หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
จงรักในสิ่งที่ทำ จงทำให้สิ่งที่รัก
จงรักในสิ่งที่ทำ จงทำให้สิ่งที่รัก
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
ผมเป็นคนหนึ่งที่มีความสงสัย อยากรู้ ว่าทำไมบุคคลที่ประสบความสำเร็จร่ำรวยเงินทอง เขาทำอย่างไรถึงได้ประสบความสำเร็จ กระผมจึงได้ศึกษาค้นคว้า อ่านหนังสือ ตำรา ต่างๆมากมาย จึงทำให้ทราบว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จเขามีอะไรที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เขามักจะรักในสิ่งที่เขาทำและจะทำในสิ่งที่เขารัก
นักแต่งเพลงชื่อดังคนหนึ่ง เขาเคยรู้สึกสับสนตนเอง เนื่องจากงานเพลงที่เขาแต่งมักเกิดจากการจ้างวานหรือคนเสนอให้เขาเขียนเพลงแนวนั้นแนวนี้ จนเขารู้สึกว่า เขาต้องการสื่ออะไรกันแน่ในงานเพลงนั้นๆ ทำให้การใช้ภาษา การสื่ออารมณ์ต่างๆ ออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร จนในที่สุด เขาตัดสินใจพักงานทั้งหมด แล้วไปค้นหาตัวเองยังต่างประเทศ พร้อมด้วยคัมภีร์ไบเบิ้ล ซึ่งถือว่าเป็นคู่มือนำทางชีวิตของเขา จนในที่สุดเขาก็ค้นพบตัวต้นของเขาเองอีกครั้ง ว่าเขาสามารถแต่งเพลงได้ดีหากมันเกิดขึ้นจากความต้องการภายในมากกว่าการแต่งเพลงที่เกิดจากการจ้างวานด้วยเงินเป็นจำนวนมาก
เขาจึงหันกลับมาแต่งเพลงที่เกิดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ จึงทำให้เขาพบความสุขมากยิ่งขึ้น อีกทั้งงานเพลงเหล่านั้นได้สร้างชื่อเสียงให้เขาได้อย่างมากมาย นักแต่งเพลงคนนั้นชื่อ บอย โกสิยพงษ์ หรือ นักแต่งเพลงรักในอันดับต้นๆของประเทศไทย
จงรักในสิ่งที่ทำ จงทำให้สิ่งที่ตนเองรัก มากกว่าการทำงานเพื่อเห็นแก่เงินจำนวนมาก ถ้าหากท่านทำให้สิ่งที่รักจนประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นชื่อเสียง เงินทอง ก็จะมาหาท่านเอง กระผมขอเขียนขยายความเรื่องของใจรักในงานว่ามีประโยชน์ต่างๆ ดังนี้
1. คนที่มีใจรักในงานที่ตนเองทำ ย่อมเป็นบันไดก้าวแรกซึ่งนำพาเราสู่ความสำเร็จ ความมีใจรักในงานที่ตนเองทำจะนำพาชีวิตเราก้าวสู่จุดหมายปลายทางของความสำเร็จ เช่น เฉินหลงรักในงานแสดง , เอดิสัน รักในงานประดิษฐ์ , ไทเกอร์ วูดส์ รักในกีฬากอล์ฟ , สตีฟ จอบส์ รักในงานค้นคว้านวัตกรรมทางเทคโนโลยี ฯลฯ
2. คนที่มีใจรักในงานที่ตนเองทำ งานนั้นจะเปลี่ยนแปลงตัวคุณได้ เราลองสังเกตดูว่า หากเราทำงานที่เราไม่ชอบ เราจะรู้สึกเบื่อหน่าย ท้อแท้ใจ ไม่อยากทำงาน ขี้เกียจ ไม่มีความกระตือรือร้น แต่หากเราลองได้ทำงานที่เรามีใจรัก ก็จะทำให้เราเกิดความรู้สึกอยากทำ มีความขยันขันแข็ง ทำงานนั้นด้วยความสนุกสนาน เกิดความกระตือรือร้นในงานที่ตนเองทำ
3. คนที่มีใจรักในงานที่ตนเองทำ งานนั้นจะช่วยเพิ่มพูนพลังใจ แก่ตัวเรา หากเรามีใจรักในงานที่ตนเองทำ งานนั้นจะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี แจ่มใส อยู่เสมอ ยิ่งหากเราได้เห็นผลงานที่เราได้ทำสำเร็จชิ้นแล้วชิ้นเล่า เราก็จะมีความอิ่มเอมใจ แต่ตรงกันข้าม หากเราได้ทำงานที่เราไม่ชอบ ก็จะทำให้จิตใจเกิดความรู้สึกที่หดหู่ ไม่เบิกบาน ผลงานที่ได้ทำออกมาก็จะมีคุณภาพที่ไม่ดีเท่าที่ควร เราจะไม่มีความรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานที่ทำออกมา
4. คนที่มีใจรักในงานที่ตนเองทำ มักสามารถเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เช่น สองพี่คนตระกูลไรต์ ประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกของโลกได้ ก็เนื่องจากการมีใจรักในงานที่ตนเองทำ ซึ่งก่อนการประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกของโลกนั้น คนทั่วไปมักบอกว่าเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งเคยมีคนตั้งมากมายได้พยายามประดิษฐ์เครื่องบินแล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ด้วยใจรักในงานที่ทำ ถึงแม้จะเกิดความผิดพลาดล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุดเครื่องบินลำแรกของโลกก็เกิดขึ้น จากสิ่งที่คนทั่วไปบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ก็เนื่องจากใจรักในงานที่ทำนั้นเอง
ดังนั้น การมีใจรักในงานที่ตนเองทำจึงเป็นสิ่งที่ผู้ประสบความสำเร็จพึ่งมี บัณฑิต อึ้งรังสี รักในงานวาทยกร
ซึ่งในยุคสมัยของเขา วาทยกรในประเทศไทยไม่เป็นที่นิยมหรือเป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่ก็ด้วยใจรักในงานที่ตนเองทำ เขาฝึกฝนอย่างหนัก หาโอกาสต่างๆให้กับตนเอง เรียนรู้พัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง จนในที่สุด โลกก็จารึกชื่อของเขาให้เป็นวาทยกรระดับโลก
จงรักในสิ่งที่ท่านทำ จงทำในสิ่งที่ท่านรักแล้วท่านก็จะประสบความสำเร็จและมีความสุขในการทำงาน
...
  
