หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
ศิลปะการโต้วาที
ศิลปะการโต้วาที
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกาในยุคปัจจุบัน เราคงจะเห็นว่า เขาจะจัดให้มีการโต้วาที ถามว่า ทำไมต้องเอาคนที่จะเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนต่อไป มีความจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องมาโต้วาทีให้ประชาชนและคนทั่วโลกเห็น
ซึ่งคงจะมีเหตุผลหลายประการ ที่ประเทศสหรัฐอมเริกาจะจัดให้มีการโต้วาที สำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เพราะการโต้วาที ทำให้เห็นอะไรหลายๆอย่างในตัวของผู้โต้วาที เช่น ภาวะผู้นำ การตัดสินใจ ภูมิความรู้ บุคลิกภาพ ความเชื่อมั่นในตนเอง การมีวาทศิลป์ การมีไหวพริบปฏิภาณ การมีอารมณ์ขัน ตลอดจนกระทั่งถึงการควบคุมอารมณ์ของตนเอง ในการที่ถูกคู่แข่งขัน ตอบโต้ ด้วยสถานการณ์ต่างๆ
ดังนั้น ประเทศอเมริกาจึงให้ความสำคัญกับการโต้วาที ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งที่สำคัญๆของประเทศของเขา คราวนี้เราลองมาทำความรู้จักกับการโต้วาทีคืออะไร
การโต้วาที ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน ได้ให้ความนิยามว่า “ การแสดงคารมโดยมีฝ่ายเสนอและฝ่ายค้านในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง”
ซึ่งจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ของการโต้วาทีคือ
1.เพื่อฝึกให้ผู้โต้วาที ได้ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ เพื่อนำมาเสนอในการโต้วาที
2.เพื่อฝึกให้ผู้โต้วาที ได้ใช้ไหวพริบปฏิภาณ เชาว์ปัญญาในการแก้ไขปัญหาหรือตอบโต้ในการโต้วาที
3.เพื่อฝึกใช้เหตุผล สำหรับการหักล้าง โดยมีการนำข้อมูลหลักฐานต่างๆมาอ้างอิง ฉะนั้นจึงทำให้นักโต้วาทีไม่เป็นคนที่ไม่เชื่อคนง่าย
4.เพื่อฝึกใช้วาทศิลป์ การเลือกใช้ถ้อยคำ เพื่อนำมาโน้มน้าวใจ รวมไปถึงการใช้ท่าทางประกอบการพูด
5.เพื่อฝึกการทำงานให้เป็นทีม มีการวางแผนและทำงานร่วมกัน
6.เพื่อฝึกความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ซึ่งเป็นธรรมดาของการแข่งขันย่อมมีผู้แพ้ผู้ชนะ
คณะผู้โต้วาที
คณะผู้โต้วาที ประกอบไปด้วย
1.ประธานในการโต้วาที 1 คน จะทำหน้าที่กล่าวทักทาย กล่าวเปิด แจ้งให้ผู้ฟังทราบถึงความสำคัญของญัตติที่ใช้ในการโต้วาที กล่าวเชิญผู้โต้วาทีขึ้นมาบนเวทีทีละคน เป็นผู้แนะนำกรรมการและผู้โต้วาทีทั้งสองฝ่าย เป็นผู้สร้างบรรยากาศ และมีหน้าที่สรุปรายงาน การประกาศผลและกล่าวปิดงาน
2.สมาชิกผู้โต้วาที ประกอบไปด้วยทีมทั้ง 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายเสนอและฝ่ายค้าน ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะมีหัวหน้าฝ่าย 1 คนและผู้สนับสนุนฝ่ายแต่ละฝ่ายอีก 3 คน (แต่ในยุคปัจจุบัน บางแห่งอาจใช้แค่ 2 คน ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับความเหมาะสม) สำหรับเรื่องของเวลาในการโต้วาทีแต่ละครั้งมักให้เวลาคนละ 5-7 นาที หรือ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของผู้จัดกำหนดขึ้นเอง
ด้านหน้าที่ของหัวหน้าฝ่ายเสนอ มีหน้าที่ดังนี้ ขึ้นต้นควรกล่าวทักทาย แล้วจึงเริ่มเสนอญัตติ มีการแปรญัตติหรือความหมายหรือคำนิยามของญัตติ หาเหตุผลข้อมูลมาเสนอเพื่อสนับสนุนญัตติของตนเอง มีการสรุปประเด็นสำคัญๆ สำหรับรอบที่สอง เป็นรอบสรุป หัวหน้าฝ่ายเสนอต้องเก็บกวาดหรือโต้แย้ง คู่แข่งทุกประเด็นที่ตกค้าง กล่าวคือผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอยังไม่ได้มีการพูดหักล้าง แล้วจึงกล่าวสรุปปิดท้าย โดยประเพณีหัวหน้าฝ่ายเสนอจะเป็นผู้สรุปคนหลังสุด
ด้านหน้าที่ของหัวหน้าฝ่ายค้าน มีหน้าที่ดังนี้ กล่าวทักทาย มีการแปลญัตติที่ทำให้ฝ่ายตนเองได้เปรียบ ต้องพยายามหาเหตุผลมาคัดค้าน การนำเสนอของหัวหน้าฝ่ายเสนอ มีการโต้แย้งเป็นประเด็นโดยมีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิง มีการเสนอแนะเหตุผลมาสนับสนุนฝ่ายตัวเอง สำหรับรอบที่สอง เป็นรอบสรุป หัวหน้าฝ่ายค้าน ต้องเก็บกวาดหรือโต้แย้ง คู่แข่งทุกประเด็นที่ตกค้าง กล่าวคือผู้สนับสนุนฝ่ายค้านยังไม่ได้มีการพูดหักล้าง แล้วจึงกล่าวสรุปปิดท้าย โดยประเพณีหัวหน้าฝ่ายค้านจะเป็นผู้สรุปก่อนหัวหน้าฝ่ายเสนอ
บทบาทหน้าที่ของฝ่ายสนับสนุนฝ่ายเสนอ กล่าวทักทายผู้ฟัง อธิบายให้การสนับสนุนฝ่ายเสนอ หาเหตุผล ข้ออ้างอิง หลักฐานต่างๆ สถิติ ข้อเท็จจริง เอกสาร ภาพถ่าย มาใช้ประกอบเพิ่มเติม มีหน้าที่โต้แย้ง หาประเด็นต่างๆมาคัดค้านฝ่ายค้าน สรุปประเด็นเน้นย้ำให้กับฝ่ายของตนเองได้เปรียบ แล้วจึงกล่าวลาผู้ฟัง
