หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
ลักษณะของความเป็นผู้นำ
ลักษณะของความเป็นผู้นำ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
เมื่อพูดถึงเรื่องของคุณลักษณะของความเป็นผู้นำ กระผมเชื่อแน่ว่าหลายๆ ท่านคงคิดลักษณะของความเป็นผู้นำที่แตกต่างกัน ไม่ว่าเป็นผู้นำจะต้องมีคุณธรรม เป็นผู้นำจะต้องมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นผู้นำจะต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ ฯลฯ ในบทความฉบับนี้เราจะมาเรียนรู้แลกเปลี่ยนกันเพิ่มเติมสำหรับลักษณะของความเป็นผู้นำ ซึ่งมีดังนี้
1.ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ วิสัยทัศน์มีความจำเป็นต่อความเป็นผู้นำ อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ผู้นำขาดมิได้ เพราะผู้นำที่มีวิสัยทัศน์จะมองเห็นภาพของเป้าหมายที่วางไว้ แต่ในทางตรงกันข้าม หากผู้นำไม่มีวิสัยทัศน์ ผู้นำคนนั้นจะไม่มีเป้าหมายในการนำและจะมองไม่เห็นภาพเป้าหมายในอนาคต ฉะนั้น หากท่านได้มีโอกาสเป็นผู้นำ ขอให้ท่านอย่าได้ขาดวิสัยทัศน์
2.ผู้นำต้องมีความทุ่มเท ความทุ่มเทจะเป็นสิ่งที่แยกนักปฏิบัติออกจากนักฝัน ผู้นำหลายท่านมักมีวิสัยทัศน์ แต่ขาดการลงมือทำ การทุ่มเท ลงมือทำจึงมีความสำคัญต่อความสำเร็จของผู้นำ หากไม่มีการลงมือทำ ผลงานก็มักจะไม่เกิด ความทุ่มเท จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ตามเกิดความศรัทธาในตัวของผู้นำ เพราะคนมักจะไม่ตามผู้นำที่ปราศจากความมุ่งมั่นทุ่มเท
3.ผู้นำต้องมีการสื่อสารที่ดี หากว่าผู้นำมีความรู้และความคิดดี แต่ไม่สามารถสื่อสารหรือถ่ายทอดได้ ผู้นำอาจจะต้องทำงานคนเดียว การสื่อสารที่ดีควรทำเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ซึ่งแตกต่างจากนักวิชาการหรือผู้นำบางท่าน มักจะทำเรื่องง่ายๆให้สลับซับซ้อนเพื่อให้เกิดความเข้าใจยาก ถ้าหากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพจงพัฒนาการสื่อสารของท่าน
4.ผู้นำต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ ผู้นำต้องทำงานกับคน หากว่าผู้นำขาดซึ่งความมีมนุษย์สัมพันธ์เสียแล้ว ผู้ตามหรือคนมักจะไม่ให้ความร่วมมือ จงเอาใจใส่ผู้คนที่ท่านทำงานด้วย จงมีน้ำใจต่อผู้อื่น จงเข้าใจผู้อื่น และจงช่วยเหลือผู้อื่น แล้วความมีมนุษย์สัมพันธ์ของท่านก็จะมีการพัฒนาขึ้น
5.ผู้นำต้องมีการควบคุมตนเองได้ หากท่านมีความปรารถนาที่จะเป็นผู้นำที่ดี คนแรกที่ท่านจะต้องนำก็คือตัวของท่านเอง พระพุทธองค์ยังได้ตรัสไว้ว่า “ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สุด ก็คือการชนะใจตนเอง ” จงควบคุมตนเอง อย่าได้มีนิสัยปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปตามยถากรรม จงควบคุมอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง และจงควบคุม กาย วาจา ใจ ถ้าหากว่าท่านต้องการเป็นผู้นำที่ดี
6.ผู้นำต้องเรียนรู้ จงให้ความสำคัญใน การฟัง การอ่าน และการเรียนรู้อยู่เสมอ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรใหม่ๆ หรือ มีประสบการณ์ในด้านนั้นมาบ้างแล้วก็ตาม แต่หากว่าคุณต้องการเป็นสุดยอดในวงการ คุณจะต้องเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่บัดนี้ จงเริ่มเรียนรู้ทุกๆวัน โดยเริ่มเรียนรู้ให้เพิ่มขึ้นวันละ 2 เปอร์เซ็นต์ แล้วภายในหนึ่งปีท่านจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวของท่าน
7.ผู้นำต้องมองโลกในแง่ดีหรือมีทัศนคติที่ดี โทมัส เอดิสัน เขาสามารถยืนหยัดต่อความล้มเหลวในการทดลอง หลอดไฟฟ้า , ผู้พันแซนเดอร์ส เจ้าของสูตรไก่ทอด KFC อดทนต่อการถูกปฏิเสธในการเดินเร่ขายสูตรไก่ทอดนับพันครั้ง หากบุคคลทั้งสองขาดการมองโลกในแง่ดีหรือขาดทัศนคติที่ดี เราก็คงไม่มีโอกาสได้ใช้หลอดไฟฟ้าหรือรับประทานไก่ทอด KFC ได้ เหมือนในปัจจุบันนี้
8.ผู้นำต้องกล้าตัดสินใจ เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ มากหรือน้อย ผู้ที่เป็นผู้นำต้องกล้าที่จะต้องตัดสินใจถึงแม้ว่าการตัดสินใจนั้น จะถูกหรือผิด ก็ตาม แต่หากท่านไม่กล้าตัดสินใจ ความศรัทธาของผู้ตามในตัวผู้นำก็จะลดน้อยลง แต่การตัดสินใจของผู้นำที่ดีต้องมีการตัดสินใจที่ถูกมากกว่าผิด เพราะถ้าหากการตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องใหญ่ๆ เพียงแค่ครั้งเดียวอาจทำให้องค์กรนั้นๆ ล่มสลายได้
ฉะนั้น การมีวิสัยทัศน์ ความทุ่มเท การสื่อสารที่ดี การมีมนุษย์สัมพันธ์ การควบคุมตนเอง การเรียนรู้ การมองโลกในแง่ดีและการกล้าตัดสินใจ จึงเป็นลักษณะของความเป็นผู้นำ จงเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แล้วท่านก็จะเป็นผู้นำที่ผู้คนปรารถนาอยากที่จะติดตาม
...
  
