หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การสร้างทีมให้ยิ่งใหญ่
การสร้างทีมให้ยิ่งใหญ่

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)

www.drsuthichai.com

ทำไมถึงต้องมีการทำงานเป็นทีม เพราะการทำงานคนเดียวไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้ เพราะการทำงานคนเดียวมีข้อจำกัดมากมาย การทำงานคนเดียวเหมาะสำหรับการที่จะประสบความสำเร็จในเป้าหมายเล็กๆ แต่หากต้องการประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เราจึงต้องทำงานกันเป็นทีม

หากเปรียบเทียบระหว่างช้างกับมดป่า ช้างตัวโตมีพลังและกำลังมากมายมหาศาล แต่ถ้า มดป่ารวมกันเป็นฝูงใหญ่ ช้างนั้นก็ต้องกลัวมดป่าฝูงใหญ่เช่นกัน

ปลวก ปลวกเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ แต่ปลวกสามารถสร้างจอมปลวกอันเข้มแข็งใหญ่โตเท่าภูเขาลูกเล็กๆขึ้นมาได้ ซึ่งจอมปลวกสามารถทนต่อลมฝน อีกทั้งพายุไม่สามารถจะทำลายลงได้ ทั้งนี้เพราะเหตุใด ก็เพราะปลวกเป็นสัตว์ตัวเล็กที่รู้จักช่วยเหลือกัน รู้จักความสามัคคี ทำงานกันเป็นทีม และมีความรู้สึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ของมัน

ฟิช! ป(ล)า ฏิหาริย์แห่งความสำเร็จ พัฒนาความสุขให้ชีวิต เป็นหนังสือที่บ่งบอกเรื่องของการทำงานในตลาดปลา ซีแอตเติล ให้ประสบความสำเร็จซึ่งพูดถึงเรื่องของ การใส่ใจในบริการ การเลือกใช้ทัศนคติ เล่นให้เป็นงาน สร้างสรรค์วันดี และอีกปัจจัยหนึ่งในการทำงานได้ประสบความสำเร็จก็คือการทำงานเป็นทีมนั่นเอง ตลาดปลาในซีแอตเติลถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าเรียนรู้ อีกทั้งยังมีผู้คนจากหลายประเทศไป ศึกษาและดูงาน

นิ้วหนึ่งนิ้วจะไม่มีพลัง แต่ถ้านิ้วมีห้านิ้วร่วมกันเป็นมือ มือนั้นก็จะทำอะไรได้หลายอย่าง เช่นกัน คนหนึ่งคนก็เหมือนกับนิ้วหนึ่งนิ้ว แต่ถ้ามีคนห้าคนรวมกันก็จะทำอะไรได้มากมาย ถ้าท่านลองเปิดร้านอาหาร ท่านจะสามารถทำงานคนเดียวได้หรือไม่ แต่หากท่านมีคนห้าคนช่วยกันทำงานเป็นทีม การเปิดร้านอาหารก็จะทำงานได้ง่ายขึ้นและประสบความสำเร็จมากกว่าการทำงานเพียงคนเดียว

หลักพุทธศาสนากับการทำงานเป็นทีม สังคหวัตถุ 4 อันได้แก่ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตตา

ทาน คือ การให้ การเสียสละ การแบ่งปัน ช่วยเหลือกันในทีม

ปิยวาจา คือ การกล่าววาจาที่สุภาพ อ่อนหวาน ไม่พูดเสียดสี ไม่พูดว่ากล่าวให้ร้ายกันในทีม ไม่พูดหยาบคาย มีการชมเชยกันในทีมด้วยความจริงใจ

อัตถจริยา คือ การบำเพ็ญตนช่วยเหลือกันในทีม ทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น

สมานัตตตา คือ การวางตนให้เหมาะสม มีความเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น มีความร่วมทุกข์ ร่วมสุข ใน ทีมงาน

การประชุมทีมมีความสำคัญมากในการทำงานร่วมกัน ควรต้องมีการสื่อสารร่วมกันในทีมงาน โดยมีการประชุมอย่างสม่ำเสมอ มีการปรึกษาหารือปัญหาและแก้ไขปัญหาร่วมกัน การประชุมจะทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาร่วมกันในทีมงาน มีการตัดสินใจร่วมกัน

การออกกฎเกณฑ์ในการทำงานเป็นทีมก็มีความสำคัญ เราจะเห็นว่าการทำงานร่วมกันเป็นทีมต้องทำงานกับคนอื่น ไม่ได้ทำงานคนเดียว ดังนั้น ก่อนทำงานเป็นทีมควรประชุมกันเพื่อหารือกฏเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกัน เสียก่อนแล้วจึงนำไปปฏิบัติร่วมกัน จะทำให้ปัญหาในการทำงานลดน้อยลง



ผู้นำทีมมีความสำคัญกับอนาคตของบริษัท Jack Welch ประธานกรรมการบริหารสูงสุดของ GE เป็นผู้นำของการเปลี่ยนแปลงในเชิงบริหารงาน มีอยู่ช่วงหนึ่ง Jack Welch ได้เรียกประชุมพนักงาน แล้วทำการแบ่งกลุ่มให้เป็นทีม ซึ่งแต่ละทีมจะมีคนอยู่ทำงานร่วมกัน 10 คน และให้แต่ละทีมนำเสนอโครงการต่างๆเพื่อพัฒนาบริษัท แล้วเขาก็พิจารณาโครงการต่างๆนั้น เมื่อผ่านก็จะอนุมัติให้ผู้บริหารและทีมงานนำไปปฏิบัติให้ประสบความสำเร็จ หากประเมินแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็จะถูกลดเงินเดือนหรือบางคนอาจถูกปลดออกจากงาน ฉะนั้นวิธีการนี้ทำให้บริษัท GE พัฒนาได้อย่างรวดเร็วกว่าบริษัทอื่นๆ

สรุป ปัจจัยที่จะสร้างทีมให้ยิ่งใหญ่มีอยู่หลายปัจจัย เช่น ตัวผู้นำ ตัวผู้ร่วมทีมงาน กฎระเบียบในการทำงานร่วมกัน การประชุมหรือการสื่อสารภายในทีม การสร้างเป้าหมายของทีม การสร้างทัศนคติให้กับทีมงาน ฯลฯ






...
  
ทอล์คโชว์ ชุด 1/2
7
...
  
โต้วาที ท้องไม่แท้ง แท้งไม่ฟ้อง (1)
7
...
  
"กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย" โดยโค้ช สิริลักษณ์ ตันศิริ part 1
7
...
  
ธุรกิจเครือข่ายโอกาสทางธุรกิจ
ธุรกิจเครือข่ายโอกาสทางธุรกิจ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ธุรกิจเครือข่ายเกิดขึ้นมากมายในยุคปัจจุบัน ซึ่งความสวยงามของธุรกิจเครือข่ายมีมากมาย เช่น เป็นธุรกิจของตัวเอง , เป็นธุรกิจแห่งการแบ่งปัน ,เป็นธุรกิจแห่งการเป็นอิสรภาพ และเป็นธุรกิจในการเปิดโอกาส
- ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจของตัวเอง หมายถึง ใครที่มีเงินทุนน้อย สามารถเข้ามาศึกษาเรียนรู้และเป็นเจ้าของ
กิจการธุรกิจเครือข่ายร่วมกัน ไม่มีนายเจ้าไม่มีลูกจ้าง ไม่ต้องลงเวลาทำงาน มีความเสี่ยงน้อย มีระบบให้สามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งธุรกิจเครือข่ายหลายแห่งยังสามารถเป็นมรดกตกทอดให้แก่ลูกหลานได้ด้วย
- ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งการแบ่งปัน หมายถึง คนที่ประสบความสำเร็จมักมาบอกเล่าเรื่องราว วิธีการ
ทำงานให้แก่ คนที่เข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่ายใหม่ๆ อีกทั้งมีการแบ่งปันเวลาให้ความช่วยเหลือ เมื่อลูกทีมหรือหัวหน้าทีมต้องการความช่วยเหลือ เป็นการแบ่งปันรายได้ แบ่งปันโอกาสทางธุรกิจให้แก่คนอื่นๆ
- ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งการเป็นอิสรภาพ หมายถึง เมื่อท่านทำงานหนักในช่วงแรก แล้วประสบ
ความสำเร็จ ท่านจะได้ไปท่องเที่ยว อีกทั้งมีรายได้ที่ไร้ขีดจำกัดเนื่องจากลูกทีมในเครือข่ายของท่านทำงาน อีกทั้งท่านจะมีอิสรภาพทางด้านเวลา
- ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งการเปิดโอกาส หมายถึง เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษาในการสมัครทำ
ธุรกิจ ท่านไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรี หรือจบปริญญาเอก เหมือนตอนไปสมัครทำงาน แต่หากใครสมัครเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย ต้องเริ่มนับหนึ่งเหมือนกันหมด อีกทั้งเมื่อประสบความสำเร็จท่านจะได้รับการยกย่องเชิดชูจากคนในองค์กรหรือคนในธุรกิจเครือของท่าน
แต่อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ธุรกิจเครือข่าย ท่านจำเป็นจะต้องมีการคัดเลือก หลักในการคัดเลือกบริษัทเครือข่ายมีดังนี้
1.ความมั่นคงของบริษัท มีความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ เนื่องจากหลายบริษัทไม่มีความมั่นคง ไม่มีความน่าเชื่อถือ เมื่อดำเนินธุรกิจเครือข่ายไปสักระยะหนึ่ง ก็มีการปิดตัว ซึ่งทำให้สิ่งที่เราลงทุนลงแรงลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา เงินทอง ค่าใช้จ่ายต่างๆ เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ อีกทั้งต้องเสียความรู้สึกอีกด้วย
2.ความเป็นมืออาชีพของนักบริหาร หากว่านักบริหารของบริษัทในธุรกิจเครือข่ายขาดประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจก็จะทำให้ธุรกิจเครือข่ายนั้นๆ เจริญเติบโตได้ช้ามาก แต่หากนักบริหารมีประสบการณ์ หากเกิดปัญหาต่างๆ ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
3.สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต้องเด่นและแปลกใหม่ ผลิตภัณฑ์หรือสินค้า มีความสำคัญมาก เนื่องจากธุรกิจเครือข่ายในยุคปัจจุบัน มักมีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกัน ส่วนใหญ่มักเป็น อาหารเสริม เครื่องสำอาง ของใช้ภายในบ้าน ซึ่งคุณสมบัติก็ไม่ต่างแตกกัน หากบริษัทหรือธุรกิจเครือข่ายใดมีสินค้าที่แตกต่าง แปลกใหม่ ก็จะได้รับการตอบรับ จากลูกค้าหรือผู้บริโภคได้มากกว่าสินค้าที่มีความคล้ายคลึงกัน
4.แผนการตลาดต้องโดน หมายถึง แผนการตลาดมีความสำคัญมากเช่นกัน เราต้องยอมรับว่าธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่ของใหม่สำหรับเมืองไทยอีกต่อไป เนื่องจากมีคนไทยเป็นจำนวนมากได้เข้าไปสัมผัสกับธุรกิจเครือข่ายหลายบริษัท อีกทั้งมีการหมุนเวียนกันในธุรกิจเครือข่าย กล่าวคือ เมื่อทำธุรกิจเครือข่ายนี้ไม่ประสบความสำเร็จหรือผลประโยชน์ได้น้อยก็เปลี่ยนไปทำธุรกิจเครือข่ายอีกบริษัทหนึ่ง ดังนั้น แผนการตลาดต้องโดนใจ ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเครือข่าย
5.ระบบของบริษัทต้องดี ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่เน้นเรื่องระบบ ฉะนั้น บริษัทที่ทำธุรกิจเครือข่าย ไม่ควรเปลี่ยนระบบบ่อย เช่น ทำไปสักระยะหนึ่งก็เปลี่ยนแผนการตลาดใหม่ หรือ ระบบอินเตอร์เน็ต ระบบออนไลน์ต่างๆ ไม่มีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้เกิดผลเสียแก่บริษัท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาพพจน์ ฯลฯ
ฉะนั้น ธุรกิจเครือข่ายมีความหลากหลาย มีความสวยงามก็จริงอยู่ แต่ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการสมัครหรือทำธุรกิจเครือข่ายควรต้องระมัดระวัง ควรเลือกบริษัทในการทำธุรกิจเครือข่าย เพราะหากท่านเลือกธุรกิจเครือข่ายผิด ก็จะทำให้ท่านเสียใจในภายหน้าได้ เนื่องจาก ในแต่ละปีมีธุรกิจเครือข่ายปิดตัวเป็นจำนวนมาก
...
  
