หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
ปัญญามีมาก แต่ใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ
ปัญญามีมาก...แต่ใจเท่า...หัวไม้ขีดไฟ...
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในชั่วเวลาหนึ่งของชีวิตของผม ผมได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับบุคคลหลากหลายประเภท เช่น นักธุรกิจบ้าง นักการเมืองบ้าง นักเขียนบ้าง ข้าราชการบ้าง ฯลฯ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นมีทั้งบุคคลที่ประสบความสำเร็จและบุคคลที่ล้มเหลว
ทำให้เห็นความแตกต่าง
บางคนมีปัญญามาก....แต่ใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ....กล่าวคือ เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความคิดดีมาก แต่ขาดซึ่งความกล้าหาญในการทำงานใหญ่...
บางคนเป็นคนมีเป้าหมายในชีวิต...แต่เป็นคนที่เดินแบบครึ่งๆกลางๆ แล้วหยุด ไม่ยอมเดินหน้าต่อไป เพื่อให้ถึงเป้าหมาย....
บางคนเจออุปสรรคนิดเดียว เจอปัญหานิดเดียว...ถึงกับถอดใจไม่ยอมทำงาน
ถ้าหากว่าจะให้ผมเลือกระหว่าง “ ปัญญา กับ ใจ ” ผมขอเลือกใจ
เพราะ ใจมีความสำคัญมากๆ ต่อความสำเร็จ เพราะถ้าหากเรามีปัญญาน้อยกว่าคู่แข่ง แต่ใจเราสู้ไม่ถอย เราก็สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ แต่ในทางกลับกัน บางคนมีปัญญามาก แต่ใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ เมื่อเจอกับอุปสรรค เขาก็มักจะถอดใจกลัว ไม่กล้า เมื่อเจอกับปัญหานิดหน่อย เขาถึงกับต้องเป็นกังวล ทำให้ชีวิตเกิดความวิตกกังวลตลอดเวลา จนบางคนต้องกินยาแก้ปวดทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
ดูอย่างคนที่ประสบความสำเร็จต่างๆในแวดวงธุรกิจซิ แล้วคุณจะเห็นว่า เขามีใจที่ยิ่งใหญ่ดังทะเล เจ็บเป็นเจ็บ เจ๊งเป็นเจ๊ง ตายเป็นตาย ใจถึง ใจสู้ไม่ถอย ดังเช่น
- โดนัลด์ เจ ทรัมพ์ นักธุรกิจใหญ่ของสหรัฐ ดำเนินธุรกิจจนร่ำรวยมหาศาล เมื่อถึงคราวที่จะล้มละลาย ก็ยังมี
ใจที่สู้ไม่ถอย มีความอดทน จนกระทั่งธุรกิจของเขากลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม ก็เพราะเขามีใจที่ยิ่งใหญ่ กล้าเสี่ยง กล้าที่จะต่อสู้กับเหตุการณ์ร้ายๆ
- ริชาร์ด แบรนสัน นักธุรกิจใหญ่ชาวอังกฤษ เจ้าของชื่อการค้า “เวอร์จิ้น” มีธุรกิจกว่า 360 บริษัท เขาทำธุรกิจ
ตั้งแต่อายุ 15 ปี เริ่มทำนิตยสารตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียนนักศึกษา แล้วขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ เขาชอบผจญภัยและสร้างสถิติโลก เช่น ทำลายสถิติการขับเรือเร็วข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก , ทำลายสถิติการเดินทางด้วยบัลลูนข้ามมหาสมุทรแอตแนติก เป็นต้น
- ตัน ภาสกรนที หรือ ตัน โออิชิ จบชั้นมัธยมปีที่ 3 เริ่มทำงานโดยการแบกของ ค่าจ้างประมาณ 700 บาท แล้ว
จึงเริ่มลงทุนทำธุรกิจแผงหนังสือที่จังหวัดชลบุรี หลังจากนั้นมีการขยายธุรกิจซื้อตึกแถวต่างๆ จนเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต่อมาได้ขยายธุรกิจไปยังการสร้างภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น ชื่อ โออิชิ และขยายไปยังธุรกิจเครื่องดื่ม ชาเขียวโออิชิ
บุคคลทั้งสามนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการมีใจที่ยิ่งใหญ่ในการทำธุรกิจ และถ้าหากเป็นคุณถ้าให้เลือกระหว่างการมีปัญญา กับ ใจ คุณจะเลือกอะไร
...
  
สู่เส้นทางวิทยากร
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " สู่เส้นทางวิทยากร" แก่สมาชิกสโมสรฝึกการพูดจังหวัดเชียงราย ณ ห้องประชุม สโมสรฝึกการพูดจังหวัดเชียงราย ...
  
