หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
Digital Marketing for SME
Digital Marketing for SME
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ธุรกิจ SME (Small and Medium Enterprises) หรือ ผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง ในการประกอบธุรกิจ ธุรกิจ SME อาจเสียเปรียบธุรกิจขนาดใหญ่ ในเรื่องของเงินทุน ในเรื่องของบุคลากร ในเรื่องของเครื่องจักรอุปกรณ์ แต่หากว่าเรามองลงไปให้ลึกซึ้ง เราจะเห็นได้ว่า ธุรกิจ SME จะมีความได้เปรียบธุรกิจขนาดใหญ่ อยู่หลายเรื่องด้วยกัน เช่น เรื่องความคล่องตัว การคิดสร้างสรรค์ การบริหารที่รวดเร็วกว่าในเชิงนโยบาย เปรียบเทียบดังเช่น ธุรกิจขนาดใหญ่เป็นปลาตัวใหญ่ ธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็กเป็นปลาตัวเล็ก ปลาตัวใหญ่อาจจะมีโอกาสกินปลาตัวเล็กก็จริง แต่ปลาตัวใหญ่ จะเคลื่อนไหวได้ช้ามาก หรือ เปรียบเทียบธุรกิจขนาดใหญ่เป็นเรือลำใหญ่ ธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็ก เปรียบดังเรือลำเล็ก เรือลำเล็ก อาจแล่นไปช้ากว่า แต่ เวลาจะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา เรือลำเล็กจะเลี้ยวได้เร็วกว่าเรือลำใหญ่
โลกในยุคปัจจุบัน เราต้องยอมรับกันว่าเป็นยุคของเทคโนโลยี โลกของยุค Digital หากว่าเราได้มองดูไปรอบๆตัว เราจะเห็นผู้คน ได้อ่าน ได้เล่น ได้ดู ข่าวสาร ข้อมูล ผ่านทาง Social Media ซึ่งส่วนใหญ่จะดูผ่านทางช่องทาง Mobile ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงาน
คนในยุคปัจจุบัน หากไม่ยอมเรียนรู้ เทคโนโลยีหรือDigital ก็จะล้าหลัง การทำธุรกิจ ในยุคปัจจุบันก็เช่นกัน ไม่ว่าจะผลิตสินค้าหรือบริการ หากว่า บริษัท ไม่ได้ทำการตลาดผ่านเทคโนโลยีหรือDigital ก็จะเกิดการเสียเปรียบคู่แข่งขัน
แล้วการทำการตลาด Digital Marketing คือ อะไร Digital Marketing คือ การทำธุรกิจ การขายสินค้า การทำการตลาดเชิงสร้างสรรค์ผ่านช่องทางในโลก Internet และ Technology โดยใช้ Social Network เป็นเครื่องมือทางการตลาด
Digital Marketing Trend – แนวโน้มและภาพรวมในตลาดดิจิทัล มีงานสำรวจของ Morgan Stanley Research ในปี 2010 มีผู้ใช้สื่อ Social Network ผ่าน WebSite ต่างๆมีจำนวนเกือบ 900 ล้านล้านคนและมีอัตราการเพิ่มขึ้นเกือบ 40%ต่อปี เลยทีเดียว

Digital Marketing Planning – การทำการตลาดที่ดีต้องมีการวางแผน การทำการตลาดดิจิทัลก็เช่นเดียวกัน เราจะต้องวางแผนก่อนเป็นอันดับแรกๆ ว่าเราจะใช้เครื่องมืออะไร ในช่วงไหน งบประมาณต้องใช้เท่าไร หรือจะใช้สื่ออะไรผสมผสานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำการตลาดมากขึ้น
Create Online Presence – การทำการตลาดที่ดี เราต้องมีการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของตนเอง เราจำเป็นจะต้องสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ ด้วย Web, blog, Apps, และ Social Media Page การสร้างตัวตนของตัวเองจะทำให้ ลูกค้าหรือผู้พบเห็นทราบว่า เรากำลัง ขายอะไร เรากำลังทำธุรกิจอะไร ซึ่งคนที่สร้างสรรค์คำ สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ทั้งภาพ ทั้งเสียง เพื่อนำมาเสนอ จะเป็นที่น่าสนใจของผู้ชมหรือผู้เข้าไปเยี่ยมชม
Search Marketing – การทำการตลาดให้ติดอันดับ เราจำเป็นจะต้องทำเว็บไซต์หรือเครื่องมือของเราให้ติดอันดับที่ดีๆ บน Search Engine(โปรแกรมค้นหา) เช่น Google , Yahoo , MSN
Social Media Marketing – เครื่องมืออีกชิ้นหนึ่งที่มีความนิยมกันเพื่อจะโปรโมทธุรกิจผ่าน Social Media เครื่องมือต่างๆ ที่นิยม เช่น Facebook, Youtube, Line , twitter และ Instagram ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จต้องมีหรือต้องทำ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับชมหรือติดตาม เพราะถ้าเลือกใช้ช่องทางผิด ก็จะทำให้เราเสียเวลาและค่าใช้จ่ายไปโดยใช่เหตุ ตัวอย่าง twitter ผู้ที่ใช้ twitter มักเป็นกลุ่ม นักข่าว นักการเมือง ซึ่งผู้ใช้ สามารถส่งข้อความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษรต่อครั้ง ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
Email Marketing – การขายผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นสิ่งทำกันอย่างแพร่หลาย เพราะราคาถูก รวดเร็ว สะดวก ทำได้ง่าย ประหยัด
Location-Based Marketing – ที่อยู่หรือที่ตั้งธุรกิจบนโลกออนไลน์มีความสำคัญเพราะจะทำให้ลูกค้าทราบว่าสถานที่ของธุรกิจในโลกออนไลน์ของเราอยู่ที่ไหน
Digital Advertising – การที่จะทำให้ Web, blog, Apps, และ Social Media Page คนเข้ามาชมมากมาดูมาก เราอาจมีความจำเป็นที่จะต้องทำการโฆษณา ในยุคนี้มีบริษัทที่เขาช่วยให้ Web, blog, Apps, และ Social Media Page ติดอันดับ 1 มีมากมายเพียงแต่เราต้องเสียเงินจ่ายค่าบริการ
Digital Marketing Performance Monitoring – การบริหารจัดการการตลาด Digital Marketing จำเป็นต้องมี การตรวจสอบ มีการควบคุม มีการวัดผลความสำเร็จ ซึ่งจำเป็นจะต้องเรียนรู้ Google Analytics, Facebook Insight เป็นต้น
แนวโน้มการใช้ Digital Marketing ที่สำคัญคือ So Lo Mo
So = Social ในปัจจุบันนิยมใช้ Facebook จะเป็นตัวสร้างชุมชน ส่วน เว๊ปไซค์จะเป็นตัวให้รายละเอียดของสินค้า บริการ ผลิตภัณฑ์
Lo = Local มีการปักหมุดในแผนที่ เพื่อให้ลูกค้า รู้จักสถานที่ หรือบริษัทของเรา
Mo = Mobile การใช้มือถือในการทำการตลาดเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะในมือถือในปัจจุบันสามารถทำอะไรได้มากมาย อีกทั้งยังมีราคาถูก
ตัวอย่าง Facebook ร้านพี่อ้อ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง(เพชรบุรีซอย 5) ใช้ social คือ Facebook เป็นชุมชน มีการปักหมุนคือ เพชรบุรีซอย 5 ตอนนี้มีคนกดถูกใจเกือบ 300,000 คน
ทูนหัวของบ่าว เป็น Facebook ของคนรักแมว มีคนกดถูกใจเกือบ 2,200,000 คน
ดังนั้น ธุรกิจ SME มีความจำเป็นที่จะต้องมีการทำการตลาดในโลกออนไลน์ เนื่องจากการทำการตลาด Digital Marketing มีราคาถูก ประหยัด สามารถสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ๆได้ง่ายกว่า อีกทั้งการทำการตลาด Digital Marketing ยังมีแนวโน้มที่ดีและคนรุ่นใหม่เข้าไปใช้กันมากในโลกอนาคตและโลกในยุคปัจจุบัน จึงทำให้มีลูกค้าเพิ่มจำนวนมากขึ้นในทุกๆปี
...
