หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การเป็นพิธีกรและวิทยากรมืออาชีพ
เขียนโดย ถวัลย มาศจรัส พิมพ์ครั้งที่ 2
เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการเป็นพิธีกร สูตรของความสำเร็จในการเป็นพิธีกรและวิทยากรที่มีประสิทธิภาพ
เนื้อหาบางส่วนในหนังสือกล่าวว่า “ หลายคนเชื่อว่า การเป็นพิธีกรหรือวิทยากรนั้นเป็นงานที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์เท่านั้น แต่สำหรับโลกยุคโลกาภิวัตน์ พรสวรรค์สามารถสร้างขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากให้ความสนใจที่จะศึกษาถึงเคล็บลับ TACTICIAN การเป็นพิธีกรและวิทยากร เล่มนี้ คือสูตรของความสำเร็จในการเป็นพิธีกรและวิทยากร ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังได้อย่างสูงสุด ผู้ฟังจะได้ทั้งอรรถรส ความสนุกสนาน และสาระในสัดส่วนที่ลงตัว และเรียกร้องให้เชิญวิทยากรอย่างนี้มาพูดให้ฟังอยู่เสมอ หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอด TACTICIAN จากประสบการณ์ตรงของวิทยากรมืออาชีพ
...
  
ผู้ฟังอันตราย
ผู้ฟังอันตราย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
ในการพูดแต่ละครั้ง เรามักวัดความสำเร็จของนักพูดหรือวิทยากร จากการประเมินผลหรือการให้คะแนนของผู้ฟัง ดังนั้น ผู้ฟังจึงมีความสำคัญมากสำหรับการเป็นนักพูด นักบรรยาย เพราะถ้าการพูดในครั้งนั้น ถ้าพูดแล้วคนฟังชอบ และมีการประเมินผลออกมาดีก็ถือว่าการพูดในครั้งนั้นๆ ประสบความสำเร็จ และถ้ายิ่งมีการเชิญให้มาพูดหรือเชิญมาให้บรรยายซ้ำๆ ก็ยิ่งถือว่าเป็นที่ยอมรับจากผู้ฟังมากยิ่งขึ้น
ในบทความฉบับนี้ เราจะมาพูดกันถึง ผู้ฟังอันตราย กล่าวคือ ผู้ฟัง ที่มีลักษณะที่ผู้พูดไม่ต้องการเจอหรือต้องการเผชิญ แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ผู้ฟังอันตรายมีดังนี้
1.ผู้ฟังที่ง่วงนอน ผู้ฟังประเภทนี้พบมากในการสอนหนังสือในห้องเรียน รวมทั้งงานบรรยายของวิทยากร โดยเฉพาะช่วงบ่าย ซึ่งมักมีคำกล่าวว่า “ ช่วงปราบเซียน ” เนื่องจากหลังรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ ลักษณะของผู้ฟังมักจะมีอาการ “ หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ” วิธีแก้ไข ผู้พูดควรออกแบบกิจกรรมให้ผู้ฟังมีการเคลื่อนไหวบ้าง เช่น ให้ปรบมือ ให้ยืน ให้เล่นเกมส์เพื่อการศึกษา ฯลฯ
2.ผู้ฟังประเภทจดบันทึก ผู้ฟังประเภทนี้มักจะตั้งหน้าตาจดบันทึก คำบรรยายหรือคำสอน จนกระทั่งไม่มองหน้า อาจารย์หรือวิทยากร ผู้ฟังประเภทนี้มีความตั้งใจมาก หากจดไม่ทันก็มักจะถาม ทำให้การพูดการบรรยาย ต้องช้าลง เนื่องจากกลัวผู้ฟังจดไม่ทัน วิธีแก้ไข ผู้พูดควรแนะนำผู้ฟังว่า หากจดไม่ทัน หลังจากการบรรยาย ผู้พูดมีเอกสารหรือข้อมูล ผู้ฟังสามารถนำไปคัดลอกหรือถ่ายเอกสารได้ สำหรับเวลาบรรยายขอให้ตั้งใจฟังก่อน