ข้อแนะนำสำหรับวิทยากรมือใหม่
ข้อแนะนำสำหรับวิทยากรมือใหม่
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในอดีตกระผมเคยเป็นวิทยากรมือใหม่ ซึ่งบางครั้งเคยทำผิดพลาดมาบ้างในงานการฝึกอบรม ในบทความตอนนี้ จึงอยากที่จะมาบอกเล่าและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับท่านผู้อ่าน ข้อแนะนำสำหรับวิทยากรมือใหม่ มีดังนี้
1.ท่านควรไปทำความรู้จักกับผู้บริหารหรือผู้ที่ดูแลงานด้านฝ่ายฝึกอบรมก่อน เพื่อรับทราบข้อมูลว่า ทางหน่วยงานมีปัญหาอะไร ถึงได้ต้องการจัดอบรมในเรื่องดังกล่าว การทำความรู้จักจะสร้างความคุ้นเคย หรือหากท่านไม่มีเวลามากพอ ท่านก็อาจจะต้องโทรศัพท์ไปซักถามความต้องการของผู้จัด หรือ หากให้เป็นทางการหน่อย ท่านก็ควรมีแบบฟอร์ม TRAINING NEEDS ANALYSIS ให้ทางผู้จัดได้กรอกข้อความที่ต้องการฝึกอบรม ว่าทางหน่วยงานมีปัญหาอะไร ความต้องการเป็นอย่างไร
2.ท่านควรเดินทางไปก่อนเวลาในการอบรม การเดินทางไปก่อนเวลาในการอบรม จะทำให้ผู้จัดมีความสบายใจ อีกทั้งตัววิทยากรเอง ก็สามารถที่จะเตรียมความพร้อมได้ดียิ่งขึ้น ก่อนเวลาฝึกอบรมควรไปตรวจสอบดู เรื่องของการทำงานของเครื่องฉาย เครื่องคอมพิวเตอร์ ไมโครโฟน เอกสารประกอบการบรรยาย ฯลฯ การไปถึงก่อนเวลายังจะทำให้ท่านสร้างความคุ้นเคยกับผู้เข้ารับการอบรมอีกด้วย
3.ท่านต้องมีความรู้มากกว่าผู้เข้ารับการอบรม การมีความรู้ในเรื่องที่จะบรรยายมากกว่าผู้เข้ารับการอบรมจะทำให้ท่านเกิดความเชื่อมั่น เกิดความมั่นใจในตัวเองในการบรรยายมากขึ้น หากท่านมีความรู้ที่น้อยกว่า เมื่อผู้เข้ารับการอบรมสักถาม ท่านตอบไม่ได้ ก็จะทำให้ผู้เข้ารับการอบรมขาดความศรัทธา และตัววิทยากรเองก็จะขาดความมั่นใจไปด้วย หากเรื่องที่เราจะไปบรรยายเรายังมีความรู้ไม่มากพอ ท่านก็ควรทำการบ้านโดยการ อ่านหนังสือ ฟังเทป ศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวเพิ่มให้มากขึ้น
4.ท่านต้องรู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี ในการฝึกอบรมแต่ละแห่งมีปัจจัยแวดล้อมไม่เหมือนกัน เช่น จำนวนคนเข้าอบรม ขนาดของห้อง บรรยากาศของห้อง วัย อายุของผู้เข้าอบรม อุปกรณ์ที่ช่วยในการบรรยาย ฯลฯ ดังนั้น ผู้ที่จะเป็นวิทยากรมืออาชีพได้จะต้องรู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี ตัวอย่าง หากว่าวิทยากรได้เตรียมทำการบ้านเป็นอย่างดีว่า เริ่มต้นการฝึกอบรมเราจะให้มีการทำกิจกรรมแต่การทำกิจกรรมนั้นต้องใช้พื้นที่มากเพื่อที่จะให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ใช้พื้นที่ในการเดิน ในการพูดคุย ในการทำความรู้จักกัน แต่พอไปถึงห้องฝึกอบรม ปรากฏว่า ห้องกับคับแคบ จนไม่สามารถมีพื้นที่ในการทำกิจกรรมที่เตรียมไปได้ ฉะนั้น ผู้ที่เป็นวิทยากรมืออาชีพต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ว่า เราควรจะทำอย่างไร
5.ท่านควรวางแผนงานให้มีระบบมากขึ้น เช่น เวลาติดตามงานกับลูกค้า หน่วยงาน องค์กรที่จัดการฝึกอบรม ท่านควรมีแบบฟอร์มต่างๆ (ใบเสนอราคา , ใบตอบรับ , เอกสารแนะนำประวัติวิทยากร , ใบ TRAINING NEEDS ANALYSIS เป็นต้น) อีกทั้งเวลาติดต่อรับงาน ควรติดต่อผ่านเป็นรายลักษณ์อักษรจะผิดพลาดน้อยกว่าการติดต่อผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์ ซึ่งตัวกระผมเองก็เคยทำผิดพลาดมาแล้ว การรับงานวิทยากรครั้งหนึ่งในอดีต เนื่องจากเห็นว่าผู้ติดต่อเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จึงได้รับปากว่าจะไปเป็นวิทยากรให้ แต่ปรากฏว่า มีความเข้าใจผิดที่คลาดเคลื่อนในเรื่องของวัน เวลา กระผมเองไปถึงงาน จึงสงสัยว่าทำไมจึงเงียบไม่มีคนเข้ารับอบรมหรืออย่างไร ปรากฏว่า เขามีการจัดงานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เกิดประสบการณ์ เมื่อมีการเชิญไปเป็นวิทยากรครั้งใด กระผมต้องขอจดหมายเชิญ และตัวกำหนดการทุกครั้ง เพื่อป้องกันการผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นได้ในการทำงาน
ทั้งนี้ข้อแนะนำทั้ง 5 ข้อข้างต้นเป็นข้อแนะนำสำหรับวิทยากรมือใหม่ และยังมีอีกหลายปัจจัยที่วิทยากรมือใหม่ควรทำ เช่น การพัฒนาตนเองอยู่เสมอตลอดเวลา , มีการบรรยายที่ครบเครื่องมากขึ้น (มีอารมณ์ขันในการพูด,มีเนื้อหาสาระที่ใหม่ๆ ,มีการร้องเพลงประกอบการบรรยาย,มีกิจกรรมให้ทำร่วมกัน,มีคำคม คำกลอนประกอบการบรรยาย) อีกทั้งวิทยากรมือใหม่ควรรู้จักหาช่องทางการตลาด เพราะหากไม่มีลูกค้า ก็ไม่ถูกรับเชิญ เมื่อไม่ถูกรับเชิญก็ไม่มีโอกาสไปเป็นวิทยากร

...
  
