หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  ขายเก่ง....รวยก่อน.....
  -  เทคนิคการประชุม
  -  สั่นเพราะไมค์
  -  นักเขียน
  -  เหล้ากับเด็ก
  -  อาหารปลอดภัย
  -  อารมณ์ขันกับนักพูด
  -  การพูดหน้าชุมชน
  -  เลิกเหล้าเข้าพรรษา
  -  ฝึกพูด
  -  น้ำเมารอบสถานศึกษา
  -  องค์กรกับผู้บริหาร
  -  ศิลปะในการบริหาร
  -  คนตกงานกับปัญหาสัึงคม
  -  คนคือทรัพย์สิน
  -  เหล้ากับเทศกาลสงกรานต์
  -  การเผาป่า
  -  ผู้บริหารกับการตลาด
  -  ผู้นำกับองค์กรเรียนรู้
  -  ศิลปะการฟัง
  -  เพศกับวัยรุ่น
  -  ปัญหาเลิกจ้างงาน
  -  ทัศนคติกับการขาย
  -  เป้าหมายกับความสำเร็จ
  -  บทบาทนักบริหาร
  -  เอดส์ สังคมไทย
  -  ผู้บริหารกับประชาสัมพันธ์
  -  กิ๊ก
  -  เมืองไทยเมืองเซ็กส์
  -  แฟชั่น นักศึกษา
  -  ควบคุมราคาสินค้า
  -  ปัญหาสิ่งแวดล้อม
  -  การเปลี่ยนแปลงกับการบริหาร
  -  น้ำมันลอยติดลมบน
  -  ปัญหาเยาวชน
  -  อดทนเพื่อชนะ
  -  น้ำมันยังเป็นปัญหาใหญ่
  -  เรียนภาษาอังกฤษให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
  -  โลกร้อน
  -  สื่ออนาคต
  -  บุหรี่
  -  ยาเสพติด
  -  สายสัมพันธ์กับนักบริหาร
  -  เลิกเหล้า เลิกจน
  -  สนุกกับงาน
  -  คิด พูด ทำ ความสำเร็จ
  -  หมวก 6 ใบ
  -  ยกระดับบริการและความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ
  -  พ่อแม่ รังแกฉัน
  -  หลักการเขียนบทความ
  -  เด็กนอกระบบ
  -  สภาประชาชน สภาผู้บริโภค
  -  หลักการนำเสนอ
  -  ความคิดสร้างสรรค์
  -  มึงสู้จริงหรือเปล่า
  -  การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข
  -  นักพูดที่ดีต้องรู้จักวิเคราะห์ภาษากายของผู้ฟัง
  -  จริยธรรม คุณธรรม ความรับผิดชอบ
  -  การตลาดเพื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

...
  

...
  

...
  

...
  
ขายเก่ง....รวยก่อน.....
ขายเก่ง....รวยก่อน.....


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


“ไม่มีอาชีพใดในโลกที่จะดลบันดาลรายได้ให้มากเท่ากับงานด้านการขาย”


มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ มีความเกี่ยวข้องกับการขายหมดทุกคน มีประสบการณ์ในการขายทุกคน


เช่น


ครู อาจารย์ ขาย... ความรู้


นักการเมือง ขาย.... นโยบายของตนเองของพรรคการเมือง


นักร้อง ขาย... เสียง


ดารา ขาย... หน้าตา ความสามารถ


นักเขียน ขาย.... ความคิด เรื่องราว โดยผ่านตัวหนังสือ


นักขาย ขาย.... สินค้าและบริการ


และอีกมากมาย ดังนั้น อาชีพนักขายจึงมีความสำคัญมาก ถ้าไม่มีนักขายหรือคนขาย จะเกิดอะไรขึ้น


ถ้าประเทศนั้นๆ หรือประเทศไหน หากขาดซึ่งนักขาย ประเทศนั้นจะไม่มีความเจริญรุ่งเรือง เศรษฐกิจมีความเจริญเติบโตช้ากว่าประเทศที่มีนักขายมาก นักขายที่มีความสามารถมากกว่า


ท่านผู้อ่านลองนึกดูซิว่า ถ้าบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งหากไม่มีนักขายหรือพนักงานขาย จะทำให้ขายสินค้าไม่ได้มากเท่าที่ควร แล้วกระทบกับอะไร กระทบกับโรงงานต่างๆ ที่ส่งวัตถุดิบด้วย เช่น โรงงานทำยางรถยนต์ก็จะผลิตน้อยลง โรงงานทำกระจกก็จะต้องผลิตน้อยลง โรงงานทำเหล็กก็จะผลิตเหล็กลดน้อยลงตามยอดขายของรถยนต์ในบริษัทแห่งนั้น


