หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  พลังแห่งการไม่ยอมแพ้
  -  บันได 6 ขั้น สู่ความสำเร็จ
  -  จงกล้าที่จะล้มเหลว
  -  พัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จ
  -  ทำงานให้สนุกและสร้างความสุขกับการทำงาน
  -  องค์ประกอบของการทำงานเป็นทีม
  -  การพัฒนาตนเอง
  -  ความรุ่งโรจน์อยู่ที่ตัวท่าน
  -  พลังแห่งชีวิต
  -  ฝึกฝึกและฝึก
  -  ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
  -  ทำงานอย่างไรให้มีความสุข
  -  นิสัยแห่งความสุข
  -  Think Big คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก
  -  Born To Win เกิดมาเพื่อชนะ
  -  หลักการทำงาน
  -  การทำงานให้เจริญก้าวหน้า
  -  ความเชื่อมั่นในตนเอง
  -  คุณก็เป็นผู้นำที่ดีได้
  -  จงแบ่งเวลาวันละ 1 ชั่วโมง
  -  เทคนิคการพูดในที่ชุมชน
  -  ชื่อ สโลแกน มีความสำคัญ
  -  ทำงานให้สนุกเป็นสุขกับการทำงาน
  -  จงเผชิญหน้ากับความตกต่ำ
  -  หัวใจนักปราชญ์
  -  ทำไมไม่กำหนดเป้าหมายในชีวิต
  -  จงเรียนรู้ตลอดชีวิต
  -  ท่านสามารถประสบความสำเร็จได้
  -  เข้าสังคมดีก็จะมีสิ่งดีๆเข้ามา
  -  เพียงคิดเป็นภาพความสำเร็จก็มีขึ้น
  -  พลังแห่งการให้
  -  เคล็ดลับความสำเร็จของมหาเศรษฐีระดับโลก
  -  ใช้ความราบรื่นเพิ่มความสุขให้ชีวิต
  -  ประตูสู่ความมั่งคั่ง
  -  ล้มได้ก็ลุกได้
  -  เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ...ท่านก็สามารถทำได้
  -  ผิดเป็นครู
  -  ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ
  -  ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า
  -  อ่านหนังสือได้เร็วชีวิตพัฒนาขึ้น
  -  จงกระตุ้นตัวเองเพื่อการกระตุ้นผู้อื่น
  -  ไม่มีข้ออ้างสำหรับความสำเร็จ
  -  จงรักในสิ่งที่ทำ จงทำให้สิ่งที่รัก
  -  ข้อดีของการให้ออกจากงาน
  -  ความล้มเหลวอาจเป็นสิ่งที่ดี
  -  ความล้มเหลวทำให้ท่านประสบความสำเร็จ
  -  ทำทันที(ททท.)
  -  ความสำเร็จเริ่มต้นที่ตัวเอง
  -  จงพัฒนาตนเอง ทุก 10%
  -  จงอย่าหยุดคิดริเริ่มสร้างสรรค์
  -  5 ส. สร้างสุขในการทำงาน
  -  กฎแห่งความสำเร็จ(กฎแห่งแรงดึงดูด)
  -  เป้าหมายชีวิต
  -  จินตนาการสู่ความสำเร็จ
  -  จงเชื่อมั่นในตนเอง
  -  เรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ
  -  ปลุกศักยภาพในตัวคุณ
  -  ค้นให้พบโอกาสทอง
  -  อยากประสบความสำเร็จต้องมี Passion
  -  สู้ไม่ถอย
  -  ทำงานอย่างมีความสุข
  -  ปัญญามีมาก แต่ใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ
  -  พัฒนาตนเองเพื่อความสำเร็จ
  -  เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกโอกาส
  -  จงทำงานอย่างมีชีวิตชีวา
  -  ความอดทนพากเพียรคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
  -  ขุมทรัพย์แห่งความสำเร็จคือการให้
  -  วิชาชีพการโรงแรมและการท่องเที่ยวกับอาเซียน
  -  พลังแห่งการเคลื่อนไหวร่างกาย
  -  สมองเงินล้าน
  -  ก้าวไปให้ถึงจุดสุดยอดของชีวิต
  -  โมติเวท : คิดแบบเศรษฐี
  -  การสร้างพลังในตัวคุณ
  -   19 แนวคิดที่นำไปสู่ความสำเร็จ
  -  คุณก็สามารถร่ำรวยได้
  -  โมติเวท : ศาสตร์แห่งความร่ำรวย
  -  โมติเวท : ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะดีหรือร้าย
  -  โมติเวท : จงเรียนรู้ด้วยตนเอง
  -  ใจมีฝัน ใจมีหวัง ใจยังสู้
  -  ฉันทำได้
  -  อย่ายอมแพ้...หากว่ายังไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่
  -  15 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จในการทำงาน
  -  ทำไมท่านถึงไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน
  -  บัญญัติ 20 ประการทะยานสู่ความสำเร็จในการทำงาน
  -  ผู้นำที่ดีในการทำงาน
  -  วิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน
  -  รู้จักตนเอง...เพื่ออนาคตการทำงานของตนเอง
  -  นักขายต้องมีเป้าหมายและมีความฝัน
  -  ประสบความสำเร็จในการทำงานด้วยหลัก 5 ถึง
  -  ทำงานอย่างมีความสุข
  -  วิธีทำตนให้คนเกลียดในที่ทำงาน
  -  จงสร้างผลลัพธ์ในตัวคุณให้สูงสุด
  -  โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี
  -  อุปสรรค คือ สีสันของชีวิต
  -  สู้ไม่ถอย
  -  การสร้างแรงบันดาลใจ
  -  สร้างนิสัยแห่งความสำเร็จ
  -  ปลุกพลังในตัวคุณ
  -  คุณก็เป็นเศรษฐีได้
  -  เพื่อนคือทั้งหมดของชีวิต
  -  จอจ่อที่เป้าหมาย...ไม่ใช่จอจ่อที่อุปสรรค
  -  การทำงานด้วยหัวใจ
  -  อัจฉริยะพลิกสมอง....เปลี่ยนโลก
  -  อยากประสบความสำเร็จต้องลงมือทำ
  -   9 อุปนิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จ
  -  ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
  -  จะทำงานอย่างไรให้ก้าวหน้า
  -  เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน
  -  กล้าฝัน กล้าไล่ล่าฝัน
  -  รู้ทิศทาง รู้ทำ รู้ทนทาน
  -  บางครั้งการล้มเหลวก็เป็นสิ่งที่ดี
  -  ผมมีความฝัน ฉันมีความฝัน
  -  ทำไมเราถึงล้มเหลว
  -  คุณมีความสามารถมากกว่าที่คุณคิด
  -  อยากสำเร็จต้องออกแรง
  -  7 วิธีสู่ความสำเร็จในชีวิต
  -  จงมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อนำไปสู่ความเป็นเลิศ
  -  การให้อภัยศัตรู
  -  อภัยทาน
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
เทคนิคการพูดในที่ชุมชน
เทคนิคการพูดในที่ชุมชน

