หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การสื่อสารสำหรรับข้าราชการ
การสื่อสารสำหรับข้าราชการ
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ข้าราชการถือว่าเป็นบุคลากรขององค์กรของรัฐที่มีจำนวนมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเอกชน ธนาคาร ซึ่งในแต่ละปี รัฐจะรับข้าราชการใหม่เข้ามาทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง ซึ่งเกิดจากการ ตาย การลาออก การถูกไล่ออก การเกษียณอายุราชการและ การโอนย้ายตำแหน่งต่างๆของข้าราชการเก่า
ข้าราชการ จึงเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญ เป็นพลังให้หน่วยงานราชการทำงานได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ แต่ในการทำงานทุกอย่าง ทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร ย่อมมีปัญหา ไม่เว้นแต่ในองค์กรของรัฐเองก็เกิดปัญหาในการทำงาน ซึ่งปัญหามีอยู่หลากหลายที่ข้าราชการจะต้องเจอ แต่มีปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นกับข้าราชกา ทุกหน่วยงาน ที่ต้องพบเจอปัญหานี้ คือ ปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสารกับประชาชาที่มาติดต่อกับหน่วยงานซึ่งข้าราชการจำเป็นจะต้องเรียนรู้และปรับปรุงแก้ไข
อันดับแรกการที่เราจะเข้าใจปัญหาด้านการสื่อสารเราต้องเข้าใจคำว่า “องค์ประกอบของการสื่อสาร” เสียก่อน ซึ่งองค์ประกอบของการสื่อสารได้แก่ 1.1.ผู้ส่งสาร 1.2.สาร 1.3.สื่อหรือช่องทาง 1.4.ผู้รับสาร 1.5.ข้อมูลป้อนกลับ
กระผมขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้ 1.1.ผู้ส่งสาร(อาจเป็นข้าราชการ ,ผู้บริหาร,เพื่อนร่วมงาน) 1.2.สาร(คือ นโยบาย คำสั่ง จดหมาย สิ่งที่ต้องการชี้แจ้ง) 1.3.สื่อหรือช่องทาง(อาจจะส่งผ่านจดหมาย อีเล็คโทนิค E-mail , พูดผ่านไมโครโฟน , ผ่านจดหมายเปิดผนึก , ผ่านจดหมายข่าวขององค์กร,ผ่านการประชุม) 1.4.ผู้รับสาร(อาจเป็นผู้บริหาร,เพื่อนร่วมงาน,ข้าราชการ) 1.5.ข้อมูลป้อนกลับ(คือกริยา การตอบสนองซึ่งแสดงถึงความเข้าใจ ความไม่เข้าใจ ความเข้าใจที่ผิดพลาด คาดเคลื่อน)
ตัวอย่าง เช่น จากเรื่องเล่าในเนื้อเพลง ผู้ใหญ่ลี
“ พศ 2504 ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุมชาวบ้านต่างมาชุมนุม มาประชุมที่บ้านผู้ใหญ่ลี ต่อไปนี้ผู้ใหญ่ลีจะขอกล่าว ถึงเรื่องราวที่ได้ประชุมมาทางการเขาสั่งมาว่า ทางการเขาสั่งมาว่าให้ชาวนาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงสุกรฝ่ายตาสีหัวคลอน ถามว่าสุกรนั้นคืออะไร ผู้ใหญ่ลีลุกขึ้นตอบทันใด ผู้ใหญ่ลีลุกขึ้นตอบทันใด สุกรนั้นไซร้คือหมาน้อยธรรมดา หมาน้อย หมาน้อยธรรมดา หมาน้อย หมาน้อยธรรมดา”
จากเนื้อเพลงข้างต้น จะสะท้อนให้เห็นถึงการสื่อสารระหว่างข้าราชการหรือทางการกับชาวบ้าน ที่มีความผิดพลาด มีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน เราสามารถนำมาวิเคราะห์โดยผ่าน กระบวนการสื่อสาร ว่า เกิดความผิดพลาดตรงไหน อย่างไร กระบวนการสื่อสาร มีดังนี้
