หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
เขียนอย่างไรให้ผู้อ่านชื่นชอบ
เขียนอย่างไรให้ผู้อ่านชอบ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การเขียนไม่ว่าเราจะเขียนในประเภทไหน เช่น บทความ สารคดี เรื่องสั้น นิยาย ตำรา ฯลฯ เรามักอยากให้ผู้อ่านชอบงานเขียนของเรา อยากติดตามผลงานเขียนของเรา ซึ่งวิธีที่จะทำให้เขาติดตามหรือชอบงานเขียนของเราได้นั้น สามารถทำได้โดย
1.จงเขียนเรื่องที่เรารู้ การเขียนเรื่องที่เรารู้ จะทำให้ผู้เขียนสามารถใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในตัวเอง ซึ่งผู้เขียนได้อ่านมามากพอสมควร แล้ว มาทำการต่อยอดความรู้ให้มีความรู้ที่กว้างขึ้น ลึกขึ้น มากขึ้น อีกทั้งผู้เขียนควรเขียนให้เกิดความแตกต่างจากงานเขียนของผู้อื่น เช่น ต้องมีการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกหรือแง่มุมที่แปลกแตกต่างจากนักเขียนท่านอื่น เพราะหากผู้เขียน เขียนคล้ายคลึงกัน งานเขียนนั้นก็คงไม่ได้มีความแตกต่างจากงานเขียนของคนอื่นมากนัก แต่หากผู้เขียนเสนอแง่มุมที่ตลก แง่มุมที่คนไม่คิดกัน งานเขียนของผู้เขียนก็จะเกิดความแตกต่างขึ้นมาทันที และทำให้ผู้อ่านชื่นชอบในความคิดอ่านของผู้เขียนได้
2.รู้จักจังหวะเวลา การจะทำหนังสือให้ขายดีหรือให้คนซื้อเป็นจำนวนมากนั้น ผู้เขียนอาจต้องเลือกจังหวะ ในการขายหนังสือ เช่น เมื่อสังคมเกิดภาวะวิกฤต คนต้องการกำลังใจ เราก็ควรเขียนหนังสือในแนวทางการให้กำลังใจ การพัฒนาตนเอง ธรรมะ ฯลฯ เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ในสภาพสังคมในขณะนั้น หากทำได้ดังนี้ ผู้อ่านก็จะซื้อหนังสือของเรามากขึ้น เมื่อมีโอกาสได้อ่านก็มักจะชอบหนังสือที่เราเขียนมากขึ้นไปด้วย
3.ต้องเขียนให้เกิดความหลากหลาย เช่น ใช้คำ เล่นคำ มีโวหาร มีสำนวน มีอุปมาอุปมัย การเขียนตัวอย่างต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพพจน์ มีลีลาในการนำเสนอที่มีความหลากหลายในแบบฉบับของตัวเอง มีการสอดใส่อารมณ์เพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกถึงอารมณ์นั้น กล่าวคือ เมื่ออ่านแล้ว เกิดความประทับใจจนทำให้เกิดน้ำตาไหลออกมาได้
4. ต้องเขียนให้เกิดความชัดเจน กระชับ ไม่ยืดยาด ซับซ้อน งานเขียนที่ผู้อ่านชื่นชอบ มักสื่อความหมายที่ชัดเจน ไม่ใช่ประเภท ที่อ่านเสร็จแล้ว เกิดอาการ งง สับสน ไม่เข้าใจ ว่าผู้เขียนต้องการสื่อสารอะไรกับผู้อ่าน ฉะนั้น ควรเขียนให้สั้น กระชับ มีความชัดเจน ไม่คลุมเครือ
5.เขียนในสิ่งที่ผู้เขียนเชื่อ การเขียนก็มีลักษณะเดียวกันกับการพูด กล่าวคือ หากผู้พูดต้องการโน้มน้าวให้ผู้ฟังเชื่อถือ ศรัทธา ผู้พูดต้องมีความเชื่อในเรื่องนั้นๆ ก่อน การเขียนก็เช่นกัน หากผู้เขียนมีความเชื่อ มีความศรัทธา ในเรื่องที่ตนเองเขียน งานเขียนนั้นก็สามารถโน้มน้าวหรือชักจูงในผู้อ่านเชื่อถือ ศรัทธาได้เช่นกัน
6.จงเขียนในแนวทางของตนเอง เนื่องจากงานเขียนมีหลายประเภท เช่น นิยาย สารคดี บทความ ข่าว ตำรา ฯลฯ ผู้เขียนควรเขียนในแนวทางที่ตนเองถนัด หากมีความถนัดการเขียนบทความ ก็ควรพัฒนางานเขียนของตนเองในแนวประเภทของบทความให้มากขึ้น อีกทั้งไม่ควรไปลอกเลียนสไตล์การเขียนของผู้อื่น จงเป็นตัวของตัวเอง
7.จงพัฒนาความคิด ให้คิดนอกกรอบ คิดแตกต่าง คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ คิดวิจารณ์ คิดเปรียบเทียบ คิดจินตนาการ การพัฒนาความคิดจะทำให้งานเขียนของเราดีขึ้น เราคงไม่ปฏิเสธว่า งานเขียนของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ผู้เขียน Harry Potter จนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี หรือแม้แต่นักเขียนชาวไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น ท่านสุนทรภู่ กับงานเขียนเรื่องพระอภัยมณี ก็เกิดจากความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น จงพัฒนาความคิดแล้วงานเขียนของท่านจะดีขึ้น ผู้อ่านก็จะชื่นชอบในความคิดของท่าน
และอีกหลากหลายปัจจัย ที่ท่านสามารถพัฒนางานเขียนของท่านเพื่อให้เกิดความประทับใจ เกิดความเชื่อถือ ศรัทธา ในงานเขียนของท่าน เพราะงานเขียนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ท่านสามารถหาความรู้ได้ ฝึกฝนได้ มีแบบฉบับ เทคนิค วิธีการของตนเองได้
...
  
