หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า
ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
แลอดีต.... เมื่อเหลียวหลังไปดูอดีตหลายๆคนมักเสียใจว่า สิ่งที่เราอยากทำหรือควรทำน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ทำไมเราถึงไม่ทำ เช่น การเรียน บางคนเสียใจว่า ทำไมตอนเด็กๆเราน่าจะตั้งใจเรียนกว่านี้ หากตั้งใจตอนนี้ชีวิตของเราคงเจริญก้าวหน้ามากกว่าปัจจุบัน
อยู่กับปัจจุบัน.... แต่เราก็ไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในอดีตได้อีกแล้ว เพราะสิ่งใดในชีวิตคนเราผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้อีก จงอยู่กับชีวิตในปัจจุบัน จงใช้ชีวิตอยู่กับวันนี้ อย่าได้เสียใจกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่จงนำประสบการณ์ทั้งดีและไม่ดีในอดีต นำมาเป็นบทเรียนต่อไป
ล้มได้ก็ลุกได้....คนเราทุกคนในโลกนี้ เกิดมาแล้วย่อมต้องพบกับปัญหาอุปสรรคต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาเงินทอง ปัญหาการทำงาน ปัญหาความรัก ปัญหาครอบครัว ฯลฯ บางคนยอมพ่ายแพ้ต่อปัญหา บางคนยอมรับกับความผิดหวัง ความล้มเหลว แต่คนที่ประสบความสำเร็จ เมื่อเขาพบกับความล้มเหลว เขาจะลุกขึ้นสู้อีกครับ
พ่ายแพ้ชั่วคราว... คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ เขามักมีความเข้าใจปรัชญาของคำว่า “ การพ่ายแพ้ชั่วคราว”
การพ่ายแพ้มักไม่สามารถทำให้เราจบสิ้น แต่ความล้มเลิกต่างหากที่ทำให้คนเราจบสิ้น จงกระโดดโลดเต้นดีใจแล้วร้องว่า “ความสำเร็จรอเราอยู่ข้างหน้า” แล้วเริ่มต้นต่อสู้ใหม่อีกครั้ง
จงกำหนดชีวิตของเราด้วยตัวตนของเราเอง....ไม่มีใครที่จะกำหนดชีวิตของเราหรือรู้จักตัวตนของเราได้ดีกว่าตัวเราเอง จงกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง อย่าให้ใครมาเป็นผู้กำหนด คนเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต ไม่ได้มีชีวิตให้คนอื่นใช้ ชีวิตจะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองเป็นสำคัญ
เดินต่อไป...... คนเราเปลี่ยนแปลงเรื่องราวที่ผ่านพ้นมาในอดีตไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ จงก้าวเดินต่อไป จงหาเป้าหมายของชีวิตตั้งแต่บัดนี้ จงจับจ้องที่เป้าหมาย ไม่ใช่จับจ้องที่อุปสรรค แล้วชีวิตของท่านก็จะก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและมีความสุข เพราะโลกทั้งโลกมักเปิดทางให้กับคนที่รู้ตัวว่าเขาจะเดินทางไปในทิศทางใด ขอให้ท่านจงเดินไปข้างหน้า ระยะทางหมื่นลี้ ย่อมเริ่มต้นจากก้าวแรกเสมอ
ถ้าไม่กล้า...ก็ไม่มีวันเดินหน้า.... คนเราเมื่อไม่กล้าที่จะทำอะไร ก็ไม่ควรหวังว่าจะได้อะไร จงกล้าที่จะไปตามหาความฝันของตนเองตามเส้นทางเดินของตนเอง ถึงแม้คนรอบข้างของเราจะคัดค้าน ต่อต้าน ไม่เห็นด้วย ไม่มีการสนับสนุน ก็ตาม จงก้าวเดินไปสู่ความฝันอย่างมั่นใจ จงเลือกอาชีพที่ตนเองชอบและตนเองถนัด แต่ถ้าหากท่านยังหาสิ่งที่ใช่อาชีพที่ใช่ยังไม่เจอ จงหามันต่อไป แล้วจงกล้าที่จะก้าวเดินต่อไป อย่าได้หวั่นไหวกับอุปสรรคต่างๆ
...
  
John F. Kennedy Moon Landing Speech - Rice Stadium 1962
40
...
  
นำเสนองาน
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ นำเสนอ ประเด็นเกี่ยวกับ " การยกระดับรถสาธารณะ " จ.ลำปาง ...
