หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การสร้างความมั่นใจและลดความประหม่าในการพูด
การสร้างความมั่นใจและลดความประหม่าในการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ความมั่นใจมีความสัมพันธ์กับอาการประหม่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อผู้พูดขาดความมั่นใจ ผู้พูดก็จะแสดงอาการประหม่าออกมา แต่ตรงกันข้าม ถ้าหากผู้พูดมีความเชื่อมั่นหรือมั่นใจในตนเอง อาการประหม่าก็มักจะไม่ปรากฏออกมาให้เห็น
อาการประหม่าในการพูดต่อหน้าที่ชุมชนมักจะแสดงออกมาให้ปรากฏแก่ผู้ฟัง ซึ่งมีอาการดังนี้ บางคนปากสั่น มือสั่น หน้าซีด บางคนไม่กล้าสบตากับผู้ฟัง บางคนพูดและใช้คำพูดออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ พูดผิดๆ ถูกๆ ฯลฯ
สาเหตุของอาการประหม่านอกจากสาเหตุของการขาดความมั่นใจแล้วยังมีสาเหตุอื่นๆ อีก เช่น
1.ผู้พูดหลายๆท่าน มักคิดมากจนเกินไป หลายคนมักจะคิดมาก คิดวิตก คิดกังวล ในระหว่างการพูด กลัวสิ่งต่างๆ เช่น กลัวว่าผู้ฟังจะมีความรู้มากกว่าตนเอง , กลัวว่าการพูดของตนเองจะออกมาไม่ดีพอ , กลัวว่าเสียงของตนเองไม่ไพเราะ เป็นต้น
2.ขาดการเตรียมตัวที่ดี กล่าวคือ ไม่มีการเตรียมคำพูด , เตรียมเนื้อหา หรือ มีการซ้อมพูด ก่อนขึ้นพูดจริงๆ จึงทำให้การพูดในครั้งนั้นๆ ติดๆ ขัดๆ
3.ไม่มีการวิเคราะห์ผู้ฟัง เช่น ไม่ได้สอบถามผู้จัดว่า จะต้องพูดเรื่องดังกล่าวให้แก่ใคร เด็กหรือผู้ใหญ่ อาชีพอะไร ผู้หญิงหรือผู้ชาย เป็นผู้บริหารหรือเป็นพนักงาน จึงทำให้ไม่มีการเตรียมตัว เตรียมเนื้อหา ไห้ตรงกับกลุ่มผู้ฟัง
สำหรับการสร้างความมั่นใจในตนเองและลดอาการประหม่าในการพูดของผู้พูด สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น
1.การพูดให้กำลังใจตนเองก่อนขึ้นพูด “ เรื่องนี้ หัวข้อนี้ ฉันรู้ดีที่สุด ” , “ การพูดครั้งนี้ใครเต็มที่ไม่เต็มที่ไม่รู้แต่ฉันเต็มที่ไว้ก่อน” คำพูดประโยคเหล่านี้ ผู้พูดควรคิดและค้นหาเอาเอง เนื่องจากแต่ละบุคคลมีความชอบไม่เหมือนกัน
2. ต้องมีการเตรียมการพูดเป็นอย่างดี ซึ่งรวมถึง การเตรียมเนื้อหา(จะขึ้นต้นอย่างไร เนื้อหาอย่างไร สรุปจบอย่างไร) ตลอดจนกระทั่ง การเตรียมร่างกาย การเตรียมสภาพจิตใจ การพักผ่อนเป็นอย่างดี ก่อนวันที่จะขึ้นพูด
3.การใช้จินตนาการหรือการวาดภาพของการพูดที่ประสบความสำเร็จบนเวทีพูดของตนเอง บางคนใช้จินตนาการว่ามีคนฟังการพูดของตนเองเป็นหลายพันคน หลายหมื่นคน มีคนปรบมือให้กำลังใจมากมาย ฯลฯ
4.ก่อนจะขึ้นเวทีพูด ควรมาก่อนเวลาสักเล็กน้อย แล้วทำความรู้จัก ทำการทักทาย สร้างความเป็นกันเองระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง ก็จะทำให้เกิดมิตรภาพและลดความตื่นเต้นลงไปได้บ้าง
5.ปรับความคิดหรือปรับทัศนคติเสียใหม่ คิดว่าความประหม่าเป็นเรื่องธรรมชาติที่ นักพูดหรือผู้พูดทุกๆคนจะต้องมี แต่ใครจะมีมากมีน้อยเท่านั้นเอง อีกทั้งไม่ควรคิดมากจนเกินไป ในเวลาพูด แต่ควรทำหน้าที่หรือพูดให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปคิดกังวลใดๆ ไม่ต้องไปคิดแทนผู้ฟังว่าผู้ฟังจะคิดกับเราอย่างไร จงเตรียมการพูดให้พร้อมแล้วจงลุกขึ้นพูดให้ดีที่สุด
6.ต้องหมั่นหาประสบการณ์ในการพูดทุกๆเวทีให้มาก ข้อนี้ น่าจะเป็นข้อที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะถ้าหากผู้พูดมีเวทีมาก ก็จะทำให้เกิดทักษะในการพูด เมื่อเกิดทักษะ ความมั่นใจก็จะมากขึ้น ความประหม่าในการพูดก็จะลดลง
โดยสรุป อาจกล่าวได้ว่า ผู้พูดที่มีความมั่นใจในตนเองมักพูดได้ดีกว่าผู้ที่ขาดความมั่นใจในตนเอง ถึงแม้ว่า ผู้พูดหลายๆคน จะมีการศึกษาถึงระดับปริญญาเอกก็ตามแต่ถ้าขาดซึ่งความมั่นใจในตนเองเสียแล้ว ทำให้เกิดอาการประหม่า พูดไม่เป็นธรรมชาติ ไม่กล้าขึ้นพูด ย่อมสู้ผู้พูดที่จบระดับการศึกษาแค่ระดับประถมหรือมัธยมไม่ได้ ถ้าหากผู้พูดจบระดับประถมหรือมัธยม แต่บุคคลนั้นสามารถพูดด้วยความมั่นใจในตนเอง ผู้ฟังก็มักจะเกิดความเชื่อถือ ศรัทธา อีกทั้งทำให้การพูดมีความน่าฟังอีกด้วย

...
  
