หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
ล้มได้ก็ลุกได้
ล้มได้ก็ลุกได้
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
บางช่วงเวลาในชีวิตของคนเรา อาจพบเจอกับอุปสรรค เจอความล้มเหลว เช่น การถูกให้ออกจากงาน ธุรกิจล้มละลาย ความพ่ายแพ้ในเกมส์ต่างๆ เช่น กีฬา การเลือกตั้ง การแข่งขัน ฯลฯ ฉะนั้นถ้าหากท่านเจอสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเพราะ เมื่อมีความสำเร็จก็มักจะมีความล้มเหลว เมื่อมีคำว่า “ชนะ” ก็ต้องมีคำว่า “พ่ายแพ้” สิ่งต่างๆย่อมเป็นของคู่กัน
ล้มได้ก็ลุกขึ้นสู้ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการดำเนินชีวิตของคนเรา เราจะทำอย่างไรเมื่อเจออุปสรรค เจอความล้มเหลวเหล่านี้ เราจะลุกขึ้นสู้อีกครั้งได้อย่างไร หลายๆคน เกิดอาการเจ็บปวด เกิดอาการท้อแท้ใจ กำลังใจตก ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ แต่ทั้งนี้เราสามารถลุกขึ้นสู้อีกครั้งหนึ่งได้โดยวิธีง่ายๆดังนี้
1.ควรพูดกับตนเองว่า “ เราทำดีที่สุดแล้ว ” จงคิดให้ได้ว่า บุคคลที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดหรือล้มเหลวก็คือบุคคลที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ถึงแม้เราจะล้มเหลวแต่ก็ยังดีที่ได้ลงมือทำ การล้มครั้งนี้จึงเป็นเสมือนประสบการณ์ บทเรียนที่มีค่าสำหรับความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
2.เหนื่อยมากก็พักก่อน เมื่อเราทำงานหนัก เมื่อเราต่อสู้ เมื่อเราล้มเหลว หากว่าเรารู้สึกว่าตนเองเหนื่อยมากๆ ก็ขอให้ท่านจงได้หยุดพักก่อน ท่านอาจจะหยุดพักโดยการพักผ่อน นอนหลับ ไปเที่ยว ไปปฏิบัติธรรม ฯลฯ
การหยุดพักไม่ได้หมายถึงว่าเรายอมแพ้ แต่เป็นเสมือนท่านไปชาร์ทแบตเตอรี่ เมื่อท่านได้พักแล้วท่านก็สามารถกลับไปสู้ใหม่ได้อีกครั้งด้วยพลังกาย พลังใจ ที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม
3.กล้าฝันใหม่อีกครั้ง ความฝันทำให้คนเราเกิดความหวัง เมื่อเกิดความล้มเหลว เกิดปัญหาอุปสรรค จงกล้าที่จะฝันใหม่ และจงกล้าที่จะฝันให้ใหญ่กว่าเดิม เมื่อท่านทำธุรกิจล้มละลาย ขอให้ท่านจงกล้าที่จะมีความฝันใหม่อีกครั้ง จงฝันที่จะสร้างธุรกิจให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
4.จงเรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วเอาชนะมัน จงวิเคราะห์ประสบการณ์ที่ผิดพลาด อีกทั้งต้องเรียนรู้วิธีที่จะนำพาสู่ชัยชนะ จากแหล่งต่างๆ เช่น การอ่านหนังสือ การปรึกษาขอคำแนะนำจากผู้ชนะ การฝึกอบรม การสัมมนา การฟังเทป ฯลฯ
5.จงสร้างเป้าหมาย คิด วางแผน จงคิดแล้วเขียนเป้าหมายและแผนต่างๆ ไว้ในกระดาษ แล้วจงลงมือทำไปที่ละก้าว ทำไปด้วยความสม่ำเสมอ ไม่ต้องรีบร้อน ใช้ประสบการณ์ที่ล้มเหลว เป็นบทเรียน จงมีความอดทน ความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายที่วางไว้
6.จงปรับเปลี่ยน ทัศนคติ ความคิดใหม่ ผู้พ่ายแพ้มักมีนิสัยที่คิดลบตลอดเวลา ส่วนผู้ชนะมักคิดบวกอยู่เสมอ จงฝึกคิดบวก จงหัดมองโลกในแง่ดี จงเปิดโอกาสให้ตนเองใหม่อีกครั้งในการกลับไปต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคต่างๆ จงกล้าที่จะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ อย่าไปแคร์กลับคำตำหนิ คำวิจารณ์ของผู้ใด จงเริ่มต้นก้าวอีกครั้งด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง
ฉะนั้น เมื่อท่านเจอปัญหา อุปสรรค เกิดความล้มเหลว หรือ เมื่อท่านล้มลง ท่านจะลุกขึ้นใหม่หรือไม่ลุกขึ้น ก็คงอยู่ที่ตัวท่านเองเป็นด้านหลัก บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักจะมีบททดสอบอยู่เสมอ
อับราฮัม ลินคอล์น อดีตประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา เปิดร้านขายของชำ เป็นช่างสำรวจ เป็นทหาร เป็นพนักงานไปรษณีย์ เป็นทนายความ ท่านพบกับความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งตั้งมากมายหลายครั้ง ท่านพบกับความล้มเหลว มีการเปลี่ยนอาชีพตั้งหลายหน แต่ท่านก็ไม่เคยยอมแพ้แล้วในที่สุดประวัติศาสตร์โลกก็จารึกชื่อของท่านว่าเป็น ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนหนึ่ง
...
