หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การขอประกันตัวต่อศาล
26
...
  
ร.ต.อ.เฉลิม เวทีพรรคเพื่อไทยอุดร
26
...
  
เหตุผลที่ทำให้คนใช้เวลาแบบทิ้งๆขว้างๆ
เหตุผลที่ทำให้คนใช้เวลาแบบทิ้งๆขว้างๆ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตและการทำงาน มักเป็นบุคคลที่รู้จักคุณค่าของเวลา เขาจะใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแตกต่างกับบุคคลโดยทั่วไปส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาแบบทิ้งๆขว้างๆ สาเหตุหรือเหตุผลที่ทำให้คนใช้เวลาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ มีดังนี้
1.เพราะไม่มีเป้าหมายหรือไม่เคยคิดถึงอนาคตข้างหน้า คนที่ใช้เวลาแบบทิ้งๆขว้างๆ มักเป็นคนชอบสบายหรือมีลักษณะนิสัยเกียจคร้าน ไม่คิดถึงอนาคตข้างหน้าว่าตนอยากเป็นอะไร นักเรียน นักศึกษา ที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตหรือไม่คิดถึงอนาคตจะเรียนหนังสือแบบไม่ค่อยจะตั้งใจ ไม่มีความขยันไม่รู้จักคุณค่าของเวลา แตกต่างกับนักเรียน นักศึกษาที่มีเป้าหมายหรือคิดถึงอนาคต มักจะเป็นคนที่ทุ่มเท ขยันขันแข็งในการศึกษาเล่าเรียน
2.เพราะไม่กล้าปฏิเสธ ในบางครั้งเรากำลังทำงานอยู่แต่มีเพื่อนมาชวนคุย ทำให้การทำงานต้องสะดุดหยุดลง หากว่าเราไม่กล้าปฏิเสธ การงานที่ทำก็จะเสียหายได้ ทางที่ดีหากว่าเรากำลังทำงาน อ่านหนังสือ หากมีคนชวนไปเที่ยว ชวนไปทำธุระ เราต้องกล้าที่จะปฏิเสธ
3.เพราะชอบทำงานแบบครึ่งๆกลางๆ ไม่ทำงานให้เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ชอบทำงานค้างไว้เพื่อที่จะนำไปทำในวันต่อๆไป ทำให้การทำงานเป็นไปในลักษณะดินพอกหางหมู หลังจากทิ้งไว้นานๆ แล้วกลับมาทำงานชิ้นนั้นใหม่จะทำให้เสียพลังงานและเสียเวลาอีกมากในการทบทวน ฉะนั้นควรรีบทำงานแต่ละชิ้นให้สำเร็จไม่ควรทำแบบครึ่งๆ กลางๆ
4.เพราะคิดว่าตนเองมีเวลาเหลือมาก หลายคนจึงปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามยถากรรม ไม่กระตือรือร้น ความจริงในชีวิตของคนเรา มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่คนที่ไม่รู้จักบริหารเวลามักใช้เวลาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ คิดว่าตนเองมีเวลาเหลือมากแต่แท้ที่จริงแล้ว คนเราแต่ละคนมีช่วงเวลาที่จำกัดทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับอายุขัยของแต่ละบุคคล
5.เพราะไม่รู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ คนที่ไม่รู้จักคุณค่าของเวลา มักใช้เวลาไปกับสิ่งที่ไม่เป็นสาระหรือใช้เวลามากจนเกินไปสำหรับการทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง ถึงแม้ว่ากิจกรรมที่ทำจะเป็นสิ่งจำเป็นก็ตาม เช่น การพูดคุยการนินทา , การนอนหลับที่ใช้เวลานานจนเกินไป , การดูละครโทรทัศน์มากเกินไป , การพูดคุยโทรศัพท์นานจนเกินไป ฯลฯ
หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ การบริหารเวลาการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ท่านต้องหมั่นพิจารณา ปรับปรุง พัฒนา ทักษะการใช้เวลาของท่านให้เกิดความสมดุลในชีวิต เพราะหากว่าท่านใช้เวลาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ผลที่ตามมาจะทำให้ชีวิตของท่าน เป็นคนไร้จุดหมาย , คนรอบข้างไม่อยากคบ , ขาดความรับผิดชอบ ฯลฯ
ดังนั้นจงมีเป้าหมายจงคิดถึงอนาคตข้างหน้า , จงกล้าที่จะปฏิเสธ , จงอย่าทำงานแบบครึ่งๆ กลางๆ , จงอย่าคิดว่าตนมีเวลาเหลือมาก และจงรู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ท่านก็จะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตและการบริหารเวลา
...
  
