หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
อุปสรรค คือ สีสันของชีวิต
อุปสรรค คือ สีสันของชีวิต
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ว่าวที่จะขึ้นไปสู่ที่สูงได้ ย่อมมีแรงลมกระแทกเป็นธรรมดา
ทุกอุปสรรคทุกความล้มเหลว ย่อมพาเราไปสู่ความสำเร็จ
เป็นคำพูดที่มีส่วนจริงอยู่ไม่ใช่น้อย โทมัส เอ.เอดิสัน เขาไม่ได้เรียนจบจากสถาบันการศึกษา หลายๆคนบอกว่าเป็นอุปสรรค แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่ เอดิสัน เขาต้องทนทรมานจากการหูหนวกของตัวเขาเอง หลายๆคนคิดว่ามันคืออุปสรรค แต่สำหรับเขาแล้ว มันไม่ใช่ มีอยู่วันหนึ่ง มีนักข่าวคนหนึ่งไปถามเขาว่า การที่เขาหูหนวก มันเป็นอุปสรรคต่อการทำงานไหม
เขากลับตอบกลับ จนนักข่าวต้องตลึงว่า “ การที่เขาหูหนวกเป็นสิ่งที่ดี ต่อการทำงานของเขา เพราะเขาจะได้ไม่ต้องมานั่งฟัง คำพูดที่ไร้สาระของบุคคลต่างๆ ซึ่งบางคนยังไม่รู้เลยว่าตนเองต้องการอะไรในชีวิต แต่การที่เขาหูหนวก ทำให้เขาได้ยินเสียงจากภายในใจของเขาเอง ” และผมเชื่อว่า ถ้าหลายๆคนได้อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว น่าจะคิดแบบเดียวกันกับผมว่า เอดิสัน สุดยอดจริงๆครับ เพราะการที่คนส่วนใหญ่หูหนวก มักคิดว่าเป็นอุปสรรค แต่เขามีมุมมองที่กลับกัน
เอดิสัน จึงเป็นบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญของโลกและเป็นบุคคลที่คนทั่วโลกยกย่อง เขาประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในเรื่องการเป็นนักประดิษฐ์ และในเรื่องของวิทยาศาสตร์
สำหรับการประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า เขาพบกับความล้มเหลวและอุปสรรค เป็นพันครั้ง มีนักข่าวไปสัมภาษณ์เขาว่า คิดอย่างไรกับความล้มเหลวหรืออุปสรรคที่พบเป็นพันๆครั้ง บ้าง เขากลับตอบนักข่าวว่า ความจริงมันไม่ใช่อุปสรรคหรือความล้มเหลว แต่มันคือวิธีการใหม่ๆที่จะนำไปสู่ความสำเร็จต่างหาก
สุดยอดนะครับ เพราะคนส่วนใหญ่ เมื่อได้พบกับอุปสรรค เจอปัญหา หรือพบกับความพ่ายแพ้ เพียงแค่ครั้งเดียว หลายๆคนถอดใจ หนี นักขายจำนวนมาก เมื่อถูกลูกค้าปฏิเสธ การซื้อ เขาถึงกับถอดใจไม่ทำแล้ว ไม่ขายอีกแล้ว มีน้อยคนนักที่จะพยายามทำต่อไป แต่ เอดิสัน เขาพบกับความล้มเหลว อุปสรรค ถึง พันครั้ง แต่เขาก็สู้ต่อไป จนประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าได้ในที่สุด
ท่านผู้อ่านครับ หากว่าเรานำเรื่องราวของเอดิสัน มาคิด เราจะเห็นว่า หลายๆครั้งที่เรามักจะฟังคนอื่นๆ มากกว่าฟังตนเอง แต่สำหรับเอดิสันแล้ว การที่เขาหูหนวก นั้นเป็นข้อดี เขาจึงสามารถฟังเสียงของตนเองได้ชัดเจนขึ้น กล่าวคือ เขาไม่ต้องมานั่งฟังคนส่วนใหญ่พูดให้เขาเสียกำลังใจ เช่น คุณทำหลอดไฟฟ้าไม่ได้หรอก เพราะยังไม่มีใครเคยทำ , คุณเลิกได้แล้ว ทำมาเป็นพันๆครั้ง ยังทำไม่ได้อีก เป็นต้น
เคยมีนิทานเรื่องหนึ่งเล่าว่า มีการแข่งขันปีนต้นไม้กัน หลายคนกำลังปีนแข่งกัน แต่ต้นไม้สูงมาก ทำให้คนดูเชื่อว่า ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ คนดูหลายๆคนจึงร้องบอกคนปีนว่า ลงมาเถอะ ไม่ไหวหรอก ด้วยความเป็นห่วยเป็นใยคนปีน จึงทำให้คนที่เข้าแข่งขันหลายๆคน ทยอยปีนลงมาจากต้นไม้สูง แต่มีนักปีนคนหนึ่ง ปีนได้ดีมาก ปีนสูงขึ้น ปีนสูงขึ้น จนสามารถปีนขึ้นไปสู่จุดที่สูงสุดได้ ปรากฏว่าทุกคนต่างก็ชื่นชม นักปีนต้นไม้ ผู้นี้ หลังจากนั้นจึงมีการให้สัมภาษณ์ โดยนักข่าวถามว่า “ ทำไมคุณถึงปีนได้โดยไม่พักเลย” นักปีนที่ได้รับชัยชนะกล่าวตอบว่า “ ก็ผมได้กำลังใจจากผู้ชมที่อยู่ด้านล่างนะซิ ที่ช่วยกันเชียร์” ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะว่าคนที่ได้รับชัยชนะ คนดังกล่าว เขาเป็นคนหูหนวก เลยนึกว่าคนด้านล่างเชียร์ แต่ที่ไหนได้ คนชมด้านล่างกลับร้องตะโกนให้ลงจากต้นไม้
ฉะนั้น มนุษย์เป็นจำนวนมากมักเป็นเช่นนี้ กล่าวคือ มักเอาความคิดเห็นของคนทั่วไปมาสร้างปัญหาให้กับตัวเอง จนทำให้ตนเองแทนที่จะประสบความสำเร็จ กลับกลายเป็นว่าตนเอง พบกับอุปสรรค พบกับปัญหา ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จ ดังเช่น โทมัส เอ.เอดินสัน ท่านจงฟังเสียงของตนเอง มากกว่าฟังเสียงของผู้อื่น เพราะสิ่งนั้นจะเป็นตัวกำหนดโชคชะตาในตัวของท่าน
...
  