การบริหารเวลากับการวิเคราะห์งาน
การบริหารเวลากับการวิเคราะห์งาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักจะบริหารเวลาอย่างมีศิลปะ เพราะคนเรามีเวลา 24 ชั่วโมง เท่ากัน แต่บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ามากกว่าบุคคลโดยทั่วไป การวิเคราะห์งานเป็นปัจจัยหนึ่งของการใช้เวลาอย่างมีศิลปะ
ภายใน 24 ชั่วโมง ของคนเรา มักมีการใช้เวลาที่แตกต่างกัน การทำงานก็มีความแตกต่างกัน บางคนประกอบธุรกิจส่วนตัว บางคนเป็นนักเขียน บางคนเป็นวิทยากร บางคนรับราชการ บางคนทำงานเอกชน บางคนเป็น นักเรียน นิสิต นักศึกษา ฯลฯ
นักเรียน มักจะใช้เวลาเรียนตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์
นักศึกษา นิสิต ภาคปกติมักเรียน จันทร์-ศุกร์ ส่วนภาคพิเศษหลายแห่งอาจเรียน เสาร์ – อาทิตย์
ข้าราชการ พนักงานของรัฐ ส่วนใหญ่มักทำงาน จันทร์-ศุกร์
พนักงานบริษัท ส่วนใหญ่ทำงาน จันทร์-เสาร์
พนักงาน 7-11 , พนักงานห้างสรรพสินค้า มักทำงานเป็นกะ
นักเขียนหลายคนทำงานช่วงกลางวัน และอีกหลายคนทำงานช่วงกลางคืน
บางคนมีหลากหลายอาชีพ เช่น ตัวของกระผมมีหลายอาชีพ อาชีพที่ 1 อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย , อาชีพที่ 2 เขียนหนังสือขาย , อาชีพที่ 3 ทนายความ , อาชีพที่ 4 วิทยากร , อาชีพที่ 5 เจ้าของธุรกิจ(สถานีวิทยุและจัดรายการวิทยุ) เป็นต้น
ฉะนั้นการแบ่งแยกงานเพื่อทำการวิเคราะห์จึงทำให้เราสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ช่วงเช้ามืด 5:00-8:00 น. ผมมักใช้เวลาในการเตรียมงานวิทยากรและงานเขียน, ช่วง 9:00-16:00 น. ผมมักใช้เวลาเพื่อสอนหนังสือในอาชีพอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย , ช่วงเวลาตอนเย็น16:00-19:00 น.ส่วนใหญ่ผมมักจะใช้เวลาในการเตรียมงานทนายความหรืออ่านหนังสือทางด้านกฏหมาย, ช่วงเวลาค่ำ 19:00-20:00 น. ผมมักใช้เวลาในการจัดรายการวิทยุ ,ช่วงเวลากลางคืน 20:00-23:00 น. ผมจะใช้เวลาในการเขียนหนังสือ เป็นต้น
การวิเคราะห์ลักษณะงาน จึงทำให้เราเป็นคนใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ทำไมผมถึงต้องใช้เวลา ช่วงเช้ามืด 5:00-8:00 น. ผมมักใช้เวลาในการเตรียมงานวิทยากรและงานเขียน และ 20:00-23:00 น. ผมจะใช้เวลาในการเขียนหนังสือ เพราะงานเขียน เป็นงานที่ต้องใช้สมาธิ ใช้เวลา เป็นอันมาก
อีกทั้งการบริหารเวลาที่ดี เราควรวางแผนเป็นปีๆ เพราะจะทำให้เราเห็นภาพรวมได้ชัดยิ่งขึ้น เช่น งานอาชีพวิทยากร ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ของแต่ละปี จะไม่ค่อยมีมากนักโดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นหน่วยงานราชการ เพราะเป็นช่วงต้นงบประมาณ(ตุลาคมของทุกปี) ทำให้อาชีพวิทยากรของผมได้พักผ่อนแล้วได้มีโอกาสใช้เวลาในการเขียนหนังสือมากยิ่งขึ้น
ฉะนั้น การวิเคราะห์ลักษณะงานกับการบริหารเวลา จึงทำให้เราสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการใช้เวลาของกระผมข้างต้น หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วจะเอาเวลาไหน ไปเดินทาง แล้วเวลากิน เวลาคุย เวลาเล่น ละ อยู่ไหน เนื่องจากกระผมเชื่อว่า การบริหารเวลาเป็นศิลปะ ผู้บริหารเวลาจึงควรมีการยืดหยุ่น การใช้เวลาเพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
...
  