ขายเก่ง....รวยก่อน.....
ขายเก่ง....รวยก่อน.....


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


“ไม่มีอาชีพใดในโลกที่จะดลบันดาลรายได้ให้มากเท่ากับงานด้านการขาย”


มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ มีความเกี่ยวข้องกับการขายหมดทุกคน มีประสบการณ์ในการขายทุกคน


เช่น


ครู อาจารย์ ขาย... ความรู้


นักการเมือง ขาย.... นโยบายของตนเองของพรรคการเมือง


นักร้อง ขาย... เสียง


ดารา ขาย... หน้าตา ความสามารถ


นักเขียน ขาย.... ความคิด เรื่องราว โดยผ่านตัวหนังสือ


นักขาย ขาย.... สินค้าและบริการ


และอีกมากมาย ดังนั้น อาชีพนักขายจึงมีความสำคัญมาก ถ้าไม่มีนักขายหรือคนขาย จะเกิดอะไรขึ้น


ถ้าประเทศนั้นๆ หรือประเทศไหน หากขาดซึ่งนักขาย ประเทศนั้นจะไม่มีความเจริญรุ่งเรือง เศรษฐกิจมีความเจริญเติบโตช้ากว่าประเทศที่มีนักขายมาก นักขายที่มีความสามารถมากกว่า


ท่านผู้อ่านลองนึกดูซิว่า ถ้าบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งหากไม่มีนักขายหรือพนักงานขาย จะทำให้ขายสินค้าไม่ได้มากเท่าที่ควร แล้วกระทบกับอะไร กระทบกับโรงงานต่างๆ ที่ส่งวัตถุดิบด้วย เช่น โรงงานทำยางรถยนต์ก็จะผลิตน้อยลง โรงงานทำกระจกก็จะต้องผลิตน้อยลง โรงงานทำเหล็กก็จะผลิตเหล็กลดน้อยลงตามยอดขายของรถยนต์ในบริษัทแห่งนั้น


อาชีพการขายสร้างรายได้มากถึงขั้นร่ำรวยเลยหรือ ครับ อาชีพการขายสามารถสร้างรายได้ให้กับนักขายคนนั้นๆ ถึงขั้นเป็นเศรษฐีเลยทีเดียวครับ ยกตัวอย่างสินค้าหรือบริการ เราจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น เช่น นักขายประกันชีวิตที่ประสบความสำเร็จหรือขายเก่ง มีรายได้มากกว่าคนที่รับประทานเงินเดือนจำนวนมาก หลายเท่าตัว นักขายในระบบตลาดเครือข่ายหลายแห่งที่ขายเก่ง มีรถยนต์ มีบ้าน ได้ไปท่องเที่ยว ได้ไปบรรยายในสถานที่ต่างๆก็เพราะการเป็นนักขายที่เก่งและประสบความสำเร็จนั้นเอง


เพราะอาชีพการขาย สามารถแลกเปลี่ยนสินค้า โดยการขาย ออกมาเป็นเงินหรือค่านายหน้า ได้ทันทีไม่ต้องรอเหมือนเงินเดือนที่เดือนหนึ่งได้ครั้งหนึ่ง ฉะนั้น อาชีพนี้สามารถทำเงินได้ไม่จำกัด จำนวนมากเท่ากับความสามารถในการขายของนักขายคนนั้นจะทำได้ ยิ่งขายเก่ง ยิ่งรวยมาก แต่ถ้าขายไม่ค่อยเก่ง ก็รวยน้อยหน่อย


แต่การเป็นนักขายที่เก่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปสำหรับคนที่พร้อมจะเรียนรู้ ฝึกฝน


มีความมานะอดทน ไม่ยอมแพ้ก่อนเวลาอันควร(คือประสบความสำเร็จ) เพราะอาชีพการขายส่วนใหญ่มักจะมี


