หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  
  -  เป้าหมายเปลี่ยนชีวิต
  -  อิทธิบาท 4 สู่ความสำเร็จในงานขาย
  -  อยากสำเร็จต้อง.
  -  ธุรกิจเครือข่ายโอกาสทางธุรกิจ
  -  การพูดเพื่อขาย
  -  ขายตัวคุณเองก่อน....แล้วจึงขายของ...
  -  นักการตลาดมืออาชีพ
  -  การจัดประชุมทีมในธุรกิจเครือข่าย
  -  การขายทางโทรศัพท์
  -  การจัดการเวลา
  -  เหนือคู่แข่งด้วยการบริการ
  -  ใช้ชีวิต...ให้เต็มชีวิต...
  -  การตลาดยุคใหม่ : นักการตลาดยุคใหม่
  -  การตลาดรุ่ง เราต้องมุ่งที่การสร้างความสัมพันธ์
  -  การตลาด.ภิวัตน์
  -  ยุทธวิธีการตลาด
  -  ครบเครื่องเรื่องการสื่อสารการตลาด
  -  การตลาดขั้นเทพ
  -  แนวความคิดทางการตลาด ยิ่งให้ยิ่งได้ ของมหาเศรษฐีโลก
  -  สามก๊กกับกลยุทธ์การตลาด
  -  Digital Marketing for SME
  -  Marketing 3.0
  -  ธรรมชาติของงานบริการ
  -  อาวุธทางการตลาดคือการสร้างไอเดีย
  -  Digitalmarketing Communication
  -  Viral Marketing
  -  การตลาดผ่าน Brand Ambassador
  -  Marketing Environment
  -  กลยุทธ์การตลาดในการแข่งขันระดับโลก
  -  Celebrity Marketing
  -  อาวุธทางการตลาด การสร้างแบรนด์
  -  สู่ความเป็นสุดยอด...นักการตลาดมือทอง....
  -  คุณสมบัตินักขายมืออาชีพ
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

...
  
