หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  ธรรมาภิบาล
  -  บทความที่ดี
  -  ขายเก่ง....รวยก่อน.....
  -  ปัญหาของเด็ก
  -  การพูดของอาจารย์จตุพล ชมภูนิช
  -  พูดดี ต้องประเมิน
  -  ลักษณะนักพูด
  -  หัวอกพ่อแม่
  -  พูดโอกาสต่างๆ
  -  สั่นเพราะไมค์
  -  ผู้บริหาร มนุษย์สัมพันธ์
  -  เทคนิคในการพูด
  -  IMC ของไทยรักไทย
  -  อาชีพ ผู้นำ องค์กร
  -  เอดส์ วัยรุ่น สังคมไทย
  -  นักเขียน
  -  เหล้ากับเด็ก
  -  สู่ผู้นำ
  -  อาหารปลอดภัย
  -  ทำไมคนดีๆ จึงลาออก
  -  อารมณ์ขันกับนักพูด
  -  เลิกเหล้าเข้าพรรษา
  -  ฝึกพูด
  -  น้ำเมารอบสถานศึกษา
  -  การมีมนุษย์สัมพันธ์
  -  ยาเสพติดประเทศไทย
  -  เหล้า เบียร์ วัยรุ่น
  -  องค์กรกับผู้บริหาร
  -  ศิลปะในการบริหาร
  -  คนตกงานกับปัญหาสัึงคม
  -  สื่อลามกกับวัยรุ่น
  -  คนคือทรัพย์สิน
  -  การเผาป่า
  -  ผู้บริหารกับการตลาด
  -  ศิลปะการฟัง
  -  เพศกับวัยรุ่น
  -  ทีม
  -  เตรียมพูด
  -  ปัญหาเลิกจ้างงาน
  -  กล้าล้มเหลวจึงสำเร็จ
  -  ทัศนคติกับการขาย
  -  เอดส์ สังคมไทย
  -  เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด
  -  ธรรมชาติการขาย
  -  หัวใจงานบริหาร
  -  ลิขสิทธิ์
  -  กิ๊ก
  -  จริยธรรมของไทย
  -  แฟชั่น นักศึกษา
  -  น้ำมันลอยติดลมบน
  -  อดทนเพื่อชนะ
  -  พจนานุกรมวัยรุ่น
  -  เรียนภาษาอังกฤษให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
  -  โลกร้อน
  -  สื่ออนาคต
  -  ปัญหามากมายสังคมไทย
  -  ยาเสพติด
  -  สายสัมพันธ์กับนักบริหาร
  -  เลิกเหล้า เลิกจน
  -  ขยะเป็นทอง
  -  ผู้นำ
  -  สนุกกับงาน
  -  คิด พูด ทำ ความสำเร็จ
  -  หมวก 6 ใบ
  -  ยกระดับบริการและความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ
  -  คอร์รัปชั่นภัยร้ายสังคมไทย
  -  พ่อแม่ รังแกฉัน
  -  หลักการเขียนบทความ
  -  สภาประชาชน สภาผู้บริโภค
  -  หลักการนำเสนอ
  -  ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
  -  ความคิดสร้างสรรค์
  -  U R A BRAND !(คุณ คือ แบรนด์)
  -  มึงสู้จริงหรือเปล่า
  -  การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข
  -  นักพูดที่ดีต้องรู้จักวิเคราะห์ภาษากายของผู้ฟัง
  -  จริยธรรม คุณธรรม ความรับผิดชอบ
  -  การตลาดเพื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ผู้นำ
กองทัพลาโง่ที่มีราชสีห์เป็นผู้นำหรือกองทัพราชสีห์ แต่มีลาโง่เป็นผู้นำ

โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
การเป็นผู้นำ(Leader) มีความสำคัญกับการอยู่รอด การเจริญก้าวหน้า การถดถอย การก้าวกระโดด ขององค์กร ถ้าองค์กรใด มีผู้นำที่เก่ง ดี องค์กรนั้นก็จะเจริญก้าวหน้าไปได้ด้วยดี


เราหลายคนคงเคยได้ยินสุภาษิตของอังกฤษที่กล่าวถึง “An Army of Stages led by lion would be better than an army of a lion bed by stages ”แปลเป็นไทยได้ความว่า “ กองทัพกวางที่นำโดยราชสีห์ ดีกว่ากองทัพราชสีห์ที่นำโดยกวาง ”


เพื่อให้เข้าใจง่าย ต่อสังคมไทยเนื่องจากเป็นสุภาษิตของอังกฤษ กระผมขอเปลี่ยนแปลงเป็น


“ กองทัพลาโง่ที่มีราชสีห์เป็นผู้นำ มีกว่ากองทัพราชสีห์ที่มีลาโง่เป็นผู้นำ ”


กองทัพลาโง่ที่มีราชสีห์เป็นผู้นำ หมายถึง การที่คนในองค์กร มีประสิทธิภาพประสิทธิผลที่ต่ำ มีคนในองค์กรที่ไม่เก่งมากๆ แต่กลับมี ผู้นำที่ชาญฉลาด หลักแหลม มีปัญญา รู้จักวางแผน แก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ มีทักษะการนำการจูงใจให้คนทำงาน ทำให้องค์กรนั้นเกิดการเจริญเติบโต ก้าวหน้า


กองทัพราชสีห์ที่มีลาโง่เป็นผู้นำ หมายถึง การที่คนในองค์กร มีความเก่ง ฉลาด มีความสามารถ แต่กลับมีผู้นำที่โง่ ไร้ปัญญา เมื่อมีปัญหาก็ตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ทำให้เกิดการผิดพลาด เกิดขึ้นกับองค์กร ไม่ยอมฟังลูกน้องที่เก่งกว่า ดีกว่า เพราะ มีอคติคิดว่าตัวเองเก่งกว่า ดีกว่าลูกน้อง


ยกตัวอย่างเช่น สามก๊ก ก๊กของเล่าปี่ กับ ขงเบ้ง มีกำลังพลน้อยกว่า ในการก่อสร้างก๊กใหม่


แต่ก็สามารถได้รับชัยชนะ เนื่องมาจากการมี ขุนศึกที่เก่ง เช่น กวนอู , เตียวหุย,จูล่ง ฯลฯ และก็มีกุนซุนที่เก่ง กว่า ก๊กอื่นๆ ก็เลยทำให้ก๊กของเล่าปี่กับขงเบ้ง ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ดังเช่นคำว่า กองทัพลาโง่ที่มีราชสีห์เป็นผู้นำ


แต่บางก๊ก มีกำลังพลมาก แต่ก็พ่ายแพ้ เป็นผลมาจากการขาดผู้นำที่ดี ที่เก่ง ดังเช่นคำว่า กองทัพราชสีห์ที่มีลาโง่เป็นผู้นำ


เราอาจจะเปรียบเทียบถึงการศึกษาในโรงเรียนก็ได้ เช่นเด็กที่เรียนไม่เก่ง หัวสมองไม่ดี ไม่มีความขยันขันแข็ง ไม่มีความเอาใจใส่การเรียน แต่ถ้ามีครูที่เข้มงวดกวดขัน เด็กในห้องนั้น ก็จะเริ่มที่จะเรียนเก่งขึ้น หรือ ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน


แต่ถ้า เด็กนักเรียนในห้องนั้น หัวสมองดี มีความรับผิดชอบ เรียนเก่ง ขยันขันแข็ง แต่กลับมีครูที่ ไม่เก่ง มันสมองไม่ดี ขาดการเอาใจใส่ ขาดความเข้มงวดกวดขัน ผลคือ เด็กที่เก่งก็จะกลายเป็นเด็กที่มีมันสมองที่ลดลงในที่สุด


สำหรับทักษะหรือสิ่งที่ผู้นำควรมี ได้แก่ การพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน,วิสัยทัศน์ของผู้นำ,เทคนิคในการตัดสินใจ,การสื่อสารที่ดี , คุณธรรมของผู้นำ ฯลฯ


แล้วท่านคิดว่าในองค์กรของท่าน คนในองค์กร และ ผู้นำในองค์กร เปรียบดัง กองทัพลาโง่ที่มีราชสีห์เป็นผู้นำ หรือ กองทัพราชสีห์ที่มีลาโง่เป็นผู้นำ ?














































...
  
