หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
  -  ธรรมาภิบาล
  -  ขายเก่ง....รวยก่อน.....
  -  ปัญหาของเด็ก
  -  การพูดของอาจารย์จตุพล ชมภูนิช
  -  ลักษณะนักพูด
  -  หัวอกพ่อแม่
  -  ผู้บริหาร มนุษย์สัมพันธ์
  -  เทคนิคในการพูด
  -  IMC ของไทยรักไทย
  -  อาชีพ ผู้นำ องค์กร
  -  นักเขียน
  -  เหล้ากับเด็ก
  -  สู่ผู้นำ
  -  อาหารปลอดภัย
  -  ทำไมคนดีๆ จึงลาออก
  -  อารมณ์ขันกับนักพูด
  -  การพูดหน้าชุมชน
  -  เลิกเหล้าเข้าพรรษา
  -  ฝึกพูด
  -  ยาเสพติดประเทศไทย
  -  เหล้า เบียร์ วัยรุ่น
  -  องค์กรกับผู้บริหาร
  -  ศิลปะในการบริหาร
  -  คนตกงานกับปัญหาสัึงคม
  -  สื่อลามกกับวัยรุ่น
  -  คนคือทรัพย์สิน
  -  การเผาป่า
  -  ผู้บริหารกับการตลาด
  -  ศิลปะการฟัง
  -  เพศกับวัยรุ่น
  -  ทีม
  -  เตรียมพูด
  -  ปัญหาเลิกจ้างงาน
  -  กล้าล้มเหลวจึงสำเร็จ
  -  ทัศนคติกับการขาย
  -  เอดส์ สังคมไทย
  -  เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด
  -  ธรรมชาติการขาย
  -  ผู้บริหารกับประชาสัมพันธ์
  -  หัวใจงานบริหาร
  -  ลิขสิทธิ์
  -  กิ๊ก
  -  เมืองไทยเมืองเซ็กส์
  -  จริยธรรมของไทย
  -  แฟชั่น นักศึกษา
  -  ปัญหาสิ่งแวดล้อม
  -  ปัจจัยในการบริหาร
  -  น้ำมันลอยติดลมบน
  -  อดทนเพื่อชนะ
  -  พจนานุกรมวัยรุ่น
  -  เรียนภาษาอังกฤษให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
  -  โลกร้อน
  -  สื่ออนาคต
  -  ปัญหามากมายสังคมไทย
  -  ยาเสพติด
  -  สายสัมพันธ์กับนักบริหาร
  -  เลิกเหล้า เลิกจน
  -  ขยะเป็นทอง
  -  สนุกกับงาน
  -  คิด พูด ทำ ความสำเร็จ
  -  ยกระดับบริการและความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ
  -  คอร์รัปชั่นภัยร้ายสังคมไทย
  -  พ่อแม่ รังแกฉัน
  -  หลักการเขียนบทความ
  -  เด็กนอกระบบ
  -  สภาประชาชน สภาผู้บริโภค
  -  หลักการนำเสนอ
  -  ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
  -  U R A BRAND !(คุณ คือ แบรนด์)
  -  มึงสู้จริงหรือเปล่า
  -  การเตรียมความพร้อมของบุคลากรสาธารณสุข
  -  นักพูดที่ดีต้องรู้จักวิเคราะห์ภาษากายของผู้ฟัง
  -  จริยธรรม คุณธรรม ความรับผิดชอบ
  -  การตลาดเพื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ : บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ทีม
ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากคนเพียงคนเดียว

โดย...ดร.สุทธิชัย ปํญญโรจน์(ดร.โทนี่)


“ ส่วนผสมเดียวที่สำคัญที่สุดในสูตรแห่งความสำเร็จก็คือ การรู้จักเข้ากับคนอื่น”


เป็นคำพูดของ ธีโอดอร์ รูสเวลท์ (อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา)


ในโลกของธุรกิจ ในโลกของการเมือง ในโลกของการแข่งขัน ไม่มีใครจะประสบความสำเร็จโดยไม่พึ่งพาผู้อื่น หรือ ทีมงาน หรือที่มักจะได้ยินคำพังเพยเรียกกันว่า “ สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว”


บิลล์ เกตส์ มหาเศรษฐีระดับโลก ร่ำรวยมาได้ก็ด้วยการพึ่งพาคนอื่นๆ ไม่ได้เกิดจากความสามารถของตนเองแต่เพียงผู้เดียว บิลล์ เกตส์ ถึงแม้จะเก่งคอมพิวเตอร์ก็จริง แต่การจะขายของ การผลิต การคิดสิ่งใหม่ๆ และการขยายตลาดได้ ก็จำเป็นจะต้องอาศัยคนจำนวนมากหรือทีมงานคอยช่วยเหลือ


ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์(ซี.พี) นั้น มีธุรกิจมากมายในเครือ ซึ่งนับว่าเป็นมหาเศรษฐีระดับชาติ ระดับโลก เลยทีเดียว แต่ที่แน่ๆ คือ เจ้าสัวมีทีมงานที่จบการศึกษาขั้นต่ำปริญญาตรี และผู้บริหารส่วนมากมีคำว่า “ ดอกเตอร์” นำหน้าอีกต่างหาก ในขณะที่เจ้าสัวมีการศึกษาในระบบแค่ระดับชั้นประถมปีที่ 4


เทียม โชควัฒนา เจ้าสัวแห่งสหพัฒนพิบูล ก็มีความรู้น้อยจบการศึกษาในระบบน้อย แต่ก็ประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจในเครือสหพัฒนพิบูล ก็ด้วยการอาศัยลูกน้องที่มีความรู้ ความสามารถ หลายคนมาช่วยเหลือ และความมีใจกว้าง เจ้าสัวเทียมกล่าวว่า “ คนเราต้องมีใจกว้างต้องถ่ายทอดความรู้ของตนเองให้กับลูกน้อง เพราะยิ่งถ่ายทอดเราก็ยิ่งรู้มาก เหมือนดังดาบยิ่งใช้ยิ่งคม


เล่าปี่ ในหนังสือ “ สามก๊ก ” สร้างอาณาจักรของตนเองขึ้นก็โดยอาศัยผู้อื่นหรือทีมงานที่มีฝีมือมาช่วย โดยความอ่อนน้อมถ่อมตน การมีจิตวิทยาจึงสามารถสร้างอาณาจักรได้ ซึ่งเราจะเห็นว่า เล่าปี่ ประสบความสำเร็จก็เพราะมี คนเก่งอย่าง ขงเบ้ง กวนอู จูล่ง ฯลฯ มาช่วย ถ้าเล่าปี่เก่งอยู่คนเดียว โดยไม่มีคนอื่นช่วยก็คงไม่สามารถสร้างอาณาจักรของตนเองได้


