หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด

9
...
  
เรื่องของ “อาวุธ” กับเรื่องของ “กลยุทธ์” เป็นของคู่กัน
เรื่องของ “อาวุธ” กับเรื่องของ “กลยุทธ์” เป็นของคู่กัน ถ้ามีอาวุธ แต่ปราศจาก กลยุทธ์ อาวุธที่มีนอกจากจะสิ้นเปลืองแล้ว บ่อยครั้งอาวุธที่มีมากมายเกินไป ยังมักพลาดพลั้งทำลายตัวเอง!








อาวุธในที่นี้ มีหลายความหมาย แต่วันนี้อาวุธที่จะเน้นก็คือ เครื่องมือทางการตลาด เครื่องมือทางการขาย เครื่องมือทางการบริการ และเน้นเป็นพิเศษก็คือ…Call Center และ Tele-Sales ไปจนถึง PC พนักงานขาย ณ จุดขาย เหตุผลหลักที่เน้น 3 เครื่องมือนี้เป็นอันดับแรกก็เพราะมีองค์กรจำนวนมากที่มีเครื่องมือทั้ง 3 อย่างนี้ครบครัน แต่ใช้อาวุธ โดยปราศจาก กลยุทธ์







…Call Center







...Tele-Sales








...PC



ตัวอย่างเช่น มีหน่วยงาน Call Center เพื่อให้ลูกค้าโทรเข้าไปติดต่อ สอบถาม ตามเรื่องต่างๆ มีหน่วยงาน Tele-Sales ทำหน้าที่โทรติดต่อลูกค้ามีทีมงาน PC ที่ทำหน้าที่ขาย ณ จุดขายตามสาขา หรือพื้นที่ขายตามห้างต่างๆ

เรื่องที่น่าทึ่งก็คือ ทั้ง 3 หน่วยงาน ต่างก็ทำหน้าที่ ที่ตั้ง “แตกต่าง จนสับสน” และ “ซับซ้อน จนวุ่นวาย” ทั้งที่ทั้ง 3 หน่วยงานต่างก็มีภารกิจเดียวกันคือ สร้างยอดขายจากลูกค้า และสร้างความพึงพอใจ แต่ผลที่ได้ตรงข้าม

ตัวอย่างเช่น ลูกค้าใหม่โทรเข้าไปสอบถามข้อมูล กับทาง Call Center พนักงานก็ให้ข้อมูลไป แล้วก็จบกันไปแบบไม่มีอะไรน่าสนใจ และลูกค้ารายนี้วันดีคืนดีก็จะได้รับการติดต่อจากทีม Tele-Sales เพื่อโทรมาเสนอสินค้า-บริการ และลูกค้ารายเดียวกันนี้ ก็มีโอกาสที่จะแวะเข้าไปถามรายละเอียดสินค้า-บริการกับ PC พนักงานขาย ณ จุดขาย ดูเผินๆ ไม่มีอะไรผิดปรกติ แต่ดูดีๆ ลูกค้ารายนี้ติดต่อครบทั้ง 3 ช่องทาง โดยที่ทั้ง 3 ช่องทางต่างคนต่างทำโดยไม่รู้ว่า “เคย” ติดต่อลูกค้ารายเดียวกัน!

ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ความซ้ำซ้อนที่ปราศจากประสิทธิภาพของทั้ง 3 หน่วยงานที่มักจะสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับลูกค้าที่เป็นฝ่ายติดต่อ หรือ ได้รับการติดต่อ

แต่ถ้าใช้ อาวุธ อย่างมี กลยุทธ์ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าสนใจโทรไปสอบถามรายละเอียด สินค้า-บริการที่ Call Center…ถ้าเป็นมืออาชีพ Call Center จะทำหน้าที่ให้บริการและปิดการขาย แต่ถ้าลูกค้ายังไม่ตัดสินใจใช้บริการ ฝ่าย Call Center จะประสาน “ส่งต่อ” ให้ทีม Tele-Sales โทร ติดตามลูกค้ารายนี้ในโอกาสต่อไป เพื่อปิดการขาย หรือเชิญลูกค้ามาสัมผัสประสบการณ์ สินค้าและการให้บริการกับ PC ณ จุดขาย !