ท่านสามารถประสบความสำเร็จได้
ท่านสามารถประสบความสำเร็จได้
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
คนเราทุกๆคนที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ หากว่าเขาต้องการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริง ซึ่งมีการค้นคว้า มีการวิจัย มีการศึกษาว่า บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเขาจะต้องเป็นคนลักษณะอย่างไร ซึ่งบุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีลักษณะดังนี้
1.พึ่งพาตนเอง ตนเป็นที่พึ่งของตน บุคคลที่ประสบความสำเร็จเป็นบุคคลที่เคยลำบากมาก่อน เป็นคนที่มีนิสัยที่ชอบพึ่งพาตนเอง ใช้ความสามารถ ใช้ศักยภาพของตนเองให้มากที่สุดก่อนที่จะพึ่งพาอาศัยบุคคลอื่น คนที่มีลักษณะนิสัยพึ่งพาตนเอง จึงเป็นคนที่มีลักษณะความเป็นผู้นำที่สูง และเป็นคนที่มีความนึกคิดเป็นของตนเอง
2.เรียนรู้จนเกิดความเชี่ยวชาญ บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมุ่งเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองถนัดจนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญหรือความชำนาญเฉพาะด้านขึ้นมา เช่น นักเขียนที่ประสบความสำเร็จมักจะเรียนรู้และพัฒนางานเขียนของตนเอง สม่ำเสมอจนประสบความสำเร็จระดับชาติ , นักพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มักจะมีการพัฒนาตนเอง ค้นคว้า ศึกษานวัตกรรมใหม่ๆ จนประสบความสำเร็จ ฯลฯ
3.เป็นนักสื่อสารนักโฆษณานักประชาสัมพันธ์ โลกยุคปัจจุบันเป็นโลกยุคของการแข่งขัน บุคคลที่ประสบความสำเร็จจะเป็นคนที่รู้จักวิธีการโฆษณาตนเองแบบแยบยล หากคุณมีสินค้าที่ดีที่สุดในโลก แต่ไม่มีคนรู้จัก สินค้านั้นก็จะไม่ค่าอะไร ในโลกนี้อาจมีคนน้ำเสียงดีและร้องเพลงเก่งกว่านักร้องซุปเปอร์สตาร์หลายๆท่าน แต่ก็ไม่มีโอกาส ได้แต่ร้องในห้องน้ำ แต่หากท่านต้องการให้คนรู้จักท่านมากขึ้น บุคคลที่ประสบความสำเร็จอาจจะต้องจ้างนักประชาสัมพันธ์ นักการตลาด เพื่อที่จะโปรโมทตนเอง แต่บุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับที่สูงกว่า เขามักมีวิธีคิดที่แปลกและต่างแตกออกไป โดยใช้วิธีการโฆษณาที่แยบยล เขารู้ธรรมชาติของสื่อมวลชน ที่ต้องการขายสิ่งที่ แปลก ใหม่ เร้าใจ ดังนั้นบุคคลที่ประสบความสำเร็จเขาจะทำอะไรแปลกๆ พูดอะไรแปลกๆ เพื่อให้สื่อมวลชนลงข่าวให้ เช่น การแต่งกายที่แปลกๆ การไว้ทรงผมที่แปลกๆ การคิดค้นอะไรที่แปลกๆ ฯลฯ การทำการโฆษณาแบบแยบยลนี้ จะทำให้เขาเป็นที่ต้องการของตลาด