โต้วาที
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ ได้รับเชิญให้เป็นกรรมการและผู้ให้คำเสนอแนะในการโต้วาที จัดโดย โรงเรียน เซนต์คาเบรียล มีโรงเรียน 30 แห่งที่มาจากทั่วประเทศเข้าร่วมแข่งขัน ในงาน " พิธวิวัฒน์" เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 ...
  
พูด Happy life Happy Work
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ พูดหัวข้อ "Happy life Happy Work " ให้แก่ผู้บริหารและพนักงาน บริษัท ปตท.ในงานสัมมนาพนักงานสายการตลาดพาณิชย์และต่างประเทศ ประจำปี 2556วันที่ 29-30 กันยายน 2556
ณ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง
...
  
ลีลาการเขียน
ลีลาการเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ลีลาการเขียน มีความสำคัญมาก เพราะ นักเขียนดังๆหลายคน มีลีลาการเขียนที่สนุก เร้าใจ บางคนเขียนจนกระทั่งกระชากหัวใจของผู้ฟังออกมาเลยก็มี(เป็นการเปรียบเทียบครับ ไม่ใช่กระชากออกมาจริงๆ)
สำหรับการฝึกฝนทางด้านลีลาในการเขียนเราสามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ดังนี้
1.หัดเป็นคนอ่านหนังสือให้มากๆ การอ่านหนังสือมากจะทำให้เราได้เห็นลีลาการเขียนของนักเขียนท่านอื่นๆ เพื่อนำเอาข้อดีเหล่านั้น มาพัฒนาลีลาการเขียนของเรา
2.หัดเป็นนักสะสม จดจำ เมื่อเห็น คำ ถ้อยคำ ลีลา การเขียนประโยคไหนที่ชื่นชอบ พยายามจดจำ หรือจดไว้ในสมุดบันทึก เพื่อนำเอาไปปรับปรุงใช้ในงานเขียนของตนเอง
3.หัดคิดก่อนลงมือเขียน การคิดนี้จะเป็นการวางโครงสร้างเรื่อง ว่าเราจะขึ้นต้นอย่างไร เนื้อเรื่องอย่างไร สรุปจบอย่างไร
4.หัดค้นหาตัวตนให้พบ นักเขียนหลายคน เขียนบทความได้ดี มีคนชื่นชม ยกย่อง แต่เมื่อเห็นนักเขียนท่านอื่น เขียนนวนิยายแล้วดังและร่ำรวย ก็อยากที่จะเขียนนวนิยายบ้าง แต่เมื่อลงมือเขียนจริงๆ กลับเขียนไม่ได้เรื่อง ฉะนั้น จงค้นหาตัวตนของตนเองให้เจอว่าตนเอง ชอบเขียนงานในลักษณะไหนแล้วพัฒนางานเขียนของตนเองจะออกมาดีกว่าไปมุ่งฝึกฝนงานเขียนที่ตนเองไม่ชอบ ไม่ถนัด
5.หัดพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ งานเขียนเป็นเรื่องของทักษะ หากว่าใครได้มีโอกาสเขียนมาก ก็จะยิ่งทำให้คนพบลีลาการเขียนของตนเอง อีกทั้งลีลาการเขียนก็จะพัฒนาดียิ่งๆขึ้น
6.หัดเป็นคนที่อดทน งานเขียนเป็นงานที่ต้องใช้เวลาพิสูจน์ บางคนกว่าจะดัง ต้องฝึกเขียนทุกๆวัน เป็นเวลา 10 ปี แต่นักเขียนรุ่นใหม่ ใช้เวลาฝึกเขียน ทุ่มเท น้อยมาก เพียงแค่ 1-2 ปี ก็อยากจะดังเสียแล้ว
7.หัดเป็นนักปรุง การเขียนเรื่องเดียวกัน เช่น เรื่อง “ แม่ ” แต่บางคนเขียนแล้วคนอ่านชอบ แต่อีกคนเขียนแล้ว คนอ่านไม่ชอบ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการปรุงนั้นเอง

