หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การให้อภัยศัตรู
การให้อภัยศัตรู
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การให้อภัย มีความสำคัญมากต่อ สุขภาพจิตใจ สุขภาพร่างกายของเรา เพราะการให้อภัยจะทำให้เราไม่ยึดติดในความร้อน ความแค้น เมื่อไม่ร้อน จิตก็จะกลางๆ คือเข้าสู่ความสงบ ความสว่าง ตามหลักการทางพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับศัตรูของเรา เมื่อได้พูดไปแล้ว เมื่อได้กระทำต่อเราแล้ว ก็ลืมและก็ไม่ได้คิดมาก ศัตรูจึงไม่มีความทุกข์
จงให้อภัย เป็นคำพูดที่ง่ายๆ แต่ในทางปฏิบัตินั้นยากมากๆ ที่จะให้อภัย โดยเฉพาะกับศัตรู ตัวกระผมเอง ก็เคยมีประสบการณ์ ซึ่งเคยถูกข่มขู่ ที่จะฆ่า ที่จะทำร้าย ทำให้โกรธและอยากที่จะเอาคืน แต่คิดโกรธ แค้นทีไร ตัวกระผมเองก็เกิดความทุกข์ ความร้อนขึ้นทันที ซึ่งทำให้เกิดอาการและโรคต่างๆตาม มา เช่น โรคนอนไม่หลับ , โรคเครียด โรคกระเพาะ ตามมา
ในทางจิตวิทยาได้กล่าวไว้ว่า ถ้าเราคิดแต่สิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในสมอง ก็เสมือนเราเก็บของไม่ดีเอาไว้ในสมองมากๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะทำให้เราอ่อนแรง ไม่มีพลังในการทำงาน อีกทั้งจะทำให้เราเกิดการเจ็บป่วยได้
การให้อภัยจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะเป็นผลดีต่อเรามากกว่าเป็นผลดีต่อศัตรูของเรา ซึ่งเทคนิคการให้อภัยมีดังนี้
1.เราไม่ควรคิดทบทวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะจะทำให้เรายิ่งเจ็บแค้น ควรเปลี่ยนเรื่องคิด หรือความคิดที่ดีๆ มาใส่แทน เสมือนว่า ในแก้วน้ำมียาพิษ หากว่าเราต้องการให้ยาพิษหมด เราต้องหาน้ำดีเติมลงไป เมื่อเติมลงไปเยอะๆ น้ำและยาพิษก็จะล้นออกจากแก้ว ก็จะทำให้ ยาพิษจางและค่อยๆหายไป ในที่สุด ดังนั้น ต้องหาความคิดที่ดีๆ ความสุขเติมลงไปเยอะๆ
2.เข้าหาศาสนา ทุกศาสนาจะสอนให้ “ ให้อภัย” ศาสนาพุทธ “ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร” ศาสนาคริสต์ “ เมื่อถูกคนตบหน้าด้านซ้ายก็จงเอาด้านขวาให้เขาตบด้วย” หรือพระเยซูเอง ตอนตาย ก็ถูกตรึงไม้กางเขน ก่อนตายก็พูดกับพระเจ้าว่า “ ให้อภัยเขา”
พระคัมภีร์ไบเบิล ก็ยังได้กล่าวไว้ว่า “เราให้อภัยคนอื่นเมื่อเราไม่ถือโทษและไม่เรียกร้องให้เขามาขอโทษหรือชดใช้ คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าความรักแบบไม่เห็นแก่ตัวเป็นหัวใจสำคัญของการให้อภัยอย่างแท้จริง เพราะความรัก “ไม่จดจำเรื่องที่ทำให้เจ็บใจ”—1 โครินท์ 13:4, 5”
3.จงคิดบวกหรือเปลี่ยนทัศนคติให้บวก เช่น เหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้ ทำให้เราได้รับบทเรียนในชีวิต อนาคตเราจะได้ไม่ทำผิดพลาดอีก และคิดเสียว่า บุคคลที่ได้ทำลายเรา ก็จะถูกเวรกรรมตามทัน