DISC กับการพัฒนาภาวะผู้นำ
DISC กับการพัฒนาภาวะผู้นำ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การเป็นผู้นำที่ดีจะต้องรู้จักใช้คนเป็น อ่านคนออก เข้าใจตนเอง อีกทั้งต้องมีการปรับตัวในการทำงานร่วมกันกับคนอื่น ซึ่งมีทฤษฏีต่างๆมากมาย เช่น นพลักษณ์ ( Enneagram) มีการแบ่งจำแนกคนออกเป็น 9 ประเภท , กรุ๊ปเลือด อ่านคน ( A B O AB) , อ่านคนตาม โหงวเฮ้ง , DISC ฯลฯ
แต่บทความฉบับนี้กระผมขอพูดถึงเรื่องของ DISC กับการพัฒนาภาวะผู้นำ
DISC จึงเป็นเครื่องมือตัวหนึ่งที่จะทำให้เราเกิดความเข้าใจตนเองและผู้อื่น
DISC ได้แบ่งหรือจัดหมวดหมู่โดยแบ่งคนออกเป็น 4 แบบ ตามหลักทฤษฏีของ Dr.William Marston นักวิชาการจาก Harvard University ซึ่งได้เขียนหนังสือ เรื่อง “ The Emotions of Normal People ”
DISC มาจากอักษรย่อจากคำในภาษาอังกฤษ 4 คำ คือ Dominance (D), Influence (I), Steadiness (S) และCompliance (C)
DISC ได้บอกถึงพฤติกรรมของคนที่มีความแตกต่างกัน ไม่มีแบบใดดีที่สุดหรือเลวที่สุด แต่ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับการนำไปปรับใช้ของแต่ละบุคคลให้เข้ากับสถานการณ์ DISC จึงสามารถแบ่งคนเป็น 4 แบบ ได้ดังนี้
D: Dominance มีพฤติกรรม พูดเร็ว เสียงดัง ฟังชัดเจน พูดจาตรงไปตรงมา ปากไว มีความมั่นใจในตนเอง กล้าตัดสินใจ มีความเด็ดขาด กล้าแสดงความคิดเห็น ทำงานรวดเร็ว คล่องแคล่ว เน้นผลลัพธ์ ชอบริ่เริ่มสร้างสรรค์ ชอบความท้าทาย รักการผจญภัย ชอบการแข่งขัน

I: Influence มีพฤติกรรม ชอบงานสังคม พูดเก่ง ช่างเจรจาต่อรอง ชอบงานบันเทิง ชอบพบปะผู้คน มีความกระตือรือร้น มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีความสนุกสนาน มีอารมณ์ขัน ชอบการสื่อสาร มองโลกในแง่ดี มีความเอื้ออาทรต่อผู้อื่น

S: Steadiness มีพฤติกรรม มีความระมัดระวัง ใจเย็น ชอบความปลอดภัย มีความอดทนหนักแน่น สุขุมรอบคอบ เป็นนักฟังที่ดี สุภาพเรียบร้อย มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ทำงานตามแบบแผนที่กำหนดไว้ ไม่กล้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดรวดเร็ว มีความประณีต ไม่รีบร้อนค่อยเป็นค่อยไป

C: Compliance to own standard มีพฤติกรรม เจ้าระเบียบมีความละเอียดรอบคอบ กล้าตัดสินใจเด็ดขาด รวดเร็ว อิงกฎเกณฑ์มีวินัยสูง เน้นการคิดวิเคราะห์ เป็นคนมีเหตุผล ครุ่นคิด เก็บความรู้สึกเก่ง ไม่ชอบพูดมาก เป็นนักคิด นักวางแผนที่ดี
เพื่อให้เกิดความเข้าใจง่ายขึ้น จึงของสรุปทฤษฎี DISC ดังนี้
Dominance (D) = เป็นคนชอบแสดงออก มุ่งทำงานมากกว่ามุ่งคน
Influence (I) = เป็นคนชอบแสดงออก มุ่งคนมากกว่ามุ่งงาน
Steadiness (S) = เป็นคนไม่ชอบแสดงออก มุ่งคนมากกว่ามุ่งงาน
Compliance (C) = เป็นคนไม่ชอบแสดงออก มุ่งงานมากกว่ามุ่งคน
ทั้งนี้ ผู้อ่านจะทราบได้อย่างไรว่า ตนเองเป็นคนแบบใดใน 4 แบบ กระผมคิดว่า ท่านคงต้องสังเกตตนเอง แต่ถ้าให้ง่ายขึ้น เราคงต้องทำแบบทดสอบตนเอง ซึ่งจะทำให้เรารู้ได้ง่ายขึ้นโดยผ่านเครื่องมือต่างๆ
ท้ายนี้ การรู้จักตนเองและผู้อื่น ยังมีอีกหลายทฤษฏีที่เราสามารถนำมาใช้ได้ กระผมจะได้ทยอยเขียน ไม่ว่าเรื่องของ นพลักษณ์ ( Enneagram) มีการแบ่งจำแนกคนออกเป็น 9 ประเภท , กรุ๊ปเลือด อ่านคน ( A B O AB) , อ่านคนตาม โหงวเฮ้ง เป็นต้น






...
  
