หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  การสร้างความเชื่อมั่นในการพูดในที่ชุมชน
  -  นักพูดผู้ยิ่งใหญ่
  -  คุณสมบัติของนักพูดที่ดี
  -  จะพูดให้ดี...ต้องมีครู...
  -  ปาก
  -  การแต่งตัวกับนักพูด
  -  ศิลปะการพูด
  -  พูดดีเป็นศรีแก่งาน
  -  พูดดี ต้องประเมิน
  -  บุคลิกภาพของนักพูด
  -  ผู้ฟังอันตราย
  -  ครบเครื่องนักพูด
  -  ยอวาที
  -  การพูดต่อที่ชุมชน
  -  การพูดกับการเป็นผู้นำ
  -  ศิลปะการพูดในงานบริการ
  -  การเปิดฉากการพูด
  -  การดำเนินเรื่องในการพูด
  -  การปิดฉากการพูด
  -  วิธีการฝึกฝนการพูด
  -  การสร้างความน่าเชื่อถือในการพูด
  -  การพูดที่ล้มเหลว
  -  จะเริ่มต้นอาชีพวิทยากรอย่างไร
  -  ความเชื่อมั่นในการพูด
  -  6 W 1 H สำหรับการพูด
  -  พูดอย่างฉลาด
  -  การพูดให้น่าเชื่อถือ
  -  จงระวังความเคยชินในการพูด
  -  ภาษากายกับการพูด
  -  ศิลปะการพูด
  -  ข้อแนะนำสำหรับวิทยากรมือใหม่
  -  พูดโทรศัพท์อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
  -  การสร้างความมั่นใจและลดความประหม่าในการพูด
  -  การใช้สื่อต่างๆประกอบการพูด
  -  การออกเสียงและการพัฒนาพลังเสียงในการพูด
  -  คำพูดประเภทต่างๆ
  -  การพูดเพื่อให้สัมภาษณ์
  -  ศิลปะการพัฒนาการพูด
  -  การพูดหาเสียงเลือกตั้ง
  -  การอ้างวาทะคนดังในการพูด
  -  สุนทรพจน์ในการพูด
  -  วิธีฝึกการพูดของ ลินคอล์น
  -  จังหวะในการพูด
  -  การเตรียมความพร้อมในการเป็นวิทยากร
  -  พูดให้ถูกสถานการณ์
  -  พูดอย่างไรให้ขายได้
  -  การพูดเป็นเรื่องที่ฝึกฝนกันได้
  -  วิธีฝึกการพูดของ หลวงวิจิตรวาทการ
  -  ปัจจัยที่ส่งผลให้ชนะการเลือกตั้งโดยไม่ใช้เงินซื้อเสียง
  -  การประชาสัมพันธ์เพื่อการตลาด
  -  วิธีสร้างความกล้าในการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
  -  การพูดและการเป็นโฆษกที่ดี
  -  โฆษกกับการพูดที่ดี
  -  การนำเสนอและการพูดต่อหน้าที่ชุมชนที่ดี
  -  การใช้มือประกอบการพูด
  -  พลังของจังหวะในการหยุดพูด
  -  การใช้โน๊ตย่อในการพูด
  -  ภาษากายไม่เคยโกหก
  -  การอ่านใจคนจากภาษากาย
  -  การพูดสำหรับโฆษกฟุตบอล
  -  เคล็ดลับในการเป็นนักพูดต่อหน้าที่ชุมชนที่ดี
  -  เทคนิคการพูดภาษาอังกฤษคือ ฟัง ฟัง ฟัง
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ข้อแนะนำสำหรับวิทยากรมือใหม่
ข้อแนะนำสำหรับวิทยากรมือใหม่
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในอดีตกระผมเคยเป็นวิทยากรมือใหม่ ซึ่งบางครั้งเคยทำผิดพลาดมาบ้างในงานการฝึกอบรม ในบทความตอนนี้ จึงอยากที่จะมาบอกเล่าและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับท่านผู้อ่าน ข้อแนะนำสำหรับวิทยากรมือใหม่ มีดังนี้
1.ท่านควรไปทำความรู้จักกับผู้บริหารหรือผู้ที่ดูแลงานด้านฝ่ายฝึกอบรมก่อน เพื่อรับทราบข้อมูลว่า ทางหน่วยงานมีปัญหาอะไร ถึงได้ต้องการจัดอบรมในเรื่องดังกล่าว การทำความรู้จักจะสร้างความคุ้นเคย หรือหากท่านไม่มีเวลามากพอ ท่านก็อาจจะต้องโทรศัพท์ไปซักถามความต้องการของผู้จัด หรือ หากให้เป็นทางการหน่อย ท่านก็ควรมีแบบฟอร์ม TRAINING NEEDS ANALYSIS ให้ทางผู้จัดได้กรอกข้อความที่ต้องการฝึกอบรม ว่าทางหน่วยงานมีปัญหาอะไร ความต้องการเป็นอย่างไร
2.ท่านควรเดินทางไปก่อนเวลาในการอบรม การเดินทางไปก่อนเวลาในการอบรม จะทำให้ผู้จัดมีความสบายใจ อีกทั้งตัววิทยากรเอง ก็สามารถที่จะเตรียมความพร้อมได้ดียิ่งขึ้น ก่อนเวลาฝึกอบรมควรไปตรวจสอบดู เรื่องของการทำงานของเครื่องฉาย เครื่องคอมพิวเตอร์ ไมโครโฟน เอกสารประกอบการบรรยาย ฯลฯ การไปถึงก่อนเวลายังจะทำให้ท่านสร้างความคุ้นเคยกับผู้เข้ารับการอบรมอีกด้วย
3.ท่านต้องมีความรู้มากกว่าผู้เข้ารับการอบรม การมีความรู้ในเรื่องที่จะบรรยายมากกว่าผู้เข้ารับการอบรมจะทำให้ท่านเกิดความเชื่อมั่น เกิดความมั่นใจในตัวเองในการบรรยายมากขึ้น หากท่านมีความรู้ที่น้อยกว่า เมื่อผู้เข้ารับการอบรมสักถาม ท่านตอบไม่ได้ ก็จะทำให้ผู้เข้ารับการอบรมขาดความศรัทธา และตัววิทยากรเองก็จะขาดความมั่นใจไปด้วย หากเรื่องที่เราจะไปบรรยายเรายังมีความรู้ไม่มากพอ ท่านก็ควรทำการบ้านโดยการ อ่านหนังสือ ฟังเทป ศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวเพิ่มให้มากขึ้น
4.ท่านต้องรู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี ในการฝึกอบรมแต่ละแห่งมีปัจจัยแวดล้อมไม่เหมือนกัน เช่น จำนวนคนเข้าอบรม ขนาดของห้อง บรรยากาศของห้อง วัย อายุของผู้เข้าอบรม อุปกรณ์ที่ช่วยในการบรรยาย ฯลฯ ดังนั้น ผู้ที่จะเป็นวิทยากรมืออาชีพได้จะต้องรู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี ตัวอย่าง หากว่าวิทยากรได้เตรียมทำการบ้านเป็นอย่างดีว่า เริ่มต้นการฝึกอบรมเราจะให้มีการทำกิจกรรมแต่การทำกิจกรรมนั้นต้องใช้พื้นที่มากเพื่อที่จะให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ใช้พื้นที่ในการเดิน ในการพูดคุย ในการทำความรู้จักกัน แต่พอไปถึงห้องฝึกอบรม ปรากฏว่า ห้องกับคับแคบ จนไม่สามารถมีพื้นที่ในการทำกิจกรรมที่เตรียมไปได้ ฉะนั้น ผู้ที่เป็นวิทยากรมืออาชีพต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ว่า เราควรจะทำอย่างไร
5.ท่านควรวางแผนงานให้มีระบบมากขึ้น เช่น เวลาติดตามงานกับลูกค้า หน่วยงาน องค์กรที่จัดการฝึกอบรม ท่านควรมีแบบฟอร์มต่างๆ (ใบเสนอราคา , ใบตอบรับ , เอกสารแนะนำประวัติวิทยากร , ใบ TRAINING NEEDS ANALYSIS เป็นต้น) อีกทั้งเวลาติดต่อรับงาน ควรติดต่อผ่านเป็นรายลักษณ์อักษรจะผิดพลาดน้อยกว่าการติดต่อผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์ ซึ่งตัวกระผมเองก็เคยทำผิดพลาดมาแล้ว การรับงานวิทยากรครั้งหนึ่งในอดีต เนื่องจากเห็นว่าผู้ติดต่อเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จึงได้รับปากว่าจะไปเป็นวิทยากรให้ แต่ปรากฏว่า มีความเข้าใจผิดที่คลาดเคลื่อนในเรื่องของวัน เวลา กระผมเองไปถึงงาน จึงสงสัยว่าทำไมจึงเงียบไม่มีคนเข้ารับอบรมหรืออย่างไร ปรากฏว่า เขามีการจัดงานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เกิดประสบการณ์ เมื่อมีการเชิญไปเป็นวิทยากรครั้งใด กระผมต้องขอจดหมายเชิญ และตัวกำหนดการทุกครั้ง เพื่อป้องกันการผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นได้ในการทำงาน
ทั้งนี้ข้อแนะนำทั้ง 5 ข้อข้างต้นเป็นข้อแนะนำสำหรับวิทยากรมือใหม่ และยังมีอีกหลายปัจจัยที่วิทยากรมือใหม่ควรทำ เช่น การพัฒนาตนเองอยู่เสมอตลอดเวลา , มีการบรรยายที่ครบเครื่องมากขึ้น (มีอารมณ์ขันในการพูด,มีเนื้อหาสาระที่ใหม่ๆ ,มีการร้องเพลงประกอบการบรรยาย,มีกิจกรรมให้ทำร่วมกัน,มีคำคม คำกลอนประกอบการบรรยาย) อีกทั้งวิทยากรมือใหม่ควรรู้จักหาช่องทางการตลาด เพราะหากไม่มีลูกค้า ก็ไม่ถูกรับเชิญ เมื่อไม่ถูกรับเชิญก็ไม่มีโอกาสไปเป็นวิทยากร