4.จงหลีกเลี่ยง หรือไม่พบกับบุคคลที่เป็นศัตรูของท่าน เพราะจะทำให้ท่านคิดหรือเขาอาจจะสร้างปัญหาให้แก่ท่านได้ หรือ หลีกเลี่ยงไปยังสถานที่ของศัตรูของท่านหรือหลีกเลี่ยงพบกับพวกพรรคของเขา
โดยสรุปเมื่อท่านได้ให้อภัยแก่ศัตรูของท่าน ท่านก็จะได้รับประโยชน์ดังนี้
1. ท่านจะเป็นผู้ชนะ เพราะท่านจะชนะใจตนเอง อีกทั้งท่านจะไม่แคร์ศัตรูท่านอีกต่อไป
2. ท่านจะไม่คิดถึงมันเพราะแผลในหัวใจของท่านได้จางหายไปเสียแล้ว ทำให้ไม่เกิดความทุกข์กับเรื่องนั้นอีกต่อไป
3.ท่านจะได้รับ สารความสุข Endophine เพิ่มมากขึ้น
4.ท่านจะมีความภาคภูมิใจในตัวของท่านเอง เพราะ ท่านสามารถทำสิ่งที่ยากได้
5.ท่านจะไม่ได้สร้างเวร สร้างกรรม ต่อกันอีกต่อไป เพราะบางคน คิดจะแก้แค้นถึงกับฆ่ากันตายกันเลยทีเดียว จนตัวเองต้องเข้าคุกเข้าตารางกันไป



...
  
เทคนิคในการสร้างนวัตกรรมและคิดสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด
เทคนิคในการสร้างนวัตกรรมและคิดสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ในบทความนี้กระผมจะไม่ขอพูดถึงความหมายของคำว่า “ นวัตกรรม ” และความหมายของคำว่า “ ความคิดสร้างสรรค์” เนื่องจากกระผมได้เคยเขียนไว้ในบทความฉบับก่อนหน้านี้แล้ว
แต่บทความฉบับนี้ จะลงไปในเรื่องของรายละเอียดเรื่องของเทคนิคในการสร้างนวัตกรรมและคิดสร้างสรรค์ทางด้านการตลาด คนที่จะสร้างนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ทางด้านการตลาดได้ จะต้องมีการพัฒนาด้านความคิดกันก่อนเป็นอันดับแรกๆ ผมมีนิทานฉบับย่อๆ หนึ่งเรื่องจะเล่าให้ฟัง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ได้มีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านแห่งนี้ได้จัดให้มีการแข่งขัน โดยการเดินทางไกลไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งจะต้องเดินทางเป็นระยะทาง 300 กม. ปรากฏว่ามีคนอยู่ 3 กลุ่ม ได้เข้าร่วมการแข่งขัน กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มใหญ่สุด ซึ่งผู้เข้าแข่งขันใช้วิธีเดินโดยการแบกเป้เอาไว้ด้านหลังซึ่งเป็นความคิดของคนโดยทั่วไปในสมัยนั้น กลุ่มที่ 2 ใช้เกวียนเป็นพาหนะในการเดินทาง เป็นกลุ่มรองลงมา ที่คิดวางแผนก่อนที่จะเข้าแข่งขันโดยหาเครื่องมือทุ่นแรง กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มคนที่มีน้อยที่สุด เขาริเริ่มคิดที่จะใช้เครื่องมือแปลกใหม่ๆหรือค้นหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแข่งขันเพื่อไปให้ถึงเส้นชัยโดยหาเครื่องมือที่ไปหรือขับเคลื่อนได้ไวกว่าเกวียน
