หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  การผูกใจคนทำงาน
  -  ศิลปะในการบริหาร
  -  นักบริหารกับความสำเร็จ
  -  นักบริหารกับมนุษย์สัมพันธ์
  -  การพัฒนาศักยภาพตนเอง
  -  การทำงานเป็นทีม
  -  การจัดการเวลา
  -  การสร้างทีมให้ยิ่งใหญ่
  -  คุณลักษณะผู้นำ
  -  คิดทำอย่างเศรษฐี
  -  พลังแห่งการบริหารเวลา
  -  บริหารเวลา บริหารชีวิต
  -  ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการทำงาน
  -  จงพัฒนาความคิด
  -  พลังคุณธรรม จริยธรรม และพลังความสามัคคี คือพลังแห่งการสร้างชาติ
  -  การบริหารโดยให้พนักงานมีส่วนร่วม
  -  การเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีของท่านในองค์กร
  -  การสร้างภาพลักษณ์ของนักการเมือง
  -  ประหยัดเวลาด้วยวิธีการวางแผน
  -  เทคนิคการแสวงหาโอกาส
  -  การจัดการข้อมูล
  -  จงดำเนินธุรกิจของตนเอง
  -  ทำทุกนาทีให้มีค่า
  -  การใช้โทรศัพท์
  -  ใช้เวลาเดินทางอย่างคุ้มค่า
  -  ปิดสวิตซ์นอน
  -  วันนี้..มีค่ามากกว่าวันพรุ่งนี้
  -  เหตุผลที่ทำให้คนใช้เวลาแบบทิ้งๆขว้างๆ
  -  เสริมพลังทีมสร้างพลังกลุ่ม
  -  การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
  -  ถ้าอยากเป็นเศรษฐีมิควรเป็นลูกจ้าง
  -  กุศโลบายในการทำงานให้มีความสุข
  -  ลักษณะของความเป็นผู้นำ
  -  หากรู้จักตนเองก็สำเร็จไปกว่าครึ่ง
  -  อัจฉริยะอยู่ที่ตัวท่าน
  -  เคล็ดลับการทำลายมนุษย์สัมพันธ์
  -  การเตรียมตัวสมัครงานเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน(AC)
  -  พัฒนาตนเองด้วยมิติ “ การจัดการ PDCA”
  -  พัฒนาตนเอง 5 ส. สู่ความสำเร็จ
  -  การพัฒนาการบริการในหน่วยงานราชการ
  -  7 C เพื่อการสื่อสารที่ดี
  -  กฎแห่งความสำเร็จ
  -  ความสำคัญในการเป็นนักพูด
  -  อิทธิบาท 4 สู่การเป็นนักพูด
  -  ใจใหญ่
  -  Change Management
  -  3 H กับ การทำงาน
  -  กฎ 20/80 ของพาเรโท
  -  การจัดการเวลา
  -  สม่ำเสมอ มากพอ นานพอ
  -  ทำไมจึงต้องจัดการกับเวลา
  -  DISC กับการพัฒนาภาวะผู้นำ
  -  นพลักษณ์ ศาสตร์แห่งการรู้จักตนเองและผู้อื่น
  -  สาเหตุที่ทำให้เราบริหารเวลาไม่ดี
  -  การบริหารเวลากับเส้นตาย
  -  แนวความคิดในการบริหารเวลา
  -  การบริหารเวลา : เทคนิคในการประหยัดเวลา
  -  การบริหารเวลา :การตั้งเป้าหมายในชีวิต
  -  การบริหารเวลา : หลักการใช้เวลาที่ดี
  -  การบริหารเวลา : ทำทันทีหรือททท.
  -  การบริหารเวลา : การใช้เวลาเพื่อความสำเร็จ
  -  การบริหารเวลา : เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า
  -  อาจารย์กับขวดโหลเวลา
  -  วัยกับการบริหารเวลา
  -  5 ร.พาให้รุ่งในการทำงาน
  -  จงทำงานให้มีความสุข
  -  IQ EQ AQ MQและSQ สำหรับนักบริหาร
  -  เติมไฟในการทำงาน
  -  การตลาดลูกผสม
  -  เดินทาง 1 หมื่นลี้...ต้องเริ่มต้นจากก้าวแรก
  -  การตลาดเชิงสร้างสรรค์
  -  เจ้าสัวเชื้อสายจีน
  -  การตลาดเชิงยุทธ์
  -  การจัดการเวลา 8+8+8
  -  การบริหารเวลากับการวิเคราะห์งาน
  -  การบริหารเวลา การตรงต่อเวลา
  -  มีเวลาทำงานมาก ไม่ได้หมายความว่าทำงานได้ดี
  -  ก้าวสู่ AEC ด้วยการตลาด E-Commerce
  -  Promotion ทางการเมือง
  -  ประหยัดเวลาด้วยพลังของทีม
  -  ปลาเล็กกินปลาใหญ่
  -  ข้อผิดพลาดทางการตลาด
  -  ฝันให้ไกล...แล้วไปให้ถึง
  -  สื่อการตลาด
  -  จุดเริ่มต้นอาเซียน และ เป้าหมายการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
  -  สาธารณสุขไทยกับอาเซียน
  -  การเข้าสู่อาเซียนของสาธารณสุขไทย
  -  ปัจจัยต่างๆที่นำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง
  -  กลยุทธ์สร้างความสนใจในการหาเสียงเลือกตั้ง
  -  หลักพาเรโต ทำกิจกรรม 20% ให้ได้ผลลัพธ์ 80%
  -  หลักบริหารเวลาของไอวี่ ลี(Lvy Lee)
  -  กฏของพาร์กินสันในการบริหารเวลา
  -  เวลาของฉันหายไปไหน
  -  เป้าหมายกับการบริหารเวลา
  -  การสร้างวินัยและงดผลัดวันประกันพรุ่ง
  -  ทำอย่างไรถึงจะฉลาดขึ้นอีก
  -  หากต้องการเวลา....ต้องกล้าที่จะปฏฺิเสธ
  -  เทคนิคการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
การบริหารเวลา : การใช้เวลาเพื่อความสำเร็จ
การบริหารเวลา : การใช้เวลาเพื่อความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ใช้เวลาเพื่อการทำงานเถิด....มันคือรางวัลแห่งความสำเร็จ....
ใช้เวลาเพื่อการคิดเถิด....มันคือที่มาของพลังอำนาจ.....
ใช้เวลาเพื่อการผ่อนคลายเถิด...มันคือเคล็ดลับแห่งความมีชีวิตชีวา....
ใช้เวลาเพื่อการอ่านเถิด....มันคือรากฐานแห่งสติปัญญา....
ใช้เวลาเพื่อการฝันเถิด....มันคือพาหนะที่นำไปสู่ดวงดาว
ใช้เวลาเพื่อการสังเกต...เรียนรู้...อย่างกว้างขวางเถิด....
วันเวลาสั้นเกินไปที่จะเห็นแก่ตัว....
ใช้เวลาเพื่อการหัวเราะเถิด....มันคือดนตรีแห่งวิญญาณ...(บทสวดของชาวไอริช...)