  
ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ
ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
1.กำหนดเป้าหมายว่าคุณต้องการอะไรอย่างแท้จริง ตัดสินใจให้แน่นอนว่าเราต้องการจะทำอะไร จะเป็นอะไร เช่น อยากทำธุรกิจขายอาหาร อยากเปิดร้านซักอบรีด อยากเป็นนักเขียน อยากเป็นนักการเมือง ฯลฯ จงกำหนดเป้าหมายแบบเจาะจง ไม่ใช่แบบคนจับจด เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่มีความแน่นอน เพราะไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ที่ทำสิ่งหนึ่งแล้วไม่สำเร็จ แล้วเปลี่ยนมาทำสิ่งอื่นไปเรื่อยๆ แล้วประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ ทั้งนี้อาจเป็นความสำเร็จเพียงชั่วคราว ดังนั้น หากกำหนดทิศทางของตนเองได้ จงมุมานะไปให้ตลอดรอดฝั่ง
2.เขียนลงไปในกระดาษ จงเขียนเป้าหมายของท่านลงไปในกระดาษโดยละเอียด การเขียนลงในกระดาษจะทำให้การกำหนดเป้าหมายของเราเกิดความชัดเจนขึ้น อีกทั้งยังทำให้เกิดพลัง จงเขียนละเอียดต่างๆ ลงไป เช่น เป้าหมาย แผนการ
ขั้นตอน กลยุทธ์ที่จะนำไปสู่เป้าหมาย
3.กำหนดวันเวลาเส้นตายที่จะนำพาเราไปสู่จุดมุ่งหมายปลายทาง เช่น เป้าหมายใหญ่เราจะใช้ระยะเวลากี่ปี เป้าหมายขนาดกลางเราจะใช้เวลากี่ปี เป้าหมายระยะสั้นเราจะใช้เวลาเท่าไร กำหนด วัน เดือน ปี ให้มีความแน่นอน จงอย่าได้ลงมือทำไปตามยถากรรมและปล่อยเวลาให้ผ่านไปด้วยที่ยังไม่มีการกำหนดระยะเวลา
4.ลงมือทำทันทีหรือททท. ขั้นตอนนี้ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากว่าท่านมีเป้าหมาย เขียนแผนการต่างๆลงในกระดาษ มีการกำหนดระยะเวลาเส้นตายแล้ว แต่ขาดการลงมือทำสิ่งต่างๆก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ สำหรับการลงมือทำ
ท่านควรลงมือทำอย่างเต็มที่ อย่างสุดกำลัง อย่างกระตือรือร้น
5.มีการตรวจสอบ ควบคุม ประเมินผล เป็นระยะๆ เมื่อเราได้ลงมือทำ สถานการณ์ต่างๆ อาจไม่เอื้ออำนวย สิ่งต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราควรมีการตรวจสอบ ควบคุม ประเมินผล เพื่อที่จะสามารถปรับทิศทางหรือปรับแผนของเราได้ การประเมิลผล ควรกำหนดเป็นระยะยาว ระยะกลางและระยะสั้น ให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้
เราทุกคนสามารถประสบความสำเร็จเหมือนกับคนที่ประสบความสำเร็จได้เพียงด้วยขั้นตอนง่ายๆ โดยการกำหนดเป้าหมาย เขียนเป้าหมายลงในกระดาษ เขียนแผนการ อย่างละเอียด กำหนดวันเวลาเส้นตายที่แน่นอน ลงมือทำทันทีและการตรวจสอบ ควบคุม ประเมินผล หากท่านปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จอย่างแรงกล้า ไม่ต้องรอวันพรุ่งนี้ วันมะรืนนี้ วันมะเรื่องนี้ แต่จงลงมือทำตั้งแต่ ตอนนี้หรือเดี๋ยวนี้
...