การประสาน อาวุธทั้ง 3 ช่องทางอย่างมีประสิทธิภาพ กับลูกค้าแต่ละราย สามารถใช้ทั้ง 3 เครื่องมือ หรือ ใช้เพียง Call Center ประสานเชื่อมโยงกับ PC ณ จุดขาย ก็จะสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดี และมีโอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจใช้บริการหรือซื้อสินค้า

จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็น หน่วยงาน Call Center หรือ ทีมงาน Tele-Sales และทีม PC ณ จุดขาย ทั้ง 3 ส่วนแม้ใช้เพียงช่องทางเดียวก็ยังเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพสูง ถ้าใช้เป็น และถ้าสามารถ ผสมผสานทั้ง 3 ช่องทางให้บริหาร “ลูกค้าเก่า” และ “ลูกค้าใหม่” ได้ ก็เท่ากับเป็นการใช้ “อาวุธ” อย่างมี “กลยุทธ์”

เรื่องที่น่าเศร้าก็คือ ทั้ง 3 หน่วยงานในเกือบทุกองค์กรที่มีในทุกวันนี้กลับใช้อาวุธทั้ง 3 อย่างในการทำลายโอกาสและทำลายลูกค้า…น่าเสียดาย


--------------------------------------------------------------------------------
...
  
ถอดแนวความคิด กับ ตัน ภาสกรนที#3
9
...
  