เป้าหมายเปลี่ยนชีวิต
เป้าหมายเปลี่ยนชีวิต
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ คือ การเดินทางไปให้ถึงเป้าหมาย
บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตย่อมมีเป้าหมายเสมอ การมีเป้าหมายจะทำให้เรามีทิศทางในการทำงาน ตรงกันข้าม บุคคลที่ไม่มีเป้าหมาย ย่อมทำงานโดยไม่มีทิศทางและไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิตกันแน่ นักขายก็เช่นกัน
มีนิทานเรื่องหนึ่ง เล่าว่า มีชาย 4 คน นั่งเรือลำเดียวกันไปเที่ยวทะเล ในขณะเที่ยวทะเล เรือเกิดประสบอุบัติเหตุล่ม ชายทั้ง 4 คน จึงติดอยู่ที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง ไม่สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากใครได้ จึงหาผลไม้ อาหาร ที่บนเกาะปะทังชีวิต อยู่หลายปี จนกระทั่งวันหนึ่ง ชายทั้ง 4 คน เดินริมชายหาดไปเจอ ตะเกียงวิเศษ เลยจับตะเกียงขึ้นมาดู ปรากฏว่า มียักษ์ตนหนึ่ง โผล่ออกมาจากตะเกียงวิเศษ พร้อมกล่าวว่า เจ้าทั้ง สี่ ปล่อยข้าออกจากตะเกียง เจ้ามีสิทธิ์ขอสิ่งที่เจ้าปรารถนาได้คนละหนึ่งอย่าง ชายคนแรกเริ่มขอ ข้าอยากกลับบ้าน ยักษ์บอกว่า เจ้าได้ตามคำขอ ว่าแล้วยักษ์ ก็ชี้ไปที่ชายคนแรก ปรากฏว่า ชายคนแรกก็หายไป ได้กลับบ้านตามคำขอ ชายคนที่สองก็เริ่มขอทันที ข้อขอบ้านหลังใหญ่ มีเงินทองและขอกลับบ้าน ว่าแล้วยักษ์ ก็ชี้ไปที่ชายคนที่สอง ปรากฏว่า ชายคนที่สองหายไป แล้วยักษ์ก็ชี้ไปที่ชายคนที่สาม แล้วเจ้าละ ชายคนที่สามไม่คิดมาก เริ่มขอ ข้าขอเมียสวยๆ มีทรัพย์สมบัติมากๆ และขอกลับบ้าน ยักษ์บอกเจ้าได้ดังที่ขอ แล้วยักษ์ก็ชี้ไปคนสุดท้าย แล้วเจ้าละขออะไร รีบขอมา ชายคนสุดท้าย เกาหัว ทำท่าลังเล พร้อมบ่นอยู่คนเดียวจะขออะไรดี แล้ว ยักษ์ก็ถาม ขึ้นอีกครั้ง เจ้าต้องการอะไร ชายคนสุดท้ายรีบตอบ ข้าขอปรึกษาเพื่อน อีก 3 คน ก่อน ว่าแล้ว ยักษ์ ก็ชี้ไปยัง ชายคนสุดท้าย เจ้าได้ตามคำขอ และแล้วเพื่อน 3 คน ที่กลับบ้านก็ปรากฏกายขึ้น แล้วไล่ เตะ ไล่ต่อย ชายคนสุดท้าย แล้วพูดว่า มึงขออะไรยักษ์วะ
จากนิทานเรื่องนี้ เราจะเห็นว่า คนที่ไม่มีเป้าหมายหรือไม่รู้ความต้องการของตนเอง นอกจากตัวเองจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังดึงคนอื่นให้ล้มเหลวตามไปด้วย
ดังนั้น ถ้าเราต้องการประสบความสำเร็จ ในการเป็นนักขาย เราจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายไว้
อาจเป็นตัวเลขการขาย เป้าหมายเป็นปี เป็นเดือน และก็เป็นวัน แล้วจึงทุ่มเท มุ่งมั่น ไปให้ถึงเป้าหมาย บางครั้ง อาจท้อแท้ แต่ก็ต้องอดทน
นักขาย จำเป็นต้องอดทนต่อการปฏิเสธ รักที่จะเป็นนักขาย ต้อง อดทน ต่อการถูกปฏิเสธ
และถ้าถูกปฏิเสธ จากลูกค้า จำนวนมากเท่าไร ก็จะทำให้เราเข้าใกล้ การเป็นสุดยอดนักขายฉันนั้น
เช่น ในวงการขายประกัน นักขายบางคนบอกว่า เสนอขายลูกค้า 10 คน มีคนตอบรับ 3 คน ปฏิเสธ
7 คน แต่ถ้าเป็นนักขายประกันที่เก่ง บางคนเสนอขายลูกค้า 10 คน อาจมีคนตอบรับ 8 คน แต่ก็ต้องมีคนปฏิเสธ การขายเสมอ ดังนั้น รักที่จะเป็นนักขาย ก็ไม่ต้องกลัวการถูกปฏิเสธ
จงมุ่งมั่น ฝึกฝน ทักษะในการขาย การชำนาญย่อมเกิดจากการฝึกฝน การเป็นสุดยอดนักขาย เราจำเป็นต้องฝึกฝน ทุ่มเท มุ่งมั่น ที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ย่อท้อ การขายสินค้า บ่อยๆ จะทำให้เรารู้กระบวนการขาย ทำให้เรารู้ทักษะต่างๆในการขาย บางครั้ง ครูที่ดีของนักขาย ไม่ใช่ใคร อื่น ครูที่สอนให้เราเป็นสุดยอดนักขาย ก็คือ ลูกค้า นั่นเอง
พูดถึงเรื่องการ ไม่ยอมแพ้ บุคคลที่ประสบความสำเร็จ จะไม่ยอมแพ้ อะไรง่ายๆ เช่น
ผู้พันแซนเดอร์ส เจ้าของสูตรไก่ทอด KFC ( Kentucky Fried Chicken) ที่มีขายทั่วโลก เขาไม่ประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันอะไรในชีวิตเลย อายุ 5 ขวบ เขากำพร้าพ่อ ต้องรแเลี้ยงดูน้องๆอีกต้องช่วยแม่ทำงานบ้าน ทำอาหาร เพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ เมื่ออายุ 16 ปี เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจนต้องออกจากโรงเรียน ต่อมาแม่แต่งงานใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อเลี้ยงไม่สู้จะดี พ่อเลี้ยงชอบตีเขาเป็นประจำจนต้องหนีออกจากบ้าน เขาพยายามหางานทำแต่ก็ต้องตกงานเป็นประจำ เมื่ออายุ 18 ปี เขาได้แต่งงาน มีลูกสาว 1 คน เขาจึงไปเป็นพนักงานขายตั๋วรถไฟ แต่ก็ล้มเหลวอีก เขาสมัครเป็นทหารในกองทัพสหรัฐ ทำงานได้ช่วงหนึ่งก็ถูกให้ออกจากกองทัพสหรัฐ ภรรยาของเขาทนในความไม่เอาไหนของเขาไม่ได้จึงตัดสินใจหอบลูกสาวหนี เขาต้องทนทุกข์กับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในอาชีพการทำงานของเขาอีกทั้งครอบครัวที่แตกแยก จนกระทั่งเกษียณตอนอายุ 65 ปี เขาจึงคิดที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต เขาจึงคิดว่ามีสิ่งหนึ่งที่เขารักและทำได้ดีที่สุดในชีวิตก็คือทำอาหาร รุ่งขึ้นเขาจึงไปซื้อไก่มาจำนวนหนึ่งแล้วลงมือทอดไก่ด้วยสูตรของเขาเอง แล้วจึงขายไก่ทอดตามบ้านของเขาที่เมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ ต่อมาเขาต้องการให้คนในสหรัฐได้กินไก่ทอดของเขาทั้งประเทศ เขาไม่มีเงินทุน จึงต้องเดินเร่ขาย สูตรไก่ทอดของเขา ให้นักธุรกิจ จากคนที่ 1 คนที่ 10 , 100 , 1,000 ก็ไม่มีใครสนใจสูตรไก่ของเขา เขาก็ไม่ย่อท้อ เขาไม่ยอมพ่ายแพ้ เขาเร่ขายต่อ จนกระทั่ง คนที่ 1,009 จึงมีคนซื้อสูตรไก่ของเขา
พวกเราเชื่อกระผมไหมครับ ถ้าเขาเกิดยอมแพ้ ก่อนเวลาอันควรหรือเสนอขายสูตรไก่ให้กับนักธุรกิจคนที่ 1,008 แล้วยอมแพ้ก่อนจะถึงคนที่ 1,009 ตอนนี้ พวกเราคงไม่มีโอกาสกินไก่ทอดที่อร่อยในยี่ห้อ KFC ซึ่งมีสาขามากว่า 13,000 แห่ง ทั่วโลก
สำหรับบุคคลที่ประสบความสำเร็จอีกท่านหนึ่ง เฉินหลงหรือชื่อจริง เฉินกั่งเซิง ผมได้มีโอกาสอ่านประวัติของเฉินหลง บุคคลผู้นี้ เราสามารถนำเอาเป็นแบบอย่างได้ เฉินหลง ชอบการชกต่อยมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อของเฉินหลงจึงตัดสินใจฝากเฉินหลงกับอาจารย์หวี่ ซึ่งขณะนั้นอาจารย์หวี่ เป็นอาจารย์หรือครูมวยชื่อดังและได้เปิดโรงเรียนสอนการเล่นงิ้วโดยสัญญาว่าจะให้เฉินหลงเรียนวิชาต่างๆของโรงเรียนเป็นเวลาสิบปี ซึ่งตอนนั้นเฉินหลงอายุไม่ครบแปดปีบริบูรณ์ด้วยซ้ำ ซึ่งเด็กรุ่นๆเฉินหลงในโรงเรียน ได้กลายเป็นดาราดังเช่น หมูหินหงจินเป่าและหยวนเปียว เฉินหลงฝึกเล่นงิ้ว ฝึกกังฟู ฝึกวิทยายุทธ์ของครูหวี่ ต่อมาจึงได้มีโอกาสไปแสดงงิ้วในที่ต่างๆรวมทั้งประเทศไทยด้วย ซึ่งการแสดงส่วนใหญ่เฉินหลงมักเป็นตัวแสดงที่ต้องใช้กำลัง หลังจากนั้นเฉินหลงก็รับจ้างเป็นนักแสดงคิวบู๊ ซึ่งเป็นตัวประกอบหลายเรื่องในขณะนั้นยังไม่มีชื่อเสียง จนกระทั่งเขามีโอกาสเล่นหนังเรื่องไอ้หนุ่มพันมือ ตามด้วยหนังเรื่องไอ้หนุ่มหมัดเมา เฉินหลงจึงค่อยๆเป็นที่ยอมรับของผู้ชมในระดับหนึ่ง หลังจากนั้นเฉินหลงกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในระดับเอเชียโดยเซ็นสัญญากับโกลเด้นฮาร์เวสต์ หนังที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในระดับเอเชียคือ วิ่งสู้ฟัด เอไกหว่า ต่อมาดังระเบิดในสหรัฐในหนังเรื่องใหญ่ฟัดโลก ในการแสดงของเฉินหลงมักเป็นที่ยอมรับของผู้ชม เนื่องจากเฉินหลงลงทุนแสดงบทเสี่ยงตาย โดยกระโดดลงจากที่สูง บางเรื่องถึงขนาดใส่เสื้อตัวเดียว ถ่ายหนังท่ามกลางอุณหภูมิที่ติดลบ โดยไม่ใช้นักแสดงแทนหรือสตันแมนเหมือนดาราคนอื่นๆทำ พวกเราลองคิดดูเฉินหลงฝึกการแสดงต่างๆตอนอายุไม่ครบแปดปีบริบูรณ์ ฝึกสิบปีแล้วจึงไปเป็นนักแสดงตัวประกอบแล้วในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในที่สุด ถ้าหากพวกเราพยายามที่จะประสบความสำเร็จโดยใช้เวลาแค่สองสามปีหรือห้าหกปี พวกเรายังห่างไกลจากความสำเร็จเป็นอันมากเมื่อเปรียบเทียบกับเฉินหลง
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ไม่เคยได้มาง่ายๆ
...
  
อิทธิบาท 4 สู่ความสำเร็จในงานขาย
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

หลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา มีมากมาย ไม่ว่าจะเกี่ยวกับ การดำรงชีวิต การทำงาน การทำสมาธิ การรักษาศีล การทำอย่างไรให้เกิดปัญญา แต่ในบทความนี้ ผมอยากจะพูดถึงเรื่องของ


ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา คือ หลักอิทธิบาท 4 ซึ่งเป็นคำสอนทางพุทธศาสนา หากใครต้องการประสบความสำเร็จไม่ว่าทางใดทางหนึ่งจึงต้องยึดหลักอิทธิบาท 4 นี้ ไว้ งานด้านการขายก็เช่นกัน

ฉันทะคือ ความรัก ความพอใจ ความชอบ ในสิ่งที่เราต้องการอยากเป็นหรือต้องการประสบความสำเร็จ เช่น ถ้าเราต้องการเป็นนักพูด เราต้องมีความรักในด้านการพูดก่อน หรือ ถ้าเราอยากเป็นนักขาย เราต้องมีความรัก ความพอใจ ในการเป็นนักขายก่อน ถ้าเรามีความรักความชอบหรือมีพอใจ ในงานนั้นๆ ก็จะทำให้เราทำงานนั้นๆได้ดี เช่น ถ้าเรารักที่จะทำงานในบริษัทประกันชีวิตที่เราทำอยู่ เรารักในอาชีพการขายประกันชีวิต เราก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า คนที่ไม่มีความรักในอาชีพการขายประกันชีวิต ซึ่งจะต้องทนทำงานด้วยความทรมานใจมากกว่าคนที่มีจิตใจรักในอาชีพขายประกันชีวิต