ผู้ที่ประสบความสำเร็จอีกหลายๆคน ก็ไม่ใช่คนที่มีลักษณะเก่งคนเดียว แต่ตรงกันข้ามคนเหล่านั้นมีคนเก่งมาช่วยงานอย่างมากมาย จนเกิดความร่ำรวย องค์การก้าวหน้า เติบโตขึ้น หรืออาจเรียกว่าต้องรู้จักทำงานเป็นทีม


การทำงานเป็นทีมทำให้เกิดพลังประสาน ซึ่งทำให้ 1+1 มีค่ามากกว่า 2 การทำงานเป็นทีมต้องอาศัย การร่วมใจ คือ สมาชิกในทีมต้องมีความศรัทธาต่อหัวหน้าทีม รักสามัคคีกัน การทำงานเป็นทีมต้องอาศัย การร่วมคิด คือ ช่วยกันระดมความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร ด้วยเหตุผล โดยกำหนดเป้าหมายร่วมกัน วางแผน แบ่งงาน แบ่งหน้าที่กัน การทำงานเป็นทีมต้องอาศัย การร่วมทำ คือ ร่วมมือกันทำงานตามแผนที่ได้วางไว้


ผู้ที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีภาวะผู้นำ ภาวะผู้นำ คือ กระบวนการที่บุคคลหนึ่ง(ผู้นำ)ใช้อิทธิพลและอำนาจของตนกระตุ้นชี้นำให้บุคคลอื่น(ผู้ตาม) มีความกระตือรือร้น เต็มใจทำในสิ่งที่เขาต้องการ โดยมีเป้าหมายขององค์การเป็นจุดหมายปลายทาง(พยอม วงศ์สารศรี, 2534:196)


และ ผู้ที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีจิตใจที่กว้างขวาง ไม่สร้างศัตรูให้ยิ่งใหญ่เกินไป และที่สำคัญก็ต้องเปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตรให้ได้ ดังคำพูดที่ว่า “ มีเพื่อนร้อยคนยังน้อยไปมีศัตรูคนเดียวมากเกินไปแล้ว”




















...
  
เตรียมพูด
จะพูดให้ได้ดี ต้องมีการเตรียมตัว

โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

ม.นเรศวร พะเยา



ถ้าท่านมีโอกาสท่านลองสอบถามนักพูดที่มีชื่อเสียงว่า ทำอย่างไรถึงจะพูดได้ดี นักพูดที่มีชื่อเสียงส่วนมากมักจะบอกท่านว่า “ท่านต้องเตรียมตัวให้ดีก่อนพูดทุกครั้ง” การเตรียมตัวนี้ มักจะรวมไปถึงการศึกษาว่างานนั้นเป็นงานอะไร ใครเป็นผู้จัด ใครเป็นผู้ฟัง ต้องการอะไรจากคนพูด ซึ่งการเตรียมตัวอาจแบ่งได้ดังนี้


1. เตรียมจิตใจ หมายถึง ทุกครั้งที่จะขึ้นพูดต้องทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส และต้องพักผ่อนให้เพียงพอ จะทำให้การพูดนั้นออกมาดี ถึงแม้การพูดบางกรณีคนอาจจะไม่ฟังหรือพูดแล้วไม่เป็นดั่งใจ ถ้าเราเตรียมจิตใจแล้วรักที่จะเป็นนักพูด เราก็จะเกิดความทนทานมากกว่าปกติ คือครั้งนี้ล้มเหลว ครั้งนั้นไม่ได้ดังใจแต่ฝันเรายังอยู่


2. เตรียมข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของผู้จัด คนฟังมีกี่คน ห้องบรรยายเป็นอย่างไร ห้องแอร์ไหม เขาจะให้เราพูดกี่ชั่วโมง มีวิทยากรท่านอื่นไหม เราต้องเตรียมตัวให้มากขึ้น ศึกษาข้อมูลให้มากขึ้น คนเราต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่เขาเชิญทีก็หาข้อมูลทีอ่านหนังสือที อย่างนี้ก็ใช้ไม่ได้ อาจารย์คึกฤทธิ์เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ เคยมีนักข่าวถามท่านว่าทำไมท่านถึงบรรยายเก่ง พูดเก่ง ในการพูดแต่ละครั้งท่านใช้เวลาเตรียมตัวนานเท่าไหร่อาจารย์คึกฤทธิ์อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยพูดว่า “กระผมใช้เวลาเตรียมตัวสำหรับหัวข้อหนึ่งๆ กระผมใช้เวลาชั่วชีวิต” เห็นไหมท่านใช้เวลาชั่วชีวิตในการเตรียมตัว ท่านถึงเป็นนักปราชญ์ เพราะการบรรยายแต่ละครั้งท่านต้องมีข้อมูล จะเห็นได้ว่าอาจารย์คึกฤทธิ์ท่านจะอ่านหนังสือทุกวัน และเขียนบทความทุกวันลงในหนังสือพิมพ์ “สยามรัฐ” และท่านยังมีผลงานการเขียนอีกมากมาย เกิดมาจากท่านได้อ่านมากนั่นเอง


3. เตรียมเรื่องที่จะพูด การเตรียมเรื่องที่จะพูดสามารถอธิบายง่ายๆ คือท่านจะต้องสร้างโครงเรื่อง ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน คือ1. คำนำ 2. เนื้อเรื่อง 3. สรุปจบ หรือจำง่ายๆ “ขึ้นต้นต้อง ตื่นเต้น กลางต้องกลมกลืน และสรุปจบต้องจับใจ” กระผมขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้


- คำนำหรือการขึ้นต้นที่ดีนั้น ท่านต้องทำให้เร้าใจผู้ฟัง เพื่อผู้ฟังจะได้ติดตามคำพูดของท่าน เช่น การขึ้นต้นพาดหัวข่าว การขึ้นต้นแบบบทกวี หรือคำพูดของคนที่มีชื่อเสียง การขึ้นต้นด้วยอารมณ์ขัน จะทำให้ผู้ฟังติดตามฟังท่าน


- เนื้อเรื่อง หรือ การดำเนินเรื่อง ต้องลำดับเรื่องที่จะพูดให้ดี ทำให้ผู้ฟังเข้าใจ เช่น พูดตามลำดับของเหตุการณ์ เวลา สถานที่ หรือ มีจุดหมายของการพูด แล้วใส่ถ้อยคำ น้ำเสียง ภาษา ท่าทาง สายตา ลงไปให้เข้ากับเนื้อเรื่อง