ข้อดีของการให้ออกจากงาน
ข้อดีของการให้ถูกออกจากงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ในช่วงสภาวะการที่องค์กรลดกำลังคน หรือ ในช่วงภาวะปกติ การว่างงาน การตกงานถือว่าเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา ของการใช้ชีวิตของการทำงาน และกระผมเชื่อแน่ว่าหลายๆท่าน ในขณะนี้ คงประสบกับภาวะการว่างงาน ดังกล่าวคือ การถูกไล่ออกจากงานหรือถูกให้ออกจากงาน หลายท่านทำใจได้ยาก นั่งกลุ้มใจ เป็นทุกข์ แต่ความเป็นจริงแล้ว การถูกให้ออกจากงาน มีข้อดีอยู่ไม่น้อยทีเดียว ข้อดีของการถูกให้ออกจากงาน คือ
1.ทำให้เป็นช่วงเวลาที่เรา มีอิสระ อย่างเต็มที่ เพราะชีวิตการทำงานที่ผ่านมา เรามักถูกควบคุมด้วย เรื่องของ กฎ ระเบียบ เวลา สถานที่ เจ้านาย เช่น การทำงานประจำมักต้องมีเวลาเข้าออกในการทำงาน , ต้องมีกฎระเบียบ วันลา วันหยุด วันทำงาน , ต้องทำงานตามสถานที่ที่องค์กรกำหนด ไม่ว่าจะต้องถูกย้ายไปอยู่ในจังหวัดหรืออำเภอต่างๆ , อีกทั้งยังเป็นอิสระจากเจ้านายที่คอยบ่น บังคับ ควบคุม ฯลฯ
2.ทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น ซึ่งทำให้เราสามารถทำอะไรก็ได้ ตามใจที่เราปรารถนา ในขณะที่ตอนที่เราทำงานประจำเราไม่สามารถทำได้ เช่น ออกเดินทางไปต่างจังหวัดไปหรือไปต่างประเทศ ในช่วงระยะเวลานานๆ ได้ , ทำให้มีเวลาว่างในการอยู่กับครอบครัวมากขึ้น , มีเวลาในการออกกำลังกายมากขึ้น , มีเวลาไปปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ มากขึ้น , ทำให้เราสามารถนอนพักผ่อนได้เป็นเวลาที่นานๆขึ้นกว่าตอนที่ต้องทำงานประจำที่ต้องตื่นนอนแต่เช้า ต้องลำบากในการเดินทางโดยใช้เวลานานๆ ฯลฯ
3.ทำให้เราได้มีโอกาสได้พัฒนาศักยภาพมากขึ้น เช่น ไปอบรมตามสถาบันต่างๆ , ไปอบรมในหลักสูตรต่างๆ ตัวอย่าง ไปพัฒนาทักษะการพูดต่อหน้าที่ชุมชน , ไปพัฒนาทักษะทางด้านการใช้ภาษาอังกฤษ , ไปพัฒนาทักษะในการเขียนหนังสือ , ทำให้เราได้มีโอกาสใช้เวลาว่างในการพัฒนาสร้างสรรค์ผลงานของเราให้ดียิ่งขึ้น หรือบางท่านอาจใช้เวลาว่างนี้ในการเรียนต่อในระดับปริญญาตรี , ปริญญาโท หรือปริญญาเอก ฯลฯ
4.ทำให้เราได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับผู้คนต่างๆ เช่น ทำให้เราใช้เวลาว่างในการไปเยี่ยมเยือนญาติที่ไม่ได้มีโอกาสติดต่อกันนาน , ทำให้เราได้มีโอกาสไปพบไปหาคุณพ่อคุณแม่ , ทำให้เราได้มีโอกาสไปพบปะเพื่อนฝูงที่ไม่ได้พบปะกันมานาน ฯลฯ การพบปะพูดคุยกันจะทำให้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้คนและเมื่อมีอะไรดีๆ เขาก็จะคอยให้ความช่วยเหลือเรา
5.เป็นข้อที่สำคัญที่สุด กล่าวคือ ทำให้เราได้มีโอกาสทบทวนตัวเอง ทำให้เราได้รู้จักตัวตนของเรามากขึ้น โดยหาตัวตนว่าสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เรารักจริงๆ คืออะไร ข้อดีของเรามีอะไรบ้าง ข้อบกพร่องของเรามีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น บางท่านทำงานประเภทต่างๆ มามากมาย เปลี่ยนงานมาหลายสิบงาน แต่สุดท้ายถูกให้ออกจากงาน แล้วจึงกลับมาทบทวนตนเองดูว่าตนต้องการอะไร หรือ รัก ชอบ อะไร จริงๆ ในชีวิต ปรากฏว่า เขารักในการทำอาหาร ชอบทำอาหาร จึงได้เปิดร้านขายอาหาร หรือ ร้านขายขนม จนสร้างความร่ำรวยให้กับตนเองและครอบครัว และที่สำคัญที่สุดก็คือ เขามีความสุขเป็นอย่างมากในการทำอาหาร เป็นต้น
สรุป คือ ทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งด้านบวก ด้านลบ มีทั้งด้านดีและด้านเสีย หากเราสามารถมองโลกในแง่ดี เราก็สามารถมีความสุขในการใช้ชีวิต เนื่องจากชีวิตของคนเราสั้นนัก เราจึงไม่ควรอมทุกข์ การตกงานหรือการว่างงาน จึงมีข้อดี หากเราสามารถมองในด้านดี ซึ่งกระผมยังไม่ได้กล่าวถึงอีกหลายข้อ เช่น หากเราทำงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี หรือ ทำงานเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เกิดมลภาวะ การถูกให้ออกจากงานจึงทำให้เรามีความปลอดภัยในเรื่องของสุขภาพ คุณภาพชีวิต อีกด้วย

...
  