...
  
พูดโทรศัพท์อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
พูดโทรศัพท์อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เมื่อต้องพูด ใยมิพูด ให้ไพเราะ ใยมิเหยาะ แยมสักนิด ปิดผิวขนม
เมื่ออยากเผย ความดำริ หรือติชม อยากประหงม อยากบัญชา หรือว่านา
เป็นบทประพันธ์ของหลวงพ่อพุทธทาส ที่ได้ประพันธ์ไว้ ซึ่งมีความหมายเกี่ยวกับการพูดการจาได้เป็นอย่างดี
สำหรับเรื่องการพูดโทรศัพท์ กระผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านทุกคน....ในยุคปัจจุบัน ใช้โทรศัพท์เพื่อพูดคุยกันมากกว่าการพูดโดยการออกไปหาหรือไปพบกันเหมือนในอดีต ยิ่งเป็นประเทศที่พัฒนาหรือประเทศที่ร่ำรวย มักมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย การใช้โทรศัพท์จึงเป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญ
การใช้โทรศัพท์เพื่อให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ โทรศัพท์เกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2419 ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย นายอะเล็กแซนเดอร์ เกรแฮม เบล (Alexander Graham Bell) และในสมัยรัชกาลที่ 5 ประเทศไทยจึงได้นำโทรศัพท์เข้ามาใช้
หลายๆท่านอาจตั้งคำถามในใจว่า การใช้โทรศัพท์มีประโยชน์อย่างไร คำตอบคือ
- ประหยัดเวลาในการเดินทางไปในที่ต่างๆ
- ประหยัดค่าใช้จ่าย ในการเดินทาง
- ใช้สำหรับนัดหมายหรือติดต่อ เพื่อเข้าพบหรือไปหา
- ใช้ในการติดต่อสื่อสารที่ต้องการความรวดเร็วกว่าสื่ออื่นๆ เช่น จดหมาย,การประกาศข่าว เป็นต้น
การใช้โทรศัพท์จึงเป็นการติดต่อสื่อสารอย่างหนึ่ง ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสาร โดยมีสื่อคือโทรศัพท์มาอยู่
ตรงกลาง การใช้โทรศัพท์จะแตกต่างกับสื่อบางสื่อกล่าวคือ จะไม่เห็นหน้ากันหรือ Face-to-Face Communication (ยกเว้นโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ทันสมัย อาจมีระบบการติดตั้งกล้อง)
ศิลปะในการใช้โทรศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพจะก่อให้เกิดประโยชน์หลายๆอย่างทั้งต่อตัวท่านเองและองค์กรหรือหน่วยงาน ซึ่งท่านมีความจำเป็นจะต้องฝึกฝน เช่น
- การพูดโทรศัพท์สำหรับงานประชาสัมพันธ์
- การพูดโทรศัพท์สำหรับงานบริการ
- การพูดโทรศัพท์สำหรับงานขายสินค้า
- การพูดโทรศัพท์สำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล
สำหรับสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการพูดโทรศัพท์คือ ท่านไม่ควรทานอาหารหรือสิ่งขบเคี้ยวระหว่างรับโทรศัพท์ , คำ
แรกที่ควรกล่าวในตอนรับโทรศัพท์คือคำว่า “ ฮัลโหล” , ไม่ควรแสดงอารมณ์อาการรำคาญ บ่น ระหว่างรับโทรศัพท์ แต่ควรใช้น้ำเสียงที่ยิ้ม(The Voice With a Smile) ในระหว่างที่พูดโทรศัพท์ , อย่าวางสายทิ้งไว้เฉยๆ นานๆ , การใช้วาจาที่ไม่สุภาพ ไม่น่าฟัง , การใช้โทรศัพท์พูดเรื่องส่วนตัวในเวลางานมากจนเกินไป ฯลฯ
สำหรับการพูดเพื่อขายสินค้าหรือบริการทางโทรศัพท์ ตามหลักการของ ไอด้า(AIDA) มีดังนี้
A มาจาก ATTENTION เอาใจใส่
I มาจาก INTEREST สนใจ
D มาจาก DESIRE อยากได้
A มาจาก ACTION กระทำ ( ปิดการขาย)
การโทรศัพท์เพื่อขายสินค้าและบริการ ก่อนเริ่มต้นเปิดฉากการพูด คุณจะต้องทำให้ลูกค้าหรือผู้รับบริการเกิดความเอาใจใส่(ATTENTION)ในสิ่งที่คุณเสนอก่อน แล้วจึงพูดให้เขาสนใจ(INTEREST)ในสินค้าและบริการของคุณมากขึ้น จนในที่สุดเขาเกิดความต้องการอยากได้สินค้าหรือบริการ(DESIRE) คุณจึงกระทำการปิดการขาย(ACTION)ในทันที
กล่าวโดยสรุปว่า การพูดโทรศัพท์อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ เป็นเรื่องของ ศาสตร์และศิลปะ ซึ่งเราทุกๆคนสามารถเรียนรู้และนำไปประยุกต์ใช้ พร้อมทั้งฝึกฝนได้ เพราะการใช้โทรศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยลดเรื่องของค่าใช้จ่าย ลดเวลาในการเดินทาง เพิ่มยอดขาย ช่วยในการบริการลูกค้า เป็นต้น


...
  