8.หัดเปิดใจรับฟังคำวิจารณ์ คำวิจารณ์จะทำให้เราแก้ไขงานของตนเองให้ดียิ่งขึ้น งานเขียนของนักเขียนบางคน เขียนเป็นเวลา 10 ปี ไม่ดัง แต่เมื่อมีคนเสนอแนะ เหมือน “ เส้นผมบังภูเขา ” ปรากฏว่าเมื่อนำ คำขอเสนอแนะ ไปปรับปรุง งานเขียนก็ดีขึ้นทันตาเห็น
ฉะนั้น เรื่องของลีลาการเขียน เราสามารถปรับปรุง พัฒนาให้ดีขึ้นได้ ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับ ตัวของเราเองเป็นสำคัญ หากว่าเรามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพัฒนาปรับปรุง การใช้ภาษา การใช้ถ้อยคำ การดำเนินเรื่องในการเขียน กระผมเชื่ออย่างสุดใจว่า เราทุกคนทำได้ ขนาดสัตว์(หมา นกแก้ว ช้าง ม้า ) คนยังนำมาฝึกได้ แต่เนี่ยเราเป็นคน ก็ยิ่งต้องฝึกได้ คนเราสามารถเป็นนักเขียนได้ หากว่าเราคิดว่าเราทำได้

...
  
การเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์
การเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
การเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์มีความสำคัญและมีความจำเป็นมาก ต่อการบริหารภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร โดยส่วนตัวกระผมได้ทำงานเกี่ยวกับงานประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา จนกระทั่งได้ถูกแต่งตั้งให้เป็น หัวหน้างานประชาสัมพันธ์ ของมหาวิทยาลัย นเรศวร พะเยา
ซึ่งต้องดูแลงานประชาสัมพันธ์โดยรวมของมหาวิทยาลัย นเรศวร พะเยา จากประสบการณ์ จึงได้รู้และได้เห็น ว่า การเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ มีความสำคัญต่อภาพลักษณ์ขององค์กรอย่างยิ่ง จนนำไปสู่ความร่วมมือของคนภายในและภายนอกขององค์กร อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือในการแก้ไขความเข้าใจผิดต่างๆ แก้ไขข่าวลือ ในบทความชิ้นนี้ ผู้เขียนจึงอยากที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแชร์ความรู้ แชร์ประสบการณ์ที่ได้รับ ในเรื่องการเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ ดังนี้
คนที่จะเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ที่ดี ก่อนอื่นควรมีการวางแผนก่อนการเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ เราต้องการให้ใครเป็นผู้รับสาร , การเขียนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หรือความต้องการอะไร และ เราจะมีกลยุทธ์หรือวิธีการนำเสนอข่าวอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
สำหรับถ้อยคำภาษาในการเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ เราไม่ควรมุ่งเน้นความไพเราะของคำ แต่ควรมุ่งเน้นการใช้ภาษาที่ชัดเจน ภาษาที่จูงใจ ซึ่งเมื่อคนอ่านอ่านแล้วจะเห็นภาพที่ชัดเจนและทำให้คล้ายตาม
การเลือกใช้สื่อก็มีความสำคัญอย่างมาก เราควรพิจารณาด้วยว่า กลุ่มเป้าหมายของเรา ชอบอ่านข่าวจากแหล่งใด ซึ่งการเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์เรามักเขียนในนามองค์กรมากกว่าเขียนนามบุคคล อีกทั้งการเขียนจะเน้นเรื่องของการสร้างสรรค์ การเขียนในเชิงบวก ไม่ควรเขียนข่าวในเชิงลบ
ส่วนวัตถุประสงค์ส่วนใหญ่ในการเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์มักจะมีวัตถุประสงค์ คือ
1.เขียนเพื่อให้คนโดยทั่วไปเกิดการยอมรับองค์กร
2.เขียนเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ
3.เขียนเพื่อแก้ไขข่าวลือ แก้ไขข่าวร้าย และเพื่อป้องกันข่าวต่างๆที่ไม่ดีขององค์กร
4.เขียนเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร
5.เขียนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในองค์กรและนอกองค์กร
6.เขียนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆของบริษัท
สมัยผมทำงานด้านประชาสัมพันธ์ใหม่ๆ ผมเองได้จัดการแถลงข่าวให้กับผู้บริหารขององค์กรหลายครั้ง ซึ่งผู้บริหารก็ให้ข่าวแก่สื่อมวลชนที่มาร่วมงาน สื่อมวลชนหลายคน ได้พูดบอกผมว่า อยากให้ผมสรุปข่าวแจก หรือ ให้รายละเอียด แก่นักข่าว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องถามเพิ่มเติมและทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งผมก็ได้ทำตามคำแนะนำ จึงทำให้สื่อมวลชนลงข่าวได้เร็วขึ้น
ซึ่งข่าวแจกที่ผมทำแจกมักจะเป็นข่าวประเภทต่างๆ เช่น ข่าวแจ้งเพื่อทราบ,ข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร่งด่วนหรือฉุกเฉิน, ข่าวกิจกรรมต่างๆขององค์กรและข่าวตอบโต้เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
สำหรับหลักในการเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ ผมมักจะใช้ทฤษฏี 5W 1H คือ Who ใคร What ทำอะไร Where ที่ไหน When เมื่อไร Why ทำไมจึงเกิดขึ้น และ How เหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร
โครงสร้างของข่าวประชาสัมพันธ์ที่ดี
1.พาดหัวข่าว ต้องโดนใจ กระชับ เร้าใจ 2.คำนำ 3.เนื้อหา 4.สรุป
สิ่งสำคัญ ถ้ามีภาพประกอบด้วยได้ยิ่งดี เพราะภาพเพียง 1 ภาพ แทนคำพูดได้เป็นหลายร้อยหลายพันคำ
สิ่งที่ควรระวังในการเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์คือ
1.ไม่ควรเขียน ชื่อ นามสกุล ยศ ตำแหน่ง ของคนที่เราเขียนภายในข่าว ผิด
2.การเขียนตัวเลข ไม่ควรผิดพลาด ควรตรวจสอบให้แน่นอนก่อนส่งข่าว
3.ไม่ควรใช้ศัพท์เทคนิค ถ้าใช้ก็ควรแปลความหมายหรืออธิบายความหมายเพิ่มเติม
4.ควรหลีกเลี่ยงการเขียนข่าวเปรียบเทียบเรื่องทางศาสนาและการเมือง
โดยสรุปคนที่จะเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ได้ดี ควรต้องฝึกฝนการเขียนบ่อยๆ แล้วลองสอบถาม รุ่นพี่หรือนักเขียนรุ่นพี่ว่า เราควรปรับปรุงอะไรบ้าง แล้วพัฒนาการเขียนอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็จะพบกับความสำเร็จในที่สุด