บทบาทหน้าที่ของฝ่ายสนับสนุนฝ่ายค้าน กล่าวทักทายผู้ฟัง อธิบายให้การสนับสนุนฝ่ายค้าน หาเหตุผล ข้ออ้างอิง หลักฐานต่างๆ สถิติ ข้อเท็จจริง เอกสาร ภาพถ่าย มาใช้ประกอบเพิ่มเติม มีหน้าที่พูดโต้แย้ง หาประเด็นต่างๆมาคัดค้ายฝ่ายเสนอ สรุปประเด็นเน้นย้ำให้กับฝ่ายของตนเองให้เกิดความได้เปรียบ แล้วจึงกล่าวลาผู้ฟัง
ขั้นตอนในการเตรียมตัว เตรียมความพร้อม ของผู้โต้วาทีทั้งสองฝ่าย
1.ต้องเตรียมตัว เตรียมข้อมูล หาเอกสารต่างๆ รวมทั้งทำการศึกษา วิเคราะห์ญัตติในการโต้วาทีอย่างถ่องแท้ รวมทั้งจัดเตรียมเอกสาร หลักฐาน สื่อต่างๆเพื่อนำไปใช้ประกอบในการพูด
2.เตรียมต้นฉบับหรือสคิปในการพูด ว่าจะขึ้นต้นอย่างไร ตรงกลางจะพูดอะไร และสรุปจบจะพูดอะไร อีกทั้งควรเตรียม คำคม คำกลอน อารมณ์ขันในการสอดแทรกการพูด รวมไปถึง สุภาษิต คำพังเพยต่างๆ
3.เตรียมพร้อม เตรียมซ้อม ภาษากายที่ใช้ประกอบการพูด รวมไปถึง การแต่งกาย การใช้ท่าทางในการประกอบการพูด ทั้งนี้ควรมีการซ้อมพูดและฝึกการใช้ภาษากายหรือท่าทางประกอบการพูด
4.เตรียมข้อมูลของฝ่ายตรงกันข้าม นักโต้วาทีที่ดีต้อง รู้เขารู้เรา รู้เขาคือ ต้องรู้ว่าฝ่ายตรงกันข้ามจะพูดอะไร เตรียมข้อมูลอะไร แล้วคิดล่วงหน้าในการโต้ตอบฝ่ายตรงกันข้าม
5.การโต้วาทีที่ดี ไม่ควรเอ๋ยชื่อและควรเรียกชื่อ แต่ควรเอ่ยเป็น หัวหน้าฝ่ายเสนอ หัวหน้าฝ่ายค้าน ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ 1 ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านคนที่ 1 ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านคนที่ 2 และผู้สนับสนุนฝ่ายค้านคนที่ 2 เป็นต้น
6.หัวหน้าทั้งสองฝ่ายมีหน้าที่ที่จะต้องสรุปประเด็นและสรุปญัตติ เพื่อเป็นการทิ้งท้ายให้ผู้ฟังประทับใจ ตอนสรุปถือว่าสำคัญมากๆ
7.สุดท้ายทีมผู้โต้วาที ควรซักซ้อม เตรียมตัว ปรึกษาหารือกันก่อน มีการตกลงกันว่าใครพูดก่อนหลัง ว่าใครมีข้อมูลอย่างไร เพื่อที่จะไม่ได้เกิดการพูดที่ซ้ำๆกันในเวลาที่ขึ้นเวทีจริง
สำหรับการจัดทีมการโต้วาทีที่ดี
1.หัวหน้าทีม(ต้องเก่งที่สุด)
2.ผู้สนับสนุนคนที่ 1 (ต้องเก่งลำดับ 4 )
3.ผู้สนับสนุนคนที่ 2 (ต้องเก่งลำดับ 3)
4.ผู้สนับสนุนคนที่ 3 (ต้องเก่งลำดับ 2)
คณะกรรมการจับเวลา มีหน้าที่จับเวลา มีการบันทึกเวลา มีการเตือนการใช้เวลาของสมาชิกที่โตวาที เมื่อใกล้หมดเวลาหรือหมดเวลา อาจใช้ภาษามือ กริ่ง เพื่อเตือนสมาชิกที่โต้วาทีให้รู้ว่าใช้เวลาไปเท่าไร เหลือเวลาเท่าไร
คณะกรรมการตัดสิน มีหน้าที่ให้คะแนนผู้โต้วาทีทั้ง 2 ฝ่าย คณะกรรมการควรเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในการโต้วาทีมาบ้าง มีหลักวิชา มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการพูดต่อหน้าที่ชุมชน มาร่วมกันตัดสิน ปกติกรรมการมักจะเป็นเลขคี่ คือ 3 คน และ 5 คน สำหรับการโต้วาทีในบางเวที หากไม่ได้มีการแข่งขันกันแบบเอาจริงเอาจัง บางแห่งอาจจะไม่มีกรรมการการตัดสินก็ได้ แต่อาจใช้เสียงปรบมือจากผู้ฟังเป็นตัววัดการแพ้ชนะ ทั้งนี้คณะผู้จัดการโต้วาทีอาจจะประกาศผลเสมอกันหรือไม่มีการตัดสินเลยก็ได้
ผู้เข้าฟังการโต้วาที เป็นผู้ฟังหรือผู้ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งผู้ฟังควรมีมารยาทในการฟัง ควรฟังอย่างตั้งใจ ควรให้ความร่วมมือโดยการปรบมือให้กำลังใจแก่ผู้โต้วาที เพื่อสร้างบรรยากาศให้เกิดความสนุกสนานในการโต้วาที
ญัตติการโต้วาที ควรตั้งชื่อให้มีความน่าสนใจ มีความดึงดูด ญัตติการโต้วาทีควรเป็นญัตติแบบกลางๆ ที่ทุกฝ่ายยังหาข้อสรุปไม่ได้ อีกทั้งญัตติไม่เป็นญัตติที่ทำให้ฝ่ายได้ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบ เป็นญัตติที่ทั้งสองฝ่ายสามารถหาเหตุผลมาโต้กันจนสามารถเอาชนะกันได้
ญัตติการโต้วาทีที่น่าสนใจคือ ดูทีวีดีกว่าอ่านหนังสือพิมพ์,เกิดเป็นผู้ชายดีกว่าเกิดเป็นผู้หญิง,เป็นนักแสดงดีกว่าเป็นนักเขียน,เด็กแน่กว่าคนแก่ เป็นต้น
ส่วนญัตติที่ไม่ควรนำเอามาโต้วาที คือ ญัตติที่แน่นอนซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ น้ำต้องไหลจากบนลงล่าง,พระจันทร์เกิดขึ้นในเวลากลางคืน,แผ่นน้ำมีมากกว่าแผ่นดิน เป็นต้น หรือเป็นญัตติที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ เช่น ไทยร่ำรวยกว่าประเทศญี่ปุ่น , คนไทยพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคนอังกฤษ เป็นต้น
ข้อควรระวังในการตั้งญัตติไม่ควรตั้งญัตติที่มีความเกี่ยวพันถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