1 ผู้ส่งสาร 2 สาร 3 สื่อหรือช่องทาง 4 ผู้รับสาร
1 ผู้ส่งสาร คือ ข้าราชการ ผู้รับนโยบาย จากรัฐบาล มาส่งต่อให้กับผู้นำชุมชน
2 สาร คือ การส่งเสริมให้ชาวนาและเกษตรกร เลี้ยงเป็ดและ สุกร(หมู)
3 สื่อหรือช่องทาง คือ การประชุม การใช้ไมโครโฟนพูดในที่ประชุม
4 ผู้รับสาร คือ ผู้ใหญ่ลี
5.ข้อมูลป้อนกลับ(คือกริยา การตอบสนองซึ่งแสดงถึงความไม่เข้าใจ ความเข้าใจที่ผิดพลาด คาดเคลื่อน คือผู้ใหญ่ลีเข้าใจผิด คิดว่า คำว่าสุกร หมายถึง หมาน้อย)
จากกรณีศึกษาข้างนี้ เราจะแก้ไขอย่างไร...ให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุดหรือไม่เกิดความผิดพลาดขึ้น...
ข้อที่ 1 ผู้ส่งสาร ควรเปิดโอกาสให้มีการซักถาม ปัญหา หรือความไม่เข้าใจต่างๆ จากผู้รับสาร
ข้อที่ 2 สาร ผู้ส่งสารได้ใช้ภาษาราชการ ซึ่งมาจากส่วนกลาง เพราะในยุคนั้นชาวบ้านหรือผู้นำท้องถิ่นมักจะ คุ้นเคยกับภาษาท้องถิ่น(หมู)มากกว่าภาษาจากส่วนกลาง(สุกร) เพื่อลดความผิดพลาด ควรใช้ภาษาท้องถิ่น หรือภาษาที่ชาวบ้านใช้ในท้องถิ่นนั้นๆ สื่อสารจะเกิด ประสิทธิภาพ มากขึ้น
ข้อ 3 ผู้รับสาร คือผู้ใหญ่ลี เมื่อเกิดความไม่เข้าใจ หรือข้อสงสัย ก็ควรสอบถาม ข้าราชการ หรือทางการ ที่ส่งสาร หรือข้อมูล
สำหรับวิธีการการสื่อสารที่สำคัญๆและใช้เป็นประจำในหน่วยงานราชการคือ
1.การสื่อสารด้วยวาจา(ภาษาพูด) เป็นการสื่อสารและการนำเสนอที่มีความสำคัญ มีความง่าย ซึ่งข้าราชาการเมื่อเข้าไปทำงานก็จะใช้คำพูดและการพูดมากกว่า 70 % ในแต่ละวัน ซึ่งการพูดในที่ทำงานจะต้องมีทักษะในการฟัง ในการสนทนา กล่าวคือจะทำอย่างไรให้ผู้ฟังเกิดความเข้าใจ เกิดความรับรู้ที่ตรงกับความคิดของผู้พูดที่ต้องการ ไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเพราะถ้าเกิดความผิดพลาดก็จะเกิดความเสียหายขึ้น
2.การสื่อสารด้วยลายลักษณ์อักษร(ภาษาเขียน) เป็นการสื่อสารที่ใช้น้อยกว่าการพูด เป็นอันมาก เพราะส่วนใหญ่แล้ว การสื่อสารด้วยลายลักษณ์อักษร(ภาษาเขียน)มักจะต้องมีการเขียนในรูปแบบทางการ
อีกทั้งการสื่อสารด้วยลายลักษณ์อักษรมีข้อดีหลายๆอย่าง เช่น เป็นหลักฐานในการอ้างอิงต่างๆได้หรือ เป็นคำสั่งที่มีหลักฐานผูกมัดได้ ซึ่งไม่เหมือนกับการสื่อสารด้วยวาจา เมื่อเวลาผ่านไปก็มักจะลืมได้ แต่ถ้ามีลายเซ็นต์หรือลายลักษณ์อักษร ก็สามารถใช้เป็นหลักฐานได้
3. การสื่อสารด้วยกริยาท่าทาง (ภาษากาย) เป็นการสื่อสารด้วยท่าของเรา ซึ่งการแสดงออกท่าทางจะเป็นการสื่อความหมายให้แก่บุคคลอื่นๆได้รับรู้ การสื่อสารทางท่าทางจะบอกอะไรบ้างอย่างกับผู้ที่เราต้องการสื่อสารด้วย
ฉะนั้น บุคคลที่ต้องการความก้าวหน้าในอาชีพข้าราชการ ควรที่จะได้มีการฝึกฝน พัฒนาการสื่อสาร ไม่ว่าจะใช้วิธีการพูด วิธีการเขียน และวิธีการใช้ภาษากาย ด้วย จึงจะทำให้เกิดความก้าวหน้าในอาชีพและหน้าที่การงาน
...
  