3.ผู้ฟังประเภทพูดคุยกัน ผู้ฟังประเภทนี้ รบกวนสมาธิของผู้พูดและผู้ฟังคนอื่นๆ มักจะพูดคุยกันในห้องเป็นระยะๆ วิธีแก้ไข ผู้พูดควรสังเกตว่า การพูดคุยกันของผู้ฟัง เป็นการพูดคุยกันเรื่องส่วนตัวหรือเกี่ยวกับการอบรม หากเกี่ยวกับการอบรม ผู้พูดก็สามารถตั้งคำถาม เพื่อให้ผู้ฟังได้ถามหรือแสดงความคิดเห็น แต่หากไม่เกี่ยวกับการฝึกอบรมหรือการเรียน ผู้พูดอาจใช้สายตามองไปยังผู้ฟังบ่อยๆ เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความเกรงใจ
4.ผู้ฟังประเภทหลับ แตกต่างจากประเภทแรกคือง่วงนอน ผู้ฟังประเภทหลับ มักเกิดจากหลายปัจจัย อาจเป็นนิสัยส่วนตัว บางคนอาจพักผ่อนมาน้อย นอนหลับมาน้อย ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย วิธีการแก้ไข ต้องมีกิจกรรมต่างๆ เสริมการบรรยาย ไม่บรรยายอย่างเดียว เช่น ให้ปรบมือเป็นจังหวะ ร้องเพลง เต้น กล่าวคือทำให้บรรยากาศตื่นเต้นครึกครื้น
5.ผู้ฟังประเภททำลายจังหวะ ผู้ฟังประเภทนี้ เมื่อผู้พูดพูดไปก็มักจะมีคำถามระหว่างการสอนหรือการบรรยายตลอดเวลา ทำให้จังหวะในการพูดต้องเสียไป วิธีการแก้ไข เมื่อได้ตอบคำถามเสร็จ ก็ควรบอกผู้ฟังประเภทนี้ว่าสำหรับคำถามต่อไปกระผมขอตอบท้ายชั่วโมง เนื่องจากเวลามีจำกัดครับ
6.ผู้ฟังประเภทลองของ ผู้ฟังประเภทนี้ มักจะมีปมเด่น มักจะต้องการอวดภูมิความรู้ของตน และมักจะคิดว่าตนเองเก่งเลอเลิศกว่าผู้อื่น วิธีแก้ไข ต้องสังเกตให้รู้ว่าผู้ฟังต้องการอะไร เพราะถ้าต้องการเด่นหรือถ้าต้องการอวดภูมิความรู้ของตน เราก็อาจเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงความคิดเห็นในห้องเรียนบ้าง เมื่อเขาแสดงความคิดเห็นแล้วเขาก็จะมีความสุขและความภูมิใจ แต่ข้อควรระวังคือ ต้องระวังอย่าให้ผู้ฟังประเภทนี้ยึดเวที เนื่องจากกระผมไปเจอบางงาน ผู้ฟังประเภทนี้พอได้ไมค์โครโฟนแล้ว ไม่ยอมปล่อยไมค์โครโฟน พูดอย่างเดียวทำให้เสียบรรยากาศในการพูดหรือเสียบรรยากาศในการจัดฝึกอบรม
ท้ายนี้ขอสรุปว่า ปัจจัยที่มีผลทำให้การพูดแต่ละครั้งประสบความสำเร็จ กล่าวคือผู้ฟัง หากถ้าผู้ฟังไม่ให้ความร่วมมือ คือไม่ยอมฟัง ก็ถือว่าการพูดการบรรยายในครั้งนั้นๆ มักจะมีปัญหาหรืออุปสรรคในการพูด ดังนั้น ถ้าอยากประสบความสำเร็จในการเป็นนักพูด เราควรเอาใจใส่และสนใจ ความต้องการของผู้ฟัง เมื่อเราตอบสนองความต้องการของผู้ฟังได้แล้ว ผู้พูดก็มักจะประสบความสำเร็จในการพูดในครั้งนั้นๆ
พูดอะไรพูดจริงทุกสิ่งเถิด จะบังเกิดลาภผลเป็นล้นหลาม
ปฏิบัติตนเยี่ยงผู้ดีไม่มีทราม พยายามสงวนศักดิ์รักเกียรติตน













...
  
คอร์ส "จ้าวแห่งการสื่อสาร" Communication Mastery โดยโค้ช สิริลักษณ์ ตันศิริ
33
...
  
วิทยากร รากฐานประชาธิปไตย
วิทยากร รากฐานประชาธิปไตย ณ ณ โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จ.พระนครศรีอยุธยา ...