พัฒนาตนเองเพื่อความสำเร็จ
พัฒนาตนเองเพื่อความก้าวหน้า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ในการทำงาน มักจะเป็นคนที่มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง การพัฒนาตนเองจะช่วยให้บุคคลคนนั้นก้าวไปข้างหน้าได้ไกลกว่าคนที่ไม่มีการพัฒนาตนเอง ซึ่งท่านสามารถพัฒนาตนเองได้ดังนี้
1.อ่านหนังสือให้มากๆ การอ่านจะทำให้เราฉลาดขึ้น เพราะ จะทำให้เราได้รับความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ใหม่ๆ เพื่อช่วยในเรื่องของความคิด การตัดสินใจ ท่านสามารถปลูกฝังการอ่านได้โดยลำดับแรกคือ จงเลือกอ่านหนังสือที่ท่านชื่นชอบก่อนแล้วจึงขยายการอ่านไปยังศาสตร์ความรู้แขนงอื่นๆ , การเข้าร้านหนังสืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็จะทำให้ท่านได้รับบรรยากาศและเกิดความอยากอ่านหนังสือเนื่องจากมีหนังสือใหม่ๆออกสู่ตลาดทุกๆวัน , การเข้าห้องสมุดประชาชน เข้าห้องสมุดสถานศึกษาก็สามารถช่วยสร้างบรรยากาศในการอ่านได้เป็นอย่างดี
2.การจัดสรรเวลาหรือการบริหารเวลา ก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง บุคคลที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ มักเป็นคนที่รู้จักคุณค่าของเวลา เขาจะใช้เวลาเป็น บริหารเวลาเป็น ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า การบริหารเวลาที่ดีควรให้มีความสมดุลกับชีวิตของแต่ละบุคคล ซึ่งแต่ละบุคคลอาจมีการใช้เวลาที่ไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายปัจจัย
3.รักษาสุขภาพอยู่เสมอ จะไม่มีประโยชน์เลยหากว่า เราประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน มีเงินมากมายมหาศาล แต่เรามีความเครียดตลอดเวลา ไม่มีความสุขในชีวิต เป็นโรคต่างๆ การรักษาสุขภาพร่างกายจึงเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อความเจริญก้าวหน้าในชีวิต เราควรแบ่งเวลาสำหรับเรื่องของสุขภาพ เช่น แบ่งเวลาสำหรับการออกกำลังกาย , แบ่งเวลาสำหรับไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี , แบ่งเวลาสำหรับการพักผ่อน , แบ่งเวลาสำหรับการไปท่องเที่ยวกับครอบครัว เป็นต้น
4.สร้างเป้าหมายสำหรับชีวิต คนที่ประสบความสำเร็จและเจริญก้าวหน้า มักเป็นคนที่มีเป้าหมาย รู้ว่าตนเองชอบอะไร รักอะไร ไม่ปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามดวงหรือโชคชะตา เมื่อเขามีทิศทางมีเป้าหมายเขาก็จะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายด้วยความกระตือรือร้น ดังนั้นหากท่านต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ท่านจะต้องค้นหาตัวตนของตัวเองให้เจอ ต้องรู้ว่าเราชอบอะไร เราเกิดมาเพื่อสิ่งใด
5.กล้าที่จะล้มเหลว คนที่เจริญก้าวหน้าในชีวิตและประสบความสำเร็จ เวลาทำงานมักจะต้องเจอความผิดหวัง ความผิดพลาด ความล้มเหลว หากท่านต้องการประสบความสำเร็จท่านโปรดอย่าได้กลัวความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวเป็นสิ่งที่เราจะต้องควรได้รับและประสบ อีกทั้งทุกความล้มเหลวจะทำให้เราเกิดความเข้มแข็ง เกิดประสบการณ์ เกิดความแข็งแกร่งขึ้นภายในจิตใจ
6.จงคิดในแง่บวกให้มากขึ้น คนที่ประสบความสำเร็จมักมีความคิดในแง่บวกมากกว่าในแง่ลบ เขาจะคิดถึงเป้าหมายในชีวิตมากกว่าคิดถึงแต่เรื่องของอุปสรรค ปัญหา การคิดในแง่ดี แง่บวก จะทำให้เราผ่านพ้นปัญหา สิ่งเลวร้ายไปได้ หากว่าคุณชอบคิดในด้านลบอยู่บ่อยๆ ก็ขอจงให้นำเอาสิ่งที่ดีๆ เข้าใส่ไปในสมองแทนที่แล้วชีวิตของคุณก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
มนุษย์เราอาจเกิดมามีความแตกต่างกัน มีความไม่เท่าเทียมกัน แต่มนุษย์เรามีความเท่าเทียมกันในเรื่องของการพัฒนาตนเอง จงพัฒนาตนเองแล้วท่านจะมีความก้าวหน้าในชีวิต ในการทำงาน และประสบความสำเร็จได้

...
  
9 พฤติกรรม 9 ความสำเร็จ รุ่น 4
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " 9 พฤติกรรม 9 ความสำเร็จ" รุ่นที่ 4 แก่พนักงานและผู้บริหารของบริษัทอีซูซูลำปาง

...
  
เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกโอกาส
เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกโอกาส
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จระดับสูง มักจะมีการเตรียมตัวที่ดี เขาจะมุ่งมั่นฝึกซ้อม ฝึกฝน พัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อรอโอกาสที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
- ผู้ที่อยากที่จะเป็นนักเขียน ควรหมั่นฝึกฝนการเขียนเป็นประจำ ทุกๆวัน ฝึกให้หนัก ฝึกให้มาก เพื่อที่จะ
พัฒนาการเขียนของตนเองตลอดเวลา แล้วสักวันหนึ่งเมื่อโอกาสมาถึง ก็จะมีสำนักพิมพ์ต่างๆ ติดต่อให้ท่านเขียนหนังสือให้ แต่ถ้าหากท่านไม่เตรียมตัว ไม่เตรียมความพร้อม ไม่ฝึกฝน ไม่พัฒนา เมื่อโอกาสมาถึง สำนักพิมพ์ขอดูงาน ท่านกลับไม่มีผลงานให้เขาดู
- ผู้ที่อยากเป็นนักร้อง ควรฝึกฝนการร้องอยู่เสมอ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ราชินีลูกทุ่งในอดีต ครอบครัวรับจ้างทำ
ไร่อ้อย ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็ด้วยการฝึกฝนร้องเพลงในไร่อ้อย และแสวงหาโอกาสตลอดเวลาโดยการเข้าประกวดร้องเพลงลูกทุ่งตั้งแต่เด็ก จึงทำให้มีผลงานฝากไว้อย่างมากมาย
- ผู้ที่อยากเป็นนักมวย ควรฝึกฝนกำลังกาย ต้องมีวินัย ต้องอดทน ต่อการฝึกซ้อมเป็นอย่างสูง ซึ่งการแข่งขัน
ชกมวยมีการชกเพียงไม่กี่ยกบนเวที แต่ผู้ที่จะเป็นนักมวยที่ประสบความสำเร็จจะขาดการเตรียมตัว ขาดการฝึกซ้อม ไม่ได้เป็นอันขาด บางครั้งขึ้นไปชกแค่ 1 ยก แต่นักมวยจะต้องซ้อมเป็น 3-4 เดือน เป็นต้น
- ผู้ที่อยากเป็นนักธุรกิจ ควรเตรียมตัวฝึกฝนการค้าขาย ควรออกไปทำการค้าขาย ฝึกฝนเรียนรู้การบริหารงาน
จากห้างร้านต่างๆ ในบางครั้งต้องยอมอดทนในการเป็นลูกจ้างเขาก่อน เพื่อเรียนรู้ระบบงาน แล้วเมื่อมีโอกาสจึงสามารถเปิดกิจการของตนเองได้ในอนาคต
ไมเคิล ชาง ใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นนักเทนนิสระดับโลก คุณพ่อคุณแม่จึงได้ส่งเสริมให้มีการฝึกฝนอย่างหนัก มีการส่งไปแข่งขันในรายการต่างๆ อีกทั้งครอบครัวถึงกับลงทุนย้ายถิ่นฐานเพื่อไปยังอีกรัฐหนึ่งในอเมริกาที่มีการแข่งขันที่สูง
จนในที่สุด ไมเคิล ชาง ถือว่าเป็นนักเทนนิสมืออาชีพที่มีอายุน้อยที่สุดของสหรัฐในขณะนั้น
จิม แคร์รี่ นักแสดงชื่อดังของสหรัฐ กว่าจะดังอย่างทุกวันนี้ เขาต้องคลุกคลีอยู่กับงานแสดงตั้งยี่สิบปี เขาต้องฝึกซ้อมบทบาทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวประกอบ ตัวรอง ตัวร้าย ตัวเอก ของเรื่อง เขาต้องเตรียมตัวอยู่เสมอ การเตรียมตัวในการทำงานแสดง ไม่ว่าการท่องบท การซ้อมกับหน้ากระจกที่บ้าน ทำให้เขาเกิดความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้
ไม่ว่าท่านอยากที่จะทำอะไร คนที่ประสบความสำเร็จมักให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวอยู่เสมอ เพราะเมื่อมีโอกาส เราก็จะสามารถใช้โอกาสได้อย่างเต็มที่ คำโบราณของไทยมักสอนว่า “ น้ำขึ้นให้รีบตัก ” แต่เราจะตักน้ำได้อย่างไร หากว่า เราไม่ได้มีการเตรียมขันน้ำหรือภาชนะที่จะตักน้ำขึ้นมา ดังนั้นหากต้องการตักน้ำ ท่านจึงควรเตรียมขัน เตรียมพลังกาย เตรียมพลังใจ พอเมื่อน้ำขึ้น ท่านจะสามารถตักน้ำได้ มากกว่าคนที่ไม่ได้เตรียมขันไว้รออย่างแน่นอน
ดังนั้น จงเตรียมงานที่จะต้องทำในอนาคตตั้งแต่วันนี้ เมื่อคุณเตรียมตัวอย่างพร้อม โอกาสก็จะเป็นของคุณ ผู้ที่ประสบความสำเร็จ อาจต้องใช้เวลาเตรียมตัวถึง สิบยี่สิบปีหรือทั้งชีวิต เมื่อโอกาสมาถึงเขาจะดังและมีชื่อเสียงชั่วข้ามคืน แต่คนโดยทั่วไปมักไม่ทราบว่าเขาเตรียมตัวอย่างไร เขาฝึกฝนมาอย่างหนักสักเพียงใด
นักร้อง นักแสดง ในสหรัฐ หลายคน เข้าประกวดในรายการทีวีต่างๆ หลายคนเพียงแค่ร้องเพลงเดียว ทำให้ดังชั่วข้ามคืน ซึ่งคนส่วนใหญ่เห็นว่าเขาหรือเธอโชคดี แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นความทุ่มเทในการฝึกซ้อม ฝึกฝน เลย
การเตรียมตัว การฝึกฝน ความขยัน จึงมีความสำคัญมากต่อความสำเร็จในเกือบทุกอาชีพ ทุกวงการ

...
  
คนคือทรัพย์สิน
ทรัพย์สินที่มีค่าสูงสุดขององค์กร
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

ทรัพย์สินที่มีค่าสูงสุดขององค์กร ก็คือ คน เราต้องยอมรับกันว่า คนคือทรัพยากรที่มีความสำคัญมากเมื่อเทียบเคียงกับทรัพยากรอื่น เช่น ที่ดิน เงิน อุปกรณ์ เครื่องจักร วัสดุ วัตถุดิบ ฯลฯ ทรัพยากรที่กล่าวมานี้ เราสามารถ หาซื้อได้ และเป็นทรัพยากรที่ไม่มีชีวิต ไม่ค่อยยุ่งยาก เหมือนกับคน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต เคลื่อนไหว ตลอดเวลา