เทคนิคการพูดภาษาอังกฤษคือ ฟัง ฟัง ฟัง
เทคนิคการพูดภาษาอังกฤษคือ ฟัง ฟัง ฟัง

โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก

www.drsuthichai.com

การที่จะพูดภาษาอังกฤษให้เก่ง เราต้องเริ่มต้นที่ การฟัง ฟัง ฟัง เราลองนึกภาพ เด็กทารกอเมริกัน เราจะฝึกให้เด็กทารก พูดภาษาอังกฤษได้ เราต้องทำอย่างไร เราจะซื้อหนังสือภาษาอังกฤษให้อ่านหรือ เปล่าเลย สิ่งแรกที่พ่อแม่ชาวอเมริกาต้องทำก็คือ พูดให้เด็กทารกฟัง บ่อยๆ มากๆ เช่นฝึกให้เรียกพ่อ แม่ ซึ่ง พ่อ แม่ ต้องพูดให้เด็กทารกฟัง เป็นจำนวนหลายร้อยครั้ง กว่าเด็กจะจำได้ แล้วเริ่มพูดคำว่า “ พ่อ ” “ แม่ ” หรือคำอื่นๆ กิน , นอน , นั่ง ฯลฯ ต่อจากนั้นเด็กทารกอเมริกา จึงสามารถพูดเป็นประโยคได้ เด็กสามารถพูดเป็นประโยคได้ เมื่อฟังภาษาอังกฤษมากพอ บางคนกว่าจะพูดได้ต้องฟังภาษาอังกฤษเป็นเวลานานถึง 1-2 ปี แล้วจึงเริ่มพูดได้ (ทั้งนี้แล้วแต่พัฒนาการของเด็กทารกแต่ละคนมีไม่เท่ากัน)

แล้ว เราจะฟัง อย่างไร ถึงจะทำให้พูดได้ เราจะเริ่มจากการฟังข่าวภาษาอังกฤษดีไหม เราจะเริ่มจากการดูหนังฝรั่งดีไหม(soundtrack)เราจะเริ่มจากการฟังเพลงดีไหม คำตอบคือได้ครับ แต่เราจะใช้เวลานานมาก กว่าเราจะฟังรู้เรื่อง(เพราะศัพท์บางคำยากที่จะเข้าใจ) อีกทั้งบางคนอาจเบื่อไปเสียก่อน เนื่องจากฟังไม่รู้เรื่อง

เทคนิคในการฟังภาษาอังกฤษที่ดีคือ เราต้องเริ่มจากการฟังที่ง่ายๆก่อน แล้วไปยากขึ้น ยากขึ้น เช่น เราต้องฟังนิทานสำหรับเด็กทารกหรือนิทานสำหรับเด็กเล็ก เมื่อเราฟังนิทานเหล่านี้ เราจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น กล่าวคือ นิทานบางเรื่องเราจะเข้าใจถึง 80-90 % เมื่อเราฟังนิทานสำหรับเด็กเล็กไปมากๆแล้ว จะทำให้ทักษะการฟังของเราดีขึ้น เราจึงค่อยเริ่มฟัง เรื่องราวนิทานสำหรับเด็กวัยรุ่น ซึ่งวัยรุ่นในที่นี้ตั้งแต่อายุ 12-19 ปี ซึ่งเรื่องราวนิทานสำหรับวัยรุ่นนี้ จะเริ่มมีศัพท์ภาษาอังกฤษที่ยากขึ้น และเมื่อเราฟังรู้เรื่องมากขึ้น เขาจะเข้าใจถึง 80-90 % แล้วเราค่อยไปดูหนังฝรั่ง ฟังข่าว(BBC VOA) เป็นต้น

ทำไมผมถึงไม่แนะนำให้ดูหนังฝรั่ง(soundtrack) หรือฟังข่าวภาษาอังกฤษ สำหรับคนที่ฝึกใหม่ๆ หรือไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษ เพราะในหนังฝรั่งหรือข่าวภาษาอังกฤษ จะใช้คำศัพท์ที่ยาก เมื่อเราฟังไม่รู้เรื่องเราจะเริ่มเบื่อหน่าย อีกทั้งเทคนิคการฟังภาษาอังกฤษที่ดี เราไม่ควรเปิดคำบรรยาย (Subtitle) ไม่ว่าทั้งภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ

เพราะถ้าเราเปิดคำบรรยาย (Subtitle) ความสนใจของเราจะไม่มุ่งไปที่การฟัง แต่เราจะมุ่งสนใจไปกับการอ่าน แต่ถ้าใครอยากจะฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ก็สามารถเปิดคำบรรยาย (Subtitle) ภาษาอังกฤษไปด้วยก็ได้ ก็จะทำให้เพิ่มทักษะการอ่านภาษาอังกฤษได้ดียิ่งขึ้น แต่ไม่ควรเปิดคำบรรยาย (Subtitle) เป็นภาษาไทย เพราะจะทำให้การฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษ ได้ผลน้อยลง

ทำไมผมถึงให้ฝึกฟังในสิ่งที่ง่ายไปหาสิ่งที่ยาก ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับการยกน้ำหนัก ถ้าเราฝึกยกน้ำหนักใหม่ๆ เราไม่ควรเริ่มยกน้ำหนักที่มากๆ เพราะเราไม่สามารถยกได้ ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน เราไม่ควรฝึกฟังในสิ่งที่ยากๆ เช่น เรื่องราว ข่าว หนัง ที่มีคำศัพท์ที่ยากๆ เมื่อเราฟังแล้วไม่รู้เรื่อง ก็จะทำให้เราท้อแท้ เบื่อหน่ายในการฝึกภาษาอังกฤษ

ฉะนั้น เมื่อเราฝึกยกน้ำหนักใหม่ๆ เราควรเริ่มจากน้ำหนักที่น้อยๆ แล้วจึงเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น มากขึ้น สรุปก็คือ เราควรฝึกฟังเรื่องราว ข้อมูลภาษาอังกฤษจากสิ่งที่ง่ายๆ ไปก่อน แล้วจึง ฝึกฟังภาษาอังกฤษในเรื่องราวที่ยากขึ้น เป็นลำดับไป

ที่นี่ เราลองสังเกตดูว่า ทำไมคนไทยเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย แล้วทำไมถึงพูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้ เพราะในชั้นเรียนเราเรียนเรื่องของการอ่าน การเขียน เรียนหลักภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับไวยากรณ์ แต่ไม่เน้นการฟังภาษาอังกฤษ ครูที่สอนส่วนใหญ่ก็เป็นคุณครูคนไทย พอสอนวิชาภาษาอังกฤษก็มักจะพูดภาษาไทยในการสอนภาษาอังกฤษ ก็เลยทำให้เด็กๆ ขาดทักษะการฟังที่มากพอนั่นเอง ...
  
นักทำงานยุคใหม่ควรปฏิบัติตัวอย่างไร
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " นักทำงานยุคใหม่ควรปฏิบัติตัวอย่างไร" ณ ห้องภูกามยาว 1 ม.พะเยา ให้แก่ นิสิตคณะ MIS การจัดการและสารสนเทศศาสตร์ปี 4 จำนวน 700 คน ...
  
Be ready for the working spear
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ ร่วมเป็นวิทยากร ในงาน ปัจฉิมนิเทศ "Be ready for the working spear" ของนิสิตคณะรัฐศาสตร์และนิสิตสาขาพัฒนาสังคมของ มหาวิทยาลัยพะเยา เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2559 ณ ห้อง ภูกามยาว 3 อาคารเรียนรวม มหาวิทยาลัยพะเยา .... ... ...
  
จงมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อนำไปสู่ความเป็นเลิศ
จงมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อนำไปสู่ความเป็นเลิศ
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน
www.drsuthichai.com
ไม่ว่าคุณทำงานอาชีพอะไร ไม่ว่าคุณจะอยู่วงการอะไร ถ้าคุณต้องการความเป็นเลิศ คุณจำเป็นจะต้องมุ่งมั่นทุ่มเท พวกเราจะเห็นได้ว่า บุคคลที่เป็นสุดยอดของโลก ไม่ว่าวงการใดๆ เขาจะต้องทำงานหนัก เขาจะต้องมีความขยันขันแข็งมากกว่าคนปกติธรรมดาทั่วๆไป
- ไทเกอร์ วูดส์ นักกอล์ฟอันดับหนึ่งของโลก กว่าเขาจะมาเป็นอันดับหนึ่ง เขาต้องมุ่งมั่นทุ่มเท
ขยันฝึกซ้อม ต้องใช้เวลาฝึกซ้อมและเข้าแข่งขันในรายการต่างๆมากกว่านักกอล์ฟคนอื่นๆ
- เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลกกว่าที่เขาจะเป็นนักประดิษฐ์เอก เขาได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์
ต่างๆมากมาย เขาต้องใช้ความอดทน ลองผิดลองถูกมากมาย โดยเฉพาะการประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลก เขาต้องล้มเหลวนับเป็นพันๆครั้ง แต่เขาก็พยายามอดทนมุ่งมั่นทุ่มเทต่อไป จนกระทั่งเขาประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าดวงแรกสำเร็จ
- 2 พี่น้องตระกูลไรท์ วิลเบอร์ ไรท์และออร์วิล ไรท์ กว่าที่พวกเขาจะคิดค้นเครื่องบินลำแรกได้
เขาต้องพบกับความยากลำบาก เขาต้องทดลองขับเครื่องบินที่เขาผลิตและตกลงมาทำให้เขาได้รับบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทเขาจึงสามารถประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกของโลกได้สำเร็จ
- อับราฮัม ลินคอล์น นักพูดระดับโลก นักการเมืองระดับโลก เขาเป็นอดีตประธานาธิบดีของ
สหรัฐอเมริกา เขาเข้าเรียนหนังสือในโรงเรียนไม่เกิน 1 ปี แต่เขาฝึกพูดด้วยตนเอง เขาเรียนรู้ด้วยตนเอง ต่อมาเขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าว่าจะเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐให้ได้ในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท เขาสอบตกจากการเลือกตั้งหลายครั้ง เช่น เคยพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งในตำแหน่งนิติบัญญติ พ่ายแพ้การเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พ่ายแพ้การเลือกตั้งในตำแหน่งวุฒิสภา พ่ายแพ้การเลือกตั้งในตำแหน่งรองประธานาธิบดี แต่ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทเขาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาและเป็นประธานาธิบดีที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาและประวัติศาสตร์ของโลก
ดังนั้น ถ้าท่านต้องการความเป็นเลิศในวงการของท่าน ท่านจงสร้างอุปนิสัยแห่งความมุ่งมั่น
ทุ่มเท แล้วท่านจะเป็นคนหนึ่งที่ยืนอยู่แถวหน้าในวงการของท่านหรือในสายอาชีพของท่าน
น้ำแต่ละหยดยังรวมกันเป็นทะเลมหาสมุทร หินแต่ละก้อนยังรวมเป็นภูเขา
ถ้าท่านอยากเป็นเลิศในวงการของท่าน จงมุ่งมั่นทุ่มเทแล้วท่านจะเป็นเลิศอย่างแน่นอน
...
  