อาชีพการขายสร้างรายได้มากถึงขั้นร่ำรวยเลยหรือ ครับ อาชีพการขายสามารถสร้างรายได้ให้กับนักขายคนนั้นๆ ถึงขั้นเป็นเศรษฐีเลยทีเดียวครับ ยกตัวอย่างสินค้าหรือบริการ เราจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น เช่น นักขายประกันชีวิตที่ประสบความสำเร็จหรือขายเก่ง มีรายได้มากกว่าคนที่รับประทานเงินเดือนจำนวนมาก หลายเท่าตัว นักขายในระบบตลาดเครือข่ายหลายแห่งที่ขายเก่ง มีรถยนต์ มีบ้าน ได้ไปท่องเที่ยว ได้ไปบรรยายในสถานที่ต่างๆก็เพราะการเป็นนักขายที่เก่งและประสบความสำเร็จนั้นเอง


เพราะอาชีพการขาย สามารถแลกเปลี่ยนสินค้า โดยการขาย ออกมาเป็นเงินหรือค่านายหน้า ได้ทันทีไม่ต้องรอเหมือนเงินเดือนที่เดือนหนึ่งได้ครั้งหนึ่ง ฉะนั้น อาชีพนี้สามารถทำเงินได้ไม่จำกัด จำนวนมากเท่ากับความสามารถในการขายของนักขายคนนั้นจะทำได้ ยิ่งขายเก่ง ยิ่งรวยมาก แต่ถ้าขายไม่ค่อยเก่ง ก็รวยน้อยหน่อย


แต่การเป็นนักขายที่เก่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปสำหรับคนที่พร้อมจะเรียนรู้ ฝึกฝน


มีความมานะอดทน ไม่ยอมแพ้ก่อนเวลาอันควร(คือประสบความสำเร็จ) เพราะอาชีพการขายส่วนใหญ่มักจะมี


ผู้ซื้อ ซื้อและปฏิเสธ เสมอ ยิ่งถ้าเราไปพบลูกค้ามากเท่าไร เราก็ยิ่งถูกปฏิเสธมากขึ้นและได้รับการตอบรับในการซื้อของลูกค้ามากเช่นกัน เช่น นักขายประกันบางคนเคยทำสถิติว่า ถ้าไปพบบลูกค้า 10 คนจะมีคนซื้อสินค้าคือประกันชีวิต เพียงแค่ 3 คน ดังนั้น ถ้าอยากมีลูกค้าซื้อประกันชีวิต 30 คน นักขายคนนั้นจะต้องไปพบลูกค้าถึง 100 คนเลยทีเดียว ขณะเดียวกันหากต้องการได้ลูกค้า 300 คน นักขายคนนั้นจะต้องไปพบลูกค้าที่จะซื้อประกันชีวิตถึง 1,000 คน


ฉะนั้น เมื่อมีลูกค้าปฏิเสธมากเท่าไร ก็จะมีลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้นในสัดส่วนที่มากขึ้นเท่านั้นขอเพียงแต่อย่าหยุดหรือหมดกำลังใจไปเสียก่อนก็แล้วกันครับ หากหมดกำลังขอให้คิดถึงคนที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าด้านไหนๆ ก็ต้องเคยผ่านความล้มเหลวมากมาย แต่คนที่ประสบความสำเร็จมักจะก้าวต่อไป เดินหน้าต่อไป จนพบกับความสำเร็จในที่สุด เช่น เรื่องราวของ เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก ได้ทำการทดลองหลอดไฟฟ้า นับพันครั้ง ผ่านการล้มเหลวมานับไม่ถ้วนกว่าจะประสบความสำเร็จ มีคนถามว่าถ้าท่านทดลองแล้วไม่ประสบความสำเร็จคือ ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า ไม่ได้ท่านจะทำอย่างไร เอดิสันตอบว่า ฉันก็จะทดลองต่อไปฉันจะไม่มาเสียเวลาคุยกับคุณหรอก


ท่านผู้อ่านครับ หากว่าท่านกำลังตกงาน ว่างงาน หรือคนที่มีงานทำอยู่แล้ว ท่านสามารถหารายได้เสริมจากงานขายได้ครับ เพราะงานขาย สามารถสร้างความร่ำรวยได้อย่างแน่นอน หากว่า ท่านขายเก่ง...ท่านสามารถ ร่ำรวยกว่า....คนที่ขายไม่เก่งแน่นอนครับ





















...
  
เทคนิคการประชุม
เทคนิคการประชุม


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


การประชุมมีความสำคัญมากสำหรับ หน่วยงาน องค์กร สถาบันต่างๆ ไม่ว่าระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ และระดับสากล เพราะการประชุมจะทำให้ทราบข้อมูลข่าวสาร การประชุมจะทำให้เกิดความคิดใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาและการประชุมจะทำให้เกิดการตัดสินใจร่วมกัน


การประชุมแต่ละครั้งจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด มักขึ้นอยู่กับ


3 ปัจจัยด้วยกัน คือ ตัวประธาน ตัวของบุคลลที่เข้าร่วมประชุม และเทคนิคต่างๆที่นำมาใช้