  
ประตูสู่ความมั่งคั่ง
ประตูสู่ความมั่งคั่ง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
โอกาสแห่งความมั่งคั่ง ร่ำรวย ยังเปิดประตูให้แก่คนทุกๆคน ขึ้นอยู่แต่ว่าคนๆนั้นจะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะต้องการมันอย่างแท้จริงหรือไม่ แนวคิดและวิธีการสู่ความมั่งคั่ง ร่ำรวยมีด้วยกันหลายแนวความคิดขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะเลือกปฏิบัติอย่างไร เช่น
1.ต้องเชื่อก่อนว่าเรามีสิทธิร่ำรวยได้ หากว่าเราต้องการความมั่งคั่ง ร่ำรวย เรามีความจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนความคิดเสียก่อนว่า คนเราเกิดมาในโลกนี้ มีสิทธิที่จะร่ำรวยได้ทุกๆคน มีการศึกษา ค้นคว้า วิจัย จากนักวิชาการหลายต่อหลายท่าน เรื่องของความมั่งคั่ง ร่ำรวย ปัญหาที่ขัดขวางที่ทำให้เราไม่สามารถสร้างความมั่งคั่ง ร่ำรวยได้สิ่งนั้นก็คือเรื่องของความคิด ความเชื่อ ของตัวเราเอง
2.หาหนทางช่วยเหลือผู้อื่นให้มากที่สุด การช่วยเหลือผู้อื่นให้มากก็เสมือนหนึ่งว่าเราขยายฐานลูกค้าของตนเอง บุคคลที่เป็นมหาเศรษฐีมักมีแนวความคิดในลักษณะนี้ กล่าวคือทำอย่างไรถึงจะขายหรือบริการลูกค้าได้มากกว่านี้ ทำอย่างไรถึงจะช่วยเหลือลูกค้าได้มากกว่านี้ เช่น วิทยากรให้ความรู้ หากว่ามีแต่งานบรรยายก็สามารถช่วยเหลือคนได้แค่ในห้องฝึกอบรมเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าวิทยากรท่านใดมีความคิดจะช่วยเหลือผู้คนให้มากขึ้น เขาก็จะทำเทป ทำหนังสือ จัดรายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้คนให้มากขึ้น เมื่อเขาช่วยเหลือผู้อื่นมากๆ ความมั่งคั่งก็จะกลับมาสู่เขาในที่สุด
3.เพิ่มความมั่งคั่งด้วยปัญญา คนที่มั่งคั่ง มักเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดอยู่ในตัว เป็นคนที่รู้จักใช้ความคิด อีกทั้งยังเป็นคนที่อ่านหนังสือมาก ฟังวิชาการและอบรมเรียนรู้สิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่รู้จักใช้สิ่งต่างๆ ให้ก่อประโยชน์ในงานของตนเอง เช่น ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน การวิเคราะห์สภาพตลาดได้อย่างถูกต้อง
4.ค้นหาว่าตนเกิดมาเพื่ออะไร จงทำให้สิ่งที่ตนเองชอบ แล้วทำมันให้ดีที่สุด แล้วความมั่งคั่ง ร่ำรวย ก็จะเกิดกับตัวท่าน ไทเกอร์ วูดส์ , เฉินหลง , สตีฟ จอบส์ , บิล เกตส์ ฯลฯ คนเหล่านี้รู้ว่าตนเกิดมาเพื่ออะไร ความมั่งคั่ง ร่ำรวยจึงเขามาสู่เขาอย่างมากมายมหาศาล จงเลือกทำงานที่ตังเองรักชอบ แล้วท่านก็จะพบกับความสำเร็จ
5.จงแปลง จินตนาการ ไอเดีย ความคิด ให้เป็นความมั่งคั่ง ความมั่งคั่งลอยอยู่รอบๆ ตัวเรา เราสามารถหาได้โดยสร้างจินตนาการ สร้างไอเดีย สร้างความคิด แปลกๆ ใหม่ๆ หากว่าท่านสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา ท่านก็สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างยาวนาน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อโซนี่ , บริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ , บริษัทไมโครซอฟต์ ฯลฯ จงแปลง จินตนาการ ไอเดีย ความคิด ลงไปในบนกระดาษแล้วทำมันให้เป็นความจริง
6.จักรวาลจะให้ความมั่งคั่ง ร่ำรวย แก่ท่านหากว่าท่านได้สร้างคุณสมบัติที่เกินกว่างานที่ท่านทำอยู่ในปัจจุบัน จงทำงานให้เกินกว่าเงินเดือน จงขยัน จงสร้างงาน จงพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แล้วจักรวาลทั้งจักรวาลก็จะตอบแทนท่าน กิมย้งนักเขียนชาวจีนที่ร่ำรวย เขาสามารถสร้างรายได้จากงานเขียนของเขา เขาพัฒนางานเขียนของเขาตลอดเวลา งานเขียนของเขาจึงได้พัฒนาขึ้นทุกวันจนในที่สุด เขาจัดอยู่ในขั้นมหาเศรษฐี ผลงานที่เป็นอมตะนิยายเรื่อง มังกรหยก ก็เป็นหนึ่งในผลงานของเขา จงใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาตนเอง ผ่านร้านขายหนังสือมากกว่าการใช้จ่ายผ่านร้านกาแฟ
ดังนั้น หากว่าท่านต้องการความมั่งคั่ง ร่ำรวย ประตูสู่ความมั่งคั่งเปิดให้แก่ท่านตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองว่าจะต้องการมันมากน้อยสักเพียงไร จงเชื่อว่าท่านสามารถร่ำรวยได้ จงหาวิถีทางในการช่วยเหลือผู้อื่นให้มากขึ้น จงใช้ปัญญา จงค้นหาตัวตนของตนเอง จงแปลงจินตนาการ จงพัฒนางานของท่าน และยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะนำพาท่านสู่ความสำเร็จ
จงลงมือทำแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ

...