สนุกกับงาน
จงสนุกกับการทำงาน
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มักจะเลือกงานที่ตัวเองทำแล้วสนุก อีกทั้งยังตรงกับเป้าหมายในชีวิต ความสามารถในตัวเอง


การเลือกอาชีพในการทำงานจึงถือว่าสำคัญมากในการที่คนๆ นั้น จะประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นผู้ยิ่งใหญ่หรือเป็นคนธรรมดา ดังนั้น การเลือกงานที่ชอบจึงสำคัญกว่าเลือกงานเพราะมีเงินเดือนมาก หรือได้เงินตอบแทนมาก โดยที่ตนเองอาจไม่ชอบงานนั้นๆ


การเลือกอาชีพเพราะเห็นว่ามีความมั่นคง ถึงเลือกก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ประสบความสำเร็จทำกัน


เช่น งานราชการ ผมไม่ได้กล่าวว่างานราชการไม่ดี งานราชการมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังเช่นงานอื่นๆ แต่งานราชการบางครั้งก็ทำให้ศักยภาพของคนที่ต้องการประสบความสำเร็จด้อยลง เพราะเคยมีคนกล่าวว่า ถ้าจะทำงานราชการให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องยึดหลัก 3 ข้อ คือ


1.เจ้านายไม่ผิด


2.ถ้าเจ้านายผิดก็ให้กลับไปดูข้อ 1. ใหม่


3.ห้ามทะเลาะกับเจ้านาย เพราะจะทำให้เกิดความหายนะ


แต่ถ้าอยากทำงานในหน่วยงานราชการ บางหน่วยงานราชการให้ประสบความสำเร็จ (กระผมบอกว่าบางหน่วยงานราชการนะครับ) คนๆนั้น จะต้องมีลักษณะดังนี้


สายโลหิต ศิษย์ข้างเคียง ส่งเสบียงหลังบ้าน กราบกรานสอพลอ ล่อไข่แดง คนนั้นจะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว


สายโลหิต หมายถึง เรามีสายเลือดเดียวกันกับ เจ้านายหรือผู้บริหารคนนั้น อาจเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง


ลุง ป้า น้า อา ญาติห่างๆ ฯลฯ


ศิษย์ข้างเคียง หมายถึง เราเป็นลูกศิษย์ของเจ้านายหรือผู้บริหาร คนนั้น ทำให้เจ้านายหรือผู้บริหารเกิดความเอ็นดู รักชอบเรา มีอะไรก็เรียกใช้ เมื่อถึงเวลาพิจารณาเงินเดือนหรือตำแหน่ง มักจะได้มากกว่าหรือเลื่อนขั้นเร็วกว่า เพื่อนร่วมงาน


ส่งเสบียงหลังบ้าน หมายถึง เราต้องเอาของขวัญหรือมีของฝากเนื่องในโอกาสต่างๆ ให้เจ้านายหรือผู้บริหาร แต่ถ้าเจ้านายหรือผู้บริหารไม่รับ เราก็ต้องแอบให้แก่ภรรยาหรือเมียเจ้านายหรือผู้บริหารแทนแล้วภรรยาหรือเมียเจ้านายก็จะพูดถึงเราในแง่ดี


กราบกรานสอพลอ หมายถึง เราต้องพยายามประจบ สอพลอ เจ้านาย รู้จักพูด รู้จักชม เจ้านายหรือผู้บริหาร แต่เราต้องมีศิลปะในการพูด เพราะถ้าพูดผิดนิดหนึ่ง เขาอาจมองเราในแง่ไม่ดีได้เช่นกัน แล้วอาจเป็นภัยแก่ตัวเองได้


ล่อไข่แดง หมายถึง เอาตัวเข้าแลก หรือ เอาผู้หญิงเข้าล่อ เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งและความก้าวหน้าในอาชีพการงาน


ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องวิเคราะห์ด้วยว่า เจ้านายหรือผู้บริหาร ของเรามีนิสัยหรือพฤติกรรมเช่นไรเราถึงตอบสนองถูก เช่น เจ้านายหรือผู้บริหารเป็นคนรักครอบครัว เราดันหาผู้หญิงให้นายหรือพยายามเอาตัวเข้าแลก


ปรากฏว่าการกระทำเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ทำลายความก้าวหน้าของตนเอง


การเลือกอาชีพ ตามกระแส คนบางคนอาจจะไม่รู้จักตนเอง ไม่รู้ว่าตนต้องการอะไร เหมือนกับเด็กๆ เห็น ภราดร ศรีชาพันธ์ ตีเทนนิส ประสบความสำเร็จ บางคนก็อยากให้ลูกตีเทนนิส บางคนเห็น ไทเกอร์วูด ตีกอล์ฟ ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง ก็อยากให้ลูกเป็นนักกอล์ฟบ้าง แต่หารู้ไม่ว่า คนเรามีความสามารถแตกต่างกันไป เราไม่อาจเลียนแบบคนอื่นแล้วประสบความสำเร็จตามคนๆนั้นได้


การเลือกอาชีพ ตามเวรตามกรรม บางคนซึ่งอาจเป็นคนส่วนใหญ่ก็ว่าได้ เลือกอาชีพ ตามเวรตามกรรม เห็นว่างานไหน มีตำแหน่งว่างก็สมัครไปก่อน เมื่อได้ทำแล้ว ก็ทำแบบสบายๆ ไม่กระตือรือร้น ไม่มีความสนุกในงาน เกิดอาการเบื่อหน่าย ดูสิ่งแวดล้อมต่างๆ ของที่ทำงานก็เกิด อาการเซ็ง ถ้าเป็นอย่างนี้ กระผมขอแนะนำให้เปลี่ยนงานใหม่ที่ตรงกับความชอบ ความรัก และตรงกับความสามารถ รวมทั้งความฝันของตนเองด้วย


แต่แท้จริงแล้ว การเลือกอาชีพ หรือ เลือกงานนั้น มีความหมายมากๆ สำหรับการดำเนินชีวิตและผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต การทำงานที่ตนชอบจะทำให้ตนเองเกิดความสนุก การทำงานที่ตนชอบจะทำให้ผู้นั้นทำงานได้นานกว่าปกติ การทำงานที่ตนเองชอบจะทำให้คนนั้น มีความอดทนต่อความล้มเหลวได้มากกว่าคนธรรมดา การทำงานที่ตนเองชอบจะทำให้คนนั้นอดทนต่อการถูกด่าทอ อดทนต่อการดูถูก กว่าคนที่ไม่มีเป้าหมาย


ดังนั้น จงเลือกงานที่ตนเองชอบ เราจะมีความสุข เราจะมีความสนุก และเราจะประสบความสำเร็จในชีวิต

...
  
คิด พูด ทำ ความสำเร็จ
ฟัง คิด พูด ทำ สู่ความสำเร็จของนักบริหาร


โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


ม.นเรศวร พะเยา


นักบริหารที่ต้องการประสบความสำเร็จในงานด้านบริหารจัดการ ควรมีหลักยึดของนักบริหารที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งหลักยึดในการปฏิบัตินั้นมีอยู่หลายทฤษฏี มีอยู่หลายแบบ แล้วแต่ว่าเราจะยึดหลักไหน แต่ในวันนี้กระผมขอนำเสนอ หลักยึดหนึ่งที่ทำให้ผู้บริหารประสบความสำเร็จก็คือ ฟัง คิด พูด ทำ


1.พึงฟัง เพื่อค้นหาความต้องการหรือปัญหาที่แท้จริงที่เกิดขึ้นในงาน นักบริหารที่ดี ต้องรู้จัก ฟัง ฟัง ฟัง ฟัง เพื่อหาความต้องการหรือปัญหาที่แท้จริง ตั้งใจฟังในปัญหาหรือความต้องการของลูกน้องหรือลูกค้า ไม่ควรพูดในขณะที่ลูกน้องหรือลูกค้า บอกหรือบรรยายเกี่ยวกับปัญหาเพราะจะทำให้เราไม่ทราบปัญหาที่แท้จริง