การใช้เวลาของผู้ที่ประสบความสำเร็จกับคนธรรมดาโดยทั่วไป มักมีความแตกต่าง ซึ่งการใช้เวลาของผู้ที่ประสบความสำเร็จเขาจะมุ่งเน้นในการทำงานหรือการใช้เวลาไปกับเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อน เป็นอันดับแรก เขาจะมีการวางแผนในการใช้เวลา เช่นเดียวกับศัลยแพทย์ชาวอเมริกาที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “ ถ้าผมจะต้องผ่าตัดผู้ป่วยโดยใช้เวลา 13 นาที ผมจะใช้เวลาวางแผนการผ่าตัด 3 นาที เหลืออีก 10 นาทีผมจะใช้เวลาในการทำการผ่าตัด”
เราจะเห็นได้ว่าการวางแผนในการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อีกทั้งการควบคุมตนเองก็มีความสำคัญเช่นกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
“เกษตรกรชายคนหนึ่ง ตื่นมาแต่เช้าเพื่อที่จะออกไปขุดดินเพื่อปลูกผัก เขามีความตั้งใจมากว่าจะต้องขุดดิน ขึ้นแปลง เพื่อทำการปลูกผักให้เสร็จภายในวันเดียว สวนผักของเขาอยู่ห่างไกลจากบ้านพักอาศัยที่เขาอาศัยอยู่ เขาจึงขับรถยนต์ ไปเติมน้ำมัน ระหว่างทางเขาขับรถยนต์ผ่านตลาดสด เห็นคนนำลูกไก่มาขาย เขาจึงคิดว่า แวะซื้อลูกไก่สัก 10 ตัว คงไม่ทำให้เสียเวลามาก ดังนั้นเขาก็จอดรถยนต์เพื่อลงไปซื้อลูกไก่ แล้วเขาก็ขับรถต่อไป เห็นร้านขายไม้กวาด เขาคิดว่าจะซื้อไปฝากภรรยา เขาจึงลงไปซื้อไม้กวาดมา 1 อัน แล้วเขาก็ขับรถต่อไป พอถึงปั๊มน้ำมัน เติมน้ำมันเสร็จ เขาเห็นคนนำผักผลไม้มาขาย เขาจึงตัดสินใจซื้อเพื่อนำไปเป็นอาหารมื้อเย็น จนถึงสวนของเขา ภายในสวน เขาเห็นบึงเล็กๆ มีน้ำเหลืออยู่จำนวนไม่มาก แต่ภายในบึงมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เขาคิดว่า เขาจะตักน้ำออกจากบึงแล้วเอาปลาออกจากบึง เพื่อนำไปเป็นอาหารเย็น ”
เราจะเห็นว่าเกษตรกรชายคนนี้ มีเป้าหมายและการวางแผนว่าจะออกไปขุดดิน ขึ้นแปลงเพื่อปลูกผัก แต่เอาเข้าจริงๆ มีกิจกรรมหลายๆอย่างที่ทำให้เขาต้องเสียเวลาไปกับเป้าหมายที่เขาตั้งใจไว้ หลายๆคนอ่านแล้ว คงนึกขำตลกกับเกษตรกรชายคนดังกล่าว แต่หารู้ไม่ พวกเราส่วนใหญ่ก็มีพฤติกรรมไม่ได้แตกต่างไปจากเกษตรกรชายคนนี้มากนัก
หลายๆคนมีเป้าหมายแล้ว มักจะเฉไฉ ไม่พยายามเดินตรงไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้ หลายๆคนออกนอกเส้นทางไปเลยก็มี เพราะระหว่างทางมักมีสิ่งล่อ สิ่งเร้า เพื่อให้เราเดินออกนอกเส้นทางที่เราวาง การบริหารเวลาที่ดีก็เช่นกัน คนที่จะบริหารเวลาได้ดีจำเป็นอย่างมากจะต้องเป็นคนที่มีวินัย
หลายๆคน มักบ่นว่าทำงานหนัก แต่หากพวกเราไปศึกษา วิเคราะห์ การใช้เวลาของเรา เราก็จะเห็นว่า เราใช้เวลาไปกับสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ มากจนเกินไป จนลืมทำงานที่สำคัญที่สุดของเรา จึงทำให้เกิดผลลัพธ์น้อยมาก การทำงานหนักไม่ได้หมายถึงว่าคนๆนั้นจะประสบความสำเร็จ หากว่าการทำงานหนักและทำงานอย่างชาญฉลาดต่างหากที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้
ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำจะเป็นการดีกว่า (โพธิสัตว์)
...
  
การบริหารเวลา : เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า
การบริหารเวลา : เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การผัดวันประกันพรุ่ง คือ ตัวเร่งปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
หลายๆคนโดยเฉพาะเด็กยุคใหม่ มักเสียเวลาไปกับการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ การดูโทรศัพท์ การพูดคุยโทรศัพท์ บางคนก็เดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า เป็นเวลานานหลายๆชั่วโมง หลายๆคนมักมีข้ออ้างว่าเป็นการพักผ่อน
แต่มันจะคุ้มค่าหรือ ? ที่ใช้เวลาพักผ่อน เป็นจำนวนหลายๆชั่วโมงในแต่ละวัน ตรงกันข้ามกับบุคคลที่รู้จักคุณค่าของเวลา เขาจะใช้เวลาไปกับสิ่งที่เป็นประโยชน์ เช่น การพัฒนาตนเอง การเรียนภาษาอังกฤษ การเล่นดนตรี การเล่นกีฬา ฯลฯ และเมื่อเวลาผ่านไปเราจะเห็นความแตกต่างระหว่างคนที่ใช้เวลาเป็นกับคนที่ใช้เวลาไม่เป็น
คนที่ใช้เวลาเป็นเขาจะได้รับความก้าวหน้า ทั้ง การเรียน หน้าที่การงาน เขาจะก้าวไปได้ไกลกว่าคนที่ใช้เวลาไม่เป็นหลายเท่า ดังนั้น การศึกษา เรียนรู้ การบริหารเวลา แล้วนำไปใช้จึงทำให้คนหลายๆคนประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งหน้าที่และการทำงาน คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับการลำดับความสำคัญ ดังต่อไปนี้
ก คือ งานที่สำคัญมาก มีความเร่งด่วน มีผลกระทบต่อความสำเร็จ ไม่ทำไม่ได้จะเสียหาย
ข คือ งานที่มีความสำคัญรองลงมา ยังไม่มีความเร่งด่วน แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องทำ
ค คือ งานที่ไม่สำคัญ แต่มีความเร่งด่วน เขามักจะมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำแทน
ง คือ งานที่ไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วน เขาจะไม่ทำหรือให้คนอื่นทำแทนก็ได้
คนที่ประสบความสำเร็จมัก เน้นที่จะทำงาน ก และ ข คือ เขาจะเลือกทำงานที่สำคัญที่สุดและสำคัญรองลงมาก่อน ส่วนงานที่ไม่มีความสำคัญ เขาจะจ้างหรือหาผู้ช่วยทำแทน
ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ เขามักจะเลือกทำทุกเรื่องที่เข้ามาหาเขา อีกทั้งยังไม่มีความไว้วางใจใคร ให้ช่วยทำงานแทน เขาจึงต้องทำงานที่ไม่มีความสำคัญอยู่ร่ำไป
หลังจากการจัดลำดับงานที่มีความสำคัญและไม่สำคัญแล้ว เราควรที่จะต้องมีการวางแผนการทำงาน อีกทั้งควรมีสมุดบันทึกการทำงานที่ดี ไดอารี่ เครื่องมือช่วยเตือนความจำ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ เราใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
แต่สิ่งที่มีความสำคัญที่สุดก็คือ เราจำเป็นจะต้องมีวินัย หลายๆคน วางแผนการใช้เวลา แต่ก็ไม่สามารถปฏิบัติได้ดังแผนการที่วางเอาไว้ ก็เนื่องมาจาก การไม่มีวินัย การผัดวันประกันพรุ่ง ฉะนั้น จงเพาะนิสัยที่ดีในการบริหารเวลา เพื่อความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในทางการวิจัย เคยมีผู้วิจัย วิจัยออกมาว่า หากท่านต้องการสร้างนิสัยใหม่ให้เกิดขึ้นกับตัวของท่าน ท่านจงทำสิ่งนั้นทุกๆ วันติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน แล้วนิสัยใหม่ก็จะเกิดขึ้นกับตัวของท่าน
จงเรียนรู้และศึกษาเรื่องของการบริหารเวลา แล้วนำไปปฏิบัติ ท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
...