สำหรับการแปลญัตติหรือการตีญัตตินั้น เป็นหน้าที่ของหัวหน้าทั้งสองฝ่าย คือ หัวหน้าฝ่ายเสนอและหัวหน้าฝ่ายค้าน ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องแปลญัตติหรือตีญัตติให้ฝ่ายของตนได้เปรียบ สำหรับผู้โต้วาทีบ่อยๆ หรือ มีประสบการณ์ในการโต้วาทีจะรู้ว่า การแปลญัตติหรือการตีญัตติมีความสำคัญถึงขนาดทำให้ได้รับชัยชนะเลยก็ได้
มารยาทในการอ้างอิง สำหรับการโต้วาทีของประเทศไทย คือ ผู้โต้วาทีทั้งสองฝ่ายไม่ควรนำเอาพระราชดำรัสหรือพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาอ้างอิง เพราะจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่อยู่ในวิสัยที่จะทำการโต้แย้งได้เลย
การให้คะแนน แต่ละแห่งมีความแตกต่างกัน เช่น การให้คะแนนของสโมสรฝึกพูดลานนาไทย เชียงใหม่ 1.คะแนนเหตุผล 30 % 2. คะแนนวาทศิลป์ 20 % 3. คะแนนไหวพริบปฏิภาณ 20 %
4.คะแนนภาษาไทย 15 % 5.คะแนนมารยาท 10% 6.คะแนนภาษากาย 5 %
หรือการโต้วาทีบางแห่งอาจให้คะแนน เช่น 1.คะแนนเหตุผล 30 % 2. คะแนนหักล้าง 30 %
3. คะแนนวาทศิลป์ 20 % 4.คะแนนหลักฐานอ้างอิง 10 % 5.คะแนนมารยาท 10%
ทั้งนี้ ผู้โต้วาทีที่ดีและเก่ง ควรทำการวิเคราะห์และหาข้อมูลว่า คณะกรรมการใช้เกณฑ์ใดในการตัดสิน แล้วจึงให้ความสำคัญกับคะแนนที่สูง เพราะบางคนระวังเรื่องของมารยาทจนเองไปซึ่งมีคะแนนแค่ 10 % เลยเสียคะแนนเรื่องของวาทศิลป์ และการหักล้างซึ่งมีคะแนน 20-30 %
สำหรับคุณสมบัติของนักโต้วาทีที่ดีมีดังนี้
1.ต้องมีทักษะในการฟัง การจด การคิด รวมไปถึงการใช้วาทศิลป์ในการพูด นักโต้วาทีที่ดีต้องมีสมาธิในการฟังฝ่ายตรงกันพูด อีกทั้งต้องสามารถจับประเด็นที่สำคัญๆได้ การจดก็ควรจดด้วยความรวดเร็ว มีความคิดที่เป็นระบบมีเหตุมีผลและการนำเสนอควรนำเสนออย่างมีวาทศิลป์ด้วย
2.ต้องมีการเตรียมการมาเป็นอย่างดีหรือทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ซึ่งควรเตรียมทั้งของเราและเตรียมของคู่แข่งคือต้องคิดล่วงหน้าว่าถ้าเราเป็นคู่แข่งขัน เราจะพูดอย่างไร เราจะคิดอย่างไร
3.ต้องมีไหวพริบปฏิภาณในการโต้วาที คือต้องสามารถตอบโต้สดๆ ในขณะปัจจุบันทันด่วนได้
4. ต้องไม่โกรธง่าย ต้องไม่หวั่นไหวง่าย ต้องมีใจคอหนักแน่น อดทนต่อคำเสียดสีจากฝ่ายตรงกันข้าม รวมไปถึงเรื่องของสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงด้วย
5.ต้องมีการทำงานเป็นทีม โดยมีการประชุมแล้ว แบ่งปันข้อมูล ต้องแบ่งหน้าที่ว่าใครเป็นหัวหน้าทีมและใครเป็นผู้พูดสนับสนุนคนที่ 1 คนที่ 2 และคนที่ 3
สำหรับการโต้วาทีในปัจจุบัน มีลักษณะดังนี้
1.มีลักษณะของการอ่อนเหตุผล
2.มีลักษณะของการใช้วาทศิลป์ที่ด้อยกว่าในอดีต รวมไปถึงการใช้ ภาษากาย
3.มีลักษณะของการใช้ภาษาที่ไม่ถูกต้อง ไม่สวยงามเหมือนในอดีต
4.มีลักษณะของการใช้ไหวพริบปฏิภาณที่ด้อยลง ไม่เหนือชั้น เนื่องจากว่ามีสนามฝึกฝนน้อย

ขั้นตอนในการโต้วาที
1.ประธานมีหน้าที่กล่าวเปิด กล่าวอารัมภบท สร้างบรรยากาศ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ฟังเกิดความสนใจ กล่าวทักทายผู้มาฟังการโต้วาที ต่อจากนั้นประธานต้องแนะนำผู้โต้วาทีทั้งสองฝ่าย แนะนำกรรมการจับเวลา แนะนำกรรมการตัดสิน จากนั้นจึงกล่าวเชิญผู้โต้วาทีทั้งสองฝ่ายสลับขึ้นมาพูด โดยเริ่มจาก หัวหน้าฝ่ายเสนอ หัวหน้าฝ่ายค้าน ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ 1 ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านคนที่ 1 ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ 2 ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านคนที่ 2 ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ 3 ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ 3 หัวหน้าฝ่ายค้านขึ้นมาสรุป และหัวหน้าฝ่ายเสนอขึ้นมาสรุปเป็นคนสุดท้าย ตามลำดับ
2.หัวหน้าฝ่ายเสนอ มีหน้าที่ในการแปลญัตติหรือตีญัตติ และหาข้อมูล หลักฐาน มาสนับสนุนฝ่ายของตน
3.หัวหน้าฝ่ายค้าน มีหน้าที่ในการแปลญัตติหรือตีญัตติ เพื่อให้ฝ่ายตนเองเกิดความได้เปรียบ และหาข้อมูล หลักฐาน มาพูดโน้มน้าวใจให้ผู้ฟังเกิดความคล้อยตาม
4.ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ 1 พูดค้านประเด็นที่สำคัญๆของหัวหน้าฝ่ายค้าน แล้วกล่าวสนับสนุนหัวหน้าฝ่ายเสนอ และนำเสนอประเด็นใหม่
5.ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านคนที่ 1 พูดค้านและหาเหตุผลมาหักล้าง หัวหน้าฝ่ายเสนอและผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ 1
6.ต่อจากนั้นจึงเชิญ ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ 2 ผู้สนับสนุนฝ่ายค้านคนที่ 2 ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ 3 ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ 3 หัวหน้าฝ่ายค้านขึ้นมาสรุป และหัวหน้าฝ่ายเสนอขึ้นมาสรุปเป็นคนสุดท้าย ตามลำดับ