  
ธุรกิจเล็กชนะธุรกิจใหญ่
ธุรกิจเล็กชนะธุรกิจใหญ่
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่า ธุรกิจขนาดใหญ่มีความได้เปรียบธุรกิจขนาดเล็ก หลายประการ เช่น เรื่องของกำลังทุนที่มากกว่า กำลังคนที่มากกว่า กำลังเงินที่มากกว่า มีวัตถุดิบ ทรัพยากรที่มากกว่า มีความน่าเชื่อถือมากกว่า เป็นต้น
แต่ถ้าเราลองย้อนไปดูประวัติของธุรกิจขนาดใหญ่ เราจะรู้ว่า ธุรกิจเหล่านี้ ก็เคยเป็นธุรกิจขนาดเล็กมาก่อน และในขณะนั้นในอดีตก็มีธุรกิจขนาดใหญ่เป็นคู่แข่งเช่นเดียวกัน
แล้วโดยธรรมชาติแล้ว การเริ่มต้นทำธุรกิจ เราจะต้องเริ่มต้นที่ธุรกิจขนาดเล็กก่อน แล้วจึงกลายมาเป็นธุรกิจขนาดกลาง แล้วจึงกลายมาเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ตามลำดับ
สำหรับบทความนี้ เราจะมาพูดกันในเรื่องธุรกิจขนาดเล็กสามารถเอาชนะธุรกิจขนาดใหญ่ได้อย่างไร
ธรรมชาติของธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจะกินธุรกิจขนาดเล็กให้ตายแล้ว ธุรกิจขนาดใหญ่ก็ยังพยายามที่จะแย่งชิงพื้นที่ทางการตลาดของธุรกิจขนาดใหญ่ด้วยกัน ฉะนั้นคำถามที่มักจะเกิดขึ้นตามมาก็คือ ขนาดธุรกิจขนาดใหญ่ด้วยกันยังต้องแข่งขันกันแทบแย่แล้ว ธุรกิจขนาดเล็กจะรอดหรือ
คำตอบคือรอดครับ ธุรกิจขนาดเล็กจะรอดและเอาชนะธุรกิจขนาดใหญ่ก็ด้วยปัจจัยเหล่านี้
1.ผู้บริโภคมีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่เหมือนเดิม ฉะนั้น ธุรกิจขนาดใหญ่เวลาที่มีการแข่งขัน ผู้บริหารจะต้องใช้เวลาในการตัดสินใจนานและยุ่งยากกว่า เช่น ต้องทำโครงการ ต้องทำแผนงาน ต้องทำนโยบาย เสนอกรรมการในที่ประชุม แต่ธุรกิจขนาดเล็กสามารถตัดสินใจได้ง่ายกว่า เร็วกว่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วกว่า
2.ถ้าธุรกิจขนาดใหญ่สุดกดดันหรือแข่งขันอย่างรุนแรงกับธุรกิจขนาดรองลงมา ก็จะทำให้ธุรกิจขนาดเล็กกลับมามีบทบาทในการแข่งขัน
3.ต้องทำตนเป็นผู้นำนวัตกรรมหรือเป็นผู้นำความคิดใหม่ๆ บริษัทของสตีฟ จ็อบส์ บริษัทของบิล เกตส์ บริษัทของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก บริษัทของแจ๊ค หม่า สมัยอดีต เป็นบริษัทเล็กๆ ธุรกิจเล็กๆ แต่ด้วยการเป็นผู้นำนวัตกรรมหรือเป็นผู้นำความคิดใหม่ๆ ไอเดียใหม่ๆ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ เติบโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในระดับโลกเลยทีเดียว
4.จงเลือกใช้สื่อและสื่อสิ่งที่แตกต่างออกไป ธุรกิจขนาดเล็กมักประสบปัญหาในการเลือกใช้สื่อและการสื่อก็ไม่มีความแตกต่างจากธุรกิจขนาดใหญ่ แต่มีความเหมือนกัน คล้ายกัน เช่น การโฆษณาทางทีวี มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ธุรกิจขนาดใหญ่จึงมีโอกาสมากกว่าธุรกิจขนาดเล็ก เพราะมีงบประมาณที่มากกว่า ธุรกิจขนาดใหญ่อาจทำโฆษณา 5 ชุด แล้วหมุนเวียนกันออก 6 เดือน วันละ 5 สปอต แต่ผู้ชมทีวี ไม่มีการกล่าวถึง แต่ถ้าธุรกิจขนาดเล็กมีงบประมาณจำกัด ทำโฆษณา 1 ชุด ออกไม่บ่อย แต่สื่อโฆษณามีความแตกต่าง ทำแล้วผู้คนจดจำ ก็นับเป็นการชนะธุรกิจขนาดใหญ่ในการใช้สื่อที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและคุ้มค่ากว่าได้
5.จงทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุด ธุรกิจขนาดเล็กหลายแห่ง เริ่มต้นทำในสิ่งที่ตนเองถนัดที่สุด แต่พอธุรกิจเติบโตขึ้น ก็พยายามขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถนัด ผลที่ตามมาก็คือ ธุรกิจในสายงานที่ไม่ถนัดก็ล้มและขาดทุนไม่เป็นท่า อีกทั้งเงินทุนที่หามาได้จากธุรกิจที่ถนัดกลับต้องนำเงินทุนไปอุดหนุนธุรกิจที่ตนเองไม่ถนัดแต่ขาดทุน ทำให้เสียเวลา และเงินทุนที่ตนเองเคยมี ฉะนั้น จงทำในสิ่งที่ตนเองถนัดที่สุด
6.จงยอมรับการเปลี่ยนแปลงและจงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ก็เพราะธุรกิจขนาดใหญ่มักจะไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงตรงกันข้ามธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่งมักจะหลีกเลี่ยงการทำอะไรที่ผิดแปลกออกไป และมีแนวโน้มที่จะต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ดังจะเห็นได้จากโฆษณาทางทีวีจะไม่หวือหวานัก ถ้าหากไม่ถูกคู่แข่งขันกดดัน แต่ถ้าถูกคู่แข่งขันกดดันก็จะเริ่มมีโฆษณาที่หวือหวาขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ดังนั้น ธุรกิจขนาดเล็ก จงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง จงกล้าที่จะโฆษณาหวือหวาบ้าง
7.จงสร้างเอกลักษณ์ สัญลักษณ์ที่โดดเด่น จะทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว เพราะเอกลักษณ์ สัญลักษณ์ ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันธ์กับลูกค้า เกิดความพึงพอใจและการซื้อหาสินค้า เช่น บรรดาผู้ที่ผูกพันธ์กับมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson บางคนถึงขนาดสักสัญลักษณ์ ยี่ห้อ Harley ไว้ติดตามร่างกาย ตามผิวหนัง เพราะพวกเขาเกิดความภาคภูมิใจ
ดังนั้น ธุรกิจขนาดเล็กควรสร้างบางสิ่งบางอย่างที่สะดุดตา บางสิ่งบางอย่างที่เจาะเข้าไปในความรู้สึกของลูกค้า
8.ธุรกิจขนาดเล็กต้องมีความทะเยอทะยาน เมื่อครั้งธุรกิจของสตีฟ จอบส์ ยังเล็กๆ เขาเคยบอกว่า “ เขาจะเปลี่ยนแปลงโลก ” สมัยมูฮัมเหม็ด อาลี นักชกผู้ยิ่งใหญ่ ยังไม่ดัง เขาประกาศต่อหน้าสื่อมวลชนว่า “ ผมจะทำให้โลกต้องวุ่นวาย ” หากท่านเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหรือเป็นผู้ท้าชิง ท่านจำเป็นจะต้องมีความทะเยอทะยาน อยากเป็นที่ 1 อยากที่จะเปลี่ยนแปลงวงการที่ท่านแข่งขันอยู่
9.จงสนุกกับมัน การทำงาน การทำธุรกิจ เราต้องมีความสนุกกับมัน การทำธุรกิจขนาดเล็กๆให้เติบโต และสู้กับธุรกิจขนาดใหญ่ก็เช่นกัน ท่านต้องมีความสนุกกับมัน เมื่อท่านมีความสนุกกับมันแล้ว ท่านก็จะเกิดความคิดในการทำธุรกิจ ถ้าท่านสนุกและมีความสุข ท่านก็จะทำธุรกิจแบบมีพลัง มีความกระตือรือร้น
ฉะนั้น ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเอาชนะธุรกิจขนาดใหญ่ได้อย่างแน่นอน จงคิดในทางบวก จงคิดในทางสร้างสรรค์ จงคิดใหญ่ แล้ว ธุรกิจของท่านก็จะประสบความสำเร็จ ในด้านต่างๆ เช่น การขยายตลาด การเติบโตทางธุรกิจ การประกอบธุรกิจให้ได้รับกำไรอย่างมากมายมหาศาล เป็นต้น
...