- สรุป หรือ ลงท้าย ต้องทำให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจ การสรุปจบที่ดีจะต้องมีความหมายที่ชัดเจน ไม่เลื่อนลอย กะทัดรัด สัมพันธ์กับเรื่องและคำนำ การสรุปจบที่ได้ผล เช่น จบแบบฝากให้ไปคิดต่อ จบแบบสรุปความ จบแบบเรียกร้องหรือชักชวน จบแบบคำคม สุภาษิต คำพังเพย


นี่เป็นหลักการเตรียมตัว ที่นักพูดทั้งหลายควรนำไปปฏิบัติ และท้ายนี้ผมขอฝากบทประพันธ์ไว้ให้ท่านผู้อ่านดังนี้


“จงพูดดี มีมากล้น คนชื่นชอบ ตามระบอบต้นตื่นเต้น เห็นเหมาะสม


ให้กลมกลืน ลื่นกลาง ช่างน่าชม จบให้คม สมรับ จับจิตใจ”








...
  
ปัญหาเลิกจ้างงาน
วิกฤตเลิกจ้างงาน คนตกงาน 1 ล้าน


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


ดร.โทนี่





สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สคช.) ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจ ว่า ปี 52 จะมีคนตกงานเพิ่มขึ้นประมาณ 5-6 แสนคน คิดเป็นอัตราร้อยละ 2 -2.5 ของจำนวนผู้ใช้แรงงาน ซึ่งต่ำกว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 ที่มีอัตราว่างงานที่ระดับร้อยละ 4.4 ของจำนวนผู้ใช้แรงงาน ทั้งนี้ คาดว่าสำนักงานประกันสังคม (สปส.) จะต้องจ่ายเงินชดเชยให้แรงงานที่ตกงานในปีหน้าประมาณ 3,000 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีแรงงานที่จบการศึกษาใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีแรก อาจว่างงานอีกประมาณ 3 แสนคน ทำให้ในช่วงต้นปีหน้า จะมีคนตกงานทั้งสิ้น 9 แสนคน


สำหรับการวิเคราะห์ของหน่วยงานบางแห่ง กล่าวว่า อาจถึง ล้านคนเลยที่เดียว เช่นเดียวกับนางอุไรวรรณ เทียนทอง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงงาน กล่าวไว้ (4 ธ.ค.2551) ว่า ยอมรับว่าสถานการณ์การเลิกจ้างในขณะนี้น่าเป็นห่วง อาจมีตัวเลขคนตกงานนับล้านคนตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ ถ้าพูดถึงสาเหตุของการว่างงานของคนทำงานในปี 52 อาจกล่าวได้ว่ามาจากหลายสาเหตุ เช่น


ภาวะเศรษฐกิจของโลกมีปัญหาหรือชะลอตัว โดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา และยุโรป ซึ่งเราต้องยอมรับว่าประเทศไทยเราส่งสินค้าออกไปขายให้ประเทศเหล่านี้ถึง 80 % เลยทีเดียว ดังนั้นถ้าประเทศเหล่านี้งดการนำเข้า หรือพูดง่ายๆว่าไม่ซื้อสินค้าจากประเทศไทยของเรา จึงกระทบกับโรงงานที่ผลิตสินค้าสำหรับส่งออก ทำให้คนตกงานเพิ่มขึ้น ดังจะเห็นได้จากนิคมอุตสาหกรรมภาคกลางที่พระนครศรีอยุธยา ลามมาถึงนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือที่ลำพูน และอีกหลายประเทศที่พึ่งการส่งออก ก็มีปัญหาเช่นกัน

ภาวะการเมือง จากที่ผ่านมาประเทศไทยเรา ประสบเหตุการณ์ทางการเมือง เกิดความไม่


สงบ เกิดความวุ่ยวาย เกิดการแตกแยกทางความคิดกัน ไม่สามัคคีกัน เช่น การยึดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำให้คนตกงานเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจการท่องเที่ยว และภาคการส่งออก ซึ่งกระทบกับคนในวงกว้าง


ถึงแม้ปัจจุบันจะมีรัฐบาลแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก อาจเกิดการยุบสภา การประท้วง ดังนั้น เมื่อการเมืองไม่นิ่ง ต่างชาติหรือต่างประเทศ ก็ไม่มีความมั่นใจในการที่จะนำเงินมาลงทุน ทำให้เกิดผลกระทบกับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม และอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่อง


ด้านตัวเลขสถานการณ์เลิกจ้าง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2551 นางอุไรวรรณ เทียนทอง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงงาน ในขณะนั้น ได้เปิดเผยว่า มีสถานประกอบการปิดกิจการเพิ่มขึ้นเป็น 519 แห่ง ลูกจ้างถูกเลิกจ้าง 44,794 คน และยังมีสถานประกอบการที่มีแนวโน้มจะถูกเลิกจ้างอีก 2,000 แห่ง ลูกจ้าง 83,721 คน


สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหารัฐบาลอาจเพิ่มงบประมาณให้มากขึ้น สำหรับช่วยเหลือคนว่างงาน อาจจะมีการจ้างงานตามโครงการต่างๆของรัฐบาลให้มากขึ้น เช่น โครงการบัณฑิตอาสา


การเพิ่มงบประมาณในการช่วยเหลือและสนับสนุนการประกอบอาชีพหรือธุรกิจอิสระ SME การให้ความรู้ทางด้านวิชาชีพแก่ประชาชนมากขึ้น เพื่อให้เกิดการจ้างงาน พร้อมไปกับการฟื้นฟู การส่งเสริมอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่อง


และที่สำคัญที่สุดจะต้องยึดหลักโดยนำเอาพระราโชบายเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ตั้ง ก็จะทำให้ประเทศไทยของเรารอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้




























...
  
