข้าใจที่ถูกต้องทั้งหมดแม้รัฐมีหน้าที่แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อส่วนรวม แต่รัฐไม่ใช่ผู้ก่อปัญหาทั้งหมด และจุดสำคัญของการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้น จะคอยตามแก้ไขอย่างเดียวไม่พอ ต้องช่วยกันป้องกันและลดปริมาณการก่อมลพิษให้น้อยลง ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่จึงจะบรรเทาเบาบางลดน้อยลงได้ เมื่อพิจารณากันเช่นนี้แล้ว เราทุกคนในฐานะที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน ล้วนมีส่วนในการสร้างมลพิษด้วยกันทั้งสิ้น อาจจะมีความแตกต่างอยู่บ้าง ที่ชนิดปริมาณ และความเป็นพิษของมลพิษที่แต่ละคนมีส่วนก่อขึ้น จึงเป็นเรื่องสมควรแล้ว ที่ประชาชนคนไทยทุกคนจะต้องแบกภาระรับผิดชอบใส่ใจแก้ไขปัญหาร่วมกัน

บทบาทของภาคธุรกิจอยู่ตรงไหน

ทำไมภาคธุรกิจจึงต้องแสดงบทบาทในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ผมขอตอบแทนในฐานะที่ผมเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ผมเชื่อว่าภาคธุรกิจเป็นภาคสำคัญในการพัฒนาประเทศ ถ้าหากภาคธุรกิจสามารถพัฒนาธุรกิจของตนเอง ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ ประเทศไทยของเราจะสามารถพัฒนาเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน

ผมเชื่อว่าประเทศไทยมีภาคธุรกิจเข้มแข็ง ดูได้จากมูลค่าสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าถึงหนึ่งล้านสี่แสนล้านบาท อีกทั้งการลงทุนในภาคเอกชน เมื่อปลายปี ๒๕๓๘ ก็ขยายตัวเพิ่มสูงถึง ๑๔.๒ % ผมจึงเชื่อว่า ภาคธุรกิจสามารถมีบทบาทนำในสังคมนี้ได้ เนื่องจากภาคธุรกิจมีศักยภาพสูง สามารถระดมทุนและมีประสบการณ์ในการบริหารโครงการขนาดใหญ่ให้ประสบผลสำเร็จแม้ว่าต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเพียงใดก็ตาม ในสภาพการณ์ปัจจุบันเรื่องสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของโลก เราต้องปรับกลยุทธการพัฒนาที่มุ่งเน้นให้ระบบเศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็วแต่เพียงอย่างเดียว มาใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมกันอย่างจริงจัง บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ท่านทั้งหลายจะต้องแสดงบทบาทนำในอีกด้านหนึ่ง เพื่อฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนา เพื่อเป็นการคืนกำไรให้แก่สังคมที่เกื้อหนุนเรามา

ในโลกนี้ไม่มีของฟรีอีกแล้ว ผมย้ำประโยคนี้อยู่เสมอเพราะเป็นความจริงที่เราไม่อาจปฏิเสธการได้มาซึ่งความเจริญทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ มีภาพความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรากฎให้เห็นอยู่โดยทั่วไป ผมจึงคิดว่าควรจะมีกฎระเบียบเพื่อบังคับให้ผู้ที่มีส่วนในการทำลายสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง

จากอดีตด้วยเหตุผลที่เคยคิดกันว่า ทรัพยากรธรรมชาติเป็นของได้มาเปล่า ๆ การแสวงหาวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำที่สุด เช่น การลักลอบตัดไม้ในป่าสงวนแห่งชาติ การขุดแร่โดยไม่มีการปรับสภาพหน้าดินหลังจากใช้แร่หมดแล้ว หรือการตั้งโรงงานริมฝั่งแม่น้ำ แล้วสูบขึ้นมาใช้โดยไม่จำกัดปริมาณ เมื่อใช้เสร็จแล้ว ขบวนการผลิตก็แปรสภาพวัตถุดิบ กลายเป็นน้ำเสียทิ้งออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ของเสียเหล่านี้จะทำลายแหล่งน้ำ ทำลายสภาพความสมบูรณ์ของดิน หรือเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศรอบ ๆ ตัวถ้ายังหวังที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างยั่งยืน เราจำเป็นต้องตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและรักษาคุณภาพของสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ สถานประกอบการให้มากขึ้น

ดังนั้น ต้องเปลี่ยนความคิดที่เคยคิดเสียใหม่อย่างเป็นธรรม ด้วยหลักการ “ใครทิ้ง - ใครจ่าย” เมื่อเรานำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาใช้เพื่อสร้างผลผลิตและกำไร หากใช้แล้วเกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม เราต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมด้วย

ผมเชื่อมั่นว่าด้วยหลักการ “ใครทิ้ง - ใครจ่าย” ในสายตาของนักลงทุนทางธุรกิจเป็นหลักการที่ยุติธรรม ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และจำเป็น อีกทั้งยังบ่งบอกว่า ท่านเป็นผู้ที่ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และนี่คือ บทบาทที่ผมอยากสนับสนุนให้ท่านเข้าร่วมเพื่อช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย

ในวันนี้ ผมขอกล่าวถึง ๔ แนวทางที่ท่านนักธุรกิจทั้งหลาย อาจพิจารณานำไปเลือกใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในองค์กรของท่านได้