กระผมให้ท่านผู้อ่านเดาครับ ว่าคนกลุ่มไหนจะมีโอกาสชนะในการแข่งขัน แน่นอนครับ กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่มีน้อยที่สุด แต่เป็นกลุ่มที่ใช้ความคิดมากที่สุดเพื่อที่จะหาเครื่องมือใหม่ๆแปลกๆในการแข่งขัน
ถ้าเปรียบดังการแข่งขันด้านการตลาด กลุ่มที่ 1 เป็นพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปมีมากที่สุด ขายสินค้าเหมือนๆกัน กลุ่มที่ 2 มีน้อยลงมาหน่อยคือพ่อค้าแม่ค้าที่รู้จักใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือ เทคโนโลยีเข้าช่วยในการทำงาน ส่วนกลุ่มที่ 3 มีน้อยที่สุด เป็นกลุ่มที่คิดพัฒนานวัตกรรมกับความคิดสร้างสรรค์ก่อนที่จะเข้าสู่การแข่งขัน เช่น สตีฟ จอบส์ พัฒนาสินค้าตระกูล I ก่อนซึ่งต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะได้สินค้าแต่ละตัวแต่ตรงกันข้ามกับเจ้าของธุรกิจทั่วไป เขาอยากจะเปิดร้านขายอะไรก็เปิด ไม่ยอมคิดสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด
ดั้งนั้นเทคนิคในการสร้างนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ทางการตลาดมีดังนี้
1.จงคิดสร้างนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ทางการตลาดก่อนที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจจะต้องมีการวางแผน การทำวิจัย หรือการตั้งหน่วยงานนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ขึ้นในองค์กร ซึ่งการวางแผน การทำวิจัยก่อนที่จะเปิดขายสินค้า ขายผลิตภัณฑ์ อาจจะทำให้เสียเวลาในช่วงแรก แต่ถ้ามองในระยะยาวจะมีผลดีตรงข้ามกับคนกลุ่มใหญ่ที่คิดจะเปิดร้านขายสินค้า ผลิตภัณฑ์อะไรก็เปิดเหมือนๆกันกับคู่แข่งขัน อาจจะไม่เสียเวลาและง่ายในการเริ่มต้น แต่ในระยะยาวจะไม่เกิดผลดีและอาจจะพ่ายแพ้ต่อการแข่งขัน
2.จงศึกษาความแตกต่างและความเหมือนกัน จงค้นหาความแตกต่างของสิ่งที่เหมือนกัน
และจงค้นหาความเหมือนกันในสิ่งที่แตกต่างกัน เช่น ของโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ กาแฟ สินค้าต่างๆ บริษัทต่างๆ ซึ่งการคิดบ่อยๆก็จะทำให้เราเห็นความแตกต่างกันระหว่างสินค้า ผลิตภัณฑ์ การตลาดของเรากับคู่แข่งขันและสามารถคิดวิเคราะห์ได้ดียิ่งขึ้น
3.จงจินตนาการ เพราะ อัลเบิรต์ ไอน์สไตน์ อัจฉริยะระดับโลกได้กล่าวไว้ว่า “ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” และนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ นักวิจัย นักวิชาการ นักการเมือง ระดับโลก บุคคลเหล่านี้เขามีจินตนาการและรู้จักใช้จินตนาการมากกว่าคนทั่วไป เช่น JFK อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้พูดไว้ว่า จะส่งคนไปดวงจันทร์ ซึ่งในสมัยนั้นเป็นไปได้ยากมากๆและคนทั่วไปอาจจะยังมองไม่เคยภาพ แต่ ประธานาธิบดี JFK ก็มีจินตนาการที่จะส่งคนไปดวงจันทร์ให้ได้และก็ทำสำเร็จในเวลาต่อมา บุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาดก็เช่นกัน ควรใช้จินตนาการให้มากขึ้น
