หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  
  -  
  -  ระบบ P.K.S.C กับนักขาย
  -  การพัฒนาบุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
  -  อยากสำเร็จต้อง.
  -  ธุรกิจเครือข่ายโอกาสทางธุรกิจ
  -  การพูดเพื่อขาย
  -  ขายตัวคุณเองก่อน....แล้วจึงขายของ...
  -  ความล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่าย
  -  การจัดการเวลา
  -  การสร้างชื่อให้เป็นที่ยอมรับของตลาด
  -  ความสำเร็จเริ่มต้นที่ความกล้า
  -  ใช้ชีวิต...ให้เต็มชีวิต...
  -  การตลาดยุคใหม่ : Modern Marketing
  -  การตลาดยุคใหม่ : นักการตลาดยุคใหม่
  -  Brand Experience
  -  การตลาดรุ่ง เราต้องมุ่งที่การสร้างความสัมพันธ์
  -  ครบเครื่องเรื่องการสื่อสารการตลาด
  -  การตลาดขั้นเทพ
  -  แนวความคิดทางการตลาด ยิ่งให้ยิ่งได้ ของมหาเศรษฐีโลก
  -  การตลาดของมหาเศรษฐีโลก
  -  สามก๊กกับกลยุทธ์การตลาด
  -  ธุรกิจเล็กชนะธุรกิจใหญ่
  -  การตลาดของมหาเศรษฐี
  -  แนวคิดเกี่ยวกับเวลา
  -  ธรรมชาติของงานบริการ
  -  อาวุธทางการตลาดคือการสร้างไอเดีย
  -  กลยุทธ์การตลาด 10 P สำหรับนักธุรกิจ
  -  การสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ทางด้านการตลาด
  -  จงเข้าใจการตลาด...ก่อนลงมือทำการตลาด
  -  Attraction Marketing การตลาดแบบดึงดูด
  -  Celebrity Marketing
  -  อาวุธทางการตลาด การสร้างแบรนด์
  -  คุณสมบัตินักขายมืออาชีพ
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

...
  

...
  
ระบบ P.K.S.C กับนักขาย
ระบบ P.K.S.C กับนักขาย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

ผู้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนักขายเขาจะเป็นนักเรียนรู้ ซึ่งจำเป็นจะต้องเรียนรู้ทั้งทฤษฏี และ มีการเรียนรู้จากการฝึกปฏิบัติจริง ซึ่งในปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร นักขายจึงสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา เพราะวิชาการต่างๆ มีการพัฒนาขึ้น ในตอนนี้เรามาเรียนรู้หลักการของ P.K.S.C ซึ่งหลักการมีดังนี้
P = POSSITIVE ATTITUD ทัศนคติที่ดี
การจะเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จ การมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับงานขายมีความสำคัญมาก ถ้านักขายมีทัศนคติในทางบวก ก็จะทำให้นักขายเกิดแรงกระตุ้นที่มีพลัง มีความกล้าที่จะเสนอขายสินค้า มีความขยันในการทำงานขาย ในทางกลับกัน หากนักขายมีทัศนคติในทางลบ ก็จะทำให้นักขายผู้นั้นเกิดการท้อแท้ใจ ไม่กล้าที่จะเสนอขายสินค้า เช่น ถ้านักขายคิดแต่เรื่องของผลประโยชน์ต้องการเอาแต่ค่าคอมมิชชั่น พอถูกปฏิเสธจากลูกค้ามากๆ นักขายก็จะหมดกำลังใจในการทำงานด้านการขาย ดังเช่น ตัวแทนขายประกันชีวิต บางคนต้องการขายประกันชีวิตเพื่อที่จะเอาเงินลูกค้า เมื่อคิดอย่างนี้ก็เกิดความเกรงใจลูกค้า ไม่กล้าที่จะนำเสนอการขายประกันชีวิต แต่ถ้าตัวแทนประกันชีวิตที่มีทัศนคติที่ดี ก็จะคิดใหม่ว่าถ้าเกิดลูกค้าไม่ทำประกันชีวิตถ้าเกิดลูกค้าตายไปแล้วใครจะเดือดร้อน แล้วลูกและภรรยาของเขาจะหาเงินมาจากไหนเพื่อใช้จ่ายในสิ่งต่างๆ แต่ถ้าหากลูกค้าประกันชีวิตท่านนั้นซื้อประกันชีวิตจากเราเป็นวงเงิน 1,000,000 บาท เมื่อลูกค้าตายไป ลูกและภรรยาก็สามารถนำเงิน 1,000,000 บาท มาใช้จ่ายในครอบครัวได้
K = KNOWLEDGE ความรู้
นักขายที่ประสบความสำเร็จในอาชีพงานขาย จำเป็นจะต้องหาความรู้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่เกี่ยวกับตัว สินค้า บริการ บริษัท สัญญาต่างๆ (ทั้งของตัวเราและของคู่แข่ง) ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องมือต่างๆ ที่สามารถทำให้นักขายเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เช่น หนังสือ cd vcd dvd วิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ ฉะนั้น ถ้าต้องการเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จในอาชีพงานขาย จะต้องเป็นคนที่อ่านหนังสือต่างๆมากๆ ฟังข่าวสารข้อมูลของบริษัทและวิชาการต่างๆให้มากๆ ซักถามนักขายรุ่นพี่ๆที่มีประสบการณ์ในการขายมากๆ เมื่อนักขายมีความรู้มาก นักขายก็จะเกิดความมั่นใจในการขาย
S = SKIL ทักษะ ความชำนาญ
นักขายที่ประสบความสำเร็จ เมื่อมีทัศนคติที่ดี คิดบวก ต่ออาชีพการขาย แล้วมีการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการขาย ยังไม่พอ นักขายที่ประสบความสำเร็จจะต้องแสวงหาความชำนาญ ทักษะในด้านการขาย การแสวงหาความชำนาญ หรือทักษะในการขาย ไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากการ ขาย ขาย และก็ขาย ดังนั้นนักขายจะต้องหมั่นออกตลาด เพื่อพบปะพูดคุยกับลูกค้า พร้อมทั้งเสนอขายสินค้าและบริการ ความชำนาญ เกิดจากการฝึกฝน การที่เราฝึกฝน ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกก็จะเกิดความชำนาญนั้นเอง และครูที่ดีของนักขายก็คือ ตัวของลูกค้านั้นเอง
C = CONTROL การควบคุม
การควบคุมมีความสำคัญมากในการทำงานทุกอย่าง การทำงานด้านการขายก็เช่นกัน หากนักขายวางแผนจะไปพบลูกค้าจำนวน 60 รายต่อเดือน เท่ากับ 2 รายต่อวัน ถ้าปราศจากการควบคุมตนเอง เป้าหมายตามแผนที่วางไว้ก็ไปไม่ถึงฝั่ง อีกทั้งนักขายที่ดีจะต้องมีการควบคุมตนเองในเรื่องต่างๆ จึงจะประสบความสำเร็จในอาชีพด้านการขาย เช่น ควบคุมตนเองในเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ควบคุมความประพฤติของตนเองไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง ควบคุมบุคลิกภาพของตนเองให้ดูดีในการไปพบปะพูดคุยกับลูกค้า
หลักการ P.K.S.C เป็นหลักการที่นักขายควรนำไปใช้และปฏิบัติเพื่อใช้ในการพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จในการเป็นนักขายมืออาชีพ
...
  
การพัฒนาบุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
การพัฒนาบุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าแวดวงการเมือง แวดวงธุรกิจ แวดวงการศึกษา และแวดวงต่างๆ มักจะมีความเป็นผู้นำ มักจะมีความรู้ ความสามารถ กล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงออก อีกทั้งยังคงเป็นบุคคลที่มีบุคลิกภาพที่ดี
ในบทความชิ้นนี้ เราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเรื่อง “ การพัฒนาบุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ ”
บุคลิกภาพ หมายถึง ลักษณะเฉพาะของบุคคลที่แสดงปรากฏออกมายังภายนอก ซึ่งบุคลิกภาพมีทั้งบุคลิกภาพภายใน คือ ความรู้สึก อารมณ์ ความฉลาด ความจริงใจ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความคิดริเริ่ม และ บุคลิกภาพภายนอก คือ การแต่งกาย ท่านั่ง ท่ายืน รูปร่างหน้าตา ทรงผม การปรากฏตัว การใช้น้ำเสียง การพูด
ทำไมเราต้องมีการพัฒนาบุคลิกภาพ เพราะการพัฒนาบุคลิกภาพจะทำให้เป็นที่ยอมรับในสังคม ใครเห็นก็รู้สึกประทับใจ อีกทั้งทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีทั้งต่อตนเองและองค์กรที่ตนสังกัด
สำหรับการพัฒนาบุคลิกภาพ เราต้องมีการพัฒนาบุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอก
การพัฒนาบุคลิกภาพภายนอกที่จำเป็นต้องพัฒนา ได้แก่ การแต่งกาย มารยาทสังคม
การแต่งกายที่ดี ควรยึดหลัก สะอาด สวยงาม สุภาพเรียบร้อยและเหมาะกับกาลเทศะ
สะอาด คือ ต้องสะอาดทั้งร่างกายและเครื่องแต่งกายก็มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผม เสื้อผ้า รองเท้า กลิ่นปาก กลิ่นตัว เล็บ ถุงเท้า
สวยงาม คือ การแต่งกายควรเพิ่มสีสันโดยประมาณไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ควรมีเครื่องประทับเล็กน้อยประกอบการแต่งกายไม่ว่าจะเป็น นาฬิกา ปากกาถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรเกิน 2 ด้าม ตุ้มหู การทาปาก แต่งหน้า เป็นต้น
สุภาพเรียบร้อยและเหมาะกับกาลเทศะ กล่าวคือ แต่งกายให้เหมาะสมกับงานหรือสถานที่ที่จะไปร่วม สีเสื้อให้เหมาะสม เช่นไปงานศพ ก็ไม่ควรใส่เสื้อสีแดง (งานศพทั่วไปควรแต่งกายสุภาพ ใส่ชุดเสื้อดำ แต่หากเป็นพิธีงานศพที่สำคัญ เช่นมีหมายกำหนดการ ควรแต่งกายสากลไว้ทุกข์ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว เนคไทดำ สวมรองเท้าดำหุ้มส้น) ถ้าไปโรงแรมชั้นหนึ่งเราก็สามารถใส่ชุดสูทเข้าร่วมงานได้ แต่หากไปร่วมงานประเพณีตามสถานที่ต่างจังหวัด ตามท้องทุ่งนา ก็ไม่ควรใส่ชุดสูทไป ควรใส่เสื้อผ้าพื้นเมือง หรือชุดไทยไปจะเหมาะสมกว่า (ในปัจจุบันชุดไทยมีหลากหลายเราต้องควรศึกษาเพื่อใช้ในงานต่างๆให้เหมาะสม เช่น ชุดไทยประจำชาติ ชุดไทยจักรี ชุดไทยดุสิต ชุดไทยประยุกต์ ชุดไทยจิตรลดา เป็นต้น)
ดังนั้น การพัฒนาบุคลิกภาพ การแต่งกายจึงมีความสำคัญดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า “ ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” เพราะการแต่งกายที่ดีจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและสามารถสื่อสารได้ การแต่งกายก็เหมือนหีบห่อของผลิตภัณฑ์หรือตัวสินค้า เช่น กล่องยาสีฟัน กล่องสบู่ กล่องขนม หากการแต่งกายสะอาด ดูดี สวยงาม เหมาะสม ก็จะเป็นการเพิ่มมูลค่าภายในของผู้แต่งกาย
มารยาททางสังคมก็มีความสำคัญในการพัฒนาบุคลิกภาพ เนื่องจากทุกประเทศมีมารยาทสังคมที่แตกต่างกัน หรือในประเทศเดียวกันก็ยังมีประเพณีท้องถิ่น ภาษาถิ่น ดังนั้นเราต้องเรียนรู้กัน
มารยาททางสังคมสำหรับสังคมไทยที่ควรรู้ก็คือ การทักทาย การไหว้ การใช้โทรศัพท์ การพูดคุย การนั่ง การยืน กับผู้ใหญ่ การซื้อขอฝากตามเทศกาลต่างๆ การใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารร่วมกัน การไม่โทรศัพท์หรือพูดคุยกันในห้องประชุม ฯลฯ
ดังนั้น หากท่านต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตหรือในหน้าที่การทำงาน ท่านควรพัฒนาตนเองหลายๆด้าน การพัฒนาบุคลิกภาพก็เป็นด้านหนึ่งที่ท่านควรพัฒนาเพราะการพัฒนาบุคลิกภาพจะนำพาท่านสู่ความสำเร็จ