อีกทั้งสามารถประหยัดเงินทองได้ตั้งมากมาย เช่น หากต้องการลงโฆษณาสินค้าหรือโฆษณาตัวเองในสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร โทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ ท่านอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก แต่หากท่านเป็นที่ต้องการของตลาด เขามักจะลงรูปภาพของท่านในหน้าที่หนึ่งของสื่อต่างๆ ให้โดยที่ท่านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งวารสาร นิตยสาร บางฉบับยังต้องจ่ายเงินให้กับท่านในการลงปกของหนังสือด้วย
4.เป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ทำงานให้ลุล่วง เมื่อวางเป้าหมายแล้ว ถ้าทำไม่สำเร็จไม่เลิก ไม่ยอมแพ้ก่อนเวลาอันควร ไม่กลัวความล้มเหลวเพียงแค่ชั่วคราว หรืออุปสรรคใดๆ เขาจะอดทนรอคอยความสำเร็จ ถึงแม้ความสำเร็จนั้นจะใช้เวลานานสักเท่าไรก็ตาม
5.เป็นคนที่มีศีลธรรม จริยธรรมและคุณธรรมที่ดี บุคคลที่มีสิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้เจริญก้าวหน้า อีกทั้งเกิดความผิดพลาดในชีวิตน้อยกว่าคนที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ เช่น บุคคลบางคนไปมีชู้กับสามีหรือภรรยาของผู้อื่นทำให้ชีวิตมีแต่ปัญหา เกิดความวุ่นวาย เป็นคดีความกัน บางคนถึงกับเสียชีวิตเนื่องจากแรงหึงหวงของสามีหรือภรรยาของอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นต้น
6.โชคและดวง มีคำกล่าวของคนโบราณที่น่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ว่า “ เก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องเฮงด้วย ” เราจะสังเกตว่า โชคและดวง เป็นสิ่งที่เรากำหนดเองไม่ได้ คงขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิต วาสนาของแต่ละคน เช่น บางคนบอกว่าขายก๋วยเตี๋ยวแล้วรวย แต่หากเราลองไปขายดูเราอาจขาดทุนก็ได้ หรือ คนสองคนเข้าทำงานพร้อมกัน คนที่หนึ่งทำงานเก่งมาก คนที่สองทำงานไม่ค่อยจะได้เรื่อง แต่คนที่สองกลับได้รับตำแหน่งที่สูงกว่าคนที่หนึ่ง ฯลฯ
ดังนั้น พวกเราทุกๆคน สามารถประสบความสำเร็จได้ โดยการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งพยายามศึกษาชีวประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จทั้งในอดีตและปัจจุบัน ว่าเขามีวิธีการอย่างไร เราสามารถนำวิธีการดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ได้หรือไม่ และขอให้ท่านเชื่อเถอะว่าท่านสามารถเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
...
  