สำหรับศิลปะในการฟัง คือ เมื่อลูกน้องหรือลูกค้า เล่าเรื่องหรือปัญหาอะไร เราอาจมีการตอบรับบ้าง เช่น โอ้โฮ เหรอครับ เยี่ยมเลย ครับ ค่ะ ยอดไปเลย คือฟังแล้วได้อรรถรสได้บรรยากาศ มี Feedback (การตอบสนองกลับมาบ้าง) จะทำให้ลูกน้องหรือลูกค้า รู้สึกว่าเราให้ความสนใจในสิ่งที่เขาพูดมา


2.พึงคิด คิดเป็นระบบ คิดรอบด้าน คิดในการหาทางออกของปัญหา โดยอาจมีวิธีคิด เป็นระบบ คิดในเชิงกลยุทธ์ คิดในอนาคต คิดในเชิงเปรียบเทียบ คิดในการหาทางออกของปัญหาว่าจะแก้ไขอย่างไร จึงจะดีที่สุดในสถานการณ์ในขณะนั้น เพราะ ถ้าผู้บริหารตัดสินใจผิดพลาด องค์กรนั้นอาจถึงขั้น ล้มละลายเลยก็ได้ ดังเช่น สถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศในอดีตและปัจจุบัน


ในบางครั้ง ผู้บริหารหรือผู้นำ อาจคิดมากจนเกินกว่าเหตุ ซึ่งสิ่งที่คิดอาจทำให้เกิดความเครียดในการทำงานได้ เป็นความคิดที่ฟุ้งซ่านไม่มีประโยชน์ ดังคำพูดที่บอกว่า “ อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังคำพูด”


3.พึงพูด ระวังคำพูดในการพูดกับผู้ใต้บังคับบัญชา พูดในสิ่งที่ควรพูดเมื่อมีปัญหาหรือคนในองค์กร รวมทั้งลูกค้า เกิดความไม่พอใจ ไม่เข้าใจ ผู้บริหารที่ดีจึงเป็นผู้ที่ต้องรู้จักใช้คำพูด รู้ว่าเมื่อไร ควรพูด เมื่อไร ควรเงียบ เพราะการ ที่พูดออกไปโดยไม่ได้คิด ก็เหมือนกับการยิงกระสุนออกไปโดยไม่ได้เล็งเป้า และถ้าผู้บริหารหรือผู้นำ สื่อสารผิดก็จะทำให้คนในองค์การเกิดความไม่เข้าใจหรือสับสนได้


การพูดของผู้นำมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะการพูดต่อหน้าที่ชุมชน จนเคยมีคนเคยกล่าวมาว่า “ ถ้าท่านไม่สามารถลุกขึ้นพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้ ท่านอย่าปรารถนาเป็นผู้นำ ” ดังนั้นผู้ที่เป็นผู้นำหรือผู้บริหาร ทุกคนจำเป็นจะต้องลุกขึ้นพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้ (ไม่ใช่ว่าผู้ที่ลุกขึ้นพูดต่อหน้าที่ชุมชนจะเป็นผู้นำทุกคน )แต่ผู้นำหรือผู้บริหารทุกคนจะต้องลุกขึ้นพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้


4.พึงทำ ควรประพฤติตนให้สมกับเป็นผู้นำ ผู้บริหาร จะต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี มีจริยธรรม มีคุณธรรม ถ้าผู้นำหรือผู้บริหาร ทุจริตต่อองค์กร ไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์กร ลูกน้องก็จะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง แต่ถ้าผู้นำหรือผู้บริหารเป็นคนดี ขยันขันแข็ง ลูกน้องก็จะเอาเยี่ยงอย่างเช่นกันคือ ประพฤติดี ขยันขันแข็งในการทำงาน


ดังนั้น ผู้นำหรือผู้บริหารที่ดี พึงฟัง เพื่อหาความต้องการหรือปัญหาของลูกน้อง ลูกค้า


ดังนั้น ผู้นำหรือผู้บริหารที่ดี พึงคิด คิดเพื่อที่จะนำไปแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น


ดังนั้น ผู้นำหรือผู้บริหารที่ดี พึงพูด พูดเพื่อทำความเข้าใจกับคนในองค์กรหรือลูกค้า


ดังนั้น ผู้นำหรือผู้บริหารที่ดี พึงทำ ทำตนให้เป็นแบบอย่าง ทำตนให้น่าเชื่อถือ





ความลับของความสำเร็จ คือ เตรียมตัวให้พร้อม พัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อรอโอกาสที่จะมาถึง ในวันข้างหน้า




...
  
หมวก 6 ใบ
หมวก 6 ใบ คิด 6 แบบ( Six Thinking Hats)
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

เมื่อพูดถึงเรื่องของความคิดและเรื่องของระบบสมองของคนเราแล้ว มีความสลับซับซ้อนมากจึงมีคนคิดค้นเครื่องมือหลากหลายชนิดมาเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ เข้าใจและเกิดความสนุกสนานในการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการคิด ซึ่งมีเครื่องมือต่างๆ เช่น การทำ Mind Mapping , หลักคิดแบบพุทธศาสนา โยนิโสมนสิการ และเครื่องมืออีกหลากหลาย แต่ในที่นี้กระผมขอพูดถึงเครื่องมือตัวหนึ่งคือ หมวก 6 ใบ คิด 6 แบบ หรือ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Six thinking hats


Six thinking hats คือ เครื่องมือที่ช่วยให้การคิดมีระบบเป็นการคิดอย่างมีโฟกัส มีการจำแนกความคิดออกเป็นด้านๆ และคิดอย่างมีคุณภาพ เพื่อช่วยจัดระเบียบการคิด ทำให้การคิดของคนเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น


ดร. Edward de Bono (เอดเวิร์ด เดอ โบโน) เป็นผู้คิดเครื่องมือดังกล่าว เพื่อให้การคิดเป็นระบบเพื่อให้ผู้เรียนมีหลักในการจำแนกความคิดออกเป็น 6 ด้าน ทำให้เกิดความคิดในการแก้ปัญหาและตัดสินใจอย่างเป็นระบบ เป็นการเพิ่มศักยภาพให้ทักษะการคิด ทำให้ไม่คิดข้ามไปข้ามมา หรือคิดพร้อมกันทุกอย่างในเวลาเดียวกัน ทำให้ประหยัดเวลา


การคิดตามทฤษฏีของดร. Edward de Bono (เอดเวิร์ด เดอ โบโน) ได้แบ่งหมวกออกเป็น 6 สีโดยสมมุติหมวกทั้ง 6 สี แทนความคิดด้านใดด้านหนึ่ง คือ หมวกสีขาว,หมวกสีแดง ,หมวกสีเหลือง ,หมวกสีเขียว,หมวกสีดำ และหมวกสีฟ้า ซึ่งแต่ละสีมีความหมายดังนี้


หมวกสีขาว สีแห่งความเป็นกลาง ไม่มีอคติ ไม่ลำเอียง เกี่ยวกับข้อเท็จจริงและตัวเลข


หมวกสีแดง แสดงถึงความโกรธ ความเดือดดาลและอารมณ์ แสดงในมุมมองด้านอารมณ์


หมวกสีดำ สีดำมืดมนและจริงจัง หมวกสีดำคือข้อควรระวัง และคำเตือน มันชี้ให้เห็นถึง


จุดอ่อนของความคิดนั้น ๆ


หมวกสีเหลือง สีเหลืองส่องสว่าง และให้ความรู้สึกในทางที่ดี หมวกสีเหลืองจึงเป็นมุมมองในแง่บวก รวมถึงความหวัง และการคิดในแง่ดีด้วย


หมวกสีเขียว สีเขียวคือสีของหญ้า พืชพรรณ ความอุดมสมบูรณ์ การเติบโตงอกงาม


หมวกสีเขียวหมายถึงความคิดริเริ่ม และความคิดใหม่ ๆ


หมวกสีฟ้า สีฟ้าเยือกเย็น และเป็นสีของท้องฟ้าซึ่งอยู่เบื้องบนเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง หมวกสีฟ้าจึงหมายถึงการควบคุม การจัดระบบกระบวนการคิดและการใช้หมวกอื่น ๆ