...
  
อยากสำเร็จต้อง.
อยากสำเร็จต้อง...
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในแวดวงต่างๆ มักเป็นบุคคลที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตนเองอยู่เสมอ ฉะนั้นหากท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านจึงต้องควรมีการเปลี่ยนแปลงตนเอง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ท่านจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงตนเองหลายด้าน สำหรับบุคคลที่ประสบความสำเร็จมักเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้
1.ท่านต้องเป็นคนที่มี “ เป้าหมายชัดเจน ” อีกทั้งควรเขียนเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร เขียนเพื่อให้จดจำ การเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร หรือ วางเป้าหมายเป็นภาพต่างๆ แล้วติดตามโต๊ะทำงาน ห้องนอน ห้องน้ำ ฯลฯ จะทำให้เราเกิดการจดจำได้มากกว่า การมีเป้าหมายแล้วไม่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
2.ท่านต้องเป็นคนที่ “ ทำสม่ำเสมอ ” เมื่อมีการวางเป้าหมายแล้ว หากไม่ลงมือทำ เป้าหมายนั้นก็จะไม่มีความหมายหรือเกิดผลสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งสำคัญก็คือ ต้อง ททท.(ทำทันที) ไม่ต้องรอช้า วางแผนงานแล้วลงมือทำทันที มิใช่นั้น ความสำเร็จก็จะไม่บังเกิด
3.ท่านต้องเป็นคนที่ “ ชอบเข้าใกล้หรือชอบปรึกษาคนที่ประสบความสำเร็จ ” การเรียนรู้หรือคัดลอกจากต้นแบบจะทำให้เราลดเวลาในการเดินทางไปสู่เป้าหมาย เช่น หากเราอยู่ต่างจังหวัดเราจะเดินทางไปกรุงเทพฯ (ครั้งแรกโดยรถยนต์ส่วนตัว) หากเราไม่ถามทางคนที่เคยไปกรุงเทพฯมาแล้ว เราลองเดินทางไปเอง เราอาจหลงทาง เสียเวลา แต่หากเราถามคนที่เคยไปมาแล้ว ก็จะทำให้เราไม่หลงทางถึงกรุงเทพฯ ไวยิ่งขึ้น อีกทั้งประหยัดน้ำมันหรืองบประมาณอีกด้วย
4.ท่านต้องเป็นคนที่ “ชอบการเปลี่ยนแปลง ” คนเรามักไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่คนเราจะเจริญก้าวหน้าด้วยการเปลี่ยนแปลง หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จในอาชีพต่างๆ ท่านควรเป็นผู้ที่มีแนวความคิดในการเปลี่ยนแปลง มีความคิดในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
5.ท่านต้องเป็นคนที่ “ ชอบเรียนรู้อยู่เสมอ” โลกยุคปัจจุบันเป็นโลกยุคของข้อมูลข่าวสาร ยุคของความรู้ ซึ่งบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จจะต้องเป็นนักเรียนรู้อยู่เสมอ สามารถนำข้อมูลข่าวสาร ความรู้ต่างๆ มาใช้ประโยชน์ในงานอาชีพของตนเองได้
6.ท่านต้องเป็นคนที่ “ รู้จักใช้ เทคโนโลยี เครื่องมือ อุปกรณ์ ต่างๆ ช่วย ” โลกยุคปัจจุบันรวมทั้งโลกในอนาคต เทคโนโลยี เครื่องมือ อุปกรณ์ ต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญ ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักต้องรู้จักใช้เครื่องมือ เทคโนโลยี อุปกรณ์ต่างๆเข้าช่วย การใช้เทคโนโลยี เครื่องมือ อุปกรณ์ จะเป็นการลดต้นทุน ลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการทำงาน เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือช่วยในการชำระเงิน ช่วยบอกทาง ช่วยรับข้อมูลข่าวสาร ช่วยปลุก ช่วยเตือนงาน ฯลฯ
7.ท่านต้องเป็นคนที่ “ แตกต่าง ” หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการความสำเร็จ ท่านควรมีความแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป คนที่ประสบความสำเร็จหลายๆ คนมักคิดแตกต่างจากคนอื่น ทำอะไรๆ ที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เช่นการแต่งกาย ทรงผม บุคลิก การพูดจา ฯลฯ
8.ท่านต้องเป็นคนที่ “ เริ่มต้น ” หากท่านอ่านมาถึงข้อความตรงนี้แล้ว หากท่านไม่เริ่มต้นทำหรือเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ความสำเร็จก็คงไม่เกิดขึ้นกับท่าน แต่หากท่านต้องการความสำเร็จจงเริ่มต้นทำ ระยะทางถึงแม้จะไกลแสนไกล หากเราไม่เริ่มต้นเดินก้าวแรกเราก็จะไม่มีวันไปถึงเป้าหมายปลายทาง
โดยสรุป อาจกล่าวได้ว่า ปัจจัยที่ทำให้คนประสบความสำเร็จมีอีกหลายปัจจัยที่กระผมยังไม่ได้กล่าวถึง แต่สิ่งที่สำคัญ หากเราอ่าน เราศึกษาแล้ว แต่เราไม่นำเอาไปปฏิบัติ ความสำเร็จก็ยากที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จ ท่านคงต้องลงมือปฏิบัติ อีกทั้งต้องคอยควบคุม ตรวจสอบ อยู่เสมอ ก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จดังเช่นคนที่ประสบความสำเร็จ ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้เพียงแต่เราไม่ได้ลงมือทำมัน