  
วาทะชนะธุรกิจ
โดย..ปานอนันต์ เทพบุศย์ เรียบเรียง
เป็นหนังสือเกี่ยวกับ การเจรจาต่อรอง คือ กุญแจไขประตูสู่ความสำเร็จอย่าพลาด เพราะโอกาสอาจมีเพียงครั้งเดียว
ส่วนหนึ่งในเนื้อหาจากสำนักพิมพ์ การต่อรองที่ดีนั้น คือ จะได้รับความพอใจทั้งสองฝ่าย สามารถตกลงกันได้ด้วยดีในขณะที่การเจรจาต่อรองที่ไม่ประสบผลสำเร็จ ความขัดแย้งกันก็จะเกิดขึ้น การสานต่อประโยชน์ก็จะหยุดชะงัก
...
  
วิธีการฝึกพูดด้วยตนเอง
วิธีการฝึกพูดด้วยตนเอง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
การฝึกพูดต่อหน้าที่ชุมชนในยุคปัจจุบัน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ด้วยกันกล่าวคือ การฝึกการพูดแบบในระบบ กับ การฝึกพูดด้วยตนเอง
1.การฝึกการพูดแบบในระบบ หมายถึง การฝึกการพูดที่มีรูปแบบการฝึกที่เป็นระบบ มีขั้นมีตอน มีผู้ฟังหรือผู้เข้ารับการอบรมนั่งฟัง โดยมากในยุคปัจจุบัน มักมี หน่วยงาน องค์กร ชมรม สโมสร สถาบัน มหาวิทยาลัยต่างๆ ทำหน้าที่สอนและมีการฝึกปฏิบัติ ซึ่งเป็นที่นิยมกัน
2.การฝึกการพูดด้วยตนเอง หมายถึง การฝึกพูดด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเอง จากการอ่านศึกษาค้นคว้าจากตำราหนังสือการพูด การสังเกต การตามฟังนักพูดที่มีชื่อเสียงพูด ซึ่งการฝึกพูดลักษณะนี้ ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ต้องลองผิดลองถูกอยู่บ่อยๆ
ในบทความนี้ กระผมขอแนะนำการฝึกการพูดด้วยตนเอง.... ซึ่งมีข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกการพูดด้วยตนเองดังนี้
1.จงเป็นนักอ่าน.... ในยุคปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร ท่านสามารถหาหนังสือ ตำรา บทความดีๆเกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชนได้จากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุด ในอินเตอร์เน็ต จงอ่านข้อแนะนำการพูดต่อหน้าที่ชุมชนในหนังสือต่างๆ และจงฝึกปฏิบัติด้วยตนเองอย่างตั้งใจ อดทน สม่ำเสมอ ก็จะทำให้ท่านสามารถพัฒนาการพูดของท่านได้
2.จงเป็นนักฟัง....จงหาแบบอย่างหรือนักพูดที่ท่านชอบหรือศรัทธา แล้วติดตามไปฟังการพูดของท่านเหล่านั้นให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ แล้วลองสังเกต รูปแบบการพูด ท่าทาง น้ำเสียง กริยาต่างๆของนักพูดท่านนั้น แล้วลองมาปรับใช้กับตนเอง
3.จงใช้เครื่องบันทึกเสียง ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ในยุคปัจจุบัน เรามีเครื่องบันทึกเสียงในรูปแบบต่างๆ เช่น เทป MP3 MP4 เครื่องบันทึกภาพเคลื่อนไหว ฯลฯ ท่านสามารถนำเอาไปบันทึกเสียงหรือภาพนักพูดที่ท่านชื่นชอบให้มากที่สุดแล้วนำมาเปิดฟังซ้ำอีกหลายรอบ เพื่อวิเคราะห์การพูดของนักพูดท่านนั้น อีกทั้งท่านควรบันทึกเสียงหรือภาพการพูดของตัวท่านเอง เพื่อนำมาเปิดแล้วลองดูสิ่งที่ต้องแก้ไขปรับปรุงการพูดของท่านแต่ละครั้ง