Leadership On Paper
Leadership On Paper
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การเขียนหนังสือที่ดีจะต้องสามารถนำคนอ่านให้เกิดความสนใจ เกิดการติดตาม งานเขียนของเราได้ ซึ่งต้องอาศัยศิลปะในการเขียน โดยมากมักจะมีองค์ประกอบดังนี้
1.เขียนอย่างไรให้อ่านง่ายเข้าใจง่าย ไม่ใช่เขียนแบบน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง เขียนแบบวกไปวนมา หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า การเขียนที่ดีต้องมีภาษาที่สละสลวย เป็นภาษากวี ที่ไพเราะ แต่ความจริงแล้ว หาเป็นเช่นนั้นไม่ งานเขียนที่ดีต้องง่ายต่อความเข้าใจของผู้อ่าน เพราะถ้ายากต่อความเข้าใจ ผู้อ่านก็ไม่อยากที่จะอ่าน เมื่อไม่อ่านต่อ ผู้เขียนก็ไม่สามารถสื่อสารให้ผู้อ่านทราบว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นเช่นไร
2.กำหนดโครงเรื่อง เขียนชื่อเรื่อง เขียนหัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อย แต่มุ่งไปประเด็นเดียวหรือทิศทางเดียวกันกับชื่อเรื่อง เพราะหากไม่มุ่งไปในทิศทางเดียวกันแล้ว จะทำให้ผู้อ่านเกิดความสับสน ซึ่งการวางโครงเรื่องที่ดี เราควรไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของงานเขียนในประเภทต่างๆ ซึ่งมีการวางโครงเรื่องที่แตกต่างกัน เช่น การเขียนบทความที่ดี ควรมี (ชื่อเรื่อง คำนำ เนื้อหา และสรุปจบ) หรือ โครงเรื่องของ การเขียนสารคดี ควรมี (ชื่อเรื่อง ความนำ ความตอนเชื่อมต่อระหว่างคำนำกับเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องและตอนลงท้าย) เป็นต้น
3.สร้างเอกลักษณ์เป็นของตนเอง บางคนเขียนงานเขียนประเภททวนกระแส วิพากษ์สังคม บางคนเขียน ตลก เฮฮา บางคนเขียนแนวโรแมนติก หวานแหวว บางคนเขียน ทะลึ่งตึงตัง ลามก เป็นต้น จงหาแนวทางงานเขียนของตนเองให้เจอแล้ว ค่อยพัฒนางานเขียนของตนเองไปอย่างสม่ำเสมออย่าหยุดยั้ง แล้วสักวันหนึ่งท่านจะประสบความสำเร็จและมีคนอ่านคอยติดตามงานเขียนของท่าน
4.จงฝึกเขียน เขียนและเขียน เป็นทักษะที่สำคัญที่สุด อย่ารักที่จะเขียนเพราะเห็นเพื่อนเขียน เห็นแก่เงินทอง แต่จงเขียนเพราะมีใจรัก จงเขียนไปปรับปรุงแก้ไข พัฒนาไป จนกว่าจะประสบความสำเร็จ จงฝึกเขียนให้เป็นนิสัย จงฝึกเขียนเป็นประจำอยู่เสมอ หากเป็นไปได้ให้เขียนทุกๆวัน
5. อ่านหนังสือเป็นประจำ การอ่านหนังสือของงานเขียนของนักเขียนท่านอื่นๆ เป็นประจำจะสามารถนำมาปรับปรุงงานเขียนของตนเองได้ เมื่ออ่านมากเราจะรู้ได้ว่า งานเขียนนี้ดี งานเขียนนี้ไม่ดี งานเขียนนี้มีจุดเด่นอย่างไร จุดด้อยอย่างไร เขาเขียนอย่างไรคนถึงได้สนใจ แล้วเราก็นำเทคนิคเหล่านั้นมาใช้กับงานเขียนของเรา ก็จะสามารถทำให้งานเขียนของเรามีผู้อยากอ่านเพิ่มมากขึ้น
เขียนมาถึงตอนนี้แล้ว กระผมอยากให้ท่านผู้อ่านได้ทดลองเขียนหนังสือให้มากครับ เนื่องจากคนไทยเราเขียนหนังสือกันน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศที่เขาเจริญแล้ว ผมเองก็ได้มีโอกาสอ่านหนังสือปีๆ หนึ่งจำนวนมาก บางเล่ม ชวนให้อ่านต่อ บางเล่มซื้อมา อ่านแค่ 10-20 หน้า ก็ต้องนำไปเก็บไว้ที่ตู้เก็บหนังสือแล้ว ไม่หยิบมาอ่านอีกเลย
ดังนั้น Leadership On Paper ต้องเขียนอย่างไรเพื่อให้ผู้อ่านติดตาม จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและมีความจำเป็น สำหรับนักอ่าน ที่จะต้องหาเทคนิค วิธีการ การฝึกฝน ซึ่งเทคนิคข้างต้นเป็นเทคนิคบางประการ หากท่านผู้อ่านนำไปใช้ก็จะช่วยเป็นแนวทางได้เป็นอย่างดี







...
  