นักพูดชั้นนำไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน ย่อมมีวิธีการพูดของตนเอง ซึ่งแต่ละแบบแต่ละวิธีก็จะแตกต่างกันไป ผู้เขียนเองได้ศึกษาจากการอ่านหนังสือ “วาทะ วาที ศาสตร์และศิลป์ทางการพูด” เขียนโดย อาจารย์สุทธิชัย ปัญญโรจน์ และจากประสบการณ์การเป็นพัฒนากรและนักทรัพยากรบุคคล ทุกครั้งที่จะพูดต่อหน้าชุมชน จะให้ความสำคัญกับการเตรียมคำพูด โดยใช้สมุดบันทึกพกติดตัวตลอด เมื่ออ่านเจอคำพูดที่น่าสนใจก็จะจดบันทึกไว้เป็นข้อมูล ก่อนพูดต้องมีการเขียนโครงเรื่อง ซ้อมพูด แล้วแก้ไขจนเป็นที่น่าพอใจ จึงจะนำไปพูด ทำให้เกิดความมั่นใจ เป็นธรรมชาติ จะเห็นได้ว่าการพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ซึ่งแต่ละคนจะมีวิธี การคิด การฝึก การปฏิบัติที่แตกต่างกันไป จึงขอนำประสบการณ์เรื่องเทคนิคการพูดในที่ชุมชนมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ขุมความรู้
1. เตรียมตัว เตรียมใจทุกครั้งที่ขึ้นพูด ต้องทำจิตใจให้สดชื่น พักผ่อนให้เพียงพอจะส่งผลให้การพูดนั้นออกมาดี
2. เตรียมข้อมูลต่างๆ ให้พร้อม เช่น ข้อมูลผู้จัด คนฟัง ห้องบรรยาย สถานที่
3. เตรียมเรื่องที่จะพูด ต้องสามารถอธิบายได้ง่าย โดยการสร้างโครงเรื่องเป็นขั้นตอน 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุปจบ “ขึ้นต้นต้องตื่นเต้น กลางต้องกลมกลื่น และสรุปจบต้องจับใจ”
4. คำนำ หรือการขึ้นต้นที่ดีนั้น ต้องเร้าใจผู้ฟัง เพื่อผู้ฟังจะได้ติดตาม อาจจะขึ้นต้นด้วยการพาดหัวข่าว บทกวี คำพูดของคนที่มีชื่อเสียง หรือขึ้นต้นด้วยอารมณ์ขัน
5. เนื้อเรื่อง หรือการดำเนินเรื่อง ต้องลำดับเรื่องที่พูดให้ดี เช่น การพูดตามลำดับของเหตุการณ์ เวลา สถานที่ หรือจุดหมายของการพูด แล้วใส่ถ้อยคำ น้ำเสียง ภาษา ท่าทาง สายตาให้เข้ากับเนื้อเรื่อง
3. สรุป หรือการลงท้าย ต้องทำให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจ การสรุปจบที่ดีต้องมีความหมายที่ชัดเจน กะทัดรัด สัมพันธ์กับเนื้อเรื่องและคำนำ การสรุปจบที่ได้ผล เช่น ฝากให้ผู้ฟังคิดต่อ จบแบบสรุปความ จบแบบเรียกร้องหรือชักชวน จบแบบคำคม สุภาษิต คำพังเพย
แก่นความรู้
1. คำนำ หรือการขึ้นต้นที่ดีนั้น ต้องเร้าใจผู้ฟัง
2. เนื้อเรื่อง หรือการดำเนินเรื่อง ต้องลำดับเรื่องที่พูดให้ดี
3. สรุป หรือการลงท้าย ต้องทำให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจ
ความรู้และทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
1. ศาสตร์และศิลป์ทางการพูด
2. การพัฒนาบุคลิกภาพ
3. การเป็นวิทยากร
เจ้าของความรู้ นางสาวทับทิม แท่งคำ นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุบลราชธานี ...
  
ชื่อ สโลแกน มีความสำคัญ
ชื่อ สโลแกน มีความสำคัญ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
เมื่อพูดถึงชื่อสินค้ายี่ห้อหนึ่ง เช่นคำว่า “โค้ก , เป๊ปซี่ ” เราจะรู้ว่าคืออะไร เมื่อพูดคำว่า “ โตโยต้า ฮอนด้า ” เราจะรู้ว่าคืออะไร เมื่อพูดคำว่า “ ไนกี้ , อาดิดาส ” เราจะรู้ว่าคืออะไร เมื่อพูดคำว่า “ เชฟโรเลท , วอลโว่” หรือ เมื่อเรียกชื่อบุคคลเราจะทราบทันทีว่าเขาคือใคร เช่น ไทเกอร วูดส์ , เดวิด เบ็คแฮม , เฉินหลง ฯลฯ
ชื่อของสินค้าหรือชื่อของบุคคล จึงมีความสำคัญเป็นอันมากในการทำการตลาด เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจดจำได้ ลักษณะของการตั้งชื่อที่ดี มักสื่อความหมายให้เห็นถึงบุคลิกของตัวสินค้า จึงไม่เป็นที่แปลกใจว่า สินค้าหลายๆตัวรวมถึงบุคคลต่างๆ เมื่อเข้าสู่วงการต่างๆ เช่น วงการแสดง วงการกีฬา วงการบันเทิง ฯลฯ จึงมักมีการเปลี่ยนแปลงชื่อเพื่อทำการตลาด เช่น เฉินหลง ชื่อจริง เฉิน ก่างเซิง แต่เมื่อเฉินหลง ทำการตลาดการเป็นนักแสดงระดับโลกจึงเปลี่ยนแปลงชื่อเป็น แจ๊กกี้ ชาน หรือ ดาราไทย นักร้องไทย จาก พรภิรมย์ พินทะปะกัน เปลี่ยนเป็น ไมค์ ภิรมย์พร เป็นต้น
ยิ่งในยุคปัจจุบัน เป็นยุคโลกาวิวัฒน์ คนทั่วโลกสามารถไปมาหากันได้อย่างสะดวก เราจะเห็นชาวต่างประเทศมาประเทศไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ทำให้การตั้งชื่อยิ่งมีความสำคัญยิ่งขึ้น การตั้งชื่อสินค้า การตั้งชื่อสถานที่ต่างๆ ปัจจุบันมักใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษมากกว่าการตั้งชื่อเป็นภาษาไทย เช่น BM PUB ทำไมเราไม่ใช้คำว่า สมชาย ผับ หรือร้านขายกาแฟ Caffe Buddy (ภาษาไทยอ่านว่า คาฟเฟ่ บัดดี้) ทำไมเราไม่ใช้ชื่อเป็นภาษาไทยว่า สมปอง กาแฟ เป็นต้น
สโลแกน เช่น คำว่า “ เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ” , “ บริการทุกระดับประทับใจ” , “ ปึกแผ่นเป็นแก่นสาร บริการเป็นกันเอง ” ฯลฯ สโลแกน เป็นข้อความที่ใช้ในการจูงใจให้คนมาใช้สินค้า เป็นข้อความที่บ่งบอกถึงจุดเด่นของสินค้า ซึ่งลักษณะของสโลแกนที่ดี ควรสั้นกระชับ มีความคล้องจ้อง อีกทั้งมีการเว้นวรรค เว้นจังหวะในการอ่าน
หากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการทำการตลาดสินค้าสักตัวหรือการทำการตลาดตัวของท่านเอง ท่านควรคำนึงถึงชื่อสินค้า และสโลแกนที่ใช้ เพื่อประโยชน์ในการทำการตลาดมากยิ่งขึ้น ผู้ที่รู้ความลับนี้หลายๆ ท่านมักใช้ทำการตลาดตัวเองแล้วได้ผล เช่น “ ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว(จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ) หรือ ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้(พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์)” สโลแกนเหล่านี้มักแสดงถึงตัวตนของท่านได้อย่างแท้จริง
สโลแกนจึงมีความสำคัญและสโลแกนที่ดียังสามารถช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย หากเราสามารถคิดสโลแกนที่ถูกใจผู้คน ผู้คนก็จะฟังติดหู ดังเช่น รักคุณเท่าฟ้า ของการบินไทย , ละลายในปากไม่ละลายในมือ เอ็มแอนด์เอ็ม , ลูกผู้ชายตัวจริง กระทิงแดง ฯลฯ
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ชื่อและสโลแกน มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน และหากต้องการให้ชื่อและสโลแกน เป็นที่จดจำได้เร็ว เราคงต้องศึกษาเรื่องของเครื่องมือช่วยตัวอื่นๆ เพื่อใช้ในการทำการตลาด เช่น โลโก้ , การเลือกใช้สี , เสียงเพลง , การเลือกรูปแบบตัวอักษรและภาพ ฯลฯ ซึ่งต้องนำชื่อ สโลแกนและเครื่องมือช่วยอื่นๆ โดยการนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร ฯลฯ ก็จะทำให้สินค้าของท่านเป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น