  
อาจารย์กับขวดโหลเวลา
อาจารย์กับขวดโหลเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ครั้งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มี “ อาจารย์ท่านหนึ่งได้เดินเข้าห้องเรียนพร้อมกับขวดโหลใบหนึ่ง ซึ่งในที่นี้ขอเรียกว่า “ ขวดโหลเวลา ” แล้วอาจารย์ท่านนั้นก็ยืนหน้าห้องพร้อมด้วยอุปกรณ์ต่างๆ หลังจากนั้น อาจารย์ก็เริ่มเข้าสู่เนื้อหาโดยการเริ่มเอา ขวดโหลเวลาขึ้นมาบนโต๊ะ จากนั้นก็ค่อยๆ เอาก้อนหินใหญ่ใส่ลงไปในขวดโหลเวลาจนเต็ม แล้วจึงถามนักเรียนในชั้นว่า ก้อนหินเต็มหรือยัง นักเรียนก็ตอบทันทีว่าเต็มแล้ว
จากนั้น อาจารย์ก็นำก้อนหินเล็กๆ ใส่ลงไปในขวดโหลเวลา จนเต็มแล้ว ก็ถามนักเรียนว่า ก้อนหินเต็มขวดโหลเวลาหรือยัง นักเรียนรีบตอบทันทีว่า “ เต็มแล้ว ” หลังจากนั้น อาจารย์จึงนำเอาถุงทรายขึ้นมาแล้วจึงเทถุงทรายลงไปในขวดโหลเวลา จนเต็ม แล้วก็ถามนักเรียนว่า ทรายเต็มขวดโหลเวลาหรือยัง เด็กนักเรียนรีบตอบว่าเต็มแล้ว อาจารย์ท่านนั้นก็บอกว่าเต็มจริงๆ
หลังจากนั้น อาจารย์ก็พูดให้แง่คิดว่า “ ชีวิตของคนเราก็เหมือนกับสิ่งต่างๆที่อยู่ภายในขวดโหลเวลานี้” หินก้อนใหญ่เปรียบเสมือนสิ่งที่มีความสำคัญต่อเรามากที่สุด มีความหนักที่สุดและใช้พื้นที่ภายในขวดแก้วมากที่สุด ซึ่งหมายถึง งาน ครอบครัว สุขภาพ เพื่อนฝูง สำหรับหินก้อนเล็กๆ เปรียบเสมือน รถ บ้าน สิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งมีความสำคัญน้อยกว่า สำหรับทรายได้แก่สิ่งที่ไม่มีความสำคัญ
ฉะนั้นชีวิตของคนเรา เรามีความจำเป็นที่จะต้องมีการลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ เช่น เราควรให้ความสำคัญกับ งาน ครอบครัว สุขภาพ เพื่อนฝูง ก่อน รถ บ้าน สิ่งอำนวยความสะดวก หลังจากนั้นหากมีเวลาเหลือ เราจึงควรทำในสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ

...
  
วัยกับการบริหารเวลา
วัยกับการบริหารเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
วัยกับการบริหารเวลา ในชีวิตของคนเราทุกๆคน มักมีวงจรชีวิตที่เหมือนกันกล่าวคือ เมื่อเราเกิดมาเราต้องผ่านวัยต่างๆ เช่น วัยเด็ก วัยเรียน วัยทำงาน วัยชรา ซึ่งเราสามารถแบ่งออกเป็นช่วงๆ โดยมีความสัมพันธ์กับอายุได้ดังนี้
อายุ 1-25 ปี เป็นวัยที่มีความสนุกสนาน วัยศึกษาเล่าเรียน ไม่ต้องรับผิดชอบในเรื่องการหาเงินเลี้ยงชีพมากนัก ซึ่ง เราจำเป็นจะต้องเรียนให้ดีและให้ได้มากที่สุด ซึ่งบุคคลใดที่มีความตั้งใจศึกษาเล่าเรียน บุคคลนั้นก็มักจะได้มีการงานอาชีพที่ดีและมั่นคงในอนาคต
อายุ 25-50 ปี เป็นวัยทำงาน เราต้องลองผิดลองถูก ท่านจึงไม่ควรกลัวความล้มเหลว กลัวความผิดหวังมากนัก เพราะหากท่านเกิดความกลัวมากๆ ท่านก็จะไม่กล้าริเริ่มทำอะไรใหม่ๆให้กับชีวิตเลย วัยนี้ เราต้องเรียนรู้ เราต้องฝึกหัดหาประสบการณ์ อีกทั้งต้องหาเงินเพื่อสร้างฐานะตนเองและครอบครัว ช่วงวัยนี้หากใคร ขยันทำงาน มีความสามารถในการหาเงินเก่ง ก็จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ในช่วงต่อไป เกิดความสุขความสบาย
อายุ 50-60 ปี เป็นวัยที่ บุคคลหลายๆคนประสบความสำเร็จในชีวิต บางคนได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ในตำแหน่งสูงๆ วัยนี้เป็นวัยที่เราสามารถช่วยเหลือสังคมได้มากกว่าวัยอื่นๆ เช่น หลายคนรับราชการเมื่อใกล้อายุ 60 ปี มักจะได้รับตำแหน่งบริหารในระดับต่างๆ อาทิ ปลัดกระทรวง อธิบดี พลเอก พลตำรวจเอก บางคนดำรงตำแหน่งจนกระทั่งเกษียณอายุในที่สุด
อายุ 60-80 ปี เป็นวัยพักผ่อน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน สำหรับคนอายุในวัยนี้ ไม่ควรเครียดให้มาก เพราะจะทำให้สุขภาพกาย สุขภาพใจเสียได้ง่าย และทำให้อายุไม่ยืนยาว บางคนอยู่ในช่วงนี้ยังไม่ย่อมปล่อยวาง ไม่ยอมส่งมอบกิจการให้กับลูกหลาน จึงทำให้เกิดความทุกข์ ก็เนื่องจากการแบกรับภาระ
อายุ 80 ปีขึ้นไป เป็นวัยพลัดพราก หรือเป็นวัยที่ละสังขาร หลายคนอาจอยู่ไม่ถึง แต่ถ้าหากใครอยู่ถึง 80 ปี ขึ้นไปก็นับได้ว่า ท่านได้กำไรชีวิต ท่านควรรักษาสุขภาพให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ลูกหลานในการที่จะต้องมาคอยดูแล รักษาพยาบาลร่างกายของท่าน
ดังนั้น หากใครสามารถดำเนินชีวิตตามวัยได้ บุคคลผู้นั้นจะประสบความสำเร็จได้ดีกว่าบุคคลที่ไม่รู้จักใช้ชีวิตให้ไปตามวัย เช่น หากใครอยู่ในอายุ 1-25 ปี แล้วไม่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เรียนไม่จบก็จะกระทบกับวัยอื่นๆไปด้วย กล่าวคือ อายุ 25-50 ปี ท่านจะได้ทำงานในอาชีพที่ไม่สู้จะดีนัก เมื่อท่านมีหน้าที่การงาน อาชีพที่ไม่ดี ท่านก็จะได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนในระดับที่ไม่สูงนัก
เมื่อท่านมีรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย ก็จะทำให้ช่วง อายุ 50-60 ปี ท่านจะไม่ประสบความสำเร็จไปด้วย เนื่องจากถ้าหากคนเราเสียเรื่องเงินก็จะทำให้เรื่องอื่นๆมีปัญหาไปด้วย บางคนต้องถูกฟ้องล้มละลาย ก็เพราะการใช้เงินที่เกินตัว อายุ 60-80 ปี แทนที่ท่านจะได้พักผ่อน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ท่านจำเป็นจะต้องหาเงินมาใช้หนี้สิน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ท่านเกิดความเครียดและทำให้ท่านพลัดพรากไปเร็วกว่าเวลาที่ควร
สำหรับข้อความข้างต้น เป็นข้อความที่นำเสนอภาพรวมที่เกี่ยวกับเรื่องวัยกับการบริหาร แต่ทั้งนี้ หลายคนไม่ได้ดำเนินชีวิตตามวัยในข้อความข้างต้น แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ จึงข้อสรุปว่า ความสำเร็จของคนเราขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ ตัวเราเอง เพราะบางคน ช่วงอายุ 1-25 ปี แต่ไม่มีโอกาสเรียนเนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน บางคนไม่ชอบเรียนในระบบ ต้องออกไปเรียนนอกระบบ แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จในระดับสูงได้เช่นกัน
...