ครบเครื่องเรื่องการสื่อสารการตลาด
ครบเครื่องเรื่องการสื่อสารการตลาด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ครบเครื่องเรื่องการสื่อสารการตลาด ภาษาอังกฤษมักเรียกว่า Integrated Marketing Communication หรือเรียกย่อว่า IMC เป็นการพัฒนาการสื่อสารการตลาดที่นำการสื่อสารหลายๆรูปแบบมาผสมผสานกันอย่างต่อเนื่องเพื่อไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อให้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของ IMC จึงขออ้างอิงคำอธิบายของนักวิชาการดังนี้
Shimp (2000: 124) ได้ นิยามความหมายของการสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการว่า เป็นกระบวนการของการพัฒนาและการใช้รูปแบบต่างๆ ของโปรแกรมการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจผู้บริโภคตามเป้าหมาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลกระทบโดยตรงต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค
American Association of Advertising Agencies (cited in Belch and Belch, 2004: 242) ได้ให้ความหมายของ IMC ว่า เป็นแนวความคิดของการวางแผนการสื่อสารการตลาดที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าเพิ่ม โดยการผสมผสานรูปแบบการสื่อสารต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดความชัดเจน กลมกลืน
Russell and Lane (2002: 391)ให้ความหมายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการว่า เป็นการสื่อสารการตลาดที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงการโฆษณา หรือการประชาสัมพันธ์เท่านั้น แต่เป็นการทำความเข้าใจในสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการอย่างแท้จริง จากนั้นจึงคิดและวางแผนให้การสื่อสารทั้งหมดขององค์กรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ซึ่งการทำ IMC ต้องอาศัยกระบวนการที่หลากหลายและอย่างเป็นระบบ กล่าวคือต้องเริ่มต้นจากการวิเคราะห์สภาวะทางการตลาด กลุ่มเป้าหมาย มีการจัดกิจกรรมพิเศษ มีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ มีการส่งเสริมการขาย และเครื่องมือต่างๆอีกมากมาย
ทำไมธุรกิจต่างๆ องค์กรต่างๆ หน่วยงานต่างๆ จะต้องทำ IMC เพราะการสื่อสารเป็นส่วนประสมหนึ่งที่ขาดไม่ได้ เนื่องจากการสื่อสารจะทำให้ลูกค้า ประชาชน ผู้บริโภค ผู้ใช้บริการ ได้รับทราบข้อมูล ข่าวสารต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร
IMC มีความจำเป็นแค่ไหน มีความจำเป็นเป็นอันมากในยุคปัจจุบันและอนาคต ตามความเป็นจริงแล้วในยุคปัจจุบัน เราต้องยอมรับกันว่า สื่อต่างๆมีมากขึ้น สื่อบางอย่างที่นิยมในอดีตมีราคาแพงขึ้น ผู้บริโภค สามารถรับสื่อต่างๆได้อย่างมากมายกว่าในอดีต
IMC กับการส่งเสริมตราสินค้า IMC สามารถส่งเสริมตราสินค้าได้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตราสินค้า มีความสัมพันธ์กับราคา ความคุ้มค่า หากว่าตราสินค้าไหน เป็นที่รู้จักมาก โอกาสที่ลูกค้าจะซื้อสินค้า บริการ ก็ยิ่งจะมีมากขึ้น อีกทั้งในยุคปัจจุบัน มีคู่แข่งรายใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น หากไม่มีการทำ IMC ก็จะถูกแย่งลูกค้าไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น เราจำเป็นที่จะต้องมีการสื่อสารตราสินค้า อันได้แก่ การโฆษณา,การขายโดยพนักงานขาย,การประชาสัมพันธ์,การส่งเสริมการขาย,การจัดโชว์รูม,การใช้ยานพาหนะของบริษัทเคลื่อนที่,การใช้ป้ายต่างๆ,การใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ต,การจัดนิทรรศการ,การใช้ผลิตภัณฑ์เป็นสื่อ เป็นต้น
IMC ที่ยอดเยี่ยมมักจะต้อง ใหม่ แปลก ใหญ่ ดัง กล่าวคือ หากทำสื่อต่างๆ ออกมาเหมือนกับคู่แข่งในท้องตลาด ก็จะไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้าเท่าที่ควร ตรงกันข้าม หากว่าเราทำสื่อต่างๆออกมาอย่างสร้างสรรค์ให้ 1.ใหม่ 2.แปลก 3.ใหญ่ 4.ดัง หากเป็นลักษณะนี้ ก็จะสร้างความจดจำและเป็นที่ประทับใจของลูกค้าได้มากกว่า
1.ใหม่ คือ ถ้าทำอะไรเป็นเจ้าแรก มักจะทำให้เกิดเป็นที่จดจำได้มากกว่า
2.แปลก คือ ถ้าทำอะไรให้แตกต่างกว่าคนอื่น มากจะได้รับความสนใจที่ดีกว่า
3.ใหญ่ คือ ถ้าทำอะไรให้ยิ่งใหญ่กว่าคู่แข่ง จะทำให้คนมาร่วมงานมาก ภาพลักษณ์ก็จะเหนือกว่า
4.ดัง คือ ถ้าทำอะไรต้องมีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ให้คนรับรู้ อีกทั้งควรมีคนดังๆ มาร่วมงาน มาเปิดงาน เช่น นักการเมืองดัง นักกีฬาดัง ดารา นักแสดงดัง ก็จะทำให้เป็นที่สนใจ
IMC กับ การประชาสัมพันธ์ ธุรกิจยุคปัจจุบัน มักให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ องค์กรหลายแห่งในยุคปัจจุบัน ถึงกับสนับสนุนและให้ความสำคัญในการทำประชาสัมพันธ์มากกว่าการทำการโฆษณาเสียอีก เพราะ การประชาสัมพันธ์ใช้จ่ายในการซื้อสื่อน้อยกว่าการโฆษณาซึ่งจะต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากในการซื้อสื่อ อีกทั้งยังได้รับความน่าเชื่อถือมากกว่า ซึ่งเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ที่สำคัญๆ ได้แก่ การให้ข่าว การสัมภาษณ์ การสร้างสื่อมวลชนสัมพันธ์ การสร้างชุมชนสัมพันธ์ การจัดกิจกรรมพิเศษ การทำการกุศล เป็นต้น
IMC กับ การทำการตลาด บน Facebook ในยุคนี้ หากบริษัทใดไม่ทำการตลาดใน Facebook ก็มักจะเสียเปรียบคู่แข่งขัน เพราะการทำการตลาดบน Facebook มีข้อดีหลายอย่าง เช่น ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ทันสมัย , เป็นสื่อที่มีราคาถูก , เป็นสื่อที่มีความไวต่อการรับรู้ข้อมูล , เป็นสื่อที่สามารถเชื่อมโยงไปยังสื่อต่างๆโดยเฉพาะเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆได้เป็นอันมาก , อีกทั้งเรายังสามารถทำการโฆษณาสินค้า บริการผ่านกลุ่มคนในเครือข่ายได้อีกด้วย
Facebook สามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คิด เช่น การเขียนบล็อก เชื่อมโยง Twitter เชื่อมโยง Youtube ทำสไลด์ฟรีเซนเตชัน ดึงข่าวเทรนด์ตลาดมาแสดงในFacebook(Social RSS) , MSN Messenger , Yahoo Messenger , Skype เพื่อสร้างความสัมพันธ์คุยธุรกิจกับลูกค้า เป็นต้น
IMC กับ การโฆษณา การโฆษณามีความจำเป็นอย่างยิ่งในการทำการตลาด แต่ทั้งนี้ เราควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆด้วย เช่น งบประมาณในการทำโฆษณามีจำนวนเท่าไร , ควรใช้สื่อใดในการทำโฆษณา , ควรสร้างโฆษณางานโฆษณาอย่างไร , ใครคือกลุ่มเป้าหมายของการโฆษณา , บุคลิกภาพของสินค้าสัมพันธ์กับสื่อโฆษณาหรือไม่ เป็นต้น
IMC กับ พรรคการเมือง ในปัจจุบันพรรคการเมืองเกือบทุกพรรคของไทย นิยมใช้การตลาดมาประยุกต์ใช้กับการเมือง เช่น ตราสินค้า(Brand Name) อันได้แก่ชื่อพรรค (เพื่อไทย,ประชาธิปัตย์,ชาติไทยพัฒนา) , มีสโลแกน ( คิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อไทยทุกคน ) และมีการเลือกใช้วิธีการสื่อสารตราสินค้า(Brand contact point) เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย การขายโดยใช้พนักงานขาย การใช้ผลิตภัณฑ์เป็นสื่อ การใช้ยานพาหนะเคลื่อนที่ การตลาดเจาะตรง แผ่นพับ ฯลฯ จึงไม่ต้องแปลกใจที่พรรคการเมืองต่างๆในยุคปัจจุบัน มีความจำเป็นจะต้องใช้งบประมาณอย่างมากมายมหาศาล
IMC กับ CSR (Corporate Social Responsibility) การทำกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม หากบริษัทใดไม่มีการทำ IMC ก็จะทำให้ประชาชนไม่ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหว แต่ตรงกันข้ามบริษัทใด องค์กรใด เสียงบประมาณน้อยกว่า หรือทำน้อยกว่า แต่ทำ IMC ไปด้วย ก็จะทำให้เป็นที่รู้จักของประชาชน

ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า การทำ IMC จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าต่อหน่วยงานใด องค์กรใด หากทำ IMC ก็จะทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ ทำให้เกิดรายได้ ทำให้เกิดกำไร ต่อธุรกิจและต่อบริษัท


...
  
ปัญหาของเด็ก
ปัญหาหลากหลาย ของเด็กและเยาวชนไทย


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


ปัญหาเรื่องเพศของเด็ก ปัญหาเด็กดื่มเหล้า ปัญหาเด็กติดยาเสพติด ปัญหาเด็กติดเกมส์ และอีกหลากหลายปัญหา ของเด็กและเยาวชนไทย ปัญหาต่างๆเหล่านี้มีความซับซ้อนกว่าในอดีต เนื่องจากสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ทำให้ปัญหาเด็ก เยาวชนไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมาก ซึ่งการเกิดปัญหาต่างๆ มีหลายปัจจัย เช่น เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป สังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การเมืองเปลี่ยนแปลงไป ฯลฯ เช่น


ปัญหาเรื่องเพศของเด็ก เรามักจะเห็นในข่าวหน้าหนึ่งทางหน้าหนังสือพิมพ์ และสื่อต่างๆ


- “ รวบ 3 นักศึกษาสาว ขายตัวทาง HI5 อ้างหลงผิด-ใช้เงินฟุ่มเฟือย ”

- รายการ คม ชัด ลึก ประจำวันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ ตอน "ขายตัว สวิงกิ้ง-ความเหลวแหลกวัยรุ่น" ได้หยิบยกปัญหาดังกล่าวมาพูดกันในรายการ เพื่อร่วมเสนอทางออกของปัญหา

- รวบแม่เล้าสาว ม.2พาเพื่อนส่งเสี่ยขายตัว จากหนังสือพิมพ์รายวัน เชียงใหม่นิวส์

- และมีอีกหลากหลายข่าวตามสื่อต่างๆ


ปัญหาเรื่องเด็กดื่มเหล้า เบียร์ เป็นปัญหาที่พูดกันมายาวนานแล้ว ไม่ใช่แค่เด็กแต่ว่ามีปัญหากับประชาชนหรือพลเมืองของชาติด้วย แต่ในปัจจุบัน ปัญหาเหล้า เบียร์ เริ่มมีปัญหามากยิ่งขึ้นสำหรับเด็ก และเยาวชน ดังจะเห็นได้จากหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ หรือสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ เช่น ภาพอุบัติเหตุ ภาพทำร้ายร่างกายกัน ภาพทะเลาะเบาะแว้งกันของเด็ก เยาวชน ส่วนใหญ่แล้วก็เกิดขึ้นมาจากการดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ ยิ่งช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ , สงกรานต์ , ลอยกระทง ฯลฯ การดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ ยิ่งมีมาก ปัญหาต่างๆ ( อุบัติเหตุ ,ทำร้ายร่างกายกัน,ทะเลาะเบาะแว้งกัน) ก็มากตามด้วย


และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย เคยวิเคราะห์อย่างน่าฟังว่า หากสามารถลดอุบัติเหตุจากคนเมาได้ร้อยละ 50 จะลดการเสียชีวิตปีละ 2,900 ราย ลดการบาดเจ็บปีละ 29,625 ราย และ ลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจได้อีกประมาณ 13,975 ล้านบาทเลยทีเดียว


ปัญหาเด็กติดยาเสพติด ในยุคปัจจุบัน ปัญหายาเสพติดมีเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งต้องขอฝากรัฐบาลช่วยแก้ ช่วยปราบปรามไว้ด้วย เนื่องจากปัญหายาเสพติดในปัจจุบัน ได้ลงมายังเด็กและเยาวชน เพิ่มมากขึ้น ยาเสพติดหาซื้อได้ง่ายและมีรูปแบบใหม่ๆเพื่อตอบสนองเด็กและเยาวชนของชาติ


ปัญหาเด็กติดเกมส์ เด็กติดเกมส์ในยุคปัจจุบันมีมากขึ้น การติดเกมส์ สำหรับเด็กบางคนไม่ต้องไปไหน เด็ก เยาวชน สามารถเล่นได้ภายในบ้าน


ปัญหา เหล่านี้ ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับ ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ สำหรับการแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ มีความยากลำบากมาก เพราะ การแก้ปัญหาหนึ่งมันจะไปกระทบกับอีกปัญหาหนึ่ง เมื่อแก้เรื่องนี้ ก็จะก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆ เกิดขึ้น เปรียบเหมือนกับที่เราแก้เชือกที่มี หลายปม เมื่อแก้ ปมนี้ เสร็จ ก็ยังต้องมีอีก หลายปมให้ต้องแก้ เช่น การแก้ปัญหาเรื่องเพศของเด็ก เรามีความจำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องของสื่อลามก เนื่องจากเราต้องยอมรับว่า ปัจจุบัน ปัญหาสื่อลามกมีมากกว่าในอดีตเป็นอย่างยิ่ง หาซื้อได้ง่าย ในอินเตอร์เน็ต ก็สามารถ หาดูได้ทันที การแก้ไขปัญหาเรื่องเพศของเด็ก อาจจะต้องมีการออกกฎหมายใหม่ๆ มาเพื่อใช้บังคับและลงโทษผู้กระทำผิดให้เข้ากับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป



























...
  