ดังนั้น ปรัชญาของบริษัท องค์กร หลายแห่ง จึง ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเราทรัพยากรคน การแสวงหาคนเก่ง คนดี จึงเป็นงานที่สำคัญ เพราะบางที บางบริษัท บางองค์กร อาจได้คนเก่ง แต่เป็นคนโกง ก็จะทำให้องค์กร บริษัท นั้นๆ เกิดความเสียหายได้


สำหรับ หลักการในการค้นหาคนเก่ง ควรมีคุณสมบัติดังนี้


1. มีความรับผิดชอบสูง 2.มีภาวะผู้นำ


3.มีความยุติธรรม 4.มีอิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา


5.ขยัน ใฝ่รู้ เรียนงานเร็ว 6.ซื่อสัตย์ โปร่งใส


และเราจะหาคนเหล่านี้ได้จากแหล่งไหนครับ อาจมีคนตั้งคำถาม เราสามารถค้นหาได้จากหลายแหล่ง ไม่ว่าภายในองค์กร และภายนอกองค์กร ภายในองค์กรเราอาจหาคนที่มีแววในเป็นผู้นำ ผู้บริหาร จากคุณสมบัติข้างต้น


การค้นหาจากภายนอก ก็เป็นอีก วิธีหนึ่งที่จะทำให้ได้คนเก่ง คนดี เข้ามาสู่องค์การ เช่น คัดจากนักศึกษาหรือนิสิต ที่มาฝึกงานกับเรา คนที่รู้จัก มีการแนะนำ ฯลฯ


เมื่อเราได้คนเก่งเข้ามาร่วมงานแล้ว เรามีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาคนเก่ง เช่น การอบรมเพื่อให้เขามีความรู้ ความสามารถ ทักษะต่างๆ มากยิ่งขึ้น บางองค์กร บางบริษัท ไม่กล้าที่จะลงทุน เพื่อที่จะให้พัฒนางานใหม่ๆ เรียนรู้มากขึ้น เนื่องจากคิดว่า เมื่อเขาฉลาดขึ้น เก่งขึ้น ก็จะลาออกไปอยู่บริษัทอื่น ซึ่งมีหลายบริษัทที่คิดแบบนี้ การพัฒนาคนให้เก่งรวมถึงการเปิดโอกาสให้เขารับผิดชอบงานมากขึ้น มีตำแหน่งสูงขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเรียน รวมถึงการติดตาม ประเมินผล ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งใช้ได้ผลมาแล้ว


เมื่อเรา หาคนเก่ง พัฒนาคนเก่ง แล้ว มีอีกหน้าที่หนึ่ง สำหรับคนทำงานในด้านทรัพยากรมนุษย์จะต้องระวังคือ การรักษาคนเก่งไว้ในองค์กร ผู้เป็นเจ้าของหรือผู้บริหารระดับสูง จะต้องเข้าใจธรรมชาติของคนเก่งก่อน คนเก่งส่วนใหญ่มักมีความคิดเป็นของตนเอง มีวิสัยทัศน์ มีความมุ่งมั่นที่จะสำเร็จ มีเป้าหมายชัดเจน ดังนั้น ผู้เป็นเจ้าของกิจการหรือผู้บริหารระดับสูง ควรเป็นกำลังใจ และสนับสนุนให้เขาทำงานอย่างมีความสุข พยายามรักษาเขาให้อยู่กับองค์กรให้นานที่สุด


สำหรับแนวทางในการปฏิบัติและรักษาผู้บริหารที่เก่ง มีดังนี้


1.ผู้บริหารระดับสูงควรวางเป้าหมายที่ชัดเจน และการประเมินที่ชัดเจนให้กับคนเก่ง


2.ผู้บริหารระดับสูงต้องพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของเขา และพร้อมที่จะให้โอกาสในการแสดงฝีมือ รวมทั้งพร้อมจะให้เขาพิสูจน์ฝีมือ


3.ผู้บริหารระดับสูงต้องให้ความสำคัญกับเขา แต่อย่าใช้อำนาจ ควรใช้ความรับผิดชอบไปควบคุมเขาแทน


จากการวิจัยและการสำรวจ ผู้บริหารหรือคนเก่ง เขาต้องการงานที่ท้าทายความสามารถของเขา งานที่เขาชอบ บริษัทที่ดีมีระบบ เป็นสิ่งต้นๆ สำหรับเงิน เป็นปัจจัยหลังๆ ในการให้ความสำคัญ


ท้ายนี้ก็อยากฝากแง่คิดของเจ้าสัว ธนินท์ เจียรวนนท์ ว่า “ ผมบอกพนักงานอยู่เสมอ คือ ในโลกนี้ ไม่มีคนไหนเก่งไปตลอดกาล วันนี้คุณอาจเก่ง แต่พรุ่งนี้ อาจมีคนเก่งกว่าคุณ เพราะฉะนั้น คนใดก็ตามที่ภูมิใจว่า ตนเองเก่ง จงจำเอาไว้ได้เลยว่า ความหายนะใกล้มาถึงตัวคุณแล้ว ความโง่คืบคลานมาใกล้ตัวคุณแล้ว ”









...
  