ปัจจัยแรก ตัวประธาน ประธานมีความสำคัญมากๆ เพราะประธานเป็นผู้นำในการประชุม ถ้าประธานมีทักษะหรือประสบการณ์ในการนำประชุม มักจะทำให้การประชุมประสบความสำเร็จ ตัวประธานจะต้องเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเอง มีความยุติธรรม ประธานที่ดีต้องเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นอย่างเสมอภาค ต้องมีทักษะในการสื่อสาร การวิเคราะห์ และมีอารมณ์หนักแน่น ไม่หวั่นไหวง่ายคือสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้


ปัจจัยที่สอง คือ ตัวของบุคคลที่เข้าร่วมประชุม ต้องรู้จักแสดงความคิดเห็นไม่ใช่นั่งนิ่ง ฟังอย่างเดียว หรือ บางคนชอบพูดก็มักจะผูกขาดการพูด ควรรู้จักเปิดโอกาสให้ผู้อื่นแสดงความคิดเห็นบ้าง สิ่งที่ควรรู้และศึกษาสำหรับผู้เข้าร่วมประชุม ต้องรู้จักศึกษารายละเอียดของกฎระเบียบในการประชุม ไม่ควรสูบบุหรี่ในห้องประชุม ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ไม่ควรคล้อยตามผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา ควรมีความคิดที่ดีๆเสนอต่อที่ประชุมบ้าง และควรปฏิบัติตามมติที่ประชุม ถ้าที่ประชุมมอบหมายงานให้ก็ควรปฏิบัติตาม


ปัจจัยที่สาม คือ เทคนิคต่างๆที่นำมาใช้ เช่น การเปิดประชุมควรให้ตรงเวลา สำหรับประเทศไทยเรามักมีปัญหาเรื่องการเปิดประชุมไม่ตรงเวลาอยู่บ่อยๆ เนื่องจากผู้เข้าร่วมประชุมมาสาย มาไม่ครบองค์ประชุม ประธานควรกล่าวเปิดประชุมโดยสร้างบรรยายกาศในห้องประชุม ควรเตรียมการประชุมให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องเสียง ความสะอาด โต๊ะ เก้าอี้ ควรเตรียมวาระการประชุมให้พร้อมโดยมีการตรวจสอบวาระการประชุมให้ดี เวลาประชุมควรตัดบทบ้างสำหรับการแสดงความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมที่ยาว เยิ่นเย้อ แต่ควรทำด้วยความระมัดระวัง นุ่มนวลเพื่อไม่ให้เกิดอาการ “ เสียหาย ” ต้องรู้จักควบคุมเวลาในการประชุม


สำหรับคำศัพท์ที่มักได้ยินในที่ประชุมอยู่บ่อยๆ เช่น


- ประธานในที่ประชุม คือ ผู้ที่จะต้องทำหน้าที่ในการควบคุมการประชุมทั้งหมด เช่น เป็นผู้กล่าวเปิด การควบคุมเวลา


- ผู้เข้าร่วมประชุม คือ คนที่ร่วมแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม


- เลขานุการ คือ คนที่ออกจดหมายเชิญประชุม จัดเตรียมเอกสารต่างๆ วาระต่างๆในการประชุม บันทึกการประชุม อำนวยความสะดวกต่างๆ แก้ปัญหาต่างๆในการประชุม


- เหรัญญิก คือ คนที่ดูแลเรื่องการเงิน รับผิดชอบเรื่องการเงิน


- องค์ประชุม คือ ข้อบังคับว่าการประชุมในแต่ละครั้งต้องมี สมาชิกจำนวนเท่าไรจึงจะสามารถเปิดการประชุมและดำเนินการประชุมได้


- มติในที่ประชุม คือ ข้อตกลงกันในที่ประชุม


เราจะเห็นได้ว่า การประชุมมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะผู้ที่เป็นผู้บริหาร มักจะต้องเป็นประธาน เป็นผู้เข้าร่วมประชุมอยู่บ่อยๆ ดังนั้นการประชุมที่ดี ที่ประสบความสำเร็จ เรามักจะได้ความคิดที่ดี เรามักจะได้ความรักความสามัคคี ความสนิทสนม ความเป็นมิตร แต่ถ้าการประชุมที่ล้มเหลว มักจะทำให้เกิดความแตกแยก สิ้นเปลื้องเวลา จนบางคนเคยกล่าวว่า “ ประชุมมากจนไม่มีเวลาทำงาน ”

...
  