วาทศิลป์พลิกผันโลก
วาทศิลป์พลิกผันโลก(ชิวหาสามนิ้วเหนือกว่ากองทัพ ที่มีรี้พลอันเกรียงไกรถึงร้อยหมื่น)
แปลโดย ศรีวารี
ราคาเล่มละ 115 บาท เป็นหนังสือที่นำเอาตัวอย่างจากการใช้วาทศิลป์ของชาวจีนโบราณมาวิเคราะห์ แยกแยะ ตัวอย่างภายในหนังสือเช่น
การโต้แย้งกับผู้มีปัญญา พึงต้องมีความรู้อันลึกซึ้ง
การโต้แย้งกับผู้มีความรู้อันกว้างขวางลึกซึ้งพึงต้องเชี่ยวชาญในการใช้วาทศิลป์
การโต้แย้งกับผู้มีความเชี่ยวชาญในการอภิปราย พึงต้องมุ่งให้ความสำคัญกับประเด็นสำคัญ
การโต้แย้งกับผู้อยู่ในตำแหน่งอันสูงศักดิ์ พึงต้องปะทะด้วยอำนาจและอิทธิพล
...
  
ควรพูดให้ได้ทั้งสาระและความบันเทิง
ควรพูดให้ได้ทั้งสาระและความบันเทิง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
การเป็นนักพูดที่ดีนั้น ควรพูดให้ได้ทั้งเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ อีกทั้งมีอารมณ์ขันหรือความบันเทิง สอดแทรกในการพูดแต่ละครั้ง เนื่องจากสังคมไทยเรา หนีไม่พ้นความบันเทิง เพราะสังคมไทยเราชอบความสนุกสนาน ดังเราจะสังเกตเห็นว่า นักพูดที่พูดในเชิงวิชาการอย่างเดียว ไม่สอดแทรกความบันเทิงหรืออารมณ์ขันเลย มักไม่เป็นที่นิยมเท่ากับ บรรดานักพูดที่พูดเนื้อหาสาระแล้วมีการสอดแทรกความบันเทิงหรืออารมณ์ขันลงไปด้วย
ดังนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จในการเป็นนักพูดในสังคมไทยเรา ท่านควรพูดให้ได้ทั้งเนื้อหาในด้านหลักวิชา มีทฤษฏี มีการอ้างอิง มีเหตุผล มีทัศนะ ความเชื่อ มีปฏิภาณตอบโต้ปัญหาต่างๆ มีตลกขบขัน อีกทั้งพูดด้วยความเชื่อมั่นและมั่นใจ หากท่านสามารถพูดได้ดังนี้ จะทำให้ท่านเป็นที่ยอมรับและได้รับความเคารพจากผู้ฟัง
มีคนเคยถามกระผมว่า แล้วถ้าถูกเชิญให้ไปพูดในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าจะพูดเนื้อหาสาระกี่เปอร์เซ็นต์ ความบันเทิงกี่เปอร์เซ็นต์ กระผมขอตอบว่า เราคงต้องดูปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย เช่น ดูบรรยากาศของงาน ดูการศึกษาของผู้ฟัง ดูว่าเจ้าภาพต้องการให้เราพูดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร ฯลฯ
หากเจ้าภาพเชิญให้ไปพูดทอล์คโชว์ แน่นอนว่า การพูดครั้งนั้น ต้องพูดโดยมีเนื้อหาความบันเทิงอย่างเดียว สำหรับสาระคงไม่ต้องมีมาก หรือบางแห่ง ถึงกับบอกเลยว่า เราไม่ต้องการสาระ ขอบันเทิงอย่างเดียวพอ กล่าวคือ ต้องพูดให้คนหัวเราะให้ได้ตลอดงาน ( ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากผู้ฟังมีความหลากหลาย )
แต่ถ้าหากถูกเชิญให้ไปพูดบรรยายในเชิงวิชาการ การอบรมต่างๆ เราก็ควรพูดในเชิงวิชาการให้มากขึ้น สำหรับอารมณ์ขัน ก็ควรมีอยู่บ้าง สำหรับสังคมไทยเรา มักชอบฟังคนพูดแล้วคนหัวเราะ มากกว่า ฟังการพูดแล้วคนเครียด
ฉะนั้น นักพูดที่ดีจึงต้องพูดให้ได้ทั้งเนื้อหาสาระและบันเทิง สำหรับเทคนิคการหาข้อมูลในเรื่องความบันเทิง นักพูดควรขยันสรรหาตัวอย่างต่างๆให้มากๆ ไม่ว่าจะได้จากสิ่งต่างๆ รอบตัว ต้องหมั่นจดจำ ต้องเป็นนักบันทึก ต้องเป็นนักเลียนแบบและพัฒนาตนเอง หมั่นหามุข หรือตัวอย่างสนุกๆ เพราะการยกตัวอย่างสนุกๆ เป็นเครื่องมือในการใช้ประกอบการพูดได้มาก
การยกตัวอย่างสนุกๆ ทำให้เราขยายเวลาหรือเป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่มเวลาในการพูดได้มากขึ้น เช่น หากมีเวลาเหลืออีก 1 ชั่วโมง เนื้อหาที่เตรียมไปหมดแล้ว เราก็สามารถเพิ่มตัวอย่างที่สนุกๆ ไปได้อีก แต่หากเวลาเกิน เราก็สามารถตัดตัวอย่างที่สนุกๆ ที่เตรียมไว้ทิ้งเสีย
สำหรับยุคปัจจุบัน การหาข้อมูลตัวอย่างที่สนุกๆ หาได้ไม่ยากเหมือนในอดีต เนื่องจากยุคปัจจุบัน เราอยู่ในสังคมของ ข้อมูลข่าวสาร เรามีระบบอินเตอร์เน็ต เราจึงสามารถหาข้อมูลได้ง่ายและมากขึ้นกว่าในอดีต ไม่ว่าการหาใน GOOGLE , YOUTUBE ฯลฯ จึงทำให้เกิดนักพูดหน้าใหม่ๆ ขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งในยุคปัจจุบันมีการกระตุ้นให้เด็กรุ่นใหม่กล้าแสดงออกกว่าในอดีต เนื่องจาก มีการแข่งขันรายการต่างๆ มากมาย โดยมีถ้วยรางวัล มีโล่ห์ มีเงิน อีกทั้งได้ออกสื่อต่างๆ ทำให้เป็นที่รู้จักกับผู้คนมากยิ่งขึ้น
แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงของนักพูดหน้าใหม่หรือนักพูดรุ่นใหม่ กล่าวคือ เรื่องของกาลเทศะ คำบางคำหรือคำบางประโยค นักพูดรุ่นอาวุโสสามารถพูดได้ แต่นักพูดรุ่นใหม่พูดไม่ได้ เนื่องจากสังคมไทยเรายังถือเรื่องอาวุโส
ฉะนั้น การพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ การที่จะเป็นนักพูดที่ดีได้ ต้องไม่หยุดนิ่ง เพราะการพูดในยุคปัจจุบัน กระผมถือว่าเป็นวิชาชีพหนึ่งก็ว่าได้ เป็นวิชาชีพที่ต้องมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเรื่องความคิด ความรู้ ข้อมูล แนวการนำเสนอในการพูดแต่ละครั้ง เราต้องหาเพิ่มเติมตลอดเวลา จะมากินบุญเก่าหรือใช้ความรู้เก่าๆ วิธีการนำเสนอแบบเก่าๆ คงไม่มีใครอยากที่จะฟัง ดังนั้น นักพูดในยุคใหม่จึงต้องมีเครื่องมือต่างๆ ช่วย เพื่อให้การพูดแต่ละครั้งเกิดความแตกต่างกับนักพูดหรือวิทยากร ท่านอื่นๆ เช่น ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ใหม่ๆ , ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ,ใช้ระบบการเรียนรู้หรือสร้างบรรยากาศที่ทันสมัยเพื่อให้ผู้เรียนหรือผู้ฟังอยากที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ของนักพูดหรือวิทยากร
ลิ้นเพียงสามนิ้ว ขงเบ้งยกเมืองให้เล่าปี่ได้