การสร้างความมั่นใจและลดความประหม่าในการพูด
การสร้างความมั่นใจและลดความประหม่าในการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ความมั่นใจมีความสัมพันธ์กับอาการประหม่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อผู้พูดขาดความมั่นใจ ผู้พูดก็จะแสดงอาการประหม่าออกมา แต่ตรงกันข้าม ถ้าหากผู้พูดมีความเชื่อมั่นหรือมั่นใจในตนเอง อาการประหม่าก็มักจะไม่ปรากฏออกมาให้เห็น
อาการประหม่าในการพูดต่อหน้าที่ชุมชนมักจะแสดงออกมาให้ปรากฏแก่ผู้ฟัง ซึ่งมีอาการดังนี้ บางคนปากสั่น มือสั่น หน้าซีด บางคนไม่กล้าสบตากับผู้ฟัง บางคนพูดและใช้คำพูดออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ พูดผิดๆ ถูกๆ ฯลฯ
สาเหตุของอาการประหม่านอกจากสาเหตุของการขาดความมั่นใจแล้วยังมีสาเหตุอื่นๆ อีก เช่น
1.ผู้พูดหลายๆท่าน มักคิดมากจนเกินไป หลายคนมักจะคิดมาก คิดวิตก คิดกังวล ในระหว่างการพูด กลัวสิ่งต่างๆ เช่น กลัวว่าผู้ฟังจะมีความรู้มากกว่าตนเอง , กลัวว่าการพูดของตนเองจะออกมาไม่ดีพอ , กลัวว่าเสียงของตนเองไม่ไพเราะ เป็นต้น
2.ขาดการเตรียมตัวที่ดี กล่าวคือ ไม่มีการเตรียมคำพูด , เตรียมเนื้อหา หรือ มีการซ้อมพูด ก่อนขึ้นพูดจริงๆ จึงทำให้การพูดในครั้งนั้นๆ ติดๆ ขัดๆ
3.ไม่มีการวิเคราะห์ผู้ฟัง เช่น ไม่ได้สอบถามผู้จัดว่า จะต้องพูดเรื่องดังกล่าวให้แก่ใคร เด็กหรือผู้ใหญ่ อาชีพอะไร ผู้หญิงหรือผู้ชาย เป็นผู้บริหารหรือเป็นพนักงาน จึงทำให้ไม่มีการเตรียมตัว เตรียมเนื้อหา ไห้ตรงกับกลุ่มผู้ฟัง
สำหรับการสร้างความมั่นใจในตนเองและลดอาการประหม่าในการพูดของผู้พูด สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น
1.การพูดให้กำลังใจตนเองก่อนขึ้นพูด “ เรื่องนี้ หัวข้อนี้ ฉันรู้ดีที่สุด ” , “ การพูดครั้งนี้ใครเต็มที่ไม่เต็มที่ไม่รู้แต่ฉันเต็มที่ไว้ก่อน” คำพูดประโยคเหล่านี้ ผู้พูดควรคิดและค้นหาเอาเอง เนื่องจากแต่ละบุคคลมีความชอบไม่เหมือนกัน
2. ต้องมีการเตรียมการพูดเป็นอย่างดี ซึ่งรวมถึง การเตรียมเนื้อหา(จะขึ้นต้นอย่างไร เนื้อหาอย่างไร สรุปจบอย่างไร) ตลอดจนกระทั่ง การเตรียมร่างกาย การเตรียมสภาพจิตใจ การพักผ่อนเป็นอย่างดี ก่อนวันที่จะขึ้นพูด
3.การใช้จินตนาการหรือการวาดภาพของการพูดที่ประสบความสำเร็จบนเวทีพูดของตนเอง บางคนใช้จินตนาการว่ามีคนฟังการพูดของตนเองเป็นหลายพันคน หลายหมื่นคน มีคนปรบมือให้กำลังใจมากมาย ฯลฯ
4.ก่อนจะขึ้นเวทีพูด ควรมาก่อนเวลาสักเล็กน้อย แล้วทำความรู้จัก ทำการทักทาย สร้างความเป็นกันเองระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง ก็จะทำให้เกิดมิตรภาพและลดความตื่นเต้นลงไปได้บ้าง
5.ปรับความคิดหรือปรับทัศนคติเสียใหม่ คิดว่าความประหม่าเป็นเรื่องธรรมชาติที่ นักพูดหรือผู้พูดทุกๆคนจะต้องมี แต่ใครจะมีมากมีน้อยเท่านั้นเอง อีกทั้งไม่ควรคิดมากจนเกินไป ในเวลาพูด แต่ควรทำหน้าที่หรือพูดให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปคิดกังวลใดๆ ไม่ต้องไปคิดแทนผู้ฟังว่าผู้ฟังจะคิดกับเราอย่างไร จงเตรียมการพูดให้พร้อมแล้วจงลุกขึ้นพูดให้ดีที่สุด
6.ต้องหมั่นหาประสบการณ์ในการพูดทุกๆเวทีให้มาก ข้อนี้ น่าจะเป็นข้อที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะถ้าหากผู้พูดมีเวทีมาก ก็จะทำให้เกิดทักษะในการพูด เมื่อเกิดทักษะ ความมั่นใจก็จะมากขึ้น ความประหม่าในการพูดก็จะลดลง
โดยสรุป อาจกล่าวได้ว่า ผู้พูดที่มีความมั่นใจในตนเองมักพูดได้ดีกว่าผู้ที่ขาดความมั่นใจในตนเอง ถึงแม้ว่า ผู้พูดหลายๆคน จะมีการศึกษาถึงระดับปริญญาเอกก็ตามแต่ถ้าขาดซึ่งความมั่นใจในตนเองเสียแล้ว ทำให้เกิดอาการประหม่า พูดไม่เป็นธรรมชาติ ไม่กล้าขึ้นพูด ย่อมสู้ผู้พูดที่จบระดับการศึกษาแค่ระดับประถมหรือมัธยมไม่ได้ ถ้าหากผู้พูดจบระดับประถมหรือมัธยม แต่บุคคลนั้นสามารถพูดด้วยความมั่นใจในตนเอง ผู้ฟังก็มักจะเกิดความเชื่อถือ ศรัทธา อีกทั้งทำให้การพูดมีความน่าฟังอีกด้วย

...
  