7.จากนั้นประธานเชิญ กรรมการผู้ตัดสินขึ้นมาวิจารณ์การโต้วาที ในขณะเดียวกัน ต้องรวบรวมคะแนนและการใช้เวลาของทั้งสองฝ่าย เพื่อรวมคะแนน หลังจากนั้นก็ประกาศผลการตัดสิน กล่าวขอบคุณทุกๆฝ่ายและกล่าวปิด
มารยาทในการโต้วาทีที่ดี
1.ไม่ควรอ้างอิงสถาบันพระมหากษัตริย์
2.อย่าใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ หยาบคาย
3.อย่านำเรื่องส่วนตัวที่ไม่ดีของฝ่ายตรงกันข้ามมาพูด ยกเว้นเรื่องที่ดี
4.อย่าแสดงอารมณ์โกรธ แต่ต้องควบคุมอารมณ์ในการพูด ต้องแสดงความเป็นมิตรกับฝ่ายตรงกันข้าม
5.ไม่ควรเอ่ยชื่อ แต่ควรเอ่ยว่า หัวหน้าฝ่ายเสนอ หัวหน้าฝ่ายค้าน ผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอ ผู้สนับสนุนฝ่ายค้าน
6.อย่าใช้เวลาเกินหรือพูดเกินเวลาที่กำหนดมาให้ในการโต้วาที
การหักล้าง
1.ต้องตั้งใจฟังผู้โต้วาทีทุกคนพูด แล้วจับประเด็นข้อกล่าวหา และเขียนข้อกล่าว พร้อมทั้งคำพูดในการตอบโต้ลงไปในกระดาษ
2.ต้องหาเหตุผล หลักฐาน ข้อมูล เพื่อมาหักล้างข้อกล่าวหา โดยหักล้างคนที่ลงจากเวทีพูดก่อนแล้วจึงไปยังคนแรก เช่น หากว่าเราเป็นผู้สนับสนุนฝ่ายค้านคนที่ 1 เราต้องพูดหักล้างผู้สนับสนุนฝ่ายเสนอคนที่ 1 ก่อนแล้วจึงไปพูดหักล้างหัวหน้าฝ่ายเสนอเป็นคนต่อมา
3.ควรหาเหตุผลมาสนับสนุนข้อกล่าวหาโดยตอบโต้ฝ่ายตรงกันข้ามก่อนอย่างน้อยสัก 2-3 ประเด็น แล้วจึงหาข้อเสนอหาเหตุผลมาสนับสนุนฝ่ายตนเอง
4.หักล้างแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน เช่น ฝ่ายตรงกันข้ามร้องเพลงมา ฝ่ายเราก็ต้องร้องเพลงแก้ ฝ่ายตรงกันข้ามยกกลอนมา เราก็ต้องยกกลอนแก้ ฝ่ายตรงกันข้ามยกคำคมมา ฝ่ายเราก็ต้องยกคำคมแก้ เป็นต้น
5.หักล้างแบบทำลายน้ำหนัก หากว่าฝ่ายตรงกันข้ามยกหนังสือมาอ้างอิง เราก็หักล้างว่า หนังสือนั้น ไม่มีคุณภาพ ไม่ควรยึดถือหรือไม่ควรนำมาใช้เป็นหลักฐานอ้างอิง อีกทั้งควรนำเสนอข้อมูลอ้างอิงที่เชื่อถือได้ในการตอบโต้ เช่น ยกพจนานุกรม , ยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ,ยกสารานุกรมไทย,ยกเอนไซโคลพีเดีย เป็นต้น
การค้าน
1.ผู้โต้วาทีควรหาเหตุผล หาหลักฐานที่เหนือกว่าคู่แข่งมาใช้ประกอบการโต้วาที เช่น ฝ่ายตรงกันข้ามอ้าง ปทานุกรม เราต้องอ้างพจนานุกรม ฝ่ายตรงกันข้ามอ้างพจนานุกรม เราต้องอ้างไซโคลปิเดีย
2.ผู้โต้วาทีต้องค้านให้ตก คือ ผู้โต้วาทีต้องพยายามค้านให้ได้ทุกประเด็น ต้องยืนยัน นั่งยืน นอนยืน ว่าฝ่ายเราถูกต้อง ไม่ควรใช้คำพูดในลักษณะ ว่า “ผมเห็นด้วย แต่...”
3.ผู้โต้วาทีควรต้องรู้จักค้านดักหน้า กล่าวคือ ผู้โต้วาทีไม่ต้องรอเขานำเสนอก่อนแล้วจึงค้าน แต่เราต้องค้านดักคอล่วงหน้า เพื่อทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบหรือทำให้อีกฝ่ายต้องแก้เกมส์อย่างกะทันหัน
...
  
คุณธรรมนักพูด
คุณธรรมนักพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
คุณธรรม คือ การกระทำในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่มีความถูกต้อง คุณธรรมนักพูด จึงหมายถึง การพูดในสิ่งที่ดีงาม การพูดในเชิงสร้างสรรค์ พูดในสิ่งที่มีประโยชน์
ความจริงแล้วไม่ใช่เพียงแต่ วงการพูด เท่านั้นที่จะต้องมีคุณธรรม แต่ ทุกอาชีพ ทุกวงการ จะต้องมีคุณธรรม เพราะคุณธรรมจะทำให้คนที่อยู่ในอาชีพ อยู่ในวงการ มีความเจริญก้าวหน้า แต่ตรงกันข้าม ผู้ใด อาชีพใด วงการใด ขาดซึ่งคุณธรรม จริยธรรม เสียแล้วก็จะนำมีซึ่งความเสื่อม ความถดถอย และอาจเสียชื่อเสียง เงินทอง ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้ เช่น
อาชีพทนายความ สภาทนายความ จะให้ทนายความทุกคนได้เรียนและมีการทดสอบในรายวิชามารยาททนายความ
อาชีพขายประกันชีวิต ก็จะมีจรรยาบรรณของนักขายประกันชีวิต ที่จะต้องยึดถือปฏิบัติร่วมกัน
อาชีพครู อาจารย์ จะต้องมีกรอบของการปฏิบัติและประพฤติตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียน นักศึกษา
อาชีพแพทย์ จะต้องมีจรรยาบรรณของแพทย์ เป็นต้น
เราจะเห็นได้ว่า ทุกวงการ ทุกอาชีพ ต่างก็มีการวางกฎระเบียบในเรื่องของ จริยธรรม จรรยาบรรณ คุณธรรม มารยาท ให้คนในอาชีพ คนในวงการของตนเอง ได้ยึดถือและปฏิบัติร่วมกัน และถ้าผู้ใด ผิดจริยธรรม จรรยาบรรณ คุณธรรม มารยาท บางอาชีพ บางวงการ ถึงขั้นมีบทลงโทษถึงขั้นให้ออกจากวงการไปเลยทีเดียว
สำหรับคุณธรรมนักพูด กระผมขอแบ่งเป็น 2 ประเด็นใหญ่ๆ คือ
1.ประเด็นที่เกี่ยวกับการใช้คำพูด
2.ประเด็นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้คำพูด
1.ประเด็นที่เกี่ยวกับการใช้คำพูด