19 แนวคิดที่นำไปสู่ความสำเร็จ
19 แนวคิดที่นำไปสู่ความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
1.จงตั้งเป้าหมาย.... แล้วจงเดินทางมุ่งตรงไปสู่เป้าหมายของคุณทุกๆวัน
2.จงสร้างบอร์ดแห่งความฝันของคุณขึ้นมา....แล้วติดไว้ในจุดที่คุณมองเห็นทุกๆวัน
3.หากไม่มีทางให้คุณเดิน....ก็จงสร้างมันขึ้นมา...
4.ฝึกคิดบวกให้เพิ่มมากขึ้น
5.จงคิดยากๆ....แล้วนำไปปฏิบัติง่ายๆ....แต่อย่าคิดง่ายๆ...แล้วนำไปปฏิบัติยากๆ
6.จงพลิกวิกฤตของชีวิตให้เป็นโอกาส...อย่าผลักโอกาสให้กลายเป็นวิกฤต...
7.ระยะทางแม้จะแสนไกล....ก็ต้องย่อมเริ่มจากก้าวแรกเสมอ...จงกล้าที่จะก้าว
8.หากว่าคุณเห็นโอกาสสู่ความสำเร็จ...ขอให้จงเชื่อมั่นแล้วก้าวไปข้างหน้าอย่าได้ที่จะลังเล....
9.จุดอ่อน...ของผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จคือ ล้มเลิก ยอมแพ้ ก่อนเวลาที่จะประสบความสำเร็จ
10.จงกล้าหาญและอย่าได้กลัว...เพราะความกลัวเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของชีวิต....
11.จงรักในการพัฒนาตนเองในทุกๆด้านและในทุกๆวัน
12.จงอย่าได้กลัวความล้มเหลว...เพราะความล้มเหลวจะนำพาเราสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
13.อย่าได้ยอมแพ้..หากไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่...
14.จงจดจ่อที่เป้าหมาย...อย่าจดจ่อที่อุปสรรค....
15.นกที่ตื่นแต่เช้า...ย่อมมีหนอนให้กินก่อน.....
16.หากท่านเชื่อมั่นว่าท่านทำได้....ท่านก็จะทำได้...จงเชื่อมั่นในตนเอง
17.ความขยันเป็นปัจจัยที่นำเราสู่ความสำเร็จ
18.บางครั้งคนเราจะดูว่าแพ้หรือชนะกัน...ขอให้ดูที่ความคิด..เพียงแค่เริ่มคิดก็เห็นความแตกต่าง....
19.หากว่าเราหยุดนิ่งอยู่กับที่...เพียงไม่นานเราก็จะตามหลังคนอื่นทันที....
...
  
การใช้สื่อต่างๆประกอบการพูด
การใช้สื่อต่างๆประกอบการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การใช้สื่อต่างๆประกอบในการพูดมีความสำคัญและในบางโอกาสก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะสื่อต่างๆจะทำให้ผู้ฟังเข้าใจได้ง่ายขึ้น อีกทั้งสามารถทำเรื่องที่เป็นนามธรรมให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน การเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับเรื่องที่พูดจึงเป็นเรื่องที่ควรจะพิจารณา ดังจะเห็นจากการอภิปรายในรัฐสภาของบรรดาสมาชิกสภา ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา หากสมาชิกท่านใด ใช้สื่อต่างๆมาช่วยในการประกอบการพูด ก็จะทำให้ผู้ฟังสนใจและเข้าใจในเนื้อหาที่พูดมากยิ่งขึ้น
สื่อต่างๆที่ใช้ประกอบการพูดมีดังต่อไปนี้
1.แผนที่(Maps) ทำให้ผู้ฟังเข้าใจในลักษณะภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศได้ง่ายขึ้น เช่น บางคนไม่ทราบว่าจังหวัดพะเยา อยู่ภาคไหน แต่พอเห็นแผนที่แล้วจะทำให้ผู้ฟังเห็นภาพชัดว่าจังหวัดพะเยาอยู่ภาคเหนือ อยู่ติดกับจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่านและลำปาง
2.แผนภูมิและแผนสถิติ จะแสดงข้อเท็จจริงให้ปรากฏในรูปแบบแผนผัง ซึ่งถ้าหากพูดเป็นตัวเลขซึ่งมีจำนวนมากและหลายจำนวน ผู้ฟังจะไม่เห็นภาพได้ชัด แต่หากนำมาแสดงเป็นแผนผัง แบบเส้น แบบรูปภาพ แบบแท่ง ฯลฯ ผู้ฟังก็จะเข้าใจและเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
3.หุ่นจำลองหรือของจำลอง เป็นสิ่งที่จำลองมาจากของจริง เนื่องจากของจริงมีลักษณะเล็กเกินไป หรือใหญ่มากจนเกินไป ผู้พูดไม่สามารถนำมาใช้ประกอบการพูดได้ เช่น แบบทรงของบ้าน เครื่องบิน รถยนต์ เป็นต้น
4.ภาพถ่าย มีคำกล่าวที่ว่า “ ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดเป็นจำนวนถึง 10,000 คำ ” เพราะภาพบางภาพจะตอบคำถามบางอย่าง ได้ดีกว่าการอธิบายหรือการแก้ข้อกล่าวหาโดยการใช้คำพูดเป็นจำนวนมาก
5.ของจริง การนำของจริงมาประกอบการพูด จะทำให้ผู้พูดไม่ต้องอธิบายความมาก แต่ข้อควรระวัง สำหรับของจริง บางอย่างมีลักษณะที่ใหญ่มาก จึงควรพิจารณาในการนำมาใช้เพื่อประกอบการพูดด้วย
6.ภาพยนตร์หรือโฆษณาภาพยนตร์ จะทำให้ผู้ฟังเกิดความเพลิดเพลินในการฟัง เป็นการสร้างสีสรรในการพูด ทำให้เกิดความดึงดูดใจกับผู้ฟัง
7.เครื่องบันทึกภาพเคลื่อนภาพ วีดีโอเทป ในบางครั้งอาจจะต้องนำมาใช้ประกอบในการพูด เช่น การฝึกปฏิบัติ ในบางครั้งก็มีความจำเป็นที่จะต้องถ่ายหรือบันทึกภาพเก็บไว้ เพื่อนำมาเปิดให้ผู้ฟังเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ตัวอย่าง การให้ผู้ฟังออกมาฝึกพูดหรือฝึกปฏิบัติหน้าชั้น ควรที่จะถ่ายภาพของผู้ฝึกเก็บไว้ เพื่อนำมาเปิดให้เขาได้ดู
8.แผ่นโปสเตอร์ต่างๆ จะช่วยขยายความของเนื้อหาในการพูดได้มาก แผ่นโปสเตอร์มีทั้งเป็นภาพสีและภาพขาวดำ นอกจากนั้นอาจจะมีข้อความสั้นๆ อธิบายภาพเหล่านั้นด้วย
9.กรณีศึกษา เกมส์ กิจกรรม ประกอบการพูด ในกรณีที่ถูกเชิญให้พูดเป็นเวลานาน หลายวัน หลายชั่วโมง ผู้พูดควรนำกรณีศึกษา เกมส์ กิจกรรม มาช่วยประกอบการพูด ก็จะทำให้ผู้ฟังไม่เบื่อ แต่จะสนุกสนานกับ กรณีศึกษา เกมส์ และกิจกรรม นั้นๆ
ฉะนั้น เราจะเห็นได้ว่าสื่อต่างๆที่สามารถนำมาใช้ประกอบการพูด มีจำนวนมากมาย แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้สื่อใดในการประกอบการพูด ให้มีความเหมาะสมกับผู้ฟัง โดยพิจารณาถึงวัย เพศ อายุ อาชีพของผู้ฟัง และคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น สถานที่เหมาะสมกับสื่อนั้นๆหรือไม่ เป็นต้น
...
  