...
  
ธุรกิจเครือข่ายโอกาสทางธุรกิจ
ธุรกิจเครือข่ายโอกาสทางธุรกิจ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ธุรกิจเครือข่ายเกิดขึ้นมากมายในยุคปัจจุบัน ซึ่งความสวยงามของธุรกิจเครือข่ายมีมากมาย เช่น เป็นธุรกิจของตัวเอง , เป็นธุรกิจแห่งการแบ่งปัน ,เป็นธุรกิจแห่งการเป็นอิสรภาพ และเป็นธุรกิจในการเปิดโอกาส
- ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจของตัวเอง หมายถึง ใครที่มีเงินทุนน้อย สามารถเข้ามาศึกษาเรียนรู้และเป็นเจ้าของ
กิจการธุรกิจเครือข่ายร่วมกัน ไม่มีนายเจ้าไม่มีลูกจ้าง ไม่ต้องลงเวลาทำงาน มีความเสี่ยงน้อย มีระบบให้สามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งธุรกิจเครือข่ายหลายแห่งยังสามารถเป็นมรดกตกทอดให้แก่ลูกหลานได้ด้วย
- ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งการแบ่งปัน หมายถึง คนที่ประสบความสำเร็จมักมาบอกเล่าเรื่องราว วิธีการ
ทำงานให้แก่ คนที่เข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่ายใหม่ๆ อีกทั้งมีการแบ่งปันเวลาให้ความช่วยเหลือ เมื่อลูกทีมหรือหัวหน้าทีมต้องการความช่วยเหลือ เป็นการแบ่งปันรายได้ แบ่งปันโอกาสทางธุรกิจให้แก่คนอื่นๆ
- ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งการเป็นอิสรภาพ หมายถึง เมื่อท่านทำงานหนักในช่วงแรก แล้วประสบ
ความสำเร็จ ท่านจะได้ไปท่องเที่ยว อีกทั้งมีรายได้ที่ไร้ขีดจำกัดเนื่องจากลูกทีมในเครือข่ายของท่านทำงาน อีกทั้งท่านจะมีอิสรภาพทางด้านเวลา
- ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งการเปิดโอกาส หมายถึง เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษาในการสมัครทำ
ธุรกิจ ท่านไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรี หรือจบปริญญาเอก เหมือนตอนไปสมัครทำงาน แต่หากใครสมัครเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย ต้องเริ่มนับหนึ่งเหมือนกันหมด อีกทั้งเมื่อประสบความสำเร็จท่านจะได้รับการยกย่องเชิดชูจากคนในองค์กรหรือคนในธุรกิจเครือของท่าน
แต่อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ธุรกิจเครือข่าย ท่านจำเป็นจะต้องมีการคัดเลือก หลักในการคัดเลือกบริษัทเครือข่ายมีดังนี้
1.ความมั่นคงของบริษัท มีความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ เนื่องจากหลายบริษัทไม่มีความมั่นคง ไม่มีความน่าเชื่อถือ เมื่อดำเนินธุรกิจเครือข่ายไปสักระยะหนึ่ง ก็มีการปิดตัว ซึ่งทำให้สิ่งที่เราลงทุนลงแรงลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา เงินทอง ค่าใช้จ่ายต่างๆ เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ อีกทั้งต้องเสียความรู้สึกอีกด้วย
2.ความเป็นมืออาชีพของนักบริหาร หากว่านักบริหารของบริษัทในธุรกิจเครือข่ายขาดประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจก็จะทำให้ธุรกิจเครือข่ายนั้นๆ เจริญเติบโตได้ช้ามาก แต่หากนักบริหารมีประสบการณ์ หากเกิดปัญหาต่างๆ ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
3.สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต้องเด่นและแปลกใหม่ ผลิตภัณฑ์หรือสินค้า มีความสำคัญมาก เนื่องจากธุรกิจเครือข่ายในยุคปัจจุบัน มักมีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกัน ส่วนใหญ่มักเป็น อาหารเสริม เครื่องสำอาง ของใช้ภายในบ้าน ซึ่งคุณสมบัติก็ไม่ต่างแตกกัน หากบริษัทหรือธุรกิจเครือข่ายใดมีสินค้าที่แตกต่าง แปลกใหม่ ก็จะได้รับการตอบรับ จากลูกค้าหรือผู้บริโภคได้มากกว่าสินค้าที่มีความคล้ายคลึงกัน
4.แผนการตลาดต้องโดน หมายถึง แผนการตลาดมีความสำคัญมากเช่นกัน เราต้องยอมรับว่าธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่ของใหม่สำหรับเมืองไทยอีกต่อไป เนื่องจากมีคนไทยเป็นจำนวนมากได้เข้าไปสัมผัสกับธุรกิจเครือข่ายหลายบริษัท อีกทั้งมีการหมุนเวียนกันในธุรกิจเครือข่าย กล่าวคือ เมื่อทำธุรกิจเครือข่ายนี้ไม่ประสบความสำเร็จหรือผลประโยชน์ได้น้อยก็เปลี่ยนไปทำธุรกิจเครือข่ายอีกบริษัทหนึ่ง ดังนั้น แผนการตลาดต้องโดนใจ ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเครือข่าย
5.ระบบของบริษัทต้องดี ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่เน้นเรื่องระบบ ฉะนั้น บริษัทที่ทำธุรกิจเครือข่าย ไม่ควรเปลี่ยนระบบบ่อย เช่น ทำไปสักระยะหนึ่งก็เปลี่ยนแผนการตลาดใหม่ หรือ ระบบอินเตอร์เน็ต ระบบออนไลน์ต่างๆ ไม่มีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้เกิดผลเสียแก่บริษัท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาพพจน์ ฯลฯ
ฉะนั้น ธุรกิจเครือข่ายมีความหลากหลาย มีความสวยงามก็จริงอยู่ แต่ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการสมัครหรือทำธุรกิจเครือข่ายควรต้องระมัดระวัง ควรเลือกบริษัทในการทำธุรกิจเครือข่าย เพราะหากท่านเลือกธุรกิจเครือข่ายผิด ก็จะทำให้ท่านเสียใจในภายหน้าได้ เนื่องจาก ในแต่ละปีมีธุรกิจเครือข่ายปิดตัวเป็นจำนวนมาก
...
  