การประชาสัมพันธ์กับองค์กร
องค์กรกับการประชาสัมพันธ์
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
ทำไมจึงต้องมีการประชาสัมพันธ์ ? การประชาสัมพันธ์มีความสำคัญและมีความจำเป็นอย่างมากกับทุกองค์กร ทุกหน่วยงาน ทุกสถาบัน เพราะการที่ประชาชนหรือลูกค้าจะเลื่อมใสศรัทธา จะต้องอาศัยการสื่อสารเพื่อให้เกิดข้อมูลและ ความรู้ ในยุคปัจจุบันทุกหน่วยงานจึงให้ความสำคัญกับการทำงานด้านประชาสัมพันธ์
การประชาสัมพันธ์ที่ดีควรทำทั้งภายในองค์กรและภายนอกองค์กร ภายในองค์กรเช่น กลุ่มพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในองค์กร และภายนอกองค์กรได้แก่ กลุ่มผู้ถือหุ้น กลุ่มนักวิชาการและกลุ่มผู้บริโภค รวมทั้งประชาชนทั่วไป
การประชาสัมพันธ์ที่ดีมักสร้างภาพพจน์(Image) หรือ สร้างภาพลักษณ์ขององค์กรให้เกิดขึ้นภายในใจของผู้บริโภคได้ ซึ่งการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในงานประชาสัมพันธ์มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของ ชื่อ,สัญลักษณ์,บุคลิกของคนและหน่วยงาน ฯลฯ
ชื่อ ของหน่วยงานหรือองค์กรมีความสำคัญมาก เช่น เมื่อพูดถึงคำว่า “ มติชน “ พวกเราคิดถึงอะไร เมื่อพูดถึงคำว่า “ AIA “ พวกเราคิดถึงอะไร เมื่อพูดถึงคำว่า “ โตโยต้า “ พวกเราคิดถึงอะไร ซึ่งหลักในการตั้งชื่อหน่วยงาน องค์กรหรือสินค้าที่ดีนั้น เราไม่ควรตั้งชื่อยาวเกินไป ควรตั้งชื่อสั้นๆ เรียกง่ายๆ จำง่ายๆ อีกทั้งต้องมีความหมายที่ดี สื่อความหมายไปในทางที่ดี ไม่ควรตั้งชื่อที่มีความหมายในทางลบ
สัญลักษณ์ เช่น โลโก้ ตรา เครื่องหมาย คำขวัญ ควรสร้างหรือออกแบบให้มีความสอดคล้องกับชื่อหน่วยงาน สอดคล้องกับธุรกิจ แต่ให้ดูดึงดูดและเด่น และควรสื่อความหมายที่ชัดเจน ไม่ก่อให้เกิดความสับสน
บุคลิกของคน ในหน่วยงานก็มีความสำคัญ หลายหน่วยงานจะมีเครื่องแบบให้แต่งกายเหมือนๆกัน เช่น ธนาคารหลายแห่งในปัจจุบันก็จะมีชุดทำงานที่เหมือนกัน ใช้สีเสื้อผ้าที่เหมือนกัน มีเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่ประทับเครื่องแต่งกายเหมือนกัน
บุคลิกของหน่วยงาน มีความสำคัญต่อภาพลักษณ์ภายในใจของผู้บริโภคหรือคนพบเห็น เช่น เมื่อกล่าวถึง สถานที่ราชการในสมัยก่อนกับเอกชนในสมัยก่อน เราจะเห็นภาพชัดเจน ถึงแม้ในยุคปัจจุบัน หน่วยงานราชการหลายแห่งจะมีการปรับปรุงสถานทีทำงานให้ทันสมัยก็ตาม แต่หลายหน่วยงาน เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทเอกชนเราจะเห็นความแตกต่างกันอยู่หลายประการ กล่าวคือ เรื่องของการแต่งกาย เรื่องของสถานที่ทำงาน เรื่องของการบริการ เรื่องของการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เรื่องของความกระตือรือร้นในการทำงานของคนที่ทำงานในหน่วยงานราชการกับหน่วยงานเอกชน ฯลฯ
สื่อกับการประชาสัมพันธ์ในองค์กร ในยุคปัจจุบันเป็นยุคสังคมของสารสนเทศ ฉะนั้นสื่อในปัจจุบันจึงมีการพัฒนาและมีความหลากหลายกว่าในอดีต อีกทั้งการประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงคนทุกกลุ่ม ควรต้องใช้สื่อที่มีความหลากหลาย เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต จดหมายข่าว แผ่นป้าย โปสเตอร์ สติกเกอร์ แผ่นพับ ฯลฯ
นักประชาสัมพันธ์กับงานประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร นักประชาสัมพันธ์มีความสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ให้แก่องค์กร นักประชาสัมพันธ์ที่ดีจึงต้องมีความสามารถที่หลากหลาย เช่น ความสามารถในการสื่อสาร ไม่ว่าเรื่องของการพูดและการเขียน กล่าวคือ สามารถเป็นพิธีกรได้ สามารถให้สัมภาษณ์แก่นักข่าวได้ สามารถเขียนข่าวส่งข่าวได้ สามารถสร้างความสัมพันธ์กับนักข่าวได้ ฯลฯ
ฉะนั้น เมื่องานประชาสัมพันธ์มีความสำคัญเช่นนี้แล้ว นักบริหารหรือผู้นำในองค์กร ควรให้ความสำคัญแก่งานด้านประชาสัมพันธ์ เช่น การจัดการอบรมให้ความรู้แก่คนภายในองค์กรในเรื่องที่สอดคล้องกับงานประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนในองค์กรเกิดความรู้ ความเข้าใจ และเป็นอีกช่องทางอีกทางหนึ่งในการสื่อสารกับบุคคลภายนอกองค์กร , การจัดงบประมาณให้แก่หน่วยงานด้านประชาสัมพันธ์ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับค่าใช้จ่าย เป็นต้น










...
  
ทอล์คโชว์ ชุด 1/4
9
...
  
โต้วาที ท้องไม่แท้ง แท้งไม่ฟ้อง (3)
9
...
  
Motivate
9
...
  
