หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
เทคนิคการพูดในที่ชุมชน
เทคนิคการพูดในที่ชุมชน

นักพูดชั้นนำไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน ย่อมมีวิธีการพูดของตนเอง ซึ่งแต่ละแบบแต่ละวิธีก็จะแตกต่างกันไป ผู้เขียนเองได้ศึกษาจากการอ่านหนังสือ “วาทะ วาที ศาสตร์และศิลป์ทางการพูด” เขียนโดย อาจารย์สุทธิชัย ปัญญโรจน์ และจากประสบการณ์การเป็นพัฒนากรและนักทรัพยากรบุคคล ทุกครั้งที่จะพูดต่อหน้าชุมชน จะให้ความสำคัญกับการเตรียมคำพูด โดยใช้สมุดบันทึกพกติดตัวตลอด เมื่ออ่านเจอคำพูดที่น่าสนใจก็จะจดบันทึกไว้เป็นข้อมูล ก่อนพูดต้องมีการเขียนโครงเรื่อง ซ้อมพูด แล้วแก้ไขจนเป็นที่น่าพอใจ จึงจะนำไปพูด ทำให้เกิดความมั่นใจ เป็นธรรมชาติ จะเห็นได้ว่าการพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ซึ่งแต่ละคนจะมีวิธี การคิด การฝึก การปฏิบัติที่แตกต่างกันไป จึงขอนำประสบการณ์เรื่องเทคนิคการพูดในที่ชุมชนมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ขุมความรู้
1. เตรียมตัว เตรียมใจทุกครั้งที่ขึ้นพูด ต้องทำจิตใจให้สดชื่น พักผ่อนให้เพียงพอจะส่งผลให้การพูดนั้นออกมาดี
2. เตรียมข้อมูลต่างๆ ให้พร้อม เช่น ข้อมูลผู้จัด คนฟัง ห้องบรรยาย สถานที่
3. เตรียมเรื่องที่จะพูด ต้องสามารถอธิบายได้ง่าย โดยการสร้างโครงเรื่องเป็นขั้นตอน 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุปจบ “ขึ้นต้นต้องตื่นเต้น กลางต้องกลมกลื่น และสรุปจบต้องจับใจ”
4. คำนำ หรือการขึ้นต้นที่ดีนั้น ต้องเร้าใจผู้ฟัง เพื่อผู้ฟังจะได้ติดตาม อาจจะขึ้นต้นด้วยการพาดหัวข่าว บทกวี คำพูดของคนที่มีชื่อเสียง หรือขึ้นต้นด้วยอารมณ์ขัน
5. เนื้อเรื่อง หรือการดำเนินเรื่อง ต้องลำดับเรื่องที่พูดให้ดี เช่น การพูดตามลำดับของเหตุการณ์ เวลา สถานที่ หรือจุดหมายของการพูด แล้วใส่ถ้อยคำ น้ำเสียง ภาษา ท่าทาง สายตาให้เข้ากับเนื้อเรื่อง
3. สรุป หรือการลงท้าย ต้องทำให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจ การสรุปจบที่ดีต้องมีความหมายที่ชัดเจน กะทัดรัด สัมพันธ์กับเนื้อเรื่องและคำนำ การสรุปจบที่ได้ผล เช่น ฝากให้ผู้ฟังคิดต่อ จบแบบสรุปความ จบแบบเรียกร้องหรือชักชวน จบแบบคำคม สุภาษิต คำพังเพย
แก่นความรู้
1. คำนำ หรือการขึ้นต้นที่ดีนั้น ต้องเร้าใจผู้ฟัง
2. เนื้อเรื่อง หรือการดำเนินเรื่อง ต้องลำดับเรื่องที่พูดให้ดี
3. สรุป หรือการลงท้าย ต้องทำให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจ
ความรู้และทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
1. ศาสตร์และศิลป์ทางการพูด
2. การพัฒนาบุคลิกภาพ
3. การเป็นวิทยากร
เจ้าของความรู้ นางสาวทับทิม แท่งคำ นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุบลราชธานี ...
  