  
แนวความคิดทางการตลาด ยิ่งให้ยิ่งได้ ของมหาเศรษฐีโลก
ความคิดทางการตลาด ยิ่งให้ยิ่งได้ ของมหาเศรษฐีโลก
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
มหาเศรษฐีโลกเป็นจำนวนมากมักมีความคิดทางการตลาดที่คล้ายๆกันหลายๆอย่าง ซึ่งหากเรามีโอกาสที่เข้าไปศึกษาถึงชีวิตและแนวความคิดของบุคคลเหล่านี้ เราก็จะได้ประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล กระผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จและต้องการรู้ จึงได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาและอ่านประวัติของมหาเศรษฐีโลกเป็นจำนวนมาก ซึ่งพอที่จะสรุปแนวความคิดที่เกี่ยวกับการตลาดได้ดังนี้
ยิ่งให้ยิ่งรวย มหาเศรษฐีโลกเป็นจำนวนมาก มักเป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับ พวกเขามักจะมีความสุขจากการให้มากกว่าการรับ และเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง มหาเศรษฐีโลกเหล่านี้ชอบที่จะบริจาคเงินที่ตนเองหามาได้เป็นจำนวนมากๆแก่สาธารณกุศล แต่ยิ่งให้แทนที่ทรัพย์สินเหล่านั้นจะหมดไป พวกเขาเหล่านั้น กลับได้ทรัพย์สินเงินทองคืนมาจากแหล่งอื่นๆ รวมทั้งทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
- บิลล์ เกตส์ อดีตมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของนิตรสาร “ ฟอร์บส์” เมื่อหลายปีก่อน เขาคือผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ เมื่อเขาร่ำรวยที่สุดในโลกแล้ว เขาก็ได้ก่อตั้งมูลนิธิ บิลล์ เกตส์กับภรรยาของเขา โดยเขาได้บริจาคเงิน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยังบริจาคเงินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ทุกข์ทรมานจากเอดส์ อีกทั้งยังได้บริจาคเงิน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่กองทุนเพื่อช่วยต่อสู้กับโรคต่างๆ การบริจาคเงินและให้การช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก อีกทั้งเป็นแบบอย่างให้มหาเศรษฐีคนอื่นๆได้ทำตามเขา เช่น
- วอร์เรน บัฟเฟอตต์ ได้บริจาคเงินก้อนใหญ่เข้ากองทุนของเขา จึงทำให้กองทุนของบิลล์ เกตส์และภรรยา เป็นองค์กรการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วย
- คาร์ลอส สลิม มหาเศรษฐีที่เคยติดอันดับที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ได้บริจาคเงินให้กับ บิลล์ เกตส์ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเข้ากองทุนโดยเงินเหล่านั้นจะถูกนำไปช่วยเหลือคนยากจนในละตินอเมริกา
- เฉินหลง ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้ตัดสินใจเข้าโครงการ “ กีฟวิ่ง เพลดจ์” ของ บิลล์ เกตส์ ซึ่งโครงการนี้จะต้องมอบเงินมากกว่าครึ่งให้กับสาธารณกุศลต่างๆหลังจากที่ตนเองเสียชีวิต
มหาเศรษฐีชาวไทยก็มีหลายคนที่มีแนวความคิดนี้ เช่น คุณตัน ภาสกรนที , คุณบุญชัย เบญจรงคกุล , คุณวิกรม กรมดิษฐ์ ,คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ และ คุณธนินท์ เจียรวนนท์ บุคคลเหล่านี้ ได้บริจาคเงินช่วยเหลือการกุศล บางคนก็ได้ตั้งมูลนิธีของตนเองขึ้นมาเพื่อ ให้การช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติ
ถามว่าทำไมมหาเศรษฐีเหล่านี้ถึงได้ ให้ สิ่งต่างๆ กับบุคคลเป็นจำนวนมากซึ่งการให้นี้ ยังรวมไปถึง การให้เงิน การให้งาน การให้การเป็นแบบอย่างของชีวิต เพราะการให้ทำให้มหาเศรษฐีเหล่านี้มีความสุขอย่างแท้จริง การให้ยังทำให้เขาได้รับสิ่งต่างๆเพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่นได้เพื่อน ได้การยอมรับ ได้รับชื่อเสียง ได้รับการช่วยเหลือและได้รับความร่ำรวย
หากว่าเราโยงเรื่องของการให้ การบริจาค กับเรื่องทางการตลาด การให้ ของมหาเศรษฐีโลก ก็คงไม่แตกต่างกับที่ บริษัทต่างๆทำ CSR หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) หมายถึง ความรับผิดชอบต่อสังคม การช่วยเหลือสังคม ซึ่งคือการดำเนินกิจการภายใต้หลักจริยธรรมและการบริหารงานที่ดี เพราะหากว่าลูกค้าหรือประชาชนทั่วโลกได้เห็นคุณงามความดีของมหาเศรษฐีที่ได้ทำไป ประชาชนทั่วโลกก็จะซื้อสินค้าและอุดหนุนสินค้าหรือบริการด้วยความพอใจ อีกทั้งยังช่วยสนับสนุน ส่งเสริม สินค้าต่างๆของมหาเศรษฐีอีกด้วย จึงเท่ากับว่าสิ่งที่มหาเศรษฐีได้ให้ไป ก็ได้ส่งผลมาเป็นการซื้อสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
- เฉิงหลง ได้บริจาคและได้ช่วยเหลือคนเป็นจำนวนมากทั่วโลก เมื่อเฉิงหลง ได้สร้างภาพยนตร์
เรื่องใหม่ คนทั่วโลกก็อยากที่จะอุดหนุนและอยากที่จะไปดูการแสดงของเขาเพิ่มขึ้น การบริจาคจึงทำให้เกิดแฟนคลับที่มากขึ้นหรือทำให้เกิดแฟนคลับที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
- คุณธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของและผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวย
ที่สุดในประเทศไทยและเป็นมหาเศรษฐีโลก จากการจัดอันดับของ “ฟอร์บส์” เขาก็ได้มีแนวความคิดเรื่องการให้ เขาได้บริจาคเงินเพื่อการกุศลมากมายเช่น การมอบทุนการศึกษา การสร้างวัด มอบเงินช่วยเหลือบุคคลเป็นจำนวนมากทั้งมอบด้วยตนเองหรือมอบผ่านบริษัทของเขา
- คุณตัน ภาสกรนที ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้ให้การช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่างๆ เขาโด่งดังอย่าง
มากจากแบรนด์ “ ตัน โออิชิ” ปัจจุบันเขาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไม่ตัน จำกัด ซึ่งผลิตชาเขียวตราอิชิตัน จากการช่วยเหลือสังคมอย่างมากมาย เขาจึงได้ตัดสินใจก่อตั้ง มูลนิธิ “ ตันปัน” เพื่อช่วยเหลือด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง
การช่วยเหลือบุคคลเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนที่ได้ทราบหรือได้เห็น จึงอยากที่จะช่วยเหลือเขา ยิ่งปลายปี 54 โรงงานผลิตชาเขียว “ อิชิตัน” ที่ลงทุนถึง 3,000 ล้านบาท ต้องจมน้ำเนื่องจากน้ำท่วม ก็ยิ่งทำให้คนอยากที่จะช่วยเหลือเขา โดยผ่านทางการซื้อสินค้าของเขา
ฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่า แนวความคิด ยิ่งให้ยิ่งได้ จึงเป็นแนวความคิดทางการตลาดอย่างหนึ่งในการทำ CSR ให้แก่ตัวเองและบริษัทของตัวเอง อีกทั้งแนวความคิด ยิ่งให้ยิ่งได้ ยังได้สร้างแบรนด์ส่วนตัวของทั้งตัวเองและแบรนด์ของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
สำหรับแนวความคิด ยิ่งให้ยิ่งได้ ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำธุรกิจได้อีกด้วย ดังเช่น 7-11 เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มแรกเปิดให้บริการ 7 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม ซึ่งตอนแรกๆได้ขายแต่น้ำแข็ง แต่เจ้าของ 7-11 มีหัวใจของการให้คืออยากที่จะให้บริการสินค้าที่มากกว่านี้แก่ลูกค้าจึงได้เพิ่มสินค้าเข้าไปอีกมากมาย เช่น ขนม ยาสีฟัน ปากกา สบู่ แชมพู ฯลฯ ต่อมาด้วยความต้องการอยากที่จะให้บริการที่มากกว่านี้ เจ้าของจึงได้มีการเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นจากการเปิดร้านวันละ 16 ชั่วโมงเป็น 24 ชั่วโมง ภายหลังเจ้าของ 7-11 อยากที่จะให้บริการแก่ชาวอเมริกาเพิ่มขึ้น จึงได้ขยายสาขาไปทั่วอเมริกา ภายหลังเจ้าของ 7-11 ต้องการอยากให้ร้าน 7-11 ได้ให้บริการแก่คนทั่วโลก จึงได้ทำการขายแฟรส์ไชส์แก่ผู้ที่ต้องการเปิดร้าน 7-11 เกือบทุกประเทศ เพื่อให้ร้าน 7-11 ได้ให้บริการแก่คนทั่วโลก
ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการที่จะประสบความสำเร็จทางด้านการตลาดเหมือนดังมหาเศรษฐีหลายๆคน การทำการตลาดจากแนวความคิด ยิ่งให้ยิ่งได้ จะเป็นแนวความคิดหนึ่งที่ส่งเสริมให้การทำการตลาดของท่านประสบความสำเร็จและสร้างความร่ำรวยให้กับท่านได้มากขึ้น

...
  
ศิลปะการพูดที่ชนะใจคน
แต่งโดย ประชา อภิบาล
ข้อความด้านหลังปก “ การพูดเป็นกรรมวิธี หรือกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และมีความสัมพันธ์กับการศึกษาอย่างแยกไม่ออก ผู้ปรารถนาจะเป็นนักพูด นักประชาสัมพันธ์จำเป็นต้องศึกษาชั้นเชิงและศิลปะด้านต่างๆ กัน จึงจะเป็นนักพูดที่ดี เข้าถึงจิตใจบุคคลทั่วไป ถ้าท่านต้องชนะใจคนด้วยการพูด หนังสือเล่มนี้จะแนะแนวไปสู่ความสำเร็จในการพูดให้ชนะใจคน
...
  
วิทยากรเผยแพร่ความรู้การเมืองภาคพลเมืองสู่เยาวชน
วิทยากรเผยแพร่ความรู้การเมืองภาคพลเมืองสู่เยาวชน ณ สถาบันวิชาการทีโอที ถนนงามวงศ์วาน จังหวัดนนทบุรี ...
  
ครบเครื่องนักพูด
ครบเครื่องนักพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การจะเป็นนักพูดหรือมีอาชีพทางด้านการพูด เราจำเป็นจะต้องพัฒนาตนเองเสมอ โดยเฉพาะการพัฒนาตนเองให้มีความหลากหลายในการนำเสนอ เช่น จะต้องมีการสอดแทรกคำคม สอดแทรกอารมณ์ขัน สอดแทรกสาระที่เป็นประโยชน์ สอดแทรกเกมส์เพื่อการศึกษา สอดแทรกเพลงหรือกิจกรรมให้สอดคล้องกับอารมณ์และบรรยากาศของผู้ฟัง ฯลฯ
นักพูดกับคำคม นักพูดหรือคนที่จะประกอบอาชีพทางด้านการพูดมีความจำเป็นจะต้องเก็บสะสมคำคมและข้อมูล จากแหล่งต่างๆ พร้อมทั้งจดแหล่งที่มา หากได้อ่านหรือได้ฟังก็พยายามจดบันทึกว่าเป็นคำพูดของใคร ใครกล่าวประโยคนี้ พระพุทธองค์กล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้พระบรมราโชวาท หรือนักปราชญ์ผู้ใดเป็นผู้กล่าวคำคม เหล่านี้ เพราะ การพูดคำคมหรือการอ้างอิงคำพูดของคนมีอิทธิพลหรือมีชื่อเสียง จะทำให้การพูดในครั้งนั้นๆ เกิดความน่าเชื่อถือและเกิดความยอมรับในเหตุผลของผู้พูดมากยิ่งขึ้น