วิริยะ คือ ความเพียรพยายาม ความขยันขันแข็ง ถ้าเรามีความรักอย่างเดียว ความชอบอย่างเดียวหรือมีฉันทะอย่างเดียวคงไม่พอ คนที่ประสบความสำเร็จจึงต้องมีวิริยะตามมา เช่น ถ้าเราอยากเป็นนักพูด เราต้องมีความเพียรพยายาม ความขยันขันแข็งในการฝึกพูด หรือ ถ้าเราอยากเป็นนักขาย เราต้องมีความเพียรพยายาม ความขยันขันแข็งในการออกไปขายสินค้าให้กับผู้คน หากไม่มีความเพียรเสียแล้วเราคงไปได้ไม่ไกล เช่น วงการประกันชีวิตมักพูดว่ายิ่งมีคนปฏิเสธการซื้อประกันชีวิตมากเท่าไรนั้นย่อมหมายถึงว่าจะมีคนซื้อประกันชีวิตมากขึ้นเท่านั้น นักขายประกันบางคนที่ประสบความสำเร็จมักพูดว่า ถ้าไปขายประกันให้คน 10 คน จะมีคนตอบรับ 3 คน อีก 7 คนปฏิเสธการซื้อดังนั้น หากจะให้คนซื้อ 30 คน นักขายคนนั้นต้องเดินขายถึง 100 คน ในขณะเดียวกันก็จะมีคนปฏิเสธการซื้อถึง 70 คน ดังนั้นนักขายต้องมีวิริยะครับคือ มีความขยัน ความเพียร


จิตตะ คือ การเอาใจใส่ ใจ จดจ่อกับสิ่งที่เราอยากประสบความสำเร็จ เช่น ถ้าเราอยากเป็นนักพูดหรือถ้าเราอยากเป็นนักขาย ถ้าเรามีใจจดจ่อ คิดถึงทุกวัน ฝันถึงทุกวัน เมื่อมีใจจดจ่อ เราก็จะหาวิธีการเพื่อไปถึงเป้าหมายที่เราต้องการ

วิมังสา คือ รู้จักคิดพิจารณา ใคร่ครวญ วิเคราะห์ว่าทำไมถึงไม่ประสบความสำเร็จ หรือ เกิดปัญหาอะไรขึ้น เมื่อมีการวิเคราะห์ ใคร่ครวญ พิจารณา เราก็จะเกิดการแก้ไขสิ่งเหล่านี้ เช่น ถ้าเราอยากเป็นนักพูด ถามว่าทำไมเราถึงไม่ประสบความสำเร็จ หรือ ถ้าเราอยากเป็นนักขาย ถามว่าทำไมเราถึงขายไม่ได้ เมื่อเรามีวิมังสา ใคร่ครวญ คิดพิจารณา ก็จะทำให้เราหาวิธีแก้ไข ปัญหาซึ่งเมื่อมีปัญหาดังกล่าวเกิด ก็สามารถแก้ไขหรือปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นได้

ดังนั้น หากเราต้องการประสบความสำเร็จในการทำงานของวงการต่างๆ หรือ แวดวงต่างๆ คนเหล่านั้นต้องมีหลักอิทธิบาท 4 ได้แก่ 1.ฉันทะคือ มีความรัก ความชอบ ในสิ่งนั้น แต่ถ้าต้องการประสบความสำเร็จมาก คนๆนั้นจะต้องมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในสิ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ 2.วิริยะ คือ มีความเพียรพยายาม ความขยันขันแข็งในงานที่เราต้องการประสบความสำเร็จ หรือ ความพากเพียรบากบั่นที่จะทำให้สำเร็จ 3.จิตตะ คือ จดจ่อกับเป้าหมาย หรือมีความเอาใจใส่ กับสิ่งที่เราอยากได้ อยากเป็น และ 4.วิมังสา คือ มีความคิดใคร่ครวญ พิจารณา แก้ไขปัญหาสิ่งต่างๆ เมื่อแก้ไขปัญหาได้แล้ว เราก็สามารถประสบความสำเร็จในวงการนั้นๆ ได้

หลักอิทธิบาท 4 ถึงแม้จะเป็นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีมา 2553 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีความทันสมัย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตของพวกเราได้ ดังนั้น คนที่ต้องการประสบความสำเร็จจะต้องมีหลักอิทธิบาท 4 เสมอ ไม่ว่า เป็นนักพูด นักเขียน นักแสดง หรืออาชีพอื่น ๆ ก็ตาม จำเป็นจะต้องมีหลักอิทธิบาท 4 จึงจะประสบความสำเร็จไม่เว้นแม้กระทั่ง งานอาชีพนักขาย

...
  
อยากสำเร็จต้อง.
อยากสำเร็จต้อง...
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในแวดวงต่างๆ มักเป็นบุคคลที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตนเองอยู่เสมอ ฉะนั้นหากท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านจึงต้องควรมีการเปลี่ยนแปลงตนเอง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ท่านจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงตนเองหลายด้าน สำหรับบุคคลที่ประสบความสำเร็จมักเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้
1.ท่านต้องเป็นคนที่มี “ เป้าหมายชัดเจน ” อีกทั้งควรเขียนเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร เขียนเพื่อให้จดจำ การเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร หรือ วางเป้าหมายเป็นภาพต่างๆ แล้วติดตามโต๊ะทำงาน ห้องนอน ห้องน้ำ ฯลฯ จะทำให้เราเกิดการจดจำได้มากกว่า การมีเป้าหมายแล้วไม่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
2.ท่านต้องเป็นคนที่ “ ทำสม่ำเสมอ ” เมื่อมีการวางเป้าหมายแล้ว หากไม่ลงมือทำ เป้าหมายนั้นก็จะไม่มีความหมายหรือเกิดผลสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งสำคัญก็คือ ต้อง ททท.(ทำทันที) ไม่ต้องรอช้า วางแผนงานแล้วลงมือทำทันที มิใช่นั้น ความสำเร็จก็จะไม่บังเกิด
3.ท่านต้องเป็นคนที่ “ ชอบเข้าใกล้หรือชอบปรึกษาคนที่ประสบความสำเร็จ ” การเรียนรู้หรือคัดลอกจากต้นแบบจะทำให้เราลดเวลาในการเดินทางไปสู่เป้าหมาย เช่น หากเราอยู่ต่างจังหวัดเราจะเดินทางไปกรุงเทพฯ (ครั้งแรกโดยรถยนต์ส่วนตัว) หากเราไม่ถามทางคนที่เคยไปกรุงเทพฯมาแล้ว เราลองเดินทางไปเอง เราอาจหลงทาง เสียเวลา แต่หากเราถามคนที่เคยไปมาแล้ว ก็จะทำให้เราไม่หลงทางถึงกรุงเทพฯ ไวยิ่งขึ้น อีกทั้งประหยัดน้ำมันหรืองบประมาณอีกด้วย
4.ท่านต้องเป็นคนที่ “ชอบการเปลี่ยนแปลง ” คนเรามักไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่คนเราจะเจริญก้าวหน้าด้วยการเปลี่ยนแปลง หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จในอาชีพต่างๆ ท่านควรเป็นผู้ที่มีแนวความคิดในการเปลี่ยนแปลง มีความคิดในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
5.ท่านต้องเป็นคนที่ “ ชอบเรียนรู้อยู่เสมอ” โลกยุคปัจจุบันเป็นโลกยุคของข้อมูลข่าวสาร ยุคของความรู้ ซึ่งบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จจะต้องเป็นนักเรียนรู้อยู่เสมอ สามารถนำข้อมูลข่าวสาร ความรู้ต่างๆ มาใช้ประโยชน์ในงานอาชีพของตนเองได้
6.ท่านต้องเป็นคนที่ “ รู้จักใช้ เทคโนโลยี เครื่องมือ อุปกรณ์ ต่างๆ ช่วย ” โลกยุคปัจจุบันรวมทั้งโลกในอนาคต เทคโนโลยี เครื่องมือ อุปกรณ์ ต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญ ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักต้องรู้จักใช้เครื่องมือ เทคโนโลยี อุปกรณ์ต่างๆเข้าช่วย การใช้เทคโนโลยี เครื่องมือ อุปกรณ์ จะเป็นการลดต้นทุน ลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการทำงาน เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือช่วยในการชำระเงิน ช่วยบอกทาง ช่วยรับข้อมูลข่าวสาร ช่วยปลุก ช่วยเตือนงาน ฯลฯ
7.ท่านต้องเป็นคนที่ “ แตกต่าง ” หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการความสำเร็จ ท่านควรมีความแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป คนที่ประสบความสำเร็จหลายๆ คนมักคิดแตกต่างจากคนอื่น ทำอะไรๆ ที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เช่นการแต่งกาย ทรงผม บุคลิก การพูดจา ฯลฯ
8.ท่านต้องเป็นคนที่ “ เริ่มต้น ” หากท่านอ่านมาถึงข้อความตรงนี้แล้ว หากท่านไม่เริ่มต้นทำหรือเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ความสำเร็จก็คงไม่เกิดขึ้นกับท่าน แต่หากท่านต้องการความสำเร็จจงเริ่มต้นทำ ระยะทางถึงแม้จะไกลแสนไกล หากเราไม่เริ่มต้นเดินก้าวแรกเราก็จะไม่มีวันไปถึงเป้าหมายปลายทาง
โดยสรุป อาจกล่าวได้ว่า ปัจจัยที่ทำให้คนประสบความสำเร็จมีอีกหลายปัจจัยที่กระผมยังไม่ได้กล่าวถึง แต่สิ่งที่สำคัญ หากเราอ่าน เราศึกษาแล้ว แต่เราไม่นำเอาไปปฏิบัติ ความสำเร็จก็ยากที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จ ท่านคงต้องลงมือปฏิบัติ อีกทั้งต้องคอยควบคุม ตรวจสอบ อยู่เสมอ ก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จดังเช่นคนที่ประสบความสำเร็จ ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้เพียงแต่เราไม่ได้ลงมือทำมัน