...
  
สู้ไม่ถอย
สู้ไม่ถอย
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
บุคคลสำคัญๆในประวัติศาสตร์หรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาเหล่านั้นมักมีคุณสมบัติหลายประการ แต่มีอยู่ประการหนึ่งที่คนสำคัญหรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จมีเหมือนๆกันก็คือ การสู้ไม่ถอย
คนเรามีสิทธิ์ท้อได้ แต่คนที่สู้ไม่ถอยเท่านั้น จึงจะนำพาตัวเองผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้ ถ้าท่านเป็นบุคคลหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ท่านจำเป็นจะต้องปลูกฝังอุปนิสัย “ สู้ไม่ถอย ” ไว้กับตัวของท่านเอง
- โคลัมบัส นักเดินทาง นักเสี่ยงภัย ได้เดินทางท่ามกลางทะเลมหาสมุทร แอตแลนติก เพื่อหาทาง
ไปยังประเทศอินเดีย ซึ่งคนในยุคนั้นไม่เชื่อว่าเขาจะทำได้ เขาต้องต่อสู้กับคำสบประมาท การถูกดูถูก อีกทั้งต้องต่อสู้กับกลาสีเรือที่ต้องการเดินทางกลับบ้านในระหว่างการเดินทางอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร แอตแลนติก จากความเด็ดเดี่ยวและหัวใจที่สู้ไม่ถอย ทำให้เขาค้นพบดินแดนใหม่ ก็คือ ทวีปอเมริกา
- แลนซ์ อาร์มสตรอง นักปั่นจักรยานมืออาชีพ เมื่อเขาทราบว่าเขาเป็นโรคมะเร็งในปอด เขาเข้า
รับการรักษาและรับคีโม แม้ร่างกายตอนนั้นเขาจะย่ำแย่ แต่สภาพจิตใจของเขา “ สู้ไม่ถอย” การปั่นจักรยานเป็นกีฬาและอาชีพที่เขารัก เขาจึงตัดสินใจเข้าแข่งขันในสนามที่โหดที่สุดหรือยากที่สุด เขาทุ่มเทกำลังในการซ้อม ซ้อม และซ้อม อย่างหนัก จนในที่สุดเขาเป็นแชมป์และได้รับรางวัลต่างๆจากการแข่งขันจักรยานอีกหลายสนาม
- หลวงวิจิตรวาทการ ท่านเป็นนักเขียน นักการเมือง นักการทูต นักคิด นักอะไรอีกมากมาย เคย
มีคนไปถามท่านว่า ตอนที่ท่านอยู่ในคุกเพราะเจอวิกฤตชีวิตทางด้านการเมือง “ ท่านทำไมอยู่ได้ตั้งนาน ท่านไม่ทุกข์บ้างหรือ ” ท่านตอบกลับว่า “ ท่านจะทุกข์ได้อย่างไรเพราะภายในคุกมีงานให้ท่านทำตั้งมากมาย” ท่านจึงสามารถผลิตผลงานต่างๆได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะงานเขียนหนังสือ ก็ด้วยหัวใจที่ “สู้ไม่ถอย” ขนาดคุกยังไม่สามารถมาปิดกั้นในการทำงานของท่านได้
- ยายไฮ ขันจันทา นักต่อสู้แห่งจังหวัดอุบลราชธานี ยายไฮได้ต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม ที่ถูก
ทางการเวนคืนที่ดินที่เป็นสิทธิทำกินของเธอไปสร้างเขื่อน เป็นเวลาถึง 27 ปี ด้วยความมีหัวใจที่ “สู้ไม่ถอย” ยายไฮ จึงเป็นผู้ชนะในที่สุด
- สตีฟ จอบส์ คนบ้าอะไรสู้ไม่ถอย เป็นอีกคนหนึ่งที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว เขาตัดสินใจลาออกจาก
มหาวิทยาลัย แล้วเลือกทำในสิ่งที่เขารักโดยเขาตั้งบริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ จนสร้างความร่ำรวยได้อย่างมากมาย ตอนเขาอายุ 30 ปี เขาถูกไล่ออกจากบริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ที่เขาก่อตั้งขึ้นมาเอง เนื่องจากผู้บริหารที่เขาจ้างและเชิญมาให้ทำงานร่วมกับเขารวมหัวกับกรรมการบริษัทไล่เขาออก แต่ด้วยความมีหัวใจที่ “ สู้ไม่ถอย” เขาก่อตั้งบริษัท Next และ Pixar สร้างการ์ตูนแอนิเมชั่น จนประสบความสำเร็จมากมาย ในที่สุด บริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ ได้ซื้อบริษัท Next จึงทำให้เขาได้กลับไปยังบริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์อีกครั้ง
ดังนั้น การสู้ไม่ถอย จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนๆหนึ่งประสบความสำเร็จ และเช่นกัน การสู้ไม่ถอย ได้ทำให้คนจำนวนมากเกิดความล้มเหลวเพราะการเลิกล้ม ไม่ยอมเดินหน้าต่อ ไปยังจุดมุ่งหมายปลายทาง
เอเมอร์สัน นักปราชญ์ชาวอเมริกา กล่าวไว้ว่า “ ผู้ที่เชื่อว่าตนเองสามารถทำได้นั้น จะเป็นผู้ชนะเสมอ” และ “จงทำงานที่ท่านกลัวเถิด แล้วเจ้าความกลัวก็จะหายไปอย่างแน่นอน”
...
  