1.1.ไม่ควรพูดปด พูดโกหก ซึ่งในทางพุทธศาสนาถือว่าผิดศิล 5 เลยทีเดียว อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐ อับราฮัม ลินคอล์น เคยกล่าวไว้ว่า “ ท่านอาจโกหกคนทุกคนได้บางเวลา ท่านอาจโกหกคนทุกคนได้บางเวลา แต่ท่านไม่สามารถโกหกคนทุกคนตลอดเวลาได้” ฉะนั้น นักพูดที่มีคุณธรรม ไม่ควรพูดปด พูดโกหก หลอกลวง เพราะถ้าเราพูดโกหกบ่อยๆ คนที่เขารู้ เขาก็จะไม่เคารพนับถือศรัทธาเรา
1.2.ไม่ควรพูดให้คนทะเลาะกันหรือพูดให้เกิดการแตกความสามัคคี เราต้องยอมรับว่า บ้านเมืองของเราในปัจจุบันและในยุคอดีต คำพูดมีส่วนเป็นอันมากที่ทำให้เกิดความสามัคคี เช่น แกนนำทางการเมืองมักใช้คำพูดไปทางที่ทำลายฝ่ายตรงกันข้าม พูดให้คนฝ่ายของตนเองเกลียดชังอีกฝ่ายหนึ่ง
1.3.ควรรับผิดชอบต่อคำพูดของตนเอง เช่น สัญญากับใครแล้ว ควรที่จะปฏิบัติตามคำพูดของตนเอง สัญญาว่าจะไปพูดให้ก็ต้องไปตามนัด ไม่ควรขาดนัด หากมีธุรกิจ ติดงานสำคัญ ก็ควรโทรศัพท์ไปขอโทษ เพื่อผู้จัดจะได้จัดนักพูดท่านอื่นแทนตนเองได้
สำหรับคุณธรรมนักพูด ในทางพุทธศาสนายังได้กล่าวถึงเรื่องของการใช้คำพูด ซึ่งนักพูดท่านใดยึดถือก็ถือได้ว่า นักพูดท่านนั้นมีคุณธรรมที่ดีตามหลักพุทธศาสนา คือ
- ปิยวาจา ซึ่งอยู่ใน สังคหวัตถุ 4 ปิยวาจา หมายถึง การใช้คำพูดด้วยถ้อยคำที่สุภาพ ไพเราะ อ่อนหวาน พูดด้วยความจริงใจ ไม่พูดก้าวร้าว หยาบคาย พูดให้ถูกต้องตามกาลเวลา กาลเทศะ ซึ่งมีหลักที่ยึดถือดังนี้ เว้นจากการพูดเท็จ , เว้นจากการพูดส่อเสียด ,เว้นจากการพูดคำหยาบและเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ
- มุสาวาท คำว่า มุสา มีความหมายถึง เท็จ หรือเจตนาที่จะใช้คำพูดเท็จ การใช้คำพูดประเภท มุสาวาท จะทำให้เกิดวาจาที่โกง วาจาที่หลอกลวง เจตนาจะทำให้ผู้อื่นเสียประโยชน์
- ปิสุณวาจา คือ การพูดออกไปเพื่อเจตนาให้คนอื่นเกิดจิตที่เศร้าหมอง ไม่สบายใจ พูดให้ร้ายลับหลังผู้อื่น พูดแล้วมุ่งทำให้เกิดการแตกแยกขึ้น



2.ประเด็นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้คำพูด
2.1.ต้องตรงต่อเวลา เวลานัด 9 โมงเช้า ก็ต้องไปตามนัด ถ้าจะให้ดีก็ควรไปก่อนเพียงเล็กน้อย เพื่อไปเตรียมตัวและเพื่อให้เจ้าภาพหรือผู้จัดเกิดความสบายใจ อีกทั้งเมื่อผู้จัดให้พูด 9 โมงเช้า ถึง เที่ยง(12 นาฬิกา) ก็ควรเลิกตามกำหนด ไม่ควร เลิกก่อนหรือเลิกเกินเวลามากจนเกินไป
2.2.มารยาทในการแต่งกาย นักพูดที่ดีมีคุณธรรม ควรแต่งกายให้เกียรติผู้ฟังและผู้จัด การแต่งกายที่ดีของนักพูดก็คือ ควรแต่งกายเสมอผู้ฟังหรือแต่งกายเหนือกว่าผู้ฟังหนึ่งขั้น แต่ไม่ควรแต่งกายให้ต่ำกว่าผู้ฟัง เช่น ผู้ฟังสวมเสื้อยืดคอเชิต กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ แต่ก็ควรแต่งตัวให้เหมือนผู้ฟังหรืออาจจะดีกว่าผู้ฟังสักเล็กน้อย เราอาจจะใส่เสื้อสูททับด้านนอก แต่ไม่ควรแต่งกายต่ำกว่าผู้ฟัง เช่นใส่เสื้อยืดคอกลม กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ เป็นต้น
2.3.ไม่ควรเห็นแก่เงิน นักพูดในปัจจุบันมีความแตกต่างกับนักพูดในอดีต คือ ในอดีตการพูดมักจะไม่ได้สร้างรายได้ให้แก่ผู้พูดมากนัก แต่ในยุคปัจจุบัน การพูดเป็นเงินเป็นทอง นักพูดระดับแนวหน้าของประเทศ พูดครั้งหนึ่งหลักหมื่นหลักแสนกันเลยทีเดียว ฉะนั้น นักพูดที่ไม่มีคุณธรรมมักเห็นแก่รายได้ เมื่อรับงานแรกตกลงว่าจะไปพูดให้แล้ว โดยผู้จัดมีงบประมาณน้อยได้ค่าพูดชั่วโมงละ 500 บาท แต่พอต่อมามีคนมาติดต่อขอไปพูดให้โดยเสนอรายได้ 30,000 บาท นักพูดบางคนเห็นแก่เงิน จึงโทรศัพท์ไปปฏิเสธงานแรกที่รับกันเลยทีเดียว
2.4.ต้องพูดให้ตรงกับหัวข้อเรื่องที่ได้รับมอบหมายให้พูด นักพูดบางท่าน เมื่อเขาเชิญไปให้พูดหัวข้อหนึ่ง แต่ตอนพูดกับไปพูดอีกหัวข้อหนึ่ง ซึ่งไม่ตรงกับหัวข้อที่ผู้จัดมอบหมายให้ อย่างนี้ก็ถือว่าไม่รับผิดชอบต่อการพูด เพราะผู้ฟังส่วนใหญ่มักคาดหวังกับหัวข้อที่ผู้จัดตั้งไว้ จึงยอมเสียเวลา ยอมเสียเงินไปนั่งฟัง ฉะนั้นเมื่อได้รับมอบหมายให้พูด ก็ควรพูดให้ตรงกับหัวข้อที่ได้รับมอบหมายให้พูด
2.5.ต้องเตรียมการพูดมาเป็นอย่างดี นักพูดต้องรับผิดชอบกับงานพูดของตนเอง เราจะเห็นได้ว่า นักพูดหลายๆคน ตอนเข้าวงการใหม่ๆ มีการเตรียมการพูดอย่างดี แต่พอพูดไปนานๆ เริ่มที่จะไม่เตรียมการพูดแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้ว นักพูดที่มีคุณธรรมจะต้องมีการเตรียมตัว ทำการบ้าน สำหรับงานพูดของตน งานถึงจะออกมาดีและจะเกิดข้อผิดพลาดน้อยลง
ฉะนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการความก้าวหน้าในวิชาชีพทางด้านการพูด คุณธรรมนักพูด จึงเป็นสิ่งที่ท่านควรประพฤติปฏิบัติเพื่อความเจริญก้าวหน้าในอาชีพทางด้านการพูด เพราะถ้าท่านขาดซึ่งคุณธรรมนักพูดเสียแล้ว ก็จะพาท่านไปสู่หนทางที่เสื่อมลง



...