จงทำงานอย่างมีชีวิตชีวา
จงทำงานอย่างมีชีวิตชีวา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ไม่ก้าวหน้าในสายงานอาชีพของตนเอง มักเป็นคนที่ทำงานอย่างขี้เกียจ ไม่มีความกระตือรือร้น คิดแต่เรื่องลบ และขาดซึ่งชีวิตชีวาในการทำงาน หากว่าคุณเบื่องาน ท้อแท้ ท้อถอย แต่ในทางกลับกันถ้าคุณอยากทำงานอย่างมีความสุข คุณควรจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่ เปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อการทำงานเสียใหม่ คุณสามารถเปลี่ยนได้ดังนี้
ประการแรก คุณจงรักในงานที่คุณทำ หากคุณรักในงานที่คุณทำ คุณจะทำมันอย่างสนุก อย่างมีความสุข เอดิสัน เขาเอาอาหาร เครื่องดื่ม ไปทานในห้องทดลอง เขาเอาที่นอนไปนอนในห้องทำงาน เขามีความรักในงานที่เขาทำมาก เคยมีคนถาม เอดิสัน ว่า ทำอย่างไรให้มีความกระตือรือร้นในการทำงานอย่างเขา เขาตอบกลับไปว่า “ ผมไม่ได้ทำงาน แต่ ผมสนุกกับงานที่ผมทำต่างหาก” การที่เขามีความสนุกกับการทำงาน ทำให้เขาทำงานได้ตลอดคืน เขามีความเพลิดเพลินกับงานที่เขาทำ ดังนั้น จึงไม่ประหลาดใจเลยว่า ทำไม เขาถึงได้เป็น นักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ เอกของโลก
ประการสอง คุณต้องหาปลาฉลามให้กับชีวิต ผมเคยได้รับ Forward mail เรื่องหนึ่งน่าสนใจมาก คือ คนญี่ปุ่นเขานิยมกินปลาและชอบเนื้อปลาสดๆ แต่ทะเลของญี่ปุ่นสมัยหนึ่งไม่มีปลาที่ชุกชุม ชาวญี่ปุ่นจึงต้องใช้เรือขนาดใหญ่ไปหาปลากลางทะเลลึก ซึ่งไกลจากฝั่งเป็นอันมาก การออกทะเลลึกแต่ละครั้งกินเวลาไป 3-4 วัน กว่าจะกลับเข้าฝั่ง ทำให้ปลาที่หามาได้ไม่สด คนญี่ปุ่นจึงไม่ชอบกิน
ต่อมาได้มีการคิดค้น ตู้แช่แข็ง กล่าวคือเมื่อจับปลาขึ้นมาได้ก็จะเก็บไว้ในตู้แช่แข็ง แต่ชาวญี่ปุ่นก็ไม่นิยมกินเช่นกันเพราะชาวญี่ปุ่นสามารถแยกรสชาติได้ ว่าอะไรคือรสชาติของปลาสดและรสชาติของปลาแช่แข็ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ บริษัทประมงแห่งหนึ่งจึงเริ่ม ติดตั้งแท็งก์น้ำขนาดใหญ่บนเรือ แล้วเอาปลาที่จับได้ใส่ลงไป แต่พอปลาถูกอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด และถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาตามคลื่นทะเลอยู่หลายวัน สุดท้ายปลาก็ไม่ยอมว่ายน้ำ ซึม ขาดชีวิตชีวา แม้จะมีชีวิตอยู่ก็ตามแต่บางตัวก็ เหงา ซึม ไม่ยอมว่ายน้ำ จนตายในที่สุด ถึงแม้ปลาบางตัวที่ยังไม่ตาย เมื่อชาวญี่ปุ่นกินก็รู้และสัมผัสได้ถึงรสชาติว่า ปลาที่ไม่ได้ว่ายน้ำนานหลายวัน ซึม ใกล้ตายรสชาติแตกต่างกับปลาที่มีชีวิตชีวา ว่ายน้ำอย่างมีความสุขอย่างไร
คนญี่ปุ่นคนหนึ่ง จึงคิดไอเดียขึ้นมาได้ว่า เขาจะใส่ปลาฉลามเข้าไปในแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ด้วย เขาให้เหตุผลว่า ปลาฉลามอาจกินปลาไปบางส่วนบ้าง แต่มันทำให้ปลาส่วนใหญ่มีชีวิตชีวามากขึ้น เนื่องจากต้องว่ายน้ำเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกปลาฉลามกิน ทำให้ปลาส่วนใหญ่มีชีวิตชีวา มีความท้าทาย มากขึ้น
ตัวอย่างข้างต้นจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งก็ตาม แต่เนื้อเรื่องนี้มีความสนใจ เพราะถ้าหากท่านทำงานไปด้วยความเฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้น ไม่มีความท้าทาย ขาดชีวิตชีวาในการทำงาน ไม่มีความสุขจากการทำงาน ท่านก็เหมือนปลาที่ไม่ได้ว่ายน้ำหลายวัน ซึม เหงา ใกล้ตาย ดังนั้น หากท่านอยากที่จะทำงานด้วยความกระตือรือร้น ท่านควรที่จะหาปลาฉลามใส่เข้าไปในชีวิตของท่านด้วย เพื่อให้ท่านเกิดความท้าทาย ในการที่จะทำงานอย่างกระตือรือร้น ปลาฉลามในที่นี้อาจเปรียบได้ดังเช่น ท่านควรมีการตั้งเป้าหมายขึ้นมาในชีวิต , ท่านควรมีความกล้าที่จะเปลี่ยนงานหากว่าท่านทำงานแล้วไม่เกิดความสนุก , ท่านควรหาความท้าทายใหม่ๆในการทำงาน เป็นต้น
ดังนั้น หากท่านมีความรักในงานที่ท่านทำ และท่านชอบหาความท้าทายในการทำงานอยู่เป็นประจำ ท่านก็จะเกิดความกระตือรือร้น ความมีชีวิตชีวา ขึ้นมาในงานที่ท่านทำ แล้วท่านจะทำงานอย่างมีความสนุกและเป็นสุขกับการทำงาน ท่านจะทำงานได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ท่านจะสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จงทำงานอย่างมีชีวิตชีวา แล้วชีวิตของท่านก็จะมีความสุขมากยิ่งขึ้น
...
  