ความรุ่งโรจน์อยู่ที่ตัวท่าน
ความรุ่งโรจน์อยู่ที่ตัวท่าน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในโลกนี้ไม่มีใครเจริญรุ่งโรจน์ ร่ำรวย ก้าวหน้า ในชีวิตตามยถากรรม แม้แต่คนที่เกิดมาร่ำรวย เงินทอง ถ้าหากไม่มีการพัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด สักวันหนึ่งก็คงต้องถดถอย ตกต่ำ ยากจน ฉะนั้นหากต้องการความเจริญก้าวหน้า เราคงต้องพัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด
- มีงานวิจัยของต่างประเทศชิ้นหนึ่ง ผู้วิจัยได้ไปศึกษาประวัติ ชีวิตของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ
ในอดีต และปัจจุบัน พบว่า ทุกคนที่ประสบความสำเร็จมีเหมือนกันก็คือเรื่องของเป้าหมายในชีวิต การมีเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จ
การมีเป้าหมายในชีวิต คือ ท่านต้องระบุหรือเขียนเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษรว่าท่านต้องการอะไรอย่างแท้จริง เช่น ท่านต้องการเป็นนักขายอับดับหนึ่งของเมืองไทยภายใน10 ปี , ท่านต้องการเป็นนักธุรกิจ 100 ล้าน ภายในเวลา 20 ปี , ท่านต้องการมีเงินเก็บฝากธนาคาร 20 ล้านบาทภายใน 10 ปี ฯลฯ
แต่ถ้าลองไปถามคนสัก 100 คน มีคนประมาณ 80-90 คน มักตอบว่า ฉันต้องการเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จ , ฉันต้องการเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง , ฉันต้องการร่ำรวยมีเงินทองมากๆ ฯลฯ คำตอบเหล่านี้ฟังแล้วดูดี แต่หากใช่การวางแผนเป้าหมายที่ดีไม่ เนื่องจากการวางเป้าหมายที่ดีท่านต้องระบุให้ชัดเจนอีกทั้งต้องระบุวันเวลาให้ชัดเจนด้วย
- บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต ต้องมีความกระตือรือร้นเสมอ มีความจดจ่อต่อเป้าหมายที่
ตนเองวางไว้ ไม่พลัดวันประกันพรุ่ง ต้องเรียนรู้การกระตุ้นตนเอง ถ้าหากเป็นผู้นำ ก็ต้องเรียนรู้การจูงใจลูกทีมหรือเรียนรู้การกระตุ้นลูกทีม ความกระตือรือร้นหากมีอยู่กับใคร คนคนนั้นมักจะประสบความสำเร็จอย่างสูง
- บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต ต้องรู้จัก อดทนต่ออุปสรรค ต้องรู้จักอดทนต่อการถูกดูถูก
เหยียดหยาม อดทนต่อสิ่งที่มารบกวนเล็กๆน้อยๆ ขอให้จำไว้ว่า ความอดทนนั้นเป็นสิ่งที่น่าขื่นขม แต่ผลของมันหวานชื่นเสมอ
- บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต จะต้องเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง หากว่าเรามี