การบริหารเวลา การตรงต่อเวลา
การบริหารเวลา การตรงต่อเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
จากการสังเกตของกระผม คนไทยเราเป็นจำนวนมากมักมีปัญหาในเรื่องของการตรงต่อเวลา เมื่อถึงเวลานัดหมายมักไปสายหรือไปช้ากว่าเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นการอบรม การสัมมนา การนัดหมายเพื่อทำธุระส่วนตัว หรือ การเข้าชั้นเรียนของบรรดานิสิต นักศึกษา
การฝึกให้เป็นคนตรงต่อเวลา มีข้อดีหลายอย่าง เช่น จะทำให้เราได้ผลงานเป็นจำนวนมาก ฝึกตนเองให้เป็นคนมีวินัย ฝึกการฝืนใจตนเอง ฝึกการปฏิเสธใจของตนเอง เป็นต้น ตัวอย่าง ถ้าหากคุณเป็นนักเขียน คุณกำหนดเวลาตั้งแต่ 20:00-23:00 น. คุณจะเขียนหนังสือ แต่หากมีเพื่อนชวนไปดูภาพยนตร์หรือชวนไปเดินเที่ยว แล้วคุณไม่มีวินัยหรือไม่กล้าปฏิเสธ ก็จะทำให้เวลาเขียนหนังสือของคุณลดน้อยลงไป ผลงานหนังสือที่ต้องการก็จะไม่ได้ตามกำหนดที่ได้ตั้งไว้ แต่หากว่าเรามีการทำงานที่ตรงต่อเวลา ก็จะทำให้ร่างกาย จิตใจของเราเปลี่ยนสภาพ เตรียมพร้อม เตรียมพลังงานไว้สำหรับเวลานั้นๆ(กำหนดเวลาตั้งแต่ 20:00-23:00 น. เขียนหนังสือ)
การตรงต่อเวลานี้ ยังรวมไปถึง การไม่ยอมส่งงานตามเวลาที่กำหนด ทำให้หลายคนติดนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง ทำให้งานค้างเป็นจำนวนมาก ดังสุภาษิตว่า “ ดินพอกหางหมู ” บางคนงานค้างจนกระทั่ง “ ดินจะพอกตัวของหมูไปอีกต่างหาก” ฉะนั้น หากใครรู้ว่ามีนิสัยผัดวันประกันพรุ่งก็จงแก้ไขโดยเร็ว เพราะการผัดวันประกันพรุ่งจะทำให้งานง่ายเปลี่ยนเป็นงานยากและงานที่ยากอยู่แล้วเป็นงานที่ยิ่งยากขึ้นอีก
ลักษณะการตรงต่อเวลา จึงเป็นนิสัยของคนทำงานเก่ง
พลตรีหลวงวิจิตรวาทการเป็นตัวอย่างเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ท่านเป็นคนที่มีลักษณะตรงต่อเวลา ด้วยความเพียรทำให้ท่านมีผลงานการเขียนมากถึง 200 กว่าเรื่อง
โทมัส อัลวา เอดิสัน ด้วยความเพียรและทำงานตรงต่อเวลาที่ตนเองได้กำหนด ทำให้เขามีสิ่งประดิษฐ์มากกว่า 1,000 ชิ้นซึ่งเขาได้นำไปจดทะเบียนลิขสิทธิ์
ตรงกันข้าม คนที่ไม่ตรงต่อเวลา มักจะเป็นคนที่ขี้เกียจ คนที่ไม่มีระเบียบวินัย เป็นคนที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เช่นการผิดนัดเป็นประจำ(ข้อแนะนำควรไปก่อนเวลานัดสักประมาณ 10 นาที)หรือไม่ยอมส่งงานตามกำหนดเวลาหรือไม่ยอมให้บริการตามเวลาที่กำหนดไว้(ตัวอย่าง สายการบินใด ไม่ตรงต่อเวลา ความน่าเชื่อถือก็จะลดลง) เป็นคนหลีกเลี่ยงงาน ฉะนั้น หากท่านต้องการความสำเร็จ ท่านควรฝึกการวางแผนการใช้เวลา ไม่จะเป็นเวลากิน เวลานอน เวลาทำงานต่างๆ ให้ติดตัวของท่าน อีกทั้งควรหาเครื่องมือช่วย เช่น มีนาฬิกาตั้งเวลาหรือนาฬิกาคอยเตือน , มีหนังสือวางแผนงาน , มีการทบทวน ตรวจสอบการใช้เวลาก่อนเข้านอน เป็นต้น



