หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  พูดแล้วดัง...ทำแล้วรวย....
  -  คำคม เกี่ยวกับการพูด
  -  การสร้างความเชื่อมั่นในการพูดในที่ชุมชน
  -  นักพูดผู้ยิ่งใหญ่
  -  พูดเก่ง...รวยก่อน...
  -  ศิลปะการพูดจูงใจ
  -  อยากเป็นนักพูด
  -  ลีลานักพูด
  -  ปาก
  -  การแต่งตัวกับนักพูด
  -  ศิลปะการพูด
  -  พูดดีเป็นศรีแก่งาน
  -  พูดดี ต้องประเมิน
  -  ผู้ฟังอันตราย
  -  วิธีการฝึกพูดด้วยตนเอง
  -  ครบเครื่องนักพูด
  -  ยอวาที
  -  การพูดต่อที่ชุมชน
  -  การพูดกับการเป็นผู้นำ
  -  ศิลปะการพูดในงานบริการ
  -  การเปิดฉากการพูด
  -  การดำเนินเรื่องในการพูด
  -  การปิดฉากการพูด
  -  วิธีการฝึกฝนการพูด
  -  การสร้างความน่าเชื่อถือในการพูด
  -  การพูดที่ล้มเหลว
  -  จะเริ่มต้นอาชีพวิทยากรอย่างไร
  -  ความเชื่อมั่นในการพูด
  -  6 W 1 H สำหรับการพูด
  -  พูดอย่างฉลาด
  -  การฝึกพูด
  -  การพูดให้น่าเชื่อถือ
  -  จงระวังความเคยชินในการพูด
  -  คิดอย่างสร้างสรรค์
  -  ภาษากายกับการพูด
  -  ศิลปะการพูด
  -  ข้อแนะนำสำหรับวิทยากรมือใหม่
  -  พูดโทรศัพท์อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
  -  การพูดเพื่องานประชาสัมพันธ์
  -  การสร้างความมั่นใจและลดความประหม่าในการพูด
  -  การใช้สื่อต่างๆประกอบการพูด
  -  การออกเสียงและการพัฒนาพลังเสียงในการพูด
  -  การพูดอย่างมีตรรกะ
  -  การพูดเพื่อให้สัมภาษณ์
  -  ศิลปะการพัฒนาการพูด
  -  การพูดหาเสียงเลือกตั้ง
  -  การอ้างวาทะคนดังในการพูด
  -  คำพูดเจาะจิต
  -  วิธีฝึกการพูดของ ลินคอล์น
  -  จังหวะในการพูด
  -  วิทยากรกับการเป็นวิทยากร
  -  พูดอย่างไรให้ขายได้
  -  การพูดเป็นเรื่องที่ฝึกฝนกันได้
  -  วิธีฝึกการพูดของ หลวงวิจิตรวาทการ
  -  วิธีฝึกพูดของ เดล คาร์เนกี
  -  ปัจจัยที่ส่งผลให้ชนะการเลือกตั้งโดยไม่ใช้เงินซื้อเสียง
  -  การประชาสัมพันธ์เพื่อการตลาด
  -  วิธีสร้างความกล้าในการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
  -  จงพูดอย่างกระตือรือร้น
  -  การพูดและการเป็นโฆษกที่ดี
  -  โฆษกกับการพูดที่ดี
  -  มโนภาพกับการพูด
  -  การใช้มือประกอบการพูด
  -  พลังของจังหวะในการหยุดพูด
  -  ภาษากายไม่เคยโกหก
  -  การอ่านใจคนจากภาษากาย
  -  การพูดสำหรับโฆษกฟุตบอล
  -  เคล็ดลับในการเป็นนักพูดต่อหน้าที่ชุมชนที่ดี
  -  เทคนิคการพูดภาษาอังกฤษคือ ฟัง ฟัง ฟัง
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
การใช้สื่อต่างๆประกอบการพูด
การใช้สื่อต่างๆประกอบการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การใช้สื่อต่างๆประกอบในการพูดมีความสำคัญและในบางโอกาสก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะสื่อต่างๆจะทำให้ผู้ฟังเข้าใจได้ง่ายขึ้น อีกทั้งสามารถทำเรื่องที่เป็นนามธรรมให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน การเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับเรื่องที่พูดจึงเป็นเรื่องที่ควรจะพิจารณา ดังจะเห็นจากการอภิปรายในรัฐสภาของบรรดาสมาชิกสภา ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา หากสมาชิกท่านใด ใช้สื่อต่างๆมาช่วยในการประกอบการพูด ก็จะทำให้ผู้ฟังสนใจและเข้าใจในเนื้อหาที่พูดมากยิ่งขึ้น
สื่อต่างๆที่ใช้ประกอบการพูดมีดังต่อไปนี้
1.แผนที่(Maps) ทำให้ผู้ฟังเข้าใจในลักษณะภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศได้ง่ายขึ้น เช่น บางคนไม่ทราบว่าจังหวัดพะเยา อยู่ภาคไหน แต่พอเห็นแผนที่แล้วจะทำให้ผู้ฟังเห็นภาพชัดว่าจังหวัดพะเยาอยู่ภาคเหนือ อยู่ติดกับจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่านและลำปาง
2.แผนภูมิและแผนสถิติ จะแสดงข้อเท็จจริงให้ปรากฏในรูปแบบแผนผัง ซึ่งถ้าหากพูดเป็นตัวเลขซึ่งมีจำนวนมากและหลายจำนวน ผู้ฟังจะไม่เห็นภาพได้ชัด แต่หากนำมาแสดงเป็นแผนผัง แบบเส้น แบบรูปภาพ แบบแท่ง ฯลฯ ผู้ฟังก็จะเข้าใจและเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
3.หุ่นจำลองหรือของจำลอง เป็นสิ่งที่จำลองมาจากของจริง เนื่องจากของจริงมีลักษณะเล็กเกินไป หรือใหญ่มากจนเกินไป ผู้พูดไม่สามารถนำมาใช้ประกอบการพูดได้ เช่น แบบทรงของบ้าน เครื่องบิน รถยนต์ เป็นต้น
4.ภาพถ่าย มีคำกล่าวที่ว่า “ ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดเป็นจำนวนถึง 10,000 คำ ” เพราะภาพบางภาพจะตอบคำถามบางอย่าง ได้ดีกว่าการอธิบายหรือการแก้ข้อกล่าวหาโดยการใช้คำพูดเป็นจำนวนมาก
5.ของจริง การนำของจริงมาประกอบการพูด จะทำให้ผู้พูดไม่ต้องอธิบายความมาก แต่ข้อควรระวัง สำหรับของจริง บางอย่างมีลักษณะที่ใหญ่มาก จึงควรพิจารณาในการนำมาใช้เพื่อประกอบการพูดด้วย
6.ภาพยนตร์หรือโฆษณาภาพยนตร์ จะทำให้ผู้ฟังเกิดความเพลิดเพลินในการฟัง เป็นการสร้างสีสรรในการพูด ทำให้เกิดความดึงดูดใจกับผู้ฟัง
7.เครื่องบันทึกภาพเคลื่อนภาพ วีดีโอเทป ในบางครั้งอาจจะต้องนำมาใช้ประกอบในการพูด เช่น การฝึกปฏิบัติ ในบางครั้งก็มีความจำเป็นที่จะต้องถ่ายหรือบันทึกภาพเก็บไว้ เพื่อนำมาเปิดให้ผู้ฟังเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ตัวอย่าง การให้ผู้ฟังออกมาฝึกพูดหรือฝึกปฏิบัติหน้าชั้น ควรที่จะถ่ายภาพของผู้ฝึกเก็บไว้ เพื่อนำมาเปิดให้เขาได้ดู
8.แผ่นโปสเตอร์ต่างๆ จะช่วยขยายความของเนื้อหาในการพูดได้มาก แผ่นโปสเตอร์มีทั้งเป็นภาพสีและภาพขาวดำ นอกจากนั้นอาจจะมีข้อความสั้นๆ อธิบายภาพเหล่านั้นด้วย
9.กรณีศึกษา เกมส์ กิจกรรม ประกอบการพูด ในกรณีที่ถูกเชิญให้พูดเป็นเวลานาน หลายวัน หลายชั่วโมง ผู้พูดควรนำกรณีศึกษา เกมส์ กิจกรรม มาช่วยประกอบการพูด ก็จะทำให้ผู้ฟังไม่เบื่อ แต่จะสนุกสนานกับ กรณีศึกษา เกมส์ และกิจกรรม นั้นๆ
ฉะนั้น เราจะเห็นได้ว่าสื่อต่างๆที่สามารถนำมาใช้ประกอบการพูด มีจำนวนมากมาย แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้สื่อใดในการประกอบการพูด ให้มีความเหมาะสมกับผู้ฟัง โดยพิจารณาถึงวัย เพศ อายุ อาชีพของผู้ฟัง และคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น สถานที่เหมาะสมกับสื่อนั้นๆหรือไม่ เป็นต้น
...
  