เขียนอย่างไรให้ผู้อ่านชื่นชอบ
เขียนอย่างไรให้ผู้อ่านชอบ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การเขียนไม่ว่าเราจะเขียนในประเภทไหน เช่น บทความ สารคดี เรื่องสั้น นิยาย ตำรา ฯลฯ เรามักอยากให้ผู้อ่านชอบงานเขียนของเรา อยากติดตามผลงานเขียนของเรา ซึ่งวิธีที่จะทำให้เขาติดตามหรือชอบงานเขียนของเราได้นั้น สามารถทำได้โดย
1.จงเขียนเรื่องที่เรารู้ การเขียนเรื่องที่เรารู้ จะทำให้ผู้เขียนสามารถใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในตัวเอง ซึ่งผู้เขียนได้อ่านมามากพอสมควร แล้ว มาทำการต่อยอดความรู้ให้มีความรู้ที่กว้างขึ้น ลึกขึ้น มากขึ้น อีกทั้งผู้เขียนควรเขียนให้เกิดความแตกต่างจากงานเขียนของผู้อื่น เช่น ต้องมีการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกหรือแง่มุมที่แปลกแตกต่างจากนักเขียนท่านอื่น เพราะหากผู้เขียน เขียนคล้ายคลึงกัน งานเขียนนั้นก็คงไม่ได้มีความแตกต่างจากงานเขียนของคนอื่นมากนัก แต่หากผู้เขียนเสนอแง่มุมที่ตลก แง่มุมที่คนไม่คิดกัน งานเขียนของผู้เขียนก็จะเกิดความแตกต่างขึ้นมาทันที และทำให้ผู้อ่านชื่นชอบในความคิดอ่านของผู้เขียนได้
2.รู้จักจังหวะเวลา การจะทำหนังสือให้ขายดีหรือให้คนซื้อเป็นจำนวนมากนั้น ผู้เขียนอาจต้องเลือกจังหวะ ในการขายหนังสือ เช่น เมื่อสังคมเกิดภาวะวิกฤต คนต้องการกำลังใจ เราก็ควรเขียนหนังสือในแนวทางการให้กำลังใจ การพัฒนาตนเอง ธรรมะ ฯลฯ เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ในสภาพสังคมในขณะนั้น หากทำได้ดังนี้ ผู้อ่านก็จะซื้อหนังสือของเรามากขึ้น เมื่อมีโอกาสได้อ่านก็มักจะชอบหนังสือที่เราเขียนมากขึ้นไปด้วย
3.ต้องเขียนให้เกิดความหลากหลาย เช่น ใช้คำ เล่นคำ มีโวหาร มีสำนวน มีอุปมาอุปมัย การเขียนตัวอย่างต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพพจน์ มีลีลาในการนำเสนอที่มีความหลากหลายในแบบฉบับของตัวเอง มีการสอดใส่อารมณ์เพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกถึงอารมณ์นั้น กล่าวคือ เมื่ออ่านแล้ว เกิดความประทับใจจนทำให้เกิดน้ำตาไหลออกมาได้
4. ต้องเขียนให้เกิดความชัดเจน กระชับ ไม่ยืดยาด ซับซ้อน งานเขียนที่ผู้อ่านชื่นชอบ มักสื่อความหมายที่ชัดเจน ไม่ใช่ประเภท ที่อ่านเสร็จแล้ว เกิดอาการ งง สับสน ไม่เข้าใจ ว่าผู้เขียนต้องการสื่อสารอะไรกับผู้อ่าน ฉะนั้น ควรเขียนให้สั้น กระชับ มีความชัดเจน ไม่คลุมเครือ
5.เขียนในสิ่งที่ผู้เขียนเชื่อ การเขียนก็มีลักษณะเดียวกันกับการพูด กล่าวคือ หากผู้พูดต้องการโน้มน้าวให้ผู้ฟังเชื่อถือ ศรัทธา ผู้พูดต้องมีความเชื่อในเรื่องนั้นๆ ก่อน การเขียนก็เช่นกัน หากผู้เขียนมีความเชื่อ มีความศรัทธา ในเรื่องที่ตนเองเขียน งานเขียนนั้นก็สามารถโน้มน้าวหรือชักจูงในผู้อ่านเชื่อถือ ศรัทธาได้เช่นกัน
6.จงเขียนในแนวทางของตนเอง เนื่องจากงานเขียนมีหลายประเภท เช่น นิยาย สารคดี บทความ ข่าว ตำรา ฯลฯ ผู้เขียนควรเขียนในแนวทางที่ตนเองถนัด หากมีความถนัดการเขียนบทความ ก็ควรพัฒนางานเขียนของตนเองในแนวประเภทของบทความให้มากขึ้น อีกทั้งไม่ควรไปลอกเลียนสไตล์การเขียนของผู้อื่น จงเป็นตัวของตัวเอง
7.จงพัฒนาความคิด ให้คิดนอกกรอบ คิดแตกต่าง คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ คิดวิจารณ์ คิดเปรียบเทียบ คิดจินตนาการ การพัฒนาความคิดจะทำให้งานเขียนของเราดีขึ้น เราคงไม่ปฏิเสธว่า งานเขียนของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ผู้เขียน Harry Potter จนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี หรือแม้แต่นักเขียนชาวไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น ท่านสุนทรภู่ กับงานเขียนเรื่องพระอภัยมณี ก็เกิดจากความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น จงพัฒนาความคิดแล้วงานเขียนของท่านจะดีขึ้น ผู้อ่านก็จะชื่นชอบในความคิดของท่าน
และอีกหลากหลายปัจจัย ที่ท่านสามารถพัฒนางานเขียนของท่านเพื่อให้เกิดความประทับใจ เกิดความเชื่อถือ ศรัทธา ในงานเขียนของท่าน เพราะงานเขียนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ท่านสามารถหาความรู้ได้ ฝึกฝนได้ มีแบบฉบับ เทคนิค วิธีการของตนเองได้
...
  