...
  
Martin Luther King "I have a dream"
31
...
  
การทำงานด้วยหัวใจ
บรรยาย ณ วัดบูรพา จังหวัดร้อยเอ็ด ในหัวข้อ " การทำงานด้วยหัวใจ " ...
  
หากรู้จักตนเองก็สำเร็จไปกว่าครึ่ง
หากรู้จักตนเองก็สำเร็จไปกว่าครึ่ง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
สตีฟ จอบส์และบิล เกตส์ ไม่ได้เรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ลาออกในขณะที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เพราะทั้งคู่รู้ว่าตนเองชอบอะไร , ไทเกอร์ วูดส์ รู้ว่าตนชอบเล่นกีฬาประเภทกอล์ฟ มาตั้งแต่อายุ 2 ขวบ อีกทั้งหยุดการเรียนมหาวิทยาลัยขณะเรียนปีที่ 2 เพื่อออกไปเล่นกอล์ฟเป็นอาชีพ , มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook ร่วมกับเพื่อนพัฒนา Faecbook ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด หลังจากนั้นก็หยุดการเรียนแล้วเป็นผู้บริหารของFaecbook อย่างเต็มตัว
บุคคลข้างต้นนี้ หยุดเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อออกมาทำในสิ่งที่ตนเองชอบหรือรักและบุคคลที่ประสบความสำเร็จอีกมากมายที่ยังไม่เคยมีโอกาสเรียนในมหาวิทยาลัย แต่เขาก็ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าคนที่เรียนในมหาวิทยาลัย ทั้งนี้เพราะเขาเหล่านั้นรู้ว่าตนเองชอบหรือรักอะไร ดังนั้นหากท่านรู้จักตนเองว่าตนชอบหรือรักอะไร ท่านก็จะประสบความสำเร็จไปกว่าครึ่ง
จงค้นหาสิ่งที่ตนเองรัก ชอบ หรือมีศักยภาพในการทำสิ่งนั้น ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องมีการลองผิดลองถูก หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอาชีพ ถึงแม้ว่าท่านจะต้องใช้เวลาค้นหาชั่วชีวิตของท่านก็ตาม แต่ยังดีกว่าท่านไม่ได้ค้นหาตัวตนของท่านจริงๆ ดังเช่นผู้พันแซนเดอร์สค้นหาตัวตนเจอก็ตอนอายุมากแล้วแต่ก็สามารถประสบความสำเร็จจนโด่งดังไปทั่วโลก
ผู้พันแซนเดอร์ส แห่ง ไก่ทอด KFC ค้นหาตัวตนเจอตอนอายุ 65 ปี หลังจากทำงานมากมายหลากหลายอาชีพ เช่น ทำงานในฟาร์ม คนขับรถบรรทุก พนักงานขายประกัน พนักงานดับเพลิง ทหาร แต่ทักษะด้านการทำอาหารเป็นสิ่งที่เขาทำอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต เขาจึงตัดสินใจทำสูตรไก่ทอดที่อร่อยที่สุดในโลกเมื่อตอนอายุ 65 ปี
จงอย่าเลือกงานเพราะได้เงินมาก แต่จงเลือกงานที่ท่านรัก ท่านชอบ ท่านมีความเชี่ยวชาญ ถนัดและท่านมีความสุขกับงานนั้น อีกทั้งท่านก็เชื่อมั่นว่าท่านเกิดมาเพื่อสิ่งนั้น ท่านก็จะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
สำหรับคนที่ไม่รู้จักตนเอง ส่วนมากมักจะล้มเหลวในชีวิตการทำงาน เพราะด้วยความไม่รู้จักตนเอง บางคนไม่มีทางเลือก คนเหล่านี้ต้องก้มหน้าทำงานที่ตนเองไม่ถนัด ไม่ชอบ ไม่รัก ไม่มีความเชี่ยวชาญ นานตั้งหลายสิบปี รอจนหมดไฟบางคนต้องทนจนกระทั่งจบฉากของชีวิตไป
คนเรากลัวการเปลี่ยนแปลงแต่คนเราจะเจริญก้าวหน้าก็ด้วยเพราะการเปลี่ยนแปลง คนเราในโลกนี้มักกลัวการเปลี่ยนแปลง ไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงอาชีพในปัจจุบัน หลายคนรู้ตัวว่าตนรักหรือชอบอะไร แต่ก็ไม่กล้าที่จะลงมือทำ เหตุก็เพราะกลัวสิ่งต่างๆ เช่น กลัวว่าจะไม่มั่นคง กลัวว่าจะทำไม่ได้ กลัวความลำบาก ฯลฯ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นก็จะเป็นได้แค่นักฝัน นักจินตนาการ นักพร่ำบ่น เท่านั้น จงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงหากท่านต้องการความสำเร็จ
...
  