ประโยชน์ของการใช้ Six Thinking Hats


1. ช่วยลดความขัดแย้งในการประชุมลงไปได้มาก


2. ช่วยให้เกิดการคิดทีละด้าน มองทีละด้าน จากด้านหนึ่งไปมองอีกด้านหนึ่ง ทำให้เห็นภาพจริงที่ชัดเจน


3. ช่วยให้ทุกคนอยากมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น เป็นการดึงเอาศักยภาพของแต่ละคนออกมา


4. ช่วยประหยัดเวลาในการประชุม


สรุป เรื่องเกี่ยวกับความคิดของคนเรามีความสำคัญ คนจะร่ำรวยได้ก็เพราะการคิด คนจะประ


สบความสำเร็จก็เพราะความคิดของเขา หากคนเราคิดไปเรื่อยโดยขาดหลักหรือความรู้เกี่ยวกับความคิด ก็จะทำให้เสียเวลา หรือไม่สามารถนำเอาศักยภาพมาใช้ ดังนั้นคนเราควรเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ หรือควรมีเครื่องมือมาช่วยให้เกิดระบบในการเรียนรู้


ท่านผู้อ่านที่สนใจ ท่านสามารถหาหนังสือ Six thinking hats ของ ดร. Edward de Bono (เอดเวิร์ด เดอ โบโน) มาอ่านได้ โดยมีผู้แปลเป็นภาษาไทย หากท่านผู้อ่านไม่ต้องการอ่านฉบับหนังสือภาษาอังกฤษ

...
  
ยกระดับบริการและความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
เมื่อวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2553 กระผมได้มีโอกาสเข้าร่วมเวทีสัมมนารับฟังความคิดเห็นเพื่อยกระดับบริการและความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ ณ ห้องประชุมเวียงพนา โรงแรมลำปางเวียงทอง อ.เมือง จ.ลำปาง จัดโดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค(มพบ.)ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) โดยจัดทั้งหมด 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลางและตะวันออก ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้
สำหรับเวทีที่กระผมเข้าร่วมเป็นเวทีที่จัดในส่วนของภาคเหนือ มีผู้เข้าร่วมเป็นนักวิชาการ หน่วยงานด้านคุ้มครองผู้บริโภคทั้งภาครัฐและเอกชน สื่อมวลชน เครือข่ายผู้บริโภคและประชาชนใน 8 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ
ในวันแรก ได้มีภาคบรรยายและการแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม ในเรื่อง “ สถานการณ์ความไม่ปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะและเกร็ดความรู้ของกระบวนการสืบสวนสอบสวนอุบัติเหตุที่ควรรู้” โดย ผศ.ดร.สมประสงค์ สัตยมัลลี และ การนำเสนอข้อมูลโครงสร้างรูปแบบการประกอบการโดยสารสาธารณะของประเทศไทย โดย ดร.สุเมธ องกิตติกุล สำหรับวันที่สอง ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องบริการและสถาการณ์ความไม่ปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ โดยนายอิฐบุรณ์ อ้นวงษา และ นางสาวสวนีย์ ฉ่ำเฉลี่ยว
จากเวทีดังกล่าวทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับข้อมูลต่างๆ มากขึ้นอีกทั้งผู้เข้าร่วมได้เสนอความคิดเห็นเพื่อเติมเต็มในเรื่องดังกล่าวข้างต้น
สำหรับความคิดเห็นของกระผมคิดว่าเรื่องของการบริการและความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะถ้าเทียบจากอดีตกระผมคิดว่ามีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น และถ้าเทียบกับหลายประเทศในประเทศเพื่อนบ้านเราดีกว่าหลายประเทศ แต่ถ้าหากเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว ยังอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ ประเทศไทยของเราก็คงเทียบในเรื่องการบริการและความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะนั้นคงยาก
ด้านอุบัติเหตุที่ปรากฏเป็นข่าว เมื่อเดือนมีนาคม 52 – กรกฏาคม 53 (1 ปี 4 เดือน) ในรถประเภทต่างๆ อุบัติเหตุจำนวน 260 ครั้ง จำนวนผู้ประสบภัย 2,139 คน บาดเจ็บ 1,988 คน เสียชีวิต 151 คน กระผมคิดว่าเป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ซึ่งอุบัติเหตุดังกล่าวมีปัจจัยมาจาก คนขับรถโดยสาร สภาพรถโดยสารที่ไม่มั่นคงปลอดภัย(ล้อรถไม่มีดอกยาง รถมีการดัดแปลง มีความไม่แข็งแรง) สภาพถนนต่างๆ ที่ไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ
ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจเนื่องจากการสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการเสียค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพ , ภาระค่ารักษาที่มากกว่าเงินประกันภัยที่ได้รับ , การเสียโอกาสในการเดินทางและการทำงานในอนาคต และ สภาพจิตใจที่ต้องใช้เวลาฟื้นฟู
สำหรับเรื่องของสภาพรถโดยสาร บางคัน ผมเคยเห็นบางคัน ไม่น่าจะมาเป็นรถโดยสารได้ เนื่องจากสภาพรถที่ไม่มั่นคงปลอดภัย แต่ก็มีรถหลายคันยังสามารถขับขี่บนท้องถนนได้ ถึงแม้จะมีการตรวจสภาพจากหน่วยงานที่รับผิดชอบมาแล้วก็ตาม กระผมก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด
ด้านสถานีขนส่งหลายจังหวัดมีสภาพคล้ายคลึงกัน กล่าวคือ สภาพห้องน้ำที่มีกลิ่นเหม็น แถมบางแห่งยังมีการเก็บค่าเข้าห้องน้ำอีกต่างหาก สภาพถนนที่มีสภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ
ส่วนบริษัทประกันภัย ก็ได้เสนอจ่ายเงินค่าชดเชยหรือผลของการเยียวยา จำนวนน้อยกว่าค่าใช้จ่ายจริงในการเกิดอุบัติเหตุ จนต้องมีการฟ้องร้องและไกล่เกลี่ยเจรจากัน หลังฟ้อง เช่น กรณีนางสาวคนหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บใบหน้าฟกช้ำ เลือดคั่งในสมอง บริษัทประกันภัยได้เสนอจ่าย 4,700 บาท ตกลงกันไม่ได้กับผู้เสียหาย จึงฟ้องร้องในขั้นเจรจาไกล่เกลี่ยหลังฟ้องเป็นคดีได้รับเงิน 50,000 บาท
สุดท้ายนี้ กระผมขอฝากท่านผู้อ่านในเรื่อง สิทธิของผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ 10 ประการ ตามสิทธิตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคฯ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนี้
1.สิทธิที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพเกี่ยวกับบริการรถโดยสาร รวมทั้งความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย ที่ถูกต้องเป็นจริงครบถ้วน เพียงพอต่อการตัดสินใจใช้บริการ
2.ผู้โดยสารมีสิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในด้านสัญญา และราคาค่าบริการ
3.ผู้โดยสารมีอิสระในการเลือกใช้บริการด้วยความสมัครใจ และปราศจากการชักจูงใจอันไม่เป็นธรรม
4.สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยในทุกๆ ด้านจากการใช้บริการรถโดยสาร
5.สิทธิที่จะได้รับการบริการจากรถโดยสารและผู้ให้บริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน
6.สิทธิในการร้องเรียนหรือฟ้องร้องเพื่อให้ผู้ให้บริการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหา เยียวยา หรือชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น
7.สิทธิที่จะได้รับการชดใช้ความเสียหายจากการประกันภัยโดยไม่มีการประวิงเวลา หรือบังคับให้ประนีประนอมยอมความ
8.สิทธิที่จะได้รับการชดใช้ความเสียหายทั้งทางร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สินและสิทธิอื่นๆ ที่ถูกละเมิด
9.สิทธิที่จะได้รับการชดใช้ความเสียหายด้วยหลักแห่งพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
10.สิทธิที่จะรวมตัวกันเพื่อพิทักษ์สิทธิของตนและของผู้อื่น








...
  