...
  
ธุรกิจเครือข่ายโอกาสทางธุรกิจ
ธุรกิจเครือข่ายโอกาสทางธุรกิจ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ธุรกิจเครือข่ายเกิดขึ้นมากมายในยุคปัจจุบัน ซึ่งความสวยงามของธุรกิจเครือข่ายมีมากมาย เช่น เป็นธุรกิจของตัวเอง , เป็นธุรกิจแห่งการแบ่งปัน ,เป็นธุรกิจแห่งการเป็นอิสรภาพ และเป็นธุรกิจในการเปิดโอกาส
- ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจของตัวเอง หมายถึง ใครที่มีเงินทุนน้อย สามารถเข้ามาศึกษาเรียนรู้และเป็นเจ้าของ
กิจการธุรกิจเครือข่ายร่วมกัน ไม่มีนายเจ้าไม่มีลูกจ้าง ไม่ต้องลงเวลาทำงาน มีความเสี่ยงน้อย มีระบบให้สามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งธุรกิจเครือข่ายหลายแห่งยังสามารถเป็นมรดกตกทอดให้แก่ลูกหลานได้ด้วย
- ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งการแบ่งปัน หมายถึง คนที่ประสบความสำเร็จมักมาบอกเล่าเรื่องราว วิธีการ
ทำงานให้แก่ คนที่เข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่ายใหม่ๆ อีกทั้งมีการแบ่งปันเวลาให้ความช่วยเหลือ เมื่อลูกทีมหรือหัวหน้าทีมต้องการความช่วยเหลือ เป็นการแบ่งปันรายได้ แบ่งปันโอกาสทางธุรกิจให้แก่คนอื่นๆ
- ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งการเป็นอิสรภาพ หมายถึง เมื่อท่านทำงานหนักในช่วงแรก แล้วประสบ
ความสำเร็จ ท่านจะได้ไปท่องเที่ยว อีกทั้งมีรายได้ที่ไร้ขีดจำกัดเนื่องจากลูกทีมในเครือข่ายของท่านทำงาน อีกทั้งท่านจะมีอิสรภาพทางด้านเวลา
- ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งการเปิดโอกาส หมายถึง เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษาในการสมัครทำ
ธุรกิจ ท่านไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรี หรือจบปริญญาเอก เหมือนตอนไปสมัครทำงาน แต่หากใครสมัครเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย ต้องเริ่มนับหนึ่งเหมือนกันหมด อีกทั้งเมื่อประสบความสำเร็จท่านจะได้รับการยกย่องเชิดชูจากคนในองค์กรหรือคนในธุรกิจเครือของท่าน
แต่อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ธุรกิจเครือข่าย ท่านจำเป็นจะต้องมีการคัดเลือก หลักในการคัดเลือกบริษัทเครือข่ายมีดังนี้
1.ความมั่นคงของบริษัท มีความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ เนื่องจากหลายบริษัทไม่มีความมั่นคง ไม่มีความน่าเชื่อถือ เมื่อดำเนินธุรกิจเครือข่ายไปสักระยะหนึ่ง ก็มีการปิดตัว ซึ่งทำให้สิ่งที่เราลงทุนลงแรงลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา เงินทอง ค่าใช้จ่ายต่างๆ เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ อีกทั้งต้องเสียความรู้สึกอีกด้วย
2.ความเป็นมืออาชีพของนักบริหาร หากว่านักบริหารของบริษัทในธุรกิจเครือข่ายขาดประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจก็จะทำให้ธุรกิจเครือข่ายนั้นๆ เจริญเติบโตได้ช้ามาก แต่หากนักบริหารมีประสบการณ์ หากเกิดปัญหาต่างๆ ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
3.สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต้องเด่นและแปลกใหม่ ผลิตภัณฑ์หรือสินค้า มีความสำคัญมาก เนื่องจากธุรกิจเครือข่ายในยุคปัจจุบัน มักมีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกัน ส่วนใหญ่มักเป็น อาหารเสริม เครื่องสำอาง ของใช้ภายในบ้าน ซึ่งคุณสมบัติก็ไม่ต่างแตกกัน หากบริษัทหรือธุรกิจเครือข่ายใดมีสินค้าที่แตกต่าง แปลกใหม่ ก็จะได้รับการตอบรับ จากลูกค้าหรือผู้บริโภคได้มากกว่าสินค้าที่มีความคล้ายคลึงกัน
4.แผนการตลาดต้องโดน หมายถึง แผนการตลาดมีความสำคัญมากเช่นกัน เราต้องยอมรับว่าธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่ของใหม่สำหรับเมืองไทยอีกต่อไป เนื่องจากมีคนไทยเป็นจำนวนมากได้เข้าไปสัมผัสกับธุรกิจเครือข่ายหลายบริษัท อีกทั้งมีการหมุนเวียนกันในธุรกิจเครือข่าย กล่าวคือ เมื่อทำธุรกิจเครือข่ายนี้ไม่ประสบความสำเร็จหรือผลประโยชน์ได้น้อยก็เปลี่ยนไปทำธุรกิจเครือข่ายอีกบริษัทหนึ่ง ดังนั้น แผนการตลาดต้องโดนใจ ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเครือข่าย
5.ระบบของบริษัทต้องดี ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่เน้นเรื่องระบบ ฉะนั้น บริษัทที่ทำธุรกิจเครือข่าย ไม่ควรเปลี่ยนระบบบ่อย เช่น ทำไปสักระยะหนึ่งก็เปลี่ยนแผนการตลาดใหม่ หรือ ระบบอินเตอร์เน็ต ระบบออนไลน์ต่างๆ ไม่มีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้เกิดผลเสียแก่บริษัท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาพพจน์ ฯลฯ
ฉะนั้น ธุรกิจเครือข่ายมีความหลากหลาย มีความสวยงามก็จริงอยู่ แต่ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการสมัครหรือทำธุรกิจเครือข่ายควรต้องระมัดระวัง ควรเลือกบริษัทในการทำธุรกิจเครือข่าย เพราะหากท่านเลือกธุรกิจเครือข่ายผิด ก็จะทำให้ท่านเสียใจในภายหน้าได้ เนื่องจาก ในแต่ละปีมีธุรกิจเครือข่ายปิดตัวเป็นจำนวนมาก
...
  