  
อ่านหนังสือได้เร็วชีวิตพัฒนาขึ้น
อ่านหนังสือได้เร็วชีวิตพัฒนาขึ้น
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
การอ่านมีความสำคัญและมีความจำเป็นในการพัฒนาตนเอง ถ้าอยากประสบความสำเร็จจงรักการอ่าน แต่ในยุคปัจจุบัน เป็นยุคแห่งการแข่งขัน การเร่งรีบ สังคมโลกเป็นสังคมแห่งข้อมูลข่าวสาร ความรู้ เรามีหนังสือ มีเอกสารต่างๆ มากมาย ใครที่อ่านหนังสือได้เร็วจึงได้เปรียบกว่าคนที่อ่านหนังสือได้ช้ากว่า
การอ่านหนังสือได้เร็วช่วยพัฒนาตัวเราได้หลายอย่างและมีประโยชน์ต่อตัวเรา เช่น
1.ช่วยประหยัดเวลา มีคนเป็นจำนวนมากที่ขาดทักษะการเรียนรู้ เทคนิคในการอ่านหนังสือเร็ว คนเหล่านี้มักจะเสียเวลาเป็นชั่วโมงหรือหลายๆชั่วโมงในการอ่านหนังสือพิมพ์เพียงแค่เล่มเดียว แต่ถ้าหากท่านมีทักษะและพัฒนาการอ่านของท่านให้เร็วกว่าปกติ ท่านสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ได้เป็นจำนวนที่มากขึ้นแต่ใช้เวลาอ่านในจำนวนที่เท่ากัน หรือ การอ่านหนังสือได้เร็วขึ้นจะทำให้ท่านมีเวลาที่เพิ่มขึ้นและสามารถนำเวลาเหล่านั้นไปอ่านหนังสือได้อีกเป็นจำนวนมาก
2 ช่วยพัฒนาสมอง การอ่านหนังสือได้เร็วจะทำให้มันสมองของเราได้รับการฝึกฝน ได้คิด ได้ออกกำลังแต่เป็นการออกกำลังสมอง การอ่านหนังสือได้เร็วจะทำให้คลื่นสมองของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3.ช่วยพัฒนาการพูด ความสามารถในการพูดมักเกิดจากความคิดที่ดี และการที่คนเราจะมีความคิดที่ดี เกิดจากหลายปัจจัย เช่น เรื่องของประสบการณ์ การรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ การอ่านหนังสือก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเราเกิดความคิดที่กว้างไกล ทันสมัย รอบรู้ การอ่านหนังสือได้เร็วจะทำให้เราได้รับข้อมูลข่าวสาร ความรู้ที่มากขึ้นกว่าคนที่อ่านหนังสือได้ช้า
4.ช่วยให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น นักบริหาร นักธุรกิจ นักเขียน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาการอ่านให้อ่านได้เร็วขึ้น หากท่านเป็นนักบริหาร นักธุรกิจ ในยุคปัจจุบัน ท่านจะต้องพบกับแฟ้มเอกสารต่างๆ ที่มีมากมาย หากท่านอ่านหนังสือได้ช้า ก็จะทำให้การทำงานของท่านช้าไปด้วย แต่ตรงกันข้ามหากท่านอ่านหนังสือได้เร็ว ท่านก็จะได้อ่านจดหมาย เอกสาร หนังสือต่างๆได้ไวขึ้น แล้วจะทำให้การทำงานของท่านรวดเร็ว ผู้ที่เป็นนักเขียนก็เช่นกัน การจะเขียนได้ต้องมีข้อมูล และข้อมูลส่วนใหญ่ก็จะมาจากการอ่านหนังสือ หากอ่านหนังสือได้เร็ว ท่านก็จะมีข้อมูลที่มากขึ้น
5.ช่วยให้สอบผ่านและได้คะแนนดี การอ่านหนังสือเร็วจะช่วยในการเรียนหนังสือได้เป็นอันมาก เนื่องจากการเรียนจะต้องเรียนหลากหลายวิชา อีกทั้งบางวิชา ครู อาจารย์ ยังต้องให้มีการอ่านหนังสือเสริมหรือหนังสือภายนอกเพื่อใช้ในการสอบอีกด้วย การอ่านหนังสือได้เร็วจะทำให้ท่านอ่านหนังสือได้ทันตามเวลาที่ ครู อาจารย์ กำหนด
6.ช่วยให้ได้รับความบันเทิง หลายท่านเมื่อได้เห็นหนังสือนิยาย หนังสือประวัติศาสตร์ หนังสือกำลังภายในจีน ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความหนาอีกทั้งมีจำนวนหน้าที่มีมาก หากอ่านช้าคงต้องเสียเวลาหลายวัน อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าหนังสือเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่หากท่านอ่านได้เร็ว ท่านสามารถได้รับความบันเทิงจากการอ่านหนังสือได้หลายเรื่องในช่วงระยะเวลาที่มีจำกัด
ทั้งหมดข้างต้น คือประโยชน์ของการอ่านหนังสือได้เร็ว แต่การอ่านหนังสือได้เร็ว กระผมไม่ได้หมายถึงการอ่านหนังสือแบบลวกๆ เมื่ออ่านเสร็จแล้วจำอะไรไม่ได้ แต่ตรงกันข้าม หากอ่านจบเราสามารถสรุปเนื้อหาและทราบเรื่องราวต่างๆ ได้เหมือนกับการอ่านปกติ เมื่อท่านอ่านหนังสือได้เร็วแล้วท่านลองทดสอบโดยการถามคำถามในเรื่องราวที่ท่านได้อ่านเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าท่านเข้าใจในสิ่งที่ท่านได้อ่านมากน้อยเพียงใด
ลองถกกับหนังสือที่ท่านอ่าน แล้วจะทำให้ท่านเกิดการพัฒนาการอ่านของท่านได้ดียิ่งขึ้น
...