แนวทางที่ ๑ การจัดการระบบสิ่งแวดล้อม

การจัดการระบบสิ่งแวดล้อมนั้น เป็นแนวทางกว้าง ๆ สำหรับธุรกิจ และอุตสาหกรรมทุกประเภท โดยเริ่มจากการจัดทำนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นในองค์กรก่อน และกำหนดแต่งตั้งบุคลากรเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมขององค์กรโดยเฉพาะ เพื่อนำไปสู่การดำเนินงานให้เกิดผลในขั้นตอนปฏิบัติ จนสามารถป้องกันการเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หลักการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ว่านี้จะช่วยทำให้การนำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาใช้อย่างเหมาะสม และคุ้มค่ามุ่งเน้นการลดกากของเสียให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งสามารถเลือกทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น ใช้เทคโนโลยีที่สะอาด โดยมีการเปลี่ยนหรือติดตั้งอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถประหยัดพลังงาน ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมสิ่งทอในปัจจุบัน มีระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการผสมสีอย่างได้ผล ทำให้การใช้สีน้อยลง ส่งผลให้สามารถลดปริมาณสีที่ออกมากับน้ำทิ้ง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบ ๆ โรงงานเสมอ หรือเลือกใช้วิธีการผลิตสินค้าที่สามารถลดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง เช่น การนำวัตถุดิบในกระบวนการผลิตกลับมาใช้ใหม่ หรือ ที่เรียกว่ารีไซเคิล เช่น อุตสาหกรรมฟอกหนังที่ต้องใช้โครเมียม ซึ่งทำให้เกิดเป็นกากสารพิษหลังจากการผลิต ขณะนี้สามารถแก้ปัญหาโดยการเติมสารเคมีปรับสภาพโครเมียมในน้ำเสียให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นการลดปริมาณกากสารพิษที่จะปนเปื้อนไปกับน้ำทิ้งได้เช่นกัน

เน้นการจัดระบบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งในแง่การใช้วัตถุดิบอย่างประหยัด และในด้านการลดปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นจากการผลิต แม้ว่าในบางวิธีการอาจจะต้องมีการลงทุนเพิ่ม แต่การลงทุนที่ว่านั้นจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดของเสียภายหลัง จึงถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

ระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเมื่อเริ่มจากนโยบายของสำนักงานใหญ่สามารถนำไปถ่ายทอดให้กับบริษัทในเครือ หรือเป็นเงื่อนไขให้บริษัทคู่ค้าเข้ามาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย เมื่อมีการจัดระบบสิ่งแวดล้อมที่ดีจะส่งผลให้สินค้าหรือบริการมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด

การผลิตตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศประหยัดไฟเบอร์ ๕ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดทางโทรทัศน์แทบทุกวัน ซึ่งประสบความสำเร็จเพราะเป็นการรณรงค์ประหยัดพลังงานที่ได้ผล ซึ่งผู้ผลิตให้ความร่วมมือใส่ใจปรับปรุงสินค้าที่ประหยัดพลังงาน ผู้ซื้อสินค้าได้ประโยชน์โดยตรง เพราะค่าไฟฟ้าต่อเดือนลดลง สินค้าเบอร์ ๕ จึงเป็นที่นิยมในเวลาอันรวดเร็ว นี่คือ ตัวอย่างที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในตลาดที่สามารถเข้าถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมในด้านปฏิบัติจริง มีผลทำให้บริษัทคู่แข่งที่ไม่สามารถผลิตสินค้าที่ลดการใช้กระแสไฟฟ้าได้ต้องมีการปรับตัวกันขนานใหญ่

หากท่านเป็นนักธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ผมคิดว่าการส่งเสริมให้องค์กรของท่านห่วงใยเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ดี และควรเตรียมการลงทุน เพื่อสร้างระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมตั้งแต่วันนี้ อย่าคิดว่าค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน เพราะยิ่งเริ่มต้นช้า ค่าใช้จ่ายในการลงทุนแก้ไขจะเพิ่มมากขึ้น

ที่สำคัญ เมื่อเกิดระบบสีเขียวขึ้นในองค์กร ภาพพจน์ของบริษัทจะดีขึ้น เพราะบริษัทของท่านจะมีส่วนช่วยรับผิดชอบในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และป้องกันต้นเหตุของการเกิดมลพิษอย่างจริงจัง

แนวทางที่ ๒ มาตรฐาน ISO 14000

เรื่องสิ่งแวดล้อมนั้นไม่ใช่เป็นปัญหาเฉพาะแค่ในประเทศไทย แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก ผมเชื่อว่าหลายท่านคงเริ่มคุ้นกับศัพท์ ISO 14000 ที่องค์การมาตรฐานระหว่างประเทศ ได้กำหนดรายละเอียดของการจัดตั้งระบบมาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับธุรกิจ อุตสาหกรรมและกิจกรรมอื่น ๆ ทุกประเภท ตั้งแต่การกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อมของบริษัท การวางแผนการดำเนินการ ตรวจสอบโดยองค์กรภายนอก ISO 14000 กำลังเป็นที่ยอมรับของสังคมโลก โดยเฉพาะประเทศที่มีธุรกิจการส่งออกเป็นนโยบายหลักของการพัฒนาประเทศ

กฎระเบียบต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับด้านการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม โดยทั่วไปมักเน้นการกำหนดมาตรฐานของปริมาณ และความเข้มข้น มลพิษที่อนุญาตให้ปล่อยทิ้งออกมาจากขบวนการผลิต ซึ่งเป็นการควบคุมที่ปลายเหตุ แต่มาตรฐาน ISO 14000 นี้จะเน้นการจัดการทั้งระบบ ตั้งแต่เริ่มขบวนการผลิต จนกระทั่งสิ้นสุดออกเป็นสินค้า และต่อเนื่องครอบคลุมถึงการใช้สินค้าดังกล่าว เมื่อใช้จนหมดอายุแล้ว จะทิ้งที่ไหน กำจัดอย่างไร เป็นการวางแผนจัดการอย่างครบวงจรชีวิตของสินค้าแต่ละชิ้น โดยเน้นการนำกลับมาใช้ใหม่ แทนที่จะทิ้งในกองขยะ ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ผลดีในการนำระบบ ISO 14000 ไปใช้ในองค์กรนั้นมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนในระยะยาว การเพิ่มคุณภาพของสินค้าและการให้บริการ ความโปร่งใสเปิดเผยต่อผู้ถือหุ้น ประชาชนในท้องถิ่น และสาธารณชนโดยทั่วไป