การสร้างแรงบันดาลใจ
การสร้างแรงบันดาลใจ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในแวดวงต่างๆ เขามักเป็นคนที่มีแรงบันดาลใจในการทำงาน ฉะนั้น การสร้างแรงบันดาลใจจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จ สำหรับการสร้างแรงบันดาลใจ เราสามารถสร้างได้หลายทาง เช่น
- การตั้งเป้าหมาย การเขียนเป้าหมาย การสร้างภาพความฝัน ที่ตนเองต้องการอยู่เป็นประจำ
โดยเฉพาะตอนก่อนเข้านอน หนังสือเรื่องเดอะซีเคร็ต ได้แนะนำว่าในโลกนี้มีกฎแห่งการดึงดูด หากว่าคุณหมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องใดเป็นประจำคุณก็มักจะได้สิ่งนั้น ฉะนั้น จงคิดมัน จงฝันถึงมัน จงจินตนาการถึงมันบ่อยๆ แล้วชีวิตของคุณก็จะเดินทางไปสู่เป้าหมายหรือความฝันของตนเองในที่สุด
- การอ่านหนังสือ การอ่านหนังสือสามารถสร้างแรงบันดาลใจที่ดี โดยเฉพาะสำหรับคนบางคน
ผู้นำของหลายประเทศหลายคนทั้งในอดีตและปัจจุบัน ได้อ่านเรื่องราวของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ทางการเมือง ผู้นำประเทศเหล่านั้น จึงได้สร้างแรงบันดาลใจในตัวเองขึ้น เขาเหล่านั้นจึงเกิดความต้องการที่จะเป็นผู้นำประเทศเหมือนกับชีวประวัติของผู้นำในหนังสือบ้าง เป็นต้น
- การฟังเทป การฟัง VCD เรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงจูงใจ ก็เป็นสิ่งหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ
ขึ้น เพราะในเทป ใน VCD จะเล่าเรื่องราวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ว่าเขาทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จ ซึ่งหากว่าเราฟังแล้วนำไปปฏิบัติ เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้ดังบุคคลนั้น
- การสัมมนา การอบรม การประชุม เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถ สร้างแรงบันดาลใจได้ เพราะภายใน
งาน ผู้จัดงานมักจะนำเอาบุคคลที่ประสบความสำเร็จมาพูด มาคุย อีกทั้งการสัมมนา การอบรม การประชุม จะทำให้เราทราบความเคลื่อนไหว ข่าวคราว ของหน่วยงาน ของกิจการ ของประเทศ ซึ่งเป็นข่าวที่ใช้ในการทำงานของเราได้โดยตรง
- การรวมกลุ่มที่มีจิตใจเดียวกัน ความต้องการเดียว ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ
เช่น หากว่าเราอยากเป็นนักเขียนระดับประเทศ เราก็ควรเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน อีกทั้งเมื่อเราได้รู้จักนักเขียนมืออาชีพแล้ว เขาก็มักจะมีคำแนะนำดีๆในการสร้างแรงบันดาลใจให้เราได้เป็นนักเขียนมืออาชีพในอนาคต
- การหาแบบอย่างหรือการหาบุคคลตัวอย่าง โดยเฉพาะบุคคลที่ประสบความสำเร็จหรือบุคคลที่
เราอย่างที่จะมีชีวิตแบบเขา ก็เป็นอีกทางหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจขึ้นภายในตนเอง เช่น ไมเคิล จอร์แดน(Michael Jordan) เป็นแรงบันดาลใจให้แก่บรรดาเด็กๆหลายๆคนทั่วโลกอยากที่จะเป็นนักบาสเก็ตบอล , ไทเกอร์ วูดส์ เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอีกหลายๆคนในการที่อยากที่จะเป็นนักกอฟส์มืออาชีพ ,จอห์น เลนน่อน(John Lennon) ผู้แต่งเพลง “ Eight Day” เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอเมริกาหลายคนอยากที่จะเป็นนักแต่งเพลง,สตีฟ จอบส์ เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนหลายคนทั่วโลกในการต่อสู้ชีวิตและสร้างผลงานใหม่ๆ เป็นต้น
และมีอีกหลายวิธีในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ตนเอง ฉะนั้นบุคคลที่มีผลงานโดดเด่น มีผลงานมากมายมักจะเป็นคนที่มีความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ตนเองทั้งสิ้น จงสร้างแรงบันดาลใจในตนเองขึ้น แล้วท่านจะเป็นคนหนึ่งที่ได้ฝากผลงานที่โดดเด่นและมากมายให้แก่โลกนี้


...
  