...
  
คำคม 3 ก๊ก
แผ่นดินเป็นจราจลครั้งนี้ หาผู้ใดคิดทำนุบำรุงไม่
ถ้าชีวิตข้าพเจ้าตายก็ตายเสียเถอด
ขอให้ท่านอยู่รอดจะได้คิดการทำนุบำรุงสืบไป
(ตอนที่ 5:โจหองช่วยโจโฉตอนตามตีตั๋งโต๊ะ พาโจโฉหนีข้ามแม่น้ำสำเร็จ)




ภรรยาเหมือนเสื้อผ้า
ขาดหรือหายไปก็หาไหม่ได้
พี่น้องเหมือนแขนซ้ายขวา
ขาดแล้วยากที่จะต่อได้
(ตอนที่12:เตียวหุยหนีลิโป้ไปหาเล่าปี่แล้วคิดฆ่าตัวตาย)




อันคำโบราณกล่าวไว้ว่า
ผู้จะตั้งตัวเป็นใหญ่
ถึงจะมีบ้านเมืองได้ก็เอาแต่ชัยชนะเท่านั้น
ผู้ใดเป็นเสี้ยหนามก็ทำอันตรายผู้นั้น
มิได้ทำอันตรายแก่บุตรภรรยาและราษฎรทั้งปวง
(ตอนที่17:บิต๊กกล่าวแก่ลิโป้ ตอนที่ลิโป้ตีเมืองเสียวพ่ายของเล่าปี่แตก)




อันธรรมดาการศึกนั้น
ถ้าจะว่าสิ่งใดกับแม่ทัพนายกอง
จงประมาณการให้แน่นอนก่อนจึงว่า
(ตอนที่23:เตียวเลี้ยวทัดทานกวนอูดูฝีมืองันเหลียงก่อนออกรบ)




อันธรรมดาพี่น้องกันนั้น
อุปมาเหมือนหนึ่งแขนซ้ายแขนขวา
เหตุใดท่านจะมาคิดใจเบาตัดแขนซ้ายขวาเสียนั้นไม่ควร
(ตอนที่ 29:อองสิ้วเข้าห้ามปรามอ้วนถำมิให้รบด้วยอ้วนซง)




อันคำโบราณกล่าวไว้ว่า
ธรรมดาเป็นข้าท้าวบ่าวพระยา
ให้ตั้งใจจงรักภักดีต่อนาย
ถ้าเจ้านายนั้นมีความสุขก็พลอยสบายด้วย
แม้มีทุกข์ร้อนก็พงให้ทรมาณกายลำบากด้วยจึงจะควร
(ตอนที่ 30: โจโฉชวนซินเบ้งมาอยู่ราชการด้วย)




อันฮกหลงกับฮองซูสองคนนี้
ถ้าได้เป็นที่ปรึกษาด้วยแต่ผู้ใดผู้หนึ่ง
ก็อาจสามารถจะคิดปราบปรามศัตรูแผ่นดินให้สงบได้
(ตอนที่32: เล่าปี่สนทนากับสุมาเต็กโช)




ซึ่งจะเอาความคิดแลปัญญาข้าพเจ้าไปเปรียบนั้นไกลนัก
ตัวข้าพเจ้าอุปมาเหมือนหนึ่งกาจะมาเปรียบพญาหงส์นั้นไม่ควร
อนึ่งม้าอาชามีกำลังน้อย หรือจะมาเปรียบพญาราชสีห์ได้
อันคนนี้มีปัญญาลึกซึ้งกว้างขวางนัก
อาจสามารถที่จะหยั่งรู้การในแผ่นดินแลอากาศเป็นเอกอยู่แต่ผู้เดียว
ซึ่งจะหาผู้ใดเปรียบเสมอสองนั้นมิได้
(ตอนที่ 33:ชีซีกล่าวแนะนำขงเบ้งแก่เล่าปี่)




อันธรรมดาว่าสงคราม
จะหมายเอาชนะฝ่ายเดียวไม่ได้
ย่อมแพ้บ้างชนะบ้าง
(ตอนที่33:โจโฉว่าแก่โจหยินตอนถูกชีซีตีแตก)




ตัวเรานี้อุปมาเหมือปลาเกลือกอยู่บนดอน
ซึ่งได้ขงเบ้งมาไว้นี้เหมือนเราเกลือกลงมาถึงน้ำได้
(ตอนที่35:เล่าปี่ว่าแก่เตียวหุยให้เชื่อใจขงเบ้ง)




แต่ธรรมดานกทั้งปวงซึ่งตกฟองในรัง
แม้ว่ารังทำลายแล้วฟองนั้นก็ตกแตก
มิอาจสามารถจะตั้งอยู่ได้
(ตอนที่36:บุตรขงหยงว่าแก่คนใช้ เมื่อรู้ว่าบิดาขงหยงถูกโจโฉสั่งฆ่า

...
  