นักพูดกับเพลง นักพูดหรือคนที่มีอาชีพทางด้านการพูด ควรหัดร้องเพลงบ้าง เพราะ ในบางกรณี เราสามารถนำบทเพลงมาใช้ในการบรรยายหรือการพูด เพื่อสร้างบรรยากาศให้สนุกสนาน ไม่ตึงเครียดในการฟัง การใช้เพลงประกอบการพูดจะทำให้ผู้ฟังเกิดการมีส่วนร่วม ไม่เบื่อหน่าย ฉะนั้นนักพูดหรือคนที่ประกอบอาชีพทางด้านการพูดควรเตรียมเพลงหรือหาเพลงที่เกี่ยวข้องกับการบรรยายหรือเกี่ยวข้องสถานการณ์ มาใช้เพื่อประกอบการพูด
นักพูดกับคำกลอน นักพูดหรือคนที่ประกอบอาชีพทางด้านการพูด ควรหากลอนมาประกอบการพูด
เพื่อให้เกิดความหลากหลายในการบรรยาย หาก แต่งเองไม่ได้หรือไม่สามารถแต่งกลอนเองได้ ควรหากลอนจากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการพูด และควรอ้างอิงแหล่งที่มาว่าใครประพันธ์หรือแต่ง เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้ประพันธ์ด้วย
นักพูดกับเกมส์เพื่อการศึกษา นักพูดหรือคนที่ประกอบอาชีพทางด้านการพูด ควรหาเกมส์เพื่อการศึกษามาประกอบการบรรยายหรือการอบรม เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน เกมส์เพื่อการศึกษาจะช่วยให้การบรรยายในเชิงวิชาการเข้าใจง่ายขึ้น เนื่องจากเกมส์ส่วนใหญ่ ผู้อบรมหรือผู้เล่นจะต้องเล่นร่วมกัน ใช้เวลาในการคิด วิเคราะห์ ผู้อบรมหรือผู้เล่น จะมีส่วนร่วมมากกว่าการนั่งฟังแต่วิชาการอย่างเดียว
นักพูดกับอารมณ์ขัน นักพูดหรือคนที่ประกอบอาชีพทางด้านการพูดที่ดี ควรมีอารมณ์ขันสอดแทรกเข้าไปในเนื้อหาเพื่อให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ที่สนุกสนาน โดยส่วนใหญ่ผู้ฟังคนไทยหรือธรรมชาติของคนไทยเรามักชอบเรื่องที่สนุกสนาน ตลก คนไทยเราชอบหัวเราะ มากกว่าจะชอบฟังอะไรที่มันเครียดๆ จริงจัง
นักพูดกับเนื้อหาสาระ นักพูดหรือคนที่ประกอบอาชีพทางด้านการพูด เวลาพูดทุกครั้งควร สอดแทรกสาระที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟัง เพื่อผู้ฟังจะได้เกิดปัญญา และนำสิ่งที่ฟังไปใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้น นักพูดจะต้องเป็นนักอ่านเพื่อให้ตนเองเกิดปัญญาแล้ว จึงจะสามารถไปบรรยายหรือไปสอนผู้ฟังให้มีปัญญาขึ้นมาได้
นักพูดกับเวทีพูด นักพูดหรือคนที่ประกอบอาชีพทางด้านการพูด จำเป็นจะต้องแสวงหาเวทีในการพูด ยิ่งเป็นนักพูดหน้าใหม่ยิ่งต้องแสวงหาเวทีในการพูดจากเวทีต่างๆ เมื่อพูดดี หรือ เมื่อมีผู้ฟังติดใจ ฟังแล้วเกิดความประทับใจ คนก็มักจะบอกต่อ จะทำให้เวทีการพูดมากขึ้น ดังนั้น นักพูดหน้าใหม่ควร หาเวทีในการพูดให้มาก เนื่องจากโอกาสมักจะมีสำหรับผู้แสวงหาโอกาสเสมอ
สรุป คนที่จะเป็นนักพูดหรือคนประกอบอาชีพทางด้านการพูด จำเป็นจะต้องพัฒนาตนเองให้เกิดความสามารถที่หลากหลาย ต้องนำเกมส์เพื่อการศึกษาได้ ต้องร้องเพลงได้เพราะบางครั้งจำเป็นจะต้องนำมาใช้ ต้องเป็นนักสะสมข้อมูล นักจดบันทึก เช่น จดคำคม คำกลอน สุภาษิตต่างๆ ทั้งภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศ เพื่อนำมาใช้ในการพูดในอนาคต
สำหรับการฝึกการพูดโดยเฉพาะ การฝึกการพูดต่อหน้าที่ชุมชน ก็เหมือนกับการฝึกถีบรถจักรยาน มันอาจจะมีอุบัติเหตุบ้าง เจ็บบ้าง ล้มบ้าง สำหรับคนที่ถีบจักรยานไม่เป็นอาจจะรู้สึกยากลำบาก การฝึกพูดต่อหน้าที่ชุมชนก็เช่นกัน ดังนั้นต้องอดทน ต้องฝึกฝน ต้องพยายาม จึงจะสามารถเป็นยอดนักพูดที่ผู้ฟังชื่นชมและชื่นชอบได้






...
  
การตลาดของมหาเศรษฐีโลก
การตลาดของมหาเศรษฐีโลก
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
บุคคลที่ร่ำรวยมีเงินทอง มักเป็นผู้ที่ประกอบธุรกิจจนประสบความสำเร็จ โดยหลักในการทำการธุรกิจของบุคคลเหล่านี้ มักที่จะมีเรื่องของการตลาดเข้ามาอย่างเกี่ยวข้องและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการทำการตลาดของเหล่ามหาเศรษฐีเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจ เพราะถ้าหากเราสามารถนำเอาแนวความคิดเหล่านี้ไปใช้ เราก็สามารถประสบความสำเร็จและร่ำรวยได้เช่นกัน
สตีฟ จอบส์ ให้ความสำคัญกับการทำการตลาดแบบคิดต่างหรือทำสินค้าให้แตกต่างจากคนอื่นๆ เขาพัฒนาซอฟต์แวร์และสินค้าของบริษัทแอปเปิลให้แตกต่างจากบริษัททั่วๆไป ส่งผลให้ลูกค้าในตลาดเลือกที่จะใช้สินค้าของบริษัทแอปเปิลมากขึ้น มากขึ้น จึงทำให้บริษัทแอปเปิลมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอย่างมากมาย จนนำมาซึ่งรายได้เงินทองเข้ามายังบริษัทอย่างมากมายมหาศาล