สั่นเพราะไมค์
เห็นไมค์แล้วสั่น

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

ระยะทางหมื่นลี้ ย่อมเริ่มจากก้าวแรก


อาการสั่น ไม่ว่าจะเป็นใจสั่น ปากสั่น ตัวสั่น พูดสั่น มือสั่นและอาการประหม่า มักเกิดขึ้นกับคนหลายๆคน ที่ได้มีโอกาสลุกขึ้นไปพูดต่อหน้าที่ชุมชน บางคนเกิดความเครียด พูดถูกๆ ผิดๆ บางคนถูกเชิญขึ้นพูด ด้วยความตื่นเต้น ก็ทักทายผู้ฟังแบบผิดๆ แทนที่จะพูดว่า “ท่านแขกผู้มีเกียรติ” ดันพูดว่า “ท่านเกียรติผู้มีแขก”


หรือ บางคนอาจไปทักชื่อหรือตำแหน่งของประธานในพิธีหรือวิทยากรผิดก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ หรือบางคนจะเชิญประธานอัญเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา ดันไปเชิญประธานขึ้นสู่ยอดเสาเสียนี่


บางคนเกิดอาการประหม่าจึงได้ทำกิริยาอาการแปลกๆ เช่น บางคนรูดไมค์ขึ้น รูดไมค์ลง บางคนรูดซิบกางเกงขึ้นลง และบางคนเอามือพันสายไมค์ม้วนสายไมค์เล่น


เหตุการณ์เหล่านี้มักเกิดขึ้นกับคนหลายๆคน ฉะนั้นเมื่อเรารู้อย่างนี้จึงควรหาทางแก้ไขเสีย อย่าให้อาการเหล่านี้เป็นตัวทำลายเราเป็นอันขาด สำหรับวิธีการแก้ไขมีดังนี้


1. ดื่มน้ำเย็นสักเล็กน้อยก่อนขึ้นพูด ก็จะช่วยลดความประหม่าได้ส่วนหนึ่ง สักเล็กน้อยนะครับขอย้ำเพราะบางคนดื่มมากจนเกินไป ทำให้เวลาขึ้นพูดบนเวทีความประหม่าอาจลดลงแต่ผู้พูดอาจจะปวดฉี่แทน


2. พูดให้กำลังใจกับตัวเองภายในใจว่า การบรรยายในครั้งนี้ การพูดในหัวข้อนี้ ฉันรู้ดีที่สุด หรือในวันนี้ฉันสู้ตาย (พูดในใจนะครับ) จะเป็นการให้กำลังใจตนเองได้ในระดับหนึ่ง


3. เตรียมการพูดให้ดี จะสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง การเตรียมตัวจะช่วยให้เราเกิดความพร้อม ทำให้เราจำเนื้อเรื่องได้ และลำดับได้อย่างแม่นยำ การเตรียมตัวที่ดีต้องเตรียมสภาพจิตใจคือต้องทำจิตใจให้พร้อมสำหรับการไปพูด มีความกระตือรือร้นที่อยากจะพูด เตรียมสภาพร่างกายคือต้องมีการพักผ่อนเป็นอย่างดี ไม่ใช่จะไปพูดในวันรุ่งขึ้น ตีหนึ่ง ตีสอง ยังเที่ยวอยู่ ไม่ยอมหลับไปยอมนอน และเตรียมเรื่องที่จะพูด ว่าเราจะขึ้นต้นอย่างไร เนื้อหาอย่างไร สรุปจบอย่างไร


4. มีโอกาสต้องรีบขึ้นเวที ไม่มีใครสามารถว่ายน้ำเป็นโดยไม่ลงไปว่ายน้ำ การพูดต่อหน้าที่ชุมชนก็เช่นกัน ไม่มีใครพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้โดยไม่เคยพูดต่อหน้าที่ชุมชน ดังนั้นวิธีการแก้อาการประหม่าที่ดีที่สุดก็คือ กลัวสิ่งไหนต้องเข้าหาสิ่งนั้น เมื่อเรากลัวการขึ้นไปพูดต่อหน้าที่ชุมชน เราก็ต้องขึ้นไปพูดบ่อยๆ แล้วความประหม่าก็จะค่อยๆหายไปที่ละน้อย


ทั้ง 4 วิธีที่กระผมได้กล่าวไป อาจทำให้ท่านลดอาการสั่น ลดความประหม่า ลดความเครียด ลดความตื่นเต้นในการพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้บ้าง


สำหรับบางคนบอกว่าการแก้ความประหม่าที่ดีคือการดื่มแอลกอฮอลล์ เช่นดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ เพื่อย้อมใจ การแก้ความประหม่าอย่างนี้ต้องระวัง เพราะการดื่มแอลกอฮอลล์มากๆจะทำให้ขาดสติ พูดผิดๆ ถูกๆ แทนที่จะแก้อาการประหม่าได้อาจทำให้ผู้พูดเสียคนยิ่งกว่าการขึ้นไปพูดโดยไม่ดื่มแอลกอฮอลล์เสียอีก


ถ้ามีความตั้งใจ จะไปแปลกอะไรกับความสำเร็จ

...
  