  
เคล็ดลับการทำลายมนุษย์สัมพันธ์
เคล็ดลับในการทำลายมนุษย์สัมพันธ์
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน รวมทั้งเรื่องการบริหารงาน มักจะต้องเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เนื่องจากการทำงานในองค์กร ในหน่วยงาน คนเราจะต้องทำงานร่วมกันกับคนอื่นๆ การสร้างมนุษย์สัมพันธ์จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นในการทำงาน แต่สำหรับบทความฉบับนี้ กระผมขอพูดในหัวข้อเรื่อง “ เคล็ดลับในการทำลายมนุษย์สัมพันธ์ ” เนื่องจากเรื่อง “การสร้างมนุษย์สัมพันธ์” มีคนพูดและเขียนกันมากแล้ว สำหรับเคล็ดลับในการทำลายมนุษย์สัมพันธ์มีดังนี้
1.อย่าพูดคำว่า ขอบใจ ขอบคุณ ขอโทษ และคำชมต่างๆ ออกจากปากคุณเป็นอันขาด เมื่อมีใครมีน้ำใจให้ความช่วยเหลือ เราไม่ต้องใช้คำพูด ขอบใจ ขอบคุณ กับคนที่ให้ความช่วยเหลือกับเรา หรือ เมื่อเราทำผิดกับใคร เราไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวคำว่า ขอโทษ ใดๆ ออกจากปากเรา และที่สำคัญ คุณต้องไม่ชื่นชมหรือยกย่องใครๆ ถึงแม้คนนั้นจะเป็นคนที่เรารู้จักหรือสนิทก็ตาม
2.เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ต้องแคร์ความรู้สึกของผู้อื่น เราต้องคิดว่า ความคิดของเราถูกต้องเสมอ ความคิดของผู้อื่นผิดหมด อีกทั้งเราไม่ควรจะต้องฟังความคิดเห็นของใครๆ และถ้าใครมีความคิดเห็นแตกต่างจากเรา คนนั้น ต้องเป็นศัตรูของเราเสมอ อีกทั้งเมื่อเราจะทำอะไร เราต้องคำนึงถึงเรื่องผลประโยชน์ของตนเองก่อน ไม่ควรมีน้ำใจใดๆ กับใครทั้งสิ้น
3.พยายามจับผิดคนอื่นให้มากๆเข้าไว้ ถ้ามีใครสนทนากับเรา เราควรจับผิดแล้วรีบแย้งคู่สนทนาทันที แล้วรีบชี้แจ้งไปว่า เขามีความคิดที่ผิด พยายามบ่นหรือให้ข้อมูลแก่เจ้านายฟังถึงความผิดของเพื่อนร่วมงานทุกๆคน เมื่อพูดคุยกับใคร เราควรฟังให้น้อยที่สุด พยายามพูดให้มากเข้าไว้ และขัดจังหวะคู่สนทนาบ่อยๆ อีกทั้งควร กล่าวตำหนิติเตียน ผู้อื่นเป็นประจำ
4.ไม่ต้องเก็บอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น ควรพูดหรือทำตามอารมณ์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความโกรธ ความโลภ ความไม่ชอบใจ ความไม่พอใจ จงทำให้ตนเองสบายใจที่สุด คนอื่นๆจะเป็นอย่างไรก็ช่างหัวมัน ไม่ต้องไปเกรงใจใคร ไม่ต้องไปกลัวใคร ไม่ต้องไปปรับตัวให้เข้ากับใครหรือสิ่งแวดล้อมใดๆ ทั้งสิ้น
5.ควรพูดคำที่ไม่สุภาพ คำหยาบคาย ให้มากเข้าไว้ ไม่มีความจำเป็นต้องสุภาพอ่อนโยน ควรโอ้อวดตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้คนอื่นๆได้ชื่นชมว่าตนเองเก่งกว่าใครๆ ไม่ควรยิ้ม ควรวางตัวให้คนอื่นเกรงกลัว ไม่ควรจดจำชื่อคนอื่น ไม่ควรทักทายคนอื่นก่อน เขาต่างหากที่สมควรจดจำชื่อของเรา และคนอื่นต้องทักทายเราก่อนเสมอ
หากใครสามารถทำได้ตามคำแนะนำข้างต้น กระผมเชื่อแน่ว่า ท่านเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการทำลาย มนุษย์สัมพันธ์ จงกระทำแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ
...