กล้าล้มเหลวจึงสำเร็จ
ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จต้องกล้าที่จะล้มเหลว
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

ผมเชื่อว่าคนที่ประสบความสำเร็จทุกคน คงต้องเคยผ่านการล้มเหลวมาแล้วทั้งนั้น แต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จทุกคนจะต้องไม่มีวันล้มเลิก


คุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ นายหน้าค้าหุ้นผู้มีชีวิตพลิกผันกลายเป็นคนขายแซนด์วิช กล่าวว่า “ ผมยอมล้มละลายดีกว่ายอมตาย ” “ คุณไม่ต้องอายที่จะเป็นแค่พนักงานเร่ขายของ”


เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลกก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จในการประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า เขาต้องล้มเหลวนับ ร้อยๆ ครั้ง พันๆ ครั้ง แต่เขาไม่เคยท้อแท้ใจ ถึงที่สุดแล้ว เขาก็กลายเป็นสุดยอดนักประดิษฐ์เอกของโลก


การจะเอาชนะสงคราวอันยิ่งใหญ่ได้ ก็ด้วยการเอาชนะในสงครามขนาดเล็กๆ ก่อน บางครั้งเราอาจแพ้ได้ในสงครามเล็กๆ แต่ผู้ที่จะชนะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้จะต้องไม่ถอดใจแพ้เสียก่อน ตรงกันข้าม บุคคลที่ประสบความสำเร็จ คงต้องก้าวต่อไป สู้ต่อไป


นาฬิกาถ้ารู้ว่าตัวเองต้องเดินวันหนึ่งๆ หลายหมื่นวินาที หลายแสนวินาที นาฬิกาถ้ามีชีวิต ก็คงต้องท้อแท้ ท้อถอย หมดกำลังใจ แต่ นาฬิกาเริ่มต้นเดินวินาทีแรก เดินก้าวแรกแล้วก็สะสมไปทีละวินาที ทีละวินาที จากวินาทีแรก ก็สามารถเดินได้หลายล้านวินาที


ภราดร ศรีชาพันธุ์ นักเทนนิสระดับโลก ระดับชาติ ก็เคยพ่ายแพ้คู่แข่งในอดีต กว่าจะมาเป็นนักเทนนิสระดับโลก ระดับชาติ ก็ต้องอดทน ทุ่มเทเวลาทั้งหมดหรืออาจเกือบทั้งชีวิตลงไปในกีฬาเทนนิส ดังนั้น ถ้าเราต้องการประสบความสำเร็จก็ต้องมีเป้าหมาย และที่สำคัญคือ ไม่ควรยอมแพ้ก่อนเวลาอันควร ก่อนที่จะถึงเป้าหมาย ขอให้คิดว่าการแพ้หรือล้มเหลวนั้น เป็นเพียงชั่วคราวครู่ ชั่วขณะเท่านั้น


ผู้พันแซนเดอร์ส ก็เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่น่าศึกษา ผู้พันแซนเดอร์ส เป็นเจ้าของสูตรไก่ทอด KFC ที่มีขายอยู่ทั่วโลก เขาไม่ประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยในชีวิต จนกระทั่งเกษียณเหลือสมบัติชิ้นเดียว คือ สูตรไก่ทอด เขาต้องเดินเร่ ขาดสูตรไก่ทอดของเขา ให้แก่นักธุรกิจ จากคนที่ 1 คนที่ 10 , 100 , 1,000 ก็ไม่มีใครสนใจสูตรไก่ของเขา เขาก็ไม่ย่อท้อ เขาเร่ขายต่อไป จนกระทั่ง คนที่ 1,009 เขาจึงขายสูตรไก่ของเขาได้


พวกเราเชื่อไหมครับ ถ้าเขาเกิดยอมแพ้ก่อนเวลาอันควร ตอนนี้ พวกเราก็คงไม่ได้กินไก่ทอดที่อร่อยยี่ห้อ KFC เหมือนปัจจุบัน ซึ่งมีมากกว่า 13,000 สาขา ทั่วโลก


บนถนนสายธุรกิจโดยเฉพาะ การขายตรง จะทราบดีว่า ยิ่งพบความยากลำบากเพียงใด ยิ่งพบอุปสรรคมากเพียงใด ยิ่งพบความเหนื่อยยากเพียงใด ขอให้รู้ว่าผู้นั้นเข้าใกล้ความสำเร็จหรือหลักชัยแล้ว


สมมุติท่านขายประกันชีวิต อัตราส่วนการซื้อเกิดขึ้นจากการเสนอสินค้าแก่ลูกค้า สมมุติเป็นอัตราส่วนจำนวน 10 คน ต่อคนตัดสินใจซื้อ 2 คน สรุปคือ ถ้าท่านอยากขายได้จำนวน 20 คน ท่านต้องเสนอขายสินค้าแก่ผู้มุ่งหวังจำนวนถึง 100 คน ดังนั้น มีคนซื้อประกันจากท่าน 20 คน ขณะเดียวกันมีคนปฏิเสธถึง 80 คน เลยทีเดียว นักขายมือทองจึงต้องอดทนต่อการล้มเหลวหรือการถูกปฏิเสธถึง 80 คน ถึงมีคนซื้อ 20 คน(อัตราส่วนนี้แล้วแต่สามารถของนักขายครับ บางคนอัตราส่วนอาจมากหรือน้อยกว่านี้)


ไม่มีความสำเร็จอันใดหรือกิจการงานใด ได้มาโดยไม่มีความยากลำบากและปราศจากการเริ่มต้น











...
  
ทัศนคติกับการขาย
ทัศนคติดีก็ขายได้ ทัศนคติดีก็ได้ขาย


โดย…ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


(ดร.โทนี่)




พลาโต เคยกล่าวว่า วิธีที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต คือ เราต้องรู้ว่า เราต้องการอะไรและให้แน่ใจว่า ทุกขณะที่เราก้าวไป เรากำลังเดินทาง ไปสู่ทิศทางนั้น


มีคนกล่าวว่า จุดสำคัญที่จะเป็นนักขายที่ดีได้ คือ ทัศนคติ ถ้าเขามีทัศนคติที่ดี คือ คิดดีทุกสิ่งทุกอย่าง มองโลกในด้านดี เขาก็จะเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จ


แต่ในทางกลับกัน ถ้าเขามีทัศนคติในทางลบ เขาก็จะพ่ายแพ้ พบอุปสรรค ขาดความกล้าหาญ ขาดความเชื่อมั่น ขาดความทะเยอทะยาน


ดังนั้น นักขายที่ดีจะต้องสร้างทัศนคติ จินตนาการ หรือ วิธีมองโลกในด้านดี ทำทุกอย่างในเรื่องที่ดีๆ แล้วสิ่งที่ดีๆ ก็จะตามมาเอง


เช่น การจะเข้าพบลูกค้า ต้องคิดว่า เราจะเขาไปช่วยเหลือเขาโดยสินค้าของเรา ถ้าเราขายประกัน เราก็ต้องนึกถึง ลูก เมีย ของเขา ว่าถ้าเขาตายไป แล้ว ลูกเมียเขาจะอยู่ได้อย่างไร ลูกเมียเขาจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เมื่อเราคิดได้ดังนี้ เราก็จะมีกำลังใจในการที่จะเขาพบลูกค้า