ผู้ซื้อ ซื้อและปฏิเสธ เสมอ ยิ่งถ้าเราไปพบลูกค้ามากเท่าไร เราก็ยิ่งถูกปฏิเสธมากขึ้นและได้รับการตอบรับในการซื้อของลูกค้ามากเช่นกัน เช่น นักขายประกันบางคนเคยทำสถิติว่า ถ้าไปพบบลูกค้า 10 คนจะมีคนซื้อสินค้าคือประกันชีวิต เพียงแค่ 3 คน ดังนั้น ถ้าอยากมีลูกค้าซื้อประกันชีวิต 30 คน นักขายคนนั้นจะต้องไปพบลูกค้าถึง 100 คนเลยทีเดียว ขณะเดียวกันหากต้องการได้ลูกค้า 300 คน นักขายคนนั้นจะต้องไปพบลูกค้าที่จะซื้อประกันชีวิตถึง 1,000 คน


ฉะนั้น เมื่อมีลูกค้าปฏิเสธมากเท่าไร ก็จะมีลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้นในสัดส่วนที่มากขึ้นเท่านั้นขอเพียงแต่อย่าหยุดหรือหมดกำลังใจไปเสียก่อนก็แล้วกันครับ หากหมดกำลังขอให้คิดถึงคนที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าด้านไหนๆ ก็ต้องเคยผ่านความล้มเหลวมากมาย แต่คนที่ประสบความสำเร็จมักจะก้าวต่อไป เดินหน้าต่อไป จนพบกับความสำเร็จในที่สุด เช่น เรื่องราวของ เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก ได้ทำการทดลองหลอดไฟฟ้า นับพันครั้ง ผ่านการล้มเหลวมานับไม่ถ้วนกว่าจะประสบความสำเร็จ มีคนถามว่าถ้าท่านทดลองแล้วไม่ประสบความสำเร็จคือ ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า ไม่ได้ท่านจะทำอย่างไร เอดิสันตอบว่า ฉันก็จะทดลองต่อไปฉันจะไม่มาเสียเวลาคุยกับคุณหรอก


ท่านผู้อ่านครับ หากว่าท่านกำลังตกงาน ว่างงาน หรือคนที่มีงานทำอยู่แล้ว ท่านสามารถหารายได้เสริมจากงานขายได้ครับ เพราะงานขาย สามารถสร้างความร่ำรวยได้อย่างแน่นอน หากว่า ท่านขายเก่ง...ท่านสามารถ ร่ำรวยกว่า....คนที่ขายไม่เก่งแน่นอนครับ





















...
  
พูดดี ต้องประเมิน
พูดดี ต้องประเมิน
จะรู้ว่าพูดดี ต้องมีคนประเมิน
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์


ความผิดพลาดของตนเอง เป็นบทเรียนที่นำตนไปสู่ความสำเร็จ


ปัจจุบันนี้กระผมมีงานอดิเรกคือ ไปบรรยายในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกชน ราชการ บางทีก็ไป “ทอล์กโชว์” ตามโรงเรียนต่างๆ บ้าง ไปๆ มาๆ รายได้จะดีกว่างานหลักเสียอีก


จากการบรรยายในสถานที่ต่างๆ มักมีคนถามกระผมว่า “ทำอย่างไรจึงจะบรรยายเก่ง” กระผมก็ได้อธิบายว่า อันนี้ไม่ใช่พรสวรรค์นะ มันเป็นพรแสวงต่างหาก เพราะความจริงกระผมไม่สามารถบรรยายได้ตั้งแต่เกิด กระผมมาฝึกฝนเอาทีหลังนี่เอง กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ กระผมเองก็เคยเป็นนักพูดประเภท สลายม็อบ อยู่นานทีเดียว คือ พูดไปคนค่อยทยอยออกทีละคนสองคน


จุดสำคัญคือ เราต้องพยายามปรับปรุงตัวเอง และมีคนถามต่อว่าจะปรับปรุงตัวเองอย่างไร คำตอบคือ การพูดแต่ละครั้งเราควรหาคนที่รู้จัก แล้วให้เขาวิจารณ์การพูดของเรา หรือให้ผู้เข้ารับการอบรม ประเมินเราเวลาเราพูดเสร็จ เมื่อเราได้ข้อมูลหรือข้อบกพร่อง เราก็สามารถนำมมาปรับปรุง หรือแก้ไขในการพูดครั้งต่อไป

ฉะนั้น การประเมินการพูด หมายถึง การวิเคราะห์ว่าที่เราพูดหรือปาฐกถาไปนั้น ต้องแก้ไขอย่างไร ถ้าเป็นไปได้ควรหาเทปไปอัด คำบรรยายของเรา ในปัจจุบันนี้มีเครื่องถ่ายภาพเคลื่อนไหว ถ้าเรานำไปถ่ายภาพการบรรยายของเราได้ยิ่งดี เพราะจะทำให้เรารู้ว่า ท่าทาง กริยา อาการ ของเราเวลาเราพูดเป็นอย่างไร พูดดีหรือไม่ ท่าทางดีหรือเปล่า น้ำเสียง จังหวะในการพูด เหมาะสมหรือเปล่า