  
5 ร.พาให้รุ่งในการทำงาน
5 ร.พาให้รุ่งในการทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
มีหลายคนพยายามพูดถึงการทำงานอย่างไรให้เจริญก้าวหน้าในที่ทำงาน ซึ่งคำตอบที่ได้มักมีความคล้ายคลึงกัน ในบทความนี้กระผมจึงอยากนำเสนอเรื่อง “ 5 ร.พาให้รุ่งในการทำงาน” ดังนี้
1.เรียนรู้ รอบรู้ คนที่จะประสบความสำเร็จในการทำงาน คนๆนั้นจะต้องเป็นนักเรียนรู้ อีกทั้งต้องเป็นคนที่มีความรอบรู้ในสายงานอาชีพของตนเอง ดังเราจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในการทำงานมักจะนำตัวเองไปอบรมในหลักสูตรต่างๆ หรือ การอ่านหนังสือต่างๆ ในแวดวงของตนเองอยู่เสมอ
2.ริเริ่ม สร้างสรรค์ คนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพมักจะเป็นคนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆอยู่เสมอ ดังตัวอย่างเช่น สตีฟ จอบส์ เขามักจะให้บริษัทของเขาออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เสมอ ฉะนั้น หากเราสังเกตก็จะพบได้ว่า หากใครที่คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอก็จะประสบความสำเร็จมากกว่าบุคคลที่เลียนแบบคนอื่นหรือทำเหมือนกับคนอื่นๆ
3.รวดเร็ว ทันใจ คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ทันสมัย ทันเหตุการณ์ แต่ตรงกันข้ามบุคคลที่ทำงานไม่เก่ง มักทำอะไร เชื่องช้า ไม่ทันใจ เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน รวมไปถึงลูกค้าที่มาใช้บริการ
4.ร่วมมือ สามัคคี คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ให้ความร่วมมือในการทำงาน อีกทั้งเป็นคนที่ประสานงานเก่ง ไม่สร้างความแตกแยกในหมู่คณะ แต่ตรงกันข้ามเขามักเป็นคนที่มีภาวะผู้นำที่สูง ในการนำพาองค์กรและคนในองค์กรให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
5.รับผิดรับชอบ ในงานในหน้าที่ของตนเอง คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เขากล้าที่จะตัดสินใจ และเมื่อตัดสินใจผิดพลาด เขาก็จะยอมรับความผิดพลาดนั้นโดยไม่มีข้อแก้ตัว ที่สำคัญคนที่ประสบความสำเร็จในการทำงานมักเป็นคนที่รักษาคำพูด เขาจะเป็นคนที่มีพลัง มีความเชื่อมั่นสูง
ดังนั้น หลักการ 5 ร.พาให้รุ่งในการทำงาน จึงเป็นหลักการที่ท่านสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้เพื่อให้ท่านประสบความสำเร็จในหน้าที่ทำงานได้เป็นอย่างดี

...
  
จงทำงานให้มีความสุข
จงทำงานให้มีความสุข
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข
ทำงานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน(สร้อย)
ชีวิตคือ ลมหายใจใครก็รู้
ชีวิตคือ การต่อสู้ควรศึกษา
ชีวิตคือ กิจการงานตระการตา
ชีวิตคือ กาลเวลาที่คุ้มครอง
ทำงานเพื่องานบันดาลผล ทำดีเพื่อดีดีดลผลให้
ทำหน้าที่ เพื่อหน้าที่ อย่างจริงใจ
สร้างไท ให้กับตัว อย่ากลัวเกรง
ข้อความข้างต้นนี้ เป็นบทประพันธ์ของหลวงพ่อพุทธทาสที่มีความหมายเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาภายหลัง มีคนนำมาใส่ทำนองจึงออกมาเป็นบทเพลง ซึ่งเป็นบทเพลงที่ให้กำลังใจเป็นอย่างดีสำหรับคนที่อยู่ในวัยของการทำงาน
แต่สำหรับคนทำงานเป็นจำนวนมาก มักมีปัญหาเรื่องของการทำงาน กล่าวคือ เมื่อทำงานไปนานๆ มักเกิดอาการเบื่อหน่ายงาน ไม่มีความสุขจากการทำงาน ก็เนื่องมาจากหลายสาเหตุ เช่น มีปัญหากับเจ้านายเลยทำให้ทำงานไม่สนุก , การคาดหวังผลประโยชน์จากงานแล้วไม่ได้ตามคาดหวังเลยทำให้ท้อแท้ใจ , การมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน , การมีความคิดในแง่ลบตลอดเวลา ฯลฯ
ซึ่งกระผมเชื่อแน่ว่า หลายท่านที่มีปัญหาในที่ทำงานทุกๆคน จะมีปัจจัยที่แตกต่างกันที่ทำให้ตนเองไม่มีความสุขในการทำงาน หากท่านไม่มีความสุขในการทำงาน ท่านคงต้องพิจารณาถึงสาเหตุแล้วควรไปแก้ไขที่สาเหตุ ท่านไม่ควรใช้วิธีการของบุคคลอื่นเพื่อนำวิธีการของเขามาแก้ไขปัญหาของท่าน เพราะจะทำให้ท่านแก้ไขปัญหาไม่ถูกที่
หลายคนมักถามผมว่า ทำอย่างไรถึงจะทำงานให้มีความสุข ซึ่งกระผมมักตอบว่า เราสามารถทำงานให้มีความสุขได้โดยเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อนเป็นอันดับแรก ในการแล่นเรือในทะเล หากพวกเราสังเกตจะพบว่า คนที่บังคับเรือ เขาไม่สามารถปรับทิศทางลมได้ แต่เขาสามารถปรับหางเสือเรือได้ เหมือนกันในการทำงานเราไม่สามารถปรับสภาพแวดล้อม เราไม่สามารถเลือกเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานได้ แต่เราสามารถปรับตัวของเราเองได้ ซึ่งหลักในการปรับตัวเพื่อให้มีความสุขมีดังนี้
1.ท่านต้องสร้างทัศนคติที่ดีในการทำงานตลอดเวลา โดยเฉพาะการคิดในแง่บวก เพราะการคิดในแง่บวกจะทำให้ท่านมองโลกในแง่ดี แต่การคิดในแง่ลบ มักจะทำให้ท่านมองโลกในแง่ร้าย ท่านจะเกิดความคิดในเชิง โกรธ อิจฉา อยากที่จะทำลาย มากกว่าที่จะสร้างสรรค์งานใหม่ๆออกมา ทัศนคติของเรา ความคิดของเราจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุด เช่น หลายคนเห็นน้ำหมดไปครึ่งแก้ว แต่บางคนบอกว่าเหลืออีกตั้งครึ่งแก้ว
2.ท่านต้องสร้างมิตรมากกว่าสร้างศัตรูในที่ทำงาน สุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า “ มีเพื่อน 100 คนยังน้อยไปมีศัตรูคนเดียวมากเกินไปแล้ว ” ดังนั้นหากเพื่อนร่วมงาน ทำอะไรไม่ถูกใจเราหรือทำอะไรให้เราไม่สบายใจ หนักนิดเบาหน่อยก็ควรให้อภัยซึ่งกันและกัน การอภัยนั้น ทำได้ยากก็จริงอยู่ แต่การอภัยจะทำให้เราเกิดความสบายใจและมีมิตรมากกว่าศัตรูอย่างแน่นอน อีกทั้งการเลือกคบเพื่อนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราเกิดความสุขในที่ทำงานและประสบความสำเร็จในที่ทำงาน บางคนฆ่าตัวตายก็เนื่องมาจากเพื่อนให้คำปรึกษาที่ไม่ดี ไม่คอยเป็นกำลังใจให้ ไม่รับฟังปัญหา แต่คนที่เลือกคบเพื่อนที่ดีก็มักจะแก้ปัญหาและหาทางออกได้ดีกว่า