สร้างนิสัยแห่งความสำเร็จ
สร้างนิสัยแห่งความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จ มักมีนิสัย ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ในทางตรงกันข้าม คนที่ล้มเหลว มักมี นิสัยที่ทำให้เขาล้มเหลวอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ท่านจึงควรสร้างนิสัยใหม่ที่จะทำให้ท่านเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ โดยดูต้นแบบว่า คนที่ประสบความสำเร็จ เขามีนิสัยอย่างไรกัน จากการอ่านและการค้นคว้าของกระผม กระผมพอสรุปได้ดังนี้
1.มีความเป้าหมาย มีความตั้งใจ มุ่งมั่น พยายาม เพื่อไปให้สู่เป้าหมาย คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เขามักมีเป้าหมายในชีวิต อีกทั้งเขาพยายามทุ่มเท ชีวิต พลังงานทั้งหมด ไปยังเป้าหมายที่เขาได้กำหนดเอาไว้
2.วางแผน เขียนแผนการ ลงบนกระดาษ คนที่ประสบความสำเร็จ เขามักมีการวางแผน อีกทั้งมักจะเขียนแผนการ เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายปี ราย 5 ปี ราย 10 ปี ไว้บนกระดาษ เพราะการเขียนไว้บนกระดาษจะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งทำให้เกิดการตรวจสอบ เกิดการควบคุม เป้าหมายและแผนการ ว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง
3.พึ่งตนเอง มากกว่าพึ่งเทวดา ฟ้า ดิน พระเจ้า คนที่ประสบความสำเร็จ เขามักเชื่อมั่นในตนเอง เขามักพึ่งพาตนเอง มากกว่า พึ่งคนอื่น และยังเป็นที่พึ่งของคนอื่นๆได้อีกด้วย
4.เป็นคนที่มีจินตนาการ มีความฝัน มีความหวัง คนที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่มักเป็นนักคิด นักฝัน นักจินตนาการ เขาจึงสามารถสร้างผลงานที่ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นแก่สังคมและประเทศชาติ
5.ดึงศักยภาพแฝงเร้นออกมาใช้ได้มากกว่าคนอื่นๆ ความจริงแล้ว คนเรามีพลัง มีศักยภาพมากมาย แต่เรามักไม่ได้นำออกมาใช้งาน แต่ตรงกันข้าม คนที่ประสบความสำเร็จ เขามักดึงศักยภาพแฝงเร้นออกมาใช้ได้อย่างมหาศาล
6.เป็นคนที่ ททท.หรือทำทันที คนที่ประสบความสำเร็จเมื่อ มีเป้าหมายแล้ว มีการวางแผนแล้ว มีจินตนาการแล้ว เขาจะลงมือทำทันที แต่ตรงกันข้าม บุคคลโดยทั่วไป เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ไม่ยอมลงมือทำ แต่จะมีข้ออ้างต่างๆนานา เพื่อที่จะทำให้ตนเองไม่ต้องทำสิ่งนั้น
7.หาความรู้เสมอ ไม่หยุดยั้ง คนที่ประสบความสำเร็จ เขามักเป็นคนทันโลก ทันเหตุการณ์ เขาพร้อมที่จะยอมรับและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง ตรงกันข้าม บุคคลที่ล้มเหลว มักหยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ บุคคลโดยทั่วไป เมื่อจบการศึกษาแล้ว ได้รับปริญญาแล้ว ก็หยุดที่จะเรียนรู้
8.รู้จักหาความสมดุลให้แก่ชีวิต บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักสร้างความสมดุลให้แก่ชีวิต โดยหาความสงบ เข้าหาธรรมชาติ ฝึกจิตใจ ฝึกสมาธิ ตรงกันข้าม บุคคลโดยทั่วไปมักจะดำเนินชีวิตเป็นไปตามกระแสโลก โดยเฉพาะโลกแห่งวัตถุนิยม โลกแห่งการบริโภคนิยม
ดังนั้น หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ ท่านจึงควรสร้างนิสัยแห่งความสำเร็จ ท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เหมือนคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆคน
...
  