แต่ถ้าเราคิดอีกแบบหนึ่ง ว่า เขาคงไม่ซื้อมั่ง มันคงไม่จำเป็นสำหรับเขา เขาจะด่าเราไหม เขากำลังยุ่งอยู่คงไม่มีเวลาให้เราหรอก เมื่อคิดดังนี้ กำลังใจของเราในการเข้าพบลูกค้าก็จะตกต่ำไปด้วย


หรือถ้าเราขายเครื่องตัดไฟฟ้า เวลาเกิดไฟฟ้าช็อดหรือลัดวงจรมันก็จะตัดได้เอง เราก็ต้องนึกถึง ว่าลูกค้ามีลูกเล็กๆ กำลังซน ถ้าวันไหน ลูกเขาเกิดไปเล่น ปลั๊กไฟฟ้า อาจถูกไฟฟ้าช็อดตายแน่ ถ้าเราคิดอย่างนี้ เราก็มีโอกาสขายสินค้าเราได้ แต่ถ้าเราคิดในทางกลับกัน ว่าเขาอาจจะยังไม่อยากซื้อ สินค้ามันแพงกว่าความต้องการ เราก็มีโอกาสในการขายสินค้าได้น้อยมากๆ


การคิดดีเข้าไว้จะทำให้หัวใจของเราพร้อมที่จะชนะ แต่ถ้าเราคิดร้ายแม้เพียงนิดเดียวชัยชนะก็จะเปลี่ยนเป็นความแพ้ ในที่สุด


ไอน์สไตน์ ก็เป็นคนหนึ่งที่เน้น เรื่องของจินตนาการและทัศนคติจึงได้คิดค้นอะไรใหม่ๆขึ้นมากมาย


นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศล เรเน่ เดสการตส์ ก็เช่นกัน ได้ให้ความสำคัญกับจินตนาการ จึงได้กล่าวคำว่า


“ Je Pense , donc je suis ” ฉันคิด ดังนั้นฉันจึงเป็น


เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก ได้ทำการทดลองหลอดไฟฟ้า นับพันครั้ง ผ่านการล้มเหลวมานับไม่ถ้วนกว่าจะประสบความสำเร็จ มีคนถามว่าถ้าท่านทดลองแล้วไม่ประสบความสำเร็จคือ ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า ไม่ได้ท่านจะทำอย่างไร เอดิสันตอบว่า ฉันก็จะทดลองต่อไปฉันจะไม่มาเสียเวลาคุยกับคุณหรอก


ดังนั้น เอดิสันมีทัศนคติที่ดี มีทัศนคติที่จะต้องประสบความสำเร็จ เมื่อเอดิสันคิดอย่างนี้ จึงเกิดหลอดไฟฟ้าขึ้น ทำให้โลกเรามีแสงสว่างเกิดขึ้นในเวลากลางคืน และเอดิสันยังกล่าวต่อไปว่า


จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ถ้าใครมีจินตนาการที่ดีก็ย่อมประสบความสำเร็จ


ดังนั้น นับแต่นี้เป็นต้นไปคุณสามารถเปลี่ยนอนาคตของคุณได้ โดยการเปลี่ยนความคิด ชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

...
  
เอดส์ สังคมไทย
โรค เอดส์ กับสังคมไทย


โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)


เอดส์ เป็นโรคที่ยังไม่มียารักษา เอดส์เป็นโรคที่ฆ่าพลเมืองของโลกไปมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งสังคมไทย เอดส์เป็นโรคที่ทำให้สังคมไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายในการรักษาไม่ว่าจะเป็นค่ารักษา ค่ายาต้านไวรัสเอดส์


สำหรับ ตัวเลขของผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์ในปัจจุบันของประเทศไทยเรา รายงานจากกระทรวงสาธารณสุขสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คือ ในกรุงเทพมหานครมีมากกว่า 38,743 คน ตายไปแล้วมากกว่า 8,927 คน และผู้ป่วยเอดส์ทั้งประเทศมากกว่า 440,079 คน และตายไปมากกว่า 92,111 คน ขณะนี้ คนไทยมีผู้ป่วยโรคเอดส์รายใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี ปีละกว่า 20,000 คน ( นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 28 พย.51)


สำหรับกลุ่มที่มีการติดเชื้อมีหลากหลายกลุ่ม แต่กลุ่มที่จะมีปัญหามากที่สุด คือ วัยรุ่น เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่กำลังเริ่มมีเพศสัมพันธ์ มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย อารมณ์ ความรู้สึกความต้องการ และจิตใจ


เนื่องจากในปัจจุบันมีสิ่งเร้าต่างๆ มากขึ้น สำหรับที่จะทำให้วัยรุ่นเสียคนได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ยาเสพติด ไฮไฟว์ การโชว์อึ๋ม การมีแฟนควงแบบไม่ซ้ำหน้า การติดเพื่อน ติดแฟน ติดเหล้า ติดเกมส์ การอยากโกอินเตอร์ ฯลฯ


สิ่งเหล่านี้เป็นตัวเร้า ให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดโรคเอดส์


ซึ่งติดต่อด้านกันหลายทาง เช่น ทางเลือด ทางเข็มฉีดยา ทางแม่สู่ลูก แต่โดยมากมักจะติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์


ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งที่ห้ามได้ยากมากในยุคปัจจุบัน แต่สิ่งที่สามารถทำได้ก็คือ การสอนให้เด็กวัยรุ่น ได้รู้จักป้องกันตัวเอง เช่น การสวมถุงยางอนามัย การให้ความรู้เรื่องโรคเอดส์ การรักนวลสงวนตัว ฯลฯ


ที่ผ่านมาถึงแม้จะมีภาครัฐ ภาคเอกชน ให้ความสนใจเรื่องการแก้ไข เรื่องโรคเอดส์ แต่ก็ทำในลักษณะที่ไม่ต่อเนื่อง ไม่สม่ำเสมอ ไม่มีงบประมาณที่เพียงพอ ทำๆ หยุดๆ


และสุดท้าย หลายหน่วยงาน หลายองค์กร หลายครอบครัว ก็มอบให้เป็นภาระแก่ วัดพระบาทน้ำพุ พระอุดมประชาทร ซึ่งขณะนี้ท่านต้อง แบกรับภาระ ผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละปีต้องเสียค่าใช้จ่าย เป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างหนักยิ่งขึ้นสำหรับค่าใช้จ่ายเนื่องจากภาวะเศษรฐกิจโลกและของประเทศตกต่ำ


วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โรค สำหรับปีนี้ กระผมจึงขอเชิญชวน พวกเราที่อ่านบทความนี้ได้ ช่วยกัน รณรงค์ เผยแพร่ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ความเคลื่อนไหว เหตุการณ์ต่างๆ


สำหรับโรคร้ายนี้ และถ้าใครมีปัจจัย มีเงิน มีทอง ก็ขอให้ช่วยบริจาค เงินแก่ วัดพระบาทน้ำพุด้วย


ขออนุโมทนาบุญ สาธุ

...
  
เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด
เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด สู่การเป็นเลิศของผู้บริหาร
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)

ถ้าพูดถึงผู้บริหารเรามักจะแบ่งระดับของผู้บริหารออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน คือ


ผู้บริหารระดับต้น มีหน้าที่ดูแลการปฏิบัติงานของคนงานให้เป็นไปตามกฎระเบียบ ส่วนใหญ่มักเป็น หัวหน้าแผนก หัวหน้างาน


ผู้บริหารระดับกลาง มีหน้าที่รับนโยบายจากผู้บริหารระดับสูงไปปฏิบัติ ดูแลระเบียบงานให้สอดคล้องกับนโยบายองค์กร ส่วนใหญ่มักเป็น ผู้จัดการโรงงาน ผู้จัดการฝ่าย


และผู้บริหารระดับสูง มีหน้าที่บริหารงานทั้งองค์กร ได้แก่การกำหนดนโยบาย วางแผนระยะยาว ส่วนใหญ่มักเป็น ประธานกรรมการ ผู้จัดการใหญ่


สำหรับแต่ละระดับใช้ทักษะหรือความสามารถในการบริหารที่แตกต่างกัน ซึ่งทักษะของผู้บริหาร ตามหลักของทฤษฏีที่เรียนมามักจะมีครู อาจารย์ พูดถึง 3 ทักษะที่สำคัญ คือ


1.ทักษะด้านเทคนิค หรือ เก่งงาน (Technical Skill) คือ ความสามารถของผู้บริหารในการทำงานให้เกิดความเชี่ยวชาญหรือต้องใช้ฝีมือในการทำงาน เมื่อมีปัญหาสามารถแก้ปัญหาหรือสอนงานให้ลูกน้องได้


เพราะผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับต้นได้ ต้องผ่านการเรียนรู้ ทั้งในห้องเรียน ทดสอบ ทดลอง และลงมือปฏิบัติจริง มาเป็นเวลานานพอสมควร จึงได้รับแต่งตั้งในเป็นผู้บริหารระดับต้น ฉะนั้นการมีทักษะด้านเทคนิคหรือเก่งงาน จึงเป็นทักษะของผู้บริหารระดับต้นที่ต้องทำงานหรือต้องเก่งงาน ให้มากกว่าผู้บริหารระดับกลางหรือระดับสูง ซึ่งต้องอาศัยทักษะด้านบุคคลหรือด้านความคิด


2.ทักษะด้านบุคคล หรือ เก่งคน ( Human Skill)คือ ความสามารถของผู้บริหารในการใช้คน จูงใจคน โน้มน้าวคนให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้งานที่ทำเกิดการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เมื่อผู้บริหารระดับต้นทำงานและได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับกลาง ดังนั้นจึงมีลูกน้องเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว การที่ผู้บริหารระดับกลางจะทำงานให้ได้จำนวนมากจึงต้องอาศัย ผู้อื่นหรือลูกน้องทำงานให้ โดยสรุป สำหรับทักษะด้านบุคคลหรือ เก่งคน ผู้บริหารระดับกลางต้องมีข้อนี้ให้มาก


3.ทักษะด้านความคิด หรือ เก่งคิด (Conceptual Skill)คือ ความสามารถในการมองปัญหา หรือ ความสามารถในการแก้ไขปัญหา เป็นความสามารถของผู้บริหารระดับสูงขององค์กร ซึ่งต้องสามารถตัดสินหรือมองภาพองค์กรโดยรวม มีความคิดสร้างสรรค์ ถ้าผู้บริหารตัดสินใจผิดพลาด อาจทำให้องค์กรถึงขั้นล้มละลายเลยก็ได้


สรุป ผู้บริหารองค์กรใหญ่ๆ มักจะมีระดับบริหาร 3 ระดับด้วยกัน คือ ระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง ผู้บริหารระดับต้น ต้องรู้จักประสานงานให้คนงานทำงานเพื่อเป้าหมาย ทักษะที่ใช้ส่วนใหญ่คือ ต้องเก่งงาน ผู้บริหารระดับกลาง ต้องมีศิลป์ในการทำงานร่วมกับคน ใช้คนเป็น ทักษะที่ใช้ส่วนใหญ่คือ ต้องเก่งคน และสำหรับผู้บริหารระดับสูง ต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถแก้ปัญหาให้องค์กรอยู่รอด กำไร ก้าวหน้าได้ ทักษะที่ใช้ส่วนใหญ่คือ ต้องเก่งคิด


วันนี้ขอจบด้วยบทกลอนของต่างประเทศ เป็นบทกลอน เจ้านายกับผู้นำ แปลโดย ยอดวิทย์ เครือวรรณ ใน THE MAGAZINE OF HUMAN RESOURCE DEVELPOMENT


เจ้านายจ้อง คอยจับ บังคับให้ ลูกน้องทำ งานไป ตามคำสั่ง


ผู้นำสอน ชี้แนะเพิ่ม เสริมพลัง แนะแนวทาง ลูกน้องตาม ความร่วมมือ


เจ้านายชอบ ใช้อำนาจ หน้าที่ย้ำ ส่วนผู้นำ ใช้ศรัทธา น่าเชื่อถือ


เจ้านายสร้าง ความกลัวล้น จนเลื่องลือ ผู้นำสร้าง ความกระตือ รือร้นดี


เจ้านายติ ตำหนิย้ำ เมื่อทำพลาด ผู้นำพร้อม สามารถ ช่วยแก้ไข


เจ้านายรู้ งานนั้น ทำอย่างไร ผู้นำให้ คนอื่นเห็น ทำเป็นจริง


เจ้านายทำ งานเล็กให้ ใหญ่โตนัก ผู้นำจัก ทำให้หมาย ท้าทายยิ่ง


เจ้านายเน้น ตรงไป ให้เสร็จจริง ผู้นำอิง การชวนให้ เราไปกัน































...
  