อาจารย์วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
ภูมิลำเนาเดิม : อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา

ประวัติการศึกษา

: มัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ( พ.ศ.2513 - 2517 )
: ปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ( พ.ศ.2521 )
: ปริญญาโท การจัดการภาครัฐและภาคเอกชนมหาบัณฑิต
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ( พ.ศ.2547 )

ประวัติการทำงานด้านกฎหมาย

: ทนายความ ( พ.ศ. 2522 - 2532 )
: นิติกร การเคหะแห่งชาติ ( พ.ศ.2525 - 2532 )
: ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ( พ.ศ.2522 – 2532 )

ประวัติการทำงานด้านสื่อสารมวลชน ( โทรทัศน์และวิทยุ )


: กรรมการบริหาร บริษัท ภาษร โปรดัคชั่น จำกัด (ผลิตรายการ “ทีวีวาที” ช่อง 9 อสมท.)
: วิทยากรรายการ “ทีวีวาที” ช่อง 9 อสมท.
: กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปีช อิมมอทอลลิตี้ ครีเอชั่น จำกัด และ บริษัท สปีช เอ็นเตอร์
เทนเม้นท์ จำกัด ( ผู้ผลิตรายการ “คารมเฉือนคารม” ช่อง 3 / รายการ “55 มาเหนือเมฆ”
ช่อง 5 / รายการ “คู่ปากคู่ปรับ” ช่อง 3 / รายการ “ชื่อนั้นสำคัญไฉน” ช่อง 3 / รายการ
“แฟมิลี่โชว์” ช่อง 3 / รายการ “ยุทธจักรนักขาย” ช่อง 11)
: ผู้ประกาศข่าวรายงานอากาศ รายการ “อุตุพยากรณ์” ช่อง 3
: พิธีกรรายการ “เพื่อโลกสีเขียว” ช่อง 5
: พิธีกรรายการ “สคบ.เพื่อประชาชน” ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ช่อง 11
: ดำเนินรายการชั่วโมงทำงาน ชั่วโมงทำเงิน วิทยุ FM.96.5 Mhtz (Business Radio)

ประวัติการทำงานด้านการฝึกอบรม

: วิทยากรศูนย์ฝึกอบรมเยาวชน (Youth Training Center : YT ซึ่งเป็นองค์กร NGO)
: วิทยากรศูนย์พัฒนาบุคลิกภาพ (Management Training Limited : MTL)
: ฝ่ายวิชากร และวิทยากรสถาบันพัฒนาการพูดและการบริหาร ( Executive & Speaking
Development Institute : ESDI)
: ก่อตั้ง และเป็นผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรมแมนเพาเวอร์ (พ.ศ. 2533-ปัจจุบัน)
: ผู้อำนวยการหลักสูตรฝึกอบรม “การพัฒนาพลังการพูดและบุคลิกภาพ” ของสถาบัน
ฝึกอบรมแมนเพาเวอร์
: ผู้อำนวยการหลักสูตรฝึกอบรม “การพัฒนาตนเองสู่ผู้มีประสิทธิผลสูงในการทำงาน”
ของสถาบัน ฝึกอบรมแมนเพาเวอร์
: ผู้อำนวยการหลักสูตรฝึกอบรม “หัวหน้างานชั้นยอด” ของสถาบันฝึกอบรมแมนเพาเวอร์
: ผู้อำนวยการหลักสูตรฝึกอบรม “ยกเครื่องเรื่องการขาย” ของสถาบันฝึกอบรมแมน
เพาเวอร์
: ผู้อำนวยการโครงการเปิดโลกฝึกอบรมยุคโลกาภิวัตน์เพื่อสร้างวิสัยทัศน์ในการทำงาน
: ผู้อำนวยการโครงการเปิดโลกฝึกอบรมหลักสูตร “การขายในยุคเศรษฐกิจใหม่”
: ผู้อำนวยการโครงการเปิดโลกฝึกอบรมหลักสูตร “พัฒนาหัวหน้างานและผู้จัดการ
สู่ผู้นำการเปลี่ยนแปลง”
: วิทยากรพิเศษหลักสูตร “Mini Master in Management” (MMM) ของสถาบันบัณฑิต
พัฒนบริหารศาสตร์
: วิทยากรพิเศษหลักสูตร “พัฒนาหัวหน้างาน” ของสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
: วิทยากรพิเศษวิทยาลัยการทัพบก และโรงเรียนเตรียมทหาร
: วิทยากรพิเศษหลักสูตร “สร้างผู้นำทีมขายให้เหนือว่ามือทอง” , “Nano MBA” และ “สูตรผสม
สำเร็จ เพื่อยกระดับการบริการ เหนือลูกค้าคาดหวัง” (The Alchemy of Service
Platinumship) ของ MGA. (Marketing Guru Associate)
: วิทยากรพิเศษรายการ “แม่ไม้นักบริหาร” และ “เพลินกับงานสำราญกับชีวิต” ทาง UBC
: วิทยากร / ที่ปรึกษาด้านการฝึกอบรม และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในหน่วยงาน ทั้งใน
ภาคธุรกิจเอกชน รัฐวิสาหกิจ และภาคราชการ รวมแล้วกว่า 200 หน่วยงาน ตลอด
ระยะเวลา จนถึงปัจจุบัน ประมาณ 20 ปี

งานเขียน / เทปเสียง

: เคยเขียนบทความเกี่ยวกับเทคนิคการทำงานในนิตยสารรุ้งรายเดือน / นิตยสารญาดา /
บทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ในนิตยสารรายสัปดาห์อาทิตย์ ( ข่าวพิเศษ )
: เคยเขียนบทความเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองในนิตยสาร Business Owner (Network
News) และหนังสือพิมพ์รายปักษ์ The Power Network รวมทั้งหนังสือพิมพ์รายปักษ์
In Marketing
: หนังสือเล่ม :- พลังพูด พลังเพิ่ม / จะทำชีวิตอย่างไรในยุค IMF. / กะเทาะเปลือกมนุษย์
MLM / ขายให้มันสง่างามหน่อย / ขายให้มันสมศักดิ์ศรีหน่อย / ขายให้มันมีความสุข –
หน่อย / เปิดโลกฝึกอบรมยุคโลกาภิวัตน์ฯ ( บรรณาธิการ )
: เทปเสียง “พลังแห่งการพูดในที่ชุมนุมชน” / “5 ดี แห่งชีวิตพิชิตความสำเร็จ”

งานทางสังคม

: กรรมการสมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนวัดสุทธิวราราม
: อนุกรรมการสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
: ศิษย์เก่าดีเด่น ในโอกาสครบรอบ 70 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
: กรรมการสโมสรไลอ้อนส์ สาทร
: ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการติดตามผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร ( พ.ศ.2540 - 2544 )
: กรรมการที่ปรึกษาบริษัท เอเจนซี่ ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA)







...
  
คำคมเคนเนดี้
เป็นหนังสือที่รวบรวมคำคมของอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เป็นประธานาธิบดีคนที่ 35 มีประโยคที่กินใจคนทั้งโลก โดยคนไทยชอบอ้างกันหรือบางคนก็นำไปดัดแปลงเป็นสำนวนของตนก็คือประโยค
“ โปรดอย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรกับท่าน แต่จงถามว่าท่านสามารถทำอันใดให้กับประเทศของท่าน ”
ผมซื้อในราคา 35 บาท รวบรวมคำคมโดย บิลล์ แอดเลอร์ แปลโดย โสภาพรรณ
เมื่ออ่านจบแล้ว กระผมมีความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากท่านเคนเนดี้ เป็นยอดนักพูดคนสำคัญของโลก อีกทั้งใช้ภาษาที่สวยงามมากในการพูดแต่ละครั้ง
...
  

เอกสารประกอบการศึกษาสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
(ต้องขอโทษด้วยครับ ผมไม่ทราบว่าใครแต่งต้องขออนุญาติผู้แต่งผู้ประพันธ์ไว้ในโอกาสนี้ด้วยครับ)

เรื่อง การพูดต่อหน้าประชุมชน

-------------------------------------------

การพูด

เป็นสื่อความหมายเดิมที่มนุษย์ใช้ติดต่อกันเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของผู้พูดไปสู่ผู้ฟัง ด้วยการใช้เสียงที่มีสื่อความหมาย ซึ่งเราเรียกว่า “คำพูด” รวมทั้งอากัปกิริยาท่าทางและน้ำเสียงเป็นสื่อ

มารยาทในการพูด

1. ในการพูดต้องรู้กาลเทศะว่า เมื่อใดควรพูด เมื่อใดไม่ควรพูด เช่น ขณะรับประทานอาหาร ไม่ควรพูดเรื่องน่าเกลียด น่ากลัว สยดสยอง งานมงคลไม่ควรพูดเรื่องโศกเศร้า

2. พูดด้วยกิริยาที่อ่อนน้อมถ่อมตัว

3. ไม่พูดสอดแทรกหรือขัดจังหวะผู้อื่น ต้องรอให้ผู้อื่นพูดจบข้อความเสียก่อนแล้วจึงพูดต่อ

4. เรื่องที่พูดนั้นควรเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายสนใจ พอใจร่วมกัน เช่น ข่าวเหตุการณ์ที่เป็นที่สนใจ

5. พูดตรงประเด็นอาจจะออกนอกเรื่องได้บ้างเล็กน้อย เพื่อผ่อนคลายอารมณ์

6. เคารพในสิทธิและความคิดเห็นผู้อื่นตามสมควร ไม่พยายามข่มให้ผู้อื่นเชื่อถือหรือคิดเหมือนตนหรือแสดงว่าตนรู้ดีกว่าผู้พูดอื่น ๆ

7. ไม่กล่าวร้ายหรือนินทาผู้อื่น หลีกเลี่ยงการใช้คำที่แสดงการดูหมิ่นผู้ที่เราพูดด้วย ในขณะที่พูดควรวางตัวให้สุภาพเรียบร้อย ไม่แสดงว่าตนรู้ยกตนข่มท่าน

8. ต้องควบคุมอารมณ์ในขณะสนทนา หลีกเลี่ยงการใช้คำโต้แย้งรุนแรง

9. พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แสดงไมตรีจิตต่อกัน และแสดงความสนใจในเรื่องที่พูดด้วยท่าทางมีชีวิตชีวา

10. ใช้ภาษาสุภาพ ถ้าใช้คำคะนองบ้างก็ให้พอเหมาะแก่กาลเทศะและผู้ฟัง

11. ใช้เสียดังพอควร ไม่ตะโกน ไม่ใช้เสียงกระด้างหรือเสียงเบาเกินไป

12. ขณะที่พูดควรมองหน้าสบตาผู้พูดอีกฝ่ายหนึ่ง และต้องตั้งใจฟังคำพูดของผู้พูดอื่น ๆ และไม่กระซิบกระซาบกับคนนั่งข้างเคียง