4.จงนำเอาสิ่งตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไปมารวมกัน เช่น ยาสีฟันรวมตุ๊กตา(หลอดยาสีฟันแต่ตัวหลอดกับหัวหลอดยาสีฟันเป็นตัวตุ๊กตาที่มีความแปลกๆหรือตุ๊กตาที่อยู่ในกระแสความดัง) , การนำเอาสิ่ง 3 สิ่งมารวมกัน ตัวอย่าง (ธนาคาร+ร้านกาแฟ+ร้านอินเตอร์) , การนำเอาสิ่ง 4 สิ่งมารวมกัน ตัวอย่าง ปั๊ม ปตท.(ปั๊มน้ำมัน +คาเฟ่ อเมซอน+7-11+เชสเตอร์กริลล์) , การนำเอาสิ่ง หลาย สิ่งมารวมกัน ตัวอย่างเช่น (มีด+ไขควง+กล้องขยาย+ช้อน+ส้อม+กรรไกร+ไม้จิ้มฟัน+ปากกา+ที่แคะขี้หู+เลื่อยขนาดเล็ก+เข็มทิศ+กรรไกรตัดเล็บ+คีม) สิ่งเหล่านี้สามารถพับออกมาใช้งานได้และสามารถพับเก็บได้ในชิ้นเดียวกัน
เทคนิคในการสร้างนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ทางการตลาด ทั้ง 4 อย่างข้างต้นนี้จะช่วยให้เกิดสิ่งใหม่ๆ และเกิดสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม อีกทั้งยังช่วยสร้างความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันให้เหนือกว่าคู่แข่งขันอีกด้วย จงสร้างนวัตกรรมและใช้ความคิดสร้างสรรค์ทางการตลาดอยู่ตลอดเวลา เพราะสิ่งที่เราคิดได้ว่าเป็นสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่แปลกๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะเป็นสิ่งเก่าทันที เนื่องจากมีคนเลียนแบบ
ดังนั้น จงสร้างนวัตกรรมและคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องแล้วท่านจะเป็นผู้รับชัยชนะ และเป็นผู้นำทางด้านตลาดในวงการธุรกิจของท่าน
...
  
อภัยทาน
อภัยทาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
อภัยทาน คือ การยุติผลกรรม การจองเวร การคิดแก้แค้น การอาฆาตพยาบาท การคิดร้าย การคิดลบ กล่าวคือ สิ่งที่เป็นภัยที่เกิดขึ้นจากจิตใจหรือความคิดของเราเอง ซึ่งถือว่าเป็นยาพิษสำหรับจิตใจของเรา หรืออาจจะเปรียบได้ว่า เป็นการตกนรกภายในใจ ทั้งๆที่มีชีวิตอยู่ เนื่องจากเกิดความทุกข์ ความไม่สบายใจ
อภัยทาน คือ การไม่พยาบาท การไม่ผูกใจโกรธ การไม่อาฆาตจองเวร หรือคิดร้ายแม้กระทั้งศัตรูของตนเอง
เราจะเห็นว่า ศาสนาพุทธ เมื่อผู้ใดได้ตายลงไปแล้ว ประเพณีของไทยเราส่วนใหญ่ เราก็จะจุดธูปแล้ว กล่าวขออภัยต่อศพ ว่าสิ่งใดที่เราได้ล่วงเกินไปด้วยกาย วาจา ใจ ก็ขออโหสิกรรม ถึงแม้จะเป็นศัตรูก็ตาม เพราะถ้ายังผูกใจเจ็บซึ่งกันและกัน ก็จะส่งผลไปยังภพชาติหน้า
แม้แต่ประเพณี สงกรานต์ของไทยเราหรือวันขึ้นปีใหม่หรือพิธีบวช ของไทยเรา ก็ยังคงมีเรื่องของ การอโหสิกรรม ซึ่งจะทำให้ใจของเราเกิดการอภัยทานซึ่งกันและกัน จึงเป็นเรื่องของการชำระล้างใจ ทำให้ใจของเราเกิดความสงบร่มเย็น