3. ท่านไม่ได้ทำงานเพื่องาน แต่ท่านทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง หากท่านทำงานเพื่องานท่านจะเกิดความสบายใจไม่เกิดอาการกดดัน แต่หากท่านมีความต้องการผลประโยชน์ส่วนตนแฝงท่านก็จะเกิดความเครียดหากว่าไม่ได้สิ่งเหล่านั้น เช่น ท่านทำงานเพื่อหวังตำแหน่ง หวังเงินเดือน โบนัสเพิ่ม แต่หากท่านไม่ได้ตามสิ่งที่หวัง ท่านก็จะไม่มีความสุขในการทำงาน แต่ในทางกลับกัน หากท่านทำงานเพื่อผู้อื่น ท่านก็จะได้รับความสุขในการทำงานมากขึ้น หากท่านเป็นนางพยาบาล มีผู้ป่วยมารักษา ท่านมีความคิดในการช่วยเหลือ อีกทั้งต้องการรักษาผู้ป่วยให้หายจากโรค ท่านจะบริการด้วยความสุขใจที่ท่านได้ทำงานนี้
4.ท่านต้องรักงานที่ท่านทำ การเลือกงานที่ท่านรักจะทำให้ท่านมีความสนุกในการทำงานมากกว่า การทำงานในสิ่งที่ท่านไม่รัก การรักงานที่ทำจะทำให้ท่านทำงานได้นานกว่าการทำงานตามปกติ หากท่านมีโอกาสเลือกงานได้ ท่านจงเลือกงานที่ท่านรัก แต่หากเลือกไม่ได้จริงๆ ก็ขอให้ท่านปรับความคิดเสียใหม่ คือ จงรักในงานที่ท่านทำ
ท้ายนี้กระผมขอฝากแง่คิดไว้ว่า ชั่วชีวิตของคนเราส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาในการทำงานมากกว่าใช้เวลากับสิ่งต่างๆ กล่าวคือ มากกว่าเวลาที่จะอยู่กับครอบครัว มากกว่าเวลากิน มากกว่าเวลานอน ดังนั้น หากว่าท่านไม่มีความสุขในการทำงาน ชีวิตของท่านก็จะเกิดความทุกข์ ฉะนั้นหากว่าท่านอยากมีความสุขในการทำงาน กระผมจึงอยากให้ท่านปรับทัศนคติเสียใหม่ , จงสร้างมิตรในที่ทำงานมากกว่าการสร้างศัตรู , จงทำงานเพื่อผลประโยชน์ของผู้อื่นและจงเลือกทำงานในงานที่ท่านรัก ท่านก็จะเกิดความสุขในการทำงานได้อย่างแน่นอน
...
  
IQ EQ AQ MQและSQ สำหรับนักบริหาร
IQ EQ AQ MQและSQ สำหรับนักบริหาร
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
IQ EQ AQ MQและSQ ตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษเหล่านี้ มักมีผู้สนใจ อีกทั้งต้องการที่จะทราบความหมายว่าหมายความว่าอย่างไร และสำหรับผู้ที่เป็นนักบริหาร ตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ควรจะศึกษาและทำความเข้าใจ
IQ ย่อมาจาก Intelligenec Quotient หมายถึง ความฉลาดความสามารถทางเชาว์ปัญญา ซึ่งถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยที่คอยส่งเสริม เชาว์ปัญญาเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ แต่สามารถแสดงออกโดยผ่านพฤติกรรมต่างๆของบุคคล
สำหรับการวัดไอคิว เราสามารถวัดได้จากแบบทดสอบหรือเครื่องมือที่นักวิทยาศาสตร์คิดค้นโดยมีการแบ่งออกเป็นทักษะต่างๆคือ
ทักษะด้านคณิตศาสตร์ , ทักษะด้านการคิด , ทักษะด้านความจำ , ทักษะด้านการใช้ภาษา , ทักษะด้านความเร็วในการคำนวณต่าง เป็นต้น
ปัจจัยต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อสมองหรือการพัฒนาไอคิว เช่น การขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและสมอง , ความเครียด ความกดดัน ขาดการออกกำลังกาย ขาดการพักผ่อน , ขาดการฝึกฝนการใช้ความคิด , การมองตนเองในด้านลบ , การใช้สารยาเสพติดต่างๆ , การเลี้ยงดู การอบรม ภายในครอบครัว เป็นต้น
นักบริหารที่มีไอคิวที่สูง มักได้เปรียบนักบริหารที่มีไอคิวที่ต่ำ เพราะนักบริหารที่มีไอคิวที่สูง มักคิดได้ไวกว่า , ตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆได้ดีกว่า , เรียนรู้งานหรือสิ่งต่างๆได้เร็วกว่า เป็นต้น
EQ ย่อมาจาก Emotional Quotient หมายถึง เชาว์อารมณ์ หรือความฉลาดทางอารมณ์ คือ การรู้จัก เรียนรู้ ความรู้สึก อารมณ์ของตนเองและผู้อื่น อีกทั้งสามารถบริหารจัดการกับอารมณ์ต่างๆได้ มีงานวิจัยออกมาหลายชิ้นพบว่า บางคนมี IQ ที่สูง มีความฉลาดทางสติปัญญา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ก็เนื่องมาจากการขาด EQ เช่น นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกหลายๆคน มีความฉลาดทางปัญญาระดับอัจฉริยะ แต่ครอบครัวแตกแยก ภรรยาขอเลิก หรือ ทำงานร่วมกันคนอื่นๆไม่ได้ เป็นต้น
ดังนั้นการเป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จควรมีทักษะด้าน EQ ให้มาก เนื่องจากการทำงานภายในองค์กรมักจะต้องทำงานร่วมกันกับคน นักบริหารที่สามารถปรับอารมณ์ของตนเองและเรียนรู้อารมณ์ของผู้อื่นมักจะประสบความสำเร็จในการทำงานต่างๆได้เป็นอย่างดี
AQ ย่อมาจาก Adversity Quotient หมายถึง ความสามารถในการฝันฝ่าอุปสรรคปัญหาต่างๆ ทั้งต้องมีความอดทน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ร่างกาย จิตใจ เพื่อที่จะบรรลุถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ ตัวอย่างเช่นนักไต่เขา 3 คน
คนที่ 1 เมื่อเห็นภูเขาสูงๆ แล้ว ปฏิเสธไม่อยากที่จะปีนเพราะกลัวเหนื่อย ทั้งๆที่ตนเองก็สามารถปีนขึ้นได้ เราเรียกนักไต่เขาคนนี้ว่า “ Quitters” หรือ ผู้ที่ไม่ยอมเดินทางหรือหยุดเดินทางเมื่อเจอปัญหาอุปสรรค มีลักษณะของการหลบเลี่ยง
คนที่ 2 เมื่อปีนเขาไปได้สักครึ่งทาง บ่นว่าเหนื่อยแล้วหยุดพัก ตั้งเต้นท์แล้วไม่ยอมปีนต่อ สำหรับลักษณะของคนที่ 2 เมื่ออยู่ภายในองค์กรมักไม่ชอบทำตนให้เด่นเกินหน้าใคร เราเรียกนักไต่เขาคนนี้ว่า “ Campers” หรือ ผู้หยุดพักพิงเมื่อได้ที่เหมาะ