ปลุกพลังในตัวคุณ
ปลุกพลังในตัวคุณ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จอย่าง เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก,ลินคอล์น อดีตประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ของสหรัฐ , มหาตะมะ คานธี อดีตผู้นำที่ชาวอินเดียรักและให้ความเคารพตลอดกาล, เดล คาร์เนกี อดีตอาจารย์ผู้สอนวิชาการพูดระดับโลก ผู้นำเหล่านี้ มักดึงพลังจากภายในตัวของเขาเอง ออกมาใช้มากกว่าผู้อื่น
อีกทั้งผู้นำเหล่านี้ รู้ว่าตนเอง มีความรัก ความชอบ ความต้องการอะไรในชีวิตอย่างแท้จริง พวกเขามีอุดมการณ์ รวมทั้งยอมตายเพื่ออุดมการณ์หรือยอมตายเพื่อแลกกับสิ่งที่เขาต้องการ
เดล คาร์เนกี เขาต้องการเปิดสอนการพูด จึงไปนำเสนอหลักสูตร “ การพูดต่อหน้าสาธารณชน ” เพื่อไปเป็นอาจารย์สอนยังมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย แต่ก็โดนปฏิเสธ แต่เขาไม่ย่อท้อ เขาจึงได้ไปนำเสนอหลักสูตร แก่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ก็ถูกปฏิเสธกลับมาอีก เพราะเหตุว่า ทั้ง 2 สถาบัน คิดว่าคงไม่มีคนสนใจเรียน แล้วในที่สุด เขาเปิดสอนในโรงเรียน ไว.เอ็ม.ซี.เอ ซึ่งต้องเรียนหรือต้องสอนในช่วงกลางคืน โดยทาง ไว.เอ็ม.ซี.เอ ได้ตกลงให้ค่าจ้างเขาเป็นเปอร์เซ็นต์ ตามจำนวนคนที่เข้าเรียน แทนการจ้างโดยการจ่ายเป็นเงินเดือนประจำ เนื่องจากไม่เชื่อมั่นว่าจะมีคนมาเรียนเป็นจำนวนมาก
แต่ในที่สุด หลักสูตรของเขาได้รับการยอมรับอย่างมากมาย คนมาสมัครเรียนเป็นจำนวนมาก ทำให้เงินที่เขาได้รับเป็นเปอร์เซ็นต์ ตามจำนวนคนเข้าเรียน มีจำนวนมากกว่าหลายเท่าของเงินที่ทาง ไว.เอ็ม.ซี.เอ จะใช้จ้างเขาเป็นเดือนในตอนแรกเสียอีก ปัจจุบันหลักสูตรของเขาได้มีการแพร่หลายและใช้เรียนไปทั่วโลก
ทำไม เดล คาร์เนกี จึงประสบความสำเร็จ ? ปัจจัยหนึ่งก็คือ เขารู้จักตนเอง เขารู้ความต้องการของตนเอง และเขาดึงพลังจากภายในตัวของเขามาใช้อย่างเต็มที่
อยากเก่งต้องมี Passion (ความชอบ ความอยาก ความหลงใหล)ในการทำธุรกิจถ้าให้เลือกระหว่างมีเงินทุนมากกับมี Passion ผมเลือกการมี Passion มากกว่า เพราะการมี Passion จะทำให้เราเกิดความกล้า ความอดทน ความมุ่งมั่น ไม่บ่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ออกมาจากภายในใจของเรา อีกทั้งคนที่ประสบความสำเร็จมักมี Passion เกือบทุกคน(คนส่วนใหญ่หรือคนธรรมดามักยอมแพ้ในระหว่างทาง แต่คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะพยายามเดินไปให้ถึงฝั่งฝัน ด้วยใจที่รักในสิ่งนั้น)
อยากดึงพลังภายในตนเอง ทำอย่างไร? คนโดยทั่วไปหรือคนธรรมดา มักจะไม่มีเป้าหมายในชีวิต ตรงกันข้ามกับคนที่ประสบความสำเร็จเขามักมีเป้าหมายในชีวิต หากต้องการดึงพลังภายในตนเองออกมาใช้ กระผมขอแนะนำว่า ท่านควรวางเป้าหมายในชีวิตให้แก่ตนเองก่อนเป็นลำดับแรก เพราะการมีเป้าหมายจะทำให้เรามีทิศทางในการเดินทาง ไม่หลงทาง ไม่ใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
อยากประสบความสำเร็จ ต้องเริ่มจากตัวเราเอง หลายคนมักโทษคนอื่น บางคนโทษฟ้า โทษดิน โทษอากาศ แต่จริงๆแล้ว คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองก่อน เปลี่ยนแปลงอย่างไร เปลี่ยนแปลงตนเองโดยการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลา เช่น การอ่านหนังสือทุกวัน,การเข้าสัมมนา การอบรม , การคิดแง่บวก , ฝึกการพูด เป็นต้น
ดังนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ ท่านควรสร้างเป้าหมายของตนเองขึ้นมา แล้วทุ่มเทพลัง ดึงพลังของตนเองออกมาใช้อย่างเต็มที่ แล้วท่านก็จะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย



...
  