การพูดเพื่อขาย
การพูดเพื่อขาย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การพูดเพื่อขายเป็นการพูดให้ผู้ฟังเกิดความคล้อยตาม เป็นการชักจูงใจให้ผู้ฟังเกิดการซื้อสินค้า บริการ หรือชักชวนให้ผู้ฟังมาทำธุรกิจเครือข่าย ซึ่งผู้พูดต้องอาศัยการฝึกฝน ประสบการณ์ จากตำราและการทำงานขายภาคสนามจริงๆ
สำหรับการพูดเพื่อขาย สิ่งที่ผู้พูดควรแสวงหา ควรเรียนรู้ เพื่อนำมาประกอบการพูดเพื่อขายคือ
1.ข้อมูลต่างๆ ที่ผู้พูดควรรู้ เช่น
- รู้บริษัท กล่าวคือต้องรู้ประวัติของบริษัท รู้ระเบียบ กฎเกณฑ์ การแข่งขันภายในของบริษัท นโยบาย ตลอดจนผู้บริหารบริษัทโดยเฉพาะคนที่สำคัญๆของบริษัท
- รู้สินค้า ต้องรู้ประเภทของสินค้า มีกี่แบบกี่สี กี่รุ่น วิธีการใช้ การดูแลรักษา
- รู้บริษัทคู่แข่ง ต้องรู้ว่าสินค้าประเภทเดียวกันสินค้าของเราบริษัทไหนเป็นคู่แข่ง เขาขายสินค้าราคาเท่าไร ถูกหรือแพงกว่าสินค้าของเรา
- รู้เกี่ยวกับตัวของลูกค้า ต้องรู้ว่าลูกค้าของเราคือใคร ชอบสินค้าประเภทไหน รู้เพื่อจะปรับวิธีการพูดเพื่อนำเสนอขายได้อย่างเหมาะสมกับตัวลูกค้า
2.เทคนิค ทฤษฏี ที่เกี่ยวกับการขาย กล่าวคือ ผู้พูดต้องศึกษา เรียนรู้ เทคนิคการขาย จากการอ่าน การอบรม การ
สัมมนาหรือสอบถามจากนักขายรุ่นพี่ การรู้จักเทคนิคการขาย จะทำให้ผู้พูดรู้จัก จังหวะในการพูด ว่าควรจะพูดอย่างไรเมื่อไร เช่น ขั้นตอนการขายมีอยู่ 4 ขั้น
คือ 1.ขั้นเปิดใจ 2.ขั้นถามปัญหา 3.ขั้นแก้ปัญหา 4.ขั้นปิดการขาย ฉะนั้น เมื่อเราทราบว่าขั้นตอนการขายมีอยู่ 4 ขั้น เราจะใช้คำพูดแต่ละขั้นที่แตกต่างกัน กล่าวคือ
ขั้นที่ 1 เปิดใจ เราควรพูดถึงสิ่งต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับตัวของสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ เป็นการพูดในเรื่องที่ผู้ฟังเกิดความสนใจ เรื่องที่ผู้ฟังเกิดความภาคภูมิใจ เรื่องที่ผู้ฟังอยากฟัง
ขั้นที่ 2 ขั้นถามปัญหา เป็นขั้นตอนที่ผู้พูดตั้งคำถามหรือถามปัญหาของลูกค้าเพื่อที่จะได้นำเอาสินค้าและบริการของเราไปช่วยแก้ปัญหา
ขั้นที่ 3 ขั้นแก้ปัญหา กล่าวคือผู้พูดต้องพูดนำเสนอสินค้าและบริการของเรา เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาให้แก่
ผู้ฟังหรือลูกค้า
และขั้นที่ 4 ขั้นปิดการขาย เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดในการพูดเพื่อขาย ผู้พูดจะต้องพูดจูงใจให้ผู้ฟังตัดสินใจซื้อ
สินค้าและบริการ
3.การพูดสาธิตสินค้า เป็นการพูดที่ต้องใช้อุปกรณ์ เครื่องมือ สื่อ สินค้าตัวอย่าง ประกอบ ควรพูดให้มีการลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน ควรพูดให้ผู้ฟังทราบถึงผลประโยชน์ของสินค้า หากต้องการเป็นมืออาชีพ ช่วงขั้นตอนในการสาธิตควรแนะนำชื่อผู้พูดสาธิต ทีมงาน แนะนำขั้นตอนเวลาใช้สินค้า เน้นย้ำประโยชน์ของสินค้า ความแตกต่างระหว่างสินค้าอื่นๆกับสินค้าของผู้พูด อีกทั้งควรพูดตอบคำถามอย่างมั่นใจ
การพูดเพื่อขาย ยังคงต้องคำนึงถึงสถานการณ์ ลักษณะของธุรกิจ เช่นการพูดเพื่อขายในธุรกิจเครือข่าย ยังต้องมีการพูดเพื่อขายธุรกิจ(ชักชวนคนมาร่วมทำธุรกิจเครือข่าย) , การพูดหน้าเวทีเพื่อสาธิตสินค้า , การพูดนำเสนอแผนการตลาด , การพูดคุยกับลูกทีมกับแม่ทีม , การพูดขายทางโทรศัพท์ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม การพูดเพื่องานขายมีความสำคัญอย่างมาก ผู้ที่ต้องการเป็นนักขายจึงต้องควรฝึกฝน เพื่อให้เกิดความชำนาญ เกิดประสบการณ์ เกิดทักษะ และจะทำให้ผู้พูดเกิดความมั่นใจในการพูด ไม่ประหม่า ไม่ตื่นเต้น บางคนฝึกฝนมาน้อยหรือนักขายหน้าใหม่ เมื่อพูดนำเสนอขายก็จะพูดวกไปวนมา จนผู้ฟังเกิดความสับสน น้ำเสียงในการพูดก็สั่นเครือ อีกทั้งการพูดเพื่อขายจะต้องใช้ความอดทน ความสุภาพ ความอ่อนน้อม และต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าอีกด้วย



...
  