นักเขียน
เส้นทางนักเขียน

ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)

ถ้าท่านไม่ได้เป็นนักอ่าน อย่าคิดเป็นนักเขียน


คำพูดข้างต้นเป็นความจริงมากเลยที่เดียว ถ้าท่านอยากเขียนหนังสือเก่ง ท่านจำเป็นต้องอ่านให้มาก อ่านเพื่อเปรียบเทียบ ว่าการเขียนของใครดี ของใครไม่ดี ทำไมงานเขียนชิ้นนี้ ท่านถึงชอบ งานเขียนชิ้นนี้ ทำไมท่านถึงไม่ชอบ การเขียนหนังสือเก่งมักทำให้ท่านได้เปรียบผู้อื่น การเขียนหนังสือเก่งทำให้ท่านได้ชื่อเสียง เงินทอง การเขียนหนังสือเก่งทำให้ท่านได้รับตำแหน่งสูงกว่าผู้อื่น และการเขียนหนังสือเก่งทำให้ท่านได้รับสิ่งต่างๆอีกมากมาย


ในอดีต ท่านอาจจะได้ยินคำพูดที่ว่าการเป็นนักเขียนนั้นไส้แห้ง อาจเป็นความจริง แต่ในยุคปัจจุบันถ้าท่านเขียนหนังสือเก่ง ท่านสามารถมีรายได้มากมายมหาศาลดังเช่น เจ.เค.โรว์ลิ่ง ผู้เขียน แฮร์รี่ พอตเตอร์ กลายเป็นนักเขียนที่รวยที่สุดในโลกขณะนี้

สำหรับท่านที่ต้องการจะเป็นนักเขียนนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร เราสามารถหาข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายกว่าในอดีตเป็นอันมาก เรามีระบบอินเตอร์เน็ตซึ่งช่วยให้ผู้ที่หัดเขียน

หาข้อมูลเพื่อมาประกอบการเขียนได้ในเวลาอันรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย ในอดีต เราต้องไปหาตามห้องสมุด ซึ่งห้องสมุดหลายแห่งไม่มีหนังสือหรือข้อมูลที่เราต้องการ แต่ปัจจุบันเรามีห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ อินเตอร์เน็ตนั้นเอง


สำหรับคนที่ต้องการเป็นนักเขียนจำเป็นจะต้องท่านทราบในเบื้องต้นก่อนว่างานเขียนมีอยู่หลายประเภท เช่น งานเขียนประเภทบทความ งานเขียนสารคดี งานเขียนเรียงความ งานเขียนเรื่องสั้น งานเขียนนวนิยาย งานเขียนตำรา และงานเขียนหนังสือทางวิชาการ ซึ่งงานเขียนแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง การใช้ภาษา สำนวน ความน่าสนใจ รูปแบบ ขั้นตอน ผู้ที่ต้องการเป็นนักเขียนต้องรู้ก่อนว่า ตนต้องการจะเขียนงานเขียนประเภทใดแล้วจึงศึกษาหาความรู้ หาอ่านงานเขียนประเภทที่เราต้องการเขียน ต้องการฝึกฝนให้มากๆ

สำหรับประเทศไทย มีข้อเท็จจริงในเชิงสถิติที่น่าห่วงใย ปัจจุบันอัตราการอ่านหนังสือของเด็กและเยาวชนไทยต่อปีอยู่ในระดับต่ำมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ ๕ เล่มต่อคนต่อปีเท่านั้น ต่ำกว่าประเทศเวียดนามที่กำลังเร่งพัฒนาประเทศไล่กวดไทยอยู่ในขณะนี้ หากเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งของไทยอื่นๆ ปรากฏว่าคนสิงคโปร์มีอัตราการอ่านเฉลี่ย ๑๗ เล่มและมาเลเซีย ๔๐ เล่มต่อคนต่อปี ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น มีอัตราการอ่าน ๕๐ เล่มต่อคนต่อปี(ผู้จัดการรายสัปดาห์ 19 กพ.52)

สำหรับเส้นทางนักเขียนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป ถ้าท่านอยากเป็นนักเขียน ท่านต้องมุ่งมั่น ฝึกฝน จง เขียน เขียน และเขียน จงหัดเขียนเรื่องที่ตนถนัดก่อน เพราะการฝืนเขียนเรื่องที่ตนไม่ถนัดนักมันจะทรมานมากกว่าที่จะเกิดความสนุกสนาน ยากนักที่จะประสบความสำเร็จ เมื่อคิดว่าทรมานสุดท้ายก็จะเลิกเขียนในที่สุด จงเขียนด้วยภาษาที่ง่ายๆ บางคนคิดว่าควรเขียนภาษาที่ยากๆ เข้าใจยังหรือคำศัพท์ยากนะดี ความจริงไม่ใช่เลย นักเขียนที่ดีควรใช้ภาษาที่เรียบง่าย เพื่อให้คนอ่านเกิดความเข้าใจที่ตรงกันกับผู้เขียน และถ้าเป็นไปได้จงเขียนทุกๆวัน

สำหรับหลายท่านที่ต้องการเป็นนักเขียน มักจะถามกระผมว่าทำอย่างไรจึงจะเข้าสู่วงการเขียนได้


สำหรับผมคิดว่า ท่านควรเริ่มเวทีเล็กๆก่อนหรือหาโอกาสส่งข้อเขียนของท่านไปยังหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น วารสารท้องถิ่น ของหน่วยงานก่อน หรือ เขียนแจกให้เพื่อนๆ อ่าน ถ้าใครเป็นครู อาจารย์