นพลักษณ์ ศาสตร์แห่งการรู้จักตนเองและผู้อื่น
นพลักษณ์ ศาสตร์แห่งการรู้จักตนเองและผู้อื่น
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.co
นพลักษณ์ หรือ เอ็นเนียแกรม(Enneagram) ไม่ได้เป็นศาสตร์ใหม่เลยสำหรับสังคมไทย
นพลักษณ์ เป็นศาสตร์ที่ทำให้เราได้เรียนรู้จักตนเองและผู้อื่นมากขึ้น โดยมีการแบ่งคนออกเป็น 9 ลักษณ์ อีกทั้งแยกนิสัยบุคลิกคนออกเป็น 9 บุคลิก 9 ลักษณะ คือ
1.ลักษณ์หนึ่ง : Perfectionist (คนสมบูรณ์แบบหรือคนเนี๊ยบ) ชอบทำงานตามตารางที่ชัดเจน , เป็นคนคิดละเอียดรอบคอบ ชอบอยู่โดดเดียว เป็นคนที่มุ่งการทำงานมากกว่ามุ่งความสัมพันธ์ของคน มองอะไรตรงไปตรงมา ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ไม่ค่อยแสดงออกเวลาโกรธ ฯลฯ
2.ลักษณ์สอง : Giver (ผู้ให้) เป็นผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี , ชอบช่วยเหลือผู้อื่น , มีการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่ดีจนอาจกล่าวได้ว่าเป็นคนที่มีหลายบุคลิก , ไวต่อความรู้สึกของผู้อื่น , ร่าเริงแจ่มใส ฯลฯ
3.ลักษณ์สาม : Performer (นักแสดงหรือนักปฏิบัติ) เป็นคนทุ่มเทการทำงาน , ต่อสู้ชีวิต , ชอบการแข่งขัน , ต้องการเป็นผู้ชนะ , เป็นคนกระตือรือร้น , ไม่ทนต่อคำวิจารณ์ของผู้อื่น , มุ่งงานมากกว่ามุ่งคน ฯลฯ
4.ลักษณ์สี่ : Romantic (คนโศกซึ้ง) เป็นคนอ่อนไหว , ชอบงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ , การทำงานที่มีประสิทธิภาพมากน้อยมักขึ้นอยู่กับสภาพของอารมณ์ในขณะนั้น , มีอารมณ์ศิลปิน , มีความลึกซึ้งทางด้านอารมณ์ ฯลฯ
5.ลักษณ์ห้า : Observer (ผู้สังเกตการณ์) เป็นคนหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง , ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง , ต้องการความปลอดภัย , รู้จักสงบนิ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤต , รักษาความลับได้ดี , เป็นคนช่างคิด ฯลฯ
6.ลักษณ์หก : Questioner (คนช่างระแวงหรือนักปุจฉา) เป็นคนช่างตั้งคำถามและสนใจที่จะตรวจสอบ , ชอบเก็บตัวมากกว่าชอบเข้าสังคม , ความกลัวหรือความกังวล อาจทำให้ประสบความสำเร็จยาก , เป็นผู้ร่วมทีมงานที่ดีแต่มักไม่ชอบเป็นผู้นำทีม ฯลฯ
7.ลักษณ์เจ็ด : Epicure (นักเสพสุดยอดหรือนักผจญภัยหรือคนหรรษา) เป็นคนที่ชอบสร้างความสำราญให้กับผู้ที่อยู่ร่วมทำงาน , เป็นคนช่างเล่น , มีพลัง มีความร่าเริง กระตือรือร้น มองโลกในแง่ดี , ชีวิตต้องการสร้างสรรค์สิ่งแปลกๆใหม่ๆ , เปิดรับความคิดใหม่ๆ มากกว่าความคิดเดิมๆ ฯลฯ
8.ลักษณ์แปด : Boss (ผู้ปกป้อง หรือ เจ้านายหรือคนกล้า) เป็นคนตรง , ไม่ชอบความไม่ยุติธรรม , เวลาโกรธก็แสดงออกมา ไม่ซ้อนเร้น , เป็นคนแข็งนอกแต่อ่อนใน , เห็นการประนีประนอมว่าเป็นความอ่อนแอ , มักมองว่าตนเป็นฝ่ายถูก , มองตนเองเป็นศูนย์กลาง ฯลฯ
9.ลักษณ์เก้า : Mediator (ผู้ประสานไมตรี) เป็นนักประสานงานที่ดี , ชอบสันติ ,ไม่ชอบความขัดแย้ง , ไม่ชอบการเสี่ยง , เป็นคนชอบผ่อนคลาย , ไม่ชอบการตัดสินใจ , เมื่อโกรธจะแสดงออกด้วยการเพิกเฉย ฯลฯ
ฉะนั้น คนเราทุกคน จะมีลักษณะตามลักษณ์ทั้ง 9 ลักษณ์ที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งทั้ง 9 ลักษณ์ ท่านสามารถศึกษาได้เพิ่มเติมที่ สมาคมนพลักษณ์ไทย หรือลองเข้าไปดู http://www.enneagramthailand.org/ ซึ่งมีการเปิดสอนและฝึกอบรม อีกทั้งปัจจุบัน ยังมีหนังสืออีกหลายเล่ม ที่เขียนเกี่ยวกับ นพลักษณ์ให้ได้อ่านกัน เช่น นพลักษณ์ – คู่มือสังเกตตนเอง , นพลักษณ์ : แผนที่เข้าถึงคน เข้าถึงตน , แก่นพนลักษณ์ ฯลฯ
สำหรับการตรวจสอบว่า ตนเองอยู่ลักษณ์ใด คงต้องใช้เวลา และในปัจจุบันมีเครื่องมือ แบบทดสอบลักษณ์ ให้ได้มีการประเมินตนเอง และประเมินผู้อื่นอีกด้วย นพลักษณ์ จึงเป็นศาสตร์แห่งการรู้จักตนเองและผู้อื่น อย่างแท้จริง หากว่าท่านได้ศึกษาอย่างแท้จริง ก็จะเกิดประโยชน์ต่อตัวท่านและผู้อื่น
...
  