ขายตัวคุณเองก่อน....แล้วจึงขายของ...
ขายตัวคุณเองก่อน....แล้วจึงขายของ...
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
สินค้าดี....ถ้าคนขายพูดไม่ดี...ก็ขายไม่ดี
สินค้าดีน้อยกว่า....แต่ถ้าคนขายพูดดี....สินค้านั้นก็ขายได้ดี
จากคำกล่าวข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า คนขายมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในอาชีพนักขาย เพราะถ้าคนขายมีบุคลิกภาพดี พูดจาดี มีความน่าเชื่อถือ มีความจริงใจ ก็มีโอกาสขายของได้มาก แต่ตรงกันข้ามถ้า คนขาย มีบุคลิกภาพที่ไม่ดี พูดจาไม่ดี ไม่มีความน่าเชื่อถือ ขาดความจริงใจ การประกอบอาชีพด้านการขายก็จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
การพัฒนาตัวเองของนักขายหรือคนขาย จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จในอาชีพการขาย เช่น
1.First Impression หรือการสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งตัว บุคลิกภาพ ลักษณะ นิสัย ท่าทาง การเดิน การนั่ง การพูดจา จะทำให้ลูกค้า “ ชอบ” หรือ “ ไม่ชอบ”
2.การเรียนรู้และศึกษาข้อมูลของสินค้า ของบริษัท เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นักขายหรือคนขายสินค้าจะละเลยเสียมิได้ เพราะจะทำให้ตอบคำถามหรือข้อมูลต่างๆกับลูกค้าด้วยความมั่นใจ และส่งผลให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อ
3.การบริการการขาย จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจในตัวนักขายหรือคนขาย ไม่ว่าจะเป็นการบริการก่อนการขาย ระหว่างการขายและหลังการขาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าเกิดการบอกต่อหรือแนะนำลูกค้าให้กับนักการขายต่อไป
4.จงเรียนรู้เทคนิคการขายหรือกระบวนการขาย ดังนี้ 4.1.การสรรหาลูกค้า 4.2.การเตรียมตัวเข้าพบลูกค้า 4.3.การเข้าพบลูกค้า 4.4.การเสนอขาย 4.5.การตอบข้อโต้แย้งในการขาย 4.6.การปิดการขาย
4.7.การติดตามหรือการบริการหลังการขาย
5.ฝึกการคิดบวก อาชีพการขายเป็นอาชีพหนึ่งที่ต้องถูกลูกค้าปฏิเสธการซื้อเป็นจำนวนมาก ในบางครั้งอาจทำให้นักขายหรือคนขาย ท้อแท้ ผิดหวัง หมดกำลังใจ การคิดบวกจะช่วยให้เกิดกำลังใจ และทำให้สามารถเดินในเส้นทางอาชีพนักขายต่อไปได้
6.มีความรักในการขายหรือชื่นชอบในอาชีพการขาย ความรักหรือความชอบ ทำให้บุคคลสามารถประกอบอาชีพนั้นไปได้อย่างยาวนาน แต่ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่มีความรักหรือความชอบในอาชีพหรือการทำงานในวงการนั้นๆ ก็มักจะทำไปด้วยความเบื่อหน่าย ดังนั้น ถ้าท่านอย่างประสบความสำเร็จในการเป็นนักขาย ท่านจะต้องรักหรือชอบ ในการขายหรืออาชีพนักขาย
7.ต้องดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ ต้องยอมรับว่า การทำงานทุกอย่าง บุคคลต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบุคคลจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ บุคคลนั้นจะต้องดูแลตนเองทั้งทางด้านร่างกายให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์และจิตใจ ต้องให้มีความร่าเริงแจ่มใส ไม่เคร่งเครียดกับการทำงานมากนัก
ดังนั้น ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จในอาชีพนักขาย ท่านจะต้องขายตนเองและพัฒนาตนเองเสียก่อน ก่อนที่จะนำเสนอขายสินค้าให้แก่ลูกค้า และข้อแนะนำข้างต้นเป็นสิ่งที่นักขายที่ต้องการประสบความสำเร็จควรที่จะนำไปฝึกปฏิบัติ
...
  
นักการตลาดมืออาชีพ
นักการตลาดมืออาชีพ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ยุคปัจจุบัน ธุรกิจทุกประเภท สินค้าทุกตัว มีการแข่งขันอย่างรุนแรง เช่น ธุรกิจเครื่องดื่ม เราจะเห็นได้ว่า เครื่องดื่มมีหลากหลายยี่ห้อ เครื่องดื่มมีหลากหลายประเภท เครื่องดื่มมีหลากหลายรสชาติ เครื่องดื่มมีหลากหลายสี เครื่องดื่มมีหลากหลายขนาด เครื่องดื่มมีหลากหลายรูปแบบ ฯลฯ
ทั้งนี้ ธุรกิจทุกประเภท สินค้าทุกประเภท ยังคงต้องเผชิญกับคู่แข่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน คู่แข่งรายเก่า คู่แข่งรายใหม่ คู่แข่งจากต่างประเทศ จึงทำให้นักการตลาดที่ทำงานด้านการตลาดให้กับธุรกิจประเภทต่างๆ สินค้าประเภทต่างๆ จำเป็นจะต้องมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
ผมขอยกตัวอย่างแค่ธุรกิจน้ำดื่มในประเทศไทยของเรา สำหรับการตลาดในธุรกิจน้ำดื่มในยุคปัจจุบัน ภาพรวมตลาดรวมเครื่องดื่มกว่า 130,000-140,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดน้ำอัดลม 44,000-45,000 ล้านบาท น้ำดื่ม 23,000ล้านบาท เครื่องดื่มชูกำลัง 20,000ล้านบาท ชาพร้อมดื่ม 13,000 ล้านบาท น้ำผลไม้ 12,000 ล้านบาท กาแฟพร้อมดื่มประมาณ 10,000ล้านบาท ฟังก์ชันนอลดริงค์และเครื่องดื่มผสมวิตามิน 5,000ล้านบาท และเครื่องดื่มเกลือแร่ 4,200 ล้านบาท
เราจะเห็นว่า แค่เครื่องดื่มประเภทชาพร้อมดื่ม บริษัทใหญ่ๆ หรือยี่ห้อที่มีส่วนแบ่ง
การตลาดอันดับต้นๆ มักจะใช้กลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม จนทำให้คู่แข่งบางราย ที่มีทุนไม่มาก ถึงขนาดออกจากตลาดไปเลยก็มี เช่น
1.อิชิตัน รหัสรวยเปรี้ยง ตอน ทอง หมื่น แสน ล้าน แจกหนัก 1,110 รางวัล มูลค่า 30 ล้านบาท วิธีการส่ง SMS : พิมพ์ *711* ตามด้วยหมายเลข 10 หลัก ใต้ฝาขวด รหัส อิชิตัน แจกทุกวันจันทร์ วันที่ 10 กันยายน - 12 ตุลาคม 2558
2.โออิชิ รหัสโออิชิ แจกเยอะ จัดหนัก กองทัพรถ 600 คัน และลุ้นเป็นเจ้าของรถยนต์ โตโยต้า ยาริส ระบบเกียร์อัตโนมัติ กติกา ส่งรหัสใต้ฝา ทางมือถือ กด *494*รหัส# ระยะเวลาโปรโมชั่น ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2558
ในสมรภูมิเครื่องดื่มประเภทชาเขียว มีการแจกยังไม่พอ ยังมีการแข่งขันลดราคากันอย่างรุนแรงดังที่เราได้เห็นกันมา เช่น
- มิเรอิ ลดราคาทันทีขนาด 500 มล.ราคา 20 บาท เหลือ 16 บาท จึงส่งผลกระทบอิชิตันที่เพิ่งหมด
โปรโมชั่นลดราคาจาก 16 บาท เหลือ 14 บาท ในช่วงเดือน กรกฏาคม – สิงหาคม 2554
- คิริน ขายในเซเว่น อีเลฟเว่น ขนาด 350 มล. ขวดละ 15 บาท ขายคู่ 2 ขวด 22 บาท ช่วง
สิงหาคม – กันยายน 2554
- โออิชิ ซื้อสินค้าที่เซเว่น อีเลฟเว่น ครบ 40 บาท แลกซื้อโออิชิ 2 ขวด 25 บาท จากปกติขวดละ
20 บาท เหลือเพียงขวดละ 12.50 บาท ช่วงเดือน สิงหาคม – กันยายน 2554
- ทีเบรก ขาย 2 ขวดคู่จากราคา 30 บาท เหลือ 22 บาท เฉพาะในเซเว่นอีเลฟเว่น สิงหาคม –
กันยายน 2554
ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า ตลาดชาเขียว ในยุคปัจจุบัน จึงปิดตายสำหรับคู่แข่งรายเล็กๆ หรือ คู่แข่ง
ที่ไม่มีทุนหรือสายป่านยาวพอ อีกทั้งการแข่งขันกันในสงครามของราคา จะทำให้ยี่ห้อบางยี่ห้อต้องถูกออกจากการแข่งขันในที่สุด ซึ่งเหตุผลหลักๆก็คือ ต้นทุนสูงขึ้น ราคาถูกลง จึงทำให้กำไรน้อยลง และถ้าขายไม่ออกก็จะประสบกับภาวการณ์ขาดทุนในที่สุด
ฉะนั้น นักการตลาดมืออาชีพ จึงต้องหาทางออกให้กับสินค้าของตนเอง ก่อนที่จะประสบกับภาวะการขาดทุนหรือการออกนอกตลาด เช่น อาจจะต้องมีการขยายตลาดไปยังตลาดต่างประเทศ เหมือนเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อกระทิงแดงที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม , การขยายธุรกิจออกไปทำธุรกิจเครื่องดื่มประเภทอื่น โดยการสร้างแบรนด์ใหม่ๆหรือแบรนด์เดิม (กาแฟ , เครื่องดื่มชูกำลัง , น้ำผลไม้) , การสร้างนวัตกรรมสินค้าใหม่ๆออกมาเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายที่มีความแตกต่างกัน(เอาชาเขียวมาผสมกับเครื่องดื่มต่างๆ เช่น ชาเขียวผสมโซดา , ชาเขียวผสมน้ำผลไม้,ชาเขียวผสมเครื่องดื่มชูกำลัง) , การสร้างความหลากหลายในตัวของสินค้า(รสชาติ บรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย ขนาด รูปขวด ราคา) , การสร้างผลิตภัณฑ์ดื่มเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง , การสื่อสารเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อถือ เกิดการศรัธทา เกิดการบอกต่อ ฯลฯ
สิ่งที่กล่าวมานี้ จึงเป็นเรื่องที่นักการตลาดมืออาชีพ จะมองข้ามไม่ได้ ไม่ว่าท่านจะเป็นนักการตลาดในธุรกิจประเภทใด สิ่งที่ท่านจะต้องเจอก็คือ คู่แข่งขัน และถ้าเป็นการแข่งขันอย่างรุนแรง ท่านซึ่งเป็นนักการตลาด ท่านจะทำอย่างไรเพื่อเอาตัวรอดหรือให้ชนะคู่แข่งขัน
สุดท้ายนี้ จึง ฝากนักการตลาดไว่ว่า “ ความคิดมีความสำคัญมาก ท่านจงคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงสินค้า เปลี่ยนแปลงบริษัทอย่างไรให้เจริญขึ้น จงสร้างนวัตกรรมใหม่ๆขึ้น อย่ารอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก่อนแล้วจึงหาทางแก้ไข เพราะถ้าท่านรอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก่อนแล้วจึงลงไปแก้ไข ถึงตอนนั้นท่านอาจจะแก้ไขไม่ทันการณ์”
ถามว่า ทำไม บริษัท แอปเปิ้ล ของสตีฟ จอบส์ จึงประสบความสำเร็จ คำตอบก็เพราะว่า บริษัทแอปเปิ้ล ได้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดเวลา เขาจะไม่รอขายของเก่าหรือรอให้คู่แข่งตามทัน แต่คู่แข่งต่างหากที่ต้องตามเขา