  
เทคนิคการพูดของ บารัค โอบามา
เทคนิคการพูดของ บารัค โอบามา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
หากมีคนถามผมว่า ผู้นำโลกในยุคปัจจุบัน คนใดที่พูดต่อหน้าที่ชุมชนเก่งที่สุดหรือติดอันดับต้นๆของโลก ผมตอบได้ว่า คือ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน ซึ่งการพูดต่อหน้าที่ชุมชนหรือการพูดสุนทรพจน์ของเขา ได้ถูกถอดเทปแล้วทำเป็นหนังสือขายไปทั่วโลก ซึ่งการพูดและการใช้ภาษาของเขา ได้เป็นแบบอย่างให้นักเรียนและนักศึกษาประเทศต่างๆ ได้ใช้เป็นแบบฝึกหัดและเป็นตัวอย่างสำหรับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
เช่น ประเทศญี่ปุ่น ได้ใช้สุนทรพจน์ของนายบารัก โอบามาหรือ “ The Speeches of Barack Obama ” เป็นตำราเรียนเสริมความรู้ด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งมียอดขายสูงถึง 400,000 เล่ม ภายในเวลา 2 เดือน ซึ่งนายโยซุ ยามาโมโต้ สำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือได้ยอมรับว่า สุนทรพจน์ของนายบารัก โอบามา เป็นเครื่องมือในการฝึกทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นคำพูดที่กินใจ
สำหรับเทคนิดการพูดของนายบารัค โอบามา มีดังนี้
1.มีการพูดซ้ำ เพื่อให้คนเกิดความจดจำ เขาจะใช้คำว่า Yes We Can , Change , Hope , I believe ซึ่งการใช้คำเหล่านี้เป็นคำที่ง่ายต่อการจดจำและทำความเข้าใจ เช่นเดียวกับการพูดของ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและนักพูดคนสำคัญของโลกในอดีต มักจะใช้คำว่า “ I have a Dream ” , “ I have a Dream ” , “ I have a Dream ” (ข้าพเจ้ามีความฝัน) อยู่บ่อยๆและพูดซ้ำๆ จนคนจดจำคำว่า “ I have a Dream ” ได้ จนในที่สุดสุนทรพจน์ “ I have a Dream ” จึงถูกจัดอันดับให้เป็นสุนทรพจน์ที่ดีที่สุดอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว
2.มีการใช้ท่าทางและน้ำเสียง ไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อเขาอยากจะจูงใจให้ผู้ฟังเชื่อมั่นเขา เขาก็จะกำหมัดแน่น หรือ เอามือไว้ที่หน้าอก พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ชัดเจน เมื่อเขาพูดเรื่องราวที่เศร้า เขาจะไม่ยิ้ม เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ช้า เบา พร้อมทั้งใส่อารมณ์ที่โศกเศร้าลงไปด้วย
3.มีจังหวะในการพูดที่ เว้น หยุด พูดเร็ว พูดช้า สลับกันไป และเมื่อผู้ฟังปรมมือ โห่ร้อง เขาก็จะหยุดพูดสักพัก เพื่อให้ผู้ฟังได้ปลดปล่อยอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ก่อน แล้วเขาจึงเริ่มพูดต่อ
4.มีการศึกษาสุนทรพจน์ดังๆระดับโลกเป็นจำนวนมาก บารัค โอบามา ได้มีการศึกษาสุนทรพจน์ของนักพูดดังๆในอดีตเป็นจำนวนมากแล้ว ก็นำมาฝึกฝนทางด้านการใช้ภาษา ด้านการพูด เช่น เขาศึกษาสุนทรพจน์ของ JFK(จอห์น เอฟ.เคนเนดี) , Lincoln (อับราฮัม ลินคอล์น), Martin Luther King Jr. (มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์) ฯลฯ ทั้งนี้การศึกษาและเรียนรู้สุนทรพจน์ของนักพูดระดับโลกในอดีต จึงส่งผลให้สุนทรพจน์ของเขาเป็นที่ประทับใจของผู้ฟังไปทั่วโลก
5.มีการพูดที่ เต็มเสียง เต็มอารมณ์ เต็มอาการ เขาพูดอย่างเป็นกันเอง ไม่ออกอาการประหม่า หรือ ไม่แสดงคำพูดออกมาแบบไม่มั่นใจเลย แต่ทุกคำพูดล้วนมีพลัง พูดอย่างเต็มเสียง และแสดงอารมณ์ต่างๆออกมาในเวลาพูดได้อย่างถูกสถานการณ์ รวมไปถึงการใช้สายตาที่แสดงอาการที่มีความมุ่งมั่นในการพูด


...
  
การพูดและการเป็นโฆษกที่ดี
การพูดและการเป็นโฆษกที่ดี
ดร. สุทธิชัยปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพิษณุโลก
www.drsuthichai.com
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายของคำว่า
โฆษกหมายถึงผู้ประกาศ ผู้โฆษณา เช่นโฆษณาสถานีวิทยุ ผู้แถลงข่าว แทนเช่นโฆษกพรรคการเมือง
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ได้ให้ความหมายของคำว่า
โฆษกหมายถึง ผู้ประกาศ ผู้โฆษณา หรือผู้แถลงข่าวแทน
ดังนั้น ความหมายของโฆษก โดยรวมก็คือ ผู้เป็นปากเป็นเสียงแทน ผู้ประกาศ ผู้โฆษณา ผู้ที่ทําหน้าที่ ส่งมอบข่าวสาร และข้อมูลต่างๆ ให้แก่สาธารณชน หรือประชาชนได้รับรู้
คุณลักษณะของการเป็นโฆษกที่ดีคือ
1 มีข้อมูลมีข่าวสารมีความรู้ มีความเข้าใจในเรื่องที่ตัวเองพูด
2 มีความน่าไว้วางใจมีความน่าเชื่อถือ
3 เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เป็นที่ชื่นชอบของสาธารณชนหรือสื่อมวลชน
4 มีความสามารถทางด้านการพูดการสื่อสาร
โฆษกควรมีทักษะในการสื่อสารที่ดีดังนี้
1 การใช้คำ อย่างถูกต้อง เหมาะสม
2 การใช้น้ำเสียง การใช้เสียง ประกอบ การพูดให้ถูกต้องกับสถานการณ์ นั้นๆ
3 การใช้อวัจนภาษา การใช้ท่าทางประกอบการพูด อย่างสอดคล้องเหมาะสม
จากเนื้อเพลง ผู้ใหญ่ลี
พศ 2504 ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม
ชาวบ้านต่างมาชุมนุม มาประชุมที่บ้านผู้ใหญ่ลี
ต่อไปนี้ผู้ใหญ่ลีจะขอกล่าว ถึงเรื่องราวที่ได้ประชุมมา
ทางการเขาสั่งมาว่า ทางการเขาสั่งมาว่า
ให้ชาวนาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงสุกร
ฝ่ายตาสีหัวคลอน ถามว่าสุกรนั้นคืออะไร
ผู้ใหญ่ลีลุกขึ้นตอบทันใด ผู้ใหญ่ลีลุกขึ้นตอบทันใด
สุกรนั้นไซร้คือหมาน้อยธรรมดา
หมาน้อย หมาน้อยธรรมดา หมาน้อย หมาน้อยธรรมดา
จากเนื้อเพลงข้างต้น จะสะท้อนให้เห็นถึงการสื่อสารระหว่างข้าราชการหรือทางการกับชาวบ้าน ที่มีความผิดพลาด มีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน เราสามารถนำมาวิเคราะห์โดยผ่าน กระบวนการสื่อสาร ว่า เกิดความผิดพลาดตรงไหน อย่างไร
กระบวนการสื่อสาร มีดังนี้
1 ผู้ส่งสาร 2 สาร 3 ช่องทาง 4 ผู้รับสาร
1 ผู้ส่งสาร คือ ข้าราชการ ผู้รับนโยบาย จากรัฐบาล มาส่งต่อให้กับผู้นำชุมชน
2 สาร คือ การส่งเสริมให้ชาวนาและเกษตรกร เลี้ยงเป็ดและ สุกร(หมู)
3 ช่องทาง คือ การประชุม การใช้ไมโครโฟนพูดในที่ประชุม
4 ผู้รับสาร คือ ผู้ใหญ่ลี ที่เข้าใจผิด คิดว่า คำว่าสุกร หมายถึง หมาน้อย
จากกรณีศึกษาข้างนี้ เราจะแก้ไขอย่างไร...ให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุดหรือไม่เกิดความผิดพลาดขึ้น...