การออกเสียงและการพัฒนาพลังเสียงในการพูด
การออกเสียงและการพัฒนาพลังเสียงในการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เสียงเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการพูด การเป็นนักพูดไม่จำเป็นจะต้องมีเสียงที่ก้อง กังวาน หวานเหมือนกับเสียงของนักร้อง แต่การใช้เสียงในการพูด ผู้พูดควรเปล่งเสียงออกไปด้วยความมั่นใจ มีพลัง มีชีวิตชีวา อีกทั้งการใช้เสียงที่ดีจะสามารถตรึงผู้ฟังให้ตั้งใจฟังผู้พูดได้
การใช้เสียงในการพูดต่อหน้าที่ชุมชนที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้
1.มีความชัดเจนและมีความถูกต้อง สามารถสื่อสารให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจที่ตรงกันได้
2.ไม่พูดเร็วหรือช้าจนเกินไป การพูดเร็วจะทำให้ผู้ฟังฟังไม่ทัน แต่การพูดช้าจนเกินไปก็จะทำให้ผู้ฟังเกิดอาการเบื่อหน่าย ไม่เกิดความกระตือรือร้นในการฟัง
3.เสียงดังหรือเสียงเบาจนเกินไป การพูดเสียงดังตลอดเวลาในขณะที่พูดจะทำให้ผู้ฟังเกิดความเครียด รู้สึกเหนื่อย ไม่อยากที่จะฟัง และการพูดเสียงเบาจนเกินไป ก็จะทำให้ผู้ฟังคุยกันและไม่สนใจในเรื่องที่ผู้พูดพูด
4.ไม่พูดเสียงต่ำหรือเสียงสูงตลอดเวลา การพูดเสียงต่ำจะทำให้พูดฟังเกิดอาการง่วงนอน แต่การพูดเสียงสูงตลอดเวลา ก็จะทำให้ผู้ฟังเกิดความรำคาญขึ้นมาได้
5.ไม่พูดเหมือนกับการอ่านหนังสือ เพราะจะทำให้ขาดรสชาติในการฟัง ฟังแล้วไม่เป็นธรรมชาติ
6.ไม่พูดเสียงราบเรียบระดับเดียวกันตลอดการพูด เพราะจะทำให้ผู้ฟังขาดความสนใจในเรื่องที่ผู้พูดพูด
7.ไม่ควรใช้คำฟุ่มเฟือยมากจนเกินไป เช่นคำว่า นะครับ นะค่ะ ครับ ค่ะ เอ้อ อ้า จนทำให้ผู้ฟังเกิดความรำคาญในการฟัง
แต่การออกเสียงและพัฒนาพลังเสียงที่ดีในการพูด ผู้พูดควรพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่จริงใจ เสียงดัง ฟังชัด มีความกระตือรือร้นในการพูด เสียงไม่ควรจะราบเรียบระดับเดียวกันตลอดการพูด ควรมีเสียงดังบ้าง เบาบ้าง เสียงสูงบ้าง เสียงต่ำบ้าง เสียงแหลมบ้าง เสียงทุ้มบ้าง พูดเร็วบ้าง พูดช้าบ้าง ให้มีความเป็นธรรมชาติของผู้พูดแต่ละคน แต่ไม่ใช่ใช้เสียงถึงขนาดเป็นการดัดเสียงให้เหมือนกับนักพากย์หนัง อีกทั้งไม่ควรท่องจำหรือใช้วิธีพูดเหมือนกับการอ่านหนังสือ
สำหรับวิธีการปรับปรุงและพัฒนาพลังเสียงในการพูด
1.ควรหัดอ่านหนังสือ โดยการอ่านออกเสียง เพื่อทำให้เกิดการพูดหรือการออกเสียงเกิดความคล่องยิ่งขึ้น และถ้ามีบทสนทนาผู้ฝึกก็ควรหัดออกเสียง เหมือนกับมีบุคคลสองคนหรือสามคนสนทนากัน
2.ควรซ้อมพูดบ่อยๆ หากไม่มีเวที ก็ควรฝึกฝนด้วยตนเอง นักพูดในอดีตซ้อมการพูดในขณะเดินทางโดยการซ้อมพูดในขณะที่อยู่บนหลังม้า บางท่านก็ซ้อมพูดด้วยการออกเสียงดัง ในขณะทำสวน บางคนฝึกหัดซ้อมการพูด การใช้เสียงในขณะเดินอยู่ที่ริมทะเล เป็นต้น
3.ควรมีอุปกรณ์ช่วย เช่น ควรหาเครื่องบันทึกเสียง เครื่องบันทึกภาพยนตร์ บันทึกในขณะที่เราพูด เพราะจะทำให้เราสามารถตรวจสอบและแก้ไขปรับปรุงการใช้เสียงของเราให้ดีขึ้น
โดยสรุป การออกเสียงและการพัฒนาพลังเสียงในการพูดเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการพูดต่อหน้าที่ชุมชน การใช้เสียงจะทำให้การพูดน่าฟัง การพูดน่าเชื่อถือ การพูดมีรสชาติ อีกทั้งผู้ฟังเกิดความสนใจและสามารถตรึงอารมณ์ของผู้ฟังได้อีกด้วย

...
  