...
  
ทำงานให้สนุกเป็นสุขกับการทำงาน
ทำงานให้สนุกเป็นสุขกับการทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในชีวิตของคนๆหนึ่งมีงานวิจัยว่า เราจะใช้เวลาไปกับการทำงานเป็นจำนวนเท่าไร ผลปรากฏออกมาว่า เราใช้เวลาในชีวิตถึง 2 ใน 3 ของเวลาทั้งหมดไปกับการทำงาน ดังนี้ การทำงานจึงเป็นสิ่งที่ควรทำให้ชีวิตมีความสุข มีความสนุก ไม่ใช้ทำงานไปด้วยความเบื่อหน่าย ไม่อยากทำ เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ท่านควรมีความกล้าหาญในการเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยการกล้าที่จะลาออกจากงานเดิมแล้วเปลี่ยนงานใหม่ไปทำงานที่ท่านรัก ท่านชอบ
เวลาทำงานของคนโดยปกติมักจะอยู่ที่ 8-10 ชั่วโมง แต่หากท่านต้องทำงานมากกว่า 10 ชั่วโมงละ ท่านจะทำอย่างไร
โทมัส เอดิสัน แนะนำว่า “ จงสนุกกับงานนั้นๆ ” โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าดวงแรกได้ ก็ด้วยการสนุกกับงาน เขาทำงานอย่างสนุกบางวันทำงานถึง 18 ชั่วโมงเลยทีเดียว และในบางวันเขาทำงานอย่างสนุกจนกระทั่งต้องหอบ อาหาร เครื่องดื่ม ที่นอนไปในห้องทดลองเพื่อที่จะได้มีเวลาทำงานมากขึ้น
พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ทำงานอย่างสนุกบางวันท่านทำงานได้ถึงวันละ 16 ชั่วโมง ก็เพราะมีความสนุกกับการทำงาน การทำงานทำให้ท่านมีความสามารถหลายด้าน เช่น เป็นนักการเมือง นักเขียน นักพูด ข้าราชการ ครู อาจารย์ เป็นต้น
ซึ่งการทำงานให้มีความสนุกและเป็นสุขกับการทำงานนั้นสามารถแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
1.จงรักในงานที่ท่านทำ จงทำในงานที่ท่านรัก ข้อนี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการทำงาน ความรักในงาน ความชอบในงาน เป็นบ่อเกิดให้ทำงานนั้นๆ ได้ดีกว่าคนอื่น ได้มากกว่าคนอื่น ฉะนั้น จงหางานที่ท่านรักทำแล้วท่านจะเกิดความสนุกและมีความสุขในงานที่ท่านได้ทำ
2.หากไม่สามารถหางานที่ตนเองรักทำได้ ก็จงทำใจรักงานในปัจจุบันที่ท่านทำ เสมือนหนึ่ง บางคนมีแฟนอยากที่จะแต่งงานกับคนๆนี้ แต่ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง เราจึงได้แต่งงานกับอีกคนหนึ่งซึ่งเราไม่ได้รักหรือชอบเขา แต่เมื่อมาอยู่กินเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็จงปรับตัวปรับใจ ทำใจให้รักเขา ชอบเขา มองแต่แง่ดีของเขา
3.รู้จักบริหารเวลาให้เป็น เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเราต้องคำนึงถึงเรื่องของการบริหารเวลา ควรใช้เวลาในการทำงานอย่างคุ้มค่า ควรเห็นคุณค่าของเวลา เพราะถ้าหากบริหารเวลาไม่เป็นก็จะทำให้งานการเสียหายได้ อีกทั้งคนที่บริหารเวลาเป็น มักมีความก้าวหน้าและเจริญเติบโตในหน้าที่การทำงาน
4.สอดใส่ความกระตือรือร้นเข้าไปในการทำงาน คนส่วนใหญ่เมื่อทำงานไปนานๆ มักเกิดความเบื่อหน่ายไม่อยากทำ แต่คนที่ทำงานอย่างมีความสุขมักเป็นคนที่กระตือรือร้นในการทำงาน ในการเรียนรู้งาน พร้อมที่จะทำงานที่มีความยากและท้าทายมากขึ้น
5.กอบโกยสิ่งที่เกิดจากการทำงานในปัจจุบันให้มากขึ้น การทำงานใดทำงานหนึ่ง มักจะทำให้เราเกิดประสบการณ์ชีวิต ดังนั้น หากว่าเราเป็นคนมองโลกในแง่ดีและในแง่บวก เราจะมีความต้องการที่จะเรียนรู้และหา ประสบการณ์ ในการทำงานในปัจจุบันให้มากที่สุด เพื่อที่จะนำไปประกอบอาชีพส่วนตัวได้ในอนาคต
6.จงตั้งเป้าหมายในการทำงาน การทำงานที่ดีควรมีเป้าหมาย มีทิศทาง การมีเป้าหมาย มีทิศทางจะทำให้ผู้ที่ทำงานได้มีการประเมินตนเองมากขึ้น อีกทั้งมีความกระตือรือร้นในการทำงานเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้
ดังนั้น การทำงานอย่างมีความสุขและสนุกในการทำงาน จะทำให้ท่านมีผลงานมากขึ้น มีความสุขในชีวิตมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้องค์กร บริษัท หน่วยงานของท่าน มีความเจริญเติบโต ก้าวหน้า และเมื่อองค์กรต่างๆ มีความเจริญเติบโต ก้าวหน้าก็จะส่งผลให้ประเทศไทยของเรามีความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองต่อไป
...
  