ชื่อ สโลแกน มีความสำคัญ
ชื่อ สโลแกน มีความสำคัญ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
เมื่อพูดถึงชื่อสินค้ายี่ห้อหนึ่ง เช่นคำว่า “โค้ก , เป๊ปซี่ ” เราจะรู้ว่าคืออะไร เมื่อพูดคำว่า “ โตโยต้า ฮอนด้า ” เราจะรู้ว่าคืออะไร เมื่อพูดคำว่า “ ไนกี้ , อาดิดาส ” เราจะรู้ว่าคืออะไร เมื่อพูดคำว่า “ เชฟโรเลท , วอลโว่” หรือ เมื่อเรียกชื่อบุคคลเราจะทราบทันทีว่าเขาคือใคร เช่น ไทเกอร วูดส์ , เดวิด เบ็คแฮม , เฉินหลง ฯลฯ
ชื่อของสินค้าหรือชื่อของบุคคล จึงมีความสำคัญเป็นอันมากในการทำการตลาด เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจดจำได้ ลักษณะของการตั้งชื่อที่ดี มักสื่อความหมายให้เห็นถึงบุคลิกของตัวสินค้า จึงไม่เป็นที่แปลกใจว่า สินค้าหลายๆตัวรวมถึงบุคคลต่างๆ เมื่อเข้าสู่วงการต่างๆ เช่น วงการแสดง วงการกีฬา วงการบันเทิง ฯลฯ จึงมักมีการเปลี่ยนแปลงชื่อเพื่อทำการตลาด เช่น เฉินหลง ชื่อจริง เฉิน ก่างเซิง แต่เมื่อเฉินหลง ทำการตลาดการเป็นนักแสดงระดับโลกจึงเปลี่ยนแปลงชื่อเป็น แจ๊กกี้ ชาน หรือ ดาราไทย นักร้องไทย จาก พรภิรมย์ พินทะปะกัน เปลี่ยนเป็น ไมค์ ภิรมย์พร เป็นต้น
ยิ่งในยุคปัจจุบัน เป็นยุคโลกาวิวัฒน์ คนทั่วโลกสามารถไปมาหากันได้อย่างสะดวก เราจะเห็นชาวต่างประเทศมาประเทศไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ทำให้การตั้งชื่อยิ่งมีความสำคัญยิ่งขึ้น การตั้งชื่อสินค้า การตั้งชื่อสถานที่ต่างๆ ปัจจุบันมักใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษมากกว่าการตั้งชื่อเป็นภาษาไทย เช่น BM PUB ทำไมเราไม่ใช้คำว่า สมชาย ผับ หรือร้านขายกาแฟ Caffe Buddy (ภาษาไทยอ่านว่า คาฟเฟ่ บัดดี้) ทำไมเราไม่ใช้ชื่อเป็นภาษาไทยว่า สมปอง กาแฟ เป็นต้น
สโลแกน เช่น คำว่า “ เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ” , “ บริการทุกระดับประทับใจ” , “ ปึกแผ่นเป็นแก่นสาร บริการเป็นกันเอง ” ฯลฯ สโลแกน เป็นข้อความที่ใช้ในการจูงใจให้คนมาใช้สินค้า เป็นข้อความที่บ่งบอกถึงจุดเด่นของสินค้า ซึ่งลักษณะของสโลแกนที่ดี ควรสั้นกระชับ มีความคล้องจ้อง อีกทั้งมีการเว้นวรรค เว้นจังหวะในการอ่าน
หากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการทำการตลาดสินค้าสักตัวหรือการทำการตลาดตัวของท่านเอง ท่านควรคำนึงถึงชื่อสินค้า และสโลแกนที่ใช้ เพื่อประโยชน์ในการทำการตลาดมากยิ่งขึ้น ผู้ที่รู้ความลับนี้หลายๆ ท่านมักใช้ทำการตลาดตัวเองแล้วได้ผล เช่น “ ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว(จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ) หรือ ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้(พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์)” สโลแกนเหล่านี้มักแสดงถึงตัวตนของท่านได้อย่างแท้จริง
สโลแกนจึงมีความสำคัญและสโลแกนที่ดียังสามารถช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย หากเราสามารถคิดสโลแกนที่ถูกใจผู้คน ผู้คนก็จะฟังติดหู ดังเช่น รักคุณเท่าฟ้า ของการบินไทย , ละลายในปากไม่ละลายในมือ เอ็มแอนด์เอ็ม , ลูกผู้ชายตัวจริง กระทิงแดง ฯลฯ
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ชื่อและสโลแกน มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน และหากต้องการให้ชื่อและสโลแกน เป็นที่จดจำได้เร็ว เราคงต้องศึกษาเรื่องของเครื่องมือช่วยตัวอื่นๆ เพื่อใช้ในการทำการตลาด เช่น โลโก้ , การเลือกใช้สี , เสียงเพลง , การเลือกรูปแบบตัวอักษรและภาพ ฯลฯ ซึ่งต้องนำชื่อ สโลแกนและเครื่องมือช่วยอื่นๆ โดยการนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร ฯลฯ ก็จะทำให้สินค้าของท่านเป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น



...
  