คนที่ 3 จะพยายามปีนให้ไปถึงจุดสูงสุดบนยอดเขา เป็นนักปีนเขาที่อุทิศตนไม่หยุดยั้ง ชอบความท้าทาย มีแรงจูงใจ มีวินัย เมื่อปีนถึงจุดสูงสุดบนยอดเขา มักจะพูดกับตัวเองและผู้คนรอบข้างว่า “ มีเขาลูกไหนที่สูงกว่านี้ให้ปีนอีกไหม” เราเรียกนักไต่เขาคนนี้ว่า “ Climbers” หรือ ผู้ที่รุกไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง
เมื่อท่านเป็นนักบริหาร ท่านลองสำรวจตัวท่านเองหรือลูกน้องของท่าน ว่าตัวท่านเองหรือลูกน้องมีลักษณะเหมือนนักปีนเขาคนใด เพราะถ้าหากท่านเหมือนกับนักปีนเขาคนที่ 1 และคนที่ 2 ท่านมีโอกาสเป็นผู้แพ้มากกว่าผู้ที่ชนะ แต่ถ้าหากท่านหรือลูกน้องของท่านมีลักษณะเหมือนนักปีนเขาคนที่ 3 ท่านและลูกน้องคนนั้นๆ มีโอกาสในการเป็นผู้ชนะ มากกว่าผู้พ่ายแพ้
MQ ย่อมาจากคำว่า “Moral Oral Quotient” หมายถึง ความฉลาดทางจริยธรรม ศีลธรรม หากว่าผู้ใดที่มี MQ สูง คนๆนั้นก็จะมีลักษณะที่รู้จักให้อภัย ลดความเห็นแก่ตัว มีความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งสังคมไทยเรามีปัญหามาก ในเรื่องของ MQ จึงเกิดการทุจริต คอรัปชั่น ในองค์กร หน่วยงานต่างๆ มากมายขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นวงการการเมือง วงการข้าราชการระดับสูง วงการธุรกิจต่างๆ เป็นต้น
การจะปลูกฝังเรื่องของ MQ เป็นเรื่องยากเพราะต้องปลุกฝังตั้งแต่เด็ก โดยการสอน การอบรม อีกทั้งผู้ใหญ่ควรประพฤติปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างที่ดีด้วย
MQ สำหรับนักบริหาร ถ้าหากว่านักบริหารท่านใดมี MQ สูง มักจะได้รับการยกย่อง ความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ มากกว่านักบริหารที่มี MQ ต่ำ
SQ ย่อมาจากคำว่า Social Quotient หมายถึง ความฉลาดทางสังคม เป็นความสามารถในการปรับตัวในการเข้าสังคมได้ดี เป็นบุคคลที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีทักษะในการพูดจา ยิ้มแย้มแจ่มใส มีบุคลิกภาพที่ดี
ดังนั้นการเป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จควรมีทักษะด้าน SQ เนื่องจากการทำงานบริหารเรามีความจำเป็นจะต้องมีการบริหารคน ใช้คนทำงานแทนเรา อีกทั้งต้องมีการพบปะผู้คนที่มากมายเพื่อการสร้างโอกาสในด้านธุรกิจอีกด้วย ดังคำกล่าวของสุภาษิตจีนที่กล่าวไว้ว่า “ นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน ขึ้นสู่ที่สูงได้ยาก ”
โดยสรุป IQ EQ AQ MQ และ SQ กระผมเชื่อว่าพวกเราทุกๆคนมี แต่มีความแตกต่างกันหรือมีไม่เท่ากัน ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวของกระผม นักบริหารที่ประสบความสำเร็จ ควรจะต้องมี IQ EQ AQ MQ และ SQ ที่มีสัดส่วนที่มีความสมดุลกัน ไม่มีตัวไหนที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป การเดินทางสายกลางจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมดังคำสอนของพระพุทธเจ้าในทางพุทธศาสนา คือ ไม่ตึงจนเกินไป หรือ ไม่หย่อนจนเกินไป



...
  
เติมไฟในการทำงาน
เติมไฟในการทำงาน
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เพิ่มมิตร พิชิตโอกาส คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มักมีองค์ประกอบหลายอย่าง แต่มีองค์ประกอบที่สำคัญองค์ประกอบ 1 คือ เรื่องของการมีเพื่อนมาก การรู้จักคนมากๆ เพราะการรู้จักคนมากๆคือโอกาสในการทำงานหรือการทำธุรกิจ ดังจะเห็นได้จากหลายๆคนมักไปอบรม ไปเรียนต่อ ไปสัมมนา ไปทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เล่นกีฬา การไปร่วมทำบุญ การเข้าชมรม สมาคม สโมสร ฯลฯ ก็เพื่อที่จะได้มีโอกาสรู้จักคนให้มากขึ้น
ผูกมิตร พิชิตงาน หลายคนมีเพื่อนมาก แต่เมื่อคบไปนานๆ เพื่อนก็ลดน้อยลง จึงหันไปหามิตรใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไม่อยากจะคบเราก็คือ การที่ไม่รู้จักผูกมิตรนั้นเอง ซึ่งเทคนิคของการผูกมิตรมีอยู่หลายเทคนิค เช่น การชม เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง เมื่อปรากฏกับผู้ใด ผู้คนก็มักจะชื่นชอบคนๆนั้น , ยิ้ม เมื่อเรายิ้มบ่อยๆ ยิ้มมากๆ ผู้คนก็มักที่จะอยากคบกับเรา อยากเข้ามาทักทายเรา , พูดจาดี มีปิยวาจา คนที่พูดแล้ว เกิดประโยชน์ พูดในด้านดีๆ ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดประชด ไม่พูดให้ร้ายใครผู้คนมักจะชื่นชอบ , มีมนุษย์สัมพันธ์ บุคคลที่มีมนุษย์สัมพันธ์มักมีเพื่อนมาก เพราะคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ มักเป็นที่เข้าใจคนอื่นๆได้ดี เป็นต้น
ลดการโต้เถียง เพื่อพิชิตมิตร การโต้เถียง หากว่าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะการโต้เถียง มักทำให้มิตรภาพขาดลง เพราะน้อยคนนัก ที่จะโต้เถียงกันอย่างสงบ ไม่ใช้อารมณ์ในการโต้เถียง อีกทั้งหากพวกเราลองสังเกตดู เมื่อเราโต้เถียงคนอื่นๆ ชนะบ่อยๆ เข้า เพื่อนของเราก็มักจะลดน้อยลง หรือ หนีจากเราไป
เพิ่มงาน โดยการรู้จักบริหารเวลา เมื่อเรารู้จักบริหารเวลา ปริมาณงานของเราก็จะเพิ่มมากขึ้น คุณภาพของงานของเราก็จะดีขึ้น เรามีเวลาเหลือที่จะทำกิจกรรมอื่นๆ ได้มากยิ่งขึ้น ความเครียดความกดดันก็จะลดลง