การให้อภัยศัตรู
การให้อภัยศัตรู
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การให้อภัย มีความสำคัญมากต่อ สุขภาพจิตใจ สุขภาพร่างกายของเรา เพราะการให้อภัยจะทำให้เราไม่ยึดติดในความร้อน ความแค้น เมื่อไม่ร้อน จิตก็จะกลางๆ คือเข้าสู่ความสงบ ความสว่าง ตามหลักการทางพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับศัตรูของเรา เมื่อได้พูดไปแล้ว เมื่อได้กระทำต่อเราแล้ว ก็ลืมและก็ไม่ได้คิดมาก ศัตรูจึงไม่มีความทุกข์
จงให้อภัย เป็นคำพูดที่ง่ายๆ แต่ในทางปฏิบัตินั้นยากมากๆ ที่จะให้อภัย โดยเฉพาะกับศัตรู ตัวกระผมเอง ก็เคยมีประสบการณ์ ซึ่งเคยถูกข่มขู่ ที่จะฆ่า ที่จะทำร้าย ทำให้โกรธและอยากที่จะเอาคืน แต่คิดโกรธ แค้นทีไร ตัวกระผมเองก็เกิดความทุกข์ ความร้อนขึ้นทันที ซึ่งทำให้เกิดอาการและโรคต่างๆตาม มา เช่น โรคนอนไม่หลับ , โรคเครียด โรคกระเพาะ ตามมา
ในทางจิตวิทยาได้กล่าวไว้ว่า ถ้าเราคิดแต่สิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในสมอง ก็เสมือนเราเก็บของไม่ดีเอาไว้ในสมองมากๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะทำให้เราอ่อนแรง ไม่มีพลังในการทำงาน อีกทั้งจะทำให้เราเกิดการเจ็บป่วยได้
การให้อภัยจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะเป็นผลดีต่อเรามากกว่าเป็นผลดีต่อศัตรูของเรา ซึ่งเทคนิคการให้อภัยมีดังนี้
1.เราไม่ควรคิดทบทวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะจะทำให้เรายิ่งเจ็บแค้น ควรเปลี่ยนเรื่องคิด หรือความคิดที่ดีๆ มาใส่แทน เสมือนว่า ในแก้วน้ำมียาพิษ หากว่าเราต้องการให้ยาพิษหมด เราต้องหาน้ำดีเติมลงไป เมื่อเติมลงไปเยอะๆ น้ำและยาพิษก็จะล้นออกจากแก้ว ก็จะทำให้ ยาพิษจางและค่อยๆหายไป ในที่สุด ดังนั้น ต้องหาความคิดที่ดีๆ ความสุขเติมลงไปเยอะๆ
2.เข้าหาศาสนา ทุกศาสนาจะสอนให้ “ ให้อภัย” ศาสนาพุทธ “ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร” ศาสนาคริสต์ “ เมื่อถูกคนตบหน้าด้านซ้ายก็จงเอาด้านขวาให้เขาตบด้วย” หรือพระเยซูเอง ตอนตาย ก็ถูกตรึงไม้กางเขน ก่อนตายก็พูดกับพระเจ้าว่า “ ให้อภัยเขา”
พระคัมภีร์ไบเบิล ก็ยังได้กล่าวไว้ว่า “เราให้อภัยคนอื่นเมื่อเราไม่ถือโทษและไม่เรียกร้องให้เขามาขอโทษหรือชดใช้ คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าความรักแบบไม่เห็นแก่ตัวเป็นหัวใจสำคัญของการให้อภัยอย่างแท้จริง เพราะความรัก “ไม่จดจำเรื่องที่ทำให้เจ็บใจ”—1 โครินท์ 13:4, 5”
3.จงคิดบวกหรือเปลี่ยนทัศนคติให้บวก เช่น เหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้ ทำให้เราได้รับบทเรียนในชีวิต อนาคตเราจะได้ไม่ทำผิดพลาดอีก และคิดเสียว่า บุคคลที่ได้ทำลายเรา ก็จะถูกเวรกรรมตามทัน
4.จงหลีกเลี่ยง หรือไม่พบกับบุคคลที่เป็นศัตรูของท่าน เพราะจะทำให้ท่านคิดหรือเขาอาจจะสร้างปัญหาให้แก่ท่านได้ หรือ หลีกเลี่ยงไปยังสถานที่ของศัตรูของท่านหรือหลีกเลี่ยงพบกับพวกพรรคของเขา
โดยสรุปเมื่อท่านได้ให้อภัยแก่ศัตรูของท่าน ท่านก็จะได้รับประโยชน์ดังนี้
1. ท่านจะเป็นผู้ชนะ เพราะท่านจะชนะใจตนเอง อีกทั้งท่านจะไม่แคร์ศัตรูท่านอีกต่อไป
2. ท่านจะไม่คิดถึงมันเพราะแผลในหัวใจของท่านได้จางหายไปเสียแล้ว ทำให้ไม่เกิดความทุกข์กับเรื่องนั้นอีกต่อไป
3.ท่านจะได้รับ สารความสุข Endophine เพิ่มมากขึ้น
4.ท่านจะมีความภาคภูมิใจในตัวของท่านเอง เพราะ ท่านสามารถทำสิ่งที่ยากได้
5.ท่านจะไม่ได้สร้างเวร สร้างกรรม ต่อกันอีกต่อไป เพราะบางคน คิดจะแก้แค้นถึงกับฆ่ากันตายกันเลยทีเดียว จนตัวเองต้องเข้าคุกเข้าตารางกันไป



...
  