เป้าหมายที่แน่นอน หากว่าเรามีความอดทน หากว่าเรามีความกระตือรือร้น แต่ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ท่านจะไม่สามารถเป็นอะไรได้เลย ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
- บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต ต้องรู้จักมองโลกในแง่ดี คิดบวก มีอารมณ์ขัน คนที่ประสบ
ความสำเร็จส่วนใหญ่มักเป็นคนคิดบวก มองโลกในแง่ดี อีกทั้งยังมีอารมณ์ขัน การคิดบวกทำให้เห็นช่องทางในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค แต่การคิดลบมักทำให้ไม่เห็นทางออกของปัญหา การคิดบวกจะทำให้เกิดความสดชื่นแจ่มใส แต่การคิดลบ มักทำให้จิตใจเราเศร้าหมอง
- บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต มักเป็นคนที่เลือกทำงานในงานที่ตนรัก ถนัด การได้ทำงาน
ในสิ่งที่ตนรักและถนัด มักจะทำให้การทำงานเป็นเรื่องที่สนุก ไม่เครียด อีกทั้งสามารถทำได้เป็นเวลานานๆ แต่หากเลือกทำงานในสิ่งที่ตนไม่รักหรือไม่ถนัด ก็จะทำให้ท่านเกิดความเบื่อหน่ายในการทำงาน ไม่มีความสุข อยากเลิกทำงานไวๆ อยากลาออกจากงานนั้นๆ
- บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต ต้องเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ เป็นคนที่รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น
เป็นคนที่ทำงานกับผู้อื่นด้วยความราบรื่น อีกทั้งมีความสามารถในการทำงานเป็นทีมได้ดี
- บุคคลที่ต้องการความรุ่งโรจน์จะต้องกล้าที่จะล้มเหลว ผู้ที่ประสบความสำเร็จในระดับสูงมักจะ
ต้องผ่านความล้มเหลวมาก่อน แต่เขาเหล่านั้นไม่ยอมล้มเลิก เขาจึงประสบความสำเร็จในชีวิต เอดิสัน เป็นนักประดิษฐ์เอกของโลก กว่าเขาจะประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าได้เขาต้องล้มเหลวเป็นหลายร้อยครั้ง แต่เขาไม่ยอมล้มเลิกเขาจึงประสบความสำเร็จในการผลิตหลอดไฟฟ้าหลอดแรกของโลกได้ แต่ถ้าหากเขาล้มเลิก พวกเราก็คงจะไม่ได้ใช้หลอดไฟฟ้าจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการความรุ่งโรจน์ในชีวิต ขอให้ท่านเชื่อว่าท่านสามารถกำหนดโชคชะตาของตนเองได้ ถ้าหากว่าท่านเชื่อว่าท่านทำได้ ท่านก็จะทำได้ แต่ถ้าวันใดท่านมีความเชื่อว่าท่านทำไม่ได้ จิตใต้สำนึกก็จะสั่งการให้ท่านทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ บัดนี้ความรุ่งโรจน์ได้ผ่านมายังมือท่านแล้ว ขอให้ท่านกล้าที่จะคว้ามันและเชื่อมั่นว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อความรุ่งโรจน์ของท่านในอนาคตได้