  
ศิลปะการเขียน
ศิลปะการเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ใครๆก็สามารถเป็นนักเขียนได้ ถ้าหากบุคคลนั้นมีความตั้งใจและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า สำหรับตัวกระผมเองก็เช่นกัน ได้เริ่มต้นงานเขียน จากการเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเมื่อประมาณ สิบกว่าปีก่อน โดยเขียนทุกๆสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 หน้า A4 ในช่วงเริ่มต้นเขียนนั้น รู้สึกว่ายากมาก แต่เมื่อเขียนบ่อยขึ้น ก็สามารถเขียนได้มากขึ้น และเร็วขึ้น
น้ำที่ละหยดสะสมเป็นแม่น้ำ แม่น้ำที่ละเส้นสะสมเป็น ทะเล หลายท่านที่รู้จักกระผม มักถามกระผมว่า ผมออกหนังสือพกเก็ตบุ๊คขาย ต้องใช้เวลาสำหรับการเขียน 1 เล่ม ประมาณกี่วัน กี่เดือน กระผมขอบอกว่า โดยปกติกระผมได้มีโอกาสเขียนบทความลงตามสื่อต่างๆ เป็นประจำ เช่น หนังสือพิมพ์ , ลงในอินเตอร์ , ตามวารสาร ฯลฯ ฉะนั้นสำหรับตัวกระผมคงไม่ยากและใช้เวลาไม่นานเนื่องจากกระผมสามารถนำนำบทความเหล่านั้นมารวบรวมเล่ม จัดเป็นหมวดหมู่ ขายได้
จะเริ่มต้นอาชีพนี้อย่างไรดี คำตอบก็คือ เริ่มต้นที่ตัวท่าน ลองคิดดู ทบทวนตัวเองดู ว่าท่านมีความรู้ ประสบการณ์ด้านใดบ้าง ที่ท่านต้องการให้ผู้อ่านได้รู้ จงสื่อมันออกมาโดยผ่านตัวอักษร จงเริ่มต้นที่จะเขียนวันละเล็กวันละน้อย จนในที่สุดท่านก็จะมีผลงานการเขียนเป็นเล่มเป็นของตัวเองได้
สารพันปัญหาในการเขียนหนังสือ หลายท่านเมื่อรู้แล้วว่าจะเขียนอะไร แต่เกิดปัญหาหลายๆอย่าง เช่น ไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนอย่างไร ขาดความมั่นใจ อ้างว่าไม่มีเวลา ขาดสมาธิ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นข้ออ้างทั้งสิ้น หากท่านมีความตั้งใจและปรารถนาอย่างแรงกล้า ท่านจะไม่มีข้ออ้างเหล่านี้ แต่ท่านจะเขียนหนังสือไปด้วยความสนุกสนาน จงเริ่มเขียน เขียนและเขียน แล้วท่านจะเห็นการพัฒนา การเปลี่ยนแปลง ในงานเขียนของท่าน
จะเขียนอย่างไรให้ติด Bestseller การที่จะขายหนังสือจนติด Bestseller นั้นมีองค์ประกอบอยู่หลายๆอย่าง ถึงแม้งานเขียนของท่านจะดีเยี่ยม แต่ขาดองค์ประกอบอื่นๆ ท่านก็ไปไม่ถึงดวงดาวได้ เช่น การออกแบบปก , การตลาดต้องดีเยี่ยม,มีการส่งเสริมการขาย , ราคาไม่แพงมากนัก , มีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์...ต้องโดน เป็นต้น
อยากเขียนเก่ง....ต้องอ่านเก่ง.....ผลของการอ่านคือการเขียน คนที่เขียนหนังสือเก่ง มักจะต้องมีข้อมูลมากๆ ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่ได้มาจากหลายแหล่ง เช่น การฟัง การอบรม การสัมมนา การสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ แต่สิ่งที่เป็นต้นทุนและเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญที่สุดของนักเขียน ก็คือ การอ่านหนังสือ เพราะการอ่านมากจะทำให้รู้ว่า งานเขียนของใครดี งานเขียนของใครไม่ดี การอ่านมากจะทำให้ผู้เขียนได้สำนวน ภาษา ใหม่ๆ ซึ่งทำให้งานเขียนพัฒนาขึ้น
งานเขียนที่ดีต้องมีทิศทาง งานเขียนทุกประเภทต้องมีเอกลักษณ์ ต้องมีทิศทางในการเขียน ไม่ใช่เขียนวกไปวนมา จนผู้อ่านเกิดอาการงง สับสน ไปหมด จงกำหนดโครงสร้าง ทิศทาง ประเด็นต่างๆให้มีความสอดคล้องไปในเรื่องเดียวกัน ตลอดรวมไปถึง ชื่อเรื่อง การออกแบบปกหนังสือ เนื้อใน ภาพรวมทั้งหมดควรไปในทิศทางเดียวกัน