คอร์รัปชั่นภัยร้ายสังคมไทย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
085-0294726
ก็ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับการประชุม ป.ป.ช.โลกครั้งที่ 14 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2553 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในการจัดงานครั้งนี้ประเทศไทยได้รับเป็นเจ้าภาพการประชุมนานาชาติ ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ คืนความเชื่อมั่น : ทั่วโลกโปร่งใส สู้ภัยทุจริต ” โดยในวันแรกมี นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.และประธานสภาหอการค้า ลงนามแถลงการณ์ร่วมในการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐ ต่อหน้าผู้มาประชุมเกือบ 1,000 คน อันได้แก่ ผู้นำโลก นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวของกลุ่มพัฒนาองค์กรจาก 113 ประเทศ
ความจริงถ้าพูดถึงเรื่องของการคอร์รัปชั่นในเมืองไทยนั้น มีมาช้านานแล้ว จนกระทั้งบางหน่วยงาน บางองค์กรและคนของหน่วยงาน รวมทั้งประชาชนบางส่วน ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเลยก็มี จนมีคนกล่าวว่าประเทศไทยติดอันดับต้นๆ ของประเทศที่ทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุดในภูมิภาคและในโลก
ดังผลสำรวจความคิดเห็นของ สำนักวิจัยเอแบคโพล เมื่อเดือนตุลาคม พบตัวเลขที่น่าตกใจว่าคนไทยเห็นว่ารัฐบาล “ โกงก็ไม่เป็นไร ” มีจำนวนเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 63.2 เมื่อปี 2551 เพิ่มเป็นร้อยละ 76.1 ในปีนี้
ความจริงการทุจริตในเมืองไทยเกิดขึ้นจากคนสามกลุ่มใหญ่ๆ คือ ข้าราชการ นักการเมือง และนักธุรกิจ การทุจริตที่เห็นได้ชัดเจนเพราะมีผลประโยชน์มาก ส่วนใหญ่เป็นการโกงจากการก่อสร้างโครงการต่างๆ ของภาครัฐ เช่น ตึก อาคาร ถนน ฯลฯ ปีๆหนึ่งประชาชนผู้ที่ต้องเสียภาษี ต้องถูกโกงจากบุคคลสามฝ่ายไปปีละประมาณ 25,000-30,000 ล้านบาท อีกทั้งการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐบางแห่งมีการทุจริตได้เปอร์เซ็นต์จากการจัดซื้อจัดจ้าง ตามที่พวกเราคงได้เห็นกันตามสื่อต่างๆ
ถามว่าถ้าหากพวกเราสามารถแก้ไขปัญหาเงินที่ถูกโกงไปได้ เราก็สามารถใช้เงินเหล่านี้ไปพัฒนาประเทศชาติได้มากยิ่งขึ้น เช่น เราสามารถสร้าง โรงพยาบาลเพิ่มขึ้น เราสามารถจ้างแรงงานเพิ่มมากขึ้น เราสามารถสร้างโรงเรียน หรือให้การศึกษาแก่เด็กและเยาวชนของเราได้อีกมากมาย
ถามว่าเราสามารถจะแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นในประเทศได้ไหม ในความคิดเห็นของกระผมแก้ได้ ถ้าหาก รัฐบาลหรือผู้บริหารประเทศเอาจริงเอาจังในเรื่องดังกล่าว อีกทั้งบทลงโทษทางกฎหมายต้องมีความรุนแรง และมีผลบังคับกันอย่างจริงจัง อีกทั้งรัฐบาลต้องสร้างจิตสำนึกแก่ ข้าราชการ นักธุรกิจและนักการเมือง ไปพร้อมๆกัน
แต่หากดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว รัฐบาลชุดนี้ ยังมีข่าวเรื่องของคอร์รัปชั่นตามสื่อต่างๆ อีกทั้งมีบุคคลหลายฝ่ายออกมาพูดถึงเรื่องของการคอร์รัปชั่นของรัฐบาลกันอยู่ ซึ่งตามความเป็นจริงบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคอร์รัปชั่นก็คือ คนที่มีอำนาจในบ้านเมืองนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองในตำแหน่งสำคัญทางการเมือง นักธุรกิจระดับประเทศที่มักจะมีข่าวเรื่องของผลประโยชน์ต่างๆ จากนโยบายของภาครัฐ ข้าราชการหรือนักบริหารในภาครัฐ ที่คุมค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ
ผมเองได้มีโอกาสอ่านหนังสือพิมพ์ เจอเด็กหญิงดวงดี แซ่ลี้ หรือ น้องหนิง ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า “หนูเริ่มทำความดีจากการให้เพื่อนยืมของ เช่น ดินสอ ยางลบ ไม่พูดโกหกและยังช่วยเก็บขยะที่มีคนทิ้งเรี่ยราดในบริเวณโรงเรียน สิ่งที่คุณครูสอนและความรู้ที่ได้ทำกิจกรรมทำให้เรานำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ มีครั้งหนึ่งคุณครูเคยทดสอบพวกหนูด้วยการทำกระเป๋าเงินหล่นหาย แล้วหนูก็เก็บไปคืนและประกาศหาเจ้าของจนเจอ ทำให้ได้รับคำชมและรู้สึกดีใจที่ได้ทำความดี ”
จากข้อความข้างต้น ที่เด็กหญิงดวงดี แซ่ลี้หรือน้องหนิง ได้กล่าว ผมรู้สึกอายแทนผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบางคนได้ร่วมมือกันเพื่อโกงกินเงินของภาครัฐ ถามว่าจิตสำนึกของตนอยู่ไหน หากเปรียบเทียบกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
หรือว่าประเทศชาติ บ้านเมืองเรา มีการบังคับใช้กฎหมายหรือการปฏิบัติ สองมาตรฐานจริง ข่าวการที่ชาวบ้านบุกรุกที่ทำกินหรือแม่ลูกอ่อนขโมยนมเพื่อเลี้ยงลูกต้องถูกจับถูกลงโทษ แต่ในทางกลับกันบุคคลที่มีอำนาจ ร่ำรวยกับไม่ถูกลงโทษ ทั้งๆที่บุคคลที่มีอำนาจบางคนบุกรุกป่า บุกรุกภูเขา โกงกินคอร์รัปชั่นแต่ยังสามารถยิ้มแย้มแจ่มใสและได้รับการเคารพนับถือจากผู้คนในสังคม





...
  