คุณสมบัติของนักพูดที่ดี

นักพูดที่ดีจะต้องมีความสามารถหลายอย่างประกอบกันดังนี้

1. มีบุคลิกภาพน่าเชื่อถือ เช่น แต่งกายเหมาะสมกับโอกาส หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเอง หรือบางครั้งอาจจะจริงจังบ้าง ตามควรแก่กรณี ใช้ท่าทีและท่าทางดีมีสง่าใช้อากัปกิริยาประกอบคำพูดเหมาะสม

2. มีความรู้ในเรื่องที่จะพูดเป็นอย่างดีเพื่อช่วยให้คำพูดมีความหนักแน่น มีน้ำหนัก มีความมั่นใจและสามารถแสดงหลักฐานอ้างอิงได้ถูกต้อง

3. มีวัตถุประสงค์แน่ชัด เช่น พูดเพื่อสนทนากันตามปกติเพื่อสังสรรค์ เพื่อความบันเทิง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อปรึกษาหารือเพื่อธุระ เพื่อแก้ปัญหา เมื่อมีวัตถุประสงค์ในการพูดแน่ชัดแล้ว ก็จะเกิดการสื่อสารที่ดีขึ้นได้ตามควรแก่โอกาส

หลักการของการพูด

มีผู้ให้หลักเกณฑ์ไว้หลายแบบด้วยกัน แต่ก็มีแนวคล้าย ๆ กันแต่จะขอยกแนวทางอย่างย่อ ๆ มาให้พิจารณาเป็นหลักยึด ดังต่อไปนี้

หลักสิบประการของสมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

จงเตรียมพร้อม
จงเชื่อมั่นในตัวเอง
จงปรากฏตัวอย่างสง่าผ่าเผย
จงพูดโดยใช้เสียงอันเป็นธรรมชาติ
จงใช้ท่าทางประกอบการพูดให้พอเหมาะ
จงใช้สายตาให้เป็นผลดีต่อการพูด
จงใช้ภาษาที่ง่ายและสุภาพ
จงใช้อารมณ์ขัน
จงจริงใจ
จงหมั่นฝึกหัด
การปฏิบัติตนขณะพูด

เมื่อผู้พูดเตรียมตัวมาดีแล้ว ถึงเวลาที่จะพูดควรปฏิบัติตนดังต่อไปนี้

1. ตรงต่อเวลา ต้องไปถึงที่ที่จะพูดก่อนเวลาเล็กน้อย เพื่อเตรียมตนเองให้มีความมั่นใจ ไม่ตื่นเวที

2. การเดินสู่ที่พูด ต้องเดินอย่างองอาจ แสดงความมั่นใจในตัวเอง

3. การแต่งกาย สุภาพ เรียบร้อย ไม่ควรสวยหรือเด่นเกินไป เพราะผู้ฟังจะหันมาสนใจการแต่งกายของผู้พูดมากกว่าเรื่องที่พูด

4. ให้เกียรติผู้ฟัง

5. การใช้สายตา ไม่ควรมองต่ำหรือมองไปข้าง ๆ หรือมองชั้นบน ควรกวาดสาตามองให้ทั่ว

6. ภาษาพูด ใช้ภาษาสุภาพ ควรมีอารมณ์ขันแทรกบ้าง หน้าตายิ้มแย้มแต่ไม่สนุกจนลืมเนื้อหา

7. อุปกรณ์ประกอบการพูด จะช่วยให้เรื่องน่าสนใจมากขึ้น ควรเตรียมการใช้ให้พร้อม

8. เอกสาร หรือบันทึกย่อเพื่อเตือนความทรงจำขณะพูด

9. ต้องมีไหวพริบ

10. ไม่พูดแข่งเสียงปรบมือหรือเสียงหัวเราะ

11. รักษาเวลา

12. การจบ ควรจบแบบทิ้งท้ายให้คิด ไม่ควรจบห้วน ๆ จบด้วยเนื้อหาและน้ำเสียงที่ประทับใจ

การเตรียมการพูดต่อหน้าชุมชน

การพูดกับกลุ่มผู้ฟังที่มีจำนวนมาก จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวให้ดี เพื่อให้การพูดในครั้งนั้นสัมฤทธิ์ผล มีขอบข่ายการเตรียมดังนี้

1. การวิเคราะห์ผู้ฟัง คือผู้พูดต้องทราบข้อมูลเกี่ยวกับเพศ วัย พื้นฐานการศึกษา ความสนใจ อาชีพ ทัศนคติ และสถานะทางเศรษฐกิจของผู้ฟังเพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการเตรียมตัวพูดให้เหมาะสมกับผู้ฟังส่วนใหญ่

2. การตั้งจุดประสงค์ การพูดแต่ละครั้งต้องตั้งจุดประสงค์ว่าจะพูดเพื่ออะไรจึงจะได้เตรียมเนื้อหาได้ตรงจุดหมาย

3. การเลือกเรื่อง ถือว่าเป็นหัวใจของการเริ่มต้น ควรเลือกเรื่องให้สอดคล้องกับผู้ฟัง โอกาส กาลเทศะ และจุดมุ่งหมายในการพูด

4. การรวบรวมเนื้อหา เป็นการนำข้อมูล จากการศึกษาค้นคว้ามาจัดลำดับหมวดหมู่ให้เหมาะสมก่อนนำไปพูด

5. การวางโครงเรื่อง เป็นการนำข้อมูลมาจัดระเบียบและเรียบเรียงเนื้อเรื่องที่จะพูดโดยจัดเนื้อหาสาระสำคัญออก 3 ส่วน คือ คำนำ เนื้อเรื่อง และบทสรุป

6. การขยายความ คือการใช้ข้อความที่เป็นข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ภาษิต คำคม มาช่วยให้ทำให้โครงเรื่องละเอียด พิสดาร ชัดเจน และมีความต่อเนื่องกัน

7. การใช้ถ้อยคำ คือการที่ผู้พูดรู้จักเลือกใช้ถ้อยคำ ภาษา สำนวน โวหาร ได้ถูกต้องตามระเบียบแบบแผน และเหมาะกับกาลเทศะและบุคคล

8. การฝึกพูด คือการทดลองหรือฝึกซ้อมก่อนการพูดจริงเพื่อให้เกิดความพร้อม และมีความเชื่อมั่นในตนเองยิ่งขึ้น

ทำแบบฝึกหัด


แบบฝึก เรื่อง การพูด

คำสั่ง ให้นักเรียน คลิก ที่หมายเลข ข้อที่เป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. ข้อใดให้ความหมายของการพูดได้ถูกต้องชัดเจนที่สุด

ก. การติดต่อสื่อสารของมนุษย์ด้วยการใช้ถ้อยคำและน้ำเสียง

ข. พฤติกรรมการใช้ถ้อยคำ น้ำเสียงและอากัปกิริยาของมนุษย์

ค. การเปล่งเสียงออกมาเป็นถ้อยคำเพื่อการระบายอารมณ์ของมนุษย์

ง. การถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของผู้พูดไปยังผู้ฟังด้วยน้ำเสียง ถ้อยคำและกิริยาท่าทางต่าง ๆ


...
  
ปาฐกถาของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ปาฐกถาของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

เรื่อง “แนวคิดเรื่องสถาบันพัฒนาความรู้แห่งชาติ”

ในโอกาสเป็นประธานการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง

“มิติใหม่ : ระบบหนังสือสาธารณะ”

ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ

วันพุธที่ 19 มีนาคม 2546 เวลา 09.00 น



-------------------





รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ท่านปลัดกระทรวง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และท่านผู้มีเกียรติที่เคารพรักทุกท่าน

วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของประเทศที่เรามารวมกันที่นี่ เพื่อที่จะระดมความรู้และประสบการณ์เพื่อที่จะมาสร้างสถาบันพัฒนาความรู้แห่งชาติ และจะมาสร้างมิติใหม่แห่งการพัฒนาการอ่าน การรักการอ่าน การเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ให้แก่เยาวชนของเรา ในขณะที่ช่วง 3 เดือนนี้ เป็นช่วง 3 เดือนแห่งการประกาศสงครามกับยาเสพติด ซึ่งทำลายอนาคตและทำลายสมองเยาวชนของชาติ และในห้องนี้เรากำลังทำอีกมิติหนึ่งเพื่อที่จะสร้างเยาวชนของชาติที่ไม่ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดทั้งหลายให้อยู่ในสังคมนี้อย่างมีความสุข อยู่อย่างมีความรู้เพื่อเตรียมตัวเองให้เข้าสู่สังคมฐานความรู้ วันนี้ประเทศไทยมีจุดด้อยหลายเรื่องที่เราต้องแก้ แต่ที่แก้ไม่ได้ก็อาจจะเป็นเพราะว่าการเมืองไม่มีความต่อเนื่อง หรือการเมืองที่คิดถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป ( NEXT ELECTION ) มากกว่าคนรุ่นต่อไป ( NEXT GENERATION ) เพราะฉะนั้น วันนี้โอกาสที่การเมืองจะนึกถึง NEXT GENERATION โอกาสที่พวกเรากำลังถูกภัยที่ใกล้ตัวเข้ามาจี้ว่าสังคมไทยกำลังอันตราย เรากำลังจะเข้าสู่สังคมฐานความรู้ที่มีความรู้ในลักษณะท่องจำ ความรู้ในลักษณะที่บูรณาการไม่เป็น ความรู้สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะเรียนรู้ตลอดชีวิต ความรู้ที่คิดว่าเรียนจบปริญญาได้ใบประกาศนียบัตรมา 1 ใบ ตรี โท หรือเอกก็แล้วแต่ เป็นสิ่งที่การันตีชีวิตทั้งชีวิตแล้ว ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดและใช้ไม่ได้อีกแล้วในโลกยุคใหม่ โลกยุคใหม่เราต้องการคนซึ่งจบหรือไม่จบอะไรก็ได้ แต่ชีวิตต้องรักการเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองได้ตลอดชีวิต นั่นคือสิ่งที่สำคัญ คนที่จบแล้วไม่เรียน กับคนที่ไม่จบแล้วเรียนไม่เลิก ผมยังเลือกคนที่ไม่จบแต่เรียนตลอดชีวิตมากกว่า คนที่จบแล้วไม่เรียนต่อแล้วสำคัญตัวผิดคิดว่าตัวเองรู้มากแล้ว และไปครอบงำความคิดของคนอื่นนั้นอันตรายยิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น ซึ่งผมอยากจะเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่สร้างบรรยากาศแห่งการใฝ่รู้ใฝ่เรียนให้กับคนไทยทั้งชาติ