การพูดเพื่อขาย
การพูดเพื่อขาย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การพูดเพื่อขายเป็นการพูดให้ผู้ฟังเกิดความคล้อยตาม เป็นการชักจูงใจให้ผู้ฟังเกิดการซื้อสินค้า บริการ หรือชักชวนให้ผู้ฟังมาทำธุรกิจเครือข่าย ซึ่งผู้พูดต้องอาศัยการฝึกฝน ประสบการณ์ จากตำราและการทำงานขายภาคสนามจริงๆ
สำหรับการพูดเพื่อขาย สิ่งที่ผู้พูดควรแสวงหา ควรเรียนรู้ เพื่อนำมาประกอบการพูดเพื่อขายคือ
1.ข้อมูลต่างๆ ที่ผู้พูดควรรู้ เช่น
- รู้บริษัท กล่าวคือต้องรู้ประวัติของบริษัท รู้ระเบียบ กฎเกณฑ์ การแข่งขันภายในของบริษัท นโยบาย ตลอดจนผู้บริหารบริษัทโดยเฉพาะคนที่สำคัญๆของบริษัท
- รู้สินค้า ต้องรู้ประเภทของสินค้า มีกี่แบบกี่สี กี่รุ่น วิธีการใช้ การดูแลรักษา
- รู้บริษัทคู่แข่ง ต้องรู้ว่าสินค้าประเภทเดียวกันสินค้าของเราบริษัทไหนเป็นคู่แข่ง เขาขายสินค้าราคาเท่าไร ถูกหรือแพงกว่าสินค้าของเรา
- รู้เกี่ยวกับตัวของลูกค้า ต้องรู้ว่าลูกค้าของเราคือใคร ชอบสินค้าประเภทไหน รู้เพื่อจะปรับวิธีการพูดเพื่อนำเสนอขายได้อย่างเหมาะสมกับตัวลูกค้า
2.เทคนิค ทฤษฏี ที่เกี่ยวกับการขาย กล่าวคือ ผู้พูดต้องศึกษา เรียนรู้ เทคนิคการขาย จากการอ่าน การอบรม การ
สัมมนาหรือสอบถามจากนักขายรุ่นพี่ การรู้จักเทคนิคการขาย จะทำให้ผู้พูดรู้จัก จังหวะในการพูด ว่าควรจะพูดอย่างไรเมื่อไร เช่น ขั้นตอนการขายมีอยู่ 4 ขั้น
คือ 1.ขั้นเปิดใจ 2.ขั้นถามปัญหา 3.ขั้นแก้ปัญหา 4.ขั้นปิดการขาย ฉะนั้น เมื่อเราทราบว่าขั้นตอนการขายมีอยู่ 4 ขั้น เราจะใช้คำพูดแต่ละขั้นที่แตกต่างกัน กล่าวคือ
ขั้นที่ 1 เปิดใจ เราควรพูดถึงสิ่งต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับตัวของสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ เป็นการพูดในเรื่องที่ผู้ฟังเกิดความสนใจ เรื่องที่ผู้ฟังเกิดความภาคภูมิใจ เรื่องที่ผู้ฟังอยากฟัง
ขั้นที่ 2 ขั้นถามปัญหา เป็นขั้นตอนที่ผู้พูดตั้งคำถามหรือถามปัญหาของลูกค้าเพื่อที่จะได้นำเอาสินค้าและบริการของเราไปช่วยแก้ปัญหา
ขั้นที่ 3 ขั้นแก้ปัญหา กล่าวคือผู้พูดต้องพูดนำเสนอสินค้าและบริการของเรา เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาให้แก่
ผู้ฟังหรือลูกค้า
และขั้นที่ 4 ขั้นปิดการขาย เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดในการพูดเพื่อขาย ผู้พูดจะต้องพูดจูงใจให้ผู้ฟังตัดสินใจซื้อ
สินค้าและบริการ
3.การพูดสาธิตสินค้า เป็นการพูดที่ต้องใช้อุปกรณ์ เครื่องมือ สื่อ สินค้าตัวอย่าง ประกอบ ควรพูดให้มีการลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน ควรพูดให้ผู้ฟังทราบถึงผลประโยชน์ของสินค้า หากต้องการเป็นมืออาชีพ ช่วงขั้นตอนในการสาธิตควรแนะนำชื่อผู้พูดสาธิต ทีมงาน แนะนำขั้นตอนเวลาใช้สินค้า เน้นย้ำประโยชน์ของสินค้า ความแตกต่างระหว่างสินค้าอื่นๆกับสินค้าของผู้พูด อีกทั้งควรพูดตอบคำถามอย่างมั่นใจ
การพูดเพื่อขาย ยังคงต้องคำนึงถึงสถานการณ์ ลักษณะของธุรกิจ เช่นการพูดเพื่อขายในธุรกิจเครือข่าย ยังต้องมีการพูดเพื่อขายธุรกิจ(ชักชวนคนมาร่วมทำธุรกิจเครือข่าย) , การพูดหน้าเวทีเพื่อสาธิตสินค้า , การพูดนำเสนอแผนการตลาด , การพูดคุยกับลูกทีมกับแม่ทีม , การพูดขายทางโทรศัพท์ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม การพูดเพื่องานขายมีความสำคัญอย่างมาก ผู้ที่ต้องการเป็นนักขายจึงต้องควรฝึกฝน เพื่อให้เกิดความชำนาญ เกิดประสบการณ์ เกิดทักษะ และจะทำให้ผู้พูดเกิดความมั่นใจในการพูด ไม่ประหม่า ไม่ตื่นเต้น บางคนฝึกฝนมาน้อยหรือนักขายหน้าใหม่ เมื่อพูดนำเสนอขายก็จะพูดวกไปวนมา จนผู้ฟังเกิดความสับสน น้ำเสียงในการพูดก็สั่นเครือ อีกทั้งการพูดเพื่อขายจะต้องใช้ความอดทน ความสุภาพ ความอ่อนน้อม และต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าอีกด้วย