เงื่อนไขของมาตรการการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ มีผลกระทบต่อการค้าของประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะในขณะที่ประเทศไทยติดต่อทำการค้ากับต่างประเทศมากขึ้น คู่ค้าต่างประเทศสามารถที่จะใช้ประเด็นการจัดการสิ่งแวดล้อม มาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาการเลือกซื้อสินค้า เช่น ปัญหาการห้ามนำเข้ากุ้งของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยยกประเด็นเรื่องผลกระทบต่อการอยู่รอดของเต่าทะเลมาเป็นเงื่อนไข ทำให้เกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการส่งออกกุ้งของประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ อีก ๒๙ ประเทศ ด้วยเหตุผลที่ว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาจะไม่ยอมให้มีการนำเข้ากุ้งจากประเทศที่ไม่มีการติดตั้งเครื่องตรวจจับเต่าทะเลในเรือประมง หรือถ้าการขยายพื้นทำนากุ้งนั้นมีการบุกรุกป่าชายเลน ซึ่งผู้ประกอบการในที่ทำการส่งออกกุ้ง รวมทั้งในประเทศไทยจะต้องแก้ไขขบวนการผลิตที่เป็นเงื่อนไขนั้นให้ได้

หากผู้ประกอบธุรกิจไม่รีบปรับตัวอาจจะเสียเปรียบทางการค้า เพราะผู้ซื้อโดยเฉพาะประเทศทางแถบยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือจะหันไปซื้อสินค้าจากประเทศคู่แข่งที่มีมาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าแทน การจัดการระบบธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องหลักเรื่องหนึ่งในการค้าระหว่างประเทศแล้ว ธุรกิจองค์กรใดที่นำระบบ ISO 14000 ไปใช้ก่อนจะเป็นที่ยอมรับของสังคม เพราะได้ถือว่าได้ทำประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมและต่อองค์กรเอง

แนวทางที่ ๓ การระดมทุนเพื่อลดมลพิษ

ในวงการธุรกิจ ท่านทั้งหลายทราบกันดีแล้วว่าการระดมทุนเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมก็เช่นเดียวกัน ผมได้กล่าวถึงวิกฤตสิ่งแวดล้อม คำถามมีอยู่ว่าเมื่อเราเห็นความสำคัญแล้วประเทศไทยมีงบเพียงพอในการลงทุนแก้ปัญหาหรือไม่ ในงบประมาณของรัฐบาลที่สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตั้งงบด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมไว้ประมาณ ๒๓,๔๘๕ ล้านบาท งบดังกล่าวเท่ากับ ๒.๔ เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณแผ่นดินประเทศซึ่งยังไม่เพียงพอ การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยองค์กรของรัฐโดยลำพัง จะทำให้ประเทศไทยต้องวิ่งไล่ตามปัญหา ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเน้นกลไกทางตลาด ซึ่งสามารถระดมทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงกว่ามาช่วย “หลักการใครทิ้ง - ใครจ่าย” จึงเป็นการนำไปสู่การนำเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์มาช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม บ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน นอกจากการลงทุนลดมลพิษ และการกำจัดมลพิษในกิจกรรมของตนเองแล้ว ยังจะต้องรับผิดชอบในการจ่ายค่าน้ำทิ้ง ด้วยหลักการใครใช้มากจ่ายมาก ผลดีที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ เราทุกคนจะได้อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่ มีสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ดีขึ้น

การคิดค่าธรรมเนียมด้านสิ่งแวดล้อมนั้น อันที่จริงเริ่มมีการนำมาใช้ในประเทศไทย แต่ยังไม่แพร่หลาย เช่น ที่เมืองพัทยา หรือเขตเทศบาลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต มีการจัดเก็บธรรมเนียมค่าบำบัดน้ำทิ้งจากครัวเรือนและโรงแรม สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมล้วนต้องเสียค่าบำบัดน้ำทิ้งประจำเดือนเช่นกัน ซึ่งผมเชื่อว่าการคิดค่าธรรมเนียมด้านสิ่งแวดล้อมนี้ จะมีผลผลักดันทำให้ธุรกิจหันมาใส่ใจมลพิษ ลดของเสียที่ก่อขึ้น ที่สำคัญกว่านั้นจะเป็นการระดมทุนให้รัฐมีงบเพิ่มขึ้น เพื่อสามารถเร่งรัดแก้ไขปัญหามลพิษที่หมักหมมมานานให้ลุล่วงได้โดยเร็ว

การจ่ายค่าธรรมเนียมสิ่งแวดล้อม ถึงแม้ว่าจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นบ้าง แต่ธุรกิจไม่ควรผลักภาระไปที่ผู้ซื้อผู้บริโภคทั้งหมดทำให้ราคาของสินค้าและการบริการเพิ่มสูงขึ้น การจ่ายค่าธรรมเนียมอย่างเป็นธรรม ถือได้ว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ผลดีจากการลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม จะทำให้สินค้าและบริการของท่านเป็นที่ยอมรับมากขึ้นด้วย

นอกจากเรื่องค่าธรรมเนียมแล้ว ในภาคการเงินการคลังก็สามารถมีส่วนแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน เช่น การจัดตั้งกองทุนสิ่งแวดล้อม เพื่อระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในบางประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษ มีการจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีนโยบายส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่แน่ชัด ถือเป็นการส่งเสริมให้บริษัทมหาชนสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

แนวคิดที่ว่านี้จากการศึกษาของมูลนิธิเอเชียในประเทศไทย โดยทำการสำรวจความคิดเห็นทั้งผู้ลงทุนรายย่อยและบริษัทหลักทรัพย์ทั่วไป ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนอยู่แล้ว ถ้าทำเช่นนี้ได้ก็หมายความว่า บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นตัวอย่างของบริษัทสีเขียว ทำให้ผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่และรายย่อย ล้วนมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย

ในขณะนี้สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ร่วมมือกับธนาคารพัฒนาแห่งเอเซีย เพื่อผลักดันเรื่องกองทุนสีเขียวให้เกิดเป็นรูปธรรม การที่ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชียให้ความสนใจ เรื่องกองทุนดังกล่าว เพราะเล็งเห็นว่าไม่ใช่เป็นการช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในไทยเท่านั้น หากประสบความสำเร็จ วิธีการเดียวกันนี้จะสามารถนำไปใช้กับประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันมีปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม เช่น ประเทศจีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียได้ด้วย

การระดมทุนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันคิดและผลักดันออกมาให้เป็นรูปเป็นร่างในเร็ววัน เพราะการแก้ไขปัญหาทุกวันนี้เราวิ่งตามปัญหามาตลอด หากทุกฝ่ายไม่ช่วยกันปล่อยให้รัฐเป็นผู้แก้ปัญหาแต่ผู้เดียว ประเทศไทยจะไม่สามารถระดมทุนแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ทัน

แนวทางที่ ๔ การร่วมมือของนักธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม

เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า ในปัจจุบันเริ่มมีผู้นำภาคธุรกิจจากบริษัทชั้นนำ สนับสนุนแนวความคิดของการร่วมมือในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมแล้ว เช่น คณะกรรมการนักธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมไทย ซึ่งผมเป็นประธานอยู่ ได้เริ่มทำงานกันมา ๓ ปีแล้ว

คณะกรรมการนักธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมไทย เป็นกลุ่มทำกิจกรรมที่ไม่หวังผลกำไร ได้รับแบบอย่างการดำเนินการมาจากคณะกรรมการนักธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมโลก ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยึดหลัก “การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน” เพื่อคลี่คลายปัญหาสิ่งแวดล้อมอันหมายถึง การดำเนินธุรกิจที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์กร

ในปัจจุบันนี้มีบริษัทธุรกิจเข้าร่วมถึง ๖๐ บริษัท ในคณะกรรมการนักธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมไทย ซึ่งเป็นแขนงธุรกิจที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาประเทศ อาทิ ธนาคาร ๕ แห่ง บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ๕ แห่ง การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การรวมตัวกันของบริษัทกลุ่มนี้ เพื่อร่วมผลักดันการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม อีกทั้งเพื่อเป็นแบบอย่างต่อผู้นำธุรกิจรุ่นหลัง หรือนักธุรกิจวัยหนุ่มสาวที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจให้หันมาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม

กิจกรรมที่ทำออกมาเป็นรูปโครงการมีหลายโครงการ เช่น โครงการฉลากสีเขียว โครงการ ISO 14000 โครงการเทคโนโลยีสะอาด โครงการหมู่บ้านปลอดภัยจากสารพิษ โครงการพัฒนาสิ่งแวดล้อมคลองหลอด โครงการสนับสนุนและพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

ความร่วมมือกันในภาคธุรกิจเอกชนในลักษณะนี้กำลังเป็นที่สนใจและปฏิบัติกันอยู่ในประเทศแถบเอซียตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไต้หวัน แม้แต่ประเทศเวียดนามเองก็สนใจ ที่จะจัดตั้งคณะกรรมการนักธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมขึ้นมาในรูปแบบเดียวกัน และโดยได้ส่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวางแผน นำคณะมาดูงานของคณะกรรมการนักธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมไทย เพื่อเป็นตัวอย่างนำไปจัดตั้งในประเทศของตนเอง

ผมขอถือโอกาสนี้ เชิญชวนนักธุรกิจทั้งหลายที่สนใจ เข้าร่วมทำงานกับคณะกรรมการนักธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมไทย เพื่อร่วมแรงร่วมใจทำกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกัน

สรุป

การลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมกลายเป็นธุรกิจใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย เมื่อปลายปี ๒๕๓๘ มีมูลค่ามากถึง ๒๕,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มการเติบโตอีกปีละ ๒๐ - ๒๕ เปอร์เซ็นต์ ธุรกิจสิ่งแวดล้อม รวมถึงธุรกิจจัดหาน้ำสะอาด อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ระบบควบคุมมลพิษ และกำจัดกากสารพิษ ธุรกิจการกำจัดขยะ การให้บริการที่ปรึกษาและการติดตามตรวจสอบปริมาณมลพิษ นับได้ว่า เป็นธุรกิจที่สร้างงาน สร้างกำไรให้กับผู้ลงทุน และยังมีผลดีต่อสิ่งแวดล้อมของส่วนรวมด้วย

จากที่ผมกล่าวมาทั้งหมด ไม่ใช่ต้องการให้ท่านทั้งหลายสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมเพราะมาตรฐานต่างประเทศ หรือการกีดกั้นทางการค้า กำลังบีบบังคับให้เราต้องใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม จนต้องปรับมาตรฐานให้เหมือนเมืองนอกเขา แต่ที่ผมกล่าวมาทั้งหมด เพื่อชี้ให้เห็นว่า ทำไมนักธุรกิจไทยไม่เริ่มต้นช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และจัดการระบบสิ่งแวดล้อมในกิจกรรมของตนเอง ก่อนที่ภาครัฐหรือตามมาตรฐานสากลจะมาบังคับให้จำเป็นต้องปฏิบัติตาม เราทุกคนจำเป็นต้องเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาตั้งแต่วันนี้ เพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเคยอุดมสมบูรณ์ของไทยให้คงอยู่เพื่อเป็นมรดกของลูกหลาน และเป็นสมบัติของชาติสืบไป



...
  