ความล้มเหลวอาจเป็นสิ่งที่ดี
ความล้มเหลวอาจเป็นสิ่งที่ดี
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
 ความสำเร็จมักก่อตัวขึ้น จากเถ้าถ่านของความล้มเหลว...
 ระดับความสำเร็จคือแรงสะท้อนจากการเคยประสบความล้มเหลวมาก่อน
 ไม่มีใครลุกขึ้นมาจากความล้มเหลวได้โดยไม่แข็งแกร่งและเฉลียวฉลาดกว่าเดิม
o กระผมเชื่อแน่ว่าท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินเกี่ยวกับประโยคเหล่านี้ที่มีความเกี่ยวข้องกับความล้มเหลว ซึ่ง
บุคคลที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกคน มักจะต้องผ่านความล้มเหลวมาด้วยกันแทบทั้งสิ้น แต่พวกเราส่วนใหญ่มักจะชื่นชมว่าเขาเป็นคนเก่ง เป็นคนมีโชค วาสนา แต่หารู้ไม่ว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกๆคน มักจะต้องเคยผ่านความยากลำบาก เคยผ่านความล้มเหลวมาเกือบทุกคน
- บิล เกตส์ กว่าจะร่ำรวยและประสบความสำเร็จเหมือนทุกวันนี้ เขาต้องทุ่มเท กำลังใจ
กำลังกายและกำลังความคิด เขาต้องพบกับความล้มเหลวนานัปการในการเริ่มต้นธุรกิจของเขา เพื่อนมักจะดูถูกเขาว่าเป็นคนสกปรก บ้าคอมพิวเตอร์ อีกทั้งเขาเคยถูกบริษัท IBM ดูถูกว่าเขาเป็นแค่ เด็ก แต่ในที่สุด เขากลับกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก
- เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิลล์ อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ บุรุษเหล็กแห่งมหาสงครามโลกครั้งที่ 2
ตอนเด็กๆ เขาเป็นคนติดอ่าง และมีปัญหาทางการพูดอย่างมาก เขาเคยล้มเหลวในการพูด เคยถูกดูถูกทำให้เขาได้รับความอัปยศอดสู แต่แล้วเมื่อเขาผ่านการฝึกฝน เขาไม่ย่อท้อต่อความล้มเหลวในที่สุด เขากลายเป็นนักพูดระดับชาติและผู้คนยอมรับเขาทั่วโลกในการพูดเลยทีเดียว มีครั้งหนึ่งที่ท่านได้ถูกนิสิต นักศึกษา ถามว่าทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิลล์ ตอบว่า “ Never ,Never ,Never , Never ,Never Give Up ” แปลว่า (ห้าม ห้าม ห้าม ห้าม ห้าม ล้มเลิก)
- วอลท์ ดีสนีย์ ราชาการ์ตูนวอลท์ ดีสนีย์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ก็พบกับความล้มเหลวมาอย่างมาก
มาย เขาเคยตั้งบริษัทสร้างภาพยนตร์ แต่ถูกพนักงานบริษัทของเขายักยอกเงินหอบเงินหนีไป บริษัทของเขาประสบปัญหาจนล้มละลาย หลังจากที่เขาใช้หนี้จนหมด เขาจึงเริ่มสร้างภาพยนตร์ใหม่โดยการเช่าโรงรถของอาของเขา ความล้มเหลวไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง แต่เขาต่อสู้จนในที่สุด เขาประสบความสำเร็จในการสร้างภาพยนตร์การ์ตูนจนโด่งดังไปทั่วโลก
- และยังมีตัวอย่างของผู้ประสบความล้มเหลวอีกมากมายที่ต่อสู้จนประสบความสำเร็จในธุรกิจ
จงกล้าที่จะล้มเหลว เพราะบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยพบหรือเคยต่อสู้กับความล้มเหลวมาก่อน มักจะไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานหรือทำกิจการใดๆ
ความจริงแล้ว ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความพ่ายแพ้เพียงชั่วคราวเท่านั้นเอง แต่ถ้าหากว่า
เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน เราไม่ล้มเลิก สักวันหนึ่งเราก็จะประสบความสำเร็จ จงอย่าหยุดเสียกลางคัน จงอย่าเลิกล้มความพยายาม เพราะนักปราชญ์ในอดีตบางท่านได้กล่าวไว้อย่างสวยงามว่า “ หากท่านต้องการประสบความสำเร็จในอาชีพการงานของท่าน ถ้าหากว่าท่านล้มเหลวถึงสิบครั้ง แต่ท่านก็ยังได้พยายามต่อไป นั้นแสดงว่าความมีอัจฉริยะได้เกิดขึ้นในหน้าที่การงานของท่านแล้ว จงพยายามทำต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ
จงอย่าลืมว่าไม่มีใครสามารถตราหน้าเราได้ว่าเราเป็นคนล้มเหลวได้ นอกจากตัวเราเอง อย่าให้คำพูดของผู้อื่นมาตัดสินตัวเรา อย่าให้คำพูดของคนอื่นมากำหนดชะตาชีวิตของเรา “ ผู้ชนะไม่เคยยอมจำนน และผู้ยอมจำนนไม่มีวันชนะ ” เป็นคติพจน์ของคนโบราณแต่ก็ยังใช้ได้และให้แง่คิดกับเราได้เป็นอย่างดี
จงระลึกไว้ว่า ความล้มเหลว ความลำบาก ความทุกข์ยาก ทุกครั้ง ได้แฝงมาซึ่งประโยชน์ในอนาคตที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ
...
  
สาเหตุที่ทำให้เราบริหารเวลาไม่ดี
สาเหตุที่ทำให้เราบริหารเวลาไม่ดี
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
หลายท่านได้เรียนรู้ ได้อ่าน ได้ศึกษา เกี่ยวกับเรื่องการบริหารเวลามามาก แต่ก็ไม่สามารถบริหารเวลาได้ดี ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ซึ่งสาเหตุสำคัญในการทำให้เราบริหารเวลาได้ไม่ดีมีอยู่ 2 สาเหตุ คือ
1.ตัวเราเอง ตัวเราเองมีความสำคัญที่สุดในเรื่องของการบริหารเวลา หลายคนบริหารเวลาไม่ดี เนื่องมาจาก
- การไม่มีเป้าหมาย ไม่มีทิศทางในการดำเนินชีวิต สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก การไม่มีทิศทางเปรียบเสมือนเรือที่ลอยอยู่กลางทะเล แต่หากเรามีเป้าหมาย มีทิศทาง เปรียบเสมือนเรือที่เคลื่อนตัวเข้าไปหาฝั่ง อีกทั้งการมีเป้าหมายยังสามารถทำให้เรากำหนดระยะเวลา กำหนดความเร็วในช่วงเวลาต่างๆได้อีกด้วย
- การไม่มีแผนการหรือการวางแผน การวางแผนมีความสำคัญมากต่อการบริหารเวลาของคนเรา เพราะหากปราศจากการวางแผนแล้ว เราก็จะไม่รู้ว่า วันพรุ่งนี้เราต้องทำอะไร วันมะรือนี้เราต้องทำอะไร วันมะเรื่องนี้เราต้องทำอะไร อาทิตย์หน้าเราต้องทำอะไร เดือนหน้าเราต้องทำอะไร ปีหน้าเราต้องทำอะไร
- การไม่มีวินัยในตนเองหรือชอบผัดวันประกันพรุ่ง กล่าวคือมีการวางแผนแล้ว แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เลยทำให้ผลงานออกมาไม่ตรงกับเป้าหมายหรือแผนที่วางไว้ เพราะบางคนทำๆ หยุดๆ ไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง และมีหลายๆท่านชอบเก็บงานที่ค้างไว้ทำในวันต่อๆไป ทำให้กลายเป็น “ ดินพอกหางหมู”
- ไม่ใช่เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ เทคโนโลยีทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน อีกทั้งยังทำให้ประหยัดเวลาได้อีกด้วย เช่น การใช้โทรศัพท์ติดต่อธุรกิจ,การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน, การใช้อินเตอร์เน็ตติดต่อสื่อสารและค้นหาข้อมูลต่างๆ อีกทั้งการประชุมในยุคปัจจุบันเรายังประชุมข้ามประเทศ ข้ามจังหวัด ได้ก็ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อีกด้วย
- ไม่รู้จักจัดความสำคัญ บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาไปกับเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อน เพราะไม่มีใครสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ ฉะนั้น งานบางงานที่ไม่มีความสำคัญเราอาจให้คนอื่นทำแทนหรือใช้ผู้อื่นไปทำแทนได้
- ไม่กล้าปฏิเสธ หลายๆคนไม่กล้าปฏิเสธ แทนที่จะได้ทำงานของตนเองให้เสร็จทันเวลาหรือตามแผนที่วางไว้ กับถูกผู้อื่นขอร้องให้ทำงานของคนอื่น แทนที่จะใจแข็งรู้จักปฏิเสธกับให้การช่วยเหลือ ทำให้งานของตนเองที่จะทำกลับไม่ได้ทำ
- วางระบบ จัดโต๊ะ ในการทำงาน การวางระบบ การจัดโต๊ะทำงานจะทำให้เราประหยัดเวลาในการค้นหาสิ่งของต่างๆ ยิ่งหากท่านเป็นนักเขียน ท่านควรมีห้องสมุดส่วนตัว อีกทั้งควรจัดหนังสือให้เป็นหมวดหมู่เพื่อง่ายต่อการค้นหา
2.ผู้อื่น เป็นปัจจัยอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราบริหารเวลาได้ไม่ดี เช่น เจ้านายเรียกประชุมแบบกะทันหัน , เพื่อนหรือคนรู้จัก ชวนพูดคุยเป็นเวลานาน , การประชุมนานเกินกว่ากำหนดการที่วางเอาไว้เพราะมีคนเสนอความคิดเห็นมากจนเกินไป , การถูกขอร้องจากผู้อื่นเพื่อขอความช่วยเหลือ เป็นต้น
อีกทั้งยังมีปัจจัยเสริมที่ทำให้เราบริหารเวลาไม่ได้ดี เช่น การเดินทางไปทำงานแล้ว รถติด รถเกิดเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ , สภาพอากาศหรือสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง ฝนตกหนัก น้ำท่วม ถนนทรุด ฯลฯ
จากข้อความข้างต้น สาเหตุที่ทำให้เราบริหารเวลาไม่ดี ผมให้น้ำหนักไปที่ตัวของเราเองเป็นหลัก เพราะหากเรามีเป้าหมายชีวิต มีการวางแผน มีวินัย มีการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีต่างๆช่วย รู้จักลำดับความสำคัญ รู้จักวางระบบการทำงาน และอีกทั้งรู้จักกล้าปฏิเสธในกิจกรรมที่ทำให้เราเสียเวลา เราก็จะสามารถบริหารเวลาได้ดียิ่งขึ้น สำหรับปัจจัยอื่นเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น
...
  