การตลาดขั้นเทพ
การตลาดขั้นเทพ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
เราต้องยอมรับว่าการขายสินค้า ผลิตภัณฑ์ ในยุคนี้ ต้องเผชิญกับคู่แข่งเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งภายในประเทศและคู่แข่งภายนอกประเทศที่สามารถเข้ามาขายสินค้าภายในประเทศได้อย่างเสรีมากขึ้น ทำอย่างไรถึงจะขายสินค้า ผลิตภัณฑ์ได้เพิ่มขึ้น นี่คือคำถาม ที่บรรดาเจ้าของกิจการมีความต้องการ
สำหรับการที่จะขายสินค้าได้เพิ่มขึ้นนั้น จึงต้องอาศัยเรื่องของการตลาดเข้ามาช่วย การตลาดขั้นเทพจึงมีเนื้อหาที่จะทำให้คุณมีลูกค้ามากขึ้นและลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. คุณต้องใช้สื่อเพิ่มมากขึ้น เราคงต้องยอมรับว่า ธุรกิจน้ำอัดลม โค้ก ( ได้ลงทุนกับการโฆษณาเป็นจำนวนมากมายมหาศาล บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จำกัด รายงานภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาทั้งปี 2556 ว่า โค้ก ได้ใช้ งบการตลาดสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งถึง 1,193 ล้าน 4 แสน 3 หมื่นบาท บาท ) นี่ยังไม่นับงบประมาณที่ โค้ก ใช้ในการโฆษณาทั่วทั้งโลก ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ โค้ก จึงมียอดขายเพิ่มขึ้นทุกๆปี และมีส่วนแบ่งการตลาดมาเป็นอันดับหนึ่งโดยตลอด
2.คุณต้องกระตุ้นจูงใจ กระตุ้นอารมณ์ให้คนอยากซื้อ เราจะเห็นโฆษณาต่างๆในโทรทัศน์ ที่กระตุ้นให้คนอยากทดลองหรืออยากลองใช้ โฆษณาของสินค้าบางตัว ใช้ดาราชื่อดังแสดง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ดาราชื่อดังไม่เคยใช้สินค้านั้นๆด้วยซ้ำไป ดังเราจะเห็นได้จากสื่อต่างๆที่ปรากฏ อีกทั้งในปัจจุบันยังได้มีการนำคนดังในวงการต่างๆเช่น วงการการเมือง วงการศึกษา วงการการกีฬา ฯลฯ มานำเสนอสินค้าอีกด้วย
3.คุณต้องมีการแจกฟรีหรือลดสินค้า เป็นบางช่วง คนเราส่วนใหญ่มักชอบของฟรี หรือชอบซื้อสินค้าลดราคา บางคนซื้อไปเป็นจำนวนมากๆ เกินความจำเป็น ฉะนั้นการแจกฟรีหรือการลดสินค้า ก็ถือว่าเป็นการกระตุ้นลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อสินค้าอีกวิธีหนึ่ง เพียงแต่ต้องมีการวางแผนงานว่าจะแจกฟรีหรือลดสินค้าในช่วงเดือนใดของปี
4.คุณต้องนำเสนอความกลัว บริษัทประกันชีวิตได้กระตุ้นให้คนซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิต ก็ด้วยการนำเสนอ เรื่องของ ความตาย ความเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ซึ่งก็ได้ผลดีสำหรับลูกค้าบางส่วน ที่มีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
5.คุณต้องกระตุ้นความภาคภูมิใจ รถยนต์ราคาแพงบางยี่ห้อ ราคาเป็นล้านบาทขึ้นและไม่ยอมลดราคา แต่ก็มีคนแห่ไปซื้อขับเป็นจำนวนมาก เพราะคนซื้อเกิดความภาคภูมิใจที่ได้ใช้ ถึงแม้จะต้องจ่ายเงินไปด้วยราคาสูงก็ตาม หรือ ไวน์ บางขวดราคาเป็นแสนๆ แต่ก็มีคนซื้อกินกัน เนื่องมาจากเกิดความภาคภูมิใจที่ได้กินไวน์ในราคาแพง อีกทั้งยังนำไปอวดหรือนำไปคุยกับเพื่อนๆได้อีกด้วย
6.คุณต้องกระตุ้นด้วยการชิงโชค ลูกค้าหลายๆคน เกิดความโลภเกิดความอยากได้รางวัล เมื่อมีการชิงโชค จึงพยายามซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะได้ส่งชิ้นส่วนไปชิงรางวัล การชิงโชคนี้สอดคล้องกับนิสัยที่ชอบเสี่ยงโชคของคนไทย อีกทั้งทำได้ง่าย เป็นการกระตุ้นยอดขายได้อย่างรวดเร็วในช่วงที่มีการชิงโชค
7.คุณต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ลูกค้าเป็นจำนวนมากมักอุดหนุน สินค้า ผลิตภัณฑ์กับผู้ขายหรือเจ้าของที่ตนเองรู้จัก มากกว่าอุดหนุนสินค้ากับคนอื่นๆที่ตนเองไม่รู้จัก ฉะนั้นหากคุณต้องการขายสินค้าได้มากขึ้น คุณควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าของคุณ หลายบริษัทใหญ่ๆ ได้นำระบบ การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management : CRM) มาใช้
8.คุณต้องกระตุ้นยอดขายด้วยการบริการ หากว่าการบริการของคุณดีกว่าคุณแข่ง ลูกค้ารายเก่าก็มักจะโฆษณาแบบปากต่อปากให้แก่สินค้าของคุณ แต่ตรงกันข้ามถ้าหากว่าการบริการของคุณไม่ดี ลูกค้าก็จะโฆษณาแบบปากต่อปากให้แก่สินค้าของคุณ แต่โฆษณาให้ในทางลบ ซึ่งอาจทำให้ยอดขายของคุณตกในเวลาต่อมา
9.คุณต้องนำเสนอคุณประโยชน์ของสินค้าของคุณ สินค้าหลายตัวมีประโยชน์มากเช่น รักษาโรคต่างๆได้เป็นอย่างดี เมื่อสินค้ามีคุณประโยชน์มาก จึงทำให้คนอยากซื้อสินค้าเพื่อนำเอาไปใช้ การนำเสนอคุณประโยชน์จึงเป็นอีกทางหนึ่งในการทำให้สินค้ของคุณขายดี จงหาคุณประโยชน์ของสินค้าเพื่อกระตุ้นยอดขาย