การพัฒนาบุคคลของภาครัฐและเอกชนในงานประชาสัมพันธ์
6 ตุลาคม 2555 ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " การพัฒนาบุคคลด้านงานประชาสัมพันธ์ของภาครัฐและเอกชน " ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ ...
  
คุณก็สามารถร่ำรวยได้
โมติเวท : คุณก็สามารถร่ำรวยได้
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนธรรมดาโดยทั่วๆไปอย่างกระผมหรืออย่างท่านผู้อ่าน ก็สามารถร่ำรวยได้ ถ้าหากว่าเรามีเป้าหมาย เรามีการพัฒนาตนเองตลอดเวลา เรามีความขยันอดทน ดังตัวอย่างบุคคลที่ร่ำรวยที่กระผมจะยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
- ลอร์ด ทอมป์สัน เชาได้ชื่อว่าเป็น ราชาในวงการหนังสือพิมพ์คนหนึ่งของโลก เขาเป็นเจ้าของ
นิตยสารจำนวน 138 ฉบับ เจ้าของหนังสือพิมพ์อีก 183 ฉบับ ซึ่งหนังสือพิมพ์ของเขามีขายไปทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยของเรา
ลอร์ด ทอมป์สัน เสียชีวิตเมื่ออายุได้ 82 ปี ทิ้งมรดกให้แก่ลูกหลานจำนวน 6,000 ล้านบาท หลายคนคงคิดว่าเขาร่ำรวยมาแต่เกิดหรือไม่ คำตอบคือ เปล่าเลยครับ ภรรยาของเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่แต่งงานกับลอร์ด ทอมส์สัน ใหม่ๆ ค่านมค่าอาหารที่ทานทุกๆวัน แทบไม่มีจ่าย แต่เขาดันเพ้อฝันและบอกภรรยาว่า “ สักวันหนึ่ง ฉันจะเป็นเศรษฐี” ภรรยาของเขาก็หัวเราะ
เขาเริ่มต้นทำธุรกิจเมื่ออายุได้ 40 ปี โดยการยืมเงินเพื่อนฝูง งานแรกของเขาคือ เขาจัดรายการทางวิทยุและทำงานด้านหนังสือพิมพ์ควบคู่กันไปด้วย โดยเขาใช้เวลาอยู่ในวงการถึง 40 ปี ในที่สุดเมื่อปี ค.ศ.1967 เขาลงทุนซื้อ ธุรกิจหนังสือพิมพ์ลอนดอนไทม์ซึ่งขณะนั้นใกล้ที่จะล้มละลาย เพราะมีปัญหาเรื่องของการบริหาร มีการขาดทุนจำนวนมากมายมหาศาล แต่เขากลับกล้าที่จะเสี่ยงลงทุน เขาบริหารจัดการจนหนังสือพิมพ์ลอนดอนไทม์ กลับมามีกำไรอีกครั้ง จนทำให้เขามีชื่อเสียงและวงการสื่อสารมวลชนยอมรับความสามารถในตัวเขา ซึ่งเขาบอกเคล็ดลับที่ประสบความสำเร็จของเขาให้แก่คนรุ่นหลังว่า “ จงทำงานอย่างหนักและมีความละเอียดรอบคอบในการบริหารนี่คือปัจจัยในการนำไปสู่ความสำเร็จของเขา”
- ริชาร์ด แบรนสัน พ่อมดแห่งโลกธุรกิจ เจ้าพ่อแห่งอาณาจักรเวอร์จิ้น เขาใช้ชีวิตแบบไม่ธรรมดา
เมื่ออายุเพียง 16 ปี ก็ลาออกจากชีวิตการเป็นนักเรียน เพื่อออกมาทำหนังสือ Student แล้วจึงมาตั้งบริษัท Virgin Galactic ซึ่งปัจจุบันเขาได้ทำธุรกิจมากมาย เช่น ธุรกิจชุดเจ้าสาว น้ำอัดลม เครื่องสำอาง ถุงยาง โรงแรม รถไฟ มือถือ สายการบิน ธุรกิจการเงิน และทัวร์อวกาศ ฯลฯ
ริชาร์ด แบรนสัน เกิดในครอบครัวคนชั้นกลาง โดยส่วนตัวเขาแล้ว เขาเป็นนักคิดสร้างสรรค์ซึ่งชอบทำอะไรแปลกๆใหม่ๆตลอดเวลา เขาชอบคิดนอกกรอบ อีกทั้งมีความเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง
เช่น บริษัทอื่นๆต้องจ้าง บริษัทโฆษณา บริษัทประชาสัมพันธ์ เพื่อจัดกิจกรรมทางด้านการตลาด ซึ่งต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากมายมหาศาล แต่เขากลับใช้วิธี การทำลายสถิติโลก ด้วยการขึ้นบอลลูนและการแล่นเรือ เพื่อโปรโมทองค์กรของเขาแทน อีกทั้งมีการประชาสัมพันธ์ตนเองด้วยการแสดงภาพยนตร์ เรื่อง “ เจมส์บอนด์ ” ซึ่งทำให้คนรู้จักเขาไปทั่วโลก และเขายังบริจาคเงินจำนวน 3,000 ล้านเหรียญเพื่อช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน และสร้างโรงเรียนในประเทศแอฟริกาใต้ พร้อมทั้งอนุญาตให้เอาชื่อของเขาเป็นชื่อโรงเรียน พิธีเปิดโรงเรียน เขาประทับรอยเท้าที่ Branson School of Entrepreneurship จนหลายคนยกย่องให้เขาเป็น “นักประชาสัมพันธ์ชั้นยอด”
นี่คือตัวอย่างเพียงแค่ 2 ตัวอย่างของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ และยังมีบุคคลที่ประสบความสำเร็จอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราสามารถนำเอามาเป็นแบบอย่าง และท่านผู้อ่านสามารถหาซื้อหนังสือต่างๆ ณ ร้านขายหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ เพราะการอ่านประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ จะทำให้ท่านเกิดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น






...
  