  
ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า
ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
แลอดีต.... เมื่อเหลียวหลังไปดูอดีตหลายๆคนมักเสียใจว่า สิ่งที่เราอยากทำหรือควรทำน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ทำไมเราถึงไม่ทำ เช่น การเรียน บางคนเสียใจว่า ทำไมตอนเด็กๆเราน่าจะตั้งใจเรียนกว่านี้ หากตั้งใจตอนนี้ชีวิตของเราคงเจริญก้าวหน้ามากกว่าปัจจุบัน
อยู่กับปัจจุบัน.... แต่เราก็ไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในอดีตได้อีกแล้ว เพราะสิ่งใดในชีวิตคนเราผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้อีก จงอยู่กับชีวิตในปัจจุบัน จงใช้ชีวิตอยู่กับวันนี้ อย่าได้เสียใจกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่จงนำประสบการณ์ทั้งดีและไม่ดีในอดีต นำมาเป็นบทเรียนต่อไป
ล้มได้ก็ลุกได้....คนเราทุกคนในโลกนี้ เกิดมาแล้วย่อมต้องพบกับปัญหาอุปสรรคต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาเงินทอง ปัญหาการทำงาน ปัญหาความรัก ปัญหาครอบครัว ฯลฯ บางคนยอมพ่ายแพ้ต่อปัญหา บางคนยอมรับกับความผิดหวัง ความล้มเหลว แต่คนที่ประสบความสำเร็จ เมื่อเขาพบกับความล้มเหลว เขาจะลุกขึ้นสู้อีกครับ
พ่ายแพ้ชั่วคราว... คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ เขามักมีความเข้าใจปรัชญาของคำว่า “ การพ่ายแพ้ชั่วคราว”
การพ่ายแพ้มักไม่สามารถทำให้เราจบสิ้น แต่ความล้มเลิกต่างหากที่ทำให้คนเราจบสิ้น จงกระโดดโลดเต้นดีใจแล้วร้องว่า “ความสำเร็จรอเราอยู่ข้างหน้า” แล้วเริ่มต้นต่อสู้ใหม่อีกครั้ง
จงกำหนดชีวิตของเราด้วยตัวตนของเราเอง....ไม่มีใครที่จะกำหนดชีวิตของเราหรือรู้จักตัวตนของเราได้ดีกว่าตัวเราเอง จงกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง อย่าให้ใครมาเป็นผู้กำหนด คนเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต ไม่ได้มีชีวิตให้คนอื่นใช้ ชีวิตจะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองเป็นสำคัญ
เดินต่อไป...... คนเราเปลี่ยนแปลงเรื่องราวที่ผ่านพ้นมาในอดีตไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ จงก้าวเดินต่อไป จงหาเป้าหมายของชีวิตตั้งแต่บัดนี้ จงจับจ้องที่เป้าหมาย ไม่ใช่จับจ้องที่อุปสรรค แล้วชีวิตของท่านก็จะก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและมีความสุข เพราะโลกทั้งโลกมักเปิดทางให้กับคนที่รู้ตัวว่าเขาจะเดินทางไปในทิศทางใด ขอให้ท่านจงเดินไปข้างหน้า ระยะทางหมื่นลี้ ย่อมเริ่มต้นจากก้าวแรกเสมอ
ถ้าไม่กล้า...ก็ไม่มีวันเดินหน้า.... คนเราเมื่อไม่กล้าที่จะทำอะไร ก็ไม่ควรหวังว่าจะได้อะไร จงกล้าที่จะไปตามหาความฝันของตนเองตามเส้นทางเดินของตนเอง ถึงแม้คนรอบข้างของเราจะคัดค้าน ต่อต้าน ไม่เห็นด้วย ไม่มีการสนับสนุน ก็ตาม จงก้าวเดินไปสู่ความฝันอย่างมั่นใจ จงเลือกอาชีพที่ตนเองชอบและตนเองถนัด แต่ถ้าหากท่านยังหาสิ่งที่ใช่อาชีพที่ใช่ยังไม่เจอ จงหามันต่อไป แล้วจงกล้าที่จะก้าวเดินต่อไป อย่าได้หวั่นไหวกับอุปสรรคต่างๆ
...