-
...
  
คิดทำอย่างเศรษฐี
คิดทำอย่างเศรษฐี
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่จะเป็นเศรษฐี มักมีบุคลิก ลักษณะ ทัศนคติ นิสัยใจคอ ส่วนใหญ่ที่คล้ายคลึงกัน เช่น หากผมชี้ไปยังกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งแล้ว ถามพวกเราว่าคนกลุ่มดังกล่าวใครเป็นคนมีฐานะดีร่ำรวย ผมเชื่อแน่ว่าหลายๆคนอาจชี้เหมือนกัน กล่าวคือ ดูจากบุคลิก ท่าทาง การพูดจา เรียกว่าคนๆนั้นเป็นคนมี “ ราศีจับ ” นั้นเอง
ดังนั้น การจะเป็นเศรษฐีท่านจำเป็นจะต้องเรียนรู้และสังเกตว่า บรรดาคนมีฐานะดี ร่ำรวยและเป็นเศรษฐีเขาคิดกันอย่างไร ซึ่งอาจพูดรวมได้ว่าเศรษฐีส่วนใหญ่มีหลักการสำคัญที่เหมือนกันดังนี้
1.มีความคิดว่าตนเองมีสิทธิเป็นเศรษฐีหรือร่ำรวยได้ วิธีการสร้างความคิด ความฝัน ที่ดีวิธีหนึ่งก็คือ หมั่นจินตนาการว่า ตนนอนหลับในบ้านหลังใหญ่ที่สวยหรู จินตนาการว่าตนขับรถคันใหญ่ราคาแพง มีคนใช้คอยปรนนิบัติรับใช้ ถ้าหากท่านจินตนาการบ่อยๆ ทุกๆวัน วันละหลายๆครั้งหลายๆนาที ก็จะทำให้จิตใต้สำนึกของท่านรับรู้ความรู้สึกนั้นมากขึ้น ถ้าจะให้ดีท่านควรตัดภาพรูปรถ รูปบ้านที่ตนเองต้องการ ติดไว้ในห้องทำงาน ห้องนอน แล้วมองมันทุกวัน หลักการนี้เป็นหลักการที่บริษัทฝึกอบรมเกี่ยวกับการขายใช้ในการอบรมนักขาย
2.เขียนเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร จงเขียนเป้าหมายที่ท่านต้องการเป็นโดยเขียนเป็นลายลักษณะอักษรโดยแบ่งเป็นเป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะกลางและเป้าหมายระยะยาว เพราะหากไม่มีเป้าหมายก็ไม่มีทิศทาง พวกเราคงเห็นเรือที่ลอยอยู่กลางทะเล เมื่อถูกคลื่นซัดไปทางใดก็มันจะเคลื่อนไปทางนั้น แต่หากเรากำหนดทิศทางหรือมีเป้าหมาย เรือลำนั้นถึงแม้จะเจอคลื่นลม ก็สามารถฝ่าฟันคลื่นลมไปยังฝั่งเป้าหมายได้ ฉะนั้นควรกำหนดเป้าหมายว่าปีหน้าเราจะสร้างรายได้เท่าไร แล้วจงเขียนมันขึ้นมา
3.หาวิธีการ เมื่อมีจินตนาการ เมื่อมีเป้าหมายแล้ว ควรหาวิธีการในการเดินทางไปสู่เป้าหมาย เช่น ปีหน้าเราตั้งเป้าหมายว่าเราจะมีรายได้ 1 ล้านบาท เราจะทำอย่างไร เช่น เราจะเขียนหนังสือขาย เราจะขายประกันชีวิต เราจะทำธุรกิจเครือข่าย ทำจะประกอบธุรกิจ ฯลฯ เพื่อที่จะหาเงินให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