คาร์ลอส สลิม มหาเศรษฐีชาวเม็กซิโก บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 3 ปีซ้อน ซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์ เขามีบริษัทมากกว่า 200 แห่งในแม็กซิโก เขามีศิลปะในการขยายการตลาดของธุรกิจของเขาโดยการ มองเห็นโอกาสในภาวะวิกฤต ช่วงที่มีวิกฤตเราจะเห็นได้ว่าบริษัทต่างๆ ต่างใกล้จะล้มละลายอีกทั้งยังขายในราคาที่ถูกๆ ไม่ว่าห้างสรรพสินค้า บริษัททางด้านการเงิน บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปา เขามักจะเข้าไปซื้อธุรกิจใกล้ล้มละลายแล้วนำเอามาบริหารใหม่จนประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นทางลัดในการทำธุรกิจและการตลาดของเขา จนในปัจจุบันชาวเม็กซิกัน ทุกๆคนจะต้องใช้สินค้าและบริการของเขาอย่างน้อย 1 อย่าง เช่น งานบริการของธนาคาร โทรศัพท์มือถือ กาแฟ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
โดนัลด์ เจ ทรัมพ์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกา นักพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ชั้นนำ เขามีหลักการในการทำการตลาดโดยการ นำเอาตัวของเขาเองเป็นตราสินค้าแล้วก็โฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวของเขาเองให้คนได้รับรู้ ซึ่งการทำเช่นนี้ส่งผลให้การทำธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว เขาเคยกล่าวไว้ตามสื่อต่างๆว่า “ หากว่าคุณเป็นตราสินค้า สื่อก็จะโจมตีคุณตลอดเวลา มันเป็นเรื่องธรรมดา ผมเองก็เรียนรู้จะอยู่ร่วมกันกับมัน นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่มันก็เกี่ยวข้องกับเรื่องของการทำธุรกิจด้วย”
ริชาร์ด แบรนสัน นักธุรกิจพันล้าน มหาเศรษฐีผู้ปลุกปั้น “ อาณาจักรเวอร์จิ้น” เขาเป็นนักธุรกิจที่นอกคอก สมัยเด็กๆเขาปฏิเสธระบบการศึกษาโดยไม่ตั้งใจเรียน พออายุ 16 ปี เขาก็ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำธุรกิจแรกกับหนังสือ Student ปัจจุบันเขามีธุรกิจมากมายหลายอย่าง เช่น เครื่องสำอาง ชุดเจ้าสาว ถุงยาง น้ำอัดลม โรงแรม รถไฟ มือถือ สายการบิน ธุรกิจการเงิน เป็นต้น ทำไมคนถึงสนใจเขา ก็เนื่องจากเขามีความคิดแบบขบถหรือนอกคอก จึงทำให้เป็นที่สนใจของประชาชนและลูกค้าของเขา ดังตัวอย่างดังนี้ต่อไปนี้
เขามีความคิดที่จะทำทัวร์อวกาศในปี ค.ศ.2009 , เขามีแนวคิดของการเป็นนักประชาสัมพันธ์ต้นทุนต่ำ เขาเข้าร่วมแสดงหนังเจมส์บอนด์ “ Casino Royale” ซึ่งก็ให้ความสนใจและลงข่าวให้เขาโดยที่เขาไม่ต้องจ่ายเงินให้ทำข่าวเลย ซึ่งส่งผลดีกับการทำธุรกิจของเขา
ธนินท์ เจียรวนนท์ มหาเศรษฐีชาวไทย เขามีหลักการทำการตลาดคือ เขาจะเน้นขายสินค้าหรือบริการให้กับคนหมู่มากหรือพูดง่ายๆว่า “ ธุรกิจเพื่อมวลชนหรือสินค้าเพื่อมวลชน” ซึ่งธุรกิจของเขามักจะมีลูกค้าอยู่ทั่วประเทศและทั่วโลก สินค้าที่เขาทำธุรกิจมักเป็นสินค้าประเภทของ “ อาหารการกิน” รวมไปถึง “ เครื่องดื่ม” ซึ่งทุกคนทั่วโลกจะต้องกินต้องใช้ในทุกๆวัน
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก มหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก เจ้าของ Facebook เขารู้จักความต้องการของชาว IT อีกทั้งทำในสิ่งที่แตกต่างจากเว็ปเครือข่ายทั่วไป ซึ่งในขณะนั้น เว็ปเครือข่ายโดยทั่วไปไม่นิยมการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและตัวตนของตนเอง แต่ Facebook ทำให้สิ่งที่ตรงกันข้าม Facebook มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและตัวตนของตัวเอง อีกทั้ง Facebook ยังทำได้มากกว่าการพูดคุยกัน Facebook จึงเป็นที่ต้องการของตลาดโลก
โดยสรุปการทำการตลาดของบรรดาเศรษฐีโลก เขามักจะทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับมวลชนหรือคนส่วนใหญ่ในโลก เขามักจะสร้างสินค้าหรือบริการให้เกิดความแตกต่างเพื่อเป็นที่สนใจของลูกค้า เขามักจะมีการประชาสัมพันธ์ตนเองและสินค้าของเขาอย่างต่อเนื่อง และเขามักใช้ช่วงที่มีวิกฤตโดยมองหาโอกาสในการลงทุน

...
  
พูดให้เป็นอย่างนักพูด
เป็นหนังสือที่สัมภาษณ์ นักพูดระดับชาติ เช่น อ.ทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์ , อ.สุขุม นวลสกุล,อ.จตุพล ชมพูนิช,อ.สุนีย์ สินธุเดชะ,อ.อภิชาติ ดำดี ฯลฯ
จากการอ่าน การตอบของบรรดานักพูดทำให้กระผมได้แง่มุมมุมมองเกี่ยวกับการพูด อีกทั้งยังได้ทราบประสบการณ์ของบรรดานักพูด วิธีการฝึกการพูดต่าง ฯลฯ เป็นหนังสือที่น่าสนใจอีกเล่มหนึ่งครับ
ราคา 95 บาท ตอนนี้ไม่ทราบว่าจะมีการพิมพ์ขึ้นใหม่หรือไม่ครับ
...