จงเผชิญหน้ากับความตกต่ำ
จงเผชิญหน้ากับความตกต่ำ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
ความตกต่ำ เป็นสิ่งที่คนเราไม่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความตกต่ำในชีวิต ความตกต่ำของภาวะจิตใจ ความตกต่ำของสภาพร่างกาย แต่ในความจริงเราไม่สามารถเลี่ยงหนีกับความตกต่ำนั้นได้ ดังคำสอนทางพุทธศาสนาเรื่อง โลกธรรม 8 คือ ได้ลาภ , ได้ยศ , ได้รับสรรเสริญ ,ได้สุข , เสียลาภ , เสื่อมยศ ,ถูกนินทาและพบความทุกข์ สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถึงแม้ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ทุกๆคนต้องประสบ แต่จะพบมากหรือน้อย ช้าหรือเร็ว เท่านั้นเอง
การดำเนินชีวิตของคนเราหรือการทำงาน เราก็ต้องพบเจอกับความตกต่ำเช่นกัน แต่ทั้งนี้บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักจะทำความเข้าใจธรรมชาติของมันว่า ความตกต่ำเป็นสิ่งที่ไม่ถาวรเป็นสิ่งชั่วคราว ในความจริงแล้วช่วงชีวิตของคนเรามีขึ้น มีลง หากทำความเข้าใจธรรมชาติตรงนี้ได้ก็จะทำให้ความวิตกกังวลลดน้อยลง
สำหรับเทคนิคในการเผชิญหน้ากับความตกต่ำมีดังนี้
1.สร้างแรงบันดาลใจหรือเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต คนที่ประสบความสำเร็จมักมีเป้าหมายหรือแรงบันดาลใจในชีวิต การมีเป้าหมายและแรงบันดาลใจจะทำให้เรามีชีวิตที่ไม่จืดชืด แต่มีความกระตือรือร้น ความทะเยอทะยาน เมื่อตกอยู่ในสภาพตกต่ำก็ไม่ท้อถอยง่ายๆ
2.เรียนรู้นิสัยและปรับปรุงตัวเอง คนบางคนเมื่อพบกับความตกต่ำมักใช้เวลาในการปรับสภาพหรือทำใจนาน แต่คนบางคนเมื่อพบกับความตกต่ำก็ใช้เวลาสั้นๆหรือไม่นานนักในการทำใจ หากใครที่ปรับสภาพหรือทำใจนาน ก็มักจะตกอยู่ในสภาพตกต่ำนานและพบกับความทุกข์ ดังนั้นจงเรียนรู้และพัฒนาจิตใจให้เป็นคนเข้มแข็ง ทำใจให้ลุกขึ้นสู้กับสภาพตกต่ำก็จะทำให้ท่านเกิดภาวะตกต่ำที่ไม่รุนแรงและไม่กินเวลานาน
3.ยอมรับความจริงและกล้าเผชิญหน้า คนที่ประสบความสำเร็จเขามักจะไม่โอดครวญ ถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น แต่เขาจะยอมรับความจริงและกล้าเผชิญหน้าอย่างท้าทาย เขาจะไม่ด่าดินฟ้าอากาศ เขาจะไม่ด่าทอเทพพระเจ้าองค์ใด แต่เขาจะเตรียมพร้อมที่จะรับมือ อีกทั้งยังมีความคิดในแง่บวกว่าอุปสรรคต่างๆ เป็นเครื่องทดสอบจิตใจ
4.ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ ในบางครั้งความตกต่ำเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัส ในบางเรื่องเราก็ไม่เคยพบเจอ เราควรขอคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์หรือบุคคลที่เคยเผชิญกับความตกต่ำมาก่อน ว่าเขามีวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร การขอคำแนะนำดังกล่าวจะทำให้เรา มีวิธีการในการแก้ไขปัญหามากขึ้น
5.นึกถึงอดีตที่เราสามารถเอาชนะความตกต่ำได้ ในช่วงชีวิตของเราในอดีตมักมีบางช่วงที่มีความตกต่ำ แต่เราก็สามารถผ่านพ้นมาได้ การนึกถึงอดีตที่เราสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆมาได้จะทำให้เราเกิดกำลังใจ กำลังความคิด ในการแก้ไขปัญหา
6.รู้จักปล่อยวาง ทุกสรรพสิ่งในโลกเรานี้ มักมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป จิตใจหรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเราก็เช่นกัน ก็มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ถ้าภาวะความตกต่ำ บางอย่างเราแก้ไขไม่ได้ก็คงต้องปล่อยให้มันดับไปเอง โดยการต้องรู้จักปล่อยวาง เมื่อวัน เวลา เปลี่ยนแปลงไป ทุกอย่างก็จะคลี่คลายไป
7.มองคนที่เขาตกต่ำหรือลำบากกว่าเรา จะทำให้เราเกิดกำลังใจ ความมานะบากบั่นในการต่อสู้เหตุการณ์ หากเราสังเกตและศึกษาประวัติต่างๆ ของคนที่ประสบความสำเร็จ เขาเคยตกต่ำและลำบากกว่าเราแต่เขาก็สามารถผ่านพ้นมาได้ หรือหากเราดูข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ เราก็จะเห็นว่ามีคนในโลกนี้อีกมากมายที่ลำบากกว่าเราหรือตกต่ำกว่าเรา
ดังนั้นการเผชิญหน้ากับความตกต่ำ จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถ ความอดทนและท้าทายจิตใจ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือหลีกหนีมันได้ ฉะนั้นจึงขอให้เราเผชิญหน้ากับมันโดยอาศัยเทคนิคดังกล่าวคือ การสร้างแรงบันดาลใจหรือเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต , เรียนรู้นิสัยและปรับปรุงตัวเอง , ยอมรับความจริงและกล้าเผชิญหน้า , ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ , นึกถึงอดีตที่เราสามารถเอาชนะความตกต่ำได้ , รู้จักปล่อยวาง และมองคนที่เขาตกต่ำหรือลำบากกว่าเรา

...
  