ธรรมชาติการขาย
ธรรมชาติของงานขาย

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)

คนไทยจำนวนมากยังมีความเข้าใจผิดและยังรังเกียจงานขาย แต่จริงๆ แล้วงานขายเป็นงานที่แทรกอยู่ทุกอณูของธุรกิจและของหน่วยงานทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็น การเมือง การตลาด การศาสนา และ การบริโภค ถ้าไม่มีงานขาย ก็ไม่เกิดธุรกิจ ไม่มีหน่วยงาน องค์กร ตัวอย่างเช่น


ถ้าผมไปซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ภายในร้านขายรถจักรยานยนต์ ไม่มีคนซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อดังกล่าวเลย หนักๆเข้าก็ต้องปิดร้าน แล้วมันไปกระทบกับอะไรครับ กระทบกับโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์


ลงท้ายโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อนั้นก็ต้องปิดโรงงาน แล้วมันไปกระทบกับอะไรอีกครับ กระทบกับโรงงานผลิตยางรถจักรยานยนต์ กระทบกับโรงงานผลิตเหล็ก กระทบกับโรงงานผลิตกระจก โรงงานพวกนี้อาจกระทบโดยมีกำไรน้อยลง แล้วสิ่งที่ตามมาก็คือ การปลด การลด พนักงาน ลง นี่เกิดจากสาเหตุอะไรครับ ถ้าไม่มีงานขาย


ในทางกลับกัน ถ้าคนซื้อรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อนี้ มากๆ หรือ ถ้ามีพนักงานขาย สิ่งที่ตามมาก็คือ การจ้างงานมากขึ้น ก็จะมีการขยายกิจการประเภทต่างๆ มากขึ้น มีการจ้างพนักงานฝ่ายต่างๆ มากขึ้น เช่น ฝ่ายผลิต


ฝ่ายบัญชี ฝ่ายโรงงาน และ องค์กรก็จะเดินหน้าต่อไปได้


ฉะนั้น ถ้าไม่มีงานขาย ก็ไม่มีธุรกิจ ไม่มีหน่วยงาน ไม่มีองค์กร


ในความเป็นจริงแล้ว พวกเราก็เป็นนักขายทุกคน เราต่างเป็นพนักงานขาย เราซื้อ เราขาย เราแลกเปลี่ยนสินค้า บริการกัน เช่น


นักร้อง ก็ต้องขายเสียงเพลง


นักเขียน ก็ต้องขายความคิด ขายจินตนาการ


นักดนตรี ก็ต้องขายเสียงเพลง และขายความสามารถในการเล่นดนตรี


ลูกจ้าง ก็ต้องขายแรงงาน


ข้าราชการ ก็ต้องขายบริการให้ความสะดวกแก่ประชาชน


ครู อาจารย์ ก็ต้อง ขายความรู้ วิชาการ


สรุป คือ เราทุกคน ทุกอาชีพ ต่างก็เป็นนักขาย แล้วทำไมเราต้องไปรังเกียจงานขายด้วย อาจมีสาเหตุหนึ่ง คือเราอาจยึดคำพังเพยโบราณมาว่า “ สิบพ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยง ” แต่มายุคนี้อาจต้องเปลี่ยนคำพังเพยโบราณใหม่ครับว่า “ พ่อค้าคนเดียวเลี้ยงพระยาได้ตั้งสิบคน ”


ดังนั้น เราต้องมาปรับเปลี่ยน ทัศนคติของคนไทยเสียใหม่ โดยให้เห็นงานขายเป็นอาชีพหนึ่งที่มีความสำคัญและมีเกียรติของสังคมไทย

...
  
ผู้บริหารกับประชาสัมพันธ์
ไม่ได้เรียนมาด้านการประชาสัมพันธ์ แต่ผู้บริหารก็เป็นนักประชาสัมพันธ์ได้
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

ในยุคปัจจุบัน เป็นยุคที่มีการแข่งขันรุนแรง จึงทำให้ทุกธุรกิจ ทุกองค์กร จำเป็นจะต้องทำงานในเชิงรุกและรับ อีกทั้งมีความจำเป็นต้องดูแลภาพลักษณ์ขององค์กรให้ดูดีอยู่เสมอ ฉนั้นทุกองค์กรจึงมีความจำเป็นจะต้องมีหน่วยงานที่จัดตั้งมาเพื่อดูแลงานด้านนี้ หน่วยงานนั้น เรียกว่า หน่วยงานด้านประชาสัมพันธ์


พอพูดถึง งานประชาสัมพันธ์ บางคนอาจคิดว่าเป็นคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ Information คอยชี้ทางห้องน้ำอยู่โน้น แผนกตั๋วอยู่นี่ แผนกเครื่องใช้สำนักงานอยู่นั่น อันนี้ไม่ใช่งานประชาสัมพันธ์ครับ แต่งานประชาสัมพันธ์มีความสำคัญมาก


ดังนั้นคนที่เป็นผู้บริหารและต้องทำงานด้านประชาสัมพันธ์ จะต้องมีความสามารถหลายอย่าง เช่น ความสามารถในด้านการติดต่อประสานงานเพราะเป็นงานที่ต้องคอยติดต่อกับคน เช่น นักข่าว ลูกค้า , นักประชาสัมพันธ์จำเป็นจะต้องเป็นนักการตลาดในภาวะปัจจุบันที่มีการแข่งขันรุนแรง นักประชาสัมพันธ์จะต้องเป็นนักวางแผนและสร้างสรรค์งานใหม่ๆ และสำหรับยุคปัจจุบันเป็นยุคการค้าไร้พรมแดน นักประชาสัมพันธ์ จึงจำเป็นจะต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี


มาถึงตรงนี้ ผู้อ่านที่ต้องการเป็นผู้บริหารอาจท้อใจ โอ้ ถ้าเก่งหลายด้านอย่างนี้ ตัวเองคงเป็นไปได้ยาก และไม่ได้เรียนมาทางด้านประชาสัมพันธ์ด้วย ความจริงผู้เขียนอยากบอกว่า การเป็นนักประชาสัมพันธ์ เป็นได้ไม่ยากและไมง่ายครับ ถ้ามีใจรัก มีการใฝ่หาความรู้ อีกอย่างหนึ่งไม่จำเป็นหรอกครับ ที่จะต้องเรียนจบด้านการประชาสัมพันธ์มาจะทำงานด้านประชาสัมพันธ์เก่ง อย่างตัวผู้เขียนเองไม่ได้เรียนจบมาทางด้านประชาสัมพันธ์มาเลย จบปริญญาตรีรัฐศาสตร์ ปริญญาโท บริหารธุรกิจ แต่ก็สามารถเป็นหัวหน้างานด้านประชาสัมพันธ์ของ มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยาได้ หรือ อย่างคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เอง ไม่ได้เรียนจบทางด้านการประชาสัมพันธ์ แต่เรียน จบนิติศาสตร์ แต่ก็สามารถเป็นผู้บริหารและหัวหน้างานประชาสัมพันธ์ ของบริษัทโตโยต้า ประเทศไทย จนสร้างชื่อเสียง จนกระทั่งบัดนี้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ บริษัท อสมท. หรือแม้แต่บางหน่วยงาน เช่น บริษัทการบินไทย เป็นบริษัทระหว่างประเทศ