พ่อแม่ รังแกฉัน
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อันชนกชนนีนี้รักเจ้า เทียมเท่าชีวาก็ว่าได้
เมื่อ สมัยเด็กๆ เมื่อตอนที่กระผมกำลังเรียนอยู่ในโรงเรียน กระผมได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาที่ดีและให้แง่คิดมาก กระผมคิดว่าคนรุ่นวัย 20 ปี ขึ้นไป หลายคนคงได้อ่านเช่นกัน หนังสือเล่มนั้นก็คือ หนังสือเรื่อง “ พ่อแม่ รังแกฉัน “ เนื้อ เรื่อง เท่าที่จำได้ พอสรุปได้ว่า เป็นเรื่องราวความรักของพ่อแม่ที่ผิดพลาดโดยการ “ ตามใจ” เรื่องมีอยู่ว่าพ่อแม่ เป็นเศรษฐี รักลูกมากๆ มีอะไรก็หามาให้ ตามใจสารพัด ใครจะว่า กล่าวด่าลูกก็ไม่ได้ ลูก จะผิดจะถูกอย่างไรก็ไม่เคยเตือน สอนสั่ง เมื่อลูกไม่สนใจการเรียนก็ไม่เคยเตือน จนลูกเข้าสู่วัยรุ่น ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยไม่เคยห้าม คบเพื่อนไม่ดี พากันไปเที่ยว พากันไปกินเหล้า พากันเที่ยวไม่ยอมเรียนหนังสือ พ่อแม่ก็ไม่ว่า ตามใจทุกอย่าง จนเมื่อลูกโตใหญ่และพ่อแม่ก็แก่ตามไปด้วย ปรากฏลูกเศรษฐี เอาไม่รอด ความประพฤติชั่วช้า จนพ่อแม่ตายไปชีวิตที่ร่ำรวยเงินทองจากพ่อแม่ก็กลับเป็นยากลำบาก เพราะหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ในที่สุดต้องกลายเป็นขอทาน ตอนเป็นขอทานกลับไม่สำนึก โทษพ่อแม่ว่าเป็นความผิดที่ตามใจ(รังแกฉัน) จนกระทั่งได้พบกับซินแส ได้เล่าเรียนจนประกอบอาชีพได้
นี่คือ ยาพิษของการเลี้ยงลูกด้วยการตามใจ
หนังสือ เล่มนี้ สอนให้รู้ว่า พ่อแม่ ที่รักลูกมากเกินไป ตามใจเกินไป ใครว่ากล่าว สั่งสอนไม่ได้ ในที่สุด เมื่อลูกโตใหญ่ขึ้น ก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่เอาตัวไม่รอด
ฉะนั้น ความรักจึงเป็นเสมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งถูกใช้ในการถากถางในการดำเนินชีวิตและอีกด้านหนึ่งก็อาจเป็นอาวุธ ที่ร้ายแรงคอยทิ่มแทงผู้ที่ใช้ความรักได้เช่นกัน
และ ถ้าจะให้ดี ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษาก็ควรที่จะให้เด็กไทยรุ่นใหม่ได้มีโอกาส อ่าน วรรณกรรมประเภทเหล่านี้ให้มากๆ ในโรงเรียนถ้ากระผมจำไม่ผิด หนังสือเรื่อง “ พ่อแม่รังแกฉัน” น่าจะเป็นหนังสือคำประพันธ์บางเรื่องของ ท่านพระยาอุปกิตศิลปสาร
ใน สังคมไทยเราปัจจุบันมีมากมาย ไม่ว่าเศรษฐี ไม่ว่าชาวไร่ชาวนา หาเช้ากินค่ำ ผู้หลักผู้ใหญ่บางคน ที่สอนลูกในลักษณะนี้ คือ ตามใจลูก ลูกผิดครูสั่งสอนก็ไม่ได้ ใครจะเตือนก็ไม่ได้ จึงทำให้เด็กเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จึงมีนิสัย ที่ชั่วร้าย ไม่โต ควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้
ในสังคมไทยเราปัจจุบันเราต้องยอมรับเลยว่า การเลี้ยงลูกในสมัยนี้ยากกว่าสมัยก่อน มาก เพราะ
สังคมปัจจุบันเรามีสิ่งเร้า สิ่งยั่วยุ สิ่งเสพติด สิ่งอบายมุข การพนัน เกมส์ และรวมทั้งสื่อลามกอนาจารเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น วิธีการเลี้ยงดูลูกหลาน จึงต้องเปลี่ยนแปลงจากอดีต พ่อแม่ผู้ปกครองต้องดูแลให้เวลาลูกหลานเพิ่มมากขึ้น มีศาสตร์และมีศิลป์ในการสอน และต้องมีวิธีการดูปัญหา แก้ปัญหา เป็นระบบ
ไม่ มองจุดเดียว เพราะปัญหาของเด็กและเยาวชนในปัจจุบัน ค่อนข้างเชื่อมโยงกัน เช่น ปัญหาเด็กติดเกมส์ก็มักจะทำให้เด็กเสียการเรียน ร้านเกมส์บางร้านอาจเป็นแหล่งมั่วสุม ซึ่งเป็นที่มาของการขายยาเสพติด การล่อลวงเด็กไปมีเพศสัมพันธ์ เมื่อเด็กต้องการเล่นเกมส์ ต้องการหาเงินไปซื้อยาเสพติด ก็จะเกิดปัญหาลักขโมยตามมา เด็กบางคนอาจมีปัญหามากจนเกิดอาการซึมเศร้า จนกระทั่งต้องฆ่าตัวตายก็มี และยังมีปัญหาที่เชื่อมโยงกับปัญหาเหล่านี้อีกมากมาย
เรา จะเห็นได้ว่าปัญหาเด็กและเยาวชน เป็นปัญหาที่ใหญ่ และถ้ายังไม่ช่วยกันแก้ อนาคตของประเทศไทยเราก็คงต้องแย่ เพราะ เด็กและเยาวชนก็คืออนาคตของชาติ (เด็กในวันนี้เป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า)
ความรักความห่วงใย คือ สายใยของครอบครัว

...
  
หลักการเขียนบทความ
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
http://www.drsuthichai.com/
ลับปากกาคอยอนาคต เพราะการเขียนดี เป็นเครื่องมือสำคัญในความก้าวหน้าของท่าน
ถ้าพูดถึงเรื่องงานเขียน งานเขียนมีหลายประเภทเช่น การเขียนนิทาน การเขียนเรื่องสั้น การเขียนเรียงความ การเขียนบทละคร การเขียนสารคดี การเขียนนวนิยาย การเขียนบทความ ฯลฯ
ถ้ามีคนถามกระผมว่า แล้วผมชอบงานเขียนประเภทใด กระผมขอตอบแบบไม่คิดว่า กระผมชอบงานเขียนประเภทการเขียนบทความครับ แล้วกระผมก็มีโอกาสเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและระดับประเทศเฉพาะเดือนละไม่ต่ำกว่า 15 บทความ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับบรรดานักเขียนที่มีผลงานเป็นประจำ ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจเป็นเพราะว่ากระผมทำงานประจำและทำงานหลายด้านจึงไม่ค่อยมีเวลาเขียน
แต่การที่กระผมได้มีโอกาสเขียนบทความเดือนละไม่ต่ำกว่า 15 บทความต่อเดือน แล้วเขียนมานานกว่า 10 ปี จึงอยากเขียนบทความฉบับนี้เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่ท่านผู้อ่านและถ้าท่านผู้อ่านมีอะไรเพิ่มเติมก็สามารถเสนอความคิดเห็นถึงกระผมได้ครับ
บทความ หมายถึง ความเรียงร้อยแก้ว ที่เขียนขึ้นเพื่อแสดงความคิดเห็นของผู้เขียน โดยมีหลักฐานประกอบ อ้างอิง แต่ควรมีความคิดเห็นของผู้เขียนมากกว่าการแสดงข้อมูลหลักฐานต่าง เพราะถ้ามีข้อมูลมากๆ ก็จะกลายเป็นรายงานไปในที่สุด
การเขียนบทความที่ดีควรจะมีลักษณะคือ ต้องมีความน่าสนใจ มีเนื้อหาที่แปลกใหม่ มีความกะทัดรัด มีการอ้างอิง และมีวิธีการเขียนที่น่าสนใจชวนให้ติดตาม
หลักการเขียนบทความที่ดี ควรมีโครงเรื่องแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ มีคำนำ มีเนื้อเรื่องและมีสรุปจบ ซึ่งทั้ง 3 ตอน ต้องมีความสอดคล้องกัน สัมพันธ์กัน อาจลำดับความตามเวลา อาจลำดับความจากเหตุไปสู่ผล อาจลำดับความจากคำถามไปสู่คำตอบ
สำหรับ ชื่อเรื่อง ควรตั้งชื่อให้เป็นที่น่าสนใจ เมื่อคนอ่านแล้ว อยากรู้ อยากอ่านว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร
ลักษณะของการเขียนบทความที่ดีจะต้องมีการแสดงความคิดเห็นของผู้เขียน ที่แหลมคม มีเหตุมีผล มีความคิดที่ลึกซึ้งกว่านักเขียนคนอื่นๆ ขณะเดียวกันการนำเสนอ สำนวนโวหาร ที่ดีจะเป็นส่วนช่วยให้งานเขียนบทความเกิดความน่าอ่านยิ่งขึ้น
งานเขียนแบ่งออกเป็นหลายประเภท สำหรับงานการเขียนบทความก็แบ่งออกเป็นหลายประเภทเช่นกัน เช่น งานเขียนบทความประเภทวิจารณ์ บทความสัมภาษณ์ บทความเชิงวิชาการ บทความวิเคราะห์ บทความชีวประวัติ บทความให้คำแนะนำ เป็นต้น
ท้ายนี้กระผมอยากฝากคำแนะนำสำหรับท่านผู้อ่านที่ต้องการเขียนบทความ เริ่มแรกท่านควรเลือกเขียนเรื่องที่ตนเองถนัด มีประสบการณ์ ท่านก็สามารถเขียนเรื่องนั้นได้ง่ายกว่าการที่ท่านเลือกเรื่องที่ตนเองไม่มีความรู้ ไม่มีความถนัด เมื่อท่านสามารถเขียนบทความจากเรื่องที่ตนถนัดแล้ว ท่านจะเริ่มมีทักษะในการเขียนบทความ และเมื่อท่านต้องการให้บทความท่านเป็นที่นิยมหรือผู้อ่านรู้จัก ท่านก็ควรเขียนบทความในเรื่องที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจ
อีกทั้งไม่ควรใช้ถ้อยคำที่ฟุ่มเฟือย ไม่เขียนวกวน ควรเขียนคำให้ถูกต้อง ควรมีพจนานุกรมไทยเป็นของตนเอง ควรมีย่อหน้าให้เหมาะสม เพราะการมีย่อหน้าจะทำให้ผู้อ่านอ่านบทความของท่านได้ง่ายกว่าการไม่มีย่อหน้า ต้องแสดงข้อมูลหลักฐานที่เป็นความจริง เช่น สถิติ ตัวเลข แผนภูมิ ถ้าหากจะใช้วิธีการเขียนบทความแบบตั้งคำถามแก่ผู้อ่าน ก็ควรหาคำตอบไว้เป็นลำดับ และต้องมีความกล้าหาญในการแสดงความคิดเห็น แต่เป็นความคิดเห็นประเภทสร้างสรรค์ ไม่ใช่ความคิดเห็นในทางทำลาย
ไม่มีน้ำตา เสียงหัวเราะจากนักเขียนก็ไม่มีน้ำตาและเสียงหัวเราะจากผู้อ่าน