ฝึกคิด ฝึกตัดสินใจ การทำงาน การใช้ชีวิต เราต้องยอมรับกันว่า เราไม่สามารถหลีกหนีการตัดสินใจไปได้เลย ยิ่งถ้าหากพวกเราเป็นนักบริหาร การตัดสินใจก็มักจะมากขึ้นเป็นลำดับไป เทคนิคการตัดสินใจที่ดี เราควรที่จะต้องหาข้อมูลให้มากขึ้น เราควรหาทางเลือกให้มากขึ้น เราควรพิจารณาข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือก แล้วค่อยตัดสินใจ การตัดสินใจของเราก็จะดีกว่าเดิมเป็นอันมาก ความผิดพลาดก็จะลดน้อยลง
หัดกล่าวคำว่า “ ขอบคุณ ” คำเพียง 2 คำ สามารถสร้างความประทับใจแก่ผู้ฟังเป็นอันมาก เพราะคนที่คอยให้ความช่วยเหลือเรา เขาอยากได้ยินคำๆนี้ ซึ่งการกล่าวคำว่า “ ขอบคุณ” ที่ดี เราจำเป็นจะต้องมองหน้าคนที่เราต้องการ “ขอบคุณ” ในขณะที่พูด , ควรขอบคุณด้วยความจริงใจและควรฝึกใช้อย่างสม่ำเสมอ
ควรฟัง มากกว่าพูด ในการสนทนากัน เราควรที่จะเป็นผู้ฟังมากกว่าเป็นผู้พูด ธรรมชาติสร้างหู มา 2 ข้าง แต่ สร้างปากมาแค่ 1 ปาก ฉะนั้น ธรรมชาติคงต้องการให้เราได้มีโอกาสฟังมากๆ แต่ในการสนทนากัน พวกเรามักชอบทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามคือ ชอบพูดมากกว่าชอบฟัง อีกทั้งบางคนพูดมากจนไม่เปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้พูดเลยก็มี
เข้ากับเจ้านายได้เป็นต่อ พวกเราคงเคยได้ยินมาว่า กฎของการทำงานข้อที่ 1 คือ เจ้านายถูกต้องเสมอ กฎข้อที่ 2 หากเจ้านายผิด ลองกลับไปดูข้อที่ 1 ใหม่ ฉะนั้น ในการทำงานร่วมกันในองค์กร หากผู้ใดต้องการความก้าวหน้า เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับเจ้านาย เป็นสิ่งที่ควรที่จะพิจารณา
และสิ่งที่สำคัญที่สุด จงหางานที่ตนเองรัก แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ ความรักมีอนุภาพที่ยิ่งใหญ่ พวกเราส่วนใหญ่มักทำงานเพื่อเงิน สิ่งที่ได้รับก็คือ ความเบื่อหน่าย ความท้อแท้ การขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน ก็จะเกิดขึ้นเมื่อเราได้ทำงานไประยะหนึ่ง แต่ตรงกันข้าม หากว่าเรามีความรักในงานที่ตนเองทำ เราก็จะมีความขยันทำงาน เราก็จะเกิดความสุขในการทำงาน ทำงานได้ทั้งวัน ไม่เกิดความเบื่อหน่าย นักเขียนหลายท่าน สามารถเขียนหนังสือได้หลายเล่ม ทั้งๆที่อยู่ในเรือนจำหรืออยู่ในคุก โดยเขียนหนังสืออย่างมีความสุข , นักวิทยาศาสตร์ระดับโลก หลายคน ทำงานอยู่ในห้องเล็กๆได้ทั้งวันทั้งคืนอย่างมีความสุข เป็นต้น

...
  
การตลาดลูกผสม
การตลาดลูกผสม
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
แบรนด์ (Brand) ยังมีความสำคัญมากๆ ในการทำการตลาด การสร้าง แบรนด์ ยังเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงกันมาก เพราะ สินค้าใด มีการลงทุนสร้าง แบรนด์ สินค้านั้น จะได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว แบรนด์ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ที่เป็นเจ้าของ ไม่ควรละเลย อีกทั้งต้องเอาใจใส่ ดูแล อย่างสม่ำเสมอ
ลูกค้ายังเป็นพระเจ้าตลอดกาล สำหรับการทำการตลาดแล้ว ลูกค้าหรือผู้ซื้อหรือผู้ใช้บริการ เป็นผู้มีสิทธิเลือก ยิ่งยุคปัจจุบันและยุคอนาคต คู่แข่งมีมากขึ้น สินค้ามีให้เลือกหลากหลายขึ้น ลูกค้าจึงมีสิทธิเลือกใช้สินค้าหรือบริการใดๆ ก็ได้ หากไม่พอใจก็สามารถโอนย้าย ได้อย่างง่ายดาย การตลาดจึงเป็นเรื่องที่ต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ โดยหาวิธีการต่างๆ มาดึงดูดให้ลูกค้าอยู่กับเราให้ได้ยาวนานที่สุด เช่น การตอบสนองด้วยสินค้าที่มีความหลากหลาย หลายสี หลายกลิ่น หลายรส หลายแบบ มากขึ้น , การตอบสนองด้วยการบริการที่รวดเร็ว ทันสมัย ความสะดวกสบาย มากขึ้น , การตอบสนองด้วยราคาที่ถูกลง หรือ ต้องหาสินค้า หาบริการ ที่มีความคุ้มค่ากับราคา เป็นต้น
การตลาดภายในองค์กร ส่วนใหญ่แล้ว พวกเราหรือเจ้าของกิจการหรือผู้บริหาร มักให้ความสำคัญกับ การตลาดนอกองค์กรหรือลูกค้ามาก แต่หลายๆแห่งละเลย การตลาดภายในองค์กร หรือ คนที่ทำงานภายในองค์กรหรือทีมงาน ซึ่งมีความสำคัญไม่ใช่น้อย เพราะหากเราพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้วจะพบว่า องค์กร หน่วยงาน บริษัท ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มักจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของคน เป็นลำดับต้นๆ ภาพยนตร์เรื่อง 3 ก๊ก เป็นตัวอย่างที่ดี ก๊กใด รวบรวมคนเก่งไว้ได้มากๆ ก๊กนั้น มักจะเป็นผู้ชนะศึกสงคราม ฉะนั้นการทำสงครามด้านการค้าขายก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะถ้าหากองค์กรใด รวบรวมคนเก่งไว้มากๆ องค์กรนั้นก็จะมีโอกาสเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนประสมทางการตลาด นำมาใช้ทุกยุคทุกสมัย นักศึกษา นิสิต การตลาด ไม่มีใครไม่เคยเรียน Marketing Mix เพราะถือว่าเป็นทฤษฏีพื้นฐานในการเรียนวิชาการตลาดไปเสียแล้ว 4 P
Product ผลิตภัณฑ์ ทุกองค์กร ทุกหน่วยงาน จะต้องมีผลิตภัณฑ์ เพื่อทำการขาย เพื่อใช้ในการบริการ ลูกค้า ตัวผลิตภัณฑ์ จึงเป็นตัวขับเคลื่อนที่ในการสร้างกำไร และทำให้องค์กรเติบโต
Price ราคา การตั้งราคา ผลิตภัณฑ์ มีความสำคัญมากต่อการซื้อของลูกค้าและต่อการขายของพนักงาน เพราะเรื่องของการตั้งราคา ถูกหรือแพง มักมีองค์ประกอบอยู่หลายปัจจัย เช่น เรื่องของต้นทุน , เรื่องของจิตวิทยา , เรื่องของคู่แข่ง , เรื่องของความทันสมัย , เรื่องของความนิยม เป็นต้น
Place สถานที่หรือช่องทางในการจัดจำหน่าย การทำสงครามด้านการตลาด แพ้ชนะ บางครั้งขึ้นอยู่กับว่าใครมีช่องทางการจัดจำหน่ายมากกว่ากัน สินค้าหลายตัวแจ้งเกิดที่ร้าน 7-11 เพราะร้าน 7-11 มีสาขามากมายทั่วประเทศ ช่องทางการจัดจำหน่าย จึงทำให้เกิดความได้เปรียบทางด้านการแข่งขัน