ทำงานให้สนุกเป็นสุขกับการทำงาน
ทำงานให้สนุกเป็นสุขกับการทำงาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ในชีวิตของคนๆหนึ่งมีงานวิจัยว่า เราจะใช้เวลาไปกับการทำงานเป็นจำนวนเท่าไร ผลปรากฏออกมาว่า เราใช้เวลาในชีวิตถึง 2 ใน 3 ของเวลาทั้งหมดไปกับการทำงาน ดังนี้ การทำงานจึงเป็นสิ่งที่ควรทำให้ชีวิตมีความสุข มีความสนุก ไม่ใช้ทำงานไปด้วยความเบื่อหน่าย ไม่อยากทำ เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ท่านควรมีความกล้าหาญในการเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยการกล้าที่จะลาออกจากงานเดิมแล้วเปลี่ยนงานใหม่ไปทำงานที่ท่านรัก ท่านชอบ
เวลาทำงานของคนโดยปกติมักจะอยู่ที่ 8-10 ชั่วโมง แต่หากท่านต้องทำงานมากกว่า 10 ชั่วโมงละ ท่านจะทำอย่างไร
โทมัส เอดิสัน แนะนำว่า “ จงสนุกกับงานนั้นๆ ” โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าดวงแรกได้ ก็ด้วยการสนุกกับงาน เขาทำงานอย่างสนุกบางวันทำงานถึง 18 ชั่วโมงเลยทีเดียว และในบางวันเขาทำงานอย่างสนุกจนกระทั่งต้องหอบ อาหาร เครื่องดื่ม ที่นอนไปในห้องทดลองเพื่อที่จะได้มีเวลาทำงานมากขึ้น
พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ทำงานอย่างสนุกบางวันท่านทำงานได้ถึงวันละ 16 ชั่วโมง ก็เพราะมีความสนุกกับการทำงาน การทำงานทำให้ท่านมีความสามารถหลายด้าน เช่น เป็นนักการเมือง นักเขียน นักพูด ข้าราชการ ครู อาจารย์ เป็นต้น
ซึ่งการทำงานให้มีความสนุกและเป็นสุขกับการทำงานนั้นสามารถแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
1.จงรักในงานที่ท่านทำ จงทำในงานที่ท่านรัก ข้อนี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการทำงาน ความรักในงาน ความชอบในงาน เป็นบ่อเกิดให้ทำงานนั้นๆ ได้ดีกว่าคนอื่น ได้มากกว่าคนอื่น ฉะนั้น จงหางานที่ท่านรักทำแล้วท่านจะเกิดความสนุกและมีความสุขในงานที่ท่านได้ทำ
2.หากไม่สามารถหางานที่ตนเองรักทำได้ ก็จงทำใจรักงานในปัจจุบันที่ท่านทำ เสมือนหนึ่ง บางคนมีแฟนอยากที่จะแต่งงานกับคนๆนี้ แต่ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง เราจึงได้แต่งงานกับอีกคนหนึ่งซึ่งเราไม่ได้รักหรือชอบเขา แต่เมื่อมาอยู่กินเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็จงปรับตัวปรับใจ ทำใจให้รักเขา ชอบเขา มองแต่แง่ดีของเขา
3.รู้จักบริหารเวลาให้เป็น เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเราต้องคำนึงถึงเรื่องของการบริหารเวลา ควรใช้เวลาในการทำงานอย่างคุ้มค่า ควรเห็นคุณค่าของเวลา เพราะถ้าหากบริหารเวลาไม่เป็นก็จะทำให้งานการเสียหายได้ อีกทั้งคนที่บริหารเวลาเป็น มักมีความก้าวหน้าและเจริญเติบโตในหน้าที่การทำงาน
4.สอดใส่ความกระตือรือร้นเข้าไปในการทำงาน คนส่วนใหญ่เมื่อทำงานไปนานๆ มักเกิดความเบื่อหน่ายไม่อยากทำ แต่คนที่ทำงานอย่างมีความสุขมักเป็นคนที่กระตือรือร้นในการทำงาน ในการเรียนรู้งาน พร้อมที่จะทำงานที่มีความยากและท้าทายมากขึ้น
5.กอบโกยสิ่งที่เกิดจากการทำงานในปัจจุบันให้มากขึ้น การทำงานใดทำงานหนึ่ง มักจะทำให้เราเกิดประสบการณ์ชีวิต ดังนั้น หากว่าเราเป็นคนมองโลกในแง่ดีและในแง่บวก เราจะมีความต้องการที่จะเรียนรู้และหา ประสบการณ์ ในการทำงานในปัจจุบันให้มากที่สุด เพื่อที่จะนำไปประกอบอาชีพส่วนตัวได้ในอนาคต
6.จงตั้งเป้าหมายในการทำงาน การทำงานที่ดีควรมีเป้าหมาย มีทิศทาง การมีเป้าหมาย มีทิศทางจะทำให้ผู้ที่ทำงานได้มีการประเมินตนเองมากขึ้น อีกทั้งมีความกระตือรือร้นในการทำงานเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้
ดังนั้น การทำงานอย่างมีความสุขและสนุกในการทำงาน จะทำให้ท่านมีผลงานมากขึ้น มีความสุขในชีวิตมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้องค์กร บริษัท หน่วยงานของท่าน มีความเจริญเติบโต ก้าวหน้า และเมื่อองค์กรต่างๆ มีความเจริญเติบโต ก้าวหน้าก็จะส่งผลให้ประเทศไทยของเรามีความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองต่อไป
...
  