...
  
ขายตัวคุณเองก่อน....แล้วจึงขายของ...
ขายตัวคุณเองก่อน....แล้วจึงขายของ...
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
สินค้าดี....ถ้าคนขายพูดไม่ดี...ก็ขายไม่ดี
สินค้าดีน้อยกว่า....แต่ถ้าคนขายพูดดี....สินค้านั้นก็ขายได้ดี
จากคำกล่าวข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า คนขายมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในอาชีพนักขาย เพราะถ้าคนขายมีบุคลิกภาพดี พูดจาดี มีความน่าเชื่อถือ มีความจริงใจ ก็มีโอกาสขายของได้มาก แต่ตรงกันข้ามถ้า คนขาย มีบุคลิกภาพที่ไม่ดี พูดจาไม่ดี ไม่มีความน่าเชื่อถือ ขาดความจริงใจ การประกอบอาชีพด้านการขายก็จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
การพัฒนาตัวเองของนักขายหรือคนขาย จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จในอาชีพการขาย เช่น
1.First Impression หรือการสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งตัว บุคลิกภาพ ลักษณะ นิสัย ท่าทาง การเดิน การนั่ง การพูดจา จะทำให้ลูกค้า “ ชอบ” หรือ “ ไม่ชอบ”
2.การเรียนรู้และศึกษาข้อมูลของสินค้า ของบริษัท เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นักขายหรือคนขายสินค้าจะละเลยเสียมิได้ เพราะจะทำให้ตอบคำถามหรือข้อมูลต่างๆกับลูกค้าด้วยความมั่นใจ และส่งผลให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจซื้อ
3.การบริการการขาย จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจในตัวนักขายหรือคนขาย ไม่ว่าจะเป็นการบริการก่อนการขาย ระหว่างการขายและหลังการขาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าเกิดการบอกต่อหรือแนะนำลูกค้าให้กับนักการขายต่อไป
4.จงเรียนรู้เทคนิคการขายหรือกระบวนการขาย ดังนี้ 4.1.การสรรหาลูกค้า 4.2.การเตรียมตัวเข้าพบลูกค้า 4.3.การเข้าพบลูกค้า 4.4.การเสนอขาย 4.5.การตอบข้อโต้แย้งในการขาย 4.6.การปิดการขาย
4.7.การติดตามหรือการบริการหลังการขาย
5.ฝึกการคิดบวก อาชีพการขายเป็นอาชีพหนึ่งที่ต้องถูกลูกค้าปฏิเสธการซื้อเป็นจำนวนมาก ในบางครั้งอาจทำให้นักขายหรือคนขาย ท้อแท้ ผิดหวัง หมดกำลังใจ การคิดบวกจะช่วยให้เกิดกำลังใจ และทำให้สามารถเดินในเส้นทางอาชีพนักขายต่อไปได้
6.มีความรักในการขายหรือชื่นชอบในอาชีพการขาย ความรักหรือความชอบ ทำให้บุคคลสามารถประกอบอาชีพนั้นไปได้อย่างยาวนาน แต่ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่มีความรักหรือความชอบในอาชีพหรือการทำงานในวงการนั้นๆ ก็มักจะทำไปด้วยความเบื่อหน่าย ดังนั้น ถ้าท่านอย่างประสบความสำเร็จในการเป็นนักขาย ท่านจะต้องรักหรือชอบ ในการขายหรืออาชีพนักขาย
7.ต้องดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ ต้องยอมรับว่า การทำงานทุกอย่าง บุคคลต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบุคคลจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ บุคคลนั้นจะต้องดูแลตนเองทั้งทางด้านร่างกายให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์และจิตใจ ต้องให้มีความร่าเริงแจ่มใส ไม่เคร่งเครียดกับการทำงานมากนัก
ดังนั้น ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จในอาชีพนักขาย ท่านจะต้องขายตนเองและพัฒนาตนเองเสียก่อน ก่อนที่จะนำเสนอขายสินค้าให้แก่ลูกค้า และข้อแนะนำข้างต้นเป็นสิ่งที่นักขายที่ต้องการประสบความสำเร็จควรที่จะนำไปฝึกปฏิบัติ
...
  