...
  
สภาประชาชน สภาผู้บริโภค
สภาประชาชน สภาผู้บริโภค
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554 กระผมได้มีโอกาสเข้าร่วม เวที สภาประชาชน “ คนพยาว ฮ่วมกึ๋ด อู้จ๋า สภาผู้บริโภค ” ณ ห้องประชุมพุดตาน โรงแรมเกทเวย์ อ.เมือง จ.พะเยา ภายในงานมีรายการต่างๆ เช่น มีการแสดง จ๊อย ซอ เรื่องสิทธิผู้บริโภค , ชมวีดีทัศน์ “ หนึ่งปีที่ผ่านมากับการทำงานคุ้มครองผู้บริโภคในจังหวัดพะเยา ” , พิธีเปิด “ เวทีสภาผู้บริโภคจังหวัดพะเยา ” , บรรยาย “ ทิศทางการทำงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดและ ความร่วมมือเครือข่ายผู้บริโภคจังหวัดพะเยา ” , บรรยายเรื่อง “ ผู้บริโภคได้อะไรจาก พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ” , และมีการแบ่งกลุ่มห้องเรียนผู้บริโภคในหัวข้อต่างๆ เช่น ห้องที่ 1 ผู้บริโภคกับบริการด้านโทรคมนาคม , ห้องที่ 2 พฤติกรรมผู้บริโภคกับการใช้ยา , ห้องที่ 3 รถโดยสารสาธารณะเมืองไทย ปลอดภัยจริงหรือ , ห้องที่ 4 ภัยใกล้ตัวผู้บริโภค จากผลิตภัณฑ์แร่ใยหิน , ในช่วง บ่าย มีการแสดง ละครสั้น “ สะท้อนปัญหาผู้บริโภค ” โดยแกนนำเยาวชนชุมนุมคุ้มครองผู้บริโภค โรงเรียนพะเยาพิทยาคม และมีการสรุป นำเสนอความคิดเห็นของผู้บริโภคในจังหวัดพะเยา
สำหรับเรื่อง รถโดยสารสาธารณะเมืองไทย ปลอดภัยจริงหรือ วิทยากรหลักโดย ผศ.ดร.สมประสงค์ สัตยมัลลี สำหรับความคิดเห็นของกระผมคิดว่าเรื่องของการบริการและความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะถ้าเทียบจากอดีตกระผมคิดว่ามีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น และถ้าเทียบกับหลายประเทศในประเทศเพื่อนบ้านเราดีกว่าหลายประเทศ แต่ถ้าหากเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว ยังอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ ประเทศไทยของเราก็คงเทียบในเรื่องการบริการและความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะนั้นคงยาก ด้านอุบัติเหตุที่ปรากฏเป็นข่าว เมื่อเดือนมีนาคม 52 – กรกฏาคม 53 (1 ปี 4 เดือน) ในรถประเภทต่างๆ อุบัติเหตุจำนวน 260 ครั้ง จำนวนผู้ประสบภัย 2,139 คน บาดเจ็บ 1,988 คน เสียชีวิต 151 คน กระผมคิดว่าเป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ซึ่งอุบัติเหตุดังกล่าวมีปัจจัยมาจาก คนขับรถโดยสาร สภาพรถโดยสารที่ไม่มั่นคงปลอดภัย(ล้อรถไม่มีดอกยาง รถมีการดัดแปลง มีความไม่แข็งแรง) สภาพถนนต่างๆ ที่ไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจเนื่องจากการสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการเสียค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพ , ภาระค่ารักษาที่มากกว่าเงินประกันภัยที่ได้รับ , การเสียโอกาสในการเดินทางและการทำงานในอนาคต และ สภาพจิตใจที่ต้องใช้เวลาฟื้นฟู สำหรับเรื่องของสภาพรถโดยสาร บางคัน ผมเคยเห็นบางคัน ไม่น่าจะมาเป็นรถโดยสารได้ เนื่องจากสภาพรถที่ไม่มั่นคงปลอดภัย แต่ก็มีรถหลายคันยังสามารถขับขี่บนท้องถนนได้ ถึงแม้จะมีการตรวจสภาพจากหน่วยงานที่รับผิดชอบมาแล้วก็ตาม กระผมก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ด้านสถานีขนส่งหลายจังหวัดมีสภาพคล้ายคลึงกัน กล่าวคือ สภาพห้องน้ำที่มีกลิ่นเหม็น แถมบางแห่งยังมีการเก็บค่าเข้าห้องน้ำอีกต่างหาก สภาพถนนที่มีสภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ ส่วนบริษัทประกันภัย ก็ได้เสนอจ่ายเงินค่าชดเชยหรือผลของการเยียวยา จำนวนน้อยกว่าค่าใช้จ่ายจริงในการเกิดอุบัติเหตุ จนต้องมีการฟ้องร้องและไกล่เกลี่ยเจรจากัน หลังฟ้อง เช่น กรณีนางสาวคนหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บใบหน้าฟกช้ำ เลือดคั่งในสมอง บริษัทประกันภัยได้เสนอจ่าย 4,700 บาท ตกลงกันไม่ได้กับผู้เสียหาย จึงฟ้องร้องในขั้นเจรจาไกล่เกลี่ยหลังฟ้องเป็นคดีได้รับเงิน 50,000 บาท
กระผมขอฝากท่านผู้อ่านในเรื่อง สิทธิของผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ 10 ประการ ตามสิทธิตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคฯ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนี้ 1.สิทธิที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพเกี่ยวกับบริการรถโดยสาร รวมทั้งความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย ที่ถูกต้องเป็นจริงครบถ้วน เพียงพอต่อการตัดสินใจใช้บริการ 2.ผู้โดยสารมีสิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในด้านสัญญา และราคาค่าบริการ 3.ผู้โดยสารมีอิสระในการเลือกใช้บริการด้วยความสมัครใจ และปราศจากการชักจูงใจอันไม่เป็นธรรม 4.สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยในทุกๆ ด้านจากการใช้บริการรถโดยสาร 5.สิทธิที่จะได้รับการบริการจากรถโดยสารและผู้ให้บริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน 6.สิทธิในการร้องเรียนหรือฟ้องร้องเพื่อให้ผู้ให้บริการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหา เยียวยา หรือชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น 7.สิทธิที่จะได้รับการชดใช้ความเสียหายจากการประกันภัยโดยไม่มีการประวิงเวลา หรือบังคับให้ประนีประนอมยอมความ 8.สิทธิที่จะได้รับการชดใช้ความเสียหายทั้งทางร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สินและสิทธิอื่นๆ ที่ถูกละเมิด 9.สิทธิที่จะได้รับการชดใช้ความเสียหายด้วยหลักแห่งพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด 10.สิทธิที่จะรวมตัวกันเพื่อพิทักษ์สิทธิของตนและของผู้อื่น
สำหรับ เรื่อง ผู้บริโภคกับบริการด้านโทรคมนาคม ส่วนใหญ่ประชาชนชาวพะเยาที่เข้าร่วมสัมมนามักจะมีปัญหาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นธรรมในการใช้บริการของโทรศัพท์ทั้งโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ มีค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นธรรมหลายๆ อย่าง เช่น การสมัคร SMS ง่าย แต่ยกเลิกยาก , มีการหักเงินหรือเรียกค่าใช้จ่ายเกินจริงหรือจำนวนที่ใช้จริง ฯลฯ
ฉะนั้น พวกเราในฐานะผู้ใช้บริการ ขอให้ช่วยกันเรียกร้องความยุติธรรมเกี่ยวกับการใช้บริการ อย่าให้บริษัทหรือเจ้าของกิจการเอาเปรียบได้


...
  