  
การตลาดของมหาเศรษฐี
การตลาดของมหาเศรษฐี
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
มีคนเคยตั้งคำถามว่า ทำไมมหาเศรษฐีถึงร่ำรวยและเขามีการทำตลาดอย่างไรกับสินค้าและบริการของเขา ในบทความตอนนี้เราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
โดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกาคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจหลายประเภท เช่น อสังหาริมทรัพย์ กีฬา บันเทิง สื่อ การประกวดนางงาม ฯลฯ
เขามีแนวคิดในการทำการตลาดในธุรกิจของเขา คือ โฆษณาอย่างแยบยล
“ การโฆษณาเป็นสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุดในเวลาที่คนไม่ซื้อของคุณ” , “ ถึงแม้คุณจะมีสินค้าที่สุดยอดที่สุดในโลก แต่ไม่มีใครรู้จักมัน มันก็ไม่มีค่าอะไร” แต่เขาจะมีวิธีการโฆษณาที่แยบยล แทนที่จะลงทุนใช้เงินเป็นจำนวนมากจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์และบริษัทโฆษณา หรือใช้เงินในการซื้อโฆษณาทาง โทรทัศน์ วิทยุหรือสื่อต่างๆ เป็นจำนวนมหาศาล แต่เขาจะทำมันด้วยตนเอง
เขาเรียนรู้ว่า สื่อมวลชน มีความกระหายข่าวเด็ดๆ ข่าวที่เร้าใจ ข่าวที่เร้าความรู้สึก เขาจึงใช้วิธีการคือ ทำอะไรให้แปลกๆ ใหม่ๆ พิสดาร ตลอดเวลา หรือบางครั้งเขาก็ทำอะไรที่ อาจหาญ ไม่กลัวใครหรือยอมขัดแย้งกับคนอื่นๆ เพื่อให้ สื่อมวลชนได้เขียนข่าวเกี่ยวกับเขา เขากล่าวว่า “ ถึงแม้สื่อมวลชนจะลงข่าวในทางลบเกี่ยวกับเขา แต่ถ้ามองในแง่การโฆษณาหรือมุมมองทางธุรกิจถือว่าคุ้มค่า เขายกตัวอย่าง ถ้าเขาจะลงโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์แบบเต็มหน้าเขาต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการซื้อสื่อ ซึ่งโฆษณาของเขาก็ไม่ได้ลงในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์และ คนเป็นจำนวนมากก็ไม่ปักใจเชื่อในข้อความโฆษณา แต่ถ้าสื่อมวลชนเขียนถึงเขา แม้เป็นข่าวที่ไม่ค่อยดี แต่ได้ลงหน้าหนึ่ง จะทำให้คนเป็นจำนวนมากรู้จักเขา โดยที่เขาไม่ต้องจ่ายเงินเลย” สรุป คือ ถึงแม้สื่อมวลชนจะลงข่าววิพากษ์วิจารณ์ ทำร้ายในเรื่องส่วนตัว แต่จะให้ผลประโยชน์มากในด้านธุรกิจ
อีกทั้งเขาจะเลือกใช้ชีวิตในสไตล์ที่มีชื่อเสียง คือ เลือกคบกับคนดังๆ ในวงการต่างๆ เช่น วงการทางการเมือง วงการกีฬา วงการประกวดนางงามจักรวาล วงการดารา เป็นต้น
นักข่าวส่วนใหญ่ก็มักจะแสวงหาข้อมูลหรือภาพเพื่อลงข่าวคนเด่น คนดัง เมื่อเขาเข้าไปในแวดวงดังกล่าว เขาจึงกลายเป็นคนเด่น คนดังไปด้วยและนักข่าวก็ลงข่าวของเขาตามไปด้วย
ดังนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จอย่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ เราต้องรู้จักการโฆษณาตัวเองและการโฆษณาสินค้าของตนเอง อย่างแยบยล
สตีฟ จอบส์ CEO บริษัทแอปเปิล เป็นเจ้าของสินค้าและบริการ สินค้าตระกูล I เช่น iPad , iPhone , iPod , iTunes ฯลฯ
เขามีแนวคิดในการทำการตลาดในธุรกิจของเขา คือ think different หรือ คิดต่าง
เขาเชื่อว่า เขาเปลี่ยนโลกได้ และเขาก็สามารถทำได้จริงๆ เขาสร้างนวัตกรรมระดับเปลี่ยนแปลงโลก เขากลายเป็นผู้ปฏิวัติทางเทคโนโลยี เขาจึงเป็นเพียงคนไม่กี่คนในประวัติศาสตร์โลกที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ เขาคือเสียงและหน้าตาของการปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เขาริ่เริ่มทำภาพยนตร์แอนิเมชัน เขาจึงเป็นคนหนึ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆอีกมากมาย
ดังนั้น ถ้าอยากประสบความสำเร็จในด้านการตลาด เราต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นในสินค้าและบริการของเรา
ซึซึมิ โยชิอากิ เจ้าของกลุ่มธุรกิจเซบุ คนญี่ปุ่นที่รวยที่สุดในโลก 3 ปีซ้อน( พ.ศ.2530-2532) จากการจัดอันดับของนิตยสาร “ฟอร์บส”ของสหรัฐอเมริกา เขาได้รับการส่งมอบกิจการจากพ่อของเขาคือ ซึซึมิ ยะสิจิโร และเขาก็ทำให้มันเจริญเติบโตขึ้น กิจการในญี่ปุ่นของเขามีเกือบ 170 ประเภท เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สนามกอล์ฟ โรงเรียน ร้านอาหาร ฯลฯ
เขามีแนวคิดในการทำการตลาดในธุรกิจของเขา คือ การทำการตลาดให้กับธุรกิจหรือบริการใดๆจะต้องทำเหมือนกับการ วิ่งมาราธอน
ทัศนะคติของ ซึซึมิ โยชิอากิ เขาถือว่า การทำการตลาดให้กับสินค้าหรือบริการใดๆ เหมือนกับการแข่งขันวิ่งระยะไกล ถ้าสังเกตดูจะรู้ได้ว่า การทำการตลาดให้กับสินค้าและบริการ จะต้องทำอย่างต่อเนื่องเป็นสิบๆ ปี เหมือนกับการวิ่งมาราธอนนั่นเอง และทางที่ดีควรกำหนดคู่ต่อสู้คู่แข่งขันของตนเองขึ้นมาด้วย เพื่อท้าทาย เพื่อแข่งขัน เพราะไม่มีการแข่งขันก็ไม่มีความก้าวหน้า ไม่มีความเจริญเติบโต ไม่มีการขยายตัวทางด้านการตลาด
ดังนั้น ถ้าอยากประสบความสำเร็จในด้านการตลาด เราต้องอดทน เราต้องใช้เวลาเป็นสิบๆปี จึงจะประสบความสำเร็จ
คาร์ลอส สลิม มหาเศรษฐีชาวเม็กซิโก เชื้อสายเลบานอน บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐ เขาเป็นเจ้าของกิจการกว่า 200 แห่งในเม็กซิโก ต้นยุค 80 ธุรกิจทุกอย่างในเม็กซิโกได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจโลก แต่เขามองเห็นวิกฤตในโอกาสจึงกว้านซื้อกิจการต่างๆที่ใกล้ล้มละลายในราคาถูก เช่น ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร การประปา การไฟฟ้า และนำมาบริหารจัดการตามหลักการสมัยใหม่ จนสามารถมีกำไร
เขามีแนวคิดในการทำการตลาดในธุรกิจของเขา คือ ทำให้คู่แข่งออกจากตลาด
ธุรกิจของเขาได้กำไรอย่างมหาศาล ก็เนื่องจากกลยุทธ์ คือ การทำการตลาดอย่างผูกขาด การทำให้คู่แข่งพ่ายแพ้แล้วออกนอกตลาดไป
ในยุคที่โทรศัพท์ เป็นปัจจัยที่ 5 บริษัท เทลเม็กซ์ของเขาได้ผูกขาดในธุรกิจโทรศัพท์ เขาได้ทุ่มเงิน 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นจากรัฐบาลในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปี พ.ศ.2533 ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์บ้านถึง 92 % และครองตลาดโทรศัพท์มือถือในสัดส่วนกว่า 80 % ต่อมาเขาได้ขยายกิจการด้านการสื่อสารไปครอบคลุแทบทุกพื้นที่ในแถบละตินอเมริกา จึงถือได้ว่า เขาคือผู้ “ ผูกขาด ” ธุรกิจโทรคมนาคมในละตินอเมริกาอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้น ถ้าอยากประสบความสำเร็จในด้านการตลาด กำไรมาก ได้รับผลประโยชน์มากๆเราจะต้องทำธุรกิจในประเภท ผูกขาด หรือมีคู่แข่งน้อยราย