ชวน หลีกภัย
นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์และ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นอภิปรายในการประชุมร่วมของ 2 สภา เพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ต้องลงมติเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยในได้กล่าวตำหนิ การกล่าวพาดพิงสถาบันตุลาการของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ว่า สถาบันตุลาการไม่สามารถแก้ปัญหาในบ้านเมืองได้ว่าไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังกล่าวถึงวิกฤตการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วยว่า เกิดจากการครอบงำสื่อของรัฐ จนกระทั่งเกิด เอเอสทีวีขึ้น ประชาชนจึงมีโอกาสได้รับฟังความจริงอีกด้านหนึ่ง สำหรับเนื้อหาการอภิปรายของนายชวน หลีกภัย มีดังนี้
"ท่านประธานที่เคารพ กระผมนายชวน หลีกภัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ท่านประธานที่เคารพ ความจริงแล้วท่านหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็จะได้อภิปรายในสาระสำคัญ รวมทั้งข้อเสนอแนะต่อท่านประธาน เพื่อประโยชน์ของรัฐบาล ในวาระต่อไป
แต่ว่าโดยที่การเสนอญัตติและการอภิปรายของท่านนายกรัฐมนตรี มีอย่างน้อยสองครั้งที่ได้ยกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นมาเปรียบเทียบ กระผมคิดว่าเมื่อเปรียบเทียบแล้วน่าจะใช้เป็นประโยชน์ ไม่ได้มองในทางเสียหายไปทั้งหมดครั้ง เพียงแต่ว่าถ้ามีโอกาสได้อธิบายถึงข้อเท็จจริงในแต่ละกรณี ผมคิดว่ารัฐบาลสามารถนำตัวอย่างเหล่านั้นมาใช้เป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาได้
แต่ว่าก่อนที่จะลงไปในรายละเอียดเรื่องนั้น ขอกราบเรียนท่านประธานว่า การเสนอญัตติในวันนี้เป็นไปตามมาตรา 179 ซึ่งอยู่ในหมวดของคณะรัฐมนตรี งานนี้จึงเป็นงานของฝ่ายบริหาร และมาตรา 179 นั้นก็เป็นกรณีที่เมื่อมีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน อันนี้เป็นเรื่องโดยตรงนะครับ
ผมอยากทำความเข้าใจเพราะเหตุว่า เราจะได้รู้ว่าประเด็นของเราที่เราจะได้อภิปรายกันนี้คืออะไร มิฉะนั้นมันจะเป็นญัตติไม่ไว้วางใจพันธมิตรฯ มันจะเป็นญัตติเพื่อด่าพันธมิตรฯ ซึ่งไม่ใช่วัตถุประสงค์ในวันนี้
ในญัตติตามมาตรา 179 นั้นที่รัฐบาลต้องการก็คือ ความคิดเห็นครับ ความคิดเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาเพื่อประโยชน์ในการที่จะนำมาพิจารณาในการบริหารราชการแผ่นดินซึ่ง ครม.เห็นสมควร เพราะฉะนั้นญัตติในวันนี้ก็เป็นญัตติที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีโดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าเราจะต้องทำความเข้าใจจากญัตตินี้เสียก่อนว่า กฎหมายมาตรานี้ต้องการความคิดเห็น ความคิดเห็นนี้แน่นอนว่าไม่มีทางหรอกครับ ที่จะตรงกันหมดทุกเรื่อง ซึ่งเมื่อรัฐบาลตั้งใจจะรับฟัง ก็ต้องยอมรับว่าบางเรื่องอาจจะไม่ตรงกับท่าน กระผมคิดว่าความคิดเห็นนั้น เป็นเรื่องที่ท่านต้องยอมรับ ถ้าไม่ตรงกัน แต่ข้อเท็จจริงถ้าฝ่ายใดให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ตรงความจริง ก็มีสิทธิ์ที่จะมีความเห็นแตกต่างหรือให้ข้อเท็จจริงที่แตกต่างไปได้ ...
ในญัตติของรัฐบาลนั้นบอกไว้ชัดเจนนะครับว่า ด้วยขณะนี้มีกลุ่มบุคคลรวมตัวกัน เข้ายึดสถานที่ราชการและหน่วยงานของรัฐหลายแห่ง ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ขณะนี้สถานการณ์ดังกล่าวดำรงอยู่ มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น อันเป็นอุปสรรคในการบริหารราชการแผ่นดิน อันนี้ก็เป็นข้อเท็จจริงซึ่งรัฐบาลถือว่าเป็นอุปสรรคและผมคิดว่าก็มีปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน
ปัญหาอยู่ที่ว่า ภารกิจในการแก้ปัญหานี้ ถ้าเราทำความเข้าใจว่า สมาชิกสภานี้ทำได้คือ ให้ความเห็น หน้าที่ในการแก้ปัญหาคือฝ่ายบริหาร

ผมจึงอยากจะกราบเรียน ไม่ใช่จะแก้ตัวแทนศาล แต่ผมไม่เห็นด้วยที่ท่านนายกฯ ไปกล่าวว่าบัดนี้ศาลก็แก้ปัญหาไม่ได้ ผมคิดว่าอำนาจฝ่ายตุลาการนั้น เขาได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ที่สุดแล้วในยุคนี้ คือ วินิจฉัยคดีและข้อกล่าวหา อย่างเป็นธรรม ตรงไปตรงมา ศาลไม่ได้มีหน้าที่มาสลายผู้ชุมนุม ศาลวินิจฉัยแล้ว ท่านก็กรุณาอธิบายคำวินิจฉัยของท่าน เป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารที่จะต้องนำคำวินิจฉัยนั้นไปปฏิบัติให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัย เราไม่อาจวิจารณ์ได้ว่า ศาลแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะศาลไม่ใช่ผู้ที่จะมาสลายผู้ชุมนุม ศาลทำหน้าที่วินิจฉัยสิ่งที่ผู้ร้องหรือฝ่ายผู้ที่เป็นโจทก์กล่าวหา แล้วศาลก็ตัดสินไปตามนั้น ผมยังมองไม่เห็นเลยนะครับว่าศาลล้มเหลว หรือ แก้ปัญหาไม่ได้ นี่ประการหนึ่ง เพราะว่าผู้ที่จะทำหน้าที่ในการแก้ปัญหานั้นก็คือฝ่ายบริหาร หรือ ฝ่ายรัฐบาล เราต้องแยกให้ออก มิฉะนั้นเราจะสับสนภารกิจเหมือนกับวันนี้
เมื่อเราฟังความเห็นแล้ว ถ้าปัญหาที่แก้ไม่ได้นั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นก็ไม่ใช่ความผิดของฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายนิติบัญญัติไม่มีอำนาจเข้าไปแทรกแซง หรือดำเนินการด้วยตัวของฝ่ายนิติบัญญัติเอง ฝ่ายบริหารซึ่งอาจจะมาจากฝ่ายนิติบัญญัติเป็นผู้ซึ่งมีหน้าที่ในภารกิจนี้ กระผมคิดว่าถ้าเราทำความเข้าใจให้กระจ่างในเรื่องนี้ แล้วกลับมาทบทวนถึงปัญหากันอีกครั้งหนึ่ง
ในข้อเท็จจริงบางเรื่องนั้นกระผมจะไม่ลงในส่วนของรายละเอียด ด้วยความเคารพต่อความเห็นของทุกฝ่าย ข้อเท็จจริงก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องติดตามดูต่อไปว่า สิ่งที่ได้กล่าวมานั้น มันเกิดขึ้นในความเป็นจริงจากอะไร
แต่ว่ากระผมกราบเรียนว่า ในสภาพของปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ ผมไม่ได้โทษนายกรัฐมนตรีแต่ผู้เดียวนะครับ

ความจริงการเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมดนั้นมันมาก่อนที่ท่านจะเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นแต่เพียงว่า เมื่อท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วสถานการณ์ไม่ได้เบาลงครับ ดูเหมือนว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ...ทำไมครับ เพราะว่ามีการสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติมขึ้นมาหลายเรื่อง ผมไม่เสียเวลา เพราะท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ ได้สรุปให้ท่านประธานแล้วเกือบครบถ้วนนะครับ
ประเด็นที่ผมจะกราบเรียนก็มีเพียงว่า ความแตกแยกอันก่อให้เกิดความขัดแย้ง มันเกิดขึ้นมา อาจจะก่อนเปี 2548 นะครับ อย่างที่ท่านวุฒิสมาชิกได้แล้ว ปี 2548 เป็นเรื่องที่ประชาชนได้มีโอกาสฟังข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่ง นั่นก็คือเกิด “เอเอสทีวี” ขึ้นมา ก่อนหน้านั้นประชาชน อยู่ภายใต้ข้อเท็จจริงฝ่ายเดียว
พูดได้เลยครับว่าฝ่ายเดียว ไม่มีโอกาสที่จะสื่ออย่างอื่นได้เลย สื่อมวลชนของรัฐ ถ้าไม่ทำรายการที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐ ก็จะถูกเปลี่ยนผังรายการ ทุกคนก็ต้องเอาใจ หนังสือพิมพ์ถ้าไม่เขียนเพื่อประโยชน์ของรัฐบาล ก็จะถูกกลั่นแกล้ง ไม่ด้วยถูกตัดโฆษณาก็ด้วยวิธีอื่นๆ
เพราะฉะนั้นช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2544 2545 2546 2547 2548 ประชาชนอยู่ภายใต้ข้อเท็จจริงหรือข้อมูลที่ประชาชนได้รับด้านเดียวเท่านั้นครับ
ต้องยอมรับความเป็นจริงนะครับว่า เมื่อเกิดเอเอสทีวีขึ้นมา ประชาชนได้ฟังข้อมูลอีกด้านหนึ่ง หลายเรื่องตรงกันข้ามกับที่รัฐบาลแถลง พฤติกรรมต่างๆ จึงได้เปิดเผยออกมา จริงๆ
ถ้าพูดไปแล้วท่านประธานครับ กระผมไม่บังอาจที่จะไปหยิบยกว่าข้อเท็จจริงเหล่านั้นที่เอเอสทีวีนำมาเปิดเผยในตอนหลังนั้น เป็นข้อมูลที่ฝ่ายค้านในขณะนั้นได้อภิปรายในสภา เกือบทุกเรื่องมาแล้ว แต่เราไม่ได้รับการสนับสนุนให้เผยแพร่ข้อมูลเหล่านั้น สื่อของรัฐในขณะนั้น ไม่กล้ารายงานข่าวสาร สิ่งที่พวกเราทำได้ก็คือการใช้รายการออนไลน์
ผมต้องกราบเรียนเรื่องนี้เพราะว่า ถ้าเราเข้าใจปัญหา รัฐบาลก็จะสามารถลดปัญหาบ้านเมืองลงมาได้ โดยไม่ยึดว่าสิ่งที่ทำมานั้นถูกต้องทั้งหมด หันกลับไปมองว่าความจริงมันเกิดจากอะไร แล้วเราก็แก้ไขเงื่อนไขที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้น พร้อมกับไม่สร้างเงื่อนไขใหม่
เงื่อนไขเดิมที่ผมกราบเรียนว่า เราฟังความข้างเดียวตลอดมานั้นทำให้รัฐบาลในขณะนั้นสามารถทำอะไรที่ไม่ถูกต้องแม้กระทั่งกฎหมายนะครับ การฆ่าตัดตอน การอุ้มฆ่าอันทำให้เกิดปัญหาในภาคใต้ การฆ่าตัดตอนกรณียาเสพติด การละเมิดสิ่งที่กฎหมายห้ามเอาไว้ ได้เกิดขึ้นหลายเรื่อง จนกระทั่งในที่สุดกลายเป็นเงื่อนไขที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น โดยลำดับ
แล้วในที่สุดรัฐในขณะนั้นเข้าแทรกแซงองค์กรอิสระ แม้กระทั่งวุฒิสมาชิก วุฒิสภาในสมัยนั้นเป็นที่รู้กันว่าก็ถูกซื้อไปส่วนหนึ่ง วุฒิสมาชิกเขายอมรับว่าถูกซื้อไปประมาณ 60 กว่าคนที่กินเงินเดือนประจำ เพราะฉะนั้นองค์กรที่เป็นสถาบันหลักของบ้านเมืองจึงเกิดชำรุดทรุดโทรม"

............................................................................
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์
...
  