หัวใจนักปราชญ์
หัวใจนักปราชญ์
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
เมื่อเอ๋ยคำว่า “ หัวใจนักปราชญ์ ” หลายๆท่านมักนึกถึงคำว่า สุจิปุลิ
สุ ย่อมาจาก สุตต คือ การฟัง
จิ ย่อมาจาก จินตน คือ การคิด
ปุ ย่อมาจาก ปุจฉา คือ การถาม
ลิ ย่อมาจาก ลิขิต คือ การเขียน
สุ-สุตตหรือการฟัง จะทำให้เราได้รับความรู้ ข้อมูล แง่มุม ความคิดต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง บุคคลที่เป็นนักปราชญ์ มักจะเป็นคนที่ฟังมาก อ่านมาก แต่เนื่องจากยุคปัจจุบันเป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลจึงมีมากมาย ฉะนั้น บุคคลที่ได้ชื่อว่านักปราชญ์มักจะเป็นคนที่มีการคัดเลือกข้อมูล ข่าวสาร ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมส่วนรวมมาฟัง มาอ่าน มาศึกษาค้นคว้าเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในตนเอง
จิ-จินตนหรือการคิด การคิดมีความสำคัญมาก เมื่อได้รับข้อมูล จากการฟังและการอ่านแล้ว แต่คนๆนั้นไม่สามารถมีความคิดเป็นของตนเองได้ ได้แต่นำความคิดของบุคคลอื่นมาใช้ก็เปล่าประโยชน์ คนที่คิดไม่เป็นมักเป็นคนเชื่อคนง่าย ถูกหลอกได้ง่ายกว่าคนที่มีความคิดเป็นของตนเอง
ปุ-ปุจฉาหรือการถาม เมื่อเกิดความสงสัย เมื่อเกิดความไม่เข้าใจ จึงต้องถาม แต่สังคมไทยมีปัญหาในเรื่องนี้อยู่มาก เด็กและผู้ใหญ่จำนวนมากมักไม่กล้าถาม อาจเป็นเพราะ อายเพื่อน กลัวครู อาจารย์ ความไม่กล้า ฯลฯ แต่แท้ที่จริงแล้ว การถามจะทำให้เราได้รับความรู้ในสิ่งที่เราไม่รู้เพิ่มขึ้นอีกมาก
ลิ-ลิขิตหรือการเขียน การเขียนมีประโยชน์หลายอย่าง การเขียนช่วยให้การคิดเป็นระบบขึ้น เพราะก่อนที่เราจะเขียนสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความ เรียงความ จดหมาย สารคดี นิยาย ฯลฯ เราจะต้องมีการคิดขึ้นมาก่อน ฉะนั้นการเขียนจึงเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาความคิดต่างๆของคนเราได้มาก อีกทั้งการเขียนยังช่วยพัฒนาความจำของคนเราด้วย “ จำดีกว่าจด แต่ถ้าจำไม่หมด ให้จดแล้วค่อยจำ” เป็นคำพูดที่เป็นความจริงมากทีเดียว เช่น ตอนเราเรียนหนังสือ หากว่าครู สอนที่หน้าชั้นในห้องเรียน หากเราไม่ยอมจดหรือเขียน จะใช้วิธีจำอย่างเดียว ก็อาจจะจำไม่ได้ทั้งหมด แต่คนที่มีหัวใจนักปราชญ์ เขาจะจดแล้วนำมาทบทวนอีกครั้ง เขาถึงสอบได้คะแนนมากกว่าคนที่ไม่ยอมจดหรือเขียน
ดังนั้น หากใครสามารถปฏิบัติได้ทั้ง 4 ข้อ คือ สุจิปุลิ ท่านสามารถปฏิบัติได้ไม่ยาก ถึงแม้ท่านจะไม่ใช่นักปราชญ์ แต่กระผมเชื่อว่าชีวิตของท่านจะมีการพัฒนาไปได้เป็นอันมาก จงใช้เวลาในการฝึกฝนเรียนรู้และพัฒนา แล้วไม่แน่ในอนาคต ท่านอาจจะได้ชื่อว่าเป็น นักปราชญ์ที่มีผู้คนยกย่องคนหนึ่งก็ได้
ฟังให้มาก คิดให้เป็น หมั่นสอบถามและฝึกการเขียน จึงเป็นหัวใจของนักปราชญ์อย่างแท้จริง
...
  
ทำไมไม่กำหนดเป้าหมายในชีวิต
ทำไมไม่กำหนดเป้าหมายในชีวิต
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
หลายๆคน ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับความสำเร็จหรือได้ยินได้ฟังจากบรรดาผู้ประสบความสำเร็จว่า การสร้างเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ คนที่ประสบความสำเร็จทุกๆคนล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิต ถามว่าเมื่อรู้แล้วว่าการกำหนดเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญแต่ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่ยอมที่จะกำหนดเป้าหมายในชีวิต อาจเป็นเพราะเหตุผลดังนี้
1.ไม่ได้เล็งเห็นความสำคัญของการกำหนดเป้าหมายอย่างแท้จริง หลายๆคนคงได้เคยเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของการวางเป้าหมายจากการอบรม การสัมมนา การอ่านหนังสือต่างๆ ฯลฯ แต่เมื่อเรียนรู้แล้วไม่ยอมลงมือทำ นี่คือจุดอ่อนของคนส่วนใหญ่ กล่าวคือเข้ารับการอบรมในหลักสูตรต่างๆ แต่ไม่ยอมนำเอาความรู้ที่ได้รับการอบรมไปใช้ไปปฏิบัติอย่างจริงจัง การเรียนรู้เรื่องการวางเป้าหมายก็เช่นกัน
2.มีความกลัวว่าเมื่อวางเป้าหมายไปแล้วจะทำไม่ได้ ความกลัวมักจะทำให้คนๆนั้นไม่กล้า เช่น กลัวจีบสาวไม่ติดก็ไม่กล้าที่จะไปจีบสาว , กลัวการพูดต่อหน้าที่ชุมชนเลยไม่กล้าที่จะพูดต่อหน้าที่ชุมชน , กลัวตกม้าเลยไม่กล้าขึ้นไปขี่ม้า ฯลฯ ฉะนั้น หลักในการวางเป้าหมายที่ดี เราไม่ควรวางเป้าหมายให้สูงเกินความเป็นจริงหรือเกินความสามารถของตนเอง และการวางเป้าหมายที่ดี ไม่ควรวางเป้าหมายให้ต่ำกว่าความเป็นจริง ควรวางเป้าหมายสูงกว่าความเป็นจริงสักเล็กน้อย
3.ไม่อยากเสียเวลาและเสียแรงในการวางเป้าหมาย หลายๆคนเมื่อวางเป้าหมายไปแล้วทำครึ่งๆกลางๆ ไม่มีความต่อเนื่อง จึงทำให้มีความรู้สึกว่าไม่อยากเสียเวลาและเสียแรงในการวางเป้าหมาย เช่น บางคนมีเป้าหมายว่าจะลุกขึ้นอ่านหนังสือทุกๆวัน ตั้งแต่เวลาตี 5 แต่พอทำไปได้ 3 วัน ก็เลิกทำ หรือ บางคนมีเป้าหมายว่าจะออกกำลังกายทุกๆตอนเย็นแต่ทำได้เพียงแค่ 7 วัน ก็เลิก สุดท้ายก็ไม่อยากกำหนดเป้าหมายในชีวิต
นี่คือสาเหตุบางประการที่ทำให้คนเราไม่ยอมที่จะกำหนดเป้าหมายในชีวิต ถามว่าทำไมจึงต้องกำหนดเป้าหมาย การกำหนดเป้าหมายมีประโยชน์หลายประการ เช่น
1.การมีเป้าหมายช่วยให้เรารู้ทิศทางในการก้าวไปข้างหน้า ทำให้ประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย ไม่ทำให้เราเกิดความสับสนในชีวิตจนไม่รู้ว่าจะเดินไปในทิศทางไหนดี การรู้ทิศทางเดินของตนเองทำให้เราเกิดความตั้งใจ เกิดความมุ่งมั่น เกิดการพัฒนาตนเองเพื่อไปสู่เป้าหมาย
2.การกำหนดเป้าหมายจะทำให้เราพบวิธีการในการไปสู่เป้าหมาย ตัวอย่าง หากเราอยู่ต่างจังหวัด เรามีเป้าหมายว่าต้องการเดินทางไปกรุงเทพฯ เราสามารถมีวิธีการในการไปสู่เป้าหมายหลายวิธี เช่น นั่งรถโดยสารประจำทาง นั่งรถยนต์ส่วนตัว นั่งเครื่องบิน ปั่นจักรยาน ฯลฯ ทั้งนี้ เราสามารถรู้วิธีการในการไปสู่เป้าหมายว่ามีวิธีการใดที่มีความเหมาะสมกับเรามากที่สุด
3.การกำหนดเป้าหมายจะทำให้มีความขยัน อดทนและความเพียรพยายาม คนที่มีเป้าหมายจะมีความขยัน อดทนและเพียรพยายามเพื่อนำพาตัวเองไปสู่จุดหมายปลายทาง แต่คนไม่มีเป้าหมาย ถึงแม้จะมีขยัน มีอดทนและมีเพียรพยายามอย่างไรก็ตามสุดท้ายก็ไปไม่ถึงไหน เพราะเนื่องจากไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหน เหมือนขยันพายเรือกลางทะเล ไม่รู้ว่าฝั่งอยู่ตรงไหน
จากข้อความข้างต้นจะทำให้เราทราบว่า ทำไมคนเราถึงไม่ยอมกำหนดเป้าหมายและทำให้ทราบเรื่องประโยชน์ของการกำหนดเป้าหมาย ดังนั้นหากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ขอให้ท่านได้กำหนดเป้าหมายในชีวิตตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป แล้วเริ่มเดินทางไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน
...
  