แจ็ค หม่า มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของประเทศจีน เกิดที่เมืองหางโจว ปัจจุบันมีทรัพย์สินมูลค่า 8 แสนล้านบาท
เขามีแนวคิดในการทำการตลาดในธุรกิจของเขา คือ ต้องค้นให้พบช่องว่างทางการตลาด
แจ็ค หม่า ได้มีโอกาสไปเที่ยวหาเพื่อนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและเขาลองให้เพื่อนค้นหาสินค้าจีนเป็นภาษาจีนทางอินเตอร์เน็ต เช่น คำว่า เบียร์จีน , บริษัทของจีน ปรากฎว่าไม่พบผลการค้นหาในคำนั้น จึงทำให้เขาได้ค้นพบช่องว่างทางธุรกิจและทางการตลาด ต่อมีปี 1995 เขาก่อตั้งบริษัทไชน่าเยลโล่เพจเจส ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นบริษัทอินเตอร์เน็ตแรกสุดในประเทศจีน หลังจากนั้นปี 1999 เขาได้ก่อตั้งบริษัท Alibaba ด้วยความมีวิสัยทัศน์ด้านอีคอมเมิร์ซ ต่อมาได้ขยายเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องออกไปเรื่อยๆ โดยบริษัท Alibaba Group มี 3 เว็บคือ
alibaba.com ที่มีลักษณะธุรกิจแบบขายส่งระหว่างบริษัท ( B2B)
taobao.com ที่มีลักษณะธุรกิจแบบขายปลีกระหว่างลูกค้า
tmall.com ที่มีลักษณะธุรกิจที่ให้แบรนด์สินค้าต่างๆมาเปิดร้านบนเว็บไซต์
ดังนั้น ถ้าอยากประสบความสำเร็จในด้านการตลาด เราต้องค้นหาช่องว่างทางการตลาดให้พบ
...
  
John F. Kennedy Moon Landing Speech - Rice Stadium 1962
40
...
  
นำเสนองาน
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ นำเสนอ ประเด็นเกี่ยวกับ " การยกระดับรถสาธารณะ " จ.ลำปาง ...
  
อ่านหนังสือได้เร็วชีวิตพัฒนาขึ้น
อ่านหนังสือได้เร็วชีวิตพัฒนาขึ้น
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
การอ่านมีความสำคัญและมีความจำเป็นในการพัฒนาตนเอง ถ้าอยากประสบความสำเร็จจงรักการอ่าน แต่ในยุคปัจจุบัน เป็นยุคแห่งการแข่งขัน การเร่งรีบ สังคมโลกเป็นสังคมแห่งข้อมูลข่าวสาร ความรู้ เรามีหนังสือ มีเอกสารต่างๆ มากมาย ใครที่อ่านหนังสือได้เร็วจึงได้เปรียบกว่าคนที่อ่านหนังสือได้ช้ากว่า
การอ่านหนังสือได้เร็วช่วยพัฒนาตัวเราได้หลายอย่างและมีประโยชน์ต่อตัวเรา เช่น
1.ช่วยประหยัดเวลา มีคนเป็นจำนวนมากที่ขาดทักษะการเรียนรู้ เทคนิคในการอ่านหนังสือเร็ว คนเหล่านี้มักจะเสียเวลาเป็นชั่วโมงหรือหลายๆชั่วโมงในการอ่านหนังสือพิมพ์เพียงแค่เล่มเดียว แต่ถ้าหากท่านมีทักษะและพัฒนาการอ่านของท่านให้เร็วกว่าปกติ ท่านสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ได้เป็นจำนวนที่มากขึ้นแต่ใช้เวลาอ่านในจำนวนที่เท่ากัน หรือ การอ่านหนังสือได้เร็วขึ้นจะทำให้ท่านมีเวลาที่เพิ่มขึ้นและสามารถนำเวลาเหล่านั้นไปอ่านหนังสือได้อีกเป็นจำนวนมาก
2 ช่วยพัฒนาสมอง การอ่านหนังสือได้เร็วจะทำให้มันสมองของเราได้รับการฝึกฝน ได้คิด ได้ออกกำลังแต่เป็นการออกกำลังสมอง การอ่านหนังสือได้เร็วจะทำให้คลื่นสมองของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3.ช่วยพัฒนาการพูด ความสามารถในการพูดมักเกิดจากความคิดที่ดี และการที่คนเราจะมีความคิดที่ดี เกิดจากหลายปัจจัย เช่น เรื่องของประสบการณ์ การรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ การอ่านหนังสือก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเราเกิดความคิดที่กว้างไกล ทันสมัย รอบรู้ การอ่านหนังสือได้เร็วจะทำให้เราได้รับข้อมูลข่าวสาร ความรู้ที่มากขึ้นกว่าคนที่อ่านหนังสือได้ช้า
4.ช่วยให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น นักบริหาร นักธุรกิจ นักเขียน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาการอ่านให้อ่านได้เร็วขึ้น หากท่านเป็นนักบริหาร นักธุรกิจ ในยุคปัจจุบัน ท่านจะต้องพบกับแฟ้มเอกสารต่างๆ ที่มีมากมาย หากท่านอ่านหนังสือได้ช้า ก็จะทำให้การทำงานของท่านช้าไปด้วย แต่ตรงกันข้ามหากท่านอ่านหนังสือได้เร็ว ท่านก็จะได้อ่านจดหมาย เอกสาร หนังสือต่างๆได้ไวขึ้น แล้วจะทำให้การทำงานของท่านรวดเร็ว ผู้ที่เป็นนักเขียนก็เช่นกัน การจะเขียนได้ต้องมีข้อมูล และข้อมูลส่วนใหญ่ก็จะมาจากการอ่านหนังสือ หากอ่านหนังสือได้เร็ว ท่านก็จะมีข้อมูลที่มากขึ้น
5.ช่วยให้สอบผ่านและได้คะแนนดี การอ่านหนังสือเร็วจะช่วยในการเรียนหนังสือได้เป็นอันมาก เนื่องจากการเรียนจะต้องเรียนหลากหลายวิชา อีกทั้งบางวิชา ครู อาจารย์ ยังต้องให้มีการอ่านหนังสือเสริมหรือหนังสือภายนอกเพื่อใช้ในการสอบอีกด้วย การอ่านหนังสือได้เร็วจะทำให้ท่านอ่านหนังสือได้ทันตามเวลาที่ ครู อาจารย์ กำหนด
6.ช่วยให้ได้รับความบันเทิง หลายท่านเมื่อได้เห็นหนังสือนิยาย หนังสือประวัติศาสตร์ หนังสือกำลังภายในจีน ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความหนาอีกทั้งมีจำนวนหน้าที่มีมาก หากอ่านช้าคงต้องเสียเวลาหลายวัน อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าหนังสือเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่หากท่านอ่านได้เร็ว ท่านสามารถได้รับความบันเทิงจากการอ่านหนังสือได้หลายเรื่องในช่วงระยะเวลาที่มีจำกัด
ทั้งหมดข้างต้น คือประโยชน์ของการอ่านหนังสือได้เร็ว แต่การอ่านหนังสือได้เร็ว กระผมไม่ได้หมายถึงการอ่านหนังสือแบบลวกๆ เมื่ออ่านเสร็จแล้วจำอะไรไม่ได้ แต่ตรงกันข้าม หากอ่านจบเราสามารถสรุปเนื้อหาและทราบเรื่องราวต่างๆ ได้เหมือนกับการอ่านปกติ เมื่อท่านอ่านหนังสือได้เร็วแล้วท่านลองทดสอบโดยการถามคำถามในเรื่องราวที่ท่านได้อ่านเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าท่านเข้าใจในสิ่งที่ท่านได้อ่านมากน้อยเพียงใด
ลองถกกับหนังสือที่ท่านอ่าน แล้วจะทำให้ท่านเกิดการพัฒนาการอ่านของท่านได้ดียิ่งขึ้น
...