ขายเก่ง....รวยก่อน.....
ขายเก่ง....รวยก่อน.....


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


“ไม่มีอาชีพใดในโลกที่จะดลบันดาลรายได้ให้มากเท่ากับงานด้านการขาย”


มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ มีความเกี่ยวข้องกับการขายหมดทุกคน มีประสบการณ์ในการขายทุกคน


เช่น


ครู อาจารย์ ขาย... ความรู้


นักการเมือง ขาย.... นโยบายของตนเองของพรรคการเมือง


นักร้อง ขาย... เสียง


ดารา ขาย... หน้าตา ความสามารถ


นักเขียน ขาย.... ความคิด เรื่องราว โดยผ่านตัวหนังสือ


นักขาย ขาย.... สินค้าและบริการ


และอีกมากมาย ดังนั้น อาชีพนักขายจึงมีความสำคัญมาก ถ้าไม่มีนักขายหรือคนขาย จะเกิดอะไรขึ้น


ถ้าประเทศนั้นๆ หรือประเทศไหน หากขาดซึ่งนักขาย ประเทศนั้นจะไม่มีความเจริญรุ่งเรือง เศรษฐกิจมีความเจริญเติบโตช้ากว่าประเทศที่มีนักขายมาก นักขายที่มีความสามารถมากกว่า


ท่านผู้อ่านลองนึกดูซิว่า ถ้าบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งหากไม่มีนักขายหรือพนักงานขาย จะทำให้ขายสินค้าไม่ได้มากเท่าที่ควร แล้วกระทบกับอะไร กระทบกับโรงงานต่างๆ ที่ส่งวัตถุดิบด้วย เช่น โรงงานทำยางรถยนต์ก็จะผลิตน้อยลง โรงงานทำกระจกก็จะต้องผลิตน้อยลง โรงงานทำเหล็กก็จะผลิตเหล็กลดน้อยลงตามยอดขายของรถยนต์ในบริษัทแห่งนั้น


อาชีพการขายสร้างรายได้มากถึงขั้นร่ำรวยเลยหรือ ครับ อาชีพการขายสามารถสร้างรายได้ให้กับนักขายคนนั้นๆ ถึงขั้นเป็นเศรษฐีเลยทีเดียวครับ ยกตัวอย่างสินค้าหรือบริการ เราจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น เช่น นักขายประกันชีวิตที่ประสบความสำเร็จหรือขายเก่ง มีรายได้มากกว่าคนที่รับประทานเงินเดือนจำนวนมาก หลายเท่าตัว นักขายในระบบตลาดเครือข่ายหลายแห่งที่ขายเก่ง มีรถยนต์ มีบ้าน ได้ไปท่องเที่ยว ได้ไปบรรยายในสถานที่ต่างๆก็เพราะการเป็นนักขายที่เก่งและประสบความสำเร็จนั้นเอง


เพราะอาชีพการขาย สามารถแลกเปลี่ยนสินค้า โดยการขาย ออกมาเป็นเงินหรือค่านายหน้า ได้ทันทีไม่ต้องรอเหมือนเงินเดือนที่เดือนหนึ่งได้ครั้งหนึ่ง ฉะนั้น อาชีพนี้สามารถทำเงินได้ไม่จำกัด จำนวนมากเท่ากับความสามารถในการขายของนักขายคนนั้นจะทำได้ ยิ่งขายเก่ง ยิ่งรวยมาก แต่ถ้าขายไม่ค่อยเก่ง ก็รวยน้อยหน่อย