การใช้สื่อต่างๆประกอบการพูด
การใช้สื่อต่างๆประกอบการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การใช้สื่อต่างๆประกอบในการพูดมีความสำคัญและในบางโอกาสก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะสื่อต่างๆจะทำให้ผู้ฟังเข้าใจได้ง่ายขึ้น อีกทั้งสามารถทำเรื่องที่เป็นนามธรรมให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน การเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับเรื่องที่พูดจึงเป็นเรื่องที่ควรจะพิจารณา ดังจะเห็นจากการอภิปรายในรัฐสภาของบรรดาสมาชิกสภา ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา หากสมาชิกท่านใด ใช้สื่อต่างๆมาช่วยในการประกอบการพูด ก็จะทำให้ผู้ฟังสนใจและเข้าใจในเนื้อหาที่พูดมากยิ่งขึ้น
สื่อต่างๆที่ใช้ประกอบการพูดมีดังต่อไปนี้
1.แผนที่(Maps) ทำให้ผู้ฟังเข้าใจในลักษณะภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศได้ง่ายขึ้น เช่น บางคนไม่ทราบว่าจังหวัดพะเยา อยู่ภาคไหน แต่พอเห็นแผนที่แล้วจะทำให้ผู้ฟังเห็นภาพชัดว่าจังหวัดพะเยาอยู่ภาคเหนือ อยู่ติดกับจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่านและลำปาง
2.แผนภูมิและแผนสถิติ จะแสดงข้อเท็จจริงให้ปรากฏในรูปแบบแผนผัง ซึ่งถ้าหากพูดเป็นตัวเลขซึ่งมีจำนวนมากและหลายจำนวน ผู้ฟังจะไม่เห็นภาพได้ชัด แต่หากนำมาแสดงเป็นแผนผัง แบบเส้น แบบรูปภาพ แบบแท่ง ฯลฯ ผู้ฟังก็จะเข้าใจและเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
3.หุ่นจำลองหรือของจำลอง เป็นสิ่งที่จำลองมาจากของจริง เนื่องจากของจริงมีลักษณะเล็กเกินไป หรือใหญ่มากจนเกินไป ผู้พูดไม่สามารถนำมาใช้ประกอบการพูดได้ เช่น แบบทรงของบ้าน เครื่องบิน รถยนต์ เป็นต้น
4.ภาพถ่าย มีคำกล่าวที่ว่า “ ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดเป็นจำนวนถึง 10,000 คำ ” เพราะภาพบางภาพจะตอบคำถามบางอย่าง ได้ดีกว่าการอธิบายหรือการแก้ข้อกล่าวหาโดยการใช้คำพูดเป็นจำนวนมาก
5.ของจริง การนำของจริงมาประกอบการพูด จะทำให้ผู้พูดไม่ต้องอธิบายความมาก แต่ข้อควรระวัง สำหรับของจริง บางอย่างมีลักษณะที่ใหญ่มาก จึงควรพิจารณาในการนำมาใช้เพื่อประกอบการพูดด้วย
6.ภาพยนตร์หรือโฆษณาภาพยนตร์ จะทำให้ผู้ฟังเกิดความเพลิดเพลินในการฟัง เป็นการสร้างสีสรรในการพูด ทำให้เกิดความดึงดูดใจกับผู้ฟัง
7.เครื่องบันทึกภาพเคลื่อนภาพ วีดีโอเทป ในบางครั้งอาจจะต้องนำมาใช้ประกอบในการพูด เช่น การฝึกปฏิบัติ ในบางครั้งก็มีความจำเป็นที่จะต้องถ่ายหรือบันทึกภาพเก็บไว้ เพื่อนำมาเปิดให้ผู้ฟังเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ตัวอย่าง การให้ผู้ฟังออกมาฝึกพูดหรือฝึกปฏิบัติหน้าชั้น ควรที่จะถ่ายภาพของผู้ฝึกเก็บไว้ เพื่อนำมาเปิดให้เขาได้ดู
8.แผ่นโปสเตอร์ต่างๆ จะช่วยขยายความของเนื้อหาในการพูดได้มาก แผ่นโปสเตอร์มีทั้งเป็นภาพสีและภาพขาวดำ นอกจากนั้นอาจจะมีข้อความสั้นๆ อธิบายภาพเหล่านั้นด้วย
9.กรณีศึกษา เกมส์ กิจกรรม ประกอบการพูด ในกรณีที่ถูกเชิญให้พูดเป็นเวลานาน หลายวัน หลายชั่วโมง ผู้พูดควรนำกรณีศึกษา เกมส์ กิจกรรม มาช่วยประกอบการพูด ก็จะทำให้ผู้ฟังไม่เบื่อ แต่จะสนุกสนานกับ กรณีศึกษา เกมส์ และกิจกรรม นั้นๆ
ฉะนั้น เราจะเห็นได้ว่าสื่อต่างๆที่สามารถนำมาใช้ประกอบการพูด มีจำนวนมากมาย แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้สื่อใดในการประกอบการพูด ให้มีความเหมาะสมกับผู้ฟัง โดยพิจารณาถึงวัย เพศ อายุ อาชีพของผู้ฟัง และคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น สถานที่เหมาะสมกับสื่อนั้นๆหรือไม่ เป็นต้น
...
  
การออกเสียงและการพัฒนาพลังเสียงในการพูด
การออกเสียงและการพัฒนาพลังเสียงในการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เสียงเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการพูด การเป็นนักพูดไม่จำเป็นจะต้องมีเสียงที่ก้อง กังวาน หวานเหมือนกับเสียงของนักร้อง แต่การใช้เสียงในการพูด ผู้พูดควรเปล่งเสียงออกไปด้วยความมั่นใจ มีพลัง มีชีวิตชีวา อีกทั้งการใช้เสียงที่ดีจะสามารถตรึงผู้ฟังให้ตั้งใจฟังผู้พูดได้
การใช้เสียงในการพูดต่อหน้าที่ชุมชนที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้
1.มีความชัดเจนและมีความถูกต้อง สามารถสื่อสารให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจที่ตรงกันได้
2.ไม่พูดเร็วหรือช้าจนเกินไป การพูดเร็วจะทำให้ผู้ฟังฟังไม่ทัน แต่การพูดช้าจนเกินไปก็จะทำให้ผู้ฟังเกิดอาการเบื่อหน่าย ไม่เกิดความกระตือรือร้นในการฟัง
3.เสียงดังหรือเสียงเบาจนเกินไป การพูดเสียงดังตลอดเวลาในขณะที่พูดจะทำให้ผู้ฟังเกิดความเครียด รู้สึกเหนื่อย ไม่อยากที่จะฟัง และการพูดเสียงเบาจนเกินไป ก็จะทำให้ผู้ฟังคุยกันและไม่สนใจในเรื่องที่ผู้พูดพูด
4.ไม่พูดเสียงต่ำหรือเสียงสูงตลอดเวลา การพูดเสียงต่ำจะทำให้พูดฟังเกิดอาการง่วงนอน แต่การพูดเสียงสูงตลอดเวลา ก็จะทำให้ผู้ฟังเกิดความรำคาญขึ้นมาได้
5.ไม่พูดเหมือนกับการอ่านหนังสือ เพราะจะทำให้ขาดรสชาติในการฟัง ฟังแล้วไม่เป็นธรรมชาติ
6.ไม่พูดเสียงราบเรียบระดับเดียวกันตลอดการพูด เพราะจะทำให้ผู้ฟังขาดความสนใจในเรื่องที่ผู้พูดพูด
7.ไม่ควรใช้คำฟุ่มเฟือยมากจนเกินไป เช่นคำว่า นะครับ นะค่ะ ครับ ค่ะ เอ้อ อ้า จนทำให้ผู้ฟังเกิดความรำคาญในการฟัง
แต่การออกเสียงและพัฒนาพลังเสียงที่ดีในการพูด ผู้พูดควรพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่จริงใจ เสียงดัง ฟังชัด มีความกระตือรือร้นในการพูด เสียงไม่ควรจะราบเรียบระดับเดียวกันตลอดการพูด ควรมีเสียงดังบ้าง เบาบ้าง เสียงสูงบ้าง เสียงต่ำบ้าง เสียงแหลมบ้าง เสียงทุ้มบ้าง พูดเร็วบ้าง พูดช้าบ้าง ให้มีความเป็นธรรมชาติของผู้พูดแต่ละคน แต่ไม่ใช่ใช้เสียงถึงขนาดเป็นการดัดเสียงให้เหมือนกับนักพากย์หนัง อีกทั้งไม่ควรท่องจำหรือใช้วิธีพูดเหมือนกับการอ่านหนังสือ
สำหรับวิธีการปรับปรุงและพัฒนาพลังเสียงในการพูด
1.ควรหัดอ่านหนังสือ โดยการอ่านออกเสียง เพื่อทำให้เกิดการพูดหรือการออกเสียงเกิดความคล่องยิ่งขึ้น และถ้ามีบทสนทนาผู้ฝึกก็ควรหัดออกเสียง เหมือนกับมีบุคคลสองคนหรือสามคนสนทนากัน
2.ควรซ้อมพูดบ่อยๆ หากไม่มีเวที ก็ควรฝึกฝนด้วยตนเอง นักพูดในอดีตซ้อมการพูดในขณะเดินทางโดยการซ้อมพูดในขณะที่อยู่บนหลังม้า บางท่านก็ซ้อมพูดด้วยการออกเสียงดัง ในขณะทำสวน บางคนฝึกหัดซ้อมการพูด การใช้เสียงในขณะเดินอยู่ที่ริมทะเล เป็นต้น
3.ควรมีอุปกรณ์ช่วย เช่น ควรหาเครื่องบันทึกเสียง เครื่องบันทึกภาพยนตร์ บันทึกในขณะที่เราพูด เพราะจะทำให้เราสามารถตรวจสอบและแก้ไขปรับปรุงการใช้เสียงของเราให้ดีขึ้น
โดยสรุป การออกเสียงและการพัฒนาพลังเสียงในการพูดเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการพูดต่อหน้าที่ชุมชน การใช้เสียงจะทำให้การพูดน่าฟัง การพูดน่าเชื่อถือ การพูดมีรสชาติ อีกทั้งผู้ฟังเกิดความสนใจและสามารถตรึงอารมณ์ของผู้ฟังได้อีกด้วย

...
  