  
เคล็ดลับการทำลายมนุษย์สัมพันธ์
เคล็ดลับในการทำลายมนุษย์สัมพันธ์
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน รวมทั้งเรื่องการบริหารงาน มักจะต้องเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เนื่องจากการทำงานในองค์กร ในหน่วยงาน คนเราจะต้องทำงานร่วมกันกับคนอื่นๆ การสร้างมนุษย์สัมพันธ์จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นในการทำงาน แต่สำหรับบทความฉบับนี้ กระผมขอพูดในหัวข้อเรื่อง “ เคล็ดลับในการทำลายมนุษย์สัมพันธ์ ” เนื่องจากเรื่อง “การสร้างมนุษย์สัมพันธ์” มีคนพูดและเขียนกันมากแล้ว สำหรับเคล็ดลับในการทำลายมนุษย์สัมพันธ์มีดังนี้
1.อย่าพูดคำว่า ขอบใจ ขอบคุณ ขอโทษ และคำชมต่างๆ ออกจากปากคุณเป็นอันขาด เมื่อมีใครมีน้ำใจให้ความช่วยเหลือ เราไม่ต้องใช้คำพูด ขอบใจ ขอบคุณ กับคนที่ให้ความช่วยเหลือกับเรา หรือ เมื่อเราทำผิดกับใคร เราไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวคำว่า ขอโทษ ใดๆ ออกจากปากเรา และที่สำคัญ คุณต้องไม่ชื่นชมหรือยกย่องใครๆ ถึงแม้คนนั้นจะเป็นคนที่เรารู้จักหรือสนิทก็ตาม
2.เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ต้องแคร์ความรู้สึกของผู้อื่น เราต้องคิดว่า ความคิดของเราถูกต้องเสมอ ความคิดของผู้อื่นผิดหมด อีกทั้งเราไม่ควรจะต้องฟังความคิดเห็นของใครๆ และถ้าใครมีความคิดเห็นแตกต่างจากเรา คนนั้น ต้องเป็นศัตรูของเราเสมอ อีกทั้งเมื่อเราจะทำอะไร เราต้องคำนึงถึงเรื่องผลประโยชน์ของตนเองก่อน ไม่ควรมีน้ำใจใดๆ กับใครทั้งสิ้น
3.พยายามจับผิดคนอื่นให้มากๆเข้าไว้ ถ้ามีใครสนทนากับเรา เราควรจับผิดแล้วรีบแย้งคู่สนทนาทันที แล้วรีบชี้แจ้งไปว่า เขามีความคิดที่ผิด พยายามบ่นหรือให้ข้อมูลแก่เจ้านายฟังถึงความผิดของเพื่อนร่วมงานทุกๆคน เมื่อพูดคุยกับใคร เราควรฟังให้น้อยที่สุด พยายามพูดให้มากเข้าไว้ และขัดจังหวะคู่สนทนาบ่อยๆ อีกทั้งควร กล่าวตำหนิติเตียน ผู้อื่นเป็นประจำ
4.ไม่ต้องเก็บอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น ควรพูดหรือทำตามอารมณ์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความโกรธ ความโลภ ความไม่ชอบใจ ความไม่พอใจ จงทำให้ตนเองสบายใจที่สุด คนอื่นๆจะเป็นอย่างไรก็ช่างหัวมัน ไม่ต้องไปเกรงใจใคร ไม่ต้องไปกลัวใคร ไม่ต้องไปปรับตัวให้เข้ากับใครหรือสิ่งแวดล้อมใดๆ ทั้งสิ้น
5.ควรพูดคำที่ไม่สุภาพ คำหยาบคาย ให้มากเข้าไว้ ไม่มีความจำเป็นต้องสุภาพอ่อนโยน ควรโอ้อวดตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้คนอื่นๆได้ชื่นชมว่าตนเองเก่งกว่าใครๆ ไม่ควรยิ้ม ควรวางตัวให้คนอื่นเกรงกลัว ไม่ควรจดจำชื่อคนอื่น ไม่ควรทักทายคนอื่นก่อน เขาต่างหากที่สมควรจดจำชื่อของเรา และคนอื่นต้องทักทายเราก่อนเสมอ
หากใครสามารถทำได้ตามคำแนะนำข้างต้น กระผมเชื่อแน่ว่า ท่านเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการทำลาย มนุษย์สัมพันธ์ จงกระทำแล้วท่านจะประสบความสำเร็จ
...