Promotion การสื่อสารการตลาด เป็นเรื่องของการสื่อสารเพื่อทำให้คนได้รู้จักตัวผลิตภัณฑ์(Product) ซึ่งหากสื่อสารการตลาดได้ดีและทั่วถึง ผลิตภัณฑ์ก็มีโอกาสในการขายได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเราสามารถสื่อสารการตลาดได้หลายทาง เช่น การโฆษณา , การประชาสัมพันธ์ ตามสื่อต่างๆ เช่น แผ่นพับ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร บอร์ด , การขายตรงโดยพนักงานขาย รวมไปถึงการสื่อสารกับสื่อสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นทางอินเตอร์เน็ต ทางโทรศัพท์มือถือ ทางทีวีดาวเทียม เป็นต้น
อยากดัง.... ต้องโดน....การจะโด่งดังในปัจจุบัน ทำได้ง่ายกว่าในยุคอดีต เนื่องจากในอดีต คนมักเข้าถึงสื่อได้น้อยกว่า แต่ยุคปัจจุบัน เรามีสื่อออนไลน์ ทางอินเตอร์เน็ต จำนวนมาก เราสามารถใช้ช่องทางนี้ในการสร้างความโด่งดังได้ แต่ว่าหากเราทำอะไรเหมือนกันกับคนอื่นๆหรือสินค้าอื่นๆ เราก็คงมีโอกาสโด่งดังได้น้อยและช้ามาก การสร้างความแตกต่าง การคิดต่าง จึงเป็นคำตอบที่ดี จงสร้างความแตกต่างทางการตลาดแล้วคุณจะ โด่งดังเป็นพลุ ดังเช่น คนธรรมดาทั่วไปได้เอากล้องบันทึกภาพถ่ายตัวเองโดยแสดงความสามารถต่างๆ ที่ตนเองถนัดแต่มีความแตกต่าง ทำให้เกิดอารมณ์ตลก หรืออารมณ์ร่วมของผู้ชม โดยผ่านทาง Youtube เช่น จ๊ะ คันหู , เด็กฝรั่งท่อง ก. เป็นต้น
การเมืองกับการตลาดไปด้วยการได้ดี เราคงได้ยินคำเหล่านี้ “ ประชาธิปัตย์ ทำ รีแบรน์ดิ้ง , ไทยรักไทย ทำ IMC , โพลการเมือง ฯลฯ นับตั้งแต่คุณทักษิณ ชินวัตร ได้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย แล้วนำการตลาดมาประยุกต์ใช้กับการเมือง จึงทำให้นักการเมืองเกิดการตื่นตัวและพรรคอื่นๆ ก็ได้พยายามเลียนแบบมากขึ้น
ผู้บริโภคยุคเดิม มักต้องการร้านค้าที่ใหญ่ มีการจัดสินค้าที่สวยงาม เป็นระเบียบ มีพนักงานขายที่คอยต้อนรับ มีลานจอดรถที่มากพอ เป็นร้านค้าที่ติดเครื่องปรับอากาศ มีสินค้าที่สามารถหยิบจับ สัมผัส ดม ดู ของจริงได้
ผู้บริโภคยุคไซเบอร์ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น อินเตอร์เน็ตมีผู้ใช้บริการมากขึ้น โลกยุคนี้ ผู้บริโภคมีความสะดวกสบาย ผู้บริโภคหลายๆคน ไม่อยากออกไปช็อปปิ้ง การสั่งซื้อขายทางอินเตอร์เน็ตจึงมีมากขึ้น เพียงแค่กดปุ่ม เพียงแค่คลิก ทุกอย่างก็ซื้อขายได้ ทำให้ผู้บริโภค ประหยัดเวลาในการเดินทาง อีกทั้งสินค้าบางตัวยังขายต่ำกว่าราคาตลาดอีกด้วย
ผู้บริโภคยุคทุกอย่างอยู่ที่มือถือ โลกยุคต่อไป เราสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ เช่น การชำระค่าสินค้า การโอนเงิน การซื้อสินค้า การติดต่อค้าขาย การท่องเที่ยวโดยใช้มือถือนำทาง ฉะนั้น มือถือจึงเป็นเกือบทุกอย่างในการทำธุรกิจในโลกยุคอนาคต
การตลาดมีความเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น เมื่อโลกเป็นหนึ่งเดียว กลยุทธ์การตลาดก็มักจะมีแนวโน้มเดียวกัน ยุคอนาคต เมื่อออกโฆษณาชิ้นเดียวก็สามารถใช้ได้ทั่วโลก สินค้าก็มักจะมีลักษณะคล้ายกันหรือเหมือนกันมากขึ้น รสนิยมของแต่ละประเทศที่ในอนาคต มักยึดติดเรื่องของวัฒนธรรม ประเพณี ก็จะเปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างสังคมไทย เราจะเห็นวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น ภาษา การแต่งกาย ของคนในท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงไป สู่สากลมากขึ้น เสื้อผ้าพื้นเมือง เสื้อผ้าที่แต่ละชนเผ่าใส่ ก็ลดน้อยลง สำหรับสังคมในเมืองหลวงของแต่ละแห่ง ก็มักจะมีการใส่เสื้อสูท เพื่อให้ดูเป็นสากลมากขึ้น
การตลาดลูกผสม จึงเป็นคำตอบของการทำการตลาดในยุคใหม่ เนื่องจาก สูตรสำเร็จทางการตลาดไม่สามารถทำกันอย่างง่ายๆ เหมือนในอดีตอีกแล้ว เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง ปัจจัยต่างๆก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น ความต้องการของลูกค้า , เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก , สื่อมีจำนวนมากขึ้น อีกทั้งทันสมัยกว่าในอดีต การใช้การตลาดที่มีการผสมประสานกัน น่าจะเป็นสูตรการตลาดที่ประสบความสำเร็จมากกว่า การใช้สูตรเพียงสูตรเดียวในการทำงานด้านการตลาดเหมือนในอดีต
...
  
เดินทาง 1 หมื่นลี้...ต้องเริ่มต้นจากก้าวแรก
เดินทาง 1 หมื่นลี้...ต้องเริ่มต้นจากก้าวแรก
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
หากท่านอยากว่ายน้ำเป็น...ท่านต้องลงไปว่ายน้ำ....เพราะไม่มีทางอื่นใดเลยที่จะทำให้ท่านว่ายน้ำเป็น ถึงแม้ท่านจะอ่านหนังสือ ตำรา ว่ายน้ำเป็นร้อยเล่ม เป็นพันเล่ม ก็ตาม ก็คงไม่สามารถทำให้ท่านว่ายน้ำเป็น เคยมีคนมาขอคำแนะนำจากกระผมว่า “ ทำอย่างไรถึงว่ายน้ำเป็น ” กระผมตอบกลับไปว่า ขอให้โยนหนังสือ โยนตำรา ที่เขาได้อ่านไปซึ่งเกี่ยวข้องกับการว่ายน้ำทิ้งให้หมด แล้วเริ่มต้นลงน้ำ มิฉะนั้นเขาก็จะไม่มีวันว่ายน้ำเป็น เป็นอันขาด
ความสำเร็จทุกๆ วงการ ทุกๆ อาชีพ ต้องมีการเริ่มต้นเสมอ สำหรับหัวใจสำคัญของคนที่ประสบความสำเร็จ เขามักเริ่มต้นจากสิ่งที่เขารักและเริ่มต้นรักในสิ่งที่เขาทำ เขาจึงประสบความสำเร็จจนกลายเป็นมหาเศรษฐี ซึ่งตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ มักเริ่มต้นทำงานเพราะต้องการเงิน ต้องการสิ่งอื่นๆ ก่อนที่จะเริ่มต้นเลือกอาชีพ จากความรัก ความชอบ
คุณก็ประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.