การพูดอย่างมีตรรกะ
การนำเสนออย่างมีตรรกะ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การนำเสนออย่างมีตรรกะ เป็นการสื่อสารด้วยคำพูด การเขียน อย่างมีเหตุมีผล ซึ่งทำให้ผู้รับการฟังหรืออ่าน เกิดความเข้าใจ เกิดความศรัทธา เกิดความเชื่อถือในตัวของผู้พูดหรือผู้เขียน การนำเสนออย่างมีตรรกะจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรที่จะศึกษา เรียนรู้และฝึกฝนกัน
สำหรับกระบวนการสื่อสารอย่างมีตรรกะ เราควรคำนึงถึง เรื่องของ 1.วัตถุประสงค์ของการนำเสนอ 2.วิธีการนำเสนอ 3.ความสัมพันธ์กับผู้ที่ต้องการจะสื่อสาร 4.เงื่อนเวลาหรือพื้นที่สื่อ
1.วัตถุประสงค์ของการนำเสนอเป็นสิ่งที่ผู้นำเสนอจะต้องมีความเข้าใจว่าสิ่งที่นำเสนอในครั้งนั้น เราต้องการอะไร เช่น เราต้องการสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องของความบันเทิง , เราต้องการการสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องของการจูงใจหรือเราต้องการสื่อสารเพื่อให้ข้อมูล ให้ความรู้ ในการนำเสนอในครั้งนั้นๆ
2.วิธีการนำเสนอ เมื่อเราทราบวัตถุประสงค์แล้ว สำหรับการพูด การเขียน เราจำเป็นจะต้องหาวิธีการเพื่อที่จะทำให้การนำเสนอของเราเกิดความน่าสนใจ เช่น หากเป็นการนำเสนอเพื่อให้ความรู้ในห้องฝึกอบรม เราก็ควรที่จะมีวิธีการนำเสนอที่หลากหลายเพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อหน่าย มีกิจกรรม มีเกมส์ สลับสับเปลี่ยน เพื่อให้เกิดความสนุกสนานในห้องประชุม หรือ หากเป็นการนำเสนอด้วยการเขียน หากวัตถุประสงค์ในการเขียนในครั้งนั้นๆ เป็นการเขียนเพื่อความบันเทิง เช่นการเขียน นิยาย เราก็ควรมีการใช้ภาษาที่ทำให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าการเขียนในงานวิชาการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ เป็นต้น
3.ความสัมพันธ์กับผู้ที่ต้องการจะสื่อสาร มีความสำคัญมากต่อการสื่อสารเกือบทุกประเภท เพราะหากว่าเรานำเสนอได้ดีขนาดไหน แต่ผู้ฟัง ผู้อ่าน ไม่ชอบเรา มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อตัวเราแล้ว ผลที่ออกมาจากการประเมินก็มักจะไม่ดีตามไปด้วย ฉะนั้นเราจึงไม่แปลกใจที่เราเห็นนักนำเสนอในยุคปัจจุบัน มักมีการสร้างแฟนคลับ ผ่านสื่อต่างๆ เช่น Facebook , การจัดรายการทางโทรทัศน์ , การจัดรายการผ่านวิทยุ , การเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ เป็นต้น
4.เงื่อนเวลาหรือพื้นที่สื่อ ในการนำเสนอทุกแห่ง มักมีเรื่องของการกำหนดเวลาพูดให้แก่ผู้พูดหรือพื้นที่สื่อให้แก่ผู้เขียน ดังนั้น เราควรนำเสนอหรือทำการบ้าน ว่าจะทำเสนอให้สั้น ยาว ย่อ ขยาย ในส่วนใดบ้าง เพื่อให้เหมาะสมกับเรื่องของเงื่อนเวลาหรือพื้นที่สื่อที่มีอย่างจำกัด
Why Why Why (ทำไม ทำไม ทำไม) เป็นคำถามที่นักนำเสนออย่างมีตรรกะ ควรใช้เป็นเครื่องมือในการตั้งคำถามและตอบคำถาม เพื่อการตั้งคำถาม ทำไม จะทำให้เราทราบถึง สาเหตุ ของปัญหา ยิ่งเราถามคำถามว่า ทำไม ซ้ำไปซ้ำมา หลายๆ เที่ยว ก็จะทำให้เราทราบต้นตอที่มีความลึกซึ้งยิ่งๆขึ้น
เมื่อมีปัญหาในหน่วยงานหรือองค์กร ท่านลองตั้งคำถามว่า “ ทำไม” ดูซิครับแล้วที่จะพบคำตอบในการแก้ไขปัญหา และถ้าจะให้ดีท่านควรที่จะมีการสื่อสารโดยการพูดคุยกันต่อหน้า ซึ่งจะดีกว่าการนำเสนอโดยผ่านการรับโทรศัพท์ การส่งอีเมล์ การส่งแฟกซ์ เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจและความสัมพันธ์กันมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง บริษัทโตโยต้า ได้นำ 5 Why คือวิธีวิเคราะห์การทำงานมาใช้ในการทำงาน ซึ่งมีการถาม Why (ทำไม) ซ้ำไปซ้ำมาถึง 5 ครั้ง ทำให้เกิดกระบวนการปรับปรุงงานได้ดียิ่งขึ้น
ศาสนาพุทธ โดยพระศาสดา พระพุทธเจ้า เป็นแบบอย่างที่ดีในการนำเสนอแบบตรรกะ ซึ่งเป็นการสอนแบบมีเหตุมีผล ซึ่งก่อนที่ศาสนาพุทธเกิด ก็ได้มี ศาสนา ความเชื่ออื่นๆ เกิดขึ้นมาก่อนมากมาย แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมกว้างขวางก็เพราะการสอนโดยการขาดความมีตรรกะหรือขาดความมีเหตุผล บางศาสนา บางความเชื่อ ก็สูญหายไปจากโลก ซึ่งตรงกันข้ามกับพุทธศาสนา ที่มีมาอย่างยาวนานถึง 2556 ปี
อัลเบิร์ต ไอสไตล์ นักวิทยาศาสตร์เอกระดับโลก บุคคลที่มีความเป็นอัจฉริยะได้กล่าวก่อนเสียชีวิตว่า หากให้นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง เขาจะเลือกนับถือ ศาสนาพุทธ เขาได้ให้เหตุผลว่า เพราะศาสนาพุทธ สอนอย่างมีเหตุมีผล นั่นเอง
...
  
การพูดเพื่อให้สัมภาษณ์
การพูดเพื่อให้สัมภาษณ์
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การสัมภาษณ์ (Interview) ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 หมายถึง การพบปะวิสาสะกันในลักษณะที่ฝ่ายหนึ่งต้องการทราบเรื่องจากอีกฝ่ายหนึ่ง หรือ ฝ่ายหนึ่งต้องการจะแถลงข่าวแก่อีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อนำไปเผยแพร่(ราชบัณฑิตยสถาน.2525:809)
การพูดเพื่อการสัมภาษณ์ มักจะมีองค์ประกอบดังนี้
1.ผู้สัมภาษณ์
2.ผู้ให้สัมภาษณ์
3.คำถามในการสัมภาษณ์
4.สถานที่ที่ทำการสัมภาษณ์
5.วันเวลาในการสัมภาษณ์
การพูดเพื่อให้สัมภาษณ์ ผู้พูดให้สัมภาษณ์ที่ดีควรมีลักษณะเฉพาะตัวดังนี้
1.มีการเตรียมตัว เตรียมข้อมูล ความรู้ แนวทางในการตอบปัญหา ถ้าเป็นไปได้ควรทำการบ้าน โดยการรวบรวมคำถามอีกทั้งควรเตรียมคำตอบต่างๆเป็นอย่างดี การรวบรวมคำถามและการคาดเดาว่าอีกฝ่ายจะถามอะไรบ้าง เสมือนหนึ่งว่า “ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” จะทำให้เราตอบคำถามได้เป็นอย่างดี
2.มีบุคลิกภาพที่ดี กล้าพูด กล้าแสดงออก ยิ่งตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่เชื่อมั่น พูดเต็มเสียง เต็มอารมณ์ เต็มอาการ ก็จะยิ่งทำให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือ ศรัทธา
3.เรียนรู้ การจับประเด็น แล้ว พยายามตอบปัญหาให้ตรงประเด็นกับเรื่องที่ถูกถาม
4.ต้องคิดก่อนพูดทุกครั้ง คนโง่ “ มักเอาหัวใจไว้ที่ปาก” แต่คนฉลาด “มักเอาปากไว้ที่หัวใจ”
5.ตั้งใจฟังคำถาม หากได้ยินไม่ชัดเจนหรือไม่เข้าใจคำถาม ก็ควรขอให้ผู้สัมภาษณ์ถามทวนอีกครั้ง
6.ใช้ภาษากายช่วยในการตอบคำถาม เช่น สายตาควรมองไปที่กล้องโทรทัศน์ หรือ มองไปยังผู้สัมภาษณ์ ควรใช้มือประกอบบ้าง อีกทั้งควรยิ้ม หรือหัวเราะ เพื่อสร้างความเป็นกันเอง
7.ผู้ให้สัมภาษณ์ ควรศึกษาและทำความเข้าใจคำถามในลักษณะต่างๆ เช่น คำถามปลายเปิด,คำถามปลายปิด,คำถามชี้นำ,คำถามทวน,คำถามหยั่งเชิง เป็นต้น
8.มีไหวพริบปฏิภาณ คนที่จะพูดให้สัมภาษณ์ได้เป็นอย่างดี คนนั้นจะต้องมีไหวพริบปฏิภาณเพราะบางคำถาม เราไม่สามารถคาดเดาได้หรือเราไม่รู้จริงๆ แล้วเราจะต้องตอบอย่างไรเพื่อแก้สภานการณ์เฉพาะหน้า
9.เป็นคนที่ตรงต่อเวลา เมื่อถูกนัดสัมภาษณ์แล้ว ควรไปตามวันเวลาและสถานที่ที่ได้นัดหมายไว้
10.หากเป็นการสัมภาษณ์ผ่านสื่อทางโทรศัพท์ หรือ สื่อทางอินเตอร์เน็ต ก็ควรตรวจเช็คอุปกรณ์ โดยเฉพาะเรื่องของเสียงและภาพให้เรียบร้อยก่อนที่จะสัมภาษณ์
ดังนั้น ผู้ที่จะพูดเพื่อให้สัมภาษณ์ได้ดี ควรจะต้องมีการฝึกฝน เรียนรู้ มีประสบการณ์ในการถูกสัมภาษณ์บ้างจึงจะทำให้ตอบคำถามได้ดียิ่งขึ้น
...
  