การออกเสียงและการพัฒนาพลังเสียงในการพูด
การออกเสียงและการพัฒนาพลังเสียงในการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เสียงเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการพูด การเป็นนักพูดไม่จำเป็นจะต้องมีเสียงที่ก้อง กังวาน หวานเหมือนกับเสียงของนักร้อง แต่การใช้เสียงในการพูด ผู้พูดควรเปล่งเสียงออกไปด้วยความมั่นใจ มีพลัง มีชีวิตชีวา อีกทั้งการใช้เสียงที่ดีจะสามารถตรึงผู้ฟังให้ตั้งใจฟังผู้พูดได้
การใช้เสียงในการพูดต่อหน้าที่ชุมชนที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้
1.มีความชัดเจนและมีความถูกต้อง สามารถสื่อสารให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจที่ตรงกันได้
2.ไม่พูดเร็วหรือช้าจนเกินไป การพูดเร็วจะทำให้ผู้ฟังฟังไม่ทัน แต่การพูดช้าจนเกินไปก็จะทำให้ผู้ฟังเกิดอาการเบื่อหน่าย ไม่เกิดความกระตือรือร้นในการฟัง
3.เสียงดังหรือเสียงเบาจนเกินไป การพูดเสียงดังตลอดเวลาในขณะที่พูดจะทำให้ผู้ฟังเกิดความเครียด รู้สึกเหนื่อย ไม่อยากที่จะฟัง และการพูดเสียงเบาจนเกินไป ก็จะทำให้ผู้ฟังคุยกันและไม่สนใจในเรื่องที่ผู้พูดพูด
4.ไม่พูดเสียงต่ำหรือเสียงสูงตลอดเวลา การพูดเสียงต่ำจะทำให้พูดฟังเกิดอาการง่วงนอน แต่การพูดเสียงสูงตลอดเวลา ก็จะทำให้ผู้ฟังเกิดความรำคาญขึ้นมาได้
5.ไม่พูดเหมือนกับการอ่านหนังสือ เพราะจะทำให้ขาดรสชาติในการฟัง ฟังแล้วไม่เป็นธรรมชาติ
6.ไม่พูดเสียงราบเรียบระดับเดียวกันตลอดการพูด เพราะจะทำให้ผู้ฟังขาดความสนใจในเรื่องที่ผู้พูดพูด
7.ไม่ควรใช้คำฟุ่มเฟือยมากจนเกินไป เช่นคำว่า นะครับ นะค่ะ ครับ ค่ะ เอ้อ อ้า จนทำให้ผู้ฟังเกิดความรำคาญในการฟัง
แต่การออกเสียงและพัฒนาพลังเสียงที่ดีในการพูด ผู้พูดควรพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่จริงใจ เสียงดัง ฟังชัด มีความกระตือรือร้นในการพูด เสียงไม่ควรจะราบเรียบระดับเดียวกันตลอดการพูด ควรมีเสียงดังบ้าง เบาบ้าง เสียงสูงบ้าง เสียงต่ำบ้าง เสียงแหลมบ้าง เสียงทุ้มบ้าง พูดเร็วบ้าง พูดช้าบ้าง ให้มีความเป็นธรรมชาติของผู้พูดแต่ละคน แต่ไม่ใช่ใช้เสียงถึงขนาดเป็นการดัดเสียงให้เหมือนกับนักพากย์หนัง อีกทั้งไม่ควรท่องจำหรือใช้วิธีพูดเหมือนกับการอ่านหนังสือ
สำหรับวิธีการปรับปรุงและพัฒนาพลังเสียงในการพูด
1.ควรหัดอ่านหนังสือ โดยการอ่านออกเสียง เพื่อทำให้เกิดการพูดหรือการออกเสียงเกิดความคล่องยิ่งขึ้น และถ้ามีบทสนทนาผู้ฝึกก็ควรหัดออกเสียง เหมือนกับมีบุคคลสองคนหรือสามคนสนทนากัน
2.ควรซ้อมพูดบ่อยๆ หากไม่มีเวที ก็ควรฝึกฝนด้วยตนเอง นักพูดในอดีตซ้อมการพูดในขณะเดินทางโดยการซ้อมพูดในขณะที่อยู่บนหลังม้า บางท่านก็ซ้อมพูดด้วยการออกเสียงดัง ในขณะทำสวน บางคนฝึกหัดซ้อมการพูด การใช้เสียงในขณะเดินอยู่ที่ริมทะเล เป็นต้น
3.ควรมีอุปกรณ์ช่วย เช่น ควรหาเครื่องบันทึกเสียง เครื่องบันทึกภาพยนตร์ บันทึกในขณะที่เราพูด เพราะจะทำให้เราสามารถตรวจสอบและแก้ไขปรับปรุงการใช้เสียงของเราให้ดีขึ้น
โดยสรุป การออกเสียงและการพัฒนาพลังเสียงในการพูดเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการพูดต่อหน้าที่ชุมชน การใช้เสียงจะทำให้การพูดน่าฟัง การพูดน่าเชื่อถือ การพูดมีรสชาติ อีกทั้งผู้ฟังเกิดความสนใจและสามารถตรึงอารมณ์ของผู้ฟังได้อีกด้วย

...
  