4.จงฝึกการพูดด้วยตนเอง หาที่เงียบๆ แล้วลองฝึกการพูดของท่าน อาจจะฝึกต่อหน้ากระจก หรือฝึกระหว่างการเดินทางไปในที่ต่างๆ ด้วยตนเอง ดังเช่น นักพูดหลายท่านทำกัน เช่น ลิงคอล์น อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ฝึกพูดบนหลังม้าระหว่างเดินทางไกล เดล คาร์เนกี อาจารย์ด้านการพูดชื่อดังของโลก เคยหัดการพูดด้วยตนเองระหว่างทำสวน เด็ดหญ้า อาจารย์จตุพล ชมพูนิช คิง ออฟสปีค ของเมืองไทย เคยฝึกการพูดด้วยตนเอง ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ฝึกพูดจากปากซอยถึงท้ายซอย การฝึกวิธีนี้ควร ทำท่าทางประกอบด้วย ไม่ต้องกระดากอาย การฝึกการพูดในรูปแบบนี้ มีประโยชน์หลายอย่าง... เป็นการฝึกลำดับความคิด เป็นการฝึกพูดให้คล่องปาก ทำให้ไม่ติดขัดเมื่อถึงเวลาต้องไปพูดบทเวทีจริงๆ
5.จงฝึกเขียนประกอบการพูด ก่อนที่ท่านจะไปพูดจริง ท่านควรหัดเขียน โครงเรื่องว่า ท่านจะขึ้นต้นอย่างไร เนื้อเรื่องมีอะไรบ้างและสรุปจบจะลงท้ายว่าอย่างไร แล้วจึงฝึกพูดหรือฝึกอ่าน หลายๆรอบ จนกระทั่งเมื่อถึงเวลานำไปแสดงท่านไม่ควรใช้หรือดูบันทึกนั้น
6.จงฝึกพูดจากง่ายไปหายาก เช่น ฝึกพูดคำพังเพย การฝึกพูดจากสิ่งของที่เป็นรูปธรรมแล้วจึงมาฝึกการพูดจากสิ่งของที่เป็นนามธรรม ฯลฯ
7.จงหาเวทีแสดงการพูด ข้อสุดท้ายนี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุด หากท่านปฏิบัติตามทั้ง 6 ข้อ ข้างต้นแล้ว แต่ถ้าท่านขาดในข้อที่ 7 นี้ กระผมเชื่อแน่ว่า ท่านจะไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นนักพูดเลย เพราะฉะนั้น การมีเวทีการพูดต่อหน้าผู้ฟังจริง จึงมีความสำคัญมาก ยิ่งท่านมีเวทีแสดงการพูดมากเพียงใด ท่านก็เข้าใกล้เป้าหมายในการเป็นนักพูดของท่านมากขึ้นทุกขณะ จงหาโอกาสต่างๆ ในการพูด
ทั้ง 7 ข้อนี้เป็นข้อแนะนำการฝึกการพูดด้วยตนเอง สำหรับท่านผู้ฟังที่ขาดโอกาสในการฝึกการพูดในระบบ ท่านก็สามารถประสบความสำเร็จได้โดยคำแนะนำข้างต้นนี้ เพียงแต่ท่านต้องมีความตั้งใจจริง มีความอดทน มีความรักและมีความฝันเป็นสำคัญ
...
  
ล้มได้ก็ลุกได้
ล้มได้ก็ลุกได้
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
บางช่วงเวลาในชีวิตของคนเรา อาจพบเจอกับอุปสรรค เจอความล้มเหลว เช่น การถูกให้ออกจากงาน ธุรกิจล้มละลาย ความพ่ายแพ้ในเกมส์ต่างๆ เช่น กีฬา การเลือกตั้ง การแข่งขัน ฯลฯ ฉะนั้นถ้าหากท่านเจอสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเพราะ เมื่อมีความสำเร็จก็มักจะมีความล้มเหลว เมื่อมีคำว่า “ชนะ” ก็ต้องมีคำว่า “พ่ายแพ้” สิ่งต่างๆย่อมเป็นของคู่กัน
ล้มได้ก็ลุกขึ้นสู้ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการดำเนินชีวิตของคนเรา เราจะทำอย่างไรเมื่อเจออุปสรรค เจอความล้มเหลวเหล่านี้ เราจะลุกขึ้นสู้อีกครั้งได้อย่างไร หลายๆคน เกิดอาการเจ็บปวด เกิดอาการท้อแท้ใจ กำลังใจตก ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ แต่ทั้งนี้เราสามารถลุกขึ้นสู้อีกครั้งหนึ่งได้โดยวิธีง่ายๆดังนี้