จงเรียนรู้ตลอดชีวิต
จงเรียนรู้ตลอดชีวิต
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
โลกยุคปัจจุบันเป็นโลกยุคของการแข่งขัน เป็นยุคของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วตามกระแสโลกาภิวัฒน์ ทั้งในเรื่องของ เทคโนโลยี(IT) , ระบบการทำการค้าธุรกิจ , สภาพการเมือง , สภาพสังคม , สภาพทางเศรษฐกิจ ฯลฯ บุคคลที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตจึงต้องเป็นบุคคลที่มีนิสัยรักการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตจะทำให้ท่านมีมันสมองที่เฉียบคมและสามารถมองปัญหา วิเคราะห์ปัญหาได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างรวดเร็วกว่าคนที่ไม่มีนิสัยเรียนรู้ตลอดชีวิต
คนหลายคนมักคิดว่าตนเองเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ไม่ต้องเรียนอีกก็ได้ แต่ในความเป็นจริงการเรียนรู้นอกห้องเรียนหรือการเรียนรู้ในชีวิตจริงๆ มีความสำคัญมากกว่าการเรียนรู้ในห้องเรียนเสียอีก เราสามารถสร้างนิสัยการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ดังนี้
1.จงมีความใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา ในชีวิตของคนๆหนึ่ง เราไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้ทั้งหมด พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า ธรรมะที่พระองค์รู้เปรียบเสมือนใบไม้แค่หนึ่งกำมือ ก็ขนาดธรรมะที่พระองค์ถ่ายทอดยังมีแค่หนึ่งกำมือแล้วความรู้ต่างๆทั่วโลกจะมีมากมายขนาดไหน ดังนั้นถ้าหากท่านหยุดเรียนรู้ แต่ในขณะที่คนอื่นๆ เรียนรู้ ท่านก็จะกลายเป็นคนล้าหลังทันที จงเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในทุกๆวัน ตลอดเวลา
2.จงเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคุณ ศาสตร์ในโลกนี้มีมากมายหลากหลาย เราไม่สามารถเรียนรู้ได้ทั้งหมด คนที่ประสบความสำเร็จมักจะเรียนรู้ตลอดเวลาในสิ่งที่ตนเองถนัดหรือตนเองชอบ เช่น อเล็กซานเดอร์ เกแฮม เบลล์ เป็นนักประดิษฐ์ท่านทุ่มเทคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ตลอดเวลา ท่านไม่เคยทุ่มเทเสียเวลามากมายไปกับเรื่องที่เกี่ยวกับงานประพันธ์ เรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง ท่านสนใจในงานประดิษฐ์และเรียนรู้ตลอดชีวิตจนท่านสามารถคิดค้นวิธีสร้างโทรศัพท์ เป็นต้น
3.จงทำรายการหรือออกแบบเครื่องมือ ตรวจสอบการเรียนรู้ เช่น คุณอาจจะจดบันทึกทุกๆวัน ว่าในแต่ละวันคุณได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้น ลองสำรวจ ตรวจสอบ ความก้าวหน้าในทุกๆ วัน หากวันไหนไม่ได้เรียนรู้หรือพัฒนาตนเองเพิ่มเติมแล้วเราจะมีวิธีการปรับปรุง แก้ไขอย่างไร
4.เลือกบุคคลที่เป็นต้นแบบ บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่มีแรงบันดาลใจ แรงบันดาลใจนั้นอาจมาจากบุคคลที่เป็นต้นแบบ จึงได้ลอกเลียนแบบ พัฒนา เรียนรู้ ตามบุคคลที่เป็นต้นแบบจนประสบความสำเร็จ กล่าวคือ คนบางคนอยากจะเป็นนักเขียนแบบทมยันตี เลยศึกษาประวัติของทมยันตี ศึกษาวิธีการทำงาน ศึกษาวิธีใช้ชีวิต แล้วจึงเลียนแบบวิธีการเขียนหนังสือ จนพัฒนาเป็นนักเขียนชื่อดังแบบทมยันตี หรือ บางคนอยากจะเป็นนักพูดแบบอาจารย์จตุพล ชมพูนิช จึงลอกเลียนแบบวิธีการพูด วิธีการฝึกการพูดของอาจารย์จตุพล ชมพูนิช จนในที่สุดก็เป็นนักพูดที่มีชื่อเสียงขึ้นมาได้ เป็นต้น
5.จงปลดแอกตัวเองจากความคิดเดิมๆ จงเปลี่ยนวิธีคิดชีวิตเปลี่ยน ชีวิตของคนส่วนใหญ่มักไม่ชอบเรียนรู้สิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ เนื่องจากมีวิธีคิดแบบเดิมๆ เช่น ไม่คิดถึงอนาคตของตนเอง , ไม่มีเป้าหมายของชีวิต , คิดว่าตนเองเกิดมาไม่เก่ง , ไม่รู้จะดิ้นรนไปทำไม ฯลฯ บุคคลที่มีความคิดในลักษณะนี้มักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ดังนั้นท่านต้องปลดแอกตัวเองจากความคิดเดิมๆ อาจจะต้องคิดใหม่ เช่น คิดถึงเรื่องของเป้าหมายในชีวิต , คิดถึงอนาคตที่ก้าวหน้าของตนเอง เป็นต้น ก็จะทำให้ท่านเปลี่ยนนิสัยรักการเรียนรู้ขึ้นมาได้
ชีวิต คือ การเรียนรู้ ดังนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเป็นคนที่มีนิสัยรักการเรียนรู้ตลอดชีวิต ท่านลองปฏิบัติตามคำแนะนำในข้างต้นนี้ แล้วชีวิตของท่านจะเกิดการพัฒนาหลายๆ ด้านขึ้นมา เช่น เรื่องของการทำงาน , เรื่องของการพัฒนาตนเอง , เรื่องของการรักษาสุขภาพ , เรื่องของมนุษย์สัมพันธ์ ฯลฯ จงรักการเรียนรู้แล้วชีวิตของท่านจะดีขึ้นมาอย่างแน่นอนครับ

...
  