  
เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ...ท่านก็สามารถทำได้
เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ...ท่านก็สามารถทำได้
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
1.เล่นกีฬาที่ตนเองชอบ การเล่นกีฬาจะช่วยผ่อนคลายความเครียด ทำให้มีสมาธิ ทำให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งการเล่นกีฬายังสามารถช่วยในการทำธุรกิจได้อีกด้วย เช่น การเล่นกอล์ฟ หลายคนเล่นกอล์ฟเพื่อสร้างเครือข่ายในเชิงธุรกิจ บางคนใช้สนามกอล์ฟเจรจาการค้า บางคนเกิดความคิดใหม่ๆและได้รู้จักคนใหม่ๆในระหว่างเล่นกอล์ฟ
2.ความวิตกกังวลเล็กน้อยเป็นสิ่งที่ดี หากว่าท่านเป็นคนที่ไม่มีความวิตกกังวลเลย ชีวิตของท่านก็จะเฉื่อยชา ไม่มีความกระตือรือร้น แต่ถ้าหากท่านมีความวิตกกังวลที่มากจนเกินไป ท่านก็อาจจะกลายเป็นคนวิกลจริตได้ บุคคลที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากมักเป็นคนที่มีความวิตกกังวลเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น ถ้าหากว่าท่านได้รับเชิญไปพูดที่ใดสักแห่ง ทั้งนี้ท่านมีความวิตกกังวลเล็กน้อยว่าสิ่งที่ท่านจะนำไปพูดอาจทำไม่ได้ดีนัก ท่านก็จะมีการเตรียมตัวไปพูดเป็นอย่างดี เมื่อท่านเตรียมตัวไปดี ท่านก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการพูดในครั้งนั้น แต่หากว่าท่านไม่มีความวิตกกังวลเลย ท่านก็จะเป็นคนเฉื่อยชา ไม่มีการเตรียมการพูด พอท่านขึ้นไปพูดท่านก็จะมีโอกาสล้มเหลวได้โดยง่าย ในทางกลับกันถ้าหากท่านวิตกกังวลมากจนเกินไป ก็จะทำให้ท่านนอนไม่หลับและอาจจะเป็นผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายของท่านได้
3.กล้าเดินหน้าลุย คนธรรมดาสามัญทั่วๆไป ที่มีความคิดดีแต่มักไปไม่ถึงไหน ก็เนื่องมาจากการขาดความกล้าในการทำงาน เมื่อท่านมีความฝัน มีเป้าหมาย มีการวางแผนที่ดี ท่านควรกล้าเดินหน้าลุย ไม่ต้องรอให้ทุกอย่างพร้อมสมบูรณ์ คนที่ประสบความสำเร็จ มักไม่รอความพร้อมที่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วจึงลงมือทำ แต่เมื่อเขาเห็นโอกาส มีความพร้อมพอสมควร เขาจึงเริ่มเดินหน้าทันที
4.ทำในสิ่งที่สวนกระแส พวกเราหลายๆคนที่มีพ่อแม่พี่น้องเป็นเกษตรกร มักรู้ดีว่า เกษตรกรส่วนใหญ่มักทำตามกระแส เมื่อเห็นสินค้าใดขายดีก็จะแห่ทำตาม เช่น เห็นคนปลูกไม้สัก เห็นคนปลูกลิ้นจี่ เห็นคนปลูกส้ม ก็แห่กันปลูกจนในที่สุด ราคาพืชผลที่เราปลูกจากราคาขายที่ขายได้ในราคาที่แพงๆ กลับกลายเป็นราคาตกต่ำ ก็เนื่องมาจากมีคนปลูกมากจนเกินไป ดังนั้นคนที่ประสบความสำเร็จซึ่งมีอยู่เพียงจำนวนน้อย มักมีความคิดในการทำในสิ่งที่สวนกระแส ไม่ทำตามกระแสของคนส่วนใหญ่ หรือ เราอาจจะเคยได้ยินว่านักลงทุนหุ้นที่ประสบความสำเร็จ ควรซื้อหุ้นเมื่อมีคนจำนวนมากต้องการขาย (ก็จะซื้อได้ในราคาถูก) ในขณะเดียวกันควรขายหุ้นในขณะที่มีคนต้องการซื้อจำนวนมาก (ก็จะขายได้ในราคาแพง)
5.สร้างแรงปรารถนา นักกีฬาที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีแรงปรารถนาที่ต้องการได้รับชัยชนะ หากขาดแรงปรารถนา นักกีฬาคนนั้นก็จะไม่มีความกระตือรือร้นในการฝึกซ้อม ขาดระเบียบวินัยในการซ้อม คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่มีแรงปรารถนาภายในตนเอง ถ้าหากท่านยังขาดแรงปรารถนาในตนเองก็ขอให้ท่านจงสร้างมันขึ้นมาแล้วท่านก็จะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ
6.ระดมคนเก่งๆมาช่วยงาน หากใครเคยได้ดูภาพยนตร์เรื่องสามก๊ก แล้ววิเคราะห์ก็จะเห็นได้ว่า ก๊กที่มีความเจริญรุ่งเรืองจะเป็นก๊กที่แสวงหาคนเก่งๆเข้ามาช่วยงาน แต่ตรงกันข้ามก๊กที่ถูกยึดหรือก๊กที่ล่มสลาย มักมีคนที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาช่วยงาน ดังนั้นถ้าหากต้องการให้ธุรกิจของท่านเจริญเติบโตก้าวหน้า ท่านจึงควรรีบระดมหาคนเก่งๆมาช่วยงาน ธุรกิจของท่านก็จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว
7.พัฒนาให้มีความก้าวหน้าในทุกๆวัน บุคคล องค์กร หน่วยงาน ที่ประสบความสำเร็จมักมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ถ้าหากว่า บุคคล องค์กร หน่วยงาน ไหนหยุดอยู่กับที่แสดงว่า บุคคล องค์กร หน่วยงาน นั้นจะเกิดความล้าหลังขึ้นมาทันที เพราะโลกยุคปัจจุบันเป็นโลกยุคแห่งการแข่งขัน ถ้าหากว่าเราเพียงแต่กำหนดให้เราต้องพัฒนาให้มีความก้าวหน้าเพียงวันละ 2 เปอร์เซ็นต์ เพียงแค่หนึ่งปีเราจะสามารถพัฒนาตนให้มีความก้าวหน้าไปอีกสักเท่าไร ศักยภาพของท่าน องค์กรท่าน หน่วยงานของท่านก็จะมีอัตราเจริญเติบโตขึ้นทันทีถึง สองเท่า ห้าเท่า สิบเท่า ยี่สิบเท่า ฯลฯ
...
  
สามก๊กกับกลยุทธ์การตลาด
สามก๊กกับกลยุทธ์การตลาด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ที่นั่งที่ดีที่สุดคือที่นั่งในหัวใจคน , รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง, อันธรรมดาการทำสงครามจะชนะอย่างเดียวไม่ได้ย่อมมีแพ้บ้างชนะบ้าง....คำคมสุภาษิตเหล่านี้ มีในหนังสือเรื่องสามก๊ก..