ศิลปะการพัฒนาการพูด
ศิลปะการพัฒนาการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
หลายคนมีความเชื่อเรื่อง “ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” หลายคนเชื่อว่า “การพูดเก่งเป็นพรสวรรค์” สำหรับตัวกระผมเอง มีความเชื่อว่า การพูดเก่งพูดเป็น นั่นขึ้นอยู่กับการฝึกฝน เรียนรู้และการพัฒนากันได้ ฉะนั้น ศิลปะการพูด เราสามารถพัฒนาให้เกิดความก้าวหน้าได้ หากว่าท่านมีความปรารถนาอย่างแท้จริง โดยการกระทำตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
1.สร้างเป้าหมายขึ้นมา คนที่มีการพัฒนาการพูดได้อย่างรวดเร็ว เขามักเป็นคนมีเป้าหมาย และเขารู้ว่า เขาต้องการเป็นนักพูดระดับใด เช่น ระดับตำบล ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ หรือเป็นนักพูดระดับโลก ฉะนั้น หากท่านมีเป้าหมายที่ใหญ่ท่านก็จะมีความพยายามมีความมานะมากกว่าคนอื่นๆ และหากท่านต้องการเป็นนักพูดระดับโลกด้วยแล้ว ท่านก็คงต้องไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม
2.ทำงานหนักกว่าคนอื่นๆ คนที่มีการพัฒนาการพูดได้อย่างรวดเร็ว เขามักจะต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น เขาจะทำการบ้านทุกครั้งก่อนขึ้นพูด เขาต้องเตรียมตัวการพูดของเขาเป็นอย่างดี อีกทั้งมีการจัดสรรเวลาให้กับการพัฒนาการพูดอย่างต่อเนื่อง
3.ฝึก ซ้อม การพูด อยู่เสมอ คนที่มีการพัฒนาการพูดได้อย่างรวดเร็ว เขามักหาเวทีในการพูดอยู่เสมอ และหากว่าไม่มีใครเชิญพูด เขาก็จะหาที่เงียบๆ ซ้อมพูดคนเดียว อยู่เป็นประจำ
4.ฟัง อ่าน เรื่องราวที่ใช้ประกอบการพูด อยู่เป็นประจำ คนที่มีการพัฒนาการพูดของตนเอง มักจะเป็นนักอ่าน นักฟัง เขาจะใช้เวลาว่างในการอ่านหนังสือ เขาจะขยันตามไปฟังนักพูดคนอื่นๆพูด เพื่อนำมาเป็นข้อมูลและเพื่อใช้ในการปรับปรุงการพูดของตนเอง
5.ฝึกใช้ถ้อยคำ ภาษา คนที่มีการพัฒนาการพูดของตนเอง มักเป็นผู้ที่ร่ำรวยในการใช้ภาษา เขาจะมีการบันทึก มีการจด การจำ ภาษาที่แปลกๆ ภาษาที่ไพเราะๆ เพื่อนำเอาไปใช้ในการพูดในภายภาคหน้า
6.ใช้หลักอิทธิบาท 4 (ฉันทะ วิริยะ จิตตะและวิมังสา) ฉันทะ มีความชอบมีความปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จในการพูด,วิริยะ ความพากเพียรความขยันในการฝึกฝนการพูด , จิตตะ ความเอาใจใส่จดจ่อต่อเป้าหมายในการพูดและวิมังสา ความไตร่ตรอง การปรับปรุงการพูดของตนเองอยู่เสมอ
7.ฝึกฝนความเชื่อมั่นในตนเอง เราจะเป็นนักพูดที่เก่งไม่ได้เลย หากว่าเราขาดความเชื่อมั่นในตนเอง หลายคนมีความรู้สูง มีฐานะดี แต่พูดไม่ได้เรื่อง แต่ตรงกันข้าม นักพูดที่เก่งหลายๆคน กลับไร้ซึ่งการศึกษา จงฝึกฝนความเชื่อมั่น แล้วผู้ฟังจะศรัทธาในการพูดของท่าน
8.ฝึกฝน ระบบคิด คนที่พูดเก่งพูดเป็น มักจะเป็นคนที่มีระบบการคิดที่ดีด้วย หลายคนมีความคิดที่แปลกใหม่ เมื่อพูดออกไป ก็จะทำให้คนฟัง เกิดความสนใจในเรื่องที่พูดด้วย
9.รู้จักใช้คำพูดให้ถูกกาล เรื่องบางเรื่องเราอยากที่จะพูด แต่ก็ไม่ควรพูด เพราะมันเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมที่จะพูดในช่วงเวลานั้น เราก็ไม่ควรพูด ฉะนั้น นักพูดที่ฉลาด มักจะเลือกใช้คำพูดให้เหมาะสม กับผู้ฟัง กับสถานที่ นั้นๆ
10.ฝึกฝน การใช้เสียง เสียงดัง เสียงเบา จังหวะในการพูด หยุด เน้น ย้ำ บางครั้งอาจจะต้องพูดซ้ำ เพื่อให้ผู้ฟังจดจำคำพูดนั้นๆ
11.หัดพูดออกมาจากใจ ผู้ฟังมักสังเกตเห็นความจริงใจของนักพูด ที่ผ่านออกมาจากคำพูด น้ำเสียง ท่าทาง หลายคนพูดเรื่องเศร้า ผู้ฟังก็จะรู้สึกเศร้าไปด้วย ทั้งนี้ก็เนื่องมาจาก นักพูดท่านนั้น สอดใส่อารมณ์ สอดใส่ความจริงใจลงไป ตรงกันข้าม ผู้พูดหลายคน พูดเรื่องเศร้า แต่ผู้ฟังแอบยิ้มหรือหัวเราะ เพราะอะไร เพราะผู้ฟังรู้ว่า ผู้พูด พูดออกมาด้วยความจริงใจหรือไม่ นั้นเอง
ฉะนั้น ศิลปะการพูดเราสามารถ พัฒนา ฝึกฝน ปรับปรุง ได้ โดยผ่านข้อแนะนำข้างต้นนี้ หากว่าท่านได้ลงมือฝึกปฏิบัติอย่างตั้งใจ กระผมเชื่อว่า การพูดของท่านก็จะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในการพูดและการใช้คำพูด


...
  