นิสัยความสำเร็จ...สำคัญกว่าทำก่อน
นิสัยความสำเร็จ...สำคัญกว่าทำก่อน
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
นิสัยทำให้เกิดความก้าวหน้า.........
นิสัยทำให้เกิดความสุข................
นิสัยทำให้เกิดความสำเร็จ.................
คนเรามีเวลาเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง แต่ทำไมบางคนถึงประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ตรงกันข้าม กับคนเป็นจำนวนมากที่เป็นคนธรรมดาสามัญและไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ถามว่าทำไม????
คำตอบก็คือ คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิตและเขาจะเลือกทำสิ่งที่มีความสำคัญก่อนสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ
ดังนั้น บุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จจะต้องมีการตั้งเป้าหมายและก็มีการวางแผน อีกทั้งต้องมีการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง โดยมีการแบ่งเป็นกิจกรรม A B C
A คือ กิจกรรมที่มีความสำคัญหรือมีคุณค่าสูงสุด
B คือ กิจกรรมที่มีความสำคัญหรือคุณค่ารองลงมา
C คือ กิจกรรมที่มีความสำคัญหรือคุณค่าต่ำสุด
หลังจากจัดลำดับแล้ว เราก็จะทราบว่ากิจกรรมใดเป็นกิจกรรม ABC และถ้ากิจกรรมที่มีความสำคัญหรือมีคุณค่าสูงสุด มีจำนวนมากเราก็อาจจะแบ่งเป็น A-1 A-2 A-3 ได้อีก แล้วเราควรเลือกทำกิจกรรม A-1 ก่อนเป็นอันดับแรก ต่อจากนั้นจึงเลือกทำ A-2 แล้ว A-3 ต่อไป
จงเรียนรู้กฎ 20/80 หรือ 80/20 เพราะกฎดังกล่าวจะทำให้เราทราบว่ากิจกรรมใดเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญหรือมีคุณค่าสูงสุดหรือกิจกรรม A
สำหรับการตั้งเป้าหมายเราควรคำนึงถึงสิ่งดังนี้ต่อไปนี้

1.เราต้องรู้ว่าเป้าหมายอะไรที่มีความสำคัญกับชีวิตของเรา
2.เราต้องรู้ว่าเป้าหมายที่เราวางนั้น ตรงกับสิ่งที่เรารักหรือชอบหรือมีความต้องการจริงๆ
3.เราต้องเขียนเป้าหมายที่เราต้องการลงบนกระดาษ
4.เราต้องเขียนวิธีการหรือกระบวนการที่จะพาเราเดินทางเข้าสู่เป้าหมาย
5.ระหว่างการดำเนินการไปตามแผนการที่ได้วางแผนเอาไว้ เราควรตรวจสอบเป็นระยะเพื่อจะได้นำสิ่งที่เราวางแผนมาปรับปรุง แก้ไข เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ท่านผู้อ่านครับ ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ท่านจะตั้งเป้าหมายแล้วเลือกทำกิจกรรมที่มีความสำคัญก่อน เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จดังที่ท่านได้หวังไว้ จงลงมือทำ จงลงมือทำและจงลงมือทำ อย่าได้ผลัดวันประกันพรุ่ง แล้วท่านจะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชี
...
  