ความเชื่อมั่นในการพูด
จะพูดให้ดี…ต้องรู้จักสร้างความเชื่อมั่น...
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
บุคคลไม่ว่าจะมีความรู้มากมายขนาดไหน มีการศึกษาสูงเพียงไร แต่หากขาดซึ่งความเชื่อมั่นแล้ว เขาก็ไม่สามารถนำเอาความรู้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง แก่ผู้อื่นและประเทศชาติได้ เข้าทำนองคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า “ มีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ”
ตรงกันข้ามกับบุคคลที่ไม่มีการศึกษาสูง ไม่มีปริญญา มีการศึกษาน้อยนิด แต่เขาสามารถเป็นผู้นำและเปลี่ยนแปลงโลกได้ ดังเช่น ฮิตเลอร์ อดีตผู้นำของเยอรมัน ไม่ได้เรียนจบปริญญา แต่ด้วยความเชื่อมั่น เขาสามารถพูดชนะใจ ประชาชนชาวเยอรมัน และสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไปในแนวทางที่เขาวางไว้ได้
ซึ่งความเชื่อมั่นนี้ ผู้ที่ต้องการเป็นนักพูด จะต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความเชื่อมั่นในข้อมูลหรือความรู้ที่ตนเองได้เตรียมไว้ มีความเชื่อมั่นในความคิดความอ่านของตนเอง เพราะว่าหากท่านมีความเชื่อมั่นในตนเอง ท่านสามารถเป็นอะไรก็ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งเป็นนักพูด
ความเชื่อมั่นนี้มีความสำคัญมากในการพูดต่อหน้าที่ชุมชน เพราะถ้าหากผู้พูดไม่เชื่อมั่นในตนเองแล้ว ผู้ฟังก็มักจะไม่มีความเชื่อมั่น ไม่มีความศรัทธาในตัวของผู้พูด ความเชื่อมั่นนี้ยังรวมถึงการแสดงออกภายนอกของผู้พูดอีกด้วย เช่น ท่าทาง บุคลิกภาพ น้ำเสียงในการพูด สีหน้า ฯลฯ
ความประหม่า ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวทำลายความเชื่อมั่น ซึ่งวิธีแก้ความประหม่า เคยมีครูอาจารย์หลายท่านที่ได้แนะนำไว้ว่า ผู้พูดควรพูดเสียงดังกว่าปกติเพียงเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้น แล้วค่อยเบาเสียงลงให้อยู่ในภาวะปกติ หรือ ก่อนพูดควรดื่มน้ำเย็นเพียงสักเล็กน้อย ต้องขอย้ำนะครับว่า เพียงสักเล็กน้อย เพราะถ้าบางท่านนำคำแนะนำไปใช้แต่ดันดื่มมาก จะทำให้เกิดการปวดฉี่ได้ในเวลาพูดบนเวที หรือ ก่อนขึ้นพูดควรพูดปลุกกำลังใจตนเองในใจ เช่น สู้ตาย , การพูดในหัวข้อนี้ข้าพเจ้ารู้ดีที่สุด , ใครเต็มที่ไม่เต็มที่ไม่รู้เราเต็มที่ไว้ก่อน ฯลฯ
ฉะนั้น หากใครสามารถปฏิบัติได้ตามคำแนะนำข้างต้นนี้ ก็จะช่วยลดความประหม่าไปได้บางส่วน แต่ข้อแนะนำที่สำคัญที่สุด ในการแก้ความประหม่าก็คือ ท่านต้องขึ้นพูดบ่อยๆ นั้นเอง เพราะ ถ้าเรากลัวสิ่งไหนแล้วเราทำสิ่งนั้น ความกลัว ความประหม่า ก็จะลดน้อยลงไปเอง
และไม่ควรเชื่อคำแนะนำที่ผิดๆ เนื่องจากบางท่านมีอาการประหม่า จึงไปถามเพื่อนฝูงว่าจะแก้ไขอย่างไร เพื่อนฝูงบางท่านจึงแนะนำให้ไปดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ หรือ เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ ซึ่ง หากท่านใดปฏิบัติตามอาจก่อให้เกิดปัญหาได้มากกว่าที่จะแก้ปัญหา เนื่องจากเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ เมื่อดื่มไปมากๆ มักทำให้ผู้พูด ขาดสติหรือมีสติลดน้อยลง อาจทำให้เกิดการผิดพลาดในการพูดได้
แต่ หากว่าเรามองโลกในแง่ดี ความจริงความประหม่า ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน เพราะเจ้าตัวประหม่านี้จะทำให้นักพูดท่านนั้น เกิดพัฒนาตนเองได้มากขึ้น เนื่องจากหากข้อมูลไม่พร้อม การเตรียมตัวไม่ดี ก็อาจจะทำให้เกิดความประหม่าหรือความกลัว ฉะนั้น เพื่อลดความประหม่าและลดความกลัว จึงทำให้เกิดการเตรียมข้อมูลมากขึ้น เตรียมการพูดมากขึ้น เมื่อเตรียมการพูดมากขึ้น ก็จะทำให้เกิดความมั่นใจในการพูดยิ่งขึ้น
ตรงกันข้าม หากผู้ใดไม่มีความประหม่า ไม่วิตกกังวลเลย ก็จะทำให้ผู้นั้นประมาท ซึ่งมีผลทำให้ขาดการเตรียมข้อมูล ขาดการเตรียมตัว ไม่ทำการบ้าน กล่าวคือมีความรู้แค่ไหนก็พูดแค่นั้น ทำให้การพูดในครั้งนั้นๆ ไม่มีคุณภาพ ไม่มีข้อมูลใหม่ๆ มานำเสนอ ขาดตัวอย่างประกอบ