การพูดหาเสียงเลือกตั้ง
การพูดหาเสียงเลือกตั้ง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การแข่งขันชิงตำแหน่งทางการเมืองในระบบประชาธิปไตย การพูดหาเสียงเลือกตั้งเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จอย่างหนึ่งที่นำพาบุคคลนั้นเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง
ผู้นำระดับโลก อย่าง ลินคอล์น(อดีตผู้นำสหรัฐ),ฮิตเล่อร์(อดีตผู้เยอรมันนี),มุสโสลินี(อดีตผู้นำอิตาลี) ผู้นำเหล่านี้ล้วนแต่มีความสามารถในการพูดหาเสียงเลือกตั้งกันทั้งสิ้น
นักการเมืองบ้านเราหลายคนที่พูดหาเสียงเลือกตั้งเก่งมักจะมีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง มากกว่านักการเมืองที่พูดไม่เก่ง เช่น คุณชวน หลีกภัย , คุณสมัคร สุนทรเวช , นายควง อภัยวงศ์ , มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ฯลฯ
ยิ่งในยุคปัจจุบัน ยุคแห่งข้อมูล ยุคของการสื่อสาร เมื่อมีการเลือกตั้งกันทุกครั้ง ก็มักจะเปิดโอกาสให้นักการเมืองได้มีโอกาสพูดหาเสียงผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ , วิทยุ , Youtube , เว๊ปไซค์ต่างๆ ฯลฯ
หากว่านักการเมืองท่านใดมีความสามารถในการพูด มีวาทศิลป์ มีสำนวนโวหาร มีลีลาการพูดดี พูดจาได้คล่องแคล่ว ก็ยิ่งจะเป็นที่ถูกใจของประชาชนโดยมากและเรียกคะแนนนิยมได้อีกด้วย
การพูดหาเสียงเลือกตั้ง จึงเป็นทั้งศาสตร์ที่สามารถเรียนรู้กันได้และเป็นทั้งศิลป์คือสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ ซึ่งการพูดหาเสียงทางการเมืองมีเทคนิคที่หลากหลาย เช่น
- การใช้บทกลอนขึ้นต้นพี่น้องที่เคารพ มีกลอนบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ ถึงฟ้ามืดยังมีดาวบนราวฟ้า ช่วยส่องทางเบื้องหน้าให้สดใส พี่น้องวีรชนส่วนใหญ่ได้ล่วงลับไป บัดนี้เสรีธรรมพร้อมที่จะสดใสขึ้นทดแทน”พี่น้องครับ
- การใช้ถ้อยคำสำนวนที่ชักจูงจูงใจ “ พี่น้องที่เคารพครับ พี่น้องมีความมั่นใจในนโยบายที่เป็นรูปธรรม จับได้ ต้องได้ วัดได้ นับได้ หรือยังครับ ”
- การพูดเปรียบเทียบ “ พี่น้องครับ ผมจะอุปมาอุปมัยให้พี่น้องเข้าใจง่ายๆ ว่า การจราจรในกรุงเทพฯ ตอนนี้ก็เหมือนกับท้องสนามหลวงซึ่งมีพื้นที่ 63 ไร่ ใครจะจอดรถในท้องสนามหลวงก็เข้าไปจอดตามใจชอบ จะมีรถเข้าไปจอดกันได้ซัก 2,000 คัน ก็เต็มแล้ว รถก็ติดขัด เข้าไม่ได้ออกไม่ได้ ยุ่งกันไปหมดเหมือนกับจราจรที่จลาจลที่กรุงเทพฯ เวลานี้”
การพูดหาเสียงเลือกตั้งจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ สำหรับผู้ที่เสนอตัวหรือผู้ที่ต้องการเล่น
การเมือง ถ้าท่านเป็นคนพูดเก่งโอกาสในการได้รับเลือกตั้งยิ่งมีมากขึ้น ซึ่งการพูดหาเสียงอาจจะพูดหาเสียงแบบเดี่ยวและการหาเสียงแบบรวม
การพูดหาเสียงแบบเดี่ยว ท่านอาจจะต้องเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ เช่น หมู่บ้าน อำเภอ ชุมชนต่างๆ วัด ตลาดสด ฯลฯ ยิ่งในช่วงวันใกล้จะเลือกตั้ง ยิ่งต้องอาศัยการพูดหาเสียงหลายจุดและต้องพูดติดต่อกันหลายวัน ทำให้นักการเมืองหลายคนเกิดอาการเจ็บคอหรือป่วยได้
การพูดหาเสียงแบบรวม เป็นกรณีที่ กกต.(สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง)จัดเวทีให้ปราศรัยรวม หรือ กรณีที่พรรคการเมืองได้นำทีมปราศรัยใหญ่มาช่วยหาเสียง
ถ้าพื้นที่เลือกตั้งเป็นพื้นที่ใหญ่ กว้างขวาง ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปหาเสียงได้อย่างทั่วถึง เราก็อาจจะใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย เช่น การบันทึกเสียงของตัวเองแล้วไปเปิดให้ประชาชนในพื้นที่ฟังหรือการถ่ายทอดสดการปราศรัยหาเสียง หลายจุดพร้อมๆกันโดยใช้ วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ เป็นต้น
สำหรับแนวทางการหาเสียงทางการเมือง นักพูดทางด้านการเมือง ควรทำการสำรวจในพื้นที่ว่าประชาชนในพื้นที่มีปัญหาอะไร แล้วจึงเลือกและเน้นการพูดหาเสียงในประเด็นดังกล่าว เช่น ยุคปัจจุบันอาจจะต้องพูดเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาเรื่องปากท้อง , ยุคอดีตที่มีการปฏิวัติ รัฐประหาร บ่อยๆ อาจพูดเน้นประเด็นของประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง , บางยุคบางสมัยอาจพูดเน้นเรื่องปัญหาการทุจริต การโกงกิน เป็นต้น

...
  