...
  
การจัดประชุมทีมในธุรกิจเครือข่าย
การจัดประชุมทีมในธุรกิจเครือข่าย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การจัดประชุมทีมในธุรกิจเครือข่ายมีความสำคัญมาก เพราะเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้ไว
ซึ่งการประชุมทีมจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อหลายฝ่าย เช่น เกิดความรัก ความสามัคคีกันในองค์กรธุรกิจเครือข่าย , เป็นการสร้างผู้นำ , เป็นการพัฒนาตนเอง , เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน เป็นต้น
สำหรับการจัดประชุมทีมที่ดีนั้น เราควรมีขั้นตอนในการประชุม ดังนี้
1.มีการเปิดประชุม แล้วให้พิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการ ได้ให้ทุกคนทำการรู้จักกันโดยการแนะนำตัวทีละคนเพื่อสร้างความเป็นกันอีก และความกล้าแสดงออก
2.มีการจัดเกมส์หรือกิจกรรม เพื่อละลายพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมประชุม อีกทั้งเป็นการสร้างความสนุกสนาน สร้างบรรยากาศให้มีความสนุกยิ่งขึ้น
3.มีการฝึกให้สมาชิกที่เข้าร่วมประชุม ได้มีโอกาสนำเสนอสินค้าที่ขายหรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการขาย ต่อที่ประชุม อย่างน้อย 2-3 คน สินค้า 2-3 ประเภท
4.มีการสอดแทรกเนื้อหาทางวิชาการ เพื่อให้ความรู้ แก่ผู้เข้าร่วมประชุม เช่น เทคนิคการชักชวนหรือเทคนิคการสปอนเซอร์ , เทคนิคการขายสินค้า , เทคนิคในการตอบข้อโต้แย้ง เป็นต้น
5.มีการเสริมกำลังใจให้ทีม เช่น มีการจัดการแข่งขัน , มีการจับฉลากโดยการหาของรางวัลมามอบให้สำหรับผู้เข้าร่วมประชุม , มีการมอบรางวัลสำหรับผู้ชนะในการแข่งขันประเภทต่างๆ ฯลฯ
6.มีการปิดประชุม ด้วยความประทับใจ อีกทั้งต้องมีการนัดหมายในการประชุมในครั้งต่อไป ซึ่งการจัดประชุมทีมที่ดีควรจัดอย่างสม่ำเสมอ และควรจัดทุกๆ 1 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง
สำหรับผู้ที่ทำหน้าที่พิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการ ควรดำเนินรายการอย่างสนุกสนาน ตื่นเต้น มีอารมณ์ขันสอดแทรก แต่งกายให้เป็นมืออาชีพ มีการเชื่อมโยงแต่ละรายการอย่างราบรื่น
สำหรับผู้ที่นำเสนอสินค้า ต้องพยายามศึกษารายละเอียดของสินค้า ศึกษาจุดเด่นของสินค้าของตนเอง พยายามเล่าความประทับใจในตัวสินค้า ประสบการณ์ด้านการขายสินค้า
สำหรับนักธุรกิจเครือข่ายใหม่ ที่เข้ามาประชุม เราควรบอกถึงความสำคัญของการมาประชุม อีกทั้งต้องแนะนำนักธุรกิจเครือข่ายใหม่ ให้ได้รู้จักเพื่อนร่วมอาชีพ อีกทั้งต้องบอกกฎระเบียบในการประชุมโดยเฉพาะเรื่องของเวลา และควรเปิดโอกาสให้นักธุรกิจเครือข่ายใหม่ได้แสดงออกมากขึ้น
สำหรับการประชุมแต่ละครั้ง ผู้ดำเนินการจัดการประชุม ควรเช็คระบบเสียง แสง อุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม ก่อนการประชุม เช่น สินค้าสำหรับสาธิต , VCD สำหรับนำเสนอ , ระบบแอร์ควรเปิดสักพักก่อนมีการประชุม เป็นต้น
การจัดประชุมทีมที่ดี เราควรมีการผลัดเปลี่ยนกัน ทำหน้าที่ประธานเปิดการประชุมและปิดการประชุม เราควรพลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่พิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการ และเราควรพลัดเปลี่ยนกันในการนำเสนอสินค้าหรือให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ การจัดประชุมทีมมีความสำคัญและจำเป็นก็จริง แต่ก็ยังมีนักธุรกิจเครือข่ายจำนวนมากที่ไม่อยากเข้าร่วมประชุม อาจเนื่องมาจากความขี้เกียจในการเดินทางหรือเหนื่อยอยากพักผ่อนมากกว่า บางคนก็ไม่อยากฟังเรื่องเก่าๆ ซ้ำๆ บางคนก็เลือกวันเวลาเข้าเนื่องจากต้องการฟังบางหัวข้อ บางคนเมื่อไม่เห็นทีมงานเข้าก็ไม่อยากเข้า เป็นต้น
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การจัดประชุมทีมในธุรกิจเครือข่าย มีความสำคัญและมีความจำเป็นอย่างมาก การจัดประชุมจะทำให้เกิดผลดีต่างๆ เช่น ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับข้อมูลข่าวสารของทางบริษัท การประชุมยังช่วยปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อการทำงานด้านธุรกิจเครือข่าย เกิดโอกาสทางการศึกษากล่าวคือได้รับความรู้ใหม่ๆมากขึ้น ทำให้เรารู้จักสังคมใหม่ๆเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเกิดทักษะในการทำงาน เป็นต้น

...
  