การอภัยทานจึงต้องอาศัยการฝึกทำ ไปทีละเล็กทีละน้อย จนเป็นปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำได้ยาก แต่ถ้าใครทำได้ก็จะเป็นเรื่องการสร้างบุญบารมีให้แก่ตนเอง เพราะการให้อภัยการเมตตาจะเป็นคุณประโยชน์แก่ตนเอง มากกว่าคนที่เราผูกใจเจ็บ
ซึ่งตามหลักการพุทธศาสนานั้นได้สอนไว้ว่า การให้อภัยทานคือการให้ทานสูงสุด เป็นการให้ทานที่สูงกว่าการให้ธรรมทานเสียอีก การให้ธรรมทาน 100 ครั้ง ก็ไม่อาจสู้หรือได้บุญน้อยกว่าการให้ “ อภัยทาน”
การทะเลาะกัน ก็เหมือนกับ การโทรศัพท์หากัน ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยตอบโต้กัน ถ้าการพูดต่อโต้กันเป็นเรื่องที่ดี เรื่องที่มีความสุข เรื่องความรัก ความอบอุ่น ก็ดีไป แต่ถ้า ทะเลาะกันผ่านทางโทรศัพท์ ถ้ามีฝ่ายหนึ่งหยุดพูด อีกฝ่ายก็ไม่สามารถโต้ตอบได้ ก็จะไม่เกิดอารมณ์ โกรธ เกลียด ที่มากขึ้นด้วยกันทั้งสองฝ่าย ดังนั้น การหลบเลี่ยง การหลบหนี การหยุดทะเลาะ การยอมแพ้บ้าง จึงเป็นเรื่องของการไม่เพิ่ม อารมณ์ ความโกรธ ความเกลียด ความเครียดแค้น การผูกใจเจ็บ ให้มากขึ้นได้
กระผมได้ฟังเทศนาจากพระคุณเจ้าในอดีตซึ่งจำไม่ได้ว่ามาจากพระท่านใด ท่านกล่าวว่า “ การที่เราโกรธใคร ไม่ไปอหิโสกรรมใคร จะทำให้บาปนั้นติดภายในใจเราไปอย่างยาวนาน ข้ามภพข้ามชาติ ถ้าเราไปเกิดใหม่ กรรมหรือบาปนั้น ก็ยังติดตามไปด้วย บางคนเกิดมามักจะถูกใส่ร้ายตลอด บางคนเกิดมาก็มีผู้คนกลั่นแกล้ง ทำร้ายตลอด นั่นเพราะเกิดจากกรรมในอดีต ”
จงชนะใจของตนเองด้วยการให้อภัยทาน แล้วท่านจะพบกับความสุขภายในใจของตนเอง จงแผ่เมตตาให้ตนเอง ให้กับผู้คน ให้กับสัตว์ร้ายและศัตรูของท่าน จงอโหสิกรรมให้แก่ตนเอง ผู้อื่น รวมทั้งศัตรูของท่าน จะทำให้ชีวิตของท่านเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
...
  
คุณสมบัตินักขายมืออาชีพ
คุณสมบัตินักขายมืออาชีพ
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน
www.drsuthichai.com
อะไรคือคุณสมบัติที่มีความแตกต่างกันระหว่างนักขายมืออาชีพกับนักขายมือสมัครเล่น
ถ้าจะตอบคำถามนี้ คงต้องตอบว่า คุณสมบัติที่แตกต่างกันมีอยู่หลายประการ เช่น
1.มีเป้าหมายหรือมีความฝัน นักขายมืออาชีพเขาจะมีเป้าหมาย เขาจะตั้งเป้าหมาย และมีความฝันในชีวิต เขาจะตั้งเป้าหมายในการทำงาน เขาจะมีความฝันว่า เขาจะรู้ว่าเขามีความต้องการอะไรในชีวิต เขาจะเขียนเป้าหมายเป็นตัวเลขลงในสมุดวางแผนงาน เขาจะตัดภาพบ้านใหม่ รถใหม่ หรืออะไรที่เขาต้องการลงในสมุดวางแผนเพื่อเตือนความทรงจำ
2.มีการวางแผน เขาจะมีการวางแผน เมื่อเขารู้เป้าหมายหรือรู้ความฝันของเขาแล้ว ทำอย่างไรถึงจะไปยังเป้าหมายหรือความฝันของเขา เขาจึงต้องวางแผนการทำงาน ว่าเขาจะทำอย่างไรถึงจะเดินทางไปสู่ความฝันของเขาให้ได้ เขาจะต้องวางแผนในการไปพบกับลูกค้า หรือผู้มุ่งหวังกี่คนต่อวัน เขาจะต้องเตรียมเอกสารอะไร เตรียมคำพูดอย่างไร เตรียมข้อมูลหรือแบบฟอร์มอะไรบ้างที่จะให้ลูกค้าหรือผู้มุ่งหวังเซ็นต์(ลงนามชื่อ)เอกสาร