1.ควรพูดกับตนเองว่า “ เราทำดีที่สุดแล้ว ” จงคิดให้ได้ว่า บุคคลที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดหรือล้มเหลวก็คือบุคคลที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ถึงแม้เราจะล้มเหลวแต่ก็ยังดีที่ได้ลงมือทำ การล้มครั้งนี้จึงเป็นเสมือนประสบการณ์ บทเรียนที่มีค่าสำหรับความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
2.เหนื่อยมากก็พักก่อน เมื่อเราทำงานหนัก เมื่อเราต่อสู้ เมื่อเราล้มเหลว หากว่าเรารู้สึกว่าตนเองเหนื่อยมากๆ ก็ขอให้ท่านจงได้หยุดพักก่อน ท่านอาจจะหยุดพักโดยการพักผ่อน นอนหลับ ไปเที่ยว ไปปฏิบัติธรรม ฯลฯ
การหยุดพักไม่ได้หมายถึงว่าเรายอมแพ้ แต่เป็นเสมือนท่านไปชาร์ทแบตเตอรี่ เมื่อท่านได้พักแล้วท่านก็สามารถกลับไปสู้ใหม่ได้อีกครั้งด้วยพลังกาย พลังใจ ที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม
3.กล้าฝันใหม่อีกครั้ง ความฝันทำให้คนเราเกิดความหวัง เมื่อเกิดความล้มเหลว เกิดปัญหาอุปสรรค จงกล้าที่จะฝันใหม่ และจงกล้าที่จะฝันให้ใหญ่กว่าเดิม เมื่อท่านทำธุรกิจล้มละลาย ขอให้ท่านจงกล้าที่จะมีความฝันใหม่อีกครั้ง จงฝันที่จะสร้างธุรกิจให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
4.จงเรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วเอาชนะมัน จงวิเคราะห์ประสบการณ์ที่ผิดพลาด อีกทั้งต้องเรียนรู้วิธีที่จะนำพาสู่ชัยชนะ จากแหล่งต่างๆ เช่น การอ่านหนังสือ การปรึกษาขอคำแนะนำจากผู้ชนะ การฝึกอบรม การสัมมนา การฟังเทป ฯลฯ
5.จงสร้างเป้าหมาย คิด วางแผน จงคิดแล้วเขียนเป้าหมายและแผนต่างๆ ไว้ในกระดาษ แล้วจงลงมือทำไปที่ละก้าว ทำไปด้วยความสม่ำเสมอ ไม่ต้องรีบร้อน ใช้ประสบการณ์ที่ล้มเหลว เป็นบทเรียน จงมีความอดทน ความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายที่วางไว้
6.จงปรับเปลี่ยน ทัศนคติ ความคิดใหม่ ผู้พ่ายแพ้มักมีนิสัยที่คิดลบตลอดเวลา ส่วนผู้ชนะมักคิดบวกอยู่เสมอ จงฝึกคิดบวก จงหัดมองโลกในแง่ดี จงเปิดโอกาสให้ตนเองใหม่อีกครั้งในการกลับไปต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคต่างๆ จงกล้าที่จะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ อย่าไปแคร์กลับคำตำหนิ คำวิจารณ์ของผู้ใด จงเริ่มต้นก้าวอีกครั้งด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง
ฉะนั้น เมื่อท่านเจอปัญหา อุปสรรค เกิดความล้มเหลว หรือ เมื่อท่านล้มลง ท่านจะลุกขึ้นใหม่หรือไม่ลุกขึ้น ก็คงอยู่ที่ตัวท่านเองเป็นด้านหลัก บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักจะมีบททดสอบอยู่เสมอ
อับราฮัม ลินคอล์น อดีตประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา เปิดร้านขายของชำ เป็นช่างสำรวจ เป็นทหาร เป็นพนักงานไปรษณีย์ เป็นทนายความ ท่านพบกับความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งตั้งมากมายหลายครั้ง ท่านพบกับความล้มเหลว มีการเปลี่ยนอาชีพตั้งหลายหน แต่ท่านก็ไม่เคยยอมแพ้แล้วในที่สุดประวัติศาสตร์โลกก็จารึกชื่อของท่านว่าเป็น ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนหนึ่ง
...