เรื่องอินเตอร์เน็ตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทำไมอินเตอร์เน็ตจึงมีปัญหากับเยาวชนไทยในระดับที่สูงกว่าระดับของเยาวชนในต่างประเทศ ก็เพราะเราสอนเยาวชนของเราไม่ให้ใฝ่เรียนรู้ บังคับให้เขาท่องจำ เขาจึงไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่รักการอ่าน อินเตอร์เน็ตเป็นสังคมที่ต้องรักการอ่านจึงจะเกิดประโยชน์ ถ้าสังคมไม่รักการอ่าน สังคมรักความสนุก ซึ่งคงไม่มีใครห้ามไม่ให้สิ่งที่ไม่ดีมาอยู่ในอินเตอร์เน็ตได้ทั้งหมด แต่แน่นอนว่าตัวเลือกของคนอยู่ที่วัฒนธรรมที่คนเหล่านั้นสั่งสมมา แต่ถูกสั่งสมวัฒนธรรมที่ผิดก็จะไปสู่สิ่งที่ผิด นี่คือสิ่งที่ผู้ใหญ่ในวันนี้ต้องตระหนักและเสียสละ ต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเอง ต้องปรับตัวเราเองให้เป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนจึงจะถ่ายทอดความใฝ่รู้ใฝ่เรียนนี้ไปให้เด็กได้ แต่ถ้าผู้ใหญ่ไม่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนเสียเองแล้วอย่าหวังว่าจะถ่ายทอดความใฝ่รู้ใฝ่เรียนให้กับเด็กได้ เด็กวันนี้ฉลาดมาก คำพูดของผู้ใหญ่ทุกคำเด็กนำไปวิเคราะห์ แต่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่มาจากใจของผู้ใหญ่ เด็กรู้ว่าใจของผู้ใหญ่คิดอย่างไร เพราะฉะนั้นการที่จะไปแนะนำเด็กในวันนี้นั้น ผู้ใหญ่จะต้องปรับตัวเองก่อน ต้องทุ่มเทหัวใจก่อนว่าวันนี้เราพร้อมหรือยังที่จะใฝ่เรียน ไม่มีอะไรที่จะสายเกินเรียน วันก่อนผมเห็นคนอายุ 60 กว่าปีไปเรียนอินเตอร์เน็ต ผมชื่นชมมากเพราะว่าในอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นห้องสมุดโลก มีอะไรอีกมากมายที่เราสามารถเข้าไปท่องและเรียนรู้และสนุกกับมัน ถ้าเมื่อไรที่เด็กอ่านหนังสือในลักษณะที่ไม่เห็นความสนุกของตัวหนังสือก็จบ แต่การที่จะให้เด็กสนุกกับการอ่านหนังสือ ตื่นเต้นกับเรื่องใหม่ๆนั้น เป็นสิ่งที่ต้องสร้างตั้งแต่โรงเรียน เพราะฉะนั้นก็ต้องย้อนกลับไปที่ระบบการศึกษาของไทย เด็กต้องท่องจำ ครูไม่สามารถที่จะสอนให้เด็กรู้ในห้องเรียนได้ เพราะขยักไว้สอนพิเศษบ้าง หรือว่าหลักสูตรเป็นหลักสูตรท่องจำบ้าง ซึ่งวันนี้เราได้ปฏิรูประบบการศึกษาแล้ว เราก็กำลังเปลี่ยน เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนตรงจุดนี้ต้องให้ความสนใจและต้องเปลี่ยนตลอดไป

ก่อนที่ผมจะมาพูดเรื่องห้องสมุด ห้องสมุดนั้นเป็นสิ่งที่ถ้าคนไม่รักการอ่าน มีห้องสมุดเท่าไรก็ไม่อ่าน เป็นเหมือนไก่กับไข่ มีห้องสมุดก่อนจึงจะรักการอ่าน หรือรักการอ่านก่อนแล้วจึงมีห้องสมุด ไม่ต้องเถียงกัน เพราะถ้าเถียงกันเมื่อไรก็ไม่จบ ในที่นี้ไม่มีใครตอบผมได้ว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ต้องไม่เถียงกัน ไก่มีหน้าที่ฟักไข่ก็ฟักต่อไปเรื่อยๆ ไข่มีหน้าที่เปลี่ยนเป็นไก่ก็เปลี่ยนเป็นไก่ มันก็จะมีทั้งไก่และไข่ตลอดไป นั่นก็คือเราจะต้องพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กให้เด็กเป็นคนรักการอ่าน ปรับปรุงหลักสูตรเพื่อให้หลักสูตรนั้นเป็นหลักสูตรที่เกิดความเข้าใจมากกว่าเกิดการท่องจำ แล้วต้องให้เด็กใช้เวลามากเกินความจำเป็นของชีวิตเด็ก เด็กต้องตื่นไปโรงเรียนตั้งแต่ตีห้าเพราะรถติด ไปถึงโรงเรียนเรียนหนังสือก็ง่วงนอน ครูก็สอนได้ไม่เต็มที่เพราะตอนเย็นต้องสอนพิเศษต่อ พอถึงเวลาก็ท่องๆแล้วก็ไปสอบ เรื่องอย่างนี้ถ้าไม่เลิกหรือเลิกไม่ได้แล้ว สิ่งที่เราฝันกันในวันนี้ที่จะทำห้องสมุดก็จะไม่เป็นจริง เราก็จะมีห้องสมุดที่ไม่มีคนอ่าน จะมีห้องสมุดที่เท่ๆ พอมีหนังสือก็ใส่เข้าไป เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องสร้างไปพร้อมๆกัน และที่แน่นอนห้องสมุดในวันนี้ต้องเริ่มต้นที่ผู้ใหญ่ต้องใช้ ผู้ใหญ่วันนี้ต้องพร้อมปรับตัวที่จะใช้ห้องสมุด

ตอนที่ผมเรียนหนังสืออยู่นั้น ทุนของ ก.พ. ที่ให้ไปก็น้อย แต่ผมต้องเก็บเงินถ่ายเอกสารเพราะว่าในวันนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ต อ่านก็ไม่ทันเพราะตื่นเต้น ตอนอยู่ประเทศไทยไม่ค่อยมีหนังสือให้อ่านขนาดนั้น ไปเห็นห้องสมุดของเขาเจอหนังสืออะไรก็น่าอ่าน จนอ่านไม่ทัน อ่านอยู่ในห้องสมุดพอถึงเวลาเขาก็ปิดแล้ว ก็ต้องถ่ายกลับไปอ่านที่หอพัก ตลอดชีวิตที่ผมเรียนมานั้น ผมถูกเรียนให้เข้าใจในห้องเรียนมากกว่าถูกเรียนเพราะต้องท่องจำ ผมเป็นคนที่ท่องหนังสือตอนสอบน้อยที่สุด แต่ระหว่างเรียนนั้นผมเข้าใจแล้วก็ทำการบ้านให้เพื่อนลอก ผมยังมั่นใจว่าการเรียนรู้ที่เข้าใจในห้องเรียนนั้นเป็นหัวใจสำคัญ และเมื่อเข้าใจแล้วก็อยากที่เข้าใจเพิ่มขึ้นอีก อันนี้ต้องสร้างหลักสูตรตั้งแต่ในวัยเด็ก ต้องปรับปรุงหลักสูตรในวัยเด็กให้ได้ ถ้าเราไม่ปรับปรุงแล้วเรายังคิดว่าจะต้องเรียนซ้ำซาก เรียนมากๆ ผมว่าผิด ใส่เข้าไปมากๆแล้วล้น ก็รับไม่ได้ ใส่ไปน้อยๆแต่รับได้ดีกว่า ใส่อะไรที่เป็นหลักคิดที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชน ท่านพุทธทาสได้พูดเอาไว้ว่าความรู้ทั้งโลกนั้นเปรียบเสมือนจำนวนใบไม้ที่มีอยู่ทั้งป่า นับเท่าไรก็ไม่ถ้วน มีจำนวนมาก แต่ความรู้ที่ใช้เป็นหลักในการดำรงชีวิตนั้นเปรียบเทียบได้กับจำนวนใบไม้เพียงกำมือเดียวเท่านั้น หลักมีแค่นั้น ถ้าเราไม่สอนหลักแล้วพยายามเอาใบไม้ทั้งป่ามาให้เด็กนับ ผลสุดท้ายเมื่อเด็กนับแล้วก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ถ้าสอนให้เด็กรู้ว่านี่เป็นไม้ประเภทไหน เป็นป่าประเภทไหน เมื่อเด็กรู้หลักแล้ว เด็กก็สามารถที่จะนำไปใช้ต่อไปได้ นี่คือสิ่งที่จะต้องขอย้อน

พูดไปถึงเรื่องของการสร้างเด็กรุ่นใหม่ ต้องทำคู่ขนานเหมือนไก่กับไข่ เราต้องให้ไข่ฟักเป็นไก่เราต้องให้ไก่ออกไข่ต่อไป แล้วมันจะไปคู่กัน และในที่สุดก็จะมีทั้งไก่และไข่ตลอดไป นั่นคือระบบส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การพัฒนาความรู้ที่ต้องให้มีการเรียนรู้ ต้องมีข้อมูลก็ต้องทำไป แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็ต้องสร้างเด็กให้ไปเจอกันให้ได้ ต้องทำไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราไม่ทำไปพร้อม ๆ กัน เราทำข้างใดข้างหนึ่ง หรือรอกัน ไม่ได้ แต่ระหว่างวันนี้ที่รอเด็กพัฒนาผู้ใหญ่ต้องใช้ห้องสมุด อย่าไปแปลกใจอะไรเลยถ้าสมมติว่ามีอธิบดีคนหนึ่งไปเข้าห้องสมุด แล้วไปนั่งอ่านหนังสือ ถ้าผมเห็นอย่างนั้นแล้วผมก็จะคิดว่ากระบวนการอยากเรียน อยากรู้ อยากพัฒนาตัวเองเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย หลายคนไม่อ่าน อ่านแต่หนังสือพิมพ์ แค่นั้นไม่พอ บทความไม่อ่าน มีผลการวิจัยต่างๆออกมาที่เกี่ยวข้องกับเรา เราจะได้รู้ว่าวันนี้ไปถึงไหนแล้ว เพราะพอมีคนทำวิจัยต่อเนื่องต่างๆเราจะได้รู้ นี่คือสิ่งที่ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นตัวอย่าง แล้วจึงจะสื่อกับเด็กด้วยภาษาใจได้ ถ้าสื่อกับเด็กโดยไม่มีภาษาใจ สื่อเพราะสั่งแล้วไม่มีทาง ต้องสื่อด้วยภาษาใจซึ่งผู้ใหญ่ต้องเริ่มปฏิบัติก่อน

วันนี้ผมดีใจกับเรื่องห้องสมุดของผม ผมอยากเห็นห้องสมุดชั้นดีที่ทุกคนอยากจะไป ผมบอกว่าเงินมี ให้ใครมาช่วยทำที ผมบอกมาเกือบสองปีแล้วไม่มีคนรับเลย นี่คืออีกหนึ่งธรรมชาติของสังคมไทย คือมีคนชอบฟังแต่ไม่มีคนชอบนำไปปฏิบัติ ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีคนที่จะอาสาเป็นเจ้าภาพ มีเรื่องอีกมากในประเทศไทยแต่ยังขาดเจ้าภาพ วันนี้ถ้ามีใครอาสา ถ้าเราขี้เกรงใจกันว่าจะเป็นเรื่องของหน่วยนั้นหน่วยนี้หรือเปล่า เดี๋ยวจะหาว่าเรายุ่งเกินไปหรือเปล่า ขอย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลนี้ต้องการเห็นเส้นแบ่งความเป็นเจ้าภาพอย่างชัดเจน แต่เส้นแบ่งอำนาจบังคับบัญชา เส้นแบ่งขององค์กรนั้นไม่จำเป็นต้องเข้ม กรณีที่มีการสร้างองค์กรที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความมีระเบียบ องค์กรนั้นจะต้องยอมรับระบบการรายงานไขว้ แต่ความรับผิดชอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งต้องมีเจ้าภาพที่ชัดเจน สังคมไทยเป็นสังคมที่ตรงกันข้าม คือ ความเป็นเจ้าภาพไม่ชัดเจน การแบ่งอำนาจการบังคับบัญชาเข้มมาก พื้นที่ของข้าใครอย่ายุ่ง แต่ว่าเรื่องนี้ถามว่าใครรับผิดชอบ เดินหาทั่วกระทรวงไม่เจอซักคน แม้แต่ปลัดกระทรวงยังไม่ใช่เจ้าภาพเลย แล้วจะเอาใครเป็นเจ้าภาพ ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยน เจ้าภาพต้องชัดเจน

วันนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับเป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม เท่าที่ผมดูคร่าวๆ นั้นเหมือนกับเราจะมีห้องสมุดหลายระดับ ห้องสมุดระดับหมู่บ้าน ห้องสมุดระดับโรงเรียน ห้องสมุดระดับอำเภอ ห้องสมุดระดับภูมิภาค ห้องสมุด กทม. ห้องสมุดระดับชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงวัฒนธรรมกับกระทรวงศึกษาฯ หรือหน่วยงานอื่นที่จะสร้างห้องสมุด ไม่ได้เป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่กระทรวงวัฒนธรรมนั้นดูแลหอสมุดแห่งชาติแน่นอน กระทรวงเทคโนโลยีฯก็จะใช้ระบบห้องสมุดที่มีการเชื่อมโยงกันได้ มี e-Library e-Book เพื่อที่จะได้ให้คนที่นั่งอยู่ในห้องสมุดเล็กๆแห่งหนึ่ง สามารถที่จะได้อ่านหนังสือจากห้องสมุดใหญ่ๆผ่านอินเตอร์เน็ตได้ และถ้าผมเข้าใจไม่ผิดก็คืออยากทำอย่างนั้น วันนี้ประเทศไทยต้องเรียนลัดไม่มีเวลามานั่งเพาะเมล็ดทีละเมล็ด ต้องขุดต้นไม้ใหญ่ๆจากป่ามา เก็บรากให้ดี ย้ายมาปลูกกลางเมืองก็ต้องทำ ไม่มีเวลาแล้ว เพราะโลกไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เราช้ากว่าเขามากๆแล้ว วันนี้ต้องเรียนลัดและเรียนเร็ว วันนี้เรามีประชากร 63 ล้านคน เราต้องใช้ความเร็วในการแข่งขัน ความเร็วในวันนี้ คนเป็นสิ่งสำคัญ มีรัฐมนตรีหลายคนจะตั้งคนเข้าไปทำงานก็มาถามผมว่ามีใครไหม ช่วยเสนอหน่อย เขานึกไม่ออก หายากมาก วันนี้หาคนที่เราคิดว่ามีความไว้วางใจและความเชื่อมั่นได้ยากมาก วันนี้หลายองค์กรยังมีตำแหน่งว่างอยู่ ไม่รู้จะตั้งใคร นี่คือปัญหา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผมชอบนะ ผมทุกข์มาก เพราะฉะนั้นวันนี้ผมต้องการคนที่กล้าอาสา ผู้ใหญ่วันนี้ต้องเลิกเกรงใจ ต้องกล้าเป็นเจ้าภาพ ผิดถูกไม่เป็นไร ไม่มีคนที่ทำงานแล้วไม่มีผิด อยากถูกตลอดไปก็ไม่ต้องทำอะไรเลย คือไม่มีโอกาสผิดนั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้าคนทำงานแล้วอย่าไปกลัวผิด สำคัญว่าเราต้องมีหัวใจให้ชาติ มีหัวใจให้สังคมส่วนรวม ไม่ต้องไปกลัวอะไร แล้วงานราชการ งานสาธารณะนั้นให้เข้าใจว่ามันเป็นงานที่ไม่มีคำว่าขอบคุณหรอก ให้ใจเรามันบอกกับเราดีกว่าว่าได้ทำงานให้กับชาติบ้านเมืองแล้วอย่างเต็มที่ ขอให้หน่วยงาน ขอให้ประชาชนทุกคน ข้าราชการทุกคน ที่เกี่ยวข้องมาช่วยกัน

มีคำที่ท่านพุทธทาสได้เขียนไว้ในหนังสือของท่านคำหนึ่งว่า ถ้าจะให้ท่านสร้างพระนั้นท่านทำไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ท่านสร้างหนังสือ สร้างตัวหนังสือแล้ว ท่านเลือกที่จะสร้างตัวหนังสือดีกว่า เพราะมันให้ปัญญาคน และพระนั้นมีมากแล้ว นั่นคือหนังสือของท่านพุทธทาส เพราะฉะนั้นผมคิดว่าการให้ปัญญากับเยาวชนของชาติและให้ปัญญากับสังคมของไทยเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราในวันนี้ที่หลายคนอุตส่าห์ไปเรียนรู้มา ทั้งในประเทศบ้าง ต่างประเทศบ้าง ขอให้ความรู้ที่ยังเหลืออยู่ในตัวเราวันนี้ทิ้งไว้ให้กับสังคม ถ่ายทอดออกมาให้กับสังคม จะมากจะน้อยไม่เป็นไร ถ่ายทอดออกมาให้เต็มที่ แล้วเราก็พัฒนาตัวเราต่อไป และระหว่างที่เรากำลังพัฒนาตัวเองอยู่นั้นก็จะได้ถ่ายทอดต่อ อย่าลืมว่าวันนี้คนที่จบปริญญาตรีมาแล้วไม่ได้เรียนหนังสือต่อเลยทั้งชีวิตนั้น ผมเชื่อว่าท่านเหลืออยู่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ 10 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังเป็นประโยชน์ ขอให้คายออกมาให้สังคม แล้วถ้าท่านเอาฐาน 10 เปอร์เซ็นต์ ของท่านไปพัฒนาต่อ ท่านอาจจะขึ้นมาเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ แล้วถ้าท่านมีโอกาสได้คาย ทั้ง 50 เปอร์เซ็นต์ ให้กับสังคม ก็ควรจะภูมิใจได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เราต้องมาช่วยกัน แต่อย่าใช้ความรู้สึกของตัวเองคายให้กับสังคม อย่าเขียนหนังสือบนความรู้สึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือทางด้านสังคมศาสตร์ต่างๆ หลายคนได้เอาความเป็นดอกเตอร์ของตัวเองมาพูด แต่ที่พูดนั้นไม่ได้พูดแบบเอาความรู้ของดอกเตอร์มาใช้ เอาอารมณ์ของตัวเองที่มีวุฒิดอกเตอร์มาพูด แล้วให้คนมองว่าพูดแบบดอกเตอร์พูด สังคมก็เลยเข้าใจผิดคิดว่านี่คือดอกเตอร์พูด ที่จริงแล้วเป็นอารมณ์ของคนพูดที่ทิ้งดอกเตอร์ไปไว้ไหนก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น วันนี้ถ้าหากเราช่วยกันนำความรู้ที่มีอยู่ มาช่วยกันคิดและถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมา แล้วก็ไปช่วยกันหาหนังสือ ช่วยกันวางระบบของห้องสมุด วางไว้ที่โรงเรียน ที่ชุมชนหรือที่ไหนก็ตาม คนละไม้คนละมือ ส่วนรัฐบาลนั้นก็พร้อมที่จะสนับสนุนในทุกมิติเพื่อให้เกิดการส่งเสริมความรู้ในการเรียนรู้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบ แต่ห้องสมุดนั้นถ้าท่านเห็นในประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีห้องสมุดใหม่ 60,000 ตารางเมตร และก็มีทูตส่งไปเชิญคนมาใช้ห้องสมุด มาเรียนรู้ เพราะเขาต้องการเห็นคนเรียนรู้

หนังสือทุกเล่มมีคุณค่า แต่อ่านแล้วอย่าเชื่อทั้งหมด พระพุทธเจ้าทรงพูดถึง การามสูตร อย่าไปเชื่อเพราะปราชญ์พูด อย่าไปเชื่อเพราะคนนั้นคนนี้พูด แต่ต้องเชื่อจากการเรียนรู้ ถ้าเราไปหลงเชื่อตามเขาง่ายๆ เราก็จะไม่รู้จริง ถ้าอยากจะรู้จริงก็ต้องอ่านหนังสือหลายๆเล่ม หลายเล่มเป็นเรื่องดี แต่หนังสือทุกเล่มมีความดีของตัวเองอยู่ แต่ว่าต้องอ่านมากๆ แล้วเราจะรู้ และต้องคอยตรวจสอบ แม้กระทั่งสิ่งที่เราเรียนซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นศาสตร์ที่ถูกต้อง เมื่อวิวัฒนาการเปลี่ยนไปสิ่งที่เคยถูกต้องในอดีตก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถูกต้องในอนาคต ถ้าท่านเห็นคนที่ดีรับรางวัลโนเบล ไพรซ์ สาขาเศรษฐศาสตร์ในปีที่ผ่านมา ก็จะชัดเจนว่ารางวัลโนเบล ไพรซ์ ได้ถูกจัดแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งมอบให้กับนักเศรษฐศาสตร์ อีกส่วนหนึ่งมอบให้กับนักจิตวิทยา เพราะนักจิตวิทยานั้นได้นำเอาระบบ experimental design เข้าไปใส่แล้วทำการวิจัย พบว่าการตัดสินใจในเชิงอุปสงค์ อุปทาน นั้นไม่สมเหตุสมผล แต่นักเศรษฐศาสตร์บอกว่าการตัดสินใจบนพื้นฐานเพื่ออุปสงค์ อุปทาน นั้นเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุ สมผล เห็นไหม เมื่อเหตุการณ์ต่างๆเปลี่ยนไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ถ้าท่านอ่านหนังสือเก่าๆ เล่มหนึ่งของ บิล เกตต์ เรื่อง THE ROAD AHEAD เขาก็พูดบอกว่าถนนที่ลากจากอดีตมาถึงปัจจุบันนั้น อยู่คนละระนาบกับถนนที่ลากจากปัจจุบันไปสู่อนาคต แต่ถ้าเป็นทฤษฎีสมัยเก่าแล้วเราก็จะลากเส้นจากอดีตมาถึงปัจจุบันแล้วก็ทำนายอนาคต ซึ่งทำนายผิดหมด เพราะส่วนประกอบของการเป็นอนาคตจากปัจจุบันนั้น กับส่วนประกอบที่เป็นปัจจุบันจากอดีตนั้น เป็นคนละส่วนประกอบ เพราะโลกได้เปลี่ยนไปอย่างแรง เพราะฉะนั้นการอ่านหนังสือจึงเป็นการอ่านที่ต้องอ่านมากๆแล้วเปรียบเทียบ อย่าท่องจำ อ่านแล้วทำความเข้าใจ เข้าใจหลักคิด เข้าใจวิธีคิด เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่ในวันนี้ต้องอ่าน อ่านแล้วถ่ายทอด แล้วต้องถ่ายทอดอย่างมีความสนุก เล่าให้ฟังอย่างมีความรู้ เล่าให้ฟังอย่างสนุกแล้วเด็กจึงจะเกิดความสนุก ความสนุกที่สร้างสรรค์นั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากเลย แต่สำคัญว่าท่านทั้งหลายต้องเอาจิตวิญญาณใส่กับมันให้ได้ ถ้าท่านไม่มีจิตวิญญาณที่จะไปอ่านหนังสือ ไม่ชอบอ่าน ก็ไม่มีทาง ต้องทนฝืน ถ้ายังไม่ชอบในตอนแรกก็อ่านอะไรก็ได้ที่ท่านคิดว่าจะชอบ แล้วจากนั้นก็ค่อยอ่านในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบแต่อยากรู้ แล้วต่อมาตอนหลังท่านก็จะชอบเอง ผมเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านนิยาย จะให้ผมนั่งดูละครกับลูกผมนั่งดูได้ แต่จะให้ผมอ่านหนังสือนิยายแล้วผมไม่เคยอ่าน ถ้าจะอ่านก็อ่านพวกนิยายวิทยาศาสตร์นิดหน่อย แต่ก็ไม่มาก แต่จะชอบอ่านพวกที่เป็นตำรา หรือกึ่งไปทางตำรา พวกผลการวิจัยต่างๆ ผมชอบและอ่านได้สนุก เพราะฉะนั้นคนที่อ่านพวกนี้ไม่สนุกก็ต้องไปอ่านพวกนิยาย