การอ้างวาทะคนดังในการพูด
การอ้างวาทะคนดังในการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
“จงอยู่อย่างกระหาย และทำตัวให้โง่เขลาอยู่เสมอ”(Stay Hungry , Stay Foolish) เป็นคำพูดของสตีฟ จอบส์
“คุณจะเห็นอุปสรรคเป็นสิ่งที่น่ากลัว ก็ต่อเมื่อคุณ....ละสายตาจากเป้าหมาย” เป็นคำพูดของเฮรี ฟอร์ด
“ความยิ่งใหญ่ของคน อยู่ที่ขนาดของความฝันของเขา” เป็นคำพูดของ บัณฑิต อึ้งรังสี
การพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟัง โดยใช้คำคมของคนดังหรือบุคคลที่มีชื่อเสียง มีความจำเป็นและมีความสำคัญมากในการพูดแต่ละครั้ง หากท่านได้มีโอกาสใช้คำคมเหล่านี้ประกอบการพูดก็จะทำให้การพูดของท่านมีรสชาติ มีความไพเราะ อีกทั้งทำให้ชวนติดตาม ดังนั้น การสะสม วาทะคนดังไว้มากๆ เพื่อนำไปใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ในการพูดต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นนักพูด
ส่วนใหญ่วาทะคนดัง มักเป็นคำพูดที่คนดังได้ใช้เวลาคิดปกติมักเป็นข้อความสั้นๆ แต่กินใจความลึกซึ้ง เมื่อได้ฟังแล้วนำไปคิดต่อก็มักจะขยายความไปได้อีกมากมาย ซึ่งวาทะคนดังมีมากมาย หลายภาษา หลายชนชาติ หลายวัฒนธรรม ซึ่งคนเป็นนักพูดควรนำไปใช้ให้เหมาะสม ถูกกาลเทศะ ก็จะสร้างความศรัทธาให้เกิดขึ้นแก่ผู้ฟังได้
สำหรับสิ่งที่ควรระวังในการใช้วาทะคนดังในการอ้างอิงในการพูด
1.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะคนดังมากจนเกินไป การใช้วาทะคนดังประกอบการพูดเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ก็ไม่ควรให้มีมากจนเกินไป เพราะการใช้วาทะคนดังมากจนเกินไป จะทำให้ผู้ฟังแทนที่จะเกิดความศรัทธา กลับทำให้เรื่องที่พูดเกิดความน่าเบื่อได้ เปรียบเทียบเหมือนผู้หญิงใส่แหวน หากว่าใส่เป็น ใส่แค่ 1-2 วงก็ทำให้บุคลิกภาพดูดีแล้ว แต่หากใส่ 10 วง ทุกนิ้วหรือมากจนเกินไป ก็จะดูแล้วเป็นตัวตลกมากกว่า ยิ่งใส่มากก็จะทำให้คุณค่าของแหวนและบุคลิกภาพของผู้ใส่ด้อยลงไปด้วย
2.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะที่คร่ำครึ หรือ เก่าเกินไป ไม่ทันสมัย อีกทั้งมีคนใช้บ่อยมากจนดูเป็นวาทะที่ปกติธรรมดา เช่น การอวยพรงานแต่งงาน เรามักจะได้ยินหลายคนอวยพรว่า “ ขอให้ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ”
3.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะ ที่ผิดกาลเทศะ เช่น สถานการณ์ ที่มีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ผู้โต้เถียงมักใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เราดันไปใช้คำคมว่า “ คนเราจะใหญ่ แค่ไหนก็เล็กกว่าโลง” ไม่แน่เราอาจจะได้ลงโลงเร็วกว่าปกติ
4.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะ ที่ไม่ชัดเจน วาทะคนดังหลายวาทะ ที่ไม่ชัดเจน เมื่อนำเอาไปใช้ประกอบการพูดก็จะทำให้ผู้ฟัง งง สับสน ได้ เพราะอย่าว่าแต่ผู้ฟังสับสนเลย ผู้พูดก็ยังสับสนกับวาทะนั้น อีกทั้งยังไม่เข้าใจกับวาทะที่นำเอาไปอ้างอิงด้วย เช่น ไม่กร้าวแต่ยืนยันหนักแน่น
5.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะที่ยาวจนเกินไป การใช้วาทะที่ยาวจนเกินไป ทำให้ผู้พูดบางคนถึงกับต้องก้มลงอ่านวาทะนั้น อีกทั้งทำให้ผู้ฟังไม่สามารถจดจำวาทะนั้นได้ ฉะนั้น การใช้วาทะที่สั้น กระฉับ จะดึงดูดความสนใจและสร้างการจดจำได้มากกว่าเมื่อนำเอาไปใช้ประกอบการพูด
6.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะที่ไม่ตรงกับเรื่องราวที่นำไปพูด วาทะคนดังมีหลากหลาย เมื่อเรานำเอาไปใช้ก็ควรนำไปใช้ให้เหมาะสมกับเรื่องที่พูด เช่น เขาให้พูดเรื่องของการแต่งกาย ก็ควรใช้วาทะเกี่ยวกับการแต่งกายประกอบการพูด “คำโบราณได้กล่าวไว้ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” ไม่ควรใช้วาทะที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่อง การแต่งกาย “ ลิ้นเพียงสองนิ้ว ขงเบ้งยกเมืองให้กับเล่าปี่ได้ ” ซึ่งไม่มีความเกี่ยวพันธ์กับเรื่องการแต่งกายเลย เป็นต้น
อีกทั้งการใช้วาทะคนดังประกอบการพูดที่ดี เราควรที่จะต้องอ้างอิงว่าคำพูดดังกล่าวเป็นของผู้ใด เพื่อมารยาทในการนำเอาไปใช้ประกอบการพูด สำหรับแหล่งข้อมูลต่างๆ ของวาทะคนดังในยุคปัจจุบันนี้มีมากมาย กว่าในอดีต เพราะยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร เราสามารถค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต เราสามารถซื้อหนังสือวาทะคนดังตามร้านขายหนังสือต่างๆ เราสามารถฟังและจดบันทึกจากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการพูดในอนาคตของเรา
คำพูดเหน็บแนมที่เฉียบแหลมรุนแรงย่อมเชือดเฉือนได้ลึกกว่าคมอาวุธ(คติฝรั่งเศส)


...
  
คำพูดเจาะจิต
คำพูดเจาะจิต
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อน กล่าวเลลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง
จากบทกลอนข้างต้น อยู่ในมงคลชีวิตที่ 10 กล่าววาจาอันเป็นสุภาษิต ซึ่งหากใครที่เคยมีประสบการณ์ในทางการพูดอยู่บ้าง ก็จะทราบดีว่า การกล่าววาจาเป็นสุภาษิต มักจะทำให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือในเรื่องราวที่ผู้พูดได้พูด เพราะคำสุภาษิตต่างๆ เป็นคำพูดที่มีความคม มีความไพเราะอยู่ในตัว
สำหรับ คำสุภาษิต ในมงคลชีวิตนั้น หมายถึง คำพูดที่เป็นความจริง คำพูดที่มีประโยชน์ คำพูดที่สุภาพ คำพูดที่ใช้ถูกกาลเทศะและคำพูดที่มีความเมตตา
1.คำพูดที่เป็นความจริง เป็นคำพูดที่ไม่โกหก หลอกลวง ไม่ได้มีการปั้นแต่งขึ้น อีกทั้งควรมี หลักฐานสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ ซึ่งการพูดความจริงมีความสำคัญมาก เพราะคนที่พูดโกหกบ่อยๆ หากผู้ฟังจับได้ว่า พูดโกหก ก็จะทำให้ผู้ฟังขาดความเชื่อถือในการพูดครั้งต่อไปของผู้พูด การพูดที่ไม่เป็นความจริง ทางพุทธศาสนา เรียกว่า มุสาวาท ถือว่าเป็น อกุศลกรรมอย่างหนึ่ง
2.คำพูดที่มีประโยชน์ มีคำกล่าวที่ว่า “ คำพูดที่ดีๆ มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดๆ” เช่น การพูดให้กำลังใจผู้อื่น การพูดปลุกพลังให้ผู้อื่น ล้วนแต่มีประโยชน์และสร้างสรรค์ทั้งสิ้น แต่ตรงกันข้าม คำพูดหลายคำพูดมักที่จะไปทำลายความสามัคคีปรองดองกัน คำพูดหลายคำพูดมักจะทำให้เกิดการแตกแยกกัน คำพูดเหล่านี้มักเป็นคำพูดที่ไม่ก่อประโยชน์และไม่สร้างสรรค์
3.คำพูดที่สุภาพ การพูดที่มีความสุภาพ มักทำให้ผู้ฟังอยากที่จะติดตามฟัง เป็นคำพูดที่ช่วยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีในการอยู่ร่วมกันในสังคม อีกทั้งการพูดสุภาพจะทำให้เห็นถึงความเป็นผู้ดีของผู้พูดดังคำกล่าวที่ว่า “ ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน”
4.คำพูดที่ใช้ถูกกาลเทศะ เป็นคำพูดที่นำเอาไปใช้ถูกจังหวะเวลา ถูกจังหวะของสถานที่และเหมาะสมกับโอกาส ก็จะทำให้การพูดของผู้พูดเข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้ฟังได้ดียิ่งขึ้น ตรงกันข้ามการพูดที่ไม่ถูกจังหวะเวลา ถูกสถานที่และเหมาะสมกับโอกาส แม้จะพูดดีสักปานใดก็ไม่ประสบความสำเร็จ เช่น คนทะเลาะกัน เกิดมีอารมณ์โต้เถียงกันอย่างรุนแรง เราจะไปพูดด้วยเหตุผลหรือจะไปพูดดีอย่างไร คนก็มักจะไม่ฟังเราพูด อีกทั้งยังทำลายมิตรภาพอีกด้วย แต่ถ้าเขาเลิกทะเลาะกัน ไม่ได้ใช้อารมณ์ เราลองนำเรื่อง เดียวกัน เหตุผลเดียวกันไปพูด เขาก็อาจจะเกิดความเชื่อถือ ศรัทธาเราได้
หรือ อีกตัวอย่างหนึ่ง หากว่าเราเป็นนักขาย ลูกค้ากำลังยุ่งๆ อยู่ แล้วเราจะนำสินค้าไปเสนอขายอย่างไร เขาก็จะไม่ตั้งใจฟังเรา เนื่องจากเราไปนำเสนอขายสินค้าผิดจังหวะเวลา นั่นเอง
5.คำพูดที่มีความเมตตา เป็นคำพูดที่พูดออกไปแล้วผู้ฟังได้รับความสุข เกิดความปิติมานะ เกิดความปรารถดี เป็นคำพูดที่มีความจริงใจ สำหรับผู้ที่มีความเมตตาในการพูดมักจะไม่ใช้อารมณ์โกรธหรือบันดาลโทสะในการพูด เพราะการพูดบันดาลโทสะ มักจะทำให้ผู้ฟังเกิดอาการเศร้า อาการเสียใจ และบันทอนกำลังใจของผู้ฟัง
ฉะนั้น คนที่จะสามารถพูดอย่างเจาะจิตคนได้ จะต้องเป็นคนที่คิดให้มาก แต่พูดให้น้อย หรือคิดก่อนพูดทุกครั้ง ต้องกลั่นกรองคำพูดต่างๆออกมาก่อนที่จะพูดออกไป สำหรับเรื่องของอารมณ์ในการพูดก็มีส่วนสำคัญ หลายคนมีอารมณ์โกรธ มีอารมณ์โมโห ในขณะพูดก็จะทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้ เช่นใครพูดไม่ถูกหู ก็จะไม่พอใจ เกิดอารมณ์อยากด่า เกิดอารมณ์อยากชวนทะเลาะ ดังนั้น หากใครที่รู้ว่ามีอารมณ์ต่างๆที่ไม่สบายใจ ทำให้ขุ่นใจ จงรอให้อารมณ์เหล่านั้นดับไปก่อน แล้วการพูดของท่านจะครองใจผู้ฟังได้มากกว่าการพูดในขณะที่มีอารมณ์ต่างๆที่ไม่ดีในการพูด