10.คุณต้องกระตุ้นโดยใช้คำพูดที่ทรงพลังและจูงใจ เช่น คุณสามารถให้เงินทำงานแทนคุณได้ , จงสร้างระบบแล้วให้ระบบทำงานแทนคุณ, รวยลูกเดียว (ส่วนใหญ่คำพูดเหล่านี้ใช้มากในการทำธุรกิจเครือข่าย) สำหรับคำพูดที่ทรงพลังในการขายสินค้า คือ ดีที่สุด , เร็วที่สุด , เยี่ยมที่สุด, ถูกที่สุด เป็นต้น
11.คุณต้องสร้างเรื่องราว หลายธุรกิจมักจะมีเรื่องราว โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้เกิดธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงต่อกัน เช่น ธุรกิจขายของฝาก ของที่ระลึก , ธุรกิจขนส่งนักท่องเที่ยว , ธุรกิจถ่ายภาพ เป็นต้น
12.คุณต้องสร้างความแตกต่างของสินค้า สินค้าเหมือนๆกัน มักขายได้ในราคาเท่ากันหรือมีราคาถูกกว่าราคาตลาด แต่หากว่าคุณสามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นกับสินค้าได้ สินค้าของคุณจะเป็นที่น่าสนใจ น่าดึงดูดใจให้คนมาซื้อ อีกทั้ง ยังขายได้ในราคาแพงกว่าราคาตลาดอีกด้วย
13.คุณต้องเพิ่มช่องทางการตลาดของคุณให้มากยิ่งขึ้น เช่น การขายผ่านทางโทรศัพท์มือถือ การบริการผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ในยุคปัจจุบันโทรศัพท์มือถือกลายเป็นสื่อโฆษณาและช่องทางในการจัดจำหน่าย โทรศัพท์มือถือสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง ถ่ายรูป ดูหนัง ฟังเพลง ดู Social Media ดูข้อมูลต่างๆได้ อีกด้วย
14.คุณต้องสร้าง แบรนด์(Brand) ให้แข็งแกร่ง แบรนด์เป็นเครื่องมือหนึ่งทางการตลาดที่ได้รับความนิยมและมีการพูดถึงกันมาก แบรนด์ทำให้สินค้านั้นเกิดความยั่งยืนกว่าสินค้าที่ไม่ได้สร้างแบรนด์ แบรนด์ทำให้สินค้านั้น ขายได้ดี ขายได้มากกว่าสินค้าที่ไม่ได้มีการสร้างแบรนด์
15.คุณต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ สตีฟ จอบส์ เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ สินค้าตระกูล I เป็นที่นิยมของตลาดก็เนื่องมาจาก สตีฟ จอบส์ เป็นผู้คิดริเริ่มหาสิ่งแปลกๆใหม่ๆ ให้กับวงการ ฉะนั้น สินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ จึงเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะสินค้าภายในตลาดมีความคล้ายคลึงกันหรือมีความเหมือนกันเป็นจำนวนมาก
16.คุณต้องรู้จักจังหวะ จังหวะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอันมาก สำหรับการสร้างยอดขายสินค้า ช่วงใดที่เศรษฐกิจตกต่ำ แน่นอน ยอดขายสินค้าย่อมมีโอกาสขายได้น้อยกว่า สินค้าที่ขายในช่วงเศรษฐกิจดี ฉะนั้น การหาจังหวะในการลงทุน จังหวะในการขายสินค้าตามแนวโน้มทางเศรษฐกิจ จึงเป็นสิ่งที่ต้องศึกษา หาข้อมูลก่อนที่จะลงทุนจริงๆ
17.คุณต้องใช้การตลาดออนไลน์เขย่า ปัจจุบันธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลาง สามารถทำการตลาดได้ด้วย Social Media ,Facebook Marketing , Twitter Markting ,Youtube,Game Marketing เช่นเดียวกับธุรกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากเทคโนโลยีปัจจุบันมีความทันสมัยเป็นอันมาก
18.คุณต้องไม่สร้างชื่อเสียให้แก่สินค้าของคุณ สินค้าหลายตัวเมื่อมีเรื่องมีราวที่ไม่ดี สินค้าไม่มีคุณภาพ ใช้แล้วเป็นอันตราย จึงทำให้ลูกค้าไม่ซื้อสินค้านั้นอีกต่อไป เลยทำให้ประสบกับการขาดทุน ฉะนั้น ควรระวังเรื่องที่ทำให้เกิดการเสียชื่อเสียงแก่สินค้าและบริษัท
19.คุณต้องมีการปรับแผนการตลาดของคุณเพื่อให้เข้ากับประเทศ วัฒนธรรมนั้นๆ ศาสตร์ทางด้านการตลาดเป็นทั้งศาสตร์คือเรียนรู้ได้ เป็นทั้งศิลป์คือสามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้ได้ ตามสถานการณ์ ดังนั้น ศาสตร์ทางการตลาดจึงไม่อยู่นิ่งกับที่ เป็นศาสตร์ที่ต้องเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผู้ใช้ศาสตร์ด้านนี้จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาจึงจะประสบความสำเร็จในการทำการตลาด
ฉะนั้นการที่จะขายสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น การที่จะขยายสินค้าให้ได้มากขึ้น จึงต้องอาศัยการตลาดเข้ามาช่วย ข้อความในบทความ เรื่อง การตลาดขั้นเทพ จึงเป็นข้อมูลหนึ่งที่เราสามารถนำเอาไปอ่าน นำเอาไปศึกษาและนำเอาไปใช้ อีกทั้ง ท่านผู้อ่านควรที่จะมีการค้นคว้าและศึกษาเพิ่มเติม ท่านผู้อ่านจึงจะประสบความสำเร็จในเรื่องการตลาด



...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.