ข้อที่ 1 ผู้ส่งสาร ควรเปิดโอกาสให้มีการซักถาม ปัญหา หรือความไม่เข้าใจต่างๆ จากผู้รับสาร
ข้อที่ 2 สาร ผู้ส่งสารได้ใช้ภาษาราชการ ซึ่งมาจากส่วนกลาง เพราะในยุคนั้นชาวบ้านหรือผู้นำท้องถิ่นมักจะ คุ้นเคยกับภาษาท้องถิ่น(หมู)มากกว่าภาษาจากส่วนกลาง(สุกร) เพื่อลดความผิดพลาด ควรใช้ภาษาท้องถิ่น หรือภาษาที่ชาวบ้านใช้ในท้องถิ่นนั้นๆ สื่อสารจะเกิด ประสิทธิภาพ มากขึ้น
ข้อ 3 ผู้รับสาร คือผู้ใหญ่ลี เมื่อเกิดความไม่เข้าใจ หรือข้อสงสัย ก็ควรสอบถาม ข้าราชการ หรือทางการ ที่ส่งสาร หรือข้อมูล
...
  
เทคนิคการบริการและการแก้ปัญหาความขัดแย้งตามหลักธรรมาภิบาล
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " เทคนิคการบริการและการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ตามหลักธรรมาภิบาล" ณ โรงแรม เอส ดี อเวนิว ให้แก่พนักงานเดินหมายของกรมบังคดี รุ่นที่ 1 ...
  
พลังของจังหวะในการหยุดพูด
พลังของจังหวะในการหยุดพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่า คนที่พูดเก่ง ต้องเป็นคนที่พูดคล่อง พูดเร็ว พูดแบบไม่หยุด แต่จริงๆแล้ว การหยุดพูด ชั่วขณะหนึ่ง ในเวทีการพูดต่อหน้าที่ชุมชนกับเป็นประโยชน์และมีพลังเป็นอันมาก
เพราะในการพูด หากว่าเราพูดเป็นประโยค แล้วเราหยุดบ้าง จะทำให้ผู้ฟังได้มีโอกาสคิดตาม ในการพูด หากว่าเราพูด แล้วหยุดเป็นจังหวะ ก็จะทำให้ผู้ฟังเกิดการผ่อนคลายอารมณ์ในการฟัง ในการพูด แล้วหยุดบ้าง ก็จะทำให้ผู้ฟังตามทันเรื่องราวต่างๆที่เรานำเสนอ
ซึ่งเทคนิคหรือจังหวะในการหยุดพูด เราจะเห็นนักการเมือง นักพูดที่จูงใจคน ใช้ในเวทีการพูดเสมอ เช่น เมื่อพูดไปสักระยะหนึ่ง แล้วเขาจะถามผู้ฟังว่า “ จริงไม่จริง ครับ” แล้วหยุดพูด ไปชั่วขณะ เพื่อให้ผู้ฟังได้มีเวลาคิดคล้ายตามเขา หรือ “ ใช่ไม่ใช่ ครับ พี่น้อง” แล้วก็หยุดพูด ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่า ผู้ฟังบางส่วนจะพยักหน้าแล้วตอบว่า “ ใช่ ”
หรือ นักพูดที่ทำให้ผู้อื่นคล้ายตามได้บางคน ต้องการให้ผู้ฟังจดจำคำพูดบางประโยค ที่มีความสำคัญๆ หรือต้องการให้ผู้ฟังเกิดการนำเอาคำพูดไปปฏิบัติตาม เขาก็จะพูดซ้ำประโยคนั้น แล้วก็หยุดพูด แล้วก็พูดประโยคเดิมอีกครั้งหรือสองครั้ง เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความคิดและเล็งเห็นถึงความสำคัญของประโยคดังกล่าว เช่น การพูดในวันแม่แห่งชาติ
กระผมขอให้พวกเราที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ท่านกลับไปก้มลงกราบคุณแม่เถอะครับ (แล้วหยุดพูดชั่วขณะหนึ่ง) กระผมขอให้พวกเราที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ท่านกลับไปก้มลงกราบคุณแม่เถอะครับ (แล้วหยุดพูดชั่วขณะหนึ่ง) กระผมขอให้พวกเราที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ท่านกลับไปก้มลงกราบคุณแม่เถอะครับ (แล้วหยุดพูดชั่วขณะหนึ่ง) ก่อนที่จะไม่มีคุณแม่เหลือไว้ให้ท่านกราบ
ฉะนั้น จังหวะในการหยุดพูด ย่อมมีพลังเสมอ เช่นเดียวกันกับ การร้องเพลง เราจะเห็นได้ว่า การร้องเพลงก็มีจังหวะเสมอ เพลงทุกเพลง ผู้ร้องร้องไป ก็จะมีบางช่วงบางตอน เขาจะหยุดร้อง แต่จะมีท่วงทำนองบรรเลง สอดแทรกแทน เสียงร้อง
เสมอ

...
  
ศิลปะการนำเสนองานอย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยาย หัวข้อ " ศิลปะการนำเสนองานอย่างมีประสิทธิภาพ" ให้แก่นิสิต ที่จะเข้าแข่งขัน โครงการ R2M 2015 บรรยาย ณ ตึกอธิการ มหาวิทยาลัย พะเยา ...
  
บทบาทของสาธารณสุขไทยในบริบทประชาคมอาเซียน
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ "บทบาทของสาธารณสุขไทยในบริบทประชาคมอาเซียน" ณ โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการ คอนเวนชันเซ็นเตอร์แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2559 จัดโดย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข .... ...