มีเวลาทำงานมาก ไม่ได้หมายความว่าทำงานได้ดี
มีเวลาทำงานมาก ไม่ได้หมายความว่าทำงานได้ดี
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
หลายคนมักคิดว่า หากมีเวลาทำงานมากขึ้น งานย่อมออกมาดีขึ้นและได้ปริมาณที่เพิ่มขึ้น แต่จริงๆแล้ว ไม่แน่เสมอไป
บริษัทส่วนใหญ่มักกำหนดเวลาทำงาน ตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น เคยมีบริษัทแห่งหนึ่ง อยากให้พนักงานทำงานให้บริษัทมากขึ้น เลยกำหนดเวลาใหม่ ให้พนักงานเข้าทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 6 โมงเย็น (เพิ่มขึ้นอีก 2 ชั่วโมง) ผลออกมาเป็นอย่างไร? ปรากฏว่า บริษัทแห่งนั้น มีผลงานน้อยกว่าเดิม เนื่องมาจากอะไร?
เนื่องมาจากพนักงานส่วนใหญ่ แทนที่จะมาถึงแล้วเริ่มต้นทำงานเลย กลับใช้เวลาในช่วงเช้าในการอ่านหนังสือพิมพ์ กินกาแฟสักแก้ว คุยกัน นินทากัน กว่าจะเริ่มทำงานจริงๆ ก็เป็นเวลา 9 โมงเช้า เท่าเดิม
สำหรับช่วงบ่าย ช่วงพักรับประทานอาหาร ก็ไปเดินเที่ยวห้าง ซื้อของ กว่าจะกลับมาที่โต๊ะทำงานก็ช้าไปอีกคนละเกือบ 5-10 นาที แล้วจึงเริ่มทำงาน พอ 5 โมงเย็น เริ่มที่จะจับกลุ่มคุยกัน วิจารณ์การเมือง พูดคุยกันเรื่องละคร ข่าวต่างๆ เหตุเพราะพนักงานส่วนใหญ่คิดว่า ต้องทำงานมากขึ้น 2 ชั่วโมง จึงอยากที่จะพักผ่อนบ้าง เหตุนี้จึงทำให้ปริมาณงานที่ทำไม่เพิ่มขึ้นและงานออกมาไม่ดีขึ้น
ที่นี่ เรื่องเป็นอย่างไรต่อ ผู้บริหารเริ่มสังเกตและมองเห็นเหตุการณ์ จึงมานั่งประชุม แล้วจึงสรุปว่า ให้พนักงานทุกๆคนกลับไปใช้ช่วงเวลาในการทำงานดังเดิม คือ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น แต่ขอให้ทำงานอย่างเต็มที่ ผลปรากฏว่า ปริมาณงานมากขึ้นและงานออกมาดีขึ้นกว่าการทำงานในช่วงเวลา ตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 6 โมงเย็น เพราะพนักงานมีความรู้สึกต้องทุ่มเทให้กับงานมากขึ้น
ฉะนั้น การมีเวลาทำงานมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่า งานนั้นจะออกมาดีหรือมีผลงานมากขึ้นเสมอไป 1 ชั่วโมงที่มีอยู่ของแต่ละคน บางคนอาจใช้อย่างคุ้มค่า แต่สำหรับบางคนก็มักจะปล่อยเวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า
เวลาเป็นเงินเป็นทอง หากว่าพวกเราลองสมมุติว่า 1 ชั่วโมง เรามีค่าเป็นเงิน 2,000 บาท เราคงไม่ปล่อยช่วงเวลา 1 ชั่วโมง ของเราไปกับ การนั่งคุยกัน นั่งนินทากัน แต่เราจะใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเราจะเลือกทำงานชิ้นสำคัญที่สุดก่อน
สำหรับการจะใช้เวลาทำงานอย่างไรให้มีประสิทธิภาพนั้น เราควรเลือกใช้เวลากับกิจกรรมหรืองานที่มีคุณค่าสูงอยู่เสมอ เช่น หากคุณเป็นนักขาย งานที่คุณค่าสูงของคุณ ก็คือการ ขายสินค้า , การโทรศัพท์ติดต่อลูกค้า , นำเสนอขาย , การกรอกข้อมูลรายงานการขายสินค้า เป็นต้น ดังนั้น คุณต้องใช้เวลาไปกับสิ่งเหล่านี้ให้มากกว่า การใช้เวลาพูดคุยกันกับเพื่อน แทนที่จะเป็นการพูดคุยกันกับลูกค้า , คุณควรใช้เวลาในการโทรศัพท์ติดต่อกับลูกค้า มากกว่า พูดคุยโทรศัพท์เรื่องส่วนตัว ฯลฯ
การควบคุมการใช้เวลาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าจะให้ดีคุณควรจัดทำแบบบันทึกปริมาณการทำงานของคุณไว้ด้วยยิ่งจะทำให้คุณทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น หากคุณเป็นนักขาย คุณควรกำหนดรายละเอียดลงไปภายในแบบบันทึกปริมาณการทำงานของคุณ ว่าคุณมีเป้าหมายในการโทรศัพท์ไปหาลูกค้ากี่ราย และ โทรศัพท์ไปหาลูกค้าจริงๆ กี่ราย , เป้าหมายการไปพบเพื่อนำเสนอขายสินค้า สัปดาห์หนึ่งกี่คน แล้วคุณทำได้กี่คน เป็นต้น สำหรับแบบบันทึกปริมาณการทำงานคุณอาจต้องทำเป็น รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี ก็จะยิ่งทำให้การใช้เวลาในการทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น



...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.