ท่านสามารถประสบความสำเร็จได้
ท่านสามารถประสบความสำเร็จได้
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
คนเราทุกๆคนที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ หากว่าเขาต้องการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริง ซึ่งมีการค้นคว้า มีการวิจัย มีการศึกษาว่า บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเขาจะต้องเป็นคนลักษณะอย่างไร ซึ่งบุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีลักษณะดังนี้
1.พึ่งพาตนเอง ตนเป็นที่พึ่งของตน บุคคลที่ประสบความสำเร็จเป็นบุคคลที่เคยลำบากมาก่อน เป็นคนที่มีนิสัยที่ชอบพึ่งพาตนเอง ใช้ความสามารถ ใช้ศักยภาพของตนเองให้มากที่สุดก่อนที่จะพึ่งพาอาศัยบุคคลอื่น คนที่มีลักษณะนิสัยพึ่งพาตนเอง จึงเป็นคนที่มีลักษณะความเป็นผู้นำที่สูง และเป็นคนที่มีความนึกคิดเป็นของตนเอง
2.เรียนรู้จนเกิดความเชี่ยวชาญ บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมุ่งเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองถนัดจนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญหรือความชำนาญเฉพาะด้านขึ้นมา เช่น นักเขียนที่ประสบความสำเร็จมักจะเรียนรู้และพัฒนางานเขียนของตนเอง สม่ำเสมอจนประสบความสำเร็จระดับชาติ , นักพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มักจะมีการพัฒนาตนเอง ค้นคว้า ศึกษานวัตกรรมใหม่ๆ จนประสบความสำเร็จ ฯลฯ
3.เป็นนักสื่อสารนักโฆษณานักประชาสัมพันธ์ โลกยุคปัจจุบันเป็นโลกยุคของการแข่งขัน บุคคลที่ประสบความสำเร็จจะเป็นคนที่รู้จักวิธีการโฆษณาตนเองแบบแยบยล หากคุณมีสินค้าที่ดีที่สุดในโลก แต่ไม่มีคนรู้จัก สินค้านั้นก็จะไม่ค่าอะไร ในโลกนี้อาจมีคนน้ำเสียงดีและร้องเพลงเก่งกว่านักร้องซุปเปอร์สตาร์หลายๆท่าน แต่ก็ไม่มีโอกาส ได้แต่ร้องในห้องน้ำ แต่หากท่านต้องการให้คนรู้จักท่านมากขึ้น บุคคลที่ประสบความสำเร็จอาจจะต้องจ้างนักประชาสัมพันธ์ นักการตลาด เพื่อที่จะโปรโมทตนเอง แต่บุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับที่สูงกว่า เขามักมีวิธีคิดที่แปลกและต่างแตกออกไป โดยใช้วิธีการโฆษณาที่แยบยล เขารู้ธรรมชาติของสื่อมวลชน ที่ต้องการขายสิ่งที่ แปลก ใหม่ เร้าใจ ดังนั้นบุคคลที่ประสบความสำเร็จเขาจะทำอะไรแปลกๆ พูดอะไรแปลกๆ เพื่อให้สื่อมวลชนลงข่าวให้ เช่น การแต่งกายที่แปลกๆ การไว้ทรงผมที่แปลกๆ การคิดค้นอะไรที่แปลกๆ ฯลฯ การทำการโฆษณาแบบแยบยลนี้ จะทำให้เขาเป็นที่ต้องการของตลาด อีกทั้งสามารถประหยัดเงินทองได้ตั้งมากมาย เช่น หากต้องการลงโฆษณาสินค้าหรือโฆษณาตัวเองในสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร โทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ ท่านอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก แต่หากท่านเป็นที่ต้องการของตลาด เขามักจะลงรูปภาพของท่านในหน้าที่หนึ่งของสื่อต่างๆ ให้โดยที่ท่านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งวารสาร นิตยสาร บางฉบับยังต้องจ่ายเงินให้กับท่านในการลงปกของหนังสือด้วย
4.เป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ทำงานให้ลุล่วง เมื่อวางเป้าหมายแล้ว ถ้าทำไม่สำเร็จไม่เลิก ไม่ยอมแพ้ก่อนเวลาอันควร ไม่กลัวความล้มเหลวเพียงแค่ชั่วคราว หรืออุปสรรคใดๆ เขาจะอดทนรอคอยความสำเร็จ ถึงแม้ความสำเร็จนั้นจะใช้เวลานานสักเท่าไรก็ตาม
5.เป็นคนที่มีศีลธรรม จริยธรรมและคุณธรรมที่ดี บุคคลที่มีสิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้เจริญก้าวหน้า อีกทั้งเกิดความผิดพลาดในชีวิตน้อยกว่าคนที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ เช่น บุคคลบางคนไปมีชู้กับสามีหรือภรรยาของผู้อื่นทำให้ชีวิตมีแต่ปัญหา เกิดความวุ่นวาย เป็นคดีความกัน บางคนถึงกับเสียชีวิตเนื่องจากแรงหึงหวงของสามีหรือภรรยาของอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นต้น
6.โชคและดวง มีคำกล่าวของคนโบราณที่น่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ว่า “ เก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องเฮงด้วย ” เราจะสังเกตว่า โชคและดวง เป็นสิ่งที่เรากำหนดเองไม่ได้ คงขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิต วาสนาของแต่ละคน เช่น บางคนบอกว่าขายก๋วยเตี๋ยวแล้วรวย แต่หากเราลองไปขายดูเราอาจขาดทุนก็ได้ หรือ คนสองคนเข้าทำงานพร้อมกัน คนที่หนึ่งทำงานเก่งมาก คนที่สองทำงานไม่ค่อยจะได้เรื่อง แต่คนที่สองกลับได้รับตำแหน่งที่สูงกว่าคนที่หนึ่ง ฯลฯ
ดังนั้น พวกเราทุกๆคน สามารถประสบความสำเร็จได้ โดยการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งพยายามศึกษาชีวประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จทั้งในอดีตและปัจจุบัน ว่าเขามีวิธีการอย่างไร เราสามารถนำวิธีการดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ได้หรือไม่ และขอให้ท่านเชื่อเถอะว่าท่านสามารถเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
...
  
เข้าสังคมดีก็จะมีสิ่งดีๆเข้ามา
เข้าสังคมดีก็จะมีสิ่งดีๆเข้ามา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
การอยู่ในสังคมที่ดี การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเราประสบความสำเร็จในชีวิต พวกเรามักคงเคยได้ยินคำกล่าวของคนโบราณต่างๆ เช่น
- คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล กล่าวคือ หากคบคนไม่ดีเป็นมิตรคนเหล่านั้นก็มักจะชักจูงเราไปในทางที่เสียหาย แต่หากว่าเราคบคนดีเป็นมิตร คนดีก็มักจะสั่งสอนแนะนำเราไปในทางที่ดีๆ เช่น แนะนำให้รู้จักทำมาหากินในทางที่สุจริต , การให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่าง ฯลฯ
- ท่านอยากเป็นเปรตในหมู่ปราชญ์หรืออยากเป็นปราชญ์ในหมู่เปรต (หากท่านอยากเป็นเปรตในหมู่ปราชญ์ในอนาคตท่านอาจจะได้เป็นปราชญ์แต่ถ้าหากว่าท่านอยากเป็นปราชญ์ในหมู่เปรตในอนาคตท่านอาจจะได้เป็นหัวหน้าเปรตในที่สุด)
การคบเพื่อนดีๆ การคบคนดีๆ จะเป็นเสมือนการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในเบื้องต้นให้แก่ตัวเรา อีกทั้งการเข้าสังคมกับคนดีๆ มักจะทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตอีกด้วย กฎแห่งแรงดึงดูด น้ำกับน้ำมันเข้ากันไม่ได้ฉันใด คนดีกับคนไม่ดีมักเข้ากันไม่ได้ฉันนั้น คนที่เหมือนกันมักดึงดูดเข้าหากัน คบคนเช่นใดย่อมเป็นเช่นนั้น
จึงไม่ต้องแปลกใจ หากว่าคนที่มีความสนใจเหมือนกันมักอยู่ร่วมกัน เช่น คนสนใจการพูดก็จะอยู่รวมกันในสโมสรฝึกการพูดต่างๆ , คนที่สนใจการเขียนก็มักจะอยู่ในชมรมนักเขียน , คนที่สนใจกีฬาฟุตบอลก็มักจะดูฟุตบอลเล่นฟุตบอล , คนสนใจเรื่องของการถ่ายรูปก็มักจะรวมตัวกันตั้งกลุ่มชมรมถ่ายรูป ฯลฯ
หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จด้านใด จงนำตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มหรือสังคมดังกล่าว ท่านก็จะมีโอกาสในการประสบความสำเร็จในด้านนั้นๆ ความสำเร็จนั้นอาจเกิดได้จากการสนับสนุนของคนในสังคมหรือคนในกลุ่มนั้นๆ ตัวอย่าง คนภายในสังคมนั้นๆให้ความช่วยเหลือแก่ท่านในด้านต่างๆ ให้คำแนะนำ หางานทำให้แก่ท่าน พาท่านไปหาบุคคลที่สามารถช่วยเหลือท่านได้ หรือการได้รับความรู้ทางด้านเทคนิคต่างๆเพิ่มเติม ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้การเข้าสู่สังคมที่ดีๆ การเข้าสู่สิ่งแวดล้อมที่ดี และการเลือกคบคนดีๆ มักมีอิทธิพลต่อความสำเร็จของคนเรา