การขายทางโทรศัพท์
การขายทางโทรศัพท์
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การขายทางโทรศัพท์มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันและมีประโยชน์หลายอย่างเช่น
ทำให้ประหยัดเวลาแทนที่นักขายจะต้องเดินทางไปขายของตามร้านค้าหรือสถานที่ต่างๆ ซึ่งทำให้ต้องเสียเวลาในการเดินทางเป็นหลายชั่วโมง กว่าจะไปได้ในแต่ละแห่งแต่หากนักขายใช้ประโยชน์จากการขายทางโทรศัพท์เป็น จะทำให้นักขายผู้นั้นประหยัดเวลาไปได้มากทีเดียว , ทำให้ลดค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมัน ค่ากิน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ , ช่วยในการวางแผนงาน การติดต่อนัดหมาย การวางแผนงานขาย เป็นต้น
สำหรับการเริ่มต้นการขายผ่านทางโทรศัพท์ นักขายควรเริ่มจากการคัดรายชื่อผู้ที่เราต้องการติดต่อหรือขายทางโทรศัพท์ให้ได้อย่างน้อยสัก 40 ชื่อ อีกทั้งควรทำแบบฟอร์ม ตารางต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการทำงาน ซึ่งมีรายละเอียด ข้อมูล เพื่อใช้ในการทำงาน เช่น มีชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ผู้แนะนำ ช่องเวลาที่ติดต่อขายทางโทรศัพท์ ช่องเวลาสำหรับนัดหมาย ช่องหมายเหตุ ฯลฯ
สำหรับการขายผ่านโทรศัพท์ นักขายควรหาที่เงียบๆ ปราศจากการรบกวน หรือการถูกขัดจังหวะ หากว่ามีหูฟังแบบพนักงานที่ให้บริการทางโทรศัพท์ใช้ยิ่งดี เพราะจะทำให้นักขายทำงานได้สะดวก รวดเร็วขึ้น อีกทั้งนักขายควรมีการฝึกซ้อมการพูดขายทางโทรศัพท์ หรือ เขียนบทการขายทางโทรศัพท์ไว้ก่อนก็จะทำให้นักขายทำงานขายทางโทรศัพท์ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเตรียมข้อมูลที่ลูกค้ามักถามบ่อยๆ และเราก็ใช้ตอบบ่อยๆ
ในการขาย นักขายที่ดีควรรู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ ว่าเวลาไหนควรขาย ไม่ควรขาย หากว่าลูกค้าไม่ว่างหรือยุ่งหรือไม่อยากรับฟังจริงๆ ก็ไม่ควรเสนอขาย เพราะจะทำลูกค้าไม่สนใจซื้อสินค้า อีกทั้งยังสร้างความน่ารำคาญให้แก่ลูกค้าอีกด้วย
แต่หากลูกค้ามีความสนใจซื้อ นักขายก็ควรรับฟังปัญหาของลูกค้าด้วยความตั้งใจ เพื่อที่จะใช้เป็นข้อมูลในการนำเสนอสินค้าของเราเพื่อแก้ปัญหาของลูกค้า สำหรับการให้ข้อมูล นักขายไม่ควรให้ข้อมูลที่มากจนเกินไป ควรพูดเรื่องยากๆให้เข้าใจง่าย เพราะเวลาของลูกค้าเป็นของที่มีค่า ลูกค้าจะไม่ยอมรับฟังข้อมูลทั้งหมดของสินค้า ควรพูดอธิบายให้กระชับ
นักขายทางโทรศัพท์ที่ดี ต้องเป็นนักฟังมากกว่าพูด ฟังเพื่อวิเคราะห์ปัญหาของลูกค้า ฟังเพื่อจับประเด็นสำคัญๆ ก่อนยกหูโทรศัพท์เพื่อเสนอขายควรเตรียมตัวก่อน เช่น ไม่อมอะไรอยู่ในปาก ไม่สูบบุหรี่ ตรวจดูอารมณ์ของตนเองก่อนเสนอขาย เพราะหากนักขาย เหนื่อยอ่อน ไม่มีพลัง หรืออารมณ์ไม่ดีก็ไม่ควรเสนอขาย เนื่องจากอารมณ์ของนักขายที่ไม่ดีมักจะสื่อไปถึงลูกค้าด้วย
สิ่งที่ควรทำในขณะการขายทางโทรศัพท์ นักขายควรนั่งตัวตรง ยิ้ม มีกระจกไว้ด้านหน้าใบหน้า ทำอารมณ์ให้ดีในขณะการขาย ควรมีสมุดบันทึก ปากกา ข้อมูลต่างๆสำหรับใช้ในการตอบข้อสักถามของลูกค้า วางไว้ข้างโต๊ะเพื่อใช้ในการบันทึกข้อมูลต่างๆและตอบคำถาม ควรพูดด้วยความกระตือรือร้น พูดด้วยความมั่นใจ หากเป็นไปได้ นักขายควรฝึกขายทางโทรศัพท์กับเพื่อนๆหรือคนรู้จักก่อนเพื่อสร้างความมั่นใจ อีกทั้งควรพูดชื่อของลูกค้าบ่อยๆ เพื่อทำให้ลูกค้าทราบว่าเราให้ความสำคัญกับลูกค้า และหากว่าลูกค้าติดโทรศัพท์อีกสายหรือมีโทรศัพท์ให้รับหลายสาย เราไม่ควรรอเพราะจะทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่าย
สำหรับเวลานัดหมายลูกค้า ควรนัดหมายให้ชัดเจน เช่น คุณลูกค้าสะดวก 10 โมง หรือ 11 โมง ดีครับ ไม่ใช้คำว่า คุณลูกค้าสะดวก 10 โมงกว่าๆ หรือ ราวๆ 11 โมง ดีค่ะ นักขายบางรายที่ขาดประสบการณ์ถึงกับนัดหมาย คุณลูกค้าสะดวก 10:09 หรือ 11: 49 ดีค่ะ
ที่สำคัญธรรมชาติของงานขายทุกประเภท ต้องได้รับการถูกปฏิเสธการซื้อจากลูกค้า ไม่เว้นแม้กระทั่งการขายผ่านทางโทรศัพท์ ดังนั้น เมื่อขายลูกค้ารายแรกไม่ได้ นักขายไม่ควรจิตตก ควรเสนอขายต่อไป ไม่ควรท้อแท้ใจ แต่ควรทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด
ฉะนั้น การขายทางโทรศัพท์จึงเป็นทั้ง ศาสตร์และศิลปะที่สามารถเรียนรู้ ฝึกฝน พัฒนาได้ หากว่านักขายได้มีการฝึกฝนทักษะนี้อยู่บ่อยๆ และเป็นประจำก็จะสามารถสร้างยอดขายได้มากมาย






...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.