คือทำธุรกิจสายการบินระหว่างประเทศ หน่วยงานด้านประชาสัมพันธ์ของบริษัทการบินไทยเอง ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้จบ สาขาประชาสัมพันธ์โดยตรง แต่จะรับคนที่เก่งภาษาต่างประเทศเป็นหลักก่อน


ดังนั้น ท่านผู้อ่านที่มีใจรักต้องการเป็นผู้บริการและต้องรู้งานด้านประชาสัมพันธ์ ถึงแม้ท่านจะไม่ได้เรียนจบมาทางด้านการประชาสัมพันธ์ แต่ท่านก็สามารถทำงานด้านประชาสัมพันธ์ได้ อาจจะทำได้ดีกว่าคนที่เรียนมาทางด้านประชาสัมพันธ์เสียอีก ถ้าท่านมีใจรัก มีความขยัน มีความอดทน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีการใฝ่หาความรู้ในงานด้านประชาสัมพันธ์อยู่เสมอ ท่านก็สามารถทำงานด้านประชาสัมพันธ์และจะประสบความสำเร็จในงานด้านประชาสัมพันธ์ในที่สุด





...
  
หัวใจงานบริหาร
เสมอต้นเสมอปลาย คือหัวใจของงานบริหาร


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมพ่ายแพ้ความสม่ำเสมอ


เคยมีคนกล่าวไว้ว่า 3 สิ่งนี้ ต้องการความเสมอต้นเสมอปลาย


“การกิน การเรียน และ ความรัก”


การกิน คนเราต้องกินตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะไม่มีใครกินแค่มื้อเดียวแล้วอยู่ได้ตลอดชีวิตหรือตลอดปี ดังนั้นช่วงชีวิตของคนเรา ย่อมเสียเวลาไปกับการกิน คนเรากินมื้อ เช้า กลางวัน


เย็น และถ้าใครเข้ารับการอบรม สัมมนา เสวนาต่างๆ ก็อาจมี อาหารว่าง ช่วงเช้า ช่วงบ่าย อีกต่างหาก


การเรียน คนเราต้องหมั่นเรียน เขียน อ่าน ท่องตำรา หนังสืออยู่เป็นประจำ มิเช่นนั้น ความรู้จะไม่เพิ่มพูนขึ้นมาได้ ไม่ใช่ อ่านกันปีละครั้ง ย่อมมีความรู้ที่ล้าสมัย แต่คนที่ประสบความสำเร็จจำเป็นต้อง อ่านมาก ศึกษามาก เรียนในวิชาการต่างๆในสาขาอาชีพของตน จึงประสบความสำเร็จ


ความรัก ต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ทั้งช่วง ก่อนรัก กำลังรัก หลังแต่งงาน หรือ เมื่อมีครอบครัว มีลูก ก็ต้องสม่ำเสมอในความรักที่มีต่อครอบครัว ต่อลูก





และอีกอย่างหนึ่งต้องอาศัยความสม่ำเสมอ คือ งานด้านบริหาร ต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ทั้งก่อนการได้รับมอบหมายให้บริหาร ขณะบริหาร เพื่อให้ลูกน้องและลูกค้าเกิดความมั่นใจ ฉะนั้นผู้บริหาร จำเป็นจะต้องใส่ใจลูกน้องและ ก็ต้องขยันออกไปเจอลูกค้าบ้าง เพื่อไม่ให้งานเกิดความเสียหายขึ้น และเพื่อถามปัญหาเกี่ยวกับสินค้าและบริการ หรือ เพื่อขายสินค้าเพิ่มได้อีก ขยันสำรวจตลาดบ้าง ดูว่ามีคู่แข่งเกิดขึ้นมาใหม่ไหม สินค้าของเราสู้คู่แข่งได้ไหม ทั้ง ราคา บริการ ตัวสินค้า สถานที่ การส่งเสริมการตลาด ขยันไปหาลูกน้องและทีมบ้าง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ทีมงาน จะได้รู้ปัญหาการทำงานของลูกทีมหรือทีมงานของเรา ปีใหม่หรือวันสำคัญ ก็ต้องมีของไปฝากไปเยี่ยมเยือนเขาบ้าง ไม่ใช่ขายประกันชีวิตให้เขาแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่เอาหน้าไปให้เขาดูอีกเลย ก็ใช้ไม่ได้


นักบริหารที่ดี จำเป็นจะต้องประพฤติตนให้เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ทุจริต มาทำงานตรงเวลา ไม่เอาเปรียบองค์กร ฯลฯ ถ้าทำอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้ลูกน้องเอาเป็นเยี่ยงอย่าง


นักบริหารที่ดี จำเป็นจะต้องหาความรู้สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะมีเทคโนโลยีออกใหม่ต้องตามให้ทัน เพราะถ้าลูกน้อง รู้ไวกว่ารู้มากกว่า เราก็อาจมีความคิดไม่ทันสมัย ไม่ก้าวหน้า ไม่ทันเหตุการณ์


นักบริหารที่ดี จำเป็นจะต้องควบคุมอารมณ์ของตนเอง ให้ได้ เมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงบางอย่าง ต้องไม่หลุด เพราะถ้าอารมณ์หลุด ก็จะทำให้ตนเองและองค์กร เกิดความเสียหายขึ้นมาได้


คนที่เดินก้าวยาว...ถึงก่อน คนที่เดินเร็ว...ถึงก่อน แต่คนที่เดินไม่หยุด...ถึงก่อนคนอื่นๆ ดังนั้น ผู้บริหารที่ดี จะต้องมีความเสมอต้นเสมอปลาย ในการเอาใจใส่ลูกน้องและลูกค้า


ฉะนั้น งานด้านบริหาร จำเป็นจะต้องมีกิจกรรมที่นักบริหาร ทุกคนพึงยึดถือปฏิบัติไม่ใช่ดีต้น ปลายเสีย


ดังนั้น 3 สิ่งเบื้องต้น ต้องการความสม่ำเสมอฉันใด การบริหารก็ต้องมีหัวใจที่สม่ำเสมอฉันนั้น


กินทุกวัน เรียนสม่ำเสมอ


รักอย่างยืดยาว บริหารด้วยความใส่ใจ










...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.