หลักการนำเสนอ
หลักการนำเสนออย่างได้ผล
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
กุญแจที่นำไปสู่ความสำเร็จในการทำงานหรือการดำเนินชีวิตมีด้วยกันหลายดอก แต่กระผมเชื่อแน่ว่าการนำเสนอที่ดีและมีประสิทธิภาพคือกุญแจดอกสำคัญที่จะนำ ทุกๆท่านไปสู่ความสำเร็จในการทำงานและการดำเนินชีวิตได้เร็วกว่าคนอื่นๆ
การนำเสนอที่ดี มักทำให้นักขาย ขายของได้ง่ายและมากขึ้น การนำเสนอที่ดี มักทำให้นิสิต นักศึกษา เกิดความประทับใจและอยากที่จะเข้าเรียนในรายวิชานั้น การนำเสนอที่ดี มักทำให้นักการเมือง ผู้นั้นได้มีโอกาสได้รับเลือกตั้งมากขึ้น และ การนำเสนอที่ดี มักทำให้ผู้ที่ฝึกฝนได้รับประโยชน์ต่างๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เงินทอง ชื่อเสียง ตำแหน่ง หน้าที่ การยอมรับนับถือ ฯลฯ
ดังนั้น การเรียนรู้หลักการ ขั้นตอน การนำเสนอ จึงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้และควรศึกษาเป็นอย่างยิ่ง สำหรับขั้นตอนของการนำเสนอที่ดีมีดังนี้
1.เตรียมให้พร้อม การเตรียมตัวถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญ ปัจจัยหนึ่งของการนำเสนอที่ดี หากมีการเตรียมตัวมาน้อย การนำเสนอก็อาจไม่เป็นที่ประทับใจ การเตรียมควรเตรียมตั้งแต่
1.1. การวิเคราะห์ว่าผู้ฟังคือใคร ผู้ฟังมีจำนวนเท่าไร ผู้ฟังเขาอยากฟังเรื่องอะไร ประเด็นไหน ผู้ฟังมีความรู้ขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับเนื้อหาที่เราจะนำมาเสนอมากน้อยแค่ไหน เพราะการวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรานำเสนอได้ตรงกับหัวใจของผู้ฟัง
1.2. การวิเคราะห์สถานที่ในการนำเสนอ ว่าสถานที่ที่เราจะนำเสนอเป็นห้องประชุม เป็นสวน เป็นชายหาด เป็นสถานที่แบบต้องใช้เครื่องมืออุปกรณ์อะไรช่วยในการนำเสนอบ้าง เช่น ใช้เครื่องขยายเสียง , สิ่งของต่างๆที่ประกอบการนำเสนอ เป็นต้น
1.3.การวิเคราะห์เนื้อหาที่จะนำเสนอ การเตรียมเนื้อหา เป็นส่วนที่มีความสำคัญมาก เราควรรวบรวมข้อมูลที่จะนำเสนอมาให้ได้มากที่สุด แล้วจึงคัดเลือกข้อมูลหรือเนื้อหาเฉพาะที่เราจะนำไปนำเสนอ อีกทั้งต้องควรกำหนดรูปแบบที่จะนำเสนอ ว่าเราจะทำเสนอรูปแบบใด เช่น เราจะนำเสนอโดยรูปแบบเล่าเรื่องราว หรือ นำเสนอรูปแบบโดยใช้หลักวิชาการ หรือ นำเสนอรูปแบบเป็นทางการ ไม่เป็นทางการ หรือผสมผสานระหว่างเป็นทางการกับไม่เป็นทางการ ฯลฯ
1.4.การวิเคราะห์การใช้โสตทัศนูปกรณ์ประกอบการนำเสนอ ว่าเราจะใช้อะไร ในการเป็นสื่อที่จะนำเสนอ เช่น เครื่องฉายแผ่นใส คอมพิวเตอร์ Ipad กระดาน โปสเตอร์ คลิปภาพยนตร์ ฯลฯ ทั้งนี้คงต้องวิเคราะห์ผู้ฟังและความสามารถในการนำเครื่องมือไปใช้ของผู้ที่นำเสนอ
2.ซ้อมให้ดี เมื่อเราเตรียมสิ่งต่างๆในข้อที่ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราต้องลองนำเนื้อหา อุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์ต่างๆ มาฝึกซ้อม อาจจะทำเนื้อหาเป็นโน้ตย่อ ฝึกซ้อมโดยการพูดด้วยตนเอง แล้วก็เปิดโสตทัศนูปกรณ์ต่างๆ ไปตามเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งปัจจุบันนั้น เทคโนโลยีมีความทันสมัย ทำให้การฝึกซ้อมเป็นไปได้ง่าย เช่น มีโปรแกรมนำเสนอผ่านคอมพิวเตอร์ , การเปิดคลิปภาพยนตร์ประกอบในช่วงต่างๆ ของเนื้อหา ว่าส่วนเนื้อหาใดเราจะเปิดคลิปภาพยนตร์ตรงไหน , การใช้โปสเตอร์ประกอบการนำเสนอว่าควรอยู่ในเนื้อหาส่วนใด ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำเสนอของผู้นำเสนอแต่ละคน
3.นำเสนออย่างมั่นใจ เมื่อถึงเวลาในการนำเสนอ เราควรนำเสนอแบบมั่นใจในตนเอง เพราะถ้าเนื้อหาเตรียมตัวมาอย่างดี การฝึกซ้อมอยู่บ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดความมั่นใจในการนำเสนอ แต่หลายๆคน ยังคงเป็นโรคปอด(แหก) เราอาจใช้เทคนิคบางอย่างเข้าช่วยได้ เช่น การใช้ Power Words หรือ หาคำที่มีพลังมาปลุกกำลังใจของตนเอง ( ตัวอย่าง “การพูดในเรื่องนี้เรารู้ดีที่สุด” หรือ “ใครเต็มที่ไม่เต็มที่ไม่รู้แต่เราต้องนำเสนออย่างเต็มที่” หรือ “สู้ตาย” หรือ “ฉันทำได้” ) แล้วก็ขึ้นเวทีพูดด้วย เสียงดัง ฟังชัด ด้วยความมั่นใจ
4.รับมือกับการตอบคำถาม ในช่วงที่เตรียมข้อมูล การวิเคราะห์ผู้ฟัง การวิเคราะห์เนื้อหา เราควรคาดเดาด้วยว่า ถ้าเราเป็นผู้ฟัง เราอยากที่จะถามเรื่องอะไร ลองตั้งคำถามมาให้มากที่สุด หรือ ลองให้เพื่อนๆ ช่วยตั้งคำถาม แล้วเราลองทดลองตอบคำถามนั้น เมื่อถึงเวลาตอบจริงก็จะทำให้เราตอบคำถามได้ด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้น จงใช้ความเยือกเย็น สุขุม ในการตอบคำถาม
สรุป หลักการนำเสนออย่างได้ผล เราต้องมีการเตรียมตัวที่ดี (เช่น การวิเคราะห์ผู้ฟัง การวิเคราะห์สถานที่ การวิเคราะห์เนื้อหาและการวิเคราะห์การใช้โสตทัศนูปกรณ์) เราต้องมีการซ้อมให้ดี เราต้องมีการนำเสนออย่างมั่นใจและเราต้องรับมือกับการตอบคำถาม

...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.