แต่การเป็นนักขายที่เก่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปสำหรับคนที่พร้อมจะเรียนรู้ ฝึกฝน


มีความมานะอดทน ไม่ยอมแพ้ก่อนเวลาอันควร(คือประสบความสำเร็จ) เพราะอาชีพการขายส่วนใหญ่มักจะมี


ผู้ซื้อ ซื้อและปฏิเสธ เสมอ ยิ่งถ้าเราไปพบลูกค้ามากเท่าไร เราก็ยิ่งถูกปฏิเสธมากขึ้นและได้รับการตอบรับในการซื้อของลูกค้ามากเช่นกัน เช่น นักขายประกันบางคนเคยทำสถิติว่า ถ้าไปพบบลูกค้า 10 คนจะมีคนซื้อสินค้าคือประกันชีวิต เพียงแค่ 3 คน ดังนั้น ถ้าอยากมีลูกค้าซื้อประกันชีวิต 30 คน นักขายคนนั้นจะต้องไปพบลูกค้าถึง 100 คนเลยทีเดียว ขณะเดียวกันหากต้องการได้ลูกค้า 300 คน นักขายคนนั้นจะต้องไปพบลูกค้าที่จะซื้อประกันชีวิตถึง 1,000 คน


ฉะนั้น เมื่อมีลูกค้าปฏิเสธมากเท่าไร ก็จะมีลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้นในสัดส่วนที่มากขึ้นเท่านั้นขอเพียงแต่อย่าหยุดหรือหมดกำลังใจไปเสียก่อนก็แล้วกันครับ หากหมดกำลังขอให้คิดถึงคนที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าด้านไหนๆ ก็ต้องเคยผ่านความล้มเหลวมากมาย แต่คนที่ประสบความสำเร็จมักจะก้าวต่อไป เดินหน้าต่อไป จนพบกับความสำเร็จในที่สุด เช่น เรื่องราวของ เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก ได้ทำการทดลองหลอดไฟฟ้า นับพันครั้ง ผ่านการล้มเหลวมานับไม่ถ้วนกว่าจะประสบความสำเร็จ มีคนถามว่าถ้าท่านทดลองแล้วไม่ประสบความสำเร็จคือ ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า ไม่ได้ท่านจะทำอย่างไร เอดิสันตอบว่า ฉันก็จะทดลองต่อไปฉันจะไม่มาเสียเวลาคุยกับคุณหรอก


ท่านผู้อ่านครับ หากว่าท่านกำลังตกงาน ว่างงาน หรือคนที่มีงานทำอยู่แล้ว ท่านสามารถหารายได้เสริมจากงานขายได้ครับ เพราะงานขาย สามารถสร้างความร่ำรวยได้อย่างแน่นอน หากว่า ท่านขายเก่ง...ท่านสามารถ ร่ำรวยกว่า....คนที่ขายไม่เก่งแน่นอนครับ





















...
  
พูดดี ต้องประเมิน
พูดดี ต้องประเมิน
จะรู้ว่าพูดดี ต้องมีคนประเมิน
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


ความผิดพลาดของตนเอง เป็นบทเรียนที่นำตนไปสู่ความสำเร็จ


ปัจจุบันนี้กระผมมีงานอดิเรกคือ ไปบรรยายในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกชน ราชการ บางทีก็ไป “ทอล์กโชว์” ตามโรงเรียนต่างๆ บ้าง ไปๆ มาๆ รายได้จะดีกว่างานหลักเสียอีก