  
แนวความคิดทางการตลาด ยิ่งให้ยิ่งได้ ของมหาเศรษฐีโลก
ความคิดทางการตลาด ยิ่งให้ยิ่งได้ ของมหาเศรษฐีโลก
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
มหาเศรษฐีโลกเป็นจำนวนมากมักมีความคิดทางการตลาดที่คล้ายๆกันหลายๆอย่าง ซึ่งหากเรามีโอกาสที่เข้าไปศึกษาถึงชีวิตและแนวความคิดของบุคคลเหล่านี้ เราก็จะได้ประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล กระผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จและต้องการรู้ จึงได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาและอ่านประวัติของมหาเศรษฐีโลกเป็นจำนวนมาก ซึ่งพอที่จะสรุปแนวความคิดที่เกี่ยวกับการตลาดได้ดังนี้
ยิ่งให้ยิ่งรวย มหาเศรษฐีโลกเป็นจำนวนมาก มักเป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับ พวกเขามักจะมีความสุขจากการให้มากกว่าการรับ และเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง มหาเศรษฐีโลกเหล่านี้ชอบที่จะบริจาคเงินที่ตนเองหามาได้เป็นจำนวนมากๆแก่สาธารณกุศล แต่ยิ่งให้แทนที่ทรัพย์สินเหล่านั้นจะหมดไป พวกเขาเหล่านั้น กลับได้ทรัพย์สินเงินทองคืนมาจากแหล่งอื่นๆ รวมทั้งทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
- บิลล์ เกตส์ อดีตมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของนิตรสาร “ ฟอร์บส์” เมื่อหลายปีก่อน เขาคือผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ เมื่อเขาร่ำรวยที่สุดในโลกแล้ว เขาก็ได้ก่อตั้งมูลนิธิ บิลล์ เกตส์กับภรรยาของเขา โดยเขาได้บริจาคเงิน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยังบริจาคเงินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ทุกข์ทรมานจากเอดส์ อีกทั้งยังได้บริจาคเงิน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่กองทุนเพื่อช่วยต่อสู้กับโรคต่างๆ การบริจาคเงินและให้การช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก อีกทั้งเป็นแบบอย่างให้มหาเศรษฐีคนอื่นๆได้ทำตามเขา เช่น
- วอร์เรน บัฟเฟอตต์ ได้บริจาคเงินก้อนใหญ่เข้ากองทุนของเขา จึงทำให้กองทุนของบิลล์ เกตส์และภรรยา เป็นองค์กรการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วย
- คาร์ลอส สลิม มหาเศรษฐีที่เคยติดอันดับที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ได้บริจาคเงินให้กับ บิลล์ เกตส์ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเข้ากองทุนโดยเงินเหล่านั้นจะถูกนำไปช่วยเหลือคนยากจนในละตินอเมริกา
- เฉินหลง ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้ตัดสินใจเข้าโครงการ “ กีฟวิ่ง เพลดจ์” ของ บิลล์ เกตส์ ซึ่งโครงการนี้จะต้องมอบเงินมากกว่าครึ่งให้กับสาธารณกุศลต่างๆหลังจากที่ตนเองเสียชีวิต
มหาเศรษฐีชาวไทยก็มีหลายคนที่มีแนวความคิดนี้ เช่น คุณตัน ภาสกรนที , คุณบุญชัย เบญจรงคกุล , คุณวิกรม กรมดิษฐ์ ,คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ และ คุณธนินท์ เจียรวนนท์ บุคคลเหล่านี้ ได้บริจาคเงินช่วยเหลือการกุศล บางคนก็ได้ตั้งมูลนิธีของตนเองขึ้นมาเพื่อ ให้การช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติ
ถามว่าทำไมมหาเศรษฐีเหล่านี้ถึงได้ ให้ สิ่งต่างๆ กับบุคคลเป็นจำนวนมากซึ่งการให้นี้ ยังรวมไปถึง การให้เงิน การให้งาน การให้การเป็นแบบอย่างของชีวิต เพราะการให้ทำให้มหาเศรษฐีเหล่านี้มีความสุขอย่างแท้จริง การให้ยังทำให้เขาได้รับสิ่งต่างๆเพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่นได้เพื่อน ได้การยอมรับ ได้รับชื่อเสียง ได้รับการช่วยเหลือและได้รับความร่ำรวย
หากว่าเราโยงเรื่องของการให้ การบริจาค กับเรื่องทางการตลาด การให้ ของมหาเศรษฐีโลก ก็คงไม่แตกต่างกับที่ บริษัทต่างๆทำ CSR หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) หมายถึง ความรับผิดชอบต่อสังคม การช่วยเหลือสังคม ซึ่งคือการดำเนินกิจการภายใต้หลักจริยธรรมและการบริหารงานที่ดี เพราะหากว่าลูกค้าหรือประชาชนทั่วโลกได้เห็นคุณงามความดีของมหาเศรษฐีที่ได้ทำไป ประชาชนทั่วโลกก็จะซื้อสินค้าและอุดหนุนสินค้าหรือบริการด้วยความพอใจ อีกทั้งยังช่วยสนับสนุน ส่งเสริม สินค้าต่างๆของมหาเศรษฐีอีกด้วย จึงเท่ากับว่าสิ่งที่มหาเศรษฐีได้ให้ไป ก็ได้ส่งผลมาเป็นการซื้อสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