IQ EQ AQ MQและSQ สำหรับนักบริหาร
IQ EQ AQ MQและSQ สำหรับนักบริหาร
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
IQ EQ AQ MQและSQ ตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษเหล่านี้ มักมีผู้สนใจ อีกทั้งต้องการที่จะทราบความหมายว่าหมายความว่าอย่างไร และสำหรับผู้ที่เป็นนักบริหาร ตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ควรจะศึกษาและทำความเข้าใจ
IQ ย่อมาจาก Intelligenec Quotient หมายถึง ความฉลาดความสามารถทางเชาว์ปัญญา ซึ่งถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยที่คอยส่งเสริม เชาว์ปัญญาเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ แต่สามารถแสดงออกโดยผ่านพฤติกรรมต่างๆของบุคคล
สำหรับการวัดไอคิว เราสามารถวัดได้จากแบบทดสอบหรือเครื่องมือที่นักวิทยาศาสตร์คิดค้นโดยมีการแบ่งออกเป็นทักษะต่างๆคือ
ทักษะด้านคณิตศาสตร์ , ทักษะด้านการคิด , ทักษะด้านความจำ , ทักษะด้านการใช้ภาษา , ทักษะด้านความเร็วในการคำนวณต่าง เป็นต้น
ปัจจัยต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อสมองหรือการพัฒนาไอคิว เช่น การขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและสมอง , ความเครียด ความกดดัน ขาดการออกกำลังกาย ขาดการพักผ่อน , ขาดการฝึกฝนการใช้ความคิด , การมองตนเองในด้านลบ , การใช้สารยาเสพติดต่างๆ , การเลี้ยงดู การอบรม ภายในครอบครัว เป็นต้น
นักบริหารที่มีไอคิวที่สูง มักได้เปรียบนักบริหารที่มีไอคิวที่ต่ำ เพราะนักบริหารที่มีไอคิวที่สูง มักคิดได้ไวกว่า , ตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆได้ดีกว่า , เรียนรู้งานหรือสิ่งต่างๆได้เร็วกว่า เป็นต้น
EQ ย่อมาจาก Emotional Quotient หมายถึง เชาว์อารมณ์ หรือความฉลาดทางอารมณ์ คือ การรู้จัก เรียนรู้ ความรู้สึก อารมณ์ของตนเองและผู้อื่น อีกทั้งสามารถบริหารจัดการกับอารมณ์ต่างๆได้ มีงานวิจัยออกมาหลายชิ้นพบว่า บางคนมี IQ ที่สูง มีความฉลาดทางสติปัญญา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ก็เนื่องมาจากการขาด EQ เช่น นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกหลายๆคน มีความฉลาดทางปัญญาระดับอัจฉริยะ แต่ครอบครัวแตกแยก ภรรยาขอเลิก หรือ ทำงานร่วมกันคนอื่นๆไม่ได้ เป็นต้น
ดังนั้นการเป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จควรมีทักษะด้าน EQ ให้มาก เนื่องจากการทำงานภายในองค์กรมักจะต้องทำงานร่วมกันกับคน นักบริหารที่สามารถปรับอารมณ์ของตนเองและเรียนรู้อารมณ์ของผู้อื่นมักจะประสบความสำเร็จในการทำงานต่างๆได้เป็นอย่างดี
AQ ย่อมาจาก Adversity Quotient หมายถึง ความสามารถในการฝันฝ่าอุปสรรคปัญหาต่างๆ ทั้งต้องมีความอดทน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ร่างกาย จิตใจ เพื่อที่จะบรรลุถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ ตัวอย่างเช่นนักไต่เขา 3 คน
คนที่ 1 เมื่อเห็นภูเขาสูงๆ แล้ว ปฏิเสธไม่อยากที่จะปีนเพราะกลัวเหนื่อย ทั้งๆที่ตนเองก็สามารถปีนขึ้นได้ เราเรียกนักไต่เขาคนนี้ว่า “ Quitters” หรือ ผู้ที่ไม่ยอมเดินทางหรือหยุดเดินทางเมื่อเจอปัญหาอุปสรรค มีลักษณะของการหลบเลี่ยง
คนที่ 2 เมื่อปีนเขาไปได้สักครึ่งทาง บ่นว่าเหนื่อยแล้วหยุดพัก ตั้งเต้นท์แล้วไม่ยอมปีนต่อ สำหรับลักษณะของคนที่ 2 เมื่ออยู่ภายในองค์กรมักไม่ชอบทำตนให้เด่นเกินหน้าใคร เราเรียกนักไต่เขาคนนี้ว่า “ Campers” หรือ ผู้หยุดพักพิงเมื่อได้ที่เหมาะ
คนที่ 3 จะพยายามปีนให้ไปถึงจุดสูงสุดบนยอดเขา เป็นนักปีนเขาที่อุทิศตนไม่หยุดยั้ง ชอบความท้าทาย มีแรงจูงใจ มีวินัย เมื่อปีนถึงจุดสูงสุดบนยอดเขา มักจะพูดกับตัวเองและผู้คนรอบข้างว่า “ มีเขาลูกไหนที่สูงกว่านี้ให้ปีนอีกไหม” เราเรียกนักไต่เขาคนนี้ว่า “ Climbers” หรือ ผู้ที่รุกไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง
เมื่อท่านเป็นนักบริหาร ท่านลองสำรวจตัวท่านเองหรือลูกน้องของท่าน ว่าตัวท่านเองหรือลูกน้องมีลักษณะเหมือนนักปีนเขาคนใด เพราะถ้าหากท่านเหมือนกับนักปีนเขาคนที่ 1 และคนที่ 2 ท่านมีโอกาสเป็นผู้แพ้มากกว่าผู้ที่ชนะ แต่ถ้าหากท่านหรือลูกน้องของท่านมีลักษณะเหมือนนักปีนเขาคนที่ 3 ท่านและลูกน้องคนนั้นๆ มีโอกาสในการเป็นผู้ชนะ มากกว่าผู้พ่ายแพ้
MQ ย่อมาจากคำว่า “Moral Oral Quotient” หมายถึง ความฉลาดทางจริยธรรม ศีลธรรม หากว่าผู้ใดที่มี MQ สูง คนๆนั้นก็จะมีลักษณะที่รู้จักให้อภัย ลดความเห็นแก่ตัว มีความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งสังคมไทยเรามีปัญหามาก ในเรื่องของ MQ จึงเกิดการทุจริต คอรัปชั่น ในองค์กร หน่วยงานต่างๆ มากมายขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นวงการการเมือง วงการข้าราชการระดับสูง วงการธุรกิจต่างๆ เป็นต้น
การจะปลูกฝังเรื่องของ MQ เป็นเรื่องยากเพราะต้องปลุกฝังตั้งแต่เด็ก โดยการสอน การอบรม อีกทั้งผู้ใหญ่ควรประพฤติปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างที่ดีด้วย
MQ สำหรับนักบริหาร ถ้าหากว่านักบริหารท่านใดมี MQ สูง มักจะได้รับการยกย่อง ความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ มากกว่านักบริหารที่มี MQ ต่ำ
SQ ย่อมาจากคำว่า Social Quotient หมายถึง ความฉลาดทางสังคม เป็นความสามารถในการปรับตัวในการเข้าสังคมได้ดี เป็นบุคคลที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีทักษะในการพูดจา ยิ้มแย้มแจ่มใส มีบุคลิกภาพที่ดี
ดังนั้นการเป็นนักบริหารที่ประสบความสำเร็จควรมีทักษะด้าน SQ เนื่องจากการทำงานบริหารเรามีความจำเป็นจะต้องมีการบริหารคน ใช้คนทำงานแทนเรา อีกทั้งต้องมีการพบปะผู้คนที่มากมายเพื่อการสร้างโอกาสในด้านธุรกิจอีกด้วย ดังคำกล่าวของสุภาษิตจีนที่กล่าวไว้ว่า “ นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน ขึ้นสู่ที่สูงได้ยาก ”
โดยสรุป IQ EQ AQ MQ และ SQ กระผมเชื่อว่าพวกเราทุกๆคนมี แต่มีความแตกต่างกันหรือมีไม่เท่ากัน ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวของกระผม นักบริหารที่ประสบความสำเร็จ ควรจะต้องมี IQ EQ AQ MQ และ SQ ที่มีสัดส่วนที่มีความสมดุลกัน ไม่มีตัวไหนที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป การเดินทางสายกลางจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมดังคำสอนของพระพุทธเจ้าในทางพุทธศาสนา คือ ไม่ตึงจนเกินไป หรือ ไม่หย่อนจนเกินไป