ก็สามารถเขียนแล้วให้นิสิต นักศึกษา ดูก่อน อย่าไปคิดใหญ่หรือไกลเกินไป เพราะบางคนบอกว่าถ้าไม่ได้ลงในหนังสือพิมพ์ระดับชาติแล้วจะไม่เขียน ในที่สุดท่านอาจจะไม่ได้เขียน เพราะ หนังสือพิมพ์ระดับชาติ วารสารระดับชาติ ส่วนใหญ่เขาก็จะมีนักเขียนที่มีชื่อเสียงเขียนให้อยู่แล้ว

ดังนั้น ขอให้ใช้เวทีเล็กให้เป็นประโยชน์ก่อน เมื่อเขียนเก่ง เมื่อมีชื่อเสียง เดี๋ยว หนังสือพิมพ์ วารสารระดับชาติ เขาก็จะเชิญเอง เนื่องจาก ท่านเขียนดีขึ้น เก่งขึ้น มีชื่อเสียงมากขึ้นนั้นเอง


สำหรับ นักเขียนหน้าใหม่ กระผมแนะนำว่า ท่านควรหางานประจำทำเพื่อเลี้ยงชีพก่อน แล้วจึงใช้เวลาว่างจากการทำงาน เขียนบทความ เขียนงานเขียนที่ตนถนัด เพราะถ้าหวังแต่จะหารายได้จากการเขียน ทั้งๆที่ยังไม่ดัง เกรงว่าท่านจะอดตายเสียก่อน

จงทำให้ผู้อ่านสนุกสนาน ขณะเดียวกันก็สอนเขาไปด้วย







...
  
เหล้ากับเด็ก
เด็ก กับ เหล้า

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

ผลวิจัยพบเด็กไทยดื่มเหล้าตั้งแต่ 7 ขวบ (จาก นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันจันทร์ ที่ 07 กันยายน 2552)

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ดร.ศรีรัช ลาภใหญ่ อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การศึกษา การรับรู้ ทัศนคติ ต่อการมีส่วนร่วมของเยาวชนต่อการยับยั้งปัญหาและพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในครอบครัว สำรวจเมื่อวันที่ 1-31 ก.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 2-6 จำนวน 1,583 คน พบว่า กลุ่มตัวอย่าง 43% ยอมรับว่าเคยลองดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว ซึ่งน่าเป็นห่วงมากเพราะผู้ที่ให้ลองคือ บิดา หรือคนในครอบครัว สำหรับอายุเฉลี่ยที่เริ่มดื่มคือ 9 ขวบ ขณะที่อายุต่ำสุดที่เคยดื่มเพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้น และยังพบว่าเด็ก 65% เคยไปซื้อด้วยตนเอง โดยผู้ขายยอมขายทั้งที่รู้ว่าผิดกฎหมาย 55%
“ที่สำคัญพบว่าเด็ก 100% รู้จักกับสินค้าเหล้าปั่น เบียร์ เบียร์ปั่น เป็นอย่างดีสามารถแยกแยะยี่ห้อได้โดยรู้จักจาก 1.โฆษณา 2.สื่อตามร้านค้าร้านอาหาร 3.เห็นของจริง 4.เคยถูกใช้ไปซื้อ 5.เคยดื่มแล้ว โดยกลุ่มตัวอย่าง 59% บอกว่าอยากลองดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเด็กอยากลองมากที่สุด คือ 1.เบียร์ 2.เหล้าปั่น 3.เบียร์ปั่น สินค้าใหม่มีขายตามร้านขายน้ำผลไม้ปั่น และมีเด็กยอมรับว่าเคยดื่มเหล้าปั่นด้วยตัวเองโดยไม่มีผู้ใหญ่พาไป และคิดว่าเหล้าปั่นไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นความเชื่อและความคิดที่อันตรายมากเพราะร้านเหล่านี้อยู่ในชุมชนไม่ห่างจากโรงเรียน และอยู่รวมกับร้านขายน้ำหวาน น้ำผลไม้ มีแผงลอย รถเร่ ขายอยู่ทั่วไป ทำให้เด็กเข้าถึงได้ง่าย”

จากข้อมูลข้างต้นมีความเป็นจริงมากทีเดียว จึงทำให้กระผมมีความเป็นห่วง เด็กและเยาวชนไทยเป็นอย่างยิ่ง เกี่ยวกับสิ่งเสพติดประเภทแอลกอฮอล์ไม่ว่าจะเป็น เบียร์ เหล้า ไวน์และที่มีส่วนประสมจากแอลกอฮอล์

2-3 เดือนก่อนมีข่าวเรื่องการแฉคลิปเด็ดล่อซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บริเวณร้านค้าข้างรั้ว 10 มหาวิทยาลัยดัง โดย ขายเหล้าเบียร์ให้แก่เด็กนักเรียน นักศึกษา ในชุดนักเรียน นักศึกษาอย่างโจ๋งครึ๋ม รวมทั้งมีการขายในหอพักนักเรียน นิสิต นักศึกษาอีกต่างหาก ซึ่งกระผมก็ได้เขียนบทความถึงด้วยความเป็นห่วง รวมทั้งให้ทุกฝ่ายร่วมด้วยช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ว่า สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน รัฐบาล และผู้ปกครอง