สามก๊ก เป็นวรรณกรรมจีนแต่อิงประวัติศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวกับการทำสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดน ซึ่งภายในวรรณกรรมเรื่องนี้ ได้ให้ความรู้ทางด้าน ตำราพิชัยสงครามภาคปฏิบัติ การบริหาร การเมือง การจัดการ จิตวิทยา ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้ นักการตลาดสามารถนำเอามาประยุกต์ใช้ได้ ดังต่อไปนี้
1.การคิดนวัตกรรมใหม่ๆ การทำสงครามในวรรณกรรมสามก๊ก เราจะเห็นได้ว่า ก๊กใด กลุ่มใด ที่สามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆได้มักจะได้เปรียบในการทำศึกสงคราม เช่น ขงเบ้งประดิษฐ์หรือคิดค้นโคยนต์ซึ่งมีกลไกต่างๆ เพื่อนำเอาไปใช้ขนเสบียง สามารถเดินทางได้ในที่ต่างๆได้อย่างสะดวก ทำให้ประหยัดกำลังและแรงงานของทหารในการขนเสบียง , เครื่องยิงหิน ของ เล่าหัว (กุนซือของโจโฉ) ได้ประดิษฐ์อาวุธนี้เพื่อพิชิตหอรบของอ้วนเสี้ยว ในสงคราม ยุทธการกัวต๋อ
เราจะเห็นได้ว่า ก๊กใด กลุ่มใด ที่มีการคิดค้น ประดิษฐ์ อาวุธหรือเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ในการทำสงครามย่อมได้เปรียบ ก๊กหรือกลุ่มอื่นๆ เพราะ นวัตกรรมใหม่ๆที่สร้างขึ้นมามักเป็นเครื่องทุ่นแรงในการทำงาน เช่นเดียวกัน หากว่านักการตลาดผู้ใดสามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาใช้ในการทำการตลาด นักการตลาดผู้นั้น มักจะได้เปรียบในการต่อสู้ทางการตลาด
2.ลับ ลวง พราง เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ใช้ในสามก๊ก ค่อนข้างมาก เช่น กลศึกปิดเมือง ขงเบ้งเจอสุมาอี้ปิดค่าย แต่ขงเบ้งเก่งกาจและมีปัญญาจึงใช้ กลยุทธ์ ลับ ลวง พราง เปิดประตูค่าย แล้วตนเองก็ตีขิมหรือพิณ อย่างสบายอารมณ์ สุมาอี้เป็นคนคิดมาก จึงไม่กล้าบุกเข้าไปในค่าย แล้วสั่งลูกน้องให้ถอยทัพ กลยุทธ์ ลับ ลวง พราง จึงนิยมใช้ในการทหาร การเมือง รวมทั้งการตลาด ตัวอย่างการปล่อยข่าวของบางบริษัท เพื่อทำการเบี่ยงเบนความสนใจหรือทำให้คู่แข่งเข้าใจผิด เป็นต้น
3.กลยุทธ์แบบ กองโจรหรือป่าล้อมเมือง คือกลยุทธ์ในการโจมตีคู่แข่งในจุดที่คู่แข่งไม่ให้ความสนใจ หรือป้องกัน หรือประมาท เช่น การทำการตลาดของสินค้า ในต่างจังหวัดก่อนที่จะเข้าไปทำการตลาดในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ๆ
4.กลยุทธ์ตีชิงตามไฟ เป็นกลยุทธ์ที่ศัตรูยังอยู่ในสถานการณ์ที่อ่อนแอ ย่ำแย่ เราควรรีบฉกฉวยโอกาสเข้าทำศึกเพื่อให้ได้รับชัยชนะ ตัวอย่างเช่น ตั๋งโต๊ะ ฉกฉวยโอกาสยึดเมืองหลวงและราชสำนักของพระเจ้าหองจูเหียบมาเป็นของตนเอง เช่นกันหากว่าคู่แข่งของเรากำลังอ่อนแอ เจอข่าวร้าย เจอมรสุมทางธุรกิจ นักการตลาดก็ควรใช้จังหวะในการขยายฐานการตลาดหรือทำการตลาดเพื่อช่วงชิงฐานลูกค้า
5.กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิน เป็นกลยุทธ์ที่โจมตีศัตรูในจุดที่ศัตรูคาดไม่ถึง เช่น ขงเบ้งหลอกล่อ เฮ็กเจียวให้เกิดความสับสน หลงกล ในการนำกำลังทหารเฝ้าระวังการบุกโจมตีด่านตันฉอง
6.กลยุทธ์ตีหญ้าให้งูตื่น เป็นกลยุทธ์ที่ หากมีสิ่งใดพึงสงสัย ผิดแผกจากเดิม ควรส่งคนไปสอดแนมให้มั่นใจเสียก่อน และหากศัตรูสงบนิ่งก็พึงสร้างสถานการณ์ให้ศัตรูเคลื่อนไหวเพื่อเกิดช่องโหว่ ดังตัวอย่าง ขงเบ้งต้องการดูชั้นเชิงกองกำลังทหารของโจโฉ เมื่อคราวเล่าปี่นำกำลังทหารไปตีฮันต๋ง จึงหลอกให้โจโฉเคลื่อนไหว กำลังพล
7.กลยุทธ์จับโจรเอาหัวโจก เป็นกลยุทธ์ที่ทำศึกสงคราม ต้องบุกโจมตีศัตรูในจุดยุทธศาสตร์ของกองทัพ เช่น ขงเบ้งทำสงครามกับวุยก๊ก จึงออกอุบายกำจัดสุมาอี้ เพราะขงเบ้งรู้ดีว่า หากขาดสุมาอี้แล้วกองทัพของวุยก๊ก ก็จะไม่มีความยิ่งใหญ่อีกต่อไป
8.กลยุทธ์กวนน้ำจับปลา เป็นกลยุทธ์ที่ฉกฉวยจังหวะที่ศัตรูเกิดความปั่นป่วยภายในกองทัพให้เป็นประโยชน์ เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์มาเป็นของตนเอง แล้วจึงนำกำลังบุกเข้าโจมตีเพื่อให้ได้ชัยชนะ เช่น อ้วนเสี้ยว หลอกกองทัพซุนจ้านในการนำกองกำลังทหารบุกร่วมเข้าโจมตียึดเอากิจิ๋วจากฮันฮก
8.กลยุทธ์ข่าวสาร เป็นกลยุทธ์เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลข่าวสาร ประกอบการตัดสินใจในการทำการตลาด ยิ่งในยุคปัจจุบันนี้ การสื่อสารเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ เพราะโลกยุคปัจจุบันเป็นโลกไร้พรมแดน เราสามารถสื่อสารไปยังลูกค้าได้ทั่วทั้งประเทศ ทั่วทั้งโลก ก็ด้วยระบบเครือข่ายต่างๆ

9.กลยุทธ์หลบหนี เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ย่อมแพ้ชั่วคราว หากว่ากองกำลังของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่ง เราก็ควรที่จะถอยไปตั้งหลักก่อน ไม่ควรปะทะ แต่ควรที่จะหลบเลี่ยงการปะทะหรือการเผชิญหน้า การถอยไม่ใช่เป็นสิ่งที่ผิด แต่เป็นธรรมดาของการทำสงคราม ไม่ควรคิดว่าตนเองเสียเกียรติหรือเสียหน้า
และยังมีอีกหลายกลยุทธ์ที่กระผมยังไม่ได้พูดถึง ท่านผู้อ่านสามารถไปหาอ่านได้ในหนังสือสามก๊ก หรือ ตำราพิชัยสงครามต่างๆได้ เพราะการทำสงคราม การทหาร การเมือง ไม่มีความแตกต่างกันมากนักกับการทำการตลาด และเราสามารถประยุกต์ใช้ กลยุทธ์ต่างๆเหล่านี้ได้กับการตลาด



...