การประเมินการพูด เปรียบเทียบก็คล้ายกับเรามีกระจกเงา ส่องดูการแต่งกายส่องบุคลิกท่าทางของเรา และถ้าไม่สวย ไม่ดี ก็มาแก้ไข มาเปลี่ยนแปลงให้ดีเสีย


เพราะฉะนั้น รักจะพูดให้คนพอใจ อยากจะเป็นนักพูดประเภทพูดแล้วคนชื่นชอบ คนชอบฟัง เมื่อพูดเสร็จแต่ละครั้งอย่าถอนหายใจโล่งอกเป็นอันขาดว่า หมดทุกข์หมดโศกแล้ว ขอให้เก็บความทรงจำนั้นไว้แล้วมานั่งคิดว่า ถ้าจะให้ดีกว่าที่ได้พูดไปเราควรทำอย่างไร เราต้องแก้ไขตรงไหน เขามีความคิดความเห็นเกี่ยวกับการพูดของเราอย่างไร อย่าปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ ถ้าเราใฝ่ใจอยากจะเป็นนักพูดที่มีอนาคต

ท่านถูกติ ต้องตรอง มองที่ติ


แล้วเริ่มริ ลงรอย คอยแก้ไข


ติเพื่อก่อ ต่อสติ ติเข้าไป


เป็นบันได ไต่เต้า ให้เราดี

...
  
วาทศิลป์ในวรรณกรรม
เป็นหนังสือหรือตำราเรียนที่แต่งโดย....ผศ.ยุพา ส่งศิริ
เป็นตำราเรียนสมัยกระผมเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในคณะรัฐศาสตร์ วิชาโท สื่อสารมวลชน โดยใช้รหัส MC 333 ราคา 22 บาท ในอดีต แต่ปัจจุบันราคาน่าจะขึ้นแล้วครับ
ภายในเล่มมีเนื้อหาเกี่ยวกับ วาทศิลป์ การวิเคราะห์ผู้ฟัง ความสำคัญของวาทศิลป์ อัตลักษณ์ต่างๆในการพูด
พร้อมมีกิจกรรมให้ฝึกพูดฝึกปฏิบัติกัน
...
  
การไกล่เกลี่ยพิพาท
27
...
  
นายกฯ เจรจา แกนนำ นปช 1
27
...
  
เสริมพลังทีมสร้างพลังกลุ่ม
เสริมพลังทีมสร้างพลังกลุ่ม
โดร...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
ทีมมีความสำคัญมากต่อการทำงานภายในหน่วยงาน ภายในองค์กร การทำงานเป็นทีมบางครั้งก็เกิดปัญหา บางครั้งก็เกิดความอ่อนล้า บางครั้งก็เกิดการแตกแยก การทำงานเป็นทีมที่ดีจึงต้องมีการเสริมแรงซึ่งกันและกัน เพื่อให้ทีมงานเกิดขวัญ กำลังใจ ในการทำงาน ซึ่งเราสามารถเสริมพลังทีมสร้างพลังกลุ่มได้ดังนี้
1.สรรหาผู้ร่วมทีมงานที่มีความหลากหลาย ทีมที่ดีมักจะต้องมีคนที่มีความสามารถที่แตกต่างกันมาอยู่รวมกันเพื่อสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ผู้ร่วมทีมงานอาจมาจากต่างฝ่าย ต่างแผนก ต่างสายงาน แต่มาร่วมกันทำงานเพื่อให้เกิดทีมที่มีประสิทธิภาพ
2.สรรหาผู้ร่วมงานมาเติมเต็ม ในส่วนที่ทีมงานขาด เช่น หากทีมงานที่มีอยู่ไม่มีผู้ใดทำงานเกี่ยวกับด้านบัญชี เราควรสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถทางด้านบัญชีเข้ามาร่วมงาน เพื่อที่จะช่วยเสริมในส่วนที่ขาดหรือมีปัญหาของทีม
3.ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทีมงาน การทำงานโดยยึดความเป็นหนึ่งของทีมโดยมีการกำหนดเป้าหมายของทีมไว้ เพื่อให้ทุกคนในทีมได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
4.การสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน มีบรรยากาศที่มีความจูงใจในการทำงาน เช่น มีการชมเชย การมอบของรางวัล การแข่งขัน ฯลฯ รวมไปถึงการสร้างกิจกรรมที่ไม่เป็นทางการร่วมกัน อย่างการดูกีฬา การกินข้าวมื้อเที่ยงและมื้อเย็นร่วมกัน
5.สร้างวัฒนธรรมในการทำงานร่วมกันภายในทีม เช่น วัฒนธรรมแห่งการยิ้ม วัฒนธรรมแห่งการพูดคำว่า “สวัสดี” , “ขอบคุณ” , “ขอบใจ” , “คุณทำได้” ฯลฯ
6.จัดอบรม จัดสัมมนา เพื่อสร้างทีมงาน การอบรม การสัมมนา อาจจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แต่หากต้องการให้ทีมงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดอบรม การจัดสัมมนา จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น อาจจะมีการจัดในรูปแบบต่างๆเช่น กิจกรรม Walk Rally , การอบรมทางด้านวิชาการ , สัมมนาเพื่อแก้ไขปัญหาในการทำงานร่วมกัน ฯลฯ
7.การให้รางวัลแห่งความสำเร็จของทีมงาน เมื่อทีมสามารถทำงานได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เราควรจัดเฉลิมฉลองความสำเร็จ อาจจะต้องลงทุนจัดงานเลี้ยงเพื่อเสริมแรงหรือกระตุ้นให้ทีมงานเกิดความภาคภูมิใจในความสำเร็จร่วมกันของเป้าหมายที่ทำ
กิจกรรมข้างต้นดังกล่าวจึงเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ทีมงานทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีแรงกระตุ้นให้คนทำงานในทีมอยากที่จะทำงานร่วมกัน เมื่อทีมมีประสิทธิภาพในการทำงาน คนในทีมทำงานด้วยความกระตือรือร้นจะทำให้เกิดผลงานขึ้นอย่างมากมายมหาศาล
ดังนั้น การสรรหาผู้ร่วมทีมงานที่มีความหลากหลาย , การสรรหาผู้ร่วมงานมาเติมเต็ม , การช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทีมงาน , การสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน , การสร้างวัฒนธรรมในการทำงานร่วมกันภายในทีม , การจัดอบรม จัดสัมมนา เพื่อสร้างทีมงาน และการให้รางวัลแห่งความสำเร็จของทีมงาน จึงเป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมพลังทีมสร้างพลังกลุ่ม