ความล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่าย
ความล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่าย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเครือข่าย มักมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ดีหลายๆอย่าง ซึ่งพวกเราสามารถหาอ่านได้ตามหนังสือ บทความทางสื่อต่างๆ แต่บุคคลที่ล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่ายมักมีการพูดถึงกันน้อย สำหรับบทความฉบับนี้ เราจะมาพูดถึงบุคคลที่ล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่ายว่าเป็นคนที่มีลักษณะอย่างไร
1.ไม่มีเป้าหมายในชีวิต บุคคลที่ล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่ายมักเป็นบุคคลที่ขาดการตั้งเป้าหมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายในเรื่องของตำแหน่งต่างๆ ในธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายในเรื่องของรถ บ้าน การท่องเที่ยว ที่ตนเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายในการขยายเครือข่าย ฯลฯ สำหรับการตั้งเป้าหมายที่ดีเราควรกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน อีกทั้งต้องกำหนดระยะเวลาในการไปถึงเป้าหมายด้วย
2.ขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน การทำธุรกิจเครือข่าย เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการขายและขยายเครือข่าย เป็นธุรกิจอิสระ ซึ่งเราไม่ต้องไปทำงานในสำนักงานเหมือนการทำงานประจำ ดังนั้น ผู้ที่ทำธุรกิจเครือข่ายจะต้องมีความกระตือรือร้น มีความรับผิดชอบ มีวินัยในการทำงาน เนื่องจากการทำธุรกิจเครือข่ายเราสามารถกำหนดเวลาทำงานได้ด้วยตนเอง
3.ไม่ออกไปชวนคน ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยคน เพื่อให้เกิดการซื้อใช้ เกิดการขาย เกิดการบอกต่อ คนที่ล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่ายมักเป็นคนที่ไม่ออกไปชวนคนมาร่วมทำธุรกิจ เมื่อไม่มีการชวนคนเข้าร่วม การขยายเครือข่ายก็ไม่เกิดขึ้น
4.ไม่เข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัท การทำธุรกิจเครือข่าย เรามีความจำเป็นจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัท เพื่อให้ทราบข้อมูล ข่าวสาร การแข่งขัน โดยเฉพาะการประชุม การสัมมนา หากท่านไม่ต้องการความล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่าย ท่านควรหาโอกาสเข้าร่วม ประชุม สัมมนา บ่อยๆ เท่าที่จะมีโอกาส เนื่องจากการเข้าประชุม สัมมนา จะทำให้เราเกิดไฟหรือความกระตือรือร้นในการทำงาน
5.ไม่ศึกษาตัวสินค้าของบริษัท การทำธุรกิจเครือข่าย นักธุรกิจเครือข่ายที่ดีต้องรู้จักรายละเอียดของสินค้า ประเภทของสินค้า คุณลักษณะพิเศษของผลิตภัณฑ์ ทั้งของคู่แข่งและของบริษัท เพราะหากเนื่องจากลูกค้าถาม นักธุรกิจเครือข่ายที่ดีจะต้องตอบและอธิบายได้ด้วยความมั่นใจ
6.ไม่ศึกษาแผนการตลาด การทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ นักธุรกิจเครือข่ายมีความจำเป็นจะต้องเขียนแผนการตลาด อธิบายแผนการตลาดของบริษัทได้ หากอธิบายหรือเขียนแผนการตลาดไม่ได้ ท่านก็ไม่สามารถขยายธุรกิจของท่านได้ ดังนั้นควรศึกษารายละเอียดของแผนการตลาดของบริษัทให้ถูกต้อง เมื่อถูกถามท่านก็สามารถตอบและอธิบายได้ด้วยความมั่นใจ
7.ไม่ติดต่อกับทีมงาน การทำธุรกิจเครือข่าย เป็นการทำธุรกิจแบบเป็นทีม ทุกคนในทีมมักจะช่วยกัน เนื่องจากหากลูกทีมได้ผลประโยชน์ หัวหน้าทีมก็มักจะได้ด้วย ฉะนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเครือข่าย จงพยายามติดต่อกับทีมงาน หัวหน้าทีม เพื่อนร่วมทีม ลูกทีม ให้มากที่สุด
8.ไม่มีความสม่ำเสมอ ทำๆ หยุดๆ ขาดการต่อเนื่อง อีกทั้งเลิกล้มก่อนเวลาที่จะประสบความสำเร็จ การทำกิจการทุกอย่างกว่าจะประสบความสำเร็จต้องใช้เวลา เช่น การปลูกต้นไม้กว่าต้นไม้นั้นจะโตก็ต้องใช้เวลา อีกทั้งต้องเพียรพยายามรดน้ำ พรวนดิน ดังนั้นหากต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย ท่านจำเป็นจะต้องมีความอดทน มีความสม่ำเสมอในการทำงาน จึงจะประสบความสำเร็จ
เราจะเห็นได้ว่าปัจจัยต่างๆข้างต้นนี้ หากมีในบุคคลใด บุคคลนั้นมักล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่าย ดังนั้นหากต้องการประสบความสำเร็จ ท่านจะต้องตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนแน่นอน ท่านจะต้องมีความกระตือรือร้นในการทำงาน ท่านจะต้องออกไปชวนคนเข้าร่วมทำธุรกิจเครือข่าย ท่านจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท ท่านจะต้องศึกษาตัวสินค้าของบริษัท ท่านจะต้องศึกษาแผนการตลาด ท่านจะต้องมีการติดต่อกับทีมงานและท่านจะต้องมีความสม่ำเสมอในการทำงานธุรกิจเครือข่าย


...
  