3.มีวินัยในการทำงาน นักขายมืออาชีพเขาจะมีวินัยในการทำงานและเขาจะยึดหลักอิทธิบาท 4 ในการทำงาน อันได้แก่
ฉันทะ คือ ต้องรักงานขาย ต้องชอบทำงานด้านการขาย
วิริยะ คือ ต้องขยันหมั่นเพียร พากเพียรในการทำงานขาย
จิตตะ คือ ต้องมีจิตใจจดจ่อ ตั้งใจในการทำงานด้านการขาย
วิมังสา คือ ต้องพัฒนาปรับปรุงงานขายของตนเองอยู่เสมอตลอดเวลา
4.มีความอดทนต่อการถูกปฏิเสธ งานขายเป็นงานที่ต้องถูกการปฏิเสธจากลูกค้ามากกว่าลูกค้าจะตัดสินใจซื้อหรือตอบรับการซื้อ ดังนั้นนักขายต้องมีความอดทนต่อการถูกปฏิเสธจากลูกค้า เพราะถ้านักขายอดทนไม่ได้ นักขายคนนั้นก็จะไม่สามารถเป็นนักขายมืออาชีพได้ คงเป็นได้เฉพาะนักขายมือสมัครเล่นเท่านั้น
5.มีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา นักขายมืออาชีพจะต้องมีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา เขาจะมีการปรับปรุงพัฒนาตนเองทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ของการแต่งกาย การพูดการจา การวางตัว การทำงาน การเข้ารับการอบรม การอ่านหนังสือ การหาความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับสินค้า เกี่ยวกับงานขายของตนเอง
6.มีทัศคติที่ดีต่องานขาย นักขายมืออาชีพเขาจะเป็นคนที่มีทัศคติที่ดีต่องานขาย เขาจะเป็นคนมีความคิดบวก มองโลกในแง่ดี เขาจะมองหาแง่มุมที่ดีๆของงานขาย เช่น งานขายเป็นงานที่ช่วยเหลือคน ตัวอย่างคนขายประกันชีวิต เขาจะมองว่า ถ้าคนๆหนึ่งทำงานเลี้ยงดูครอบครัว ลูกๆ มาวันหนึ่งต้องตายลงไป ใครจะมาเลี้ยงดูลูกๆของเขา ถ้าไม่มีเงิน จึงเสนอขายประกันชีวิตแก่พ่อแม่ที่มีลูกที่ยังเล็กอยู่
7.มีความกระตือรือร้นและเชื่อมั่นในตนเอง นักขายมืออาชีพเขาจะเสนอขายด้วยความเชื่อมั่นในตนเองและเสนอขายสินค้าให้แก่ลูกค้าอย่างกระตือรือร้น ความการกระตือรือร้นจะทำให้เขามีไฟในการทำงาน มีความทุ่มเทเอาใจใส่ในงาน ดังนั้นถ้าอยากเป็นนักขายมืออาชีพจะต้องเป็นคนไม่เฉยชา และจะต้องมีความกล้า ไม่กลัวในการทำงาน กล่าวคือ ต้องมีความกระตือรือร้นและเชื่อมั่นในตนเองนั่นเอง
คุณสมบัติทั้ง 7 ข้อข้างต้นนี้ กระผมคิดว่าเป็นประเด็นหลักๆของความแตกต่างระหว่างนักขายมืออาชีพกับนักขายมือสมัครเล่น และยังมีอีกหลายคุณสมบัติที่เป็นเรื่องรองๆลงไป ที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างนักขายมืออาชีพกับมือสมัครเล่น เช่น การรู้จักคุณค่าของเวลา การมีมนุษย์สัมพันธ์ การใช้เครื่องมือที่ทันสมัยช่วยในการทำงาน ฯลฯ

...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.