คำพูดประเภทต่างๆ
คำพูดประเภทต่างๆ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
คำพูดของคนเรามีหลากหลายประเภท บางคำพูดเมื่อผู้ฟังได้ฟัง ผู้ฟังก็เกิดความรู้สึก ไม่ชอบใจ โกรธเคือง เสียใจ น้อยใจ หมั่นไส้ แต่ บางคำพูดเมื่อพูดออกไปแล้วผู้ฟังเกิด มีกำลังใจ ดีใจ อยากที่จะฟัง รู้สึกชอบคนพูด ในบทความนี้กระผมขอแจกแจงคำพูดออกเป็นประเภทต่างๆดังนี้
เริ่มจากคำพูดประเภทที่ควรหลีกเลี่ยง
- คำพูดเหน็บแนม เป็นคำพูดที่มีลักษณะเสียดสี กระทบกระแทก แดกดัน กระแนะกระแหน เช่น
เธอไม่จำเป็นจะต้องมาทำงานก็ได้ เพราะเจ้านายชอบเธอ เธอมาไม่มา เธอก็ได้เงินเดือนขึ้นและได้เลื่อนขั้นอยู่ดีแหละ เป็นต้น
- คำพูดขวานผ่าซาก พูดโผงผาง เป็นคำพูด ที่มีลักษณะใช้น้ำเสียงค่อนข้างดังและน้ำเสียงสูง เป็น
การพูดแบบตรงไปตรงมา แต่จะออกไปในด้านลบ เมื่อผู้ฟังได้ฟังมักไม่ชอบใจ เนื่องจาก คนเราส่วนใหญ่มักอยากที่จะฟังเรื่องดีๆของตนเอง มากกว่าที่จะอยากฟังเรื่องลบๆของตนเอง คนบางคนพูดจา โผงผาง เสียงดัง ก็ยิ่งทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา เข้าใจผิดคิดว่า ทะเลาะกัน
- คำพูดโอ้อวด เป็นคำพูดที่มักจะทำให้คนฟังเกิดอาการหมั่นไส้ เพราะจิตใจของคนเราโดยส่วน
ใหญ่แล้วลึกๆ ไม่ชอบให้ใครอยู่เหนือตนหรือมีความอิจฉาขึ้นภายในใจ คำพูดโอ้อวด มีดังนี้ อวดรวย อวดเก่ง อวดฉลาด ฯลฯ
- คำพูดนินทา เป็นคำพูดที่พูดลับหลับ บุคคลที่ 3 ในทางที่ไม่ดี โดยมีลักษณะให้ร้าย ป้ายสี ซึ่ง
อาจเป็นเรื่องจริงบ้าง ไม่เป็นความจริงบ้าง แต่ผู้พูดมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อบุคคลที่ 3 คำพูดประเภทนี้ ควรระวังให้มาก เพราะไม่มีความลับใดๆในโลกนี้ หากสักวันหนึ่งเรื่องที่ตนเองพูดไปเข้าหูบุคคลที่ 3 ก็จะเกิดความขัดแย้งและขุ่นใจกันได้
- คำพูดเท็จหรือคำพูดโกหก เป็นคำพูดที่หลอกหลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อตนเอง หรือให้เข้าใจผิดเพื่อ
เอาตัวรอด เพื่อเอาผลประโยชน์ต่างๆจากผู้ฟัง การที่ผู้พูดพูดเท็จหรือพูดโกหกบ่อยๆ ก็จะทำให้คนขาดความเชื่อถือ คำพูดขาดน้ำหนัก ซึ่งจะเป็นผลร้ายกับเราในระยะยาว ลินคอล์น อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐ เคยกล่าวเกี่ยวกับเรื่องการใช้คำพูดที่เท็จหรือโกหก ว่า “ เราอาจจะโกหกคนบางคนได้ตลอดเวลา เราอาจจะโกหกคนทุกคน ได้บางเวลา แต่เราจะโกหกคนทุกคน ตลอดเวลาไม่ได้ ”
- คำพูดหยาบหรือคำพูดที่ไม่สุภาพ เป็นคำพูดที่ผู้พูดมักมีฐานจิตหรือการได้รับการอบรมหรือมี
สภาพแวดล้อม ที่ไม่ค่อยดี โดยที่บุคคลในสังคมนั้น พูดจาไม่สุภาพจนเคยชิน เช่น ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ ไอ้ควาย พ่อมึงหรือ ฯลฯ
สำหรับคำพูดที่ควรหลีกเลี่ยงนี้ เราสามารถฝึกฝน ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงได้ เพราะคำพูดเหล่านี้ เป็นคำพูดที่ผู้ฟัง ฟังแล้ว เกิดความรู้สึก ไม่ชอบ ไม่พอใจ โกรธ เกลียด ทำลายขวัญกำลังใจ ของผู้ฟัง เพราะธรรมชาติของคนส่วนใหญ่แล้ว มักชอบฟังคำพูดที่ สุภาพ อ่อนหวาน พูดความจริง พูดถ่อมตน ฯลฯ ซึ่งเป็นคำพูดประเภท ที่กระผมกำลังจะนำเสนอต่อไปนี้
คำพูดประเภทที่ทำให้คนฟังเกิดความประทับใจ
- คำพูดเพื่อให้กำลังใจ เมื่อคนเราเกิดความรู้สึก ท้อแท้ ท้อถอย กับชีวิต บุคคลนั้นก็อยากที่จะฟัง
คำพูดประเภทให้กำลังใจ เพื่อทำให้ตนเองเกิดพลังต่างๆในการขับเคลื่อนชีวิตต่อไป
- คำพูดมีเสน่ห์ เป็นคำพูดที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เช่น “สวัสดีครับ/สวัสดี
ค่ะ” , “ ขอโทษครับ/ขอโทษค่ะ” , “ ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ”,” เสียใจด้วยครับ/เสียใจด้วยค่ะ” เป็นต้น
- คำพูดแบบนักการทูต เป็นคำพูดที่สร้างมิตร ลดศัตรู เป็นคำพูดที่ทำให้มีคนอยากคบค้าสมาคม
ด้วย ซึ่งการพูดแบบนักการทูต ต้องอาศัยศิลปะเข้ามาช่วย
- คำพูดเชิงบวก เป็นคำพูดในแง่บวก ซึ่งผู้พูดต้องเป็นบุคคลที่มีความคิดในแง่บวกก่อน จึงจะทำ
ให้การพูดในเชิงบวกเกิดประสิทธิภาพ
สำหรับการพูดประเภทที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจนี้ ผู้พูดสามารถฝึกฝน ปรับปรุง พัฒนาให้ดีขึ้นได้เช่นกัน เพราะยิ่งผู้พูดสามารถปรับปรุงได้ดีขึ้นเท่าไร ผู้ฟังก็ยิ่งเกิดความรัก เกิดความศรัทธา เกิดความชื่นชอบ เกิดความเชื่อมั่นในตัวของผู้พูดมากยิ่งขึ้น
สรุป คำพูดมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของคนเราเป็นอย่างยิ่ง คนเราหากไม่มีปัญหาทางด้านการพูดหรือมีความพิการพูดไม่ได้ คนเราก็มีความจำเป็นต้องใช้คำพูดในทุกๆวัน ทุกสถานที่ ฉะนั้น คงขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะเลือกใช้คำพูดประเภทไหน เพราะคำพูดทำให้บุคคลหนึ่งๆประสบความสำเร็จ และ ก็เป็นคำพูดเช่นกันที่ทำให้บุคคลหนึ่งๆ เกิดความล้มเหลวได้
...
  