  
ศิลปะการเขียน
ศิลปะการเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ใครๆก็สามารถเป็นนักเขียนได้ ถ้าหากบุคคลนั้นมีความตั้งใจและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า สำหรับตัวกระผมเองก็เช่นกัน ได้เริ่มต้นงานเขียน จากการเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเมื่อประมาณ สิบกว่าปีก่อน โดยเขียนทุกๆสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 หน้า A4 ในช่วงเริ่มต้นเขียนนั้น รู้สึกว่ายากมาก แต่เมื่อเขียนบ่อยขึ้น ก็สามารถเขียนได้มากขึ้น และเร็วขึ้น
น้ำที่ละหยดสะสมเป็นแม่น้ำ แม่น้ำที่ละเส้นสะสมเป็น ทะเล หลายท่านที่รู้จักกระผม มักถามกระผมว่า ผมออกหนังสือพกเก็ตบุ๊คขาย ต้องใช้เวลาสำหรับการเขียน 1 เล่ม ประมาณกี่วัน กี่เดือน กระผมขอบอกว่า โดยปกติกระผมได้มีโอกาสเขียนบทความลงตามสื่อต่างๆ เป็นประจำ เช่น หนังสือพิมพ์ , ลงในอินเตอร์ , ตามวารสาร ฯลฯ ฉะนั้นสำหรับตัวกระผมคงไม่ยากและใช้เวลาไม่นานเนื่องจากกระผมสามารถนำนำบทความเหล่านั้นมารวบรวมเล่ม จัดเป็นหมวดหมู่ ขายได้
จะเริ่มต้นอาชีพนี้อย่างไรดี คำตอบก็คือ เริ่มต้นที่ตัวท่าน ลองคิดดู ทบทวนตัวเองดู ว่าท่านมีความรู้ ประสบการณ์ด้านใดบ้าง ที่ท่านต้องการให้ผู้อ่านได้รู้ จงสื่อมันออกมาโดยผ่านตัวอักษร จงเริ่มต้นที่จะเขียนวันละเล็กวันละน้อย จนในที่สุดท่านก็จะมีผลงานการเขียนเป็นเล่มเป็นของตัวเองได้
สารพันปัญหาในการเขียนหนังสือ หลายท่านเมื่อรู้แล้วว่าจะเขียนอะไร แต่เกิดปัญหาหลายๆอย่าง เช่น ไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนอย่างไร ขาดความมั่นใจ อ้างว่าไม่มีเวลา ขาดสมาธิ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นข้ออ้างทั้งสิ้น หากท่านมีความตั้งใจและปรารถนาอย่างแรงกล้า ท่านจะไม่มีข้ออ้างเหล่านี้ แต่ท่านจะเขียนหนังสือไปด้วยความสนุกสนาน จงเริ่มเขียน เขียนและเขียน แล้วท่านจะเห็นการพัฒนา การเปลี่ยนแปลง ในงานเขียนของท่าน
จะเขียนอย่างไรให้ติด Bestseller การที่จะขายหนังสือจนติด Bestseller นั้นมีองค์ประกอบอยู่หลายๆอย่าง ถึงแม้งานเขียนของท่านจะดีเยี่ยม แต่ขาดองค์ประกอบอื่นๆ ท่านก็ไปไม่ถึงดวงดาวได้ เช่น การออกแบบปก , การตลาดต้องดีเยี่ยม,มีการส่งเสริมการขาย , ราคาไม่แพงมากนัก , มีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์...ต้องโดน เป็นต้น
อยากเขียนเก่ง....ต้องอ่านเก่ง.....ผลของการอ่านคือการเขียน คนที่เขียนหนังสือเก่ง มักจะต้องมีข้อมูลมากๆ ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่ได้มาจากหลายแหล่ง เช่น การฟัง การอบรม การสัมมนา การสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ แต่สิ่งที่เป็นต้นทุนและเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญที่สุดของนักเขียน ก็คือ การอ่านหนังสือ เพราะการอ่านมากจะทำให้รู้ว่า งานเขียนของใครดี งานเขียนของใครไม่ดี การอ่านมากจะทำให้ผู้เขียนได้สำนวน ภาษา ใหม่ๆ ซึ่งทำให้งานเขียนพัฒนาขึ้น
งานเขียนที่ดีต้องมีทิศทาง งานเขียนทุกประเภทต้องมีเอกลักษณ์ ต้องมีทิศทางในการเขียน ไม่ใช่เขียนวกไปวนมา จนผู้อ่านเกิดอาการงง สับสน ไปหมด จงกำหนดโครงสร้าง ทิศทาง ประเด็นต่างๆให้มีความสอดคล้องไปในเรื่องเดียวกัน ตลอดรวมไปถึง ชื่อเรื่อง การออกแบบปกหนังสือ เนื้อใน ภาพรวมทั้งหมดควรไปในทิศทางเดียวกัน
สาเหตุของความล้มเหลวในการเขียน หลายท่านที่เขียนหนังสือแล้วไม่ประสบความสำเร็จ อาจมาจากปัจจัยต่างๆดังนี้ เช่น ท่านเขียนในสิ่งที่ท่านไม่รู้ ไม่ถนัด ไม่ชำนาญ , ท่านไม่มีพื้นฐานที่ดี มีข้อมูลไม่มาก กล่าวคือ ท่านเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ , งานเขียนไม่มีเสน่ห์ให้ผู้อ่านชวนอ่าน , งานเขียนของท่านเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดมากมายเช่น สะกดคำผิด ใช้ภาษา สำนวนที่ไม่ถูกต้อง เป็นต้น
การจัดตารางชีวิตเพื่องานเขียน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ มีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก การเป็นนักเขียนที่ดี มีผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอ จะต้องเป็นคนที่มีวินัย ดังนั้น การบริหารเวลาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ นักเขียนจะต้องสร้างความสมดุลในการทำงาน เช่น แบ่งเวลาให้แก่งาน , แบ่งเวลาให้แก่ครอบครัว , แบ่งเวลาให้แก่สังคม , แบ่งเวลาให้แก่การออกกำลังกาย , ตลอดจนการควบคุมอารมณ์ในการทำงานเขียน ฯลฯ
ดั้งนั้น ศิลปะการเขียน จึงเป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคล ท่านมีความจำเป็นต้อง หาแนวทาง หาวิธีการ ฝึกฝน เรียนรู้ เกี่ยวกับการเขียนด้วยตัวของท่านเอง ทั้งนี้ ปัจจัยต่างๆ ของนักเขียนแต่ละท่านไม่เหมือนกัน เราจะลอกเลียนแบบหรือนำนักเขียนท่านอื่นเป็นแบบอย่างทั้งหมดไม่ได้ เพราะ คนเรามีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสบการณ์ ความรู้ อายุ ตลอดจนนิสัยใจคอ จงค้นหาแนวทางการเขียนของท่านเอง แล้วท่านจะประสบความสำเร็จ

...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.