จากการบรรยายในสถานที่ต่างๆ มักมีคนถามกระผมว่า “ทำอย่างไรจึงจะบรรยายเก่ง” กระผมก็ได้อธิบายว่า อันนี้ไม่ใช่พรสวรรค์นะ มันเป็นพรแสวงต่างหาก เพราะความจริงกระผมไม่สามารถบรรยายได้ตั้งแต่เกิด กระผมมาฝึกฝนเอาทีหลังนี่เอง กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ กระผมเองก็เคยเป็นนักพูดประเภท สลายม็อบ อยู่นานทีเดียว คือ พูดไปคนค่อยทยอยออกทีละคนสองคน


จุดสำคัญคือ เราต้องพยายามปรับปรุงตัวเอง และมีคนถามต่อว่าจะปรับปรุงตัวเองอย่างไร คำตอบคือ การพูดแต่ละครั้งเราควรหาคนที่รู้จัก แล้วให้เขาวิจารณ์การพูดของเรา หรือให้ผู้เข้ารับการอบรม ประเมินเราเวลาเราพูดเสร็จ เมื่อเราได้ข้อมูลหรือข้อบกพร่อง เราก็สามารถนำมมาปรับปรุง หรือแก้ไขในการพูดครั้งต่อไป

ฉะนั้น การประเมินการพูด หมายถึง การวิเคราะห์ว่าที่เราพูดหรือปาฐกถาไปนั้น ต้องแก้ไขอย่างไร ถ้าเป็นไปได้ควรหาเทปไปอัด คำบรรยายของเรา ในปัจจุบันนี้มีเครื่องถ่ายภาพเคลื่อนไหว ถ้าเรานำไปถ่ายภาพการบรรยายของเราได้ยิ่งดี เพราะจะทำให้เรารู้ว่า ท่าทาง กริยา อาการ ของเราเวลาเราพูดเป็นอย่างไร พูดดีหรือไม่ ท่าทางดีหรือเปล่า น้ำเสียง จังหวะในการพูด เหมาะสมหรือเปล่า


การประเมินการพูด เปรียบเทียบก็คล้ายกับเรามีกระจกเงา ส่องดูการแต่งกายส่องบุคลิกท่าทางของเรา และถ้าไม่สวย ไม่ดี ก็มาแก้ไข มาเปลี่ยนแปลงให้ดีเสีย


เพราะฉะนั้น รักจะพูดให้คนพอใจ อยากจะเป็นนักพูดประเภทพูดแล้วคนชื่นชอบ คนชอบฟัง เมื่อพูดเสร็จแต่ละครั้งอย่าถอนหายใจโล่งอกเป็นอันขาดว่า หมดทุกข์หมดโศกแล้ว ขอให้เก็บความทรงจำนั้นไว้แล้วมานั่งคิดว่า ถ้าจะให้ดีกว่าที่ได้พูดไปเราควรทำอย่างไร เราต้องแก้ไขตรงไหน เขามีความคิดความเห็นเกี่ยวกับการพูดของเราอย่างไร อย่าปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ ถ้าเราใฝ่ใจอยากจะเป็นนักพูดที่มีอนาคต

ท่านถูกติ ต้องตรอง มองที่ติ


แล้วเริ่มริ ลงรอย คอยแก้ไข


ติเพื่อก่อ ต่อสติ ติเข้าไป


เป็นบันได ไต่เต้า ให้เราดี

...
  
วาทศิลป์ในวรรณกรรม
เป็นหนังสือหรือตำราเรียนที่แต่งโดย....ผศ.ยุพา ส่งศิริ
เป็นตำราเรียนสมัยกระผมเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในคณะรัฐศาสตร์ วิชาโท สื่อสารมวลชน โดยใช้รหัส MC 333 ราคา 22 บาท ในอดีต แต่ปัจจุบันราคาน่าจะขึ้นแล้วครับ
ภายในเล่มมีเนื้อหาเกี่ยวกับ วาทศิลป์ การวิเคราะห์ผู้ฟัง ความสำคัญของวาทศิลป์ อัตลักษณ์ต่างๆในการพูด
พร้อมมีกิจกรรมให้ฝึกพูดฝึกปฏิบัติกัน
...
  
การไกล่เกลี่ยพิพาท
27
...
  
นายกฯ เจรจา แกนนำ นปช 1
27
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.