...
  
เข้าสังคมดีก็จะมีสิ่งดีๆเข้ามา
เข้าสังคมดีก็จะมีสิ่งดีๆเข้ามา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
การอยู่ในสังคมที่ดี การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเราประสบความสำเร็จในชีวิต พวกเรามักคงเคยได้ยินคำกล่าวของคนโบราณต่างๆ เช่น
- คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล กล่าวคือ หากคบคนไม่ดีเป็นมิตรคนเหล่านั้นก็มักจะชักจูงเราไปในทางที่เสียหาย แต่หากว่าเราคบคนดีเป็นมิตร คนดีก็มักจะสั่งสอนแนะนำเราไปในทางที่ดีๆ เช่น แนะนำให้รู้จักทำมาหากินในทางที่สุจริต , การให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่าง ฯลฯ
- ท่านอยากเป็นเปรตในหมู่ปราชญ์หรืออยากเป็นปราชญ์ในหมู่เปรต (หากท่านอยากเป็นเปรตในหมู่ปราชญ์ในอนาคตท่านอาจจะได้เป็นปราชญ์แต่ถ้าหากว่าท่านอยากเป็นปราชญ์ในหมู่เปรตในอนาคตท่านอาจจะได้เป็นหัวหน้าเปรตในที่สุด)
การคบเพื่อนดีๆ การคบคนดีๆ จะเป็นเสมือนการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในเบื้องต้นให้แก่ตัวเรา อีกทั้งการเข้าสังคมกับคนดีๆ มักจะทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตอีกด้วย กฎแห่งแรงดึงดูด น้ำกับน้ำมันเข้ากันไม่ได้ฉันใด คนดีกับคนไม่ดีมักเข้ากันไม่ได้ฉันนั้น คนที่เหมือนกันมักดึงดูดเข้าหากัน คบคนเช่นใดย่อมเป็นเช่นนั้น
จึงไม่ต้องแปลกใจ หากว่าคนที่มีความสนใจเหมือนกันมักอยู่ร่วมกัน เช่น คนสนใจการพูดก็จะอยู่รวมกันในสโมสรฝึกการพูดต่างๆ , คนที่สนใจการเขียนก็มักจะอยู่ในชมรมนักเขียน , คนที่สนใจกีฬาฟุตบอลก็มักจะดูฟุตบอลเล่นฟุตบอล , คนสนใจเรื่องของการถ่ายรูปก็มักจะรวมตัวกันตั้งกลุ่มชมรมถ่ายรูป ฯลฯ
หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จด้านใด จงนำตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มหรือสังคมดังกล่าว ท่านก็จะมีโอกาสในการประสบความสำเร็จในด้านนั้นๆ ความสำเร็จนั้นอาจเกิดได้จากการสนับสนุนของคนในสังคมหรือคนในกลุ่มนั้นๆ ตัวอย่าง คนภายในสังคมนั้นๆให้ความช่วยเหลือแก่ท่านในด้านต่างๆ ให้คำแนะนำ หางานทำให้แก่ท่าน พาท่านไปหาบุคคลที่สามารถช่วยเหลือท่านได้ หรือการได้รับความรู้ทางด้านเทคนิคต่างๆเพิ่มเติม ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้การเข้าสู่สังคมที่ดีๆ การเข้าสู่สิ่งแวดล้อมที่ดี และการเลือกคบคนดีๆ มักมีอิทธิพลต่อความสำเร็จของคนเรา




...
  