การพูดเพื่อให้สัมภาษณ์
การพูดเพื่อให้สัมภาษณ์
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การสัมภาษณ์ (Interview) ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 หมายถึง การพบปะวิสาสะกันในลักษณะที่ฝ่ายหนึ่งต้องการทราบเรื่องจากอีกฝ่ายหนึ่ง หรือ ฝ่ายหนึ่งต้องการจะแถลงข่าวแก่อีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อนำไปเผยแพร่(ราชบัณฑิตยสถาน.2525:809)
การพูดเพื่อการสัมภาษณ์ มักจะมีองค์ประกอบดังนี้
1.ผู้สัมภาษณ์
2.ผู้ให้สัมภาษณ์
3.คำถามในการสัมภาษณ์
4.สถานที่ที่ทำการสัมภาษณ์
5.วันเวลาในการสัมภาษณ์
การพูดเพื่อให้สัมภาษณ์ ผู้พูดให้สัมภาษณ์ที่ดีควรมีลักษณะเฉพาะตัวดังนี้
1.มีการเตรียมตัว เตรียมข้อมูล ความรู้ แนวทางในการตอบปัญหา ถ้าเป็นไปได้ควรทำการบ้าน โดยการรวบรวมคำถามอีกทั้งควรเตรียมคำตอบต่างๆเป็นอย่างดี การรวบรวมคำถามและการคาดเดาว่าอีกฝ่ายจะถามอะไรบ้าง เสมือนหนึ่งว่า “ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” จะทำให้เราตอบคำถามได้เป็นอย่างดี
2.มีบุคลิกภาพที่ดี กล้าพูด กล้าแสดงออก ยิ่งตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่เชื่อมั่น พูดเต็มเสียง เต็มอารมณ์ เต็มอาการ ก็จะยิ่งทำให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือ ศรัทธา
3.เรียนรู้ การจับประเด็น แล้ว พยายามตอบปัญหาให้ตรงประเด็นกับเรื่องที่ถูกถาม
4.ต้องคิดก่อนพูดทุกครั้ง คนโง่ “ มักเอาหัวใจไว้ที่ปาก” แต่คนฉลาด “มักเอาปากไว้ที่หัวใจ”
5.ตั้งใจฟังคำถาม หากได้ยินไม่ชัดเจนหรือไม่เข้าใจคำถาม ก็ควรขอให้ผู้สัมภาษณ์ถามทวนอีกครั้ง
6.ใช้ภาษากายช่วยในการตอบคำถาม เช่น สายตาควรมองไปที่กล้องโทรทัศน์ หรือ มองไปยังผู้สัมภาษณ์ ควรใช้มือประกอบบ้าง อีกทั้งควรยิ้ม หรือหัวเราะ เพื่อสร้างความเป็นกันเอง
7.ผู้ให้สัมภาษณ์ ควรศึกษาและทำความเข้าใจคำถามในลักษณะต่างๆ เช่น คำถามปลายเปิด,คำถามปลายปิด,คำถามชี้นำ,คำถามทวน,คำถามหยั่งเชิง เป็นต้น
8.มีไหวพริบปฏิภาณ คนที่จะพูดให้สัมภาษณ์ได้เป็นอย่างดี คนนั้นจะต้องมีไหวพริบปฏิภาณเพราะบางคำถาม เราไม่สามารถคาดเดาได้หรือเราไม่รู้จริงๆ แล้วเราจะต้องตอบอย่างไรเพื่อแก้สภานการณ์เฉพาะหน้า
9.เป็นคนที่ตรงต่อเวลา เมื่อถูกนัดสัมภาษณ์แล้ว ควรไปตามวันเวลาและสถานที่ที่ได้นัดหมายไว้
10.หากเป็นการสัมภาษณ์ผ่านสื่อทางโทรศัพท์ หรือ สื่อทางอินเตอร์เน็ต ก็ควรตรวจเช็คอุปกรณ์ โดยเฉพาะเรื่องของเสียงและภาพให้เรียบร้อยก่อนที่จะสัมภาษณ์
ดังนั้น ผู้ที่จะพูดเพื่อให้สัมภาษณ์ได้ดี ควรจะต้องมีการฝึกฝน เรียนรู้ มีประสบการณ์ในการถูกสัมภาษณ์บ้างจึงจะทำให้ตอบคำถามได้ดียิ่งขึ้น
...
  