ยิ่งอ่านมาก..ยิ่งสำเร็จ..
ยิ่งอ่านมาก...ยิ่งสำเร็จ...
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การอ่านหนังสือมีประโยชน์หลายอย่าง บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นนักอ่าน จากการสังเกตโลกตะวันออกของเราเจริญเติบโตล้าหลังกว่าโลกตะวันตกก็เนื่องมาจากสาเหตุหนึ่งคือ คนส่วนใหญ่ไม่นิยมอ่านหนังสือ
หากท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านคงต้องรีบอ่านหนังสือให้มากขึ้น ท่านลองคิดง่ายๆว่า คนๆหนึ่งอ่านหนังสือปีละ 1 เล่ม แต่อีกคนหนึ่งอ่านหนังสือปีละ 100 เล่ม เวลาผ่านไป 10 ปี บุคคลทั้งสองจะมีความรู้ที่แตกต่างกันสักเพียงใด
สำหรับสังคมไทยเป็นสังคมที่ชอบฟัง ชอบพูด มากกว่าชอบอ่าน ชอบเขียน เคยมีการทำวิจัยได้ผลออกมาว่าคนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 12 บรรทัด เท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยมากๆเมื่อเทียบกับประเทศที่เขาเจริญแล้ว
สำหรับคนอ่านหนังสือมาก ผมไม่ได้หมายถึงว่าจะประสบความสำเร็จทุกคน แต่คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นนักอ่าน เพราะการอ่านจะทำให้เรา ได้รับข้อมูลใหม่ๆ ข่าวสารใหม่ๆ ความรู้ใหม่ๆ ดังนั้นจึงมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนที่อ่านน้อยกว่า อีกทั้งการอ่านหนังสือมากๆ ยังเป็นการช่วยให้เกิดการย้ำความคิดบ่อยๆ เมื่อย้ำความคิดบ่อยๆ ความคิดนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นการกระทำเขาจึงประสบความสำเร็จ
การอ่านหนังสือมีประโยชน์มากมาย เช่น ทำให้ผู้อ่านเป็นคนรอบรู้ , ทำให้เป็นคนทันโลก ทันสมัย ทันเหตุการณ์ , ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน มีความสุข , ช่วยในการสร้างสมาธิ , เมื่ออ่านหนังสือมากๆจะทำให้เกิดมีปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่างๆได้ดีกว่าคนไม่อ่านหนังสือ อีกทั้งทำให้มีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา
การเลือกอ่านหนังสือก็มีความสำคัญมาก เพราะหนังสือมีอยู่หลายประเภท การเลือกหนังสือจึงเหมือนกับการเลือกคบเพื่อน คนไทยส่วนใหญ่มักชอบอ่านหนังสือประเภท หาสาระไม่ค่อยได้ เช่น นิตยสารที่เกี่ยวกับ ดารา แฟชั่น เครื่องแต่งกาย ฯลฯ แทนที่จะอ่านหนังสือที่เสริมสร้างภูมิปัญญา เสริมสร้างความคิด ให้มากขึ้น
การอ่านหนังสือยังเป็นทางลัดที่นำพาเราไปสู่ความสำเร็จ เคยมีคำกล่าวว่า “ คนธรรมดามักเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเอง แต่คนฉลาดมักเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น ” ซึ่งการเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่นสามารถเรียนรู้ได้หลายทาง เช่น จากการฟัง จากการสัมภาษณ์ และจากการอ่าน
หนังสือสามารถเปลี่ยนชีวิต หากท่านผู้อ่านได้มีโอกาสอ่านประวัติบุคคลสำคัญของโลกหรือของประเทศ เราจะเห็นได้ว่า หนังสือเพียงแค่เล่มเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้ เช่น คุณสมคิด ลวางกูล ได้มีโอกาสอ่านหนังสือของเดล คาร์เนกี้ ถึงกับประทับใจแล้วนำข้อแนะนำภายในหนังสือไปปฏิบัติในที่สุด เขายกระดับตัวเองจากเด็กวัดสู่ระดับเศรษฐีได้
ฉะนั้นการอ่านหนังสือจึงเป็นการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จ หากท่านอ่านหนังสือมากขึ้น ท่านก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเช่นกัน


...
  
สูตรความสำเร็จของนักขาย
สูตรความสำเร็จของนักขาย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
นักขายที่ประสบความสำเร็จมักขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น
1.บริหารเวลาเป็น นักขายที่ประสบความสำเร็จมักเป็นผู้ที่รู้จักคุณค่าของเวลา รู้จักวางแผน มีวินัยในการทำงาน ใช้เวลาทุกวินาทีให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
2.มีเป้าหมาย นักขายที่ประสบความสำเร็จจะต้องเป็นนักขายที่ต้องรู้จักตั้งเป้าหมาย อาจเป็นตัวเลขการขายภายใน 1 ปี แล้วแบ่งแยกย่อยว่าภายใน 1 เดือน จะต้องมียอดขายเท่าไร การมีเป้าหมายจะทำให้นักขายมุ่งมั่นพากเพียรที่จะทำตามเป้าหมาย
3.เป็นนักคิด นักขายที่ประสบความสำเร็จมักเป็นนักคิด คิดในการวางแผน คิดในการแก้ไขปัญหา คิดสร้างสรรค์วิธีการขายแปลกๆใหม่ๆ คิดเพื่อทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้น
4.มีการเตรียมตัวเป็นอย่างดี ในการไปพบปะลูกค้า นักขายมืออาชีพ มักมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดี เตรียมอุปกรณ์ในการสาธิต เตรียมสินค้าที่จะนำไปสาธิต เตรียมกระเป๋า เตรียมใบสมัคร เตรียมใบเสร็จรับเงิน ตลอดจนเตรียมปากกา ดินสอ ที่จะใช้ในการทำงานขาย
5.ทำงานเป็นมืออาชีพ นักขายที่ประสบความสำเร็จ จะต้องรู้จักวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า วิเคราะห์สินค้าว่าสินค้าชนิดไหนมีความเหมาะสมกับลูกค้ามากที่สุด รู้จักที่จะทำการเปิดการขาย รู้จักวิธีการปิดการขาย อีกทั้งควรมีการแต่งกายให้เหมาะสม สะอาด สุภาพ ให้ถูกกับกาลเทศะ
6.มีการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง นักขายที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีการพัฒนาตนเองตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพูด บุคลิกภาพ การแต่งกาย ความสะอาด การแสวงหาความรู้อยู่เสมอ
7.ใช้คนเป็น เมื่อนักขายไต่เต้าจนขึ้นมาเป็นระดับผู้บริหารแล้ว มักจะต้องมีลูกทีม การรู้จักบริหารลูกทีม การบริหารบุคคลจึงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ การรู้จักใช้คนให้ตรงกับงาน การกระจายงาน การสั่งงาน การมอบหมายงาน เป็นสิ่งที่ต้องควรทำในการเป็นผู้บริหารการขาย
8.มีความรับผิดชอบ ไม่ว่า ต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อบริษัท ต่อเพื่อนร่วมงาน ความรับผิดชอบจะทำให้ผู้คนเกิดความศรัทธา อย่างที่จะร่วมงานด้วย อีกทั้งลูกค้าก็อยากที่จะให้ความช่วยเหลือ
ปัจจัยข้างต้นนี้ หากมีในนักขายท่านใด กระผมเชื่อแน่ว่านักขายท่านนั้นจะประสบความสำเร็จในอาชีพการขายอย่างแน่นอน
...
  