สาเหตุของความล้มเหลวในการเขียน หลายท่านที่เขียนหนังสือแล้วไม่ประสบความสำเร็จ อาจมาจากปัจจัยต่างๆดังนี้ เช่น ท่านเขียนในสิ่งที่ท่านไม่รู้ ไม่ถนัด ไม่ชำนาญ , ท่านไม่มีพื้นฐานที่ดี มีข้อมูลไม่มาก กล่าวคือ ท่านเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ , งานเขียนไม่มีเสน่ห์ให้ผู้อ่านชวนอ่าน , งานเขียนของท่านเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดมากมายเช่น สะกดคำผิด ใช้ภาษา สำนวนที่ไม่ถูกต้อง เป็นต้น
การจัดตารางชีวิตเพื่องานเขียน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ มีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก การเป็นนักเขียนที่ดี มีผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอ จะต้องเป็นคนที่มีวินัย ดังนั้น การบริหารเวลาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ นักเขียนจะต้องสร้างความสมดุลในการทำงาน เช่น แบ่งเวลาให้แก่งาน , แบ่งเวลาให้แก่ครอบครัว , แบ่งเวลาให้แก่สังคม , แบ่งเวลาให้แก่การออกกำลังกาย , ตลอดจนการควบคุมอารมณ์ในการทำงานเขียน ฯลฯ
ดั้งนั้น ศิลปะการเขียน จึงเป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคล ท่านมีความจำเป็นต้อง หาแนวทาง หาวิธีการ ฝึกฝน เรียนรู้ เกี่ยวกับการเขียนด้วยตัวของท่านเอง ทั้งนี้ ปัจจัยต่างๆ ของนักเขียนแต่ละท่านไม่เหมือนกัน เราจะลอกเลียนแบบหรือนำนักเขียนท่านอื่นเป็นแบบอย่างทั้งหมดไม่ได้ เพราะ คนเรามีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสบการณ์ ความรู้ อายุ ตลอดจนนิสัยใจคอ จงค้นหาแนวทางการเขียนของท่านเอง แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ

...
  
คุุณธรรมและจริยธรรม สำหรับนักการเมืองท้องถิ่น
คุุณธรรมและจริยธรรม สำหรับนักการเมืองท้องถิ่น " แก่ชมรมท้องถิ่นไทย (อำเภองาว) ณ โรงเรียนประชารัฐธรรมคุณ อำเภองาว จังหวัดลำปาง จ้า ...
  
จงกระตุ้นตัวเองเพื่อการกระตุ้นผู้อื่น
จงกระตุ้นตัวเองเพื่อการกระตุ้นผู้อื่น
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
การจะเป็นผู้นำผู้อื่นและทำให้ผู้อื่น เกิดความศรัทธา เชื่อถือ ปฏิบัติตาม ผู้นำคนนั้นจะต้องมีคุณสมบัติบางอย่างที่ทำให้ผู้อื่นคล้อยตามได้ ซึ่งคุณสมบัติต่างๆที่ผู้นำมีเพื่อเป็นการกระตุ้นตัวเอง เมื่อผู้นำกระตุ้นตนเองแล้วก็จะส่งผลเพื่อเป็นการกระตุ้นผู้อื่นหรือผู้ตามไปในตัว สิ่งที่ผู้นำควรกระตุ้นตนเองมีดังนี้
1.การตัดสินแน่วแน่ว่าตนต้องการอะไร มีเป้าหมายอะไร แล้วสามารถอธิบายให้ผู้ตามล่วงรู้ได้ ก็จะทำให้ผู้ตามเกิดความศรัทธา เกิดแรงกระตุ้น อยากที่จะช่วยเหลือ สนับสนุนให้ผู้นำไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ การสร้างเป้าหมายแล้วตัดสินใจแน่วแน่และมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดใจให้ทั้งผู้นำและผู้ตาม มีทิศทางเดียวกัน เช่น ผู้นำตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะขยายกิจการและมีเป้าหมายในการทำธุรกิจให้ได้ 100 ล้านบาท ภายในปีหน้า เป็นต้น
2.ความเชื่อมั่นในตนเอง ของผู้นำจะทำให้ผู้ตามเกิดความเชื่อมั่นในตนเองได้ แต่ถ้าหากผู้นำเกิดลังเล จับจด เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ก็จะทำให้ผู้ตามเกิดความสับสนและมองภาพลักษณ์ว่าผู้นำไม่มีความเด็ดขาด ผู้นำอ่อนแอ ไม่กล้าหาญ หากผู้นำสามารถกระตุ้นตนเองให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง ว่าตนสามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน แรงกระตุ้นนั้นก็ส่งผลไปยังผู้ตามกล่าวคือทำให้ผู้ตามเกิดความเชื่อมั่นในตนเองว่าเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถทำให้ทีมงานไปถึงเป้าหมายได้เช่นกัน