วันนี้ที่ท่านได้มารวมกันเพื่อที่จะสร้างสถาบันพัฒนาความรู้ของชาติ ผมก็ขอขอบคุณ เพราะอย่างน้อยๆ จุดเริ่มต้นก็เกิดแล้ว เป็นวันเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์ของอนาคตลูกหลานเราที่ดี และผมพร้อมที่จะสนับสนุนในทุกๆด้าน เราเสียเงินในเรื่องโง่ๆ ไปมากแล้ว ถ้าเราจะเสียเงินในเรื่องที่จะสร้างความฉลาดให้กับสังคมบ้าง ผมว่าคุ้ม เราอุตส่าห์ทำอะไรโง่ๆ มากแล้ว ขุดคลองโง่ๆก็ทำมาแล้ว วันนี้เรามาทำเรื่องฉลาดๆ บ้าง จะเสียเงินบ้างก็ไม่ต้องกลัวคนว่า แล้วผมพร้อมที่จะปะทะ ใครจะว่าก็ว่าถ้าผมจะสร้างปัญญาให้กับสังคม เพราะฉะนั้น วันนี้ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายคิดว่ามีอะไรที่เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาดีๆให้มองทั้งระบบ แต่อย่าทิ้งอย่าขว้าง เรายังไม่ร่ำรวย เราต้องประหยัด สร้างแล้วต้องมีคนใช้ตลอดเวลา สมมติว่าสร้างถนนขึ้นมาถนนหนึ่งแล้วไม่มีใครใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่ถ้าสร้างถนนขึ้นมาแล้วมีรถมาใช้มาก สามารถระบายการจราจรได้ ทำให้เศรษฐกิจดี อย่างนั้นภูมิใจได้ เหมือนกันกับห้องสมุดที่ท่านจะสร้าง ท่านต้องสร้างแล้วให้คนมาใช้ให้ได้ ถ้าท่านจะสร้างห้องสมุดแบบใหม่มีระบบ e-Library e-Book หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะสามารถทำให้เด็กไทย รวมถึงผู้ใหญ่ไทยในปัจจุบันได้เข้าไปสู่การเรียนรู้ และรักการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้นั้น ท่านสร้างมาเลย บรรยากาศจะมีอะไรบ้าง จะมีระบบอะไรบ้าง ทันสมัยขนาดไหน ถ้าท่านทำอย่างนั้นจะต้องใช้เงินเท่าไร ผมยินดีสนับสนุน ขอให้บอกผมมาเลย วันนี้มีเรื่องให้ทำมากมาย ถ้าเมื่อไรมีเจ้าภาพและเป็นเจ้าภาพที่ทุ่มเทใจให้กับงานนั้นผมจะขอบคุณมาก แล้วผมพร้อมที่จะสนับสนุน

วันนี้ผมก็ต้องขอขอบคุณกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ขอขอบคุณทุกท่าน รวมทั้งภาคเอกชนด้วย อันนี้เป็นความรู้สึกในใจลึกๆจริงๆ บางทีผมเห็นเยาวชนนั่งดูหนังสือ เข้าห้องสมุดอ่านหนังสือแล้วผมมีความสุข ผมชอบ ผมอยากเห็น เวลาลูกผมเข้าอินเตอร์เน็ตไปดูหนังสือต่างๆ ผมเข้าไปให้กำลังใจเขา เพราะผมมีความรู้สึกว่ายังมีเรื่องให้เราได้เรียนรู้ตลอดไป ตราบใดที่เรายังคิดว่าเรายังต้องอยู่ในองค์กร อยู่ในประเทศ ก็จะต้องตื่นตัวและเรียนรู้ตลอด แต่ถ้าเมื่อไรไม่เรียน ปัญญาจมอยู่กับเรื่องว่ากันไปว่ากันมาแล้ว ผมว่าประเทศไปไม่รอด เพราะฉะนั้นผมขอให้ท่านทั้งหลายสร้างมิติใหม่ ขอขอบคุณ หวังว่าการสัมมนาในวันนี้คงจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง ขอบคุณครับ



----------------------
...
  
ปาฐกถาของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ปาฐกถาของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

เรื่อง “แนวคิดเรื่องสถาบันพัฒนาความรู้แห่งชาติ”

ในโอกาสเป็นประธานการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง

“มิติใหม่ : ระบบหนังสือสาธารณะ”

ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ

วันพุธที่ 19 มีนาคม 2546 เวลา 09.00 น



-------------------





รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ท่านปลัดกระทรวง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และท่านผู้มีเกียรติที่เคารพรักทุกท่าน

วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของประเทศที่เรามารวมกันที่นี่ เพื่อที่จะระดมความรู้และประสบการณ์เพื่อที่จะมาสร้างสถาบันพัฒนาความรู้แห่งชาติ และจะมาสร้างมิติใหม่แห่งการพัฒนาการอ่าน การรักการอ่าน การเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ให้แก่เยาวชนของเรา ในขณะที่ช่วง 3 เดือนนี้ เป็นช่วง 3 เดือนแห่งการประกาศสงครามกับยาเสพติด ซึ่งทำลายอนาคตและทำลายสมองเยาวชนของชาติ และในห้องนี้เรากำลังทำอีกมิติหนึ่งเพื่อที่จะสร้างเยาวชนของชาติที่ไม่ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดทั้งหลายให้อยู่ในสังคมนี้อย่างมีความสุข อยู่อย่างมีความรู้เพื่อเตรียมตัวเองให้เข้าสู่สังคมฐานความรู้ วันนี้ประเทศไทยมีจุดด้อยหลายเรื่องที่เราต้องแก้ แต่ที่แก้ไม่ได้ก็อาจจะเป็นเพราะว่าการเมืองไม่มีความต่อเนื่อง หรือการเมืองที่คิดถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป ( NEXT ELECTION ) มากกว่าคนรุ่นต่อไป ( NEXT GENERATION ) เพราะฉะนั้น วันนี้โอกาสที่การเมืองจะนึกถึง NEXT GENERATION โอกาสที่พวกเรากำลังถูกภัยที่ใกล้ตัวเข้ามาจี้ว่าสังคมไทยกำลังอันตราย เรากำลังจะเข้าสู่สังคมฐานความรู้ที่มีความรู้ในลักษณะท่องจำ ความรู้ในลักษณะที่บูรณาการไม่เป็น ความรู้สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะเรียนรู้ตลอดชีวิต ความรู้ที่คิดว่าเรียนจบปริญญาได้ใบประกาศนียบัตรมา 1 ใบ ตรี โท หรือเอกก็แล้วแต่ เป็นสิ่งที่การันตีชีวิตทั้งชีวิตแล้ว ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดและใช้ไม่ได้อีกแล้วในโลกยุคใหม่ โลกยุคใหม่เราต้องการคนซึ่งจบหรือไม่จบอะไรก็ได้ แต่ชีวิตต้องรักการเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองได้ตลอดชีวิต นั่นคือสิ่งที่สำคัญ คนที่จบแล้วไม่เรียน กับคนที่ไม่จบแล้วเรียนไม่เลิก ผมยังเลือกคนที่ไม่จบแต่เรียนตลอดชีวิตมากกว่า คนที่จบแล้วไม่เรียนต่อแล้วสำคัญตัวผิดคิดว่าตัวเองรู้มากแล้ว และไปครอบงำความคิดของคนอื่นนั้นอันตรายยิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น ซึ่งผมอยากจะเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่สร้างบรรยากาศแห่งการใฝ่รู้ใฝ่เรียนให้กับคนไทยทั้งชาติ

เรื่องอินเตอร์เน็ตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทำไมอินเตอร์เน็ตจึงมีปัญหากับเยาวชนไทยในระดับที่สูงกว่าระดับของเยาวชนในต่างประเทศ ก็เพราะเราสอนเยาวชนของเราไม่ให้ใฝ่เรียนรู้ บังคับให้เขาท่องจำ เขาจึงไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่รักการอ่าน อินเตอร์เน็ตเป็นสังคมที่ต้องรักการอ่านจึงจะเกิดประโยชน์ ถ้าสังคมไม่รักการอ่าน สังคมรักความสนุก ซึ่งคงไม่มีใครห้ามไม่ให้สิ่งที่ไม่ดีมาอยู่ในอินเตอร์เน็ตได้ทั้งหมด แต่แน่นอนว่าตัวเลือกของคนอยู่ที่วัฒนธรรมที่คนเหล่านั้นสั่งสมมา แต่ถูกสั่งสมวัฒนธรรมที่ผิดก็จะไปสู่สิ่งที่ผิด นี่คือสิ่งที่ผู้ใหญ่ในวันนี้ต้องตระหนักและเสียสละ ต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเอง ต้องปรับตัวเราเองให้เป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนจึงจะถ่ายทอดความใฝ่รู้ใฝ่เรียนนี้ไปให้เด็กได้ แต่ถ้าผู้ใหญ่ไม่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนเสียเองแล้วอย่าหวังว่าจะถ่ายทอดความใฝ่รู้ใฝ่เรียนให้กับเด็กได้ เด็กวันนี้ฉลาดมาก คำพูดของผู้ใหญ่ทุกคำเด็กนำไปวิเคราะห์ แต่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่มาจากใจของผู้ใหญ่ เด็กรู้ว่าใจของผู้ใหญ่คิดอย่างไร เพราะฉะนั้นการที่จะไปแนะนำเด็กในวันนี้นั้น ผู้ใหญ่จะต้องปรับตัวเองก่อน ต้องทุ่มเทหัวใจก่อนว่าวันนี้เราพร้อมหรือยังที่จะใฝ่เรียน ไม่มีอะไรที่จะสายเกินเรียน วันก่อนผมเห็นคนอายุ 60 กว่าปีไปเรียนอินเตอร์เน็ต ผมชื่นชมมากเพราะว่าในอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นห้องสมุดโลก มีอะไรอีกมากมายที่เราสามารถเข้าไปท่องและเรียนรู้และสนุกกับมัน ถ้าเมื่อไรที่เด็กอ่านหนังสือในลักษณะที่ไม่เห็นความสนุกของตัวหนังสือก็จบ แต่การที่จะให้เด็กสนุกกับการอ่านหนังสือ ตื่นเต้นกับเรื่องใหม่ๆนั้น เป็นสิ่งที่ต้องสร้างตั้งแต่โรงเรียน เพราะฉะนั้นก็ต้องย้อนกลับไปที่ระบบการศึกษาของไทย เด็กต้องท่องจำ ครูไม่สามารถที่จะสอนให้เด็กรู้ในห้องเรียนได้ เพราะขยักไว้สอนพิเศษบ้าง หรือว่าหลักสูตรเป็นหลักสูตรท่องจำบ้าง ซึ่งวันนี้เราได้ปฏิรูประบบการศึกษาแล้ว เราก็กำลังเปลี่ยน เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนตรงจุดนี้ต้องให้ความสนใจและต้องเปลี่ยนตลอดไป

ก่อนที่ผมจะมาพูดเรื่องห้องสมุด ห้องสมุดนั้นเป็นสิ่งที่ถ้าคนไม่รักการอ่าน มีห้องสมุดเท่าไรก็ไม่อ่าน เป็นเหมือนไก่กับไข่ มีห้องสมุดก่อนจึงจะรักการอ่าน หรือรักการอ่านก่อนแล้วจึงมีห้องสมุด ไม่ต้องเถียงกัน เพราะถ้าเถียงกันเมื่อไรก็ไม่จบ ในที่นี้ไม่มีใครตอบผมได้ว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ต้องไม่เถียงกัน ไก่มีหน้าที่ฟักไข่ก็ฟักต่อไปเรื่อยๆ ไข่มีหน้าที่เปลี่ยนเป็นไก่ก็เปลี่ยนเป็นไก่ มันก็จะมีทั้งไก่และไข่ตลอดไป นั่นก็คือเราจะต้องพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กให้เด็กเป็นคนรักการอ่าน ปรับปรุงหลักสูตรเพื่อให้หลักสูตรนั้นเป็นหลักสูตรที่เกิดความเข้าใจมากกว่าเกิดการท่องจำ แล้วต้องให้เด็กใช้เวลามากเกินความจำเป็นของชีวิตเด็ก เด็กต้องตื่นไปโรงเรียนตั้งแต่ตีห้าเพราะรถติด ไปถึงโรงเรียนเรียนหนังสือก็ง่วงนอน ครูก็สอนได้ไม่เต็มที่เพราะตอนเย็นต้องสอนพิเศษต่อ พอถึงเวลาก็ท่องๆแล้วก็ไปสอบ เรื่องอย่างนี้ถ้าไม่เลิกหรือเลิกไม่ได้แล้ว สิ่งที่เราฝันกันในวันนี้ที่จะทำห้องสมุดก็จะไม่เป็นจริง เราก็จะมีห้องสมุดที่ไม่มีคนอ่าน จะมีห้องสมุดที่เท่ๆ พอมีหนังสือก็ใส่เข้าไป เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องสร้างไปพร้อมๆกัน และที่แน่นอนห้องสมุดในวันนี้ต้องเริ่มต้นที่ผู้ใหญ่ต้องใช้ ผู้ใหญ่วันนี้ต้องพร้อมปรับตัวที่จะใช้ห้องสมุด