4.ลงมือทำทันที เมื่อมีจิตนาการ เมื่อมีเป้าหมาย เมื่อมีวิธีการแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ การลงมือทำทันที บางคนมีจินตนาการสูง บางคนมีเป้าหมายชัดเจน บางคนมีวิธีการที่สวยหรู แต่ขาดการลงมือทำทันที สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็ไม่บังเกิดผล จงเริ่มต้นลงมือทำ
สำหรับแนวความคิด การกระทำ การดำเนินชีวิต คนที่ต้องการสร้างฐานะหรือเป็นเศรษฐีควรทำเป็นประจำก็คือ
- การพูดให้กำลังใจตนเองเป็นประจำ หากทำได้ควรทำทุกๆวัน ทุกๆตอนเช้า เช่นพูดชมเชยตนเอง พูดว่าฉัน
เป็นคนเก่งที่สุด พูดออกมาดังๆว่า ฉันเยี่ยมที่สุด เป็นต้น การพูดชมเชย การพูดให้กำลังใจตนเองบ่อยๆ และในยามเช้าๆ จะทำให้เราทำงานด้วยความเบิกบานและมีความสุขเนื่องจากอารมณ์ดีสดชื่นแจ่มใส
- มองงานที่ทำให้มีความสนุก หากทำงานที่เราไม่ชอบ งานนั้นอาจสร้างความทุกข์ให้แก่เรา แต่หากเราได้
ทำงานที่เราชอบ งานนั้นจะเป็นงานที่สร้างความสุข ความสนุกให้แก่ตัวเราเอง จงปรับเปลี่ยนแนวคิดในการทำงาน จงปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้รวดเร็วขึ้น เช่น หากเรากำลังติดแสตมป์บนซองจดหมายซึ่งมีจำนวนมากเป็นพันซอง เราจะมีวิธีการอย่างไรที่จะติดให้รวดเร็วขึ้น เป็นต้น
- จงทำงานให้เกินเงินเดือน การทำงานให้เกินเงินเดือน มักจะทำให้เราเกิดประสบการณ์ในการทำงาน การ
ทำงานเกินเงินเดือน จะทำให้เราเรียนรู้ระบบการทำงานได้ดีขึ้น ทำให้เจ้าของกิจการชื่นชอบ และในอนาคตหากต้องการออกไปประกอบอาชีพเองหรือเป็นเจ้าของกิจการเองก็สามารถนำประสบการณ์ไปใช้ได้
- มีแนวคิดการใช้เงินหรือระบบทำงานแทน เช่น มีแนวคิดจะลงทุนในหุ้น ลงทุนในที่ดิน ลงทุนในระบบธุรกิจ
เครือข่าย เป็นต้น คนที่จะเป็นเศรษฐี ส่วนใหญ่มักมีแนวความคิดที่จะใช้เงินลงทุน กล่าวคือ ใช้เงินต่อเงิน หรือใช้เงินไปหาเงินให้มีเพิ่มมากขึ้น
ฉะนั้น หากต้องการเป็นคนร่ำรวย มีฐานะดี เป็นเศรษฐี ท่านควรหาต้นแบบ ท่านควรศึกษา แนวคิดของบรรดาเศรษฐี ว่าเขาลงทุนอะไร เขามีวิธีการลงทุนอย่างไร ถึงได้เกิดความร่ำรวยขึ้น เมื่อศึกษาจากคนต้นแบบแล้วจงเริ่มลงมือทำตามบุคคลต้นแบบ ท่านก็จะเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่จะประสบความสำเร็จในการเป็นเศรษฐี