  
สอนอย่างไรให้ง่ายและสนุก
สอนอย่างไรให้ง่ายและสนุก
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
วิชาที่ง่าย ถ้าครูอาจารย์สอนยาก วิชานั้นก็กลายเป็น วิชาที่ยาก
วิชาที่ยาก ถ้าครูอาจารย์สอนง่าย วิชานั้นก็กลายเป็น วิชาที่ง่าย
การที่ นักเรียน นิสิต นักศึกษา จะตั้งใจเรียน มีความสุข มีความสนุก และอยากเรียน สิ่งที่มีความสำคัญที่สุด ไม่ใช่การมีห้องเรียนที่ดี ไม่ใช่การมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย ไม่ใช่การมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ การมีครู อาจารย์ ที่สอนดี สอนง่าย สอนสนุก
แล้ว คำถามก็คือ แล้วทำอย่างไรถึงจะสอนให้สนุก สอนให้ง่าย สอนให้เด็ก นักเรียน นิสิต นักศึกษา อยากที่จะเรียน การสอนจึงเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง ซึ่งคนที่เป็น ครู อาจารย์ จะต้องศึกษา เรียนรู้ ฝึกฝน ทักษะ ในการสอน เพื่อให้เด็กชอบ เพื่อให้เด็กเกิดการรักการศึกษาเล่าเรียน ซึ่งปัจจัยหรือองค์ประกอบในการสอนให้ง่ายและสนุกมีดังนี้
1.ครู อาจารย์ ต้องสวมบทบาท นักแสดง เวลาเราไปดูหนัง คนที่ดูหนัง ต่างดูไปที่จอ เพื่อดูการแสดง การเป็นครู อาจารย์ ก็เช่นกัน นักเรียน นักศึกษา นิสิต ที่นั่งเรียนกับเรา ต่างก็ดู เราอยู่จุดๆเดียว ฉะนั้น ครู อาจารย์ ที่สอนสนุก มักจะนำเอาการแสดงมาบวกกับการสอน จึงทำให้เด็ก นักเรียน นิสิต นักศึกษา ชอบ ตัวอย่างเช่น อาจาย์นักพูดหลายๆท่าน ทำหน้า ทำตา แสดงท่าทางเวลาสอน ในห้องเรียน เด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษาต่างพากันหัวเราะ สนุกสนานในเวลาเรียน เช่น อาจารย์สุขุม นวลสกุล , ดร.โอภาส กิจกําแหง ,อาจารย์ สุนีย์ สินธุเดชะ เป็นต้น
2.ครู อาจารย์ ต้องมีความรู้ รู้รอบ รู้ลึก รู้กว้าง ในวิชาที่สอน สามารถตอบคำถามให้แก่นักเรียน นักศึกษา นิสิต ได้อย่างกระจ่างแจ้ง สามารถยกตัวอย่าง อย่างเป็นรูปธรรมให้เห็น ไม่ควรยกตัวอย่างเป็นนามธรรม เพราะจะทำให้ นักเรียน นักศึกษา นิสิต เข้าใจได้ยาก
3.ครู อาจารย์ ต้องสอนนักเรียน นักศึกษา นิสิต แบบมีส่วนร่วม โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียน ร่วมกิจกรรม ทำแบบฝึกหัด แบบกลุ่ม ออกมานำเสนอ ออกมาแสดงความคิดเห็น
4.ครู อาจารย์ ต้องรักที่จะสอน ต้องชอบที่จะสอน ต้องชอบที่จะถ่ายทอด เมื่อมีความรักเสียแล้ว เราจะทุ่มเท เราจะเตรียมการสอน เราจะเตรียมกิจกรรม เราจะพัฒนาการสอน แต่ถ้าเราไม่รักที่จะสอน ไม่รักที่จะถ่ายทอด เราก็จะเกิดการเบื่อหน่าย เราก็จะไม่สนุก ซึ่งพฤติกรรมต่างๆ จะปรากฏออกมาในทางตรงกันข้ามกับ ครู อาจารย์ ที่รักและชอบที่จะสอน เขาจะมีความสนุก เขาจะมีความสุข เมื่อครู อาจารย์ มีความสุข มีความสนุก ก็จะทำให้ผู้เรียน มีความสุข และสนุกตามไปด้วย
5.ครู อาจารย์ ต้องปรับปรุงบุคลิกให้เป็นที่น่าสนใจ ทั้ง บุคลิกภาพภายในและบุคลิกภาพภายนอก ไม่ว่า จะเป็นเรื่องของการแต่งกาย การมีอารมณ์ขัน การมีความกระตือรือรน ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งบุคลิกภาพเหล่านี้ จะทำให้ นักเรียน นักศึกษา นิสิต อยากที่จะเข้ามาใกล้ อีกทั้งต้องมีทักษะในการเล่าเรื่อง ยิ่งเล่าเรื่องใกล้ๆตัวผู้เรียนยิ่งชอบใจ
6.ครู อาจารย์ ต้องสร้างแรงจูงใจให้กับตัวเอง เมื่อครูอาจารย์สร้างแรงจูงใจในตัวเองแล้ว ผู้เรียนก็จะเกิดแรงจูงใจไปด้วย ฉะนั้น การเป็นครู อาจารย์ ที่ดี ควรที่จะให้กำลังใจผู้เรียน เมื่อผู้เรียนเกิดอารมณ์ท้อแท้ ไม่ควรพูดดูถูกหรือทำให้ผู้เรียนเกิดกำลังใจตก
7.ครู อาจารย์ ต้องรู้จักวิเคราะห์ ผู้เรียน ว่าผู้เรียน อยู่ในวัยใด เช่น เป็นนักเรียน เราก็ควรมีวิธีที่สอนแตกต่างกับผู้เรียนที่เป็น นักศึกษาหรือนิสิต เพราะ เรื่องของอายุ ของวัย ของประสบการชีวิต มีความสำคัญต่อความเข้าใจ ถ้าผู้สอน สื่อเรื่องที่ผู้เรียนไม่เคยรับรู้ หรือไม่มีประสบการณ์ ผู้เรียนก็จะไม่เข้าใจ
8.ครู อาจารย์ ต้องรู้หลักการพูดต่อหน้าที่ชุมชน เช่น สายตาควรมองไปที่ผู้เรียน ไม่ควรมองเพดานหรือมองหนังสือหรือมองสื่อการสอนมากเกินไป กล่าวคือ เราต้องไม่ทิ้งสายตาจากผู้ฟัง เพราะถ้าเราทิ้งสายตาจากผู้ฟัง ผู้ฟังก็จะทิ้งเรา , ใช้ท่าทางประกอบการพูด , ใช้น้ำเสียงประกอบการพูด เป็นต้น
ดังนั้น การสอนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ผู้เรียนจะเกิดแรงจูงใจในการเรียน ผู้เรียนจะเกิดความสุขในการเรียน ผู้เรียนจะเกิดความสนุกในการเรียน ผู้เรียนอยากที่จะเรียนและตั้งใจเรียน ปัจจัยที่มีความสำคัญที่สุดก็คือ ตัวผู้สอน ท้ายนี้ก็อยากจะเป็นกำลังใจให้กับ คุณครู อาจารย์ทุกคน ที่มีอุดมการณ์ในการสอนเด็กๆ เพื่อให้เด็กๆ ได้รับความรู้และนำไปใช้เพื่อพัฒนาประเทศชาติต่อๆไป
...
  
สาธารณสุขไทยสู่บริทประชาคมอาเซียน
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " สาธารณสุขไทยสู่บริบทประชาคมอาเซียน" ณ ทับขวัญ รีสอร์ท แอนด์ สปา นนทบุรี จัดโดย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2559 ...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.