ตอนที่ผมเรียนหนังสืออยู่นั้น ทุนของ ก.พ. ที่ให้ไปก็น้อย แต่ผมต้องเก็บเงินถ่ายเอกสารเพราะว่าในวันนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ต อ่านก็ไม่ทันเพราะตื่นเต้น ตอนอยู่ประเทศไทยไม่ค่อยมีหนังสือให้อ่านขนาดนั้น ไปเห็นห้องสมุดของเขาเจอหนังสืออะไรก็น่าอ่าน จนอ่านไม่ทัน อ่านอยู่ในห้องสมุดพอถึงเวลาเขาก็ปิดแล้ว ก็ต้องถ่ายกลับไปอ่านที่หอพัก ตลอดชีวิตที่ผมเรียนมานั้น ผมถูกเรียนให้เข้าใจในห้องเรียนมากกว่าถูกเรียนเพราะต้องท่องจำ ผมเป็นคนที่ท่องหนังสือตอนสอบน้อยที่สุด แต่ระหว่างเรียนนั้นผมเข้าใจแล้วก็ทำการบ้านให้เพื่อนลอก ผมยังมั่นใจว่าการเรียนรู้ที่เข้าใจในห้องเรียนนั้นเป็นหัวใจสำคัญ และเมื่อเข้าใจแล้วก็อยากที่เข้าใจเพิ่มขึ้นอีก อันนี้ต้องสร้างหลักสูตรตั้งแต่ในวัยเด็ก ต้องปรับปรุงหลักสูตรในวัยเด็กให้ได้ ถ้าเราไม่ปรับปรุงแล้วเรายังคิดว่าจะต้องเรียนซ้ำซาก เรียนมากๆ ผมว่าผิด ใส่เข้าไปมากๆแล้วล้น ก็รับไม่ได้ ใส่ไปน้อยๆแต่รับได้ดีกว่า ใส่อะไรที่เป็นหลักคิดที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชน ท่านพุทธทาสได้พูดเอาไว้ว่าความรู้ทั้งโลกนั้นเปรียบเสมือนจำนวนใบไม้ที่มีอยู่ทั้งป่า นับเท่าไรก็ไม่ถ้วน มีจำนวนมาก แต่ความรู้ที่ใช้เป็นหลักในการดำรงชีวิตนั้นเปรียบเทียบได้กับจำนวนใบไม้เพียงกำมือเดียวเท่านั้น หลักมีแค่นั้น ถ้าเราไม่สอนหลักแล้วพยายามเอาใบไม้ทั้งป่ามาให้เด็กนับ ผลสุดท้ายเมื่อเด็กนับแล้วก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ถ้าสอนให้เด็กรู้ว่านี่เป็นไม้ประเภทไหน เป็นป่าประเภทไหน เมื่อเด็กรู้หลักแล้ว เด็กก็สามารถที่จะนำไปใช้ต่อไปได้ นี่คือสิ่งที่จะต้องขอย้อน

พูดไปถึงเรื่องของการสร้างเด็กรุ่นใหม่ ต้องทำคู่ขนานเหมือนไก่กับไข่ เราต้องให้ไข่ฟักเป็นไก่เราต้องให้ไก่ออกไข่ต่อไป แล้วมันจะไปคู่กัน และในที่สุดก็จะมีทั้งไก่และไข่ตลอดไป นั่นคือระบบส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การพัฒนาความรู้ที่ต้องให้มีการเรียนรู้ ต้องมีข้อมูลก็ต้องทำไป แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็ต้องสร้างเด็กให้ไปเจอกันให้ได้ ต้องทำไปพร้อม ๆ กัน ถ้าเราไม่ทำไปพร้อม ๆ กัน เราทำข้างใดข้างหนึ่ง หรือรอกัน ไม่ได้ แต่ระหว่างวันนี้ที่รอเด็กพัฒนาผู้ใหญ่ต้องใช้ห้องสมุด อย่าไปแปลกใจอะไรเลยถ้าสมมติว่ามีอธิบดีคนหนึ่งไปเข้าห้องสมุด แล้วไปนั่งอ่านหนังสือ ถ้าผมเห็นอย่างนั้นแล้วผมก็จะคิดว่ากระบวนการอยากเรียน อยากรู้ อยากพัฒนาตัวเองเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย หลายคนไม่อ่าน อ่านแต่หนังสือพิมพ์ แค่นั้นไม่พอ บทความไม่อ่าน มีผลการวิจัยต่างๆออกมาที่เกี่ยวข้องกับเรา เราจะได้รู้ว่าวันนี้ไปถึงไหนแล้ว เพราะพอมีคนทำวิจัยต่อเนื่องต่างๆเราจะได้รู้ นี่คือสิ่งที่ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นตัวอย่าง แล้วจึงจะสื่อกับเด็กด้วยภาษาใจได้ ถ้าสื่อกับเด็กโดยไม่มีภาษาใจ สื่อเพราะสั่งแล้วไม่มีทาง ต้องสื่อด้วยภาษาใจซึ่งผู้ใหญ่ต้องเริ่มปฏิบัติก่อน

วันนี้ผมดีใจกับเรื่องห้องสมุดของผม ผมอยากเห็นห้องสมุดชั้นดีที่ทุกคนอยากจะไป ผมบอกว่าเงินมี ให้ใครมาช่วยทำที ผมบอกมาเกือบสองปีแล้วไม่มีคนรับเลย นี่คืออีกหนึ่งธรรมชาติของสังคมไทย คือมีคนชอบฟังแต่ไม่มีคนชอบนำไปปฏิบัติ ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีคนที่จะอาสาเป็นเจ้าภาพ มีเรื่องอีกมากในประเทศไทยแต่ยังขาดเจ้าภาพ วันนี้ถ้ามีใครอาสา ถ้าเราขี้เกรงใจกันว่าจะเป็นเรื่องของหน่วยนั้นหน่วยนี้หรือเปล่า เดี๋ยวจะหาว่าเรายุ่งเกินไปหรือเปล่า ขอย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลนี้ต้องการเห็นเส้นแบ่งความเป็นเจ้าภาพอย่างชัดเจน แต่เส้นแบ่งอำนาจบังคับบัญชา เส้นแบ่งขององค์กรนั้นไม่จำเป็นต้องเข้ม กรณีที่มีการสร้างองค์กรที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความมีระเบียบ องค์กรนั้นจะต้องยอมรับระบบการรายงานไขว้ แต่ความรับผิดชอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งต้องมีเจ้าภาพที่ชัดเจน สังคมไทยเป็นสังคมที่ตรงกันข้าม คือ ความเป็นเจ้าภาพไม่ชัดเจน การแบ่งอำนาจการบังคับบัญชาเข้มมาก พื้นที่ของข้าใครอย่ายุ่ง แต่ว่าเรื่องนี้ถามว่าใครรับผิดชอบ เดินหาทั่วกระทรวงไม่เจอซักคน แม้แต่ปลัดกระทรวงยังไม่ใช่เจ้าภาพเลย แล้วจะเอาใครเป็นเจ้าภาพ ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยน เจ้าภาพต้องชัดเจน

วันนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับเป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม เท่าที่ผมดูคร่าวๆ นั้นเหมือนกับเราจะมีห้องสมุดหลายระดับ ห้องสมุดระดับหมู่บ้าน ห้องสมุดระดับโรงเรียน ห้องสมุดระดับอำเภอ ห้องสมุดระดับภูมิภาค ห้องสมุด กทม. ห้องสมุดระดับชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงวัฒนธรรมกับกระทรวงศึกษาฯ หรือหน่วยงานอื่นที่จะสร้างห้องสมุด ไม่ได้เป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่กระทรวงวัฒนธรรมนั้นดูแลหอสมุดแห่งชาติแน่นอน กระทรวงเทคโนโลยีฯก็จะใช้ระบบห้องสมุดที่มีการเชื่อมโยงกันได้ มี e-Library e-Book เพื่อที่จะได้ให้คนที่นั่งอยู่ในห้องสมุดเล็กๆแห่งหนึ่ง สามารถที่จะได้อ่านหนังสือจากห้องสมุดใหญ่ๆผ่านอินเตอร์เน็ตได้ และถ้าผมเข้าใจไม่ผิดก็คืออยากทำอย่างนั้น วันนี้ประเทศไทยต้องเรียนลัดไม่มีเวลามานั่งเพาะเมล็ดทีละเมล็ด ต้องขุดต้นไม้ใหญ่ๆจากป่ามา เก็บรากให้ดี ย้ายมาปลูกกลางเมืองก็ต้องทำ ไม่มีเวลาแล้ว เพราะโลกไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เราช้ากว่าเขามากๆแล้ว วันนี้ต้องเรียนลัดและเรียนเร็ว วันนี้เรามีประชากร 63 ล้านคน เราต้องใช้ความเร็วในการแข่งขัน ความเร็วในวันนี้ คนเป็นสิ่งสำคัญ มีรัฐมนตรีหลายคนจะตั้งคนเข้าไปทำงานก็มาถามผมว่ามีใครไหม ช่วยเสนอหน่อย เขานึกไม่ออก หายากมาก วันนี้หาคนที่เราคิดว่ามีความไว้วางใจและความเชื่อมั่นได้ยากมาก วันนี้หลายองค์กรยังมีตำแหน่งว่างอยู่ ไม่รู้จะตั้งใคร นี่คือปัญหา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผมชอบนะ ผมทุกข์มาก เพราะฉะนั้นวันนี้ผมต้องการคนที่กล้าอาสา ผู้ใหญ่วันนี้ต้องเลิกเกรงใจ ต้องกล้าเป็นเจ้าภาพ ผิดถูกไม่เป็นไร ไม่มีคนที่ทำงานแล้วไม่มีผิด อยากถูกตลอดไปก็ไม่ต้องทำอะไรเลย คือไม่มีโอกาสผิดนั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้าคนทำงานแล้วอย่าไปกลัวผิด สำคัญว่าเราต้องมีหัวใจให้ชาติ มีหัวใจให้สังคมส่วนรวม ไม่ต้องไปกลัวอะไร แล้วงานราชการ งานสาธารณะนั้นให้เข้าใจว่ามันเป็นงานที่ไม่มีคำว่าขอบคุณหรอก ให้ใจเรามันบอกกับเราดีกว่าว่าได้ทำงานให้กับชาติบ้านเมืองแล้วอย่างเต็มที่ ขอให้หน่วยงาน ขอให้ประชาชนทุกคน ข้าราชการทุกคน ที่เกี่ยวข้องมาช่วยกัน