...
  
วิธีฝึกการพูดของ ลินคอล์น
วิธีฝึกการพูดของ ลินคอล์น
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ลินคอล์น มีชื่อเต็มๆว่า อับราฮัม ลินคอล์น ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐ อีกทั้งได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำระดับโลกคนหนึ่ง ลินคอล์น ไต่เต้าจากเด็กที่ยากจนคนหนึ่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ด้วยวิถีทางที่สะอาดบริสุทธิ์ การเลิกทาสในอเมริกาคือผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาฝากไว้ให้แก่โลกใบนี้
ด้านการพูด ลินคอล์น เป็นนักพูดที่มีจุดเด่นอยู่หลายอย่าง เช่น การใช้อารมณ์ขันในการพูด การใช้ถ้อยคำภาษาที่ไพเราะกินใจ การพูดสุนทรพจน์ที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คน สุนทรพจน์ที่โลกยกย่องว่าดีที่สุดของลินคอล์น ได้แก่ สุนทรพจน์ที่เก็ตติสเบอร์ก
สุนทรพจน์ที่เก็ตติสเบอร์ก เป็นการกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในพิธีฉลองสุสานแห่งเมืองเก็ตติสเบอร์ก ที่ที่ซึ่งเป็นสถานที่ในการทำสงครามกลางเมืองครั้งสำคัญในอดีตของสหรัฐ อีกทั้งสุนทรพจน์นี้มีความสั้นมากมีเพียงแค่ 10 ประโยค แต่มีความไพเราะ มีวรรคทอง มีชีวิต จนกระทั้ง มหาวิทยาลัย อ็อกฟอร์ด ต้องนำไปติดที่ผนังของมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นตัวอย่างว่าเป็นสุนทรพจน์ที่มีความไพเราะที่สุดสุนทรพจน์หนึ่งของโลก ซึ่งวรรคทองที่มีการปรับและประยุกต์ใช้ กล่าวอ้างกันอย่างแพร่หลายก็คือ การปกครองแบบประชาธิปไตยคือการปกครองของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน
วิธีการฝึกการพูดของ ลินคอล์น ลินคอล์น มักจะอ่านหนังสือออกเสียงที่ดังตลอดเวลา เพราะการอ่านหนังสือออกเสียง เป็นการฝึกการใช้เสียง การฝึกความชัดเจนของภาษา การฝึกพลังเสียง อีกทั้งยังทำให้เกิดความทรงจำที่ดีสำหรับเขาอีกด้วย
เขามักจะสะสม ภาษา ถ้อยคำ คำคม สุภาษิต ต่างๆ เพื่อนำเอาไปใช้ในการพูด โดยวิธีการบันทึก สิ่งต่างๆที่จะนำเอาไปใช้ในการพูดอยู่ตลอดเวลา หากมีเวลา โดยเฉพาะในระหว่างเดินทางไปเมืองต่างๆ โดยม้า เขามักจะมีการฝึกการพูดบนหลังม้าอยู่เป็นประจำ
เขาเป็นคนที่มีความพยายาม ทำอะไรไม่ทอดทิ้ง การฝึกการพูดก็เช่นกัน เขามักจะมีการฝึกการพูดโดยหาเวทีต่างๆ ในสมัยที่ทำงานรับจ้าง ช่วงพักกลางวัน เขามักจะเล่าเรื่องสนุกๆ ให้แก่บรรดาเพื่อนร่วมงานฟัง ทำให้เกิดความสนุกสนาน ผ่อนคลาย แต่นายจ้างมักจะไม่ค่อยชอบใจนัก ซึ่งเรื่องเล่าขำขันของเขามักนำมาจากหนังสือเช่น หนังสือ คำตลกคะนองของควิน เขาจะพยายามท่องจำจนขึ้นใจ แล้วนำมาเล่า
การใช้อารมณ์ขันในการพูด จึงเป็นเครื่องมือที่ทำให้เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทางการเมืองได้อย่างรวดเร็ว เพราะการพูดโดยการใช้อารมณ์ขันมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นกันเอง ช่วยให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดเกิดการผ่อนคลาย ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี ช่วยให้มีเพื่อนมากขึ้น
การหาเสียงทางการเมือง ลินคอล์นได้สร้างความสำเร็จโดยการใช้อารมณ์ขันให้แก่พรรคการเมืองของเขาจนประสบความสำเร็จ เมื่อลินคอล์น เข้าสู่วงการทางการเมือง เขาก็มีความเจริญเติบโต ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ในการแข่งขันทางการเมืองย่อมมีการโจมตีกัน กล่าวหากัน พรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม มักจะโจมตีพรรคที่เขาสังกัด พรรควิก(ปัจจุบันเป็นพรรคริปับลิกัน) ว่าเป็นพรรคของผู้ดี ชอบแต่งตัวหรูโอ่อ่า
ซึ่ง ลินคอล์น ก็ใช้อารมณ์ขันที่เขาถนัดตอบโต้คู่แข่งขันทางการเมืองด้วยอารมณ์ขันและคำพูดที่แหลมคมว่า
“ ข้าพเจ้ามาสู่รัฐอิลลินอยส์ใน ฐานะเด็กยากจนที่ไร้การศึกษา เป็นคนแปลกหน้า ไม่มีมิตรสหาย และเริ่มทำงานในเรือท้องแบนด้วยค่าจ้างเดือนละแปดเหรียญ และข้าพเจ้ามีกางเกงชนิดขาแคบอยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้น กางเกงซึ่งทำด้วยหนังกวาง เมื่อเจ้าหนังกวางเปียกน้ำแล้วถูกแดดแห้งมันจะทำการหดตัว ซึ่งเจ้ากางเกงหนังกวางนี้จะหดจนกระทั่งปลายขากางเกง อยู่ห่างกับปลายถุงเท้า หลายนิ้ว ปล่อยให้ขาส่วนนั้นไม่มีสิ่งใดปกปิด ครั้งเมื่อลำตัวของข้าพเจ้าสูงขึ้น ความเปียก ความแห้งนี่เอง ทำให้ขากางเกงสั้นเข้าและรัดขา ข้าพเจ้าแน่นเข้าทุกที จนกระทั่งทิ้งรอยช้ำเขียวไว้ที่ขาข้าพเจ้าตราบเท่าทุกวันนี้ นี่แหละท่าน ถ้าท่านเรียกการแต่งตัวเช่นนี้ว่าเป็นการหรูโอ่อ่า เป็นพวกผู้ดี ข้าพเจ้าจำต้องเรียกการกล่าวหานั้นว่าเป็นความผิดอย่างอุกฤษฏ์” (ท่านสามารถหาอ่านได้จากหนังสือ ลินคอล์น มหาบุรุษ ของอาษา ขอจิตเมตต์ ได้เพิ่มเติม)
เมื่อผู้ฟังได้ฟังแล้ว ก็ต่างกันร้องตะโกน เป่าปาก ด้วยความพึงพอใจ หัวเราะสนุกสนาน กับการหาเสียงในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง
ฉะนั้น กระผมขอสรุปวิธีฝึกการพูดของ ลินคอล์น สั้นๆดังนี้ ลินคอล์น มีการฝึกการพูดด้วยตนเอง อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าอยู่บนหลังม้าขณะเดินทางไปต่างเมือง ลินคอล์น ชอบสะสม คำคม ข้อมูลต่างๆที่ใช้ในการพูด และหากมีเวลา เขาจะคิดวรรคทองของเขาเอง ลินคอล์น ชอบอ่านหนังสือเสียงดัง เพราะเป็นการฝึกการใช้น้ำเสียง ฝึกใช้พลังเสียง ฝึกความเคยชินในการออกเสียง ลินคอล์น พยายามหาเวทีพูดให้แก่ตนเอง ตลอดเวลา เช่น พูดเล่าเรื่องสนุกๆให้แก่เพื่อนร่วมงานเวลาพักกลางวัน , พูดเล่าเรื่องสนุกๆให้แก่นายเจ้าและเพื่อนร่วมงานในชีวิตการเป็นลูกจ้างในการเดินเรือซึ่งต้องอยู่กลางทะเลเป็นเวลานานๆ ลินคอล์น ฝึกไหวพริบปฏิภาณในการใช้อารมณ์ขันในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในการพูด เป็นต้น