ใครบ้างที่สมัครเป็นนักการเมือง
ใครบ้างที่สมัครเป็นนักการเมือง
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ตำแหน่งทางการเมือง บทบาททางนักการเมือง ส่วนใหญ่แล้วมีคนอยากจะเป็น เพราะเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี จึงทำให้หลายๆคน อยากที่จะเป็น จากการสังเกตและศึกษาข้อมูล ในการเลือกตั้งแต่ละระดับ มักมีคนมากมาย จากหลากหลายอาชีพที่เข้าสู่เวทีทางการเมือง ซึ่งเราสามารถแบ่งแยกเป็นประเภทใหญ่ๆที่เข้ามาสู่เวทีทางการเมืองแล้วประสบความสำเร็จมีดังนี้
1.นักการเมืองโดยสายเลือด นักการเมืองประเภทนี้มักถูกสืบทอดผ่านกันมา เช่น ปู่ย่าตายายหรือบรรพบุรุษเป็นนักการเมืองจึงทำให้ตนได้เป็นนักการเมือง ซึ่งมีหลายๆตระกูลที่ส่งมอบตำแหน่งทางการเมืองผ่านทางลูกหลาน ตัวอย่าง
ตระกูลเทียนทอง
นายแสวง เทียนทอง เคยได้รับตำแหน่งทางการเมืองเป็นกำนัน
นายเสนาะ เทียนทอง ลูกชายนายแสวง เทียนทอง เคยได้รับตำแหน่งทางการเมืองเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสมัยและเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวง
นายวิทยา เทียนทอง ลูกชายนายแสวง เทียนทอง เคยได้รับตำแหน่งทางการเมืองเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสมัย อีกทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นวุฒิสภา
นายสรวงศ์ เทียนทอง ลูกชายนายเสนาะ เทียนทอง เคยได้รับตำแหน่งทางการเมืองเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
นายสุรชาติ เทียนทอง ลูกชายนายเสนาะ เทียนทอง เคยได้รับตำแหน่งทางการเมืองเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
นายแสงประทีป เทียนทอง หลานชายนายเสนาะ เทียนทองได้รับตำแหน่งทางการเมืองเป็นนายกเทศมนตรีตำบลวัฒนานคร
นายสนธิเดช เทียนทอง หลานชายนายเสนาะ เทียนทองได้รับตำแหน่งทางการเมืองเป็นรองนายกเทศมนตรีตำบลวัฒนานคร
นายทรงยศ เทียนทอง หลานชายนายเสนาะ เทียนทอง ได้รับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว
นายทรงคุณ เทียนทอง หลานชายนายเสนาะ เทียนทอง เคยได้รับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสระแก้ว
นายฐานิสร์ เทียนทอง หลานชายนายเสนาะ เทียนทอง เคยได้รับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
นางสาวตรีนุช เทียนทอง หลานสาวนายเสนาะ เทียนทอง เคยได้รับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
2.นักกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายมีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงทำให้มีนักกฎหมาย เป็นจำนวนมากสมัครรับเลือกตั้งเป็นนักการเมืองเกือบทุกระดับ นักกฏหมายที่ได้รับเลือกตั้งเป็นนักการเมืองมากที่สุดคือผู้ประกอบอาชีพทนายความ ซึ่งมีมากกว่านักกฎหมายจากอาชีพอื่น เช่น ผู้พิพากษา,อัยการ,นายตำรวจ
3.นักปกครอง อันได้แก่ ผู้ว่าราชการ , ปลัดจังหวัด , นายอำเภอ , ปลัดอำเภอ ,ปลัดเทศบาล ฯลฯ นักปกครองเหล่านี้ เมื่อเกษียณอายุแล้ว จึงลงสมัครรับเลือกตั้งไปเป็นนักการเมือง หรือ ทำงานในพื้นที่อยู่นานพอสมควร ได้ทราบถึงปัญหา ได้มีโอกาสคลุกคลีกับชาวบ้านแล้ว จึงลาออกมาสมัครรับเลือกตั้ง
4.นักธุรกิจ นักธุรกิจเป็นจำนวนมากเมื่อทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จแล้วก็อยากที่จะมีอำนาจมีตำแหน่งมีชื่อเสียงมีเกียรติยศ จึงเข้าไปสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งนักธุรกิจหลายๆคนประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ก็เนื่องมาจากการจะเป็นนักการเมืองจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก นักธุรกิจหลายๆคนใช้เงินในการช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ จนชาวบ้านที่พึ่งพาหรือได้รับความช่วยเหลือเกิดความศรัทธาและเลือกนักธุรกิจท่านนั้นเป็นนักการเมือง
5.ข้าราชการต่างๆ ไม่ว่า แพทย์ ครู พยาบาล ข้าราชการเหล่านี้ เมื่อทำงานอยู่ในระบบราชการ แล้ว หลายๆคนก็ลาออกหรือเกษียณอายุเพื่อมาสมัครรับเลือกตั้ง
6.คนดัง ดารา คนเด่น บุคคลสาธารณะเหล่านี้ เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เนื่องจากออกสื่อเป็นจำนวนมาก เมื่อมาลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็มักจะได้เปรียบบุคคลในสาขาอาชีพอื่นๆ ที่ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้รู้จัก
มากมายนัก เช่น นักมวยเมื่อได้แชมป์โลกแล้ว มาสมัครรับเลือกตั้งก็มีโอกาสชนะการเลือกตั้งได้ เป็นต้น


...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.