- เฉิงหลง ได้บริจาคและได้ช่วยเหลือคนเป็นจำนวนมากทั่วโลก เมื่อเฉิงหลง ได้สร้างภาพยนตร์
เรื่องใหม่ คนทั่วโลกก็อยากที่จะอุดหนุนและอยากที่จะไปดูการแสดงของเขาเพิ่มขึ้น การบริจาคจึงทำให้เกิดแฟนคลับที่มากขึ้นหรือทำให้เกิดแฟนคลับที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
- คุณธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของและผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวย
ที่สุดในประเทศไทยและเป็นมหาเศรษฐีโลก จากการจัดอันดับของ “ฟอร์บส์” เขาก็ได้มีแนวความคิดเรื่องการให้ เขาได้บริจาคเงินเพื่อการกุศลมากมายเช่น การมอบทุนการศึกษา การสร้างวัด มอบเงินช่วยเหลือบุคคลเป็นจำนวนมากทั้งมอบด้วยตนเองหรือมอบผ่านบริษัทของเขา
- คุณตัน ภาสกรนที ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้ให้การช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่างๆ เขาโด่งดังอย่าง
มากจากแบรนด์ “ ตัน โออิชิ” ปัจจุบันเขาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไม่ตัน จำกัด ซึ่งผลิตชาเขียวตราอิชิตัน จากการช่วยเหลือสังคมอย่างมากมาย เขาจึงได้ตัดสินใจก่อตั้ง มูลนิธิ “ ตันปัน” เพื่อช่วยเหลือด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง
การช่วยเหลือบุคคลเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนที่ได้ทราบหรือได้เห็น จึงอยากที่จะช่วยเหลือเขา ยิ่งปลายปี 54 โรงงานผลิตชาเขียว “ อิชิตัน” ที่ลงทุนถึง 3,000 ล้านบาท ต้องจมน้ำเนื่องจากน้ำท่วม ก็ยิ่งทำให้คนอยากที่จะช่วยเหลือเขา โดยผ่านทางการซื้อสินค้าของเขา
ฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่า แนวความคิด ยิ่งให้ยิ่งได้ จึงเป็นแนวความคิดทางการตลาดอย่างหนึ่งในการทำ CSR ให้แก่ตัวเองและบริษัทของตัวเอง อีกทั้งแนวความคิด ยิ่งให้ยิ่งได้ ยังได้สร้างแบรนด์ส่วนตัวของทั้งตัวเองและแบรนด์ของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
สำหรับแนวความคิด ยิ่งให้ยิ่งได้ ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำธุรกิจได้อีกด้วย ดังเช่น 7-11 เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มแรกเปิดให้บริการ 7 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม ซึ่งตอนแรกๆได้ขายแต่น้ำแข็ง แต่เจ้าของ 7-11 มีหัวใจของการให้คืออยากที่จะให้บริการสินค้าที่มากกว่านี้แก่ลูกค้าจึงได้เพิ่มสินค้าเข้าไปอีกมากมาย เช่น ขนม ยาสีฟัน ปากกา สบู่ แชมพู ฯลฯ ต่อมาด้วยความต้องการอยากที่จะให้บริการที่มากกว่านี้ เจ้าของจึงได้มีการเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นจากการเปิดร้านวันละ 16 ชั่วโมงเป็น 24 ชั่วโมง ภายหลังเจ้าของ 7-11 อยากที่จะให้บริการแก่ชาวอเมริกาเพิ่มขึ้น จึงได้ขยายสาขาไปทั่วอเมริกา ภายหลังเจ้าของ 7-11 ต้องการอยากให้ร้าน 7-11 ได้ให้บริการแก่คนทั่วโลก จึงได้ทำการขายแฟรส์ไชส์แก่ผู้ที่ต้องการเปิดร้าน 7-11 เกือบทุกประเทศ เพื่อให้ร้าน 7-11 ได้ให้บริการแก่คนทั่วโลก
ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการที่จะประสบความสำเร็จทางด้านการตลาดเหมือนดังมหาเศรษฐีหลายๆคน การทำการตลาดจากแนวความคิด ยิ่งให้ยิ่งได้ จะเป็นแนวความคิดหนึ่งที่ส่งเสริมให้การทำการตลาดของท่านประสบความสำเร็จและสร้างความร่ำรวยให้กับท่านได้มากขึ้น

...
  
ศิลปะการพูดที่ชนะใจคน
แต่งโดย ประชา อภิบาล
ข้อความด้านหลังปก “ การพูดเป็นกรรมวิธี หรือกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และมีความสัมพันธ์กับการศึกษาอย่างแยกไม่ออก ผู้ปรารถนาจะเป็นนักพูด นักประชาสัมพันธ์จำเป็นต้องศึกษาชั้นเชิงและศิลปะด้านต่างๆ กัน จึงจะเป็นนักพูดที่ดี เข้าถึงจิตใจบุคคลทั่วไป ถ้าท่านต้องชนะใจคนด้วยการพูด หนังสือเล่มนี้จะแนะแนวไปสู่ความสำเร็จในการพูดให้ชนะใจคน
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.