ความสำคัญของงานเขียน
ความสำคัญของงานเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
งานเขียนที่ผู้เขียน เขียนออกมา โดยมีเนื้อหาที่ถูกต้อง มีความทันสมัย มีรูปแบบปกที่สดงาม ไม่ว่าจะเป็นประเภทใด ก็ย่อมมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน อีกทั้งยังมีความสำคัญ ต่อประเทศชาติและตนเอง ความสำคัญของงานเขียนมีดังนี้
1.งานเขียนมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ
1.1.ช่วยให้มีหนังสือประเภทต่างๆ ออกมาขายและอยู่ในห้องสมุดตามสถาบันต่างๆกันอย่างมากมาย อีกทั้ง หนังสือบางเล่มยังสามารถใช้เป็นแหล่งที่มาในการอ้างอิงในการทำผลงานทางวิชาการ การทำรายงาน การค้นคว้าของนักเรียน นิสิต นักศึกษา อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นหนังสือประกอบการเรียนการสอนตามสถาบันต่างๆ
1.2.ช่วยให้ประเทศชาติเจริญ ประเทศใดมีหนังสือมาก คนในประเทศนั้นมักเป็นคนที่มีความรู้ มีการศึกษา แต่ตรงกันข้าม ประเทศที่ไม่พัฒนา ล้าหลัง มักมีหนังสือเป็นจำนวนที่น้อยมาก ทำให้ประชาชนขาดอาหารสมองในการบริโภค เมื่อคนไม่มีความคิด สติปัญญา ความฉลาด ก็ส่งผลไปยังเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมประเทศนั้น
2.งานเขียนมีประโยชน์ต่อตนเอง
2.1.ช่วยเป็นเครื่องมือในการทดสอบความสามารถ ความคิดของตนเอง งานเขียนเป็นงานที่ต้องใช้ความคิด ความรู้ หากขาดซึ่งความคิด ความรู้ ถึงแม้จะมีข้อมูลมากสักเพียงใด ผู้เขียนก็คงไม่สามารถผลิตผลงานให้เป็นที่ยอมรับแก่ผู้อ่านได้ การผลิตงานเขียน ออกมาจึงเป็นการวัดความรู้ ความสามารถ และความคิดของผู้เขียนเอง จึงอาจกล่าวได้ว่า งานเขียนยังเป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้เขียนเกิดความรู้ ในเรื่องที่เขียนมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน
2.2.ช่วยเป็นอนุสาวรีย์หรือเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจของผู้เขียน งานเขียนที่ผู้เขียน เขียนออกมา มักเป็นสิ่งที่คงอยู่แม้ตัวผู้เขียนจะไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้ว แต่ผลงานเขียนก็ยังคงเป็นอนุสาวรีย์หรือเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจ และเป็นหลักฐานอย่างดี เมื่อลูกหลานได้มีโอกาสเห็นก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยินดี
2.3.ช่วยในการเป็นรายได้หาเลี้ยงชีพ งานเขียนยังคงเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวได้ โดยการขายหนังสือ บางคนมีรายได้จากการขายหนังสือจนร่ำรวย ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยในการที่จะร่ำรวยได้จากงานเขียน เช่น การตลาดดี , ผลงานเขียนดี , นักเขียนเป็นคนมีชื่อเสียง ฯลฯ
2.4.ช่วยในการสร้างความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ไม่ว่าเราจะทำงานอาชีพอะไร หากว่า ท่านมีความสามารถในการเขียน ท่านก็จะได้รับความก้าวหน้า เช่น เป็นครู เป็นอาจารย์ ก็มักจะต้องเขียนหนังสือ เขียนเอกสาร เพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการ หรือ เป็นพนักงานบริษัท หากมีความสามารถทางด้านการเขียน ก็จะถูกเจ้านายเรียกใช้เพื่อให้เขียนรายงาน เขียนโครงการต่างๆ เป็นต้น
2.5.ช่วยให้เป็นคนมีชื่อเสียง คนดัง และทำให้คนอยากรู้จัก หากว่างานเขียนของท่านเป็นที่ยอมรับของผู้อ่าน ท่านก็จะมีคนอยากจะรู้จักท่านมากขึ้น สื่อมวลชนบางแห่งก็อาจจะนำท่านไปสัมภาษณ์ออกสื่อต่างๆ
2.6.ช่วยในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ หลายๆ ท่านใช้เวลาหรือเสียเวลาไปกับสิ่งต่างๆ แต่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด การเขียนเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้ เพราะมีนักเขียนดังๆ เขียนต้นฉบับ ขณะรอรับประทานอาหาร แล้วนำมารวบรวมเรียบเรียงจนเป็นผลงานหนังสือออกมาได้เป็นเล่มๆ
ดังนั้น เมื่อเราได้ทราบความสำคัญของงานเขียนแล้ว ขอให้ท่านผู้อ่านโปรดจงช่วยกันเขียนหนังสือออกมาเยอะ ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและตัวของเราเอง
...
  