ศิลปะการพัฒนาการพูด
ศิลปะการพัฒนาการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
หลายคนมีความเชื่อเรื่อง “ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” หลายคนเชื่อว่า “การพูดเก่งเป็นพรสวรรค์” สำหรับตัวกระผมเอง มีความเชื่อว่า การพูดเก่งพูดเป็น นั่นขึ้นอยู่กับการฝึกฝน เรียนรู้และการพัฒนากันได้ ฉะนั้น ศิลปะการพูด เราสามารถพัฒนาให้เกิดความก้าวหน้าได้ หากว่าท่านมีความปรารถนาอย่างแท้จริง โดยการกระทำตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
1.สร้างเป้าหมายขึ้นมา คนที่มีการพัฒนาการพูดได้อย่างรวดเร็ว เขามักเป็นคนมีเป้าหมาย และเขารู้ว่า เขาต้องการเป็นนักพูดระดับใด เช่น ระดับตำบล ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ หรือเป็นนักพูดระดับโลก ฉะนั้น หากท่านมีเป้าหมายที่ใหญ่ท่านก็จะมีความพยายามมีความมานะมากกว่าคนอื่นๆ และหากท่านต้องการเป็นนักพูดระดับโลกด้วยแล้ว ท่านก็คงต้องไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม
2.ทำงานหนักกว่าคนอื่นๆ คนที่มีการพัฒนาการพูดได้อย่างรวดเร็ว เขามักจะต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น เขาจะทำการบ้านทุกครั้งก่อนขึ้นพูด เขาต้องเตรียมตัวการพูดของเขาเป็นอย่างดี อีกทั้งมีการจัดสรรเวลาให้กับการพัฒนาการพูดอย่างต่อเนื่อง
3.ฝึก ซ้อม การพูด อยู่เสมอ คนที่มีการพัฒนาการพูดได้อย่างรวดเร็ว เขามักหาเวทีในการพูดอยู่เสมอ และหากว่าไม่มีใครเชิญพูด เขาก็จะหาที่เงียบๆ ซ้อมพูดคนเดียว อยู่เป็นประจำ
4.ฟัง อ่าน เรื่องราวที่ใช้ประกอบการพูด อยู่เป็นประจำ คนที่มีการพัฒนาการพูดของตนเอง มักจะเป็นนักอ่าน นักฟัง เขาจะใช้เวลาว่างในการอ่านหนังสือ เขาจะขยันตามไปฟังนักพูดคนอื่นๆพูด เพื่อนำมาเป็นข้อมูลและเพื่อใช้ในการปรับปรุงการพูดของตนเอง
5.ฝึกใช้ถ้อยคำ ภาษา คนที่มีการพัฒนาการพูดของตนเอง มักเป็นผู้ที่ร่ำรวยในการใช้ภาษา เขาจะมีการบันทึก มีการจด การจำ ภาษาที่แปลกๆ ภาษาที่ไพเราะๆ เพื่อนำเอาไปใช้ในการพูดในภายภาคหน้า
6.ใช้หลักอิทธิบาท 4 (ฉันทะ วิริยะ จิตตะและวิมังสา) ฉันทะ มีความชอบมีความปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จในการพูด,วิริยะ ความพากเพียรความขยันในการฝึกฝนการพูด , จิตตะ ความเอาใจใส่จดจ่อต่อเป้าหมายในการพูดและวิมังสา ความไตร่ตรอง การปรับปรุงการพูดของตนเองอยู่เสมอ
7.ฝึกฝนความเชื่อมั่นในตนเอง เราจะเป็นนักพูดที่เก่งไม่ได้เลย หากว่าเราขาดความเชื่อมั่นในตนเอง หลายคนมีความรู้สูง มีฐานะดี แต่พูดไม่ได้เรื่อง แต่ตรงกันข้าม นักพูดที่เก่งหลายๆคน กลับไร้ซึ่งการศึกษา จงฝึกฝนความเชื่อมั่น แล้วผู้ฟังจะศรัทธาในการพูดของท่าน
8.ฝึกฝน ระบบคิด คนที่พูดเก่งพูดเป็น มักจะเป็นคนที่มีระบบการคิดที่ดีด้วย หลายคนมีความคิดที่แปลกใหม่ เมื่อพูดออกไป ก็จะทำให้คนฟัง เกิดความสนใจในเรื่องที่พูดด้วย
9.รู้จักใช้คำพูดให้ถูกกาล เรื่องบางเรื่องเราอยากที่จะพูด แต่ก็ไม่ควรพูด เพราะมันเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมที่จะพูดในช่วงเวลานั้น เราก็ไม่ควรพูด ฉะนั้น นักพูดที่ฉลาด มักจะเลือกใช้คำพูดให้เหมาะสม กับผู้ฟัง กับสถานที่ นั้นๆ
10.ฝึกฝน การใช้เสียง เสียงดัง เสียงเบา จังหวะในการพูด หยุด เน้น ย้ำ บางครั้งอาจจะต้องพูดซ้ำ เพื่อให้ผู้ฟังจดจำคำพูดนั้นๆ
11.หัดพูดออกมาจากใจ ผู้ฟังมักสังเกตเห็นความจริงใจของนักพูด ที่ผ่านออกมาจากคำพูด น้ำเสียง ท่าทาง หลายคนพูดเรื่องเศร้า ผู้ฟังก็จะรู้สึกเศร้าไปด้วย ทั้งนี้ก็เนื่องมาจาก นักพูดท่านนั้น สอดใส่อารมณ์ สอดใส่ความจริงใจลงไป ตรงกันข้าม ผู้พูดหลายคน พูดเรื่องเศร้า แต่ผู้ฟังแอบยิ้มหรือหัวเราะ เพราะอะไร เพราะผู้ฟังรู้ว่า ผู้พูด พูดออกมาด้วยความจริงใจหรือไม่ นั้นเอง
ฉะนั้น ศิลปะการพูดเราสามารถ พัฒนา ฝึกฝน ปรับปรุง ได้ โดยผ่านข้อแนะนำข้างต้นนี้ หากว่าท่านได้ลงมือฝึกปฏิบัติอย่างตั้งใจ กระผมเชื่อว่า การพูดของท่านก็จะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในการพูดและการใช้คำพูด


...
  
การพูดหาเสียงเลือกตั้ง
การพูดหาเสียงเลือกตั้ง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การแข่งขันชิงตำแหน่งทางการเมืองในระบบประชาธิปไตย การพูดหาเสียงเลือกตั้งเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จอย่างหนึ่งที่นำพาบุคคลนั้นเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง
ผู้นำระดับโลก อย่าง ลินคอล์น(อดีตผู้นำสหรัฐ),ฮิตเล่อร์(อดีตผู้เยอรมันนี),มุสโสลินี(อดีตผู้นำอิตาลี) ผู้นำเหล่านี้ล้วนแต่มีความสามารถในการพูดหาเสียงเลือกตั้งกันทั้งสิ้น
นักการเมืองบ้านเราหลายคนที่พูดหาเสียงเลือกตั้งเก่งมักจะมีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง มากกว่านักการเมืองที่พูดไม่เก่ง เช่น คุณชวน หลีกภัย , คุณสมัคร สุนทรเวช , นายควง อภัยวงศ์ , มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ฯลฯ
ยิ่งในยุคปัจจุบัน ยุคแห่งข้อมูล ยุคของการสื่อสาร เมื่อมีการเลือกตั้งกันทุกครั้ง ก็มักจะเปิดโอกาสให้นักการเมืองได้มีโอกาสพูดหาเสียงผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ , วิทยุ , Youtube , เว๊ปไซค์ต่างๆ ฯลฯ
หากว่านักการเมืองท่านใดมีความสามารถในการพูด มีวาทศิลป์ มีสำนวนโวหาร มีลีลาการพูดดี พูดจาได้คล่องแคล่ว ก็ยิ่งจะเป็นที่ถูกใจของประชาชนโดยมากและเรียกคะแนนนิยมได้อีกด้วย
การพูดหาเสียงเลือกตั้ง จึงเป็นทั้งศาสตร์ที่สามารถเรียนรู้กันได้และเป็นทั้งศิลป์คือสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ ซึ่งการพูดหาเสียงทางการเมืองมีเทคนิคที่หลากหลาย เช่น
- การใช้บทกลอนขึ้นต้นพี่น้องที่เคารพ มีกลอนบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ ถึงฟ้ามืดยังมีดาวบนราวฟ้า ช่วยส่องทางเบื้องหน้าให้สดใส พี่น้องวีรชนส่วนใหญ่ได้ล่วงลับไป บัดนี้เสรีธรรมพร้อมที่จะสดใสขึ้นทดแทน”พี่น้องครับ
- การใช้ถ้อยคำสำนวนที่ชักจูงจูงใจ “ พี่น้องที่เคารพครับ พี่น้องมีความมั่นใจในนโยบายที่เป็นรูปธรรม จับได้ ต้องได้ วัดได้ นับได้ หรือยังครับ ”
- การพูดเปรียบเทียบ “ พี่น้องครับ ผมจะอุปมาอุปมัยให้พี่น้องเข้าใจง่ายๆ ว่า การจราจรในกรุงเทพฯ ตอนนี้ก็เหมือนกับท้องสนามหลวงซึ่งมีพื้นที่ 63 ไร่ ใครจะจอดรถในท้องสนามหลวงก็เข้าไปจอดตามใจชอบ จะมีรถเข้าไปจอดกันได้ซัก 2,000 คัน ก็เต็มแล้ว รถก็ติดขัด เข้าไม่ได้ออกไม่ได้ ยุ่งกันไปหมดเหมือนกับจราจรที่จลาจลที่กรุงเทพฯ เวลานี้”
การพูดหาเสียงเลือกตั้งจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ สำหรับผู้ที่เสนอตัวหรือผู้ที่ต้องการเล่น
การเมือง ถ้าท่านเป็นคนพูดเก่งโอกาสในการได้รับเลือกตั้งยิ่งมีมากขึ้น ซึ่งการพูดหาเสียงอาจจะพูดหาเสียงแบบเดี่ยวและการหาเสียงแบบรวม
การพูดหาเสียงแบบเดี่ยว ท่านอาจจะต้องเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ เช่น หมู่บ้าน อำเภอ ชุมชนต่างๆ วัด ตลาดสด ฯลฯ ยิ่งในช่วงวันใกล้จะเลือกตั้ง ยิ่งต้องอาศัยการพูดหาเสียงหลายจุดและต้องพูดติดต่อกันหลายวัน ทำให้นักการเมืองหลายคนเกิดอาการเจ็บคอหรือป่วยได้
การพูดหาเสียงแบบรวม เป็นกรณีที่ กกต.(สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง)จัดเวทีให้ปราศรัยรวม หรือ กรณีที่พรรคการเมืองได้นำทีมปราศรัยใหญ่มาช่วยหาเสียง
ถ้าพื้นที่เลือกตั้งเป็นพื้นที่ใหญ่ กว้างขวาง ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปหาเสียงได้อย่างทั่วถึง เราก็อาจจะใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย เช่น การบันทึกเสียงของตัวเองแล้วไปเปิดให้ประชาชนในพื้นที่ฟังหรือการถ่ายทอดสดการปราศรัยหาเสียง หลายจุดพร้อมๆกันโดยใช้ วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ เป็นต้น
สำหรับแนวทางการหาเสียงทางการเมือง นักพูดทางด้านการเมือง ควรทำการสำรวจในพื้นที่ว่าประชาชนในพื้นที่มีปัญหาอะไร แล้วจึงเลือกและเน้นการพูดหาเสียงในประเด็นดังกล่าว เช่น ยุคปัจจุบันอาจจะต้องพูดเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาเรื่องปากท้อง , ยุคอดีตที่มีการปฏิวัติ รัฐประหาร บ่อยๆ อาจพูดเน้นประเด็นของประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง , บางยุคบางสมัยอาจพูดเน้นเรื่องปัญหาการทุจริต การโกงกิน เป็นต้น