...
  
จังหวะในการพูด
จังหวะในการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
Let the speech be better than silence,or be silet.(จงทำให้การพูดนั้นดูดีกว่าความเงียบ ถ้าทำไม่ได้ก็เงียบเสียดีกว่า)
การพูดให้เกิดความน่าสนใจ การพูดที่ทำให้ผู้ฟังติดตามฟัง การพูดที่สร้างความประทับใจ จังหวะในการพูดมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ผู้พูดต้องฝึกการพูดให้มีจังหวะจะโคน ต้องรู้ว่า เวลาไหนควรเงียบ เวลาไหนควรพูดต่อ ต้องมีการเว้นวรรค มีเสียงดัง เสียงเบา เสียงเน้น เสียงย้ำ มีการยืดเสียง ผู้พูดที่มีจังหวะในการพูด มักจะประสบความสำเร็จมากกว่า ผู้พูดที่พูดติดต่อกันไปเรื่อยๆยาวๆ โดยไม่มีจังหวะในการพูด
คำพูด เอ่อ..หรือ อ้า....มักทำให้จังหวะในการพูดเสียไปหรือไม่ชวนให้ผู้ฟังติดตาม แต่ในทางตรงกันข้ามจะทำให้ผู้ฟังเกิดความรำคาญ ดังนั้น ผู้พูดที่มีคำฟุ่มเฟื่อย เช่น เอ่อ อ้า นะครับ นะค่ะ ครับ ค่ะ ลงท้ายประโยคเป็นจำนวนมากๆ จึงควรหาทางแก้ไข ปรับปรุงตนเอง ให้มีลดน้อยลง
จังหวะในการพูดกับน้ำเสียง น้ำเสียงในการพูดมีความสอดคล้องกับจังหวะในการพูดอย่างแยกไม่ออก ผู้พูดที่ดี ควรรู้จังหวะในการใช้เสียง ว่าเวลาใดควรพูดเสียงสูง เวลาใดควรพูดเสียงต่ำ เวลาใดควรพูดเสียงปกติ ซึ่งการจะทราบถึงจังหวะเหล่านี้ได้ คงต้องใช้เวลาฝึกฝน อีกทั้งยังต้องผ่านประสบการณ์ในการพูดมาพอสมควร
จังหวะในการพูดกับการใช้อารมณ์ การพูดเรื่องเศร้า ก็ควรใช้อารมณ์เศร้า จังหวะในการพูดก็ควรช้ากว่าปกติ แต่ในทางกลับกัน หากพูดเรื่องสนุก ตื่นเต้น ก็ควรใช้จังหวะในการพูดที่เร็วกว่าปกติ อีกทั้งผู้พูดต้องทำอารมณ์ของตนเองให้สนุกสนานตามไปด้วย ซึ่งอารมณ์ของผู้ฟังมักจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้พูดอยู่เสมอ
หลายคนมักเข้าใจว่า ผู้พูดที่พูดโดยไม่หยุด พูดด้วยความเร็วมากกว่าปกติ มักจะได้รับความสนใจจากผู้ฟัง แต่โดยส่วนตัวกระผม เชื่อว่า การหยุดพูดหรือการเงียบ ในบางช่วงในการพูดจะทำให้ได้รับความสนใจจากผู้ฟังไม่ใช่น้อย เพราะการหยุดพูดหรือการเงียบ จะทำให้ผู้ฟังคิดตาม ซึ่งสร้างความสนใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
จังหวะในการพูดกับการพูดคุยสนทนากัน จังหวะในการพูดยังมีความสำคัญและรวมไปถึงเรื่องของการพูดคุยสนทนากันอีกด้วย คนที่พูดคุยสนทนาเก่ง มักจะรู้ว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนควรเงียบ คนที่รู้จักจังหวะเหล่านี้ มักจะทำให้ผู้ที่สนทนาด้วย เกิดความประทับใจ มากกว่า คนที่เอาแต่พูดโดยไม่รู้จักฟังหรือเงียบฟัง คู่สนทนา
ฉะนั้น หากท่านต้องการฝึกฝน จังหวะในการพูดต่อหน้าที่ชุมชน กระผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ลองหาหนังสือพิมพ์หรือหนังสือการ์ตูน ลองฝึกอ่านให้เป็นจังหวะ หรือ ในยุคนี้ เราสามารถหาหรือฟัง นักพูดที่เราชื่นชอบ ลองเอาเทปหรือเสียงในการพูดของเขา มาวิเคราะห์ หากเป็นไปได้ ลองเลียนแบบ เสียงหรือจังหวะในการพูดของนักพูดที่ท่านชื่นชอบ หากทำบ่อยๆ ก็จะทำให้จังหวะในการพูดของท่านพัฒนายิ่งขึ้น
สำหรับคนที่ต้องการฝึกฝนในเรื่องของจังหวะในการพูดคุยสนทนา ท่านควรที่จะพัฒนาทักษะในการฟังให้มากขึ้น พูดให้น้อยลง มีการตอบรับคู่สนทนาบ้างเพื่อให้คู่สนทนาทราบว่า เรากำลังตั้งใจฟังเขาอยู่ เช่น ครับ ค่ะ เยี่ยมครับ สุดยอดเลยครับเรื่องนี้ หรือ มีการพยักหน้าตอบรับ ในระหว่างการพูดคุยสนทนากัน ก็จะสร้างความประทับใจให้แก่คู่สนทนาได้
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.