มีคำที่ท่านพุทธทาสได้เขียนไว้ในหนังสือของท่านคำหนึ่งว่า ถ้าจะให้ท่านสร้างพระนั้นท่านทำไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ท่านสร้างหนังสือ สร้างตัวหนังสือแล้ว ท่านเลือกที่จะสร้างตัวหนังสือดีกว่า เพราะมันให้ปัญญาคน และพระนั้นมีมากแล้ว นั่นคือหนังสือของท่านพุทธทาส เพราะฉะนั้นผมคิดว่าการให้ปัญญากับเยาวชนของชาติและให้ปัญญากับสังคมของไทยเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราในวันนี้ที่หลายคนอุตส่าห์ไปเรียนรู้มา ทั้งในประเทศบ้าง ต่างประเทศบ้าง ขอให้ความรู้ที่ยังเหลืออยู่ในตัวเราวันนี้ทิ้งไว้ให้กับสังคม ถ่ายทอดออกมาให้กับสังคม จะมากจะน้อยไม่เป็นไร ถ่ายทอดออกมาให้เต็มที่ แล้วเราก็พัฒนาตัวเราต่อไป และระหว่างที่เรากำลังพัฒนาตัวเองอยู่นั้นก็จะได้ถ่ายทอดต่อ อย่าลืมว่าวันนี้คนที่จบปริญญาตรีมาแล้วไม่ได้เรียนหนังสือต่อเลยทั้งชีวิตนั้น ผมเชื่อว่าท่านเหลืออยู่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ 10 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังเป็นประโยชน์ ขอให้คายออกมาให้สังคม แล้วถ้าท่านเอาฐาน 10 เปอร์เซ็นต์ ของท่านไปพัฒนาต่อ ท่านอาจจะขึ้นมาเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ แล้วถ้าท่านมีโอกาสได้คาย ทั้ง 50 เปอร์เซ็นต์ ให้กับสังคม ก็ควรจะภูมิใจได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เราต้องมาช่วยกัน แต่อย่าใช้ความรู้สึกของตัวเองคายให้กับสังคม อย่าเขียนหนังสือบนความรู้สึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่เรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือทางด้านสังคมศาสตร์ต่างๆ หลายคนได้เอาความเป็นดอกเตอร์ของตัวเองมาพูด แต่ที่พูดนั้นไม่ได้พูดแบบเอาความรู้ของดอกเตอร์มาใช้ เอาอารมณ์ของตัวเองที่มีวุฒิดอกเตอร์มาพูด แล้วให้คนมองว่าพูดแบบดอกเตอร์พูด สังคมก็เลยเข้าใจผิดคิดว่านี่คือดอกเตอร์พูด ที่จริงแล้วเป็นอารมณ์ของคนพูดที่ทิ้งดอกเตอร์ไปไว้ไหนก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น วันนี้ถ้าหากเราช่วยกันนำความรู้ที่มีอยู่ มาช่วยกันคิดและถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมา แล้วก็ไปช่วยกันหาหนังสือ ช่วยกันวางระบบของห้องสมุด วางไว้ที่โรงเรียน ที่ชุมชนหรือที่ไหนก็ตาม คนละไม้คนละมือ ส่วนรัฐบาลนั้นก็พร้อมที่จะสนับสนุนในทุกมิติเพื่อให้เกิดการส่งเสริมความรู้ในการเรียนรู้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบ แต่ห้องสมุดนั้นถ้าท่านเห็นในประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีห้องสมุดใหม่ 60,000 ตารางเมตร และก็มีทูตส่งไปเชิญคนมาใช้ห้องสมุด มาเรียนรู้ เพราะเขาต้องการเห็นคนเรียนรู้

หนังสือทุกเล่มมีคุณค่า แต่อ่านแล้วอย่าเชื่อทั้งหมด พระพุทธเจ้าทรงพูดถึง การามสูตร อย่าไปเชื่อเพราะปราชญ์พูด อย่าไปเชื่อเพราะคนนั้นคนนี้พูด แต่ต้องเชื่อจากการเรียนรู้ ถ้าเราไปหลงเชื่อตามเขาง่ายๆ เราก็จะไม่รู้จริง ถ้าอยากจะรู้จริงก็ต้องอ่านหนังสือหลายๆเล่ม หลายเล่มเป็นเรื่องดี แต่หนังสือทุกเล่มมีความดีของตัวเองอยู่ แต่ว่าต้องอ่านมากๆ แล้วเราจะรู้ และต้องคอยตรวจสอบ แม้กระทั่งสิ่งที่เราเรียนซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นศาสตร์ที่ถูกต้อง เมื่อวิวัฒนาการเปลี่ยนไปสิ่งที่เคยถูกต้องในอดีตก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถูกต้องในอนาคต ถ้าท่านเห็นคนที่ดีรับรางวัลโนเบล ไพรซ์ สาขาเศรษฐศาสตร์ในปีที่ผ่านมา ก็จะชัดเจนว่ารางวัลโนเบล ไพรซ์ ได้ถูกจัดแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งมอบให้กับนักเศรษฐศาสตร์ อีกส่วนหนึ่งมอบให้กับนักจิตวิทยา เพราะนักจิตวิทยานั้นได้นำเอาระบบ experimental design เข้าไปใส่แล้วทำการวิจัย พบว่าการตัดสินใจในเชิงอุปสงค์ อุปทาน นั้นไม่สมเหตุสมผล แต่นักเศรษฐศาสตร์บอกว่าการตัดสินใจบนพื้นฐานเพื่ออุปสงค์ อุปทาน นั้นเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุ สมผล เห็นไหม เมื่อเหตุการณ์ต่างๆเปลี่ยนไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ถ้าท่านอ่านหนังสือเก่าๆ เล่มหนึ่งของ บิล เกตต์ เรื่อง THE ROAD AHEAD เขาก็พูดบอกว่าถนนที่ลากจากอดีตมาถึงปัจจุบันนั้น อยู่คนละระนาบกับถนนที่ลากจากปัจจุบันไปสู่อนาคต แต่ถ้าเป็นทฤษฎีสมัยเก่าแล้วเราก็จะลากเส้นจากอดีตมาถึงปัจจุบันแล้วก็ทำนายอนาคต ซึ่งทำนายผิดหมด เพราะส่วนประกอบของการเป็นอนาคตจากปัจจุบันนั้น กับส่วนประกอบที่เป็นปัจจุบันจากอดีตนั้น เป็นคนละส่วนประกอบ เพราะโลกได้เปลี่ยนไปอย่างแรง เพราะฉะนั้นการอ่านหนังสือจึงเป็นการอ่านที่ต้องอ่านมากๆแล้วเปรียบเทียบ อย่าท่องจำ อ่านแล้วทำความเข้าใจ เข้าใจหลักคิด เข้าใจวิธีคิด เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่ในวันนี้ต้องอ่าน อ่านแล้วถ่ายทอด แล้วต้องถ่ายทอดอย่างมีความสนุก เล่าให้ฟังอย่างมีความรู้ เล่าให้ฟังอย่างสนุกแล้วเด็กจึงจะเกิดความสนุก ความสนุกที่สร้างสรรค์นั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากเลย แต่สำคัญว่าท่านทั้งหลายต้องเอาจิตวิญญาณใส่กับมันให้ได้ ถ้าท่านไม่มีจิตวิญญาณที่จะไปอ่านหนังสือ ไม่ชอบอ่าน ก็ไม่มีทาง ต้องทนฝืน ถ้ายังไม่ชอบในตอนแรกก็อ่านอะไรก็ได้ที่ท่านคิดว่าจะชอบ แล้วจากนั้นก็ค่อยอ่านในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบแต่อยากรู้ แล้วต่อมาตอนหลังท่านก็จะชอบเอง ผมเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านนิยาย จะให้ผมนั่งดูละครกับลูกผมนั่งดูได้ แต่จะให้ผมอ่านหนังสือนิยายแล้วผมไม่เคยอ่าน ถ้าจะอ่านก็อ่านพวกนิยายวิทยาศาสตร์นิดหน่อย แต่ก็ไม่มาก แต่จะชอบอ่านพวกที่เป็นตำรา หรือกึ่งไปทางตำรา พวกผลการวิจัยต่างๆ ผมชอบและอ่านได้สนุก เพราะฉะนั้นคนที่อ่านพวกนี้ไม่สนุกก็ต้องไปอ่านพวกนิยาย

วันนี้ที่ท่านได้มารวมกันเพื่อที่จะสร้างสถาบันพัฒนาความรู้ของชาติ ผมก็ขอขอบคุณ เพราะอย่างน้อยๆ จุดเริ่มต้นก็เกิดแล้ว เป็นวันเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์ของอนาคตลูกหลานเราที่ดี และผมพร้อมที่จะสนับสนุนในทุกๆด้าน เราเสียเงินในเรื่องโง่ๆ ไปมากแล้ว ถ้าเราจะเสียเงินในเรื่องที่จะสร้างความฉลาดให้กับสังคมบ้าง ผมว่าคุ้ม เราอุตส่าห์ทำอะไรโง่ๆ มากแล้ว ขุดคลองโง่ๆก็ทำมาแล้ว วันนี้เรามาทำเรื่องฉลาดๆ บ้าง จะเสียเงินบ้างก็ไม่ต้องกลัวคนว่า แล้วผมพร้อมที่จะปะทะ ใครจะว่าก็ว่าถ้าผมจะสร้างปัญญาให้กับสังคม เพราะฉะนั้น วันนี้ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายคิดว่ามีอะไรที่เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาดีๆให้มองทั้งระบบ แต่อย่าทิ้งอย่าขว้าง เรายังไม่ร่ำรวย เราต้องประหยัด สร้างแล้วต้องมีคนใช้ตลอดเวลา สมมติว่าสร้างถนนขึ้นมาถนนหนึ่งแล้วไม่มีใครใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่ถ้าสร้างถนนขึ้นมาแล้วมีรถมาใช้มาก สามารถระบายการจราจรได้ ทำให้เศรษฐกิจดี อย่างนั้นภูมิใจได้ เหมือนกันกับห้องสมุดที่ท่านจะสร้าง ท่านต้องสร้างแล้วให้คนมาใช้ให้ได้ ถ้าท่านจะสร้างห้องสมุดแบบใหม่มีระบบ e-Library e-Book หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะสามารถทำให้เด็กไทย รวมถึงผู้ใหญ่ไทยในปัจจุบันได้เข้าไปสู่การเรียนรู้ และรักการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้นั้น ท่านสร้างมาเลย บรรยากาศจะมีอะไรบ้าง จะมีระบบอะไรบ้าง ทันสมัยขนาดไหน ถ้าท่านทำอย่างนั้นจะต้องใช้เงินเท่าไร ผมยินดีสนับสนุน ขอให้บอกผมมาเลย วันนี้มีเรื่องให้ทำมากมาย ถ้าเมื่อไรมีเจ้าภาพและเป็นเจ้าภาพที่ทุ่มเทใจให้กับงานนั้นผมจะขอบคุณมาก แล้วผมพร้อมที่จะสนับสนุน

วันนี้ผมก็ต้องขอขอบคุณกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ขอขอบคุณทุกท่าน รวมทั้งภาคเอกชนด้วย อันนี้เป็นความรู้สึกในใจลึกๆจริงๆ บางทีผมเห็นเยาวชนนั่งดูหนังสือ เข้าห้องสมุดอ่านหนังสือแล้วผมมีความสุข ผมชอบ ผมอยากเห็น เวลาลูกผมเข้าอินเตอร์เน็ตไปดูหนังสือต่างๆ ผมเข้าไปให้กำลังใจเขา เพราะผมมีความรู้สึกว่ายังมีเรื่องให้เราได้เรียนรู้ตลอดไป ตราบใดที่เรายังคิดว่าเรายังต้องอยู่ในองค์กร อยู่ในประเทศ ก็จะต้องตื่นตัวและเรียนรู้ตลอด แต่ถ้าเมื่อไรไม่เรียน ปัญญาจมอยู่กับเรื่องว่ากันไปว่ากันมาแล้ว ผมว่าประเทศไปไม่รอด เพราะฉะนั้นผมขอให้ท่านทั้งหลายสร้างมิติใหม่ ขอขอบคุณ หวังว่าการสัมมนาในวันนี้คงจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง ขอบคุณครับ



----------------------
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.