  
ผิดเป็นครู
ผิดเป็นครู
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
“ ผิดเป็นครู ” เป็นคำพูดของคนโบราณที่ใช้ในการสอนคน คนเราทุกๆคน สามารถทำผิดพลาดกันได้ ฉะนั้นความผิดที่เกิดขึ้นหากใครสามารถนำมาใช้เป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์หรือสอนเตือนใจตนได้ ก็จะเป็นครูที่ดี
ในโลกนี้ไม่มีใครเลยที่ไม่เคยทำผิดพลาด คนที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลยคือคนที่นั่งอยู่เฉยๆ แต่เมื่อเราผิดพลาด เราจะยอมรับความผิดพลาดนั้นได้ไหม โง่ย่อมต้องมาก่อนฉลาด หลายๆคนคงเคยถูกหลอก จากคนที่ชอบโกง ชอบเอารัดเอาเปรียบ หากว่าเราเอาแต่โทษตัวเองหรือโกรธแค้น ความโกรธแค้นนั้นก็จะมาทำลายจิตใจของเรา
จงให้อภัยกับความผิดพลาด การให้อภัยกับความผิดพลาดก็คือการให้อภัยตัวเราเอง จะมีประโยชน์อะไร ที่มัวแต่ทำลายตนเอง ด้วยการคิดทบทวนซ้ำซากกับความผิดพลาดที่ได้เกิดขึ้น คนอื่นๆที่ทำให้เราเกิดความผิดพลาดเขาอาจลืมไปเรียบร้อยแล้ว ก็คงเหลือแต่เราที่ยังจำ จงให้อภัยตนเองและให้อภัยผู้อื่น
ปัญหามีไว้ให้แก้ไม่ได้มีไว้ให้แบก ทุกปัญหามีทางแก้แต่ถ้าหากปัญหาไหนยังไม่มีทางแก้ ก็ต้องปล่อยมันไป อย่าไปมีความทุกข์กับปัญหา จนก่อให้เกิดความไม่สบายใจ อย่ามัวเศร้าโศกกับปัญหา จงมองปัญหาเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้นอย่างเป็นปกติ จงใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาและไม่ควรทำปัญหาเล็กๆให้เป็นปัญหาใหญ่
จงกล้ากล่าวคำ “ขอโทษ” หากว่าท่านทำผิดกับผู้อื่น ในช่วงเวลาของคนเราอาจเคยกระทำผิดพลาดต่อผู้อื่นไม่ว่าเรื่องของการทำงาน การดำเนินชีวิต สิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งก็คือ เราควรกล่าวคำ “ ขอโทษ ” หากรู้ว่าตนทำผิด การขอโทษจะทำให้ผู้อื่นให้อภัยในความกล้าหาญของเรา อีกทั้งยังจะยินยอมช่วยเหลือและให้โอกาสเราอีกครั้ง
ความผิดพลาดล้มเหลวก่อให้เกิดการประสบความสำเร็จ คนที่ประสบความสำเร็จมักเคยทำสิ่งที่ผิดพลาดล้มเหลวมาด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครผู้ใดเลยที่ไม่เคยทำผิดพลาดล้มเหลว จงเปลี่ยนความคิด จงอย่าเสียใจมากเกินไปในสิ่งที่เราทำผิดพลาด แต่จงปลุกพลังภายในตัวเองให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ใหม่อีกครั้ง หากคิดลบชีวิตก็มักจะตกต่ำลง แต่หากคิดบวกชีวิตก็จะพัฒนาขึ้นเจริญเติบโตขึ้น
จงเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส หากว่าคุณเบื่องานแบบสุดๆแต่ต้องทนอยู่ แล้วในที่สุดคุณถูกให้ออกจากงาน จงกระโดดโลดเต้นดีใจที่เราจะได้มีโอกาสได้ทำงานที่เราชอบ , เมื่อถูกคนรักทิ้ง เราก็ต้องดีใจที่เราได้มีโอกาสเป็นอิสระและในอนาคตเราจะได้เจอคนที่ดีๆ เข้าใจเรา ฯลฯ
ดังนั้น สิ่งที่มีความสำคัญที่สุด สำหรับการแก้ไขความผิดพลาดล้มเหลว สิ่งนั้นก็คือตัวของคุณเอง คุณสามารถนำสิ่งที่ผิดพลาดมาเป็นประโยชน์ให้แก่ตัวเองได้ อีกทั้งเมื่อเจอความผิดพลาดล้มเหลว บางคนเสียใจ ซ้ำเติมตัวเอง จงเปลี่ยนแปลงทัศนคติเสียใหม่ ว่าคนเราย่อมต้องเกิดความผิดพลาดเป็นสิ่งธรรมดา
จงเอาความผิดพลาดของตนเอง มาเป็นครูและจงเอาความผิดพลาดของผู้อื่น มาเป็นครู แล้วท่านจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.