การตลาด.ภิวัตน์
การตลาด.ภิวัตน์
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
สภาพการแข่งขันทางด้านธุรกิจในยุคปัจจุบัน ทำให้ศาสตร์ทางด้านการตลาดมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ พัฒนา ต่อยอด ปรับเปลี่ยนและหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้ทันกับการแข่งขันในยุคปัจจุบัน สำหรับประเทศไทยเรา มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ ศึกษา ศาสตร์ทางการตลาด เพราะโลกในยุคนี้ เปิดกว้างให้คู่แข่งขันจากประเทศต่างๆ เข้ามาแข่งขันได้มากขึ้น อาทิเช่น การเปิดโอกาสทางด้านเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งจะต้องมีการเปิดโอกาสทางด้านเศรษฐกิจนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป
โลกไร้พรมแดน การตลาดไร้พรมแดนหรือการตลาด.ภิวัฒน์ นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ธุรกิจที่จะสร้างความร่ำรวยและยิ่งใหญ่ให้กับเจ้าของกิจการ ผู้บริหารมักจะต้องมองไปยังกลุ่มลูกค้าทั่วโลก มากกว่ามองหาลูกค้าภายในประเทศ จึงไม่เป็นที่แปลกใจเลย ที่สินค้าหลายๆตัวซึ่งมีสัญชาติไทย ได้ออกไปขายสินค้ายังตลาดต่างประเทศมากขึ้น เช่น เครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง , เบียร์ช้าง , สาหร่ายทอดเถ้าแก่น้อย เป็นต้น
ปัจจัยที่จะทำการตลาดในระดับโลกให้ประสบความสำเร็จมีอยู่หลายปัจจัย กล่าวคือต้องทำการศึกษาและหาข้อมูลต่างๆ ในประเทศที่เราจะไปลงทุน เช่น พฤติกรรมผู้บริโภคของคนในประเทศนั้นๆ , นโยบายของรัฐบาล , กฎหมายทางด้านการค้าระหว่างประเทศ , ภาษีระหว่างประเทศ , วัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา ภาษา ฯลฯ
สำหรับการตลาดภายในประเทศ เราคงต้องมองออกไปให้กว้าง เพราะหากเปิด AEC (ASEAN Economic Community)หรือความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจในประชาคมอาเซียน เราจะมีประชากรทั้งหมดเกือบ 600 ล้านคน ไม่ใช่แค่ 60 ล้านคนเหมือนในอดีตอีกแล้ว ฉะนั้น นักธุรกิจชาวไทยคงต้องไวต่อการแข่งขัน เพราะตลาดที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และมีความแตกต่างกันในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นของเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา ฯลฯ
กลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม ยังคงเป็นกลยุทธ์แม่บทที่ยังใช้ได้และทรงอนุภาพมาก ถ้าหากนำไปใช้อย่างถูกจังหวะ เวลา เพราะธรรมชาติของมนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษา มักชอบสินค้าที่มีโปรโมชั่นเหล่านี้
การสื่อสารการตลาด โปรโมชั่นมิกซ์ จะต้องทำอย่างกระจายทุกรูปแบบมากกว่าในสมัยอดีต เพราะในยุคปัจจุบันมีสื่อใหม่ๆ เกิดขึ้นและได้รับความนิยมมากมาย เพราะในอดีตเรามักเน้นการโฆษณาลง โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ใหญ่ๆ วิทยุ แต่ยุคปัจจุบัน โลกได้เปลี่ยนไป สื่อต่างๆมีมากและทันสมัย ทำให้กลุ่มเป้าหมายที่จะซื้อสินค้าของเรา สามารถเลือกที่จะบริโภคสื่อที่แตกต่างกันออกไป เช่น การเลือกบริโภคสื่อทางอินเตอร์เน็ต , การเลือกชมสื่อทางโทรทัศน์ดาวเทียมในรายการที่ตนเองชื่นชอบ , การเลือกฟังรายการวิทยุชุมชนที่ตนเองชื่นชอบ เป็นต้น
ดังนั้นการทำโปรโมชั่นมิกซ์ จึงต้องทำให้มีความหลากหลาย แต่ต้องทำอย่างมีคุณภาพทำอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ขอแค่ให้ได้ทำหรือทำเหมือนกับการหว่านทรัพย์ให้ละลายในแม่น้ำ ซึ่งการทำโปรโมชั่นมิกส์อย่างได้ผลก็คงต้องยึดหลัก 4 หลักใหญ่ๆ คือ การโฆษณา , การประชาสัมพันธ์,การขายโดยตรงโดยพนักงานขายและการส่งเสริมการขาย ซึ่งการจะใช้ตัวใดมากน้อยเพียงใด ก็คงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยในเรื่องของงบประมาณ บุคลากร เทคโนโลยี ของแต่ละองค์กรไป