อภัยทาน
อภัยทาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
อภัยทาน คือ การยุติผลกรรม การจองเวร การคิดแก้แค้น การอาฆาตพยาบาท การคิดร้าย การคิดลบ กล่าวคือ สิ่งที่เป็นภัยที่เกิดขึ้นจากจิตใจหรือความคิดของเราเอง ซึ่งถือว่าเป็นยาพิษสำหรับจิตใจของเรา หรืออาจจะเปรียบได้ว่า เป็นการตกนรกภายในใจ ทั้งๆที่มีชีวิตอยู่ เนื่องจากเกิดความทุกข์ ความไม่สบายใจ
อภัยทาน คือ การไม่พยาบาท การไม่ผูกใจโกรธ การไม่อาฆาตจองเวร หรือคิดร้ายแม้กระทั้งศัตรูของตนเอง
เราจะเห็นว่า ศาสนาพุทธ เมื่อผู้ใดได้ตายลงไปแล้ว ประเพณีของไทยเราส่วนใหญ่ เราก็จะจุดธูปแล้ว กล่าวขออภัยต่อศพ ว่าสิ่งใดที่เราได้ล่วงเกินไปด้วยกาย วาจา ใจ ก็ขออโหสิกรรม ถึงแม้จะเป็นศัตรูก็ตาม เพราะถ้ายังผูกใจเจ็บซึ่งกันและกัน ก็จะส่งผลไปยังภพชาติหน้า
แม้แต่ประเพณี สงกรานต์ของไทยเราหรือวันขึ้นปีใหม่หรือพิธีบวช ของไทยเรา ก็ยังคงมีเรื่องของ การอโหสิกรรม ซึ่งจะทำให้ใจของเราเกิดการอภัยทานซึ่งกันและกัน จึงเป็นเรื่องของการชำระล้างใจ ทำให้ใจของเราเกิดความสงบร่มเย็น
การอภัยทานจึงต้องอาศัยการฝึกทำ ไปทีละเล็กทีละน้อย จนเป็นปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำได้ยาก แต่ถ้าใครทำได้ก็จะเป็นเรื่องการสร้างบุญบารมีให้แก่ตนเอง เพราะการให้อภัยการเมตตาจะเป็นคุณประโยชน์แก่ตนเอง มากกว่าคนที่เราผูกใจเจ็บ
ซึ่งตามหลักการพุทธศาสนานั้นได้สอนไว้ว่า การให้อภัยทานคือการให้ทานสูงสุด เป็นการให้ทานที่สูงกว่าการให้ธรรมทานเสียอีก การให้ธรรมทาน 100 ครั้ง ก็ไม่อาจสู้หรือได้บุญน้อยกว่าการให้ “ อภัยทาน”
การทะเลาะกัน ก็เหมือนกับ การโทรศัพท์หากัน ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยตอบโต้กัน ถ้าการพูดต่อโต้กันเป็นเรื่องที่ดี เรื่องที่มีความสุข เรื่องความรัก ความอบอุ่น ก็ดีไป แต่ถ้า ทะเลาะกันผ่านทางโทรศัพท์ ถ้ามีฝ่ายหนึ่งหยุดพูด อีกฝ่ายก็ไม่สามารถโต้ตอบได้ ก็จะไม่เกิดอารมณ์ โกรธ เกลียด ที่มากขึ้นด้วยกันทั้งสองฝ่าย ดังนั้น การหลบเลี่ยง การหลบหนี การหยุดทะเลาะ การยอมแพ้บ้าง จึงเป็นเรื่องของการไม่เพิ่ม อารมณ์ ความโกรธ ความเกลียด ความเครียดแค้น การผูกใจเจ็บ ให้มากขึ้นได้
กระผมได้ฟังเทศนาจากพระคุณเจ้าในอดีตซึ่งจำไม่ได้ว่ามาจากพระท่านใด ท่านกล่าวว่า “ การที่เราโกรธใคร ไม่ไปอหิโสกรรมใคร จะทำให้บาปนั้นติดภายในใจเราไปอย่างยาวนาน ข้ามภพข้ามชาติ ถ้าเราไปเกิดใหม่ กรรมหรือบาปนั้น ก็ยังติดตามไปด้วย บางคนเกิดมามักจะถูกใส่ร้ายตลอด บางคนเกิดมาก็มีผู้คนกลั่นแกล้ง ทำร้ายตลอด นั่นเพราะเกิดจากกรรมในอดีต ”
จงชนะใจของตนเองด้วยการให้อภัยทาน แล้วท่านจะพบกับความสุขภายในใจของตนเอง จงแผ่เมตตาให้ตนเอง ให้กับผู้คน ให้กับสัตว์ร้ายและศัตรูของท่าน จงอโหสิกรรมให้แก่ตนเอง ผู้อื่น รวมทั้งศัตรูของท่าน จะทำให้ชีวิตของท่านเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.