3.เป็นนักสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ตนเองและผู้อื่น การมีมนุษย์สัมพันธ์ของผู้นำมีความสำคัญก็จริงอยู่ แต่การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีก็ไม่สามารถสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ การที่ผู้นำจะสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่นั้น ผู้นำจะต้องสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่นให้ได้เสียก่อน เขาจึงจะถือได้ว่าเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพสูง จงสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นแก่ตนเองเพื่อไปกระตุ้นแรงบันดาลของผู้ตาม
4.จงกล้าที่จะเสี่ยง ผู้นำที่ไม่กล้าตัดสินใจ ผู้นำที่คอยระมัดระวังตัวและผู้นำที่ระแวงลูกน้องตลอดเวลา มักทำให้ลูกน้องไม่กล้าที่จะริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นในงาน ตรงกันข้ามกับผู้นำที่กล้าที่จะเสี่ยง ย่อมกระตุ้นให้ทีมงานเกิดความกล้าทดลองสิ่งแปลกๆใหม่ๆและเกิดนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นภายในบริษัทหรือองค์กร ดังนั้นผู้นำจึงควรกล้าที่จะเสี่ยงเพราะการกล้าเสี่ยงของผู้นำจะเป็นการกระตุ้นให้ลูกน้องมีความกล้าหาญในการทำงานมากยิ่งขึ้น
5.จงสนุกกับชีวิต พวกเราลองคิดดูว่าคุณต้องการผู้นำในลักษณะใด เช่น ผู้นำที่มีลักษณะเป็นคนขี้บ่น เป็นคนอมทุกข์ เป็นคนหดหู่ หรือ ผู้นำที่มีลักษณะ ร่าเริง แจ่มใส มีความสนุกตื่นเต้น กระตือรือร้นในการทำงาน ดังนั้น หากผู้นำแสดงให้ผู้ตามเห็นว่า ตนมีความสนุกกับการทำงานและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นราวกับถูกไฟเผา ผู้ตามก็จะรู้สึกถึงอารมณ์ การแสดงออกต่างๆของผู้นำได้
ดังนั้น การแสดงออก อารมณ์ ความรู้สึก สิ่งต่างๆที่ผู้นำกระทำจึงเป็นสิ่งที่มีผลกระทบไปยังความรู้สึก นึกคิด อารมณ์ต่างๆของผู้ตามอีกด้วย ดังนั้นผู้นำที่ดี ที่มีประสิทธิภาพ ต้องเป็นผู้นำที่สามารถกระตุ้นตนเองได้ เมื่อผู้นำสามารถกระตุ้นตนเองผู้นำคนนั้นก็จะสามารถกระตุ้นผู้อื่นได้ จงกระตุ้นตนเองเพื่อการกระตุ้นผู้อื่น
...
  
การเตรียมตัวสมัครงานเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน(AC)
การเตรียมตัวสมัครงานเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน(AC)
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
วันอังคารที่ 20 มีนาคม 2555 กระผมได้มีโอกาสพูดและบรรยายในหัวข้อ “ การเตรียมตัวสมัครงานเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน(AC) ณ โรงแรมชัยนาทธานี จังหวัดชัยนาท จัดโดย สำนักจัดหางานจังหวัดชัยนาท
สำหรับประเด็นที่กระผมได้นำเสนอในการพูดการบรรยายในวันนั้นมีประเด็นที่นำเสนอคือ ประชาคมอาเซียนคืออะไร , ประชาคมอาเซียนมีความสำคัญอย่างไรกับประเทศไทย และการเตรียมตัวสมัครงานเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน(AC)
ประชาคมอาเซียน คือ Association of South East Asian Nations (สมาคมประชาชาติแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ) เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2510 ซึ่งประกอบด้วย 10 ประเทศ คือ ไทย มาเลย์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา บรูไน และ สิงคโปร์ ซึ่งมีประชากรรวมทั้งสิ้นประมาณ 580 ล้านคน มี GDP 1.8 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ เป็นลำดับที่ 9 ของโลก
ประชาคมอาเซียนมีความสำคัญอย่างไรกับประเทศไทย ในวันที่ 1 มกราคม 2558 จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศไทย โดยทุกประเทศในประชาคมอาเซียน จะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงในด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม และยอมรับในความแตกต่างในการอยู่ร่วมกัน เช่น
- ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงยอมรับร่วมกันในคุณสมบัตินักวิชาชีพอาเซียน อันประกอบด้วย วิศวกรรม , การพยาบาล , สถาปัตยกรรม , การสำรวจ , แพทย์ ,ทันตแพทย์ และบัญชี ซึ่งหากใครได้เรียนหรือมีวิชาชีพดังกล่าวมักมีความได้เปรียบวิชาชีพอื่นๆ เพราะท่านสามารถทำงานได้ในประชาคมอาเซียน ทำให้ตลาดของท่านกว้างขึ้น ลูกค้าของท่านมีมากขึ้น
- ภาษากลางของอาเซียนหรือภาษาอาเซียน คือ English
- วัฒนธรรมที่แตกต่างแต่ต้องอยู่ร่วมกันได้ ประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เช่น ประเทศไทย , พม่า , ลาว ,กัมพูชา (วัฒนธรรมพุทธ) , ประเทศ มาเลเซีย ,อินโดนีเซียและบรูไน(วัฒนธรรมอิสลาม) , ประเทศฟิลิปปินส์ (วัฒนธรรมคริสต์) และประเทศเวียดนาม,สิงคโปร์(วัฒนธรรมขงจื้อ)
สำหรับผลกระทบที่ประเทศไทยเราจะต้องได้รับผลกระทบ เช่น ด้านแรงงาน มีสมองไหลไปทำงานในต่างประเทศ , มีการไหลบ่า หมุนเวียนกัน ของแรงงานในกลุ่มอาเซียน(ไม่มีพรมแดนมาขวางกั้นอีกต่อไป)
การเตรียมตัวสมัครงานเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน(AC) สิ่งที่ประเทศไทย รวมทั้งแรงงานในประเทศไทย จะต้องเตรียมตัวและเตรียมความพร้อม คือ
- ประชาชนในประเทศไทย ควรเรียนรู้เรื่อง อาเซียนให้เข้าใจมากขึ้น อีกทั้งต้องฝึกฝนภาษาอาเซียนหรือภาษาอังกฤษและภาษาประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เพื่อเป็นกุญแจสำคัญในการค้าขายและทำงานได้ในประเทศในกลุ่มอาเซียน (ด้านความคิดเห็นส่วนตัวของกระผมคิดว่า แรงงานในประเทศไทย ยังมีจุดอ่อนเรื่อง การใช้ภาษาอาเซียนหรือภาษาอังกฤษ เป็นจำนวนมาก )
- การเรียนรู้ เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ ยกระดับ การศึกษา และพัฒนาฝึกมือแรงงานให้มากยิ่งขึ้น โลกในอนาคต เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ มีความสำคัญมาก อีกหน่อย พวกเราคงได้เรียนในระบบ E-Learning มากขึ้น เช่น มีการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยไซเบอร์หรือ มหาวิทยาลัย ออนไลน์ หรือ มหาวิทยาลัยลอยฟ้า และการฝึกอบรมออนไลน์ หรือ โรงเรียนออนไลน์ เป็นต้น
สำหรับในอนาคตของประเทศไทยเรา จะมีการเข้ามาเปิดกิจการต่างๆ ของต่างชาติมากขึ้น เช่น การเปิดร้านอาหาร,การเปิดร้านสปา , การเปิดสถาบันการศึกษา (โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย) , การเปิดคลินิกรักษาโรค รวมทั้งมีการแข่งขันกันซื้อขายสินค้าด้านการเกษตรทุกชนิด เป็นต้น
ดังนั้น ภาครัฐบาล ภาคเอกชนและภาคประชาชน ของไทย จึงควรให้การสนับสนุน ส่งเสริม การเรียนรู้ การพัฒนาบุคลากรของไทย ให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2555




...
  
ประโยชน์ของการเขียนมีมากกว่าที่คุณคิด
ประโยชน์ของการเขียนมีมากกว่าที่คุณคิด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เมื่อพูดถึงเรื่องประโยชน์ของการเขียนหลายๆ ท่าน คงคิดว่าประโยชน์ของการเขียน สามารถเป็นอาชีพได้ ทำรายได้ได้ ทำให้มีชื่อเสียง แต่แท้ที่จริงแล้ว ประโยชน์ของการเขียนนั้นมีมากมาย
การเขียนสามารถเปลี่ยนชีวิตของคุณได้ เพราะการเขียน เป็นกระบวนการเปลี่ยนความคิด ประสบการณ์ของผู้เขียนให้เป็นตัวอักษรเพื่อนำมาถ่ายทอดให้แก่ผู้อ่าน ฉะนั้นคนที่เขียนหนังสือทุกๆวัน อย่างสม่ำเสมอจะทำให้รู้จักตัวตนของตนเอง ว่าตนเองต้องการอะไรในชีวิต เมื่อค้นหาตัวตนเจอก็จะทำให้ผู้เขียนเกิดความสุขใจ สงบใจ และยิ่งเขียนมากขึ้นผู้เขียนก็จะพบปัญญาที่มีอยู่ในตัวของผู้เขียนเอง