ดังนั้น หากท่านปรารถนาจะเป็นนักพูด ท่านต้องเข้าใจเสียก่อนว่า ไม่มีใครหรืออิทธิพลอันใดที่จะช่วยท่านได้ นอกจากตัวของท่านเอง ตัวเราเองต่างหากที่กำหนดชะตาชีวิตของเราเอง ว่าเราจะเป็นนักพูด ตามที่เราใฝ่ฝันได้หรือไม่ ตัวเราเองต่างหากต้องสร้างความเชื่อมั่น สร้างความศรัทธาให้เกิดขึ้นกับตัวเราเอง เราจะเป็นนักพูดระดับธรรมดาสามัญ หรือ นักพูดที่ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นและความปรารถนาอย่างแรงกล้าในตัวของเรา




...
  
ความล้มเหลวทำให้ท่านประสบความสำเร็จ
ความล้มเหลวทำให้ท่านสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
“ ร้อยละเก้าสิบของคนที่ล้มเหลวแท้ที่จริงแล้วไม่ได้พ่ายแพ้...เขาเพียงแต่ล้มเลิกไป... ”
พอล เจ.เมเยอร์
เมื่อกล่าวถึงเรื่องราวระหว่างความล้มเหลวและความสำเร็จ ผู้คนโดยมากมักชอบพูดถึงแต่เรื่องความสำเร็จมากกว่าความล้มเหลว แม้แต่สื่อมวลชนเอง ก็มักจะสัมภาษณ์บุคคลที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่ล้มเหลว แต่แท้ที่จริงแล้ว บุคคลที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกๆคน มักเป็นคนที่ประสบความล้มเหลวมาก่อน โดยกันเกือบทั้งสิ้น
- อัลเบิรต์ ไอนสไตน์ ในวัยเด็กเขามักถูกครูและเพื่อนๆ มองว่าเป็นเด็กที่ผิดปรกติ ชอบ
จินตนาการ ชอบฝันกลางวัน เขาเคยสอบเข้าเรียนโรงเรียนโพลีเทคนิคซูริคซึ่งอยู่ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ไม่ได้ เขาเคยสอบตก เขาเป็นคนที่เรียนรู้ได้ช้า สาเหตุคงเกิดจากความพิการทางการอ่านและการเขียนของเขา แต่โลกทั้งโลกต้องตะลึงในความเป็นอัจฉริยะในตัวเขา กับการคิดค้นทฤษฏีสัมพัทธภาพ
- คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ใครๆ ก็บอกว่าเขาเป็นบ้า.... เขาเชื่อว่าโลกกลม...ซึ่งขัดแย้งกับผู้คนใน
ยุคนั้นที่เชื่อว่าโลกแบน อีกทั้งการเดินเรือแบบรอบโลกยังคงมีข้อจำกัดมากในเรื่องของอาหาร เทคโนโลยีการเดินเรือในสมัยนั้น เขาเป็นนักสำรวจ นักเดินเรือและพ่อค้า เขาถูกปฏิเสธหลายครั้งในการนำโครงการเดินเรือไปขอทุนต่อราชสำนักในโปรตุเกส เขาต่อสู้จนหาทุนทำโครงการเดินเรือได้ จนในที่สุดเขาคือผู้ค้นพบดินแดนต่างๆ มากมายซึ่งคนในสมัยนั้นไม่มีใครรู้จัก เช่น หมู่เกาะบาฮามาส , หมู่เกาะซานซัลบาดอร์ , หมู่เกาะเกรตเตอร์แอนทิลลิส ., โลกใหม่แห่งตะวันตก ฯลฯ จากการกระทำของเขาทำให้โลกสามารถเชื่อมไปมาหากันได้โดยทั่วโลก
- โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ นักกีฬาชาวอังกฤษ นักวิ่งคนแรกที่วิ่งทำลายสถิติ หนึ่ง
ไมล์(1,609 เมตรใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาที ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สุขภาพได้ประกาศย้ำว่าเกินขีดความสามารถของมนุษย์ ใครๆก็บอกว่า ทำไม่ได้ หรือในสมัยนั้น ไม่มีใครสามารถทำได้ เขาพยายามฝึกซ้อมแต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งในการวิ่ง หนึ่งไมล์(1,609 เมตร ใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาที จนในที่สุด เขาสามารถทำได้ในปี 1954 เขาทำสถิติได้( 3 นาที 59.4 วินาที) แล้วอีกไม่นานต่อมาก็มีคนทำลายสถิติ การวิ่ง หนึ่งไมล์ใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาที ได้อีกเป็นจำนวนมาก
- นีล แอลเดน อาร์มสตรอง ใครๆ ก็บอกว่า เป็นไปไม่ได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว กับการเหยียบดวง
จันทร์เป็นคนแรกกับยานอพอลโล 11 ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นแล้วก็ล้มเหลวแล้วล้มเหลวอีก จนในที่สุดปี พ.ศ.2512หรือ ค.ศ.1969 จึงประสบความสำเร็จ
- เนลสัน แมนเดลา นักโทษทางการเมือง ซึ่งต่อสู้ทางการเมืองมาอย่างยาวนาน ถูกคุมขังอย่าง
ยาวนานถึง 25 ปี เขาต้องอยู่ในคุกด้วยความยากลำบาก แต่เขาก็ไม่เคยทอดทิ้งอุดมการณ์ทางการเมืองและความเชื่อทางการเมืองของเขาเลยแม้แต่น้อย คงไม่มีใครคิดว่าเขาคงจะได้ออกจากคุกเพื่อมาเป็นอิสรภาพอีกครั้ง แต่ในที่สุด เขาคือประธานาธิบดีของชาวอาฟริกาใต้ ตอนอายุ 76 ปี
บุคคลดังกล่าวข้างต้นนี้ เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จโดยผ่านความล้มเหลว และความยากลำบากมาด้วยกันทั้งสิ้น เพราะถ้า อัลเบิรต์ ไอนสไตน์ , คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส, โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ , นีล แอลเดน อาร์มสตรอง และ เนลสัน แมนเดลา ยอมรับความพ่ายแพ้ ยอมเลิกล้ม ไม่ต่อสู้ต่อ ไม่ศรัทธาในสิ่งที่ตนเองทำ เขาเหล่านี้ก็ไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า คนที่ประสบความสำเร็จ มักเป็นคนที่ล้มเหลว เป็นคนที่ยากลำบาก เป็นคนที่ต้องต่อสู้กับสิ่งต่างๆมาอย่างมากมาย เขาจึงประสบความสำเร็จ จงอย่ากลัวความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวอาจจะนำท่านไปสู่ความสำเร็จและโอกาสใหม่ๆ ที่ท่านอาจคาดไม่ถึง
...
  