คุณก็เป็นเศรษฐีได้
คุณก็เป็นเศรษฐีได้
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
หลายคนอาจจะคิดตำหนิพ่อแม่ บางคนอาจจะคิดตำหนิชาติกำเนิด ว่าตนเองเกิดมาไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้เป็นเศรษฐี แต่แท้จริงแล้ว เราสามารถเป็นเศรษฐีได้โดยเริ่มต้นจากตัวเราเอง
วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีระดับโลก เริ่มต้นทำงานตั้งแต่การเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้าน
เฉลียว อยู่วิทยา มหาเศรษฐีชาวไทย เจ้าพ่อกระทิงแดง เริ่มต้นจากพ่อค้าเร่ขายผลไม้
โคโนสุเกะ มัตสึชิตะ มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่น เทพเจ้าวงการค้าของญี่ปุ่น เขาเรียนจบแค่ชั้นประถมปีที่ 4 แล้วก็ออกจากโรงเรียน ไปเป็นลูกจ้างร้านจักรยานขณะที่มีอายุ 15 ปี
แอนดรู คาร์เนกี มหาเศรษฐีระดับโลก เจ้าของโรงงานเหล็กกล้าระดับโลก อายุ 13 ปี ต้องรับจ้างเป็นคนงานในโรงงานสิ่งทอ
บุคคลเหล่านี้ ไม่ได้เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย แต่ตรงกันข้าม ความลำบากในวัยเด็ก กับทำให้เขาเหล่านี้มุมานะ สร้างตนจนกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ คุณก็ทำได้ ถ้าคุณคิดและเชื่อมั่นว่าคุณทำได้
มหาเศรษฐีเหล่านี้เขาทำกันอย่างไร
1.ฝันต้องยิ่งใหญ่ เป้าหมายต้องเป็นไปได้ บรรดาเศรษฐีทั่วโลก เขามักฝันอยากที่จะมีกิจการเป็นของตนเอง โดยเขามักจะเริ่มกิจการในธุรกิจที่ตนเองมีความชื่นชอบ บิล เกตส์ และ สตีฟ จอบส์ เขาชื่นชอบคอมพิวเตอร์ เขาจึงเริ่มก่อตั้งบริษัทของตนเองขึ้นมา
2.ระดมคนเก่งมาช่วยงาน บิลเกตส์ เคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารฟอร์ โดยนักข่าวถามเขาว่า เขาประสบความสำเร็จได้อย่างไร? เขาตอบกลับไปว่า “ ปีนี้ผมเชิญคนเก่งกว่าผมมาช่วยงานอีกหลายคน”
3.ไม่เลิกล้มกลางคัน การทำธุรกิจ ก็เปรียบเสมือนกับการวิ่งมาราธอน ต้องเป็นการวิ่งระยะทางที่ไกล ไม่ได้เป็นการวิ่งเร็วหรือวิ่งระยะสั้น หลายคนเมื่อเจอปัญหาในการทำธุรกิจก็เลิกล้มเอาง่ายๆ ตรงกันข้ามกับคนที่ประสบความสำเร็จ กว่าบริษัทเขาจะเจริญเติบโตบางแห่งต้องใช้เวลาเป็น 30 ปี แต่บางคนก่อตั้งบริษัทแค่ 3 ปี มีปัญหาหน่อยหนึ่งเลิกล้มเสียแล้ว อย่างนี้ก็คงเป็นมหาเศรษฐีได้ยาก
4.ขยายฐานลูกค้าของตนเอง มหาเศรษฐีที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่ เขามักเป็นนักตลาดและนักขาย 7-11 เป็นตัวอย่างได้ดีในเรื่องนี้ หาก 7-11 ไม่ยอมขยายฐานลูกค้า 7-11 ก็คงไม่เติบโตไปทั่วประเทศและทั่วโลกเหมือนในยุคปัจจุบัน
5.นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาดอยู่เสมอ โลกปัจจุบันนี้เป็นโลกยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ผลิตภัณฑ์ สินค้า บริการ ใหม่ๆเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากว่าคุณต้องการความร่ำรวย จงนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาด เช่นเดียวกับ สตีฟ จอบส์ ได้นำเสนอสินค้าตระกูล I ออกสู่ตลาดโลก และสินค้าใหม่ๆก็ได้สร้างความร่ำรวยให้แก่ สตีฟ จอบส์ อย่างมากมายมหาศาล
6.สร้างชื่อให้ตลาดยอมรับ สินค้า บริการ ยุคใหม่ต้องสร้างแบรนด์เนม น้ำอัดลมโคคาโคลาประกอบไปด้วยน้ำกับน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ ถ้าไม่พึ่งพาการโฆษณา โคคาโคลา ก็คงไม่มียอดขายมากมายดังเช่นปัจจุบัน
7.อดทนถึงที่สุด การทำธุรกิจ ทำงานต่างๆ ยอมต้องมีอุปสรรค มีปัญหา ความอดทนนั้นขื่นขมแต่ผลที่ตอบแทนกลับมักจะหวานชื่น จงอดทนกับปัญหาต่างๆ เช่น โดนัลด์ เจ ทรัมพ์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐ ร่ำรวยจากธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ มีอยู่ช่วงหนึ่งธุรกิจของเขาตกต่ำสุดๆ เกือบทำให้เขาต้องล้มละลาย ด้วยความอดทน ในที่สุดเขากลับมาร่ำรวยมากกว่าเดิม
8.หาความรู้อย่างไม่หยุดยั้ง ความรู้ในยุคปัจจุบันมีมากมาย จากการอ่าน จากการฟัง จากการสัมมนา จากการอบรม การหาความรู้จะทำให้เราทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ทำให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
ปัจจัยข้างต้นนี้ เป็นปัจจัยที่ทำให้ คุณกลายเป็นมหาเศรษฐี หากว่าคุณมีความต้องการมันอย่างแท้จริง จงคิดแบบมหาเศรษฐี จงพูดแบบมหาเศรษฐีและจงทำแบบมหาเศรษฐี แล้วคุณก็จะกลายเป็นมหาเศรษฐีในที่สุด ขอให้ประสบความสำเร็จ

...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.