การเขียนช่วยให้ท่านไม่ลืม ความจำมีประโยชน์ก็จริงอยู่ แต่มนุษย์ไม่สามารถจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิตของตนเองได้ การเขียนจะช่วยให้มนุษย์เราเกิดความจำขึ้น การเขียนจึงมีความสำคัญต่อความจำ เพราะหากไม่ได้เขียนหรือบันทึกไว้ มนุษย์เราก็มักจะลืมสิ่งต่างๆ ไป
การเขียนมีประสิทธิภาพมากกว่าการพูดในบางสถานการณ์ พวกเราตอนเด็กๆ หรือตอนอบรม คงมักเคยได้เล่นเกมส์การสื่อสาร ซึ่งผู้กำหนดเกมส์ มักแบ่งผู้เล่นออกมามากกว่า 2 กลุ่ม แล้วให้แข่งขันกัน โดยให้ผู้เล่นคนที่หนึ่งอ่านข้อความซึ่งเป็นประโยคที่เมื่ออ่านแล้วผู้อ่านเกิดความสับสน เป็นประโยคที่มักจะเล่นคำ แล้วให้ผู้เล่นคนที่หนึ่งกระซิบคนต่อๆไป จนถึงคนสุดท้าย ผลออกมาคือ ประโยคที่ให้อ่านเกิดความผิดพลาดไม่เหมือนเดิม แต่ในทางกลับกัน หากว่า ผู้กำหนดเกมส์ให้ผู้เล่นทุกคนได้อ่านข้อความประโยคนั้น โดยส่งจากคนที่หนึ่ง สอง สาม สี่ ไปจนถึงคนสุดท้ายให้อ่านข้อความประโยคนั้น ความผิดพลาดจะน้อยลง
การเขียนทำให้เกิดความอิสระขึ้นในการใช้ชีวิต หลายอาชีพมักจะต้องมี กฎ ระเบียบ ข้อจำกัดทางด้านเวลา แต่อาชีพนักเขียน จะทำให้เราไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับสิ่งเหล่านี้ เช่น ไม่ต้องแต่งตัวให้ยุ่งยาก ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืด นุ่งผ้าขาวม้า คุณก็สามารถประกอบอาชีพนี้ได้ อีกทั้งไม่มีเงื่อนเวลา คุณจะทำงานเขียนกี่โมงก็ได้ แล้วแต่นักเขียนแต่ละคนจะเป็นผู้กำหนดเวลาดังกล่าว
การเขียนทำให้ประเทศเกิดการพัฒนา ก้าวหน้าขึ้น การเขียนจะช่วยให้ประชาชนในประเทศนั้นๆ มีนิสัยในการรักการอ่าน รักการเรียนรู้ มากขึ้น เมื่อประชาชนรักการอ่าน ก็จะทำให้เกิดความคิด ปัญญา มันสมอง ที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศให้รุ่งเรืองยิ่งขึ้นสืบไป
การเขียนช่วยในการจัดการองค์ความรู้ สังคมไทยเป็นสังคมที่ชอบพูด ชอบฟัง มากกว่าการชอบอ่าน ชอบเขียน แต่แท้ที่จริงแล้วประเทศที่เขาพัฒนาอย่างสหรัฐอเมริกา สังคมเขาจะมีนักคิด นักเขียน อยู่มาก กระผมเองได้มีโอกาสไปทำงานวิจัย และต้องสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ หาเอกสารต่างๆ แต่ปรากฏว่า บุคคลที่ต้องสัมภาษณ์ได้เสียชีวิตไปแล้ว อีกทั้งเมื่อขอข้อมูลเอกสารต่างๆ จากญาตผู้ตาย ก็ไม่มีให้ ดังนั้น หากสังคมไทยในอดีต มีการเขียน มีการจดบันทึก มีการจัดการองค์ความรู้ ก็จะทำให้ผมมีเอกสารไปทำงานวิจัย ไปวิเคราะห์ สังเคราะห์ได้ดียิ่งขึ้น แต่ประเทศอเมริกา เขามีคนเขียนมากทำให้มีการต่อยอดองค์ความรู้ นักวิจัยของเขาสามารถไปหาอ่านงานเขียนของผู้ที่จะต้องสัมภาษณ์ นำมาเป็นข้อมูลได้ ถึงแม้บุคคลนั้นจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม
ดังนั้น การเขียนมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด ในอดีตมีคนบอกว่า นักเขียนไส้แห้ง แต่ปัจจุบันความคิดนี้อาจต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะ การเป็นนักเขียนที่ดี ที่เก่ง อาจสร้างตัวได้ถึงขั้นเป็น “ มหาเศรษฐี” ไปเลยก็มีให้เห็นแล้ว เช่น เจ.เค.โรว์ลิ่ง นักเขียนเจ้าของผลงาน “ แฮร์รี่ พอตเตอร์” หรือ คุณสมคิด ลวางกูร นักเขียนชาวไทยที่ร่ำรวยเงินทอง มีบ้าน มีรถ มีเงินมากมาย ก็จากงานด้านการเขียนหนังสือ จนคุณสมคิด ลวางกูร ต้องจัดอบรมในหัวข้อ “ สร้าง 100 ล้านจากการเขียนหนังสือ”
ถ้าไม่ได้เป็นนักอ่าน ไม่ควรคิดเป็นนักเขียน และหากเป็นนักเขียน ก็ควรเขียนเพื่อพัฒนาสังคม

...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.