และฝากรัฐบาลช่วยดูแลเรื่องของ ร้านเกมส์ อาบอบนวด และร้านคาราโอเกะ ใกล้สถานศึกษา


แต่เมื่อกระผมมาเจอข่าวและผลการวิจัยของ ดร.ศรีรัช ลาภใหญ่ กระผมยิ่งมีความหนักใจและน่าเป็นห่วงมากยิ่งขึ้น เพราะเด็กเหล่านี้ยังเล็กมาก ถ้าเราไม่แก้ไขหรือหยุดยั้ง เด็กเหล่านี้เมื่อโตขึ้นก็จะเป็นนักดื่มกันต่อไปและปัญหาต่างๆ ก็จะมากขึ้นตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ความรุนแรง เรื่องของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการเมาแล้วขับ เรื่องของการเรียน เรื่องของครอบครัว เรื่องของเศรษฐกิจ เรื่องเพศสัมพันธ์ และต่อเนื่องไปใช้หรือเสพยาเสพติดประเภทอื่นๆ

การแก้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเหล้า หรือเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ นับว่าเป็นปัญหาที่แก้ไขยากมากเพราะเป็นปัญหาที่มีมานานมากแล้ว ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเรา หลายประเทศก็มีปัญหาดังกล่าว แล้วจะไปห้ามไม่ให้ดื่มก็ไม่ได้ ดังนั้นจะเห็นว่ามีการ รณรงค์เรื่องของการดื่มเหล้า เช่น เมาแล้วไม่ขับ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการดื่มเหล้า ฯลฯ จากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น สสส.(สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข และ เครือข่ายของภาครัฐและเอกชน แต่ก็ไม่สามารถหยุดหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ แต่ก็ยังดีที่หน่วยงานต่างๆได้ช่วยกันทำ เพราะบางช่วงเวลา ช่วยลดความเสียหายบางอย่างได้ เช่น อุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์ ช่วงปีใหม่ ฯลฯ

อย่างไรเสีย คงต้องขอฝากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไว้ด้วย เพราะปัญหานี้เกี่ยวข้องกับเด็ก และเด็กก็คือกองกำลังของชาติในอนาคต ถ้ากองกำลังของชาติขาดความเข้มแข็ง ถ้ากองกำลังของชาติติดเหล้า ติดสิ่งเสพติด และมีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอ แล้วประเทศไทยของเราจะไปแข่งขันกับประเทศไหนได้ครับ




...
  
อาหารปลอดภัย
ตลาดอาหารปลอดภัย

ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

ความจริงการขายอาหารปลอดภัย ผักไร้สารพิษ นับว่าเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากทำให้สุขภาพของคนไทยในปัจจุบันดีขึ้น แต่ผู้ปลูกผักไร้สารพิษหรือผู้ผลิตอาหารปลอดภัย มักจะบ่นว่าไม่มีตลาดรองรับ โดยเฉพาะผู้ผลิตและผู้จำหน่ายในต่างจังหวัด


ถึงแม้ว่าหลายจังหวัดได้มีโครงการและส่งเสริมการตลาดสำหรับอาหารปลอดภัย เช่น จังหวัดจันทบุรี ได้จัดโครงการตลาดอาหารปลอดภัย ผักไร้สารพิษ ในช่วงเดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมา ภายในงานมีการตรวจเลือดหาสารพิษในร่างกายจำนวน 152 คน โดยมีประชาชนที่ตรวจมากถึง 77 คน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของผู้มาตรวจเลือดหาสารพิษก็ว่าได้


หรือที่กรุงเทพมหานคร ก็ได้มีการจัดให้มีการประกวดตลาดสะอาดได้มาตรฐานอาหารปลอดภัย ตั้งแต่ มีนาคมที่ผ่านมาโดยมีตลาดที่เข้าประกวดทั้งสิ้น 61 แห่ง แต่เข้าเกณฑ์ตลาดสะอาดได้มาตรฐานเพียง 41 แห่ง


และจังหวัดพะเยา ก็ได้จัดโครงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษฅรคุณภาพจากผู้ผลิตส่งผู้บริโภคจังหวัดพะเยา ในวันที่ 19 สิงหาคม 2552 ณ ศาลาประชาคม ศาลากลางจังหวัดพะเยาภายในงานก็มีการเสวนาเรื่อง “ สินค้าปลอดภัยจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค ” โดยมีการจัดบอร์ดนิทรรศการ, การจัดตลาดนัดสินค้าเกษตรปลอดภัย,การตอบปัญหาด้านเกษตรและการตรวจสารพิษตกค้างในเลือดอีกทั้งสารปนเปื้อนในอาหารด้วย