การบริหารเวลากับเส้นตาย
การบริหารเวลากับเส้นตาย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
กฎของพาร์คินสัน คิดโดยศาสตราจารย์พาร์คินสัน มีอยู่ทั้งหมดด้วยกัน 10 ข้อ แต่ในที่นี้กระผมขอกล่าวเฉพาะข้อที่ 1 ซึ่งมีหลักการที่สามารถนำมาใช้เกี่ยวกับเรื่องการบริหารเวลาได้เป็นอย่างดี คือ “ งานย่อมยืดออกไปจนกว่าจะครบเวลาที่จะส่งงานหรือเพื่อให้งานเสร็จ”
ดังตัวอย่างที่ศาสตราจารย์พาร์คินสันได้ยกตัวอย่างเอาไว้ดังนี้ “คนที่ยุ่งที่สุดคือคนที่มีเวลาเหลือ” ดังนั้น หญิงชราที่มีเวลาว่างอาจจะใช้เวลาทั้งวันในการเขียนจดหมายถึงหลานสาว เธออาจจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงค้นหาไปรษณียบัตร หนึ่งชั่วโมงค้นหาแว่นตา ครึ่งชั่วโมงค้นหาที่อยู่ อีกหนึ่งชั่วโมงสิบห้านาทีเป็นเวลาเขียนข้อความ และใช้เวลาอีกยี่สิบนาทีตกลงใจว่าเมื่อออกจากบ้านไปทิ้งจดหมายที่ตู้ไปรษณีย์ที่ถนนถัดไป จะนำร่มไปด้วยหรือไม่ ในความพยายามทั้งหมดนี้ ถ้าเป็นคนที่มีภาระมากเขาอาจจะใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น
คนเราส่วนใหญ่เมื่อมีงานที่จะต้องทำส่งกำหนดภายในอีก 5 เดือน เรามักจะไม่ค่อยอยากที่จะทำโดยทันที แต่เราจะเอาไว้ทำตอนใกล้จะครบกำหนดการส่งมอบงาน ดังนั้น ศาสตราจารย์พาร์คินสันจึงได้ออกกฏออกมาว่า ถ้ากำหนดให้งานเสร็จหรือมอบงานให้น้อยลง คุณย่อมที่จะทำมันให้เสร็จเร็วขึ้น
จากกฎของพาร์คินสัน หากว่าพวกเราพิจารณาก็คงเห็นว่าเป็นความจริงมากเลยทีเดียว ดังนั้นหากว่าคุณได้รับมอบหมายให้ส่งงานภายในกำหนด 5 เดือน คุณก็ควรเขียนเส้นตายให้กับตัวคุณเองว่า เราต้องทำให้เสร็จภายใน 4 เดือน หากคุณกำหนดเส้นตายให้กับตัวเอง คุณก็จะมีแรงกดดันเพื่อที่จะให้งานนั้นเสร็จได้เร็วยิ่งขึ้น
การกำหนดเส้นตายจะช่วยให้คุณเกิดประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีและรวดเร็วขึ้น ตรงกันข้ามหากคุณไม่มีการกำหนดเส้นตายเลย คุณก็จะปล่อยให้งานนั้นบานปลายทำงานไม่เสร็จสิ้น อีกทั้งเมื่อถึงเวลาที่จะส่งมอบงาน คุณจะต้องทำงานจนหามรุ่งหามค่ำแทบจะไม่ได้หลับนอน ฉะนั้นการกำหนดเส้นตายจึงเป็นการเพิ่มแรงจูงใจในการทำงานที่ดีวิธีหนึ่ง
ดังนั้น หากว่าคุณต้องการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจำเป็นต้องกำหนดเส้นตาย อีกทั้งจงเคารพและมีวินัยในเส้นตายที่คุณกำหนด เพราะถ้าหากว่าคุณยืดหยุ่นเส้นตายออกไปเรื่อยๆ การบริหารเวลาของคุณก็จะไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

...
  
กลยุทธ์การแข่งขันทางการตลาด
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยาย " กลยุทธ์การแข่งขันทางการตลาด " ...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.