...
  
เพียงคิดเป็นภาพความสำเร็จก็มีขึ้น
เพียงคิดเป็นภาพความสำเร็จก็มีขึ้น
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
นักประดิษฐ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสองพี่น้องตระกูลไรท์ที่คิดค้นเครื่องบินขึ้นมาได้ โทมัส เอดิสันที่คิดค้นหลอดไฟฟ้าขึ้นมาได้ สตีฟ จอบส์ ที่คิดค้นแอปเปิลคอมพิวเตอร์และสินค้าอื่นๆของบริษัท ก่อนที่เขาเหล่านี้จะประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาได้ พวกเขาจะต้องมีภาพของสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ขึ้นมาภายในใจก่อน
การคิดเป็นภาพจึงมีความสำคัญต่อความสำเร็จ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ถึงกับกล่าวว่า “ จินตนาการมีความสำคัญกว่าความรู้ ” หรือ นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส เรเน่ เดสการตส์ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังได้กล่าวว่า “ ฉันคิด ดังนั้นฉันจึงเป็น ” ซึ่งก็ถือว่ามีความเป็นจริงอย่างยิ่ง เพราะเคยมีการวิจัยว่า คนธรรมดามักจะคิดเป็นคำ แต่อัจฉริยะมักคิดเป็นภาพ จึงไม่เป็นที่แปลกใจว่าในยุคปัจจุบันเรามักจะเห็น ผู้ที่สร้างเครื่องมือต่างๆ โดยสร้างให้เป็นแผนภาพ แผนภูมิ แผนภาพใยแมงมุม Mind Map เป็นต้น
- Mind Map เป็นตัวอย่างได้อย่างดีในการอธิบายในเรื่องนี้ Mind Map คิดค้นโดย โทนี่ บูซาน เป็นเครื่องมือในการจัดหมวดหมู่ เชื่อมโยงคำต่างๆ ให้เป็นภาพ เพื่อให้ง่ายต่อความจำ ซึ่งประโยชน์ของ Mind Map มีมากมาย เช่น ทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจเรียน สนุกสนานไม่เบื่อ ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ง่ายขึ้น ฯลฯ
การคิดเป็นภาพจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จ ในการฝึกอบรม ในการ
สัมมนา เกี่ยวกับเรื่องของความสำเร็จ ผมมักแนะนำผู้รับการอบรม หรือ ผู้ที่สัมมนา ให้ฝึกคิดเป็นภาพหรือฝึกจินตนาการทุกๆวัน เกี่ยวกับเรื่องของเป้าหมายหรือความฝันของตนเอง เวลาที่เหมาะสมคือ ช่วงที่คุณกำลังเพลินกับการอาบน้ำ ช่วงนั่งรถไปทำงานและก่อนนอนหลับตอนกลางคืน อีกทั้งยังแนะนำเพิ่มเติมให้ติดภาพของเป้าหมายหรือความฝันที่ต้องการติดตามห้องนอน ห้องทำงาน เพื่อที่จะได้จดจำได้ง่ายขึ้น เช่น นำภาพบ้านที่ต้องการ , รถยนต์ที่ต้องการ , จำนวนเงินที่ต้องการ และสิ่งต่างๆที่ต้องการติดตามสถานที่ต่างๆ ที่ทำให้เราเห็นอยู่เสมอ
เคยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ได้นำเอานักเทนนิสโดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งซ้อมจริง กลุ่มที่สองไม่ต้องซ้อมเลย และกลุ่มที่สามซ้อมจากจินตนาการไม่มีการซ้อมจริง ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ซ้อมจริงฝีมือออกมาปกติคงที่ กลุ่มที่สอง ไม่มีการซ้อมเลย ฝีมือแย่ลง และกลุ่มที่สาม ที่ซ้อมจากจินตนาการไม่มีการซ้อมจริงผลปรากฏว่า มีฝีมือออกมาปกติคงที่ เช่นเดียวกับกลุ่มที่หนึ่ง ดังนั้นการฝึกซ้อมโดยคิดเป็นภาพหรือการซ้อมจากจินตนาการมีความสำคัญเพราะสมองมักแยกไม่ออกระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องในจินตนาการ
หากว่าคุณต้องการประสบความสำเร็จในด้านใด ไม่ว่าต้องการเป็นนักพูด นักร้อง นักดนตรี นักแสดง นักขาย ฯลฯ ลองฝึกคิดให้เป็นภาพหรือจินตนาการดู เช่น หากว่าคุณปรารถนาอยากเป็นนักพูด จงฝึกคิดเป็นภาพหรือจินตนาการว่า คุณกำลังขึ้นไปพูดบนเวทีพูดต่อหน้าที่ชุมชนกับผู้คนจำนวนมากมายหลายพันคน ถามว่าทำไมต้องจินตนาการว่ามีหลายพันคน เพราะถ้าหากคุณคิดเป็นภาพหรือจินตนาการว่ามีคนมาฟังแค่สิบยี่สิบคน แล้วถ้าหากคุณไปพูดจริงๆ มีคนฟังเป็นร้อยคนคุณจะรู้สึกตื่นเต้นเนื่องจากมีคนมาก ไหนๆจะคิดเป็นภาพหรือจินตนาการทั้งทีควรฝึกคิดเป็นภาพหรือจินตนาการให้ใหญ่ไปเลย จินตนาการว่ามีคนมาฟัง หลายพันคน ถ้าเกิดในอนาคตมีคนมาฟังแค่ร้อยสองร้อยคนคุณจะรู้สึกมีความประหม่าน้อยลง เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าหากว่าท่านปรารถนาความสำเร็จ การฝึกคิดเป็นภาพหรือฝึกการจินตนาการจึงเป็นสิ่งที่ท่านควรฝึกฝนทุกๆวัน ฝึกให้เป็นนิสัยโดยการจัดเวลาในการฝึกคิดเป็นภาพหรือจินตนาการ ผู้ประสบความสำเร็จจำนวนมากใช้เทคนิคนี้แล้วได้ผล ไม่ว่าจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จในประวัติศาสตร์หรือในยุคปัจจุบัน


...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.