...
  
การอ้างวาทะคนดังในการพูด
การอ้างวาทะคนดังในการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
“จงอยู่อย่างกระหาย และทำตัวให้โง่เขลาอยู่เสมอ”(Stay Hungry , Stay Foolish) เป็นคำพูดของสตีฟ จอบส์
“คุณจะเห็นอุปสรรคเป็นสิ่งที่น่ากลัว ก็ต่อเมื่อคุณ....ละสายตาจากเป้าหมาย” เป็นคำพูดของเฮรี ฟอร์ด
“ความยิ่งใหญ่ของคน อยู่ที่ขนาดของความฝันของเขา” เป็นคำพูดของ บัณฑิต อึ้งรังสี
การพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟัง โดยใช้คำคมของคนดังหรือบุคคลที่มีชื่อเสียง มีความจำเป็นและมีความสำคัญมากในการพูดแต่ละครั้ง หากท่านได้มีโอกาสใช้คำคมเหล่านี้ประกอบการพูดก็จะทำให้การพูดของท่านมีรสชาติ มีความไพเราะ อีกทั้งทำให้ชวนติดตาม ดังนั้น การสะสม วาทะคนดังไว้มากๆ เพื่อนำไปใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ในการพูดต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นนักพูด
ส่วนใหญ่วาทะคนดัง มักเป็นคำพูดที่คนดังได้ใช้เวลาคิดปกติมักเป็นข้อความสั้นๆ แต่กินใจความลึกซึ้ง เมื่อได้ฟังแล้วนำไปคิดต่อก็มักจะขยายความไปได้อีกมากมาย ซึ่งวาทะคนดังมีมากมาย หลายภาษา หลายชนชาติ หลายวัฒนธรรม ซึ่งคนเป็นนักพูดควรนำไปใช้ให้เหมาะสม ถูกกาลเทศะ ก็จะสร้างความศรัทธาให้เกิดขึ้นแก่ผู้ฟังได้
สำหรับสิ่งที่ควรระวังในการใช้วาทะคนดังในการอ้างอิงในการพูด
1.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะคนดังมากจนเกินไป การใช้วาทะคนดังประกอบการพูดเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ก็ไม่ควรให้มีมากจนเกินไป เพราะการใช้วาทะคนดังมากจนเกินไป จะทำให้ผู้ฟังแทนที่จะเกิดความศรัทธา กลับทำให้เรื่องที่พูดเกิดความน่าเบื่อได้ เปรียบเทียบเหมือนผู้หญิงใส่แหวน หากว่าใส่เป็น ใส่แค่ 1-2 วงก็ทำให้บุคลิกภาพดูดีแล้ว แต่หากใส่ 10 วง ทุกนิ้วหรือมากจนเกินไป ก็จะดูแล้วเป็นตัวตลกมากกว่า ยิ่งใส่มากก็จะทำให้คุณค่าของแหวนและบุคลิกภาพของผู้ใส่ด้อยลงไปด้วย
2.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะที่คร่ำครึ หรือ เก่าเกินไป ไม่ทันสมัย อีกทั้งมีคนใช้บ่อยมากจนดูเป็นวาทะที่ปกติธรรมดา เช่น การอวยพรงานแต่งงาน เรามักจะได้ยินหลายคนอวยพรว่า “ ขอให้ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ”
3.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะ ที่ผิดกาลเทศะ เช่น สถานการณ์ ที่มีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ผู้โต้เถียงมักใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เราดันไปใช้คำคมว่า “ คนเราจะใหญ่ แค่ไหนก็เล็กกว่าโลง” ไม่แน่เราอาจจะได้ลงโลงเร็วกว่าปกติ
4.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะ ที่ไม่ชัดเจน วาทะคนดังหลายวาทะ ที่ไม่ชัดเจน เมื่อนำเอาไปใช้ประกอบการพูดก็จะทำให้ผู้ฟัง งง สับสน ได้ เพราะอย่าว่าแต่ผู้ฟังสับสนเลย ผู้พูดก็ยังสับสนกับวาทะนั้น อีกทั้งยังไม่เข้าใจกับวาทะที่นำเอาไปอ้างอิงด้วย เช่น ไม่กร้าวแต่ยืนยันหนักแน่น
5.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะที่ยาวจนเกินไป การใช้วาทะที่ยาวจนเกินไป ทำให้ผู้พูดบางคนถึงกับต้องก้มลงอ่านวาทะนั้น อีกทั้งทำให้ผู้ฟังไม่สามารถจดจำวาทะนั้นได้ ฉะนั้น การใช้วาทะที่สั้น กระฉับ จะดึงดูดความสนใจและสร้างการจดจำได้มากกว่าเมื่อนำเอาไปใช้ประกอบการพูด
6.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะที่ไม่ตรงกับเรื่องราวที่นำไปพูด วาทะคนดังมีหลากหลาย เมื่อเรานำเอาไปใช้ก็ควรนำไปใช้ให้เหมาะสมกับเรื่องที่พูด เช่น เขาให้พูดเรื่องของการแต่งกาย ก็ควรใช้วาทะเกี่ยวกับการแต่งกายประกอบการพูด “คำโบราณได้กล่าวไว้ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” ไม่ควรใช้วาทะที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่อง การแต่งกาย “ ลิ้นเพียงสองนิ้ว ขงเบ้งยกเมืองให้กับเล่าปี่ได้ ” ซึ่งไม่มีความเกี่ยวพันธ์กับเรื่องการแต่งกายเลย เป็นต้น
อีกทั้งการใช้วาทะคนดังประกอบการพูดที่ดี เราควรที่จะต้องอ้างอิงว่าคำพูดดังกล่าวเป็นของผู้ใด เพื่อมารยาทในการนำเอาไปใช้ประกอบการพูด สำหรับแหล่งข้อมูลต่างๆ ของวาทะคนดังในยุคปัจจุบันนี้มีมากมาย กว่าในอดีต เพราะยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร เราสามารถค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต เราสามารถซื้อหนังสือวาทะคนดังตามร้านขายหนังสือต่างๆ เราสามารถฟังและจดบันทึกจากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการพูดในอนาคตของเรา
คำพูดเหน็บแนมที่เฉียบแหลมรุนแรงย่อมเชือดเฉือนได้ลึกกว่าคมอาวุธ(คติฝรั่งเศส)


...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.