...
  
ความผิดฐาน หมิ่นประมาท
ความผิดฐาน หมิ่นประมาท
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
หากพูดถึง เรื่องความผิดฐาน หมิ่นประมาท แล้ว อาชีพที่ดูเหมือนจะต้องมีส่วนเกี่ยวพันกับกฏหมายหมิ่นประมาท ส่วนมากจะเป็นผู้ที่ใช้ ปาก หรือ ปากกา หรือ อาชีพที่ใช้คำพูดและการเขียน เช่น นักการมือง , นักหนังสือพิมพ์ , สื่อมวลชน , บุคคลที่มีชื่อเสียง ฯลฯ
สำหรับการดำเนินคดี ผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีได้ 2 วิธี คือ
1.ผู้เสียหายสามารถ แจ้งความ “ร้องทุกข์” ต่อเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน แล้ว เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน ก็จะส่งเรื่องไปที่พนักงานอัยการ แล้วพนักงานอัยการ ก็จะเป็น “ โจทก์” ฟ้องคดีต่อศาลให้แก่ท่าน ซึ่งการดำเนินคดีวิธีนี้ อาจมีความล่าช้า เนื่องจากพนักงานสอบสวน และ พนักงานอัยการ อาจมีงานมาก อีกทั้ง บางคดี เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนและอัยการมีความเห็นไม่ตรงกันหรือแตกต่างกัน เช่น หลักฐานยังมีไม่มากพอ , การพูดหรือการเขียนยังขาดเจตนา , การตีความต่างกันว่าผู้ต้องหาผิดหรือไม่ผิด ฯลฯ ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินการฟ้องร้องคดีให้แก่ท่านได้ หรือ ท่านต้องการให้ฟ้องร้องหลายคดี หลายมาตรา แต่พนักงานอัยการ พิจารณาฟ้องเฉพาะบางข้อหา บางคดี หรือบางกระทง ไม่สามารถฟ้องคดีต่อศาล ตามที่ท่านต้องการให้ฟ้องได้
2.ผู้เสียหายสามารถว่าจ้างทนายความฟ้องคดีต่อศาลเองได้ สำหรับผู้ที่มีเงิน มีฐานะ มีชื่อเสียง ส่วนใหญ่จะเลือกวิธีนี้ เพราะผู้เสียหาย สามารถให้ทนายความยื่นฟ้องต่อศาลได้ทุกข้อหา ทุกมาตรา ทุกกระทง ทนายความอาจยื่นฟ้องต่อศาลพร้อมๆกัน หลายคดี หลายท้องที่ หลายศาล ที่เกิดความผิดฐาน หมิ่นประมาท
โดยปกติคดีหมิ่นประมาท เป็นคดีที่ไม่ใหญ่โตมาก ไม่เหมือนคดีอาญาประเภท ยาเสพติดให้โทษ ฆ่ากันตาย แต่เป็นคดีที่ผู้เสียหายต้องการที่จะ “รักษาชื่อเสียง เกียรติยศ หน้าตา” ของตนเอง โดยเฉพาะ นักการเมือง ดารา สื่อมวลชน
ฉะนั้น ก่อนจะที่พูดหรือเขียนอะไรลงไป พึงมีสติ ว่าคำพูดนั้น จะก่อความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือไม่ และมีอีกหลายกรณี ที่ผู้พูดหรือผู้เขียน มีสติ จงใจ พูดหรือเขียน เนื่องจากความโกรธเคืองกัน การอาฆาตพยาบาท ซึ่งในการพุทธศาสนา สอนไว้ว่าควรให้ อภัยด้วยการแผ่เมตตา เพื่อลดโทสะ ไม่ให้พยาบาทต่อกัน
ซึ่งกฏหมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับการหมิ่นประมาทมีดังนี้
1.หมิ่นประมาททั่วไป(ม.326)
2.ดูหมิ่น(ม.393)
3.หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ(ม.112,ม.133,ม.134)
4.ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน(ม.136)
5.ดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา(ม.198)
6.ละเมิคอำนาจศาล(ป.วิแพ่ง ม.30-33)
7.หมิ่นประมาทผู้ตาย(ม.327)
8.หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา(ม.328)
9.ข้อยกเว้นไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท(ม.329,ม.330)
10.ข้อยกเว้นไม่เป็นความผิดในการดำเนินคดีในศาล(ม.331)
11.เอกสิทธิ์เด็ดขาดและไม่เด็ดขาด(รัฐธรรมนูญ มาตรา 130,มาตรา 135)
ดังนั้น บุคคลที่ใช้ ปากหรือปากกา บุคคลที่ใช้ คำพูดหรือข้อเขียน ในการประกอบอาชีพ ควรที่จะศึกษากฏหมายหมิ่นประมาท โดยเฉพาะ อาชีพนักการเมืองซึ่งจำเป็นจะต้องใช้ปากหรือคำพูด เพื่อใช้ในการปราศัย หาเสียงเลือกตั้ง หากเราลองสังเกตดู จากเวทีหาเสียงหรือเวทีการพูดทางการเมือง บางคนด่าคนอื่นจนสาดเสียเทเสีย ผู้ฟังสะใจ แต่ไม่เข้าข่ายความผิดหมิ่นประมาท แต่บางคน พูดธรรมดาๆ แต่กลับโดนข้อหาหมิ่นประมาท
เช่นกัน นักหนังสือพิมพ์ บางคน เขียนข้อความด่าผู้อื่น แต่ไม่เข้าข่ายความผิดหมิ่นประมาท แต่นักหนังสือพิมพ์อีกคน ให้ข้อมูลพื้นๆ ทั่วๆไป แต่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท
ฉะนั้น นักการเมือง จึงต้องมีศิลปะในการพูด เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าคุก นักหนังสือพิมพ์ก็เช่นกัน ควรมีศิลปะในการเขียน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าตะราง และที่สำคัญควรที่จะศึกษา กฏหมาย ความผิดฐาน หมิ่นประมาท เอาไว้ด้วย


...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.