...
  
เหล้ากับเทศกาลสงกรานต์
งดขายเหล้าเทศกาลสงกรานต์


โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


การออกมาเคลื่อนไหวเรื่องของการงดขายเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นับว่าเป็นประเด็นที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย


เช่นเครือข่ายประชาคมงดเหล้าน่าน สนับสนุนห้ามขายเหล้าสงกรานต์และงานบุญ‏ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา


สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยเกี่ยวกับเรื่องการดื่มเหล้า สุรา แอลกอฮอล์ ในปัจจุบัน ได้ลงไปถึงเด็กและเยาวชนจำนวนมาก และในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก็เกิดอุบัติเหตุมากขึ้นเช่นเดียวกัน จากข้อมูล เทศกาลสงกรานต์ ภาพรวมสถิติอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2551 (วันที่ 11-17 เมษายน 2551 รวม 7 วัน) ดังนี้ 1) จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ มีจำนวน 4,243 ครั้ง 2) จำนวนผู้เสียชีวิต มีจำนวน 368 คน 3) จำนวนผู้บาดเจ็บ (Admit) มีจำนวน 4,803 คน


ส่วนใหญ่เกิดจากการดื่มสุรา เหล้า แอลกอฮอล์ และรถที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ รถมอเตอร์ไซค์ สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครราชสีมา


ความจริง การห้ามขายเหล้าเรามีกฎหมายใช้ คือ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551


ตาม มาตรา26 ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ดังต่อไปนี้ (1) วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา, (2) สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ สถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลและร้านขายยาตามกฎหมายว่าด้วยยา, (3) สถานที่ราชการ ยกเว้นบริเวณที่จัดไว้เป็นร้านค้าหรือสโมสร, (4) สโมสรเยาวชน, (5) หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก (6) สถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ, (7) สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง หรือร้านค้าในบริเวณนั้นๆ, (8) สถานที่อื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุม


มาตรา 27 ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกวัน หรือเวลาที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุม
มาตรา 28 ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ หรือบุคคลที่อาการมึนเมาจนประพฤติวุ่นวายหรือครองสติไม่ได้


แต่ก็ยังมีการแอบขายกันอยู่ สำหรับบางสถานที่ดังกล่าว หรือ นักดื่มก็อาจเลี่ยงไปซื้อตามร้านสะดวกซื้อแทน หมายถึง การย้ายไปซื้อในสถานที่ที่ควบคุมไม่ได้แทน เช่น ใกล้สถานศึกษา ใกล้หอพัก ใกล้สถานที่ราชการ ใกล้สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ฯลฯ


ความจริงการดื่มเหล้า สุรา แอลกอฮอล์ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ มากกว่า 60 โรค และยังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น


แต่ก็คงยากที่จะห้ามกันได้ ถ้าคนซื้อยังอยากซื้อ และ คนขายยังอยากที่จะขาย สำหรับโครงการการงดขายเหล้าเทศกาลสงกรานต์ โดยส่วนตัวกระผมคิดว่า เป็นโครงการที่ดี แต่ในทางปฏิบัติ คงยากที่จะห้ามได้


ดังนั้น กระผมเชื่อว่า คนซื้อคงต้องซื้อกันต่อไป คนขายก็ขายกันต่อไป แต่จะทำให้อย่างไรให้ซื้อลดน้อยลง หรือ ทำอย่างไรให้ดื่มกันลดน้อยลงจะดีกว่า


เพราะ กฎหมายเป็นกฎหมายห้ามขาย ไม่ใช่กฎหมายห้ามดื่ม อย่างไรเสียจะห้ามขาย อย่างไร นักดื่มก็ขวนขวายพยายามหาดื่มจนได้ครับ

...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.