เมื่อการสื่อสารไฮเทค นักการตลาด.ภิวัฒน์ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องไฮเทคตาม โลกยุคปัจจุบันเป็นโลกที่ใช้เทคโนโลยีกันมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการสื่อสาร เช่น ปัจจุบันเราสามารถอ่านข่าวได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ , เราสามารถโอนเงินผ่านเทคโนโลยีได้อย่างง่ายดาย , เราสามารถดูโทรทัศน์ผ่านมือถือได้อย่างง่าย นักการตลาดสมัยใหม่จึงต้องเรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อนำมาใช้ในการขยายฐานลูกค้าให้ได้มากขึ้น เพราะเกมการแข่งขันทางธุรกิจต้องสู้กันด้วย ความไว ความถูกต้อง ความสบาย และความมีประสิทธิภาพด้วย
ตัวอย่างเช่น เทเลช็อปปิ้ง Tele Shopping เป็นตัวอย่างในการขายสินค้าด้วยแคตาล็อก โดยผ่านไดเร็กต์ เมล์ ผู้ซื้อสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทางโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิตหรือบัญชีเงินฝากธนาคาร โดยที่ผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่ได้มีโอกาสเห็นหน้าหรือพบปะกันเลย
โลกไร้พรมแดน สินค้าไร้พรมแดน ใครจะนึกว่า สินค้าทุกประเภทจะสามารถขายแข่งขันกันได้อย่างเสรีดังเช่นในยุคปัจจุบัน เคนตั๊กกี้ KFC , ดังกิ้น โดนัท , พิซซ่าฮัท ฯลฯ สินค้าเหล่านี้สามารถขายแข่งขันกับข้าวแกงตามท้องถนนของประเทศไทยได้
โลกเป็นหนึ่งเดียว และใครจะไปรู้ว่า ในประเทศไทยของเรา มีสินค้าต่างๆที่คนทั่วโลกมีหรือคนทั่วโลกใช้เหมือนกันหรือแทบไม่แตกต่างกัน ตัวอย่าง อาหารอินเดียมาขายในเมืองไทยมากขึ้น อาหารของประเทศต่างๆมาขายในประเทศไทยเรามากขึ้น นักการตลาด.ภิวัฒน์ จึงต้องมองการตลาดให้มีความลึกซึ้ง มองในหลายมิติมากกว่าในอดีต
เพื่อนร่วมค้า จับมือคู่แข่ง ท่านผู้อ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะรู้สึกว่า การทำธุรกิจในยุคนี้ เริ่มยาก เริ่มมีความซับซ้อนและในอนาคตก็จะมีความยากยิ่งขึ้นอีกหลายเท่า เนื่องจาก ปลาใหญ่จะมากินปลาเล็ก (บริษัทใหญ่ข้ามชาติจะเข้ามาซื้อกิจการต่างๆของไทยเรา) ดังนั้นหากท่านไม่ต้องการแข่งขัน ยุทธวิธีอย่างหนึ่งที่ท่านจะทำได้ก็คือ การเป็นพันธมิตรการค้าร่วมกันกับคู่แข่ง กลยุทธ์นี้มีมานานแล้ว ท่านไม่ควรที่จะยึดอัตตามากจนเกินไป เพราะบางองค์กรเคยยิ่งใหญ่ แต่เป็นประเภทยอมหักไม่ยอมงอ ประเภทสู้ตาย ผลที่ได้รับก็คือ ตายจริงๆ เพราะสุดท้ายก็ต้องปิดกิจการหรือเลิกกิจการไป
องค์กรในสหรัฐอเมริกา มีการจับมือกันเป็นพันธมิตรกันอย่างมากมาย เช่น แอปเปิล คอมพิวเตอร์ จับมือกับ ดิจิตอล ในการวิจัยและพัฒนาถึงแม้จะเป็นบริษัทคอมพิวเตอร์เหมือนๆกัน หรือ ฟอร์ด จับมือกับ มาสด้า ในการช่วยกันทำงานทางด้านเทคโนโลยีและการหาช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ แม้แต่ยักษ์ใหญ่อย่าง เป็ปซี่ , โค้ก และกรีนสปอต ยังเคยจับมือกันลงทุนเปิดบริษัทผลิตแก้วผลิตกระป๋องแคนของตนเองร่วมกัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจในเรื่องของคุณภาพมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
การจับมือกันทำให้เกิดชัยชนะร่วมกัน( win-win) แต่สิ่งที่ควรระวังก็คือเรื่องของจิตสำนึก คุณธรรม จริยธรรม เพราะบางธุรกิจ เมื่อจับมือกันแล้วก็มักจะเอาเปรียบผู้บริโภค โดยการขึ้นราคาหรือการกำหนดราคาเอง ทำให้ได้กำไรเป็นจำนวนมาก ถ้าหากท่านเป็นคนหนึ่งที่ใช้กลยุทธ์นี้ กระผมหวังว่าท่านจะมีจิตสำนึกดังกล่าวด้วย
ท้ายนี้ กระผมเชื่อว่า ในยุคของพวกเรา พวกเราไม่สามารถหลีกหนี การตลาด.ภิวัฒน์ได้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเราควรที่จะทำก็คือ เราต้องมีการปรับตัว เราต้องศึกษา เราต้องทำความเข้าใจ เพื่อที่จะใช้ชีวิตในโลกของการแข่งขันที่ไร้พรมแดนได้อย่างมีความสุข
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.