การจัดการเวลา
เทคนิคการจัดการด้านเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่คนเราใช้เวลาไม่เหมือนกัน คนที่ฉลาดมักมีการจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ในการจัดการด้านเวลา จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นต่อผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จ จะต้องเรียนรู้ อีกทั้งต้องนำไปปฏิบัติ สำหรับเทคนิคในการจัดการด้านเวลาที่ดีมีดังนี้
1.ต้องมีการวางแผน คนใช้เวลาเป็น มักเป็นคนที่มีการวางแผนในการทำงานหรือมีการวางแผนในการดำเนินชีวิต ว่าวันพรุ่งนี้จะทำอะไร วันมะรืนนี้จะทำอะไร วันมะเรื่องนี้จะทำอะไร สัปดาห์หน้าจะทำอะไร เดือนหน้าจะทำอะไร ปีหน้าจะทำอะไร ห้าปีข้างหน้าตนเองต้องการอะไร เป็นต้น สำหรับคนที่วางแผนเป็นมีงานวิจัยกล่าวว่า หากใช้เวลาวางแผนเพียง 8-10 นาที จะทำให้ประหยัดเวลาไปถึง 1-2 ชั่วโมง ดังนั้น หากท่านต้องการจัดการด้านเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ท่านควรเริ่มวางแผนการใช้ชีวิตได้ตั้งแต่บัดนี้
2.ต้องมีเครื่องมือ คนใช้เวลาเป็น มักมีเครื่องมือในการบริหารเวลา ซึ่งเครื่องมือในปัจจุบันมีมากมายกว่าในอดีต เช่น ไดอารี่ , ปฏิทิน , โทรศัพท์มือถือสมัยใหม่ , คอมพิวเตอร์ , ใบงานต่างๆที่ผู้อ่านสามารถออกแบบด้วยตนเองตามความเหมาะสมของตนเอง ฯลฯ
3.การจัดลำดับงานมีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากในการบริหารเวลา เราสามารถแบ่งงานออกเป็น งานสำคัญ(สำคัญและไม่สำคัญ)และ งานเร่งด่วน(เร่งด่วน,ไม่เร่งด่วน)

ช่องที่ 1 งานเร่งด่วนและงานสำคัญ เป็นงานที่ต้องทำให้เสร็จเดี๋ยวนี้ เป็นวันสุดท้าย ไม่ทำไม่ได้เพราะจะมีปัญหา หรือ งานประชุมที่มีการเร่งด่วน เช่น เจ้านายให้ทำงานสำคัญส่งในวันพรุ่งนี้เช้าก่อน 8 โมง
ช่องที่ 2 งานสำคัญและไม่เร่งด่วน ต้องมีการวางแผน ต้องมีการเตรียมตัว การดูแลสุขภาพร่างกาย จิตใจ เช่น การตรวจสุขภาพทุกปี , การเก็บออมเงิน เป็นต้น ในช่วงนี้พวกเรามักจะผัดผ่อนไปเรื่อยๆ
ช่องที่ 3 งานไม่สำคัญและเร่งด่วน คือ สิ่งที่ขัดจังหวะ สิ่งที่ไม่ทำก็ไม่กระทบมาก เช่นการรวบรวมรายชื่อคนเล่นกีฬาฟุตบอลหรือรวบรวมรายชื่อคนบริจาคเงิน ให้แก่เจ้านายพรุ่งนี้เช้า
ช่องที่ 4 งานไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน สิ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับงานไม่จำเป็น เช่น การช่วยเพื่อนหาเอกสาร , การทำความสะอาดห้องทำงาน เป็นต้น
ซึ่งคนส่วนใหญ่มักใช้เวลาไปกับช่องที่ 3 เป็นอันมาก ตรงข้ามกับคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของการบริหารเวลามักใช้เวลาอยู่กับช่องที่ 2
4.เป้าหมายกับการจัดการเวลา เช่น เป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะกลางและเป้าหมายระยะยาว ต้องทำให้สอดคล้องกับการใช้เวลา เช่น เป้าหมายระยะสั้นภายใน 1 ปี เราจะทำอะไร , เป้าหมายระยะกลาง 1-5 ปี เราต้องการอะไร และเป้าหมายระยะยาว 6-10 ปี เราต้องการอะไร (ซึ่งระยะเวลาของเป้าหมายของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน)
5.ฝึกให้เป็นนิสัย คนที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย หากว่าเราอ่านแล้ว เรียนรู้แล้ว แต่ไม่ได้นำเอาไปปฏิบัติ ทุกสิ่งที่อ่านมาก็มักจะไม่เกิด การฝึกเป็นนิสัย ควรฝึกทุกๆวัน ให้เป็นนิสัยอย่างน้อย 21 วัน ติดต่อกันแล้ววันที่ 22 ท่านจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวท่าน
ดังนั้น การจัดการเวลาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องเรียนรู้ ฝึกฝน พัฒนา และที่สำคัญต้องนำไปปฏิบัติ จึงจะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.