ถามว่าทำไมเกษตรกรถึงใช้ยาฆ่าแมลง สารเคมีต่างๆ ทั้งๆที่รู้ว่าทำให้ผู้บริโภคไม่ปลอดภัย คำตอบอาจเป็นเพราะ ค่านิยมที่เกิดจากตัวผู้บริโภคเองที่ต้องการ ผัก ผลไม้ต้องสวย จึงทำให้ผู้ผลิตต้องหันมาพึ่งสารเคมีกำจัดศัตรูพืช สำหรับผัก ผลไม้ที่ไม่ใช่สารเคมี ต้องคัดแยกผัก ผลไม้ที่ต้นหรือผลไม่สวยออก จนบางครั้งต้องคัดทิ้งถึง


25 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว


สำหรับกระผมเชื่อว่า ถ้าพวกเราเลือกได้อยากรับประทานอาหารปลอดภัย ไม่ว่า ไก่ กุ้งแช่แข็ง ผักสด ผลไม้ และสินค้าผลิตภัณฑ์เกษตรอื่นๆ มากกว่า อาหารที่มีสารพิษ ที่เกิดจากยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี และสารเคมีต่างๆ ถึงแม้อาหารปลอดภัย อาจจะแพงกว่าอาหารที่มีสารเคมีเพียงเล็กน้อยก็ตาม


ปัญหามีอยู่ว่า ผู้ผลิตผู้ขาย สินค้าปลอดภัยมักบ่นว่าไม่มีตลาดสำหรับการขายให้แก่ผู้บริโภค และผู้บริโภคก็ไม่รู้จะไปซื้อสินค้าอาหารปลอดภัยจากไหน ถ้าไม่มีการจัดโครงการที่ให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคมาพบกัน และสิ่งที่สำคัญ เราจะทราบได้อย่างไรถ้าซื้อสินค้านั้นในตลาดทั่วไปว่านี่คือ อาหารปลอดภัย เพราะ ผัก ผลไม้ ไก่ สินค้าเกษตรที่เห็นมันไม่สามารถแยกได้ด้วยสายตาคนเรา ถ้าไม่มีการตรวจสารปนเปื้อน


ดังนั้น ผมคิดว่า ผู้ผลิตและผู้ขายอาหารปลอดภัย ควรพัฒนาตราสินค้าของผลิตภัณฑ์อาหารปลอดภัยโดยเฉพาะการเกษตร โดยอาจนำคนกลางมีการควบคุมมาตรฐาน ดังตัวอย่าง ถ้าใครต้องการส่งออกต้องมี ISO ก่อน ฉะนั้น จังหวัดควรให้การสนับสนุนและหาหน่วยงานมาดูแลเป็นพิเศษ ถ้ารอนโยบายจากส่วนกลางอาจล่าช้า อีกทั้งควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำโครงการเสร็จแล้วก็ปล่อยให้เกษตรกรที่ผลิตอาหารปลอดภัยตามยถากรรม


เช่นจังหวัดนครปฐมมีกลุ่มแม่บ้านเกษตรผู้ปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ บ้านห้วยพระ ต.ห้วยพระ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม รวมกลุ่มผลิตผลไม้ ผักปลอดสารส่งให้กับ บริษัท กำแพงแสน คอมเมอร์เชียล จำกัด หรือ KC Fresh


ดังนั้น การตลาดหรือช่องทางการตลาด อาหารปลอดภัยจากสารพิษ เกษตรกรภายในจังหวัด หน่วยงานราชการ รวมทั้งคนในจังหวัดต้องร่วมมือกัน


เกษตรกรภายในจังหวัดที่ปลูกหรือผลิต อาหารสารพิษ ต้องจริงจังและจริงใจ ในการปลูกโดยไม่ใช่สารเคมีจริงๆ เพราะบางกรณี เมื่อขายได้แล้ว มีคนเชื่อว่าเป็นอาหารปลอดภัยจริง ไม่มีสารพิษจริง ถึงตอนนั้นเกษตรกรบางรายกลับหันไปใช้สารเคมี เนื่องจากขายไม่ทัน การใช้สารเคมีทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น และไม่ต้องทิ้งผักหรือผลไม้ที่ไม่สวย 25 เปอร์เซ็นต์ทิ้ง


หน่วยงานราชการ ต้องช่วยกันสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานเกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ สนับสนุน มีหน่วยงานพิเศษที่ลงมาดูแลเรื่องดังกล่าว มีหน่วยงานรับรองอาจให้ป้ายรับรองว่าร้านนี้เป็น อาหารปลอดภัยจริง


ประชาชนภายในจังหวัดก็ควรให้การสนับสนุน ซื้ออาหารปลอดภัย ภายในจังหวัดของตนก่อน การซื้อของประชาชนภายในจังหวัดจะทำให้ เกษตรกรที่ผลิตหรือขาย อาหารปลอดภัย อยู่ได้ อีกทั้งสุขภาพของผู้บริโภคก็จะดี ไม่มีโรคภัยที่เกิดจาก อาหารที่ปนกับสารเคมี







...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.