พูดลีลาผู้นำ
เรียบเรียงโดย...ดนัย ตุลาบดี
รวบรวมวาทะ แนวคิด และเทคนิคปรัชญาการบริหารประเทศของผู้นำไทยอย่างละเอียด ภายในเล่มเป็นการรวบรวมคำกล่าวต่างๆ ของบุคคลสำคัญๆในประเทศ เช่น คำกล่าวถวายพระพรชัยมงคล คำแถลง คำให้โอวาท คำปราศรัย ปาฐกถา ฯลฯ
...
  
พินัยกรรมและจัดการมรดก
23
...
  
คุณธรรมและจริยธรรมทางการเมือง ของนายชวน หลีกภัย1
23
...
  
ก้าวสู่อาชีพนักเขียน
ก้าวไปสู่อาชีพนักเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
อาชีพนักเขียนเป็นอาชีพอิสระ เป็นอาชีพที่มีรายได้ไม่จำกัดจำนวน เช่น นักเขียนนิยายท่านหนึ่งมีผลงานรวมเล่ม 50 ปก เฉลี่ยราคาปก 300 บาท จำนวนพิมพ์แต่ละปก 3,000 เล่ม ค่าเรื่องของนักเขียน 10 เปอร์เซ็นต์ ของราคาปก ดังนั้นนักเขียนท่านนี้จะมีรายได้ เท่ากับ 50 คูณ 300 คูณ 3,000 คูณ 10 เปอร์เซ็นต์ รวมแล้วเท่ากับ 4,500,000 บาท หรือ นักเขียนอีกท่านหนึ่งซึ่งกระผมไม่ขอเอ๋ยนาม เขียนเรื่องลงในนิตยสาร วารสาร หลายแห่ง มีการใช้นามปากกาถึง 20 นามปากกา นักเขียนท่านนี้เขียนงานได้หลายประเภท เช่น เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เรื่องสั้น โดยเฉพาะนิยาย นักเขียนท่านนี้ต้องเขียนทุกๆวันจำนวนถึง 3 ตอนหรือ 3 เรื่อง บางวันต้องเขียนถึง 4 ตอนหรือ 4 เรื่อง ทำให้ได้ผลงานประมาณ 100 ตอนหรือ 100 เรื่องต่อเดือน โดยได้รับค่าเรื่องหรือค่าบทความในความยาวประมาณ 1 หน้า A4 ประมาณ 300-1.500 บาท (แล้วแต่ความยากง่ายและการกำหนดค่าเรื่องหรือค่าบทความของนิตยสาร วารสารนั้น) นักเขียนท่านนี้ได้รับค่าตอบแทนประมาณ 40,000-60,000บาทต่อเดือน ท่านอาจตกใจว่าเป็นความจริงหรือ เป็นความจริงครับ
ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่สามารถทำรายได้จากการเขียนได้ดังบุคคลตัวอย่างข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถ ความขยันและการพัฒนางานเขียนของตนเอง ยิ่งในปัจจุบันการเปิดโอกาสในการสร้างรายได้จากงานเขียนยิ่งมีมาก เพราะในปัจจุบันมีนิตยสาร วารสาร หนังสือพิมพ์ จำนวนมากมาย ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายปักษ์ มีทุกประเภททุกแนว
จากตัวอย่างและปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ทำให้เห็นได้ว่าเราสามารถประกอบอาชีพนักเขียนได้ แต่ท่านผู้อ่านหลายๆท่าน คงมีความคิดที่สวนทางหรือได้รับข้อมูลจากอดีตว่า การเป็นนักเขียนมักไส้แห้งหรือไม่มีเงิน คำกล่าวเหล่านี้เป็นความจริงบางส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด หากว่างานเขียนของท่านขาดการพัฒนา งานเขียนของท่านไม่เป็นที่ต้องการของตลาด งานเขียนของท่านไม่สามารถเอาชนะใจบรรณาธิการได้ งานเขียนของท่านไม่สามารถรวมเล่มขายได้ คำว่า “ ไส้แห้ง ” อาจเป็นความจริงสำหรับท่าน แต่ถ้าหากว่า งานเขียนของท่านมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง งานเขียนของท่านมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง งานเขียนของท่านเป็นที่ต้องการของตลาด งานเขียนของท่านสามารถเอาชนะใจบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร ได้ และงานเขียนของท่านมีสำนักพิมพ์ติดต่อเพื่อขอรวมเล่มขายได้ ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้หรือความร่ำรวยหรือสร้างชื่อเสียงได้ดังนักเขียนที่ดังๆ เช่น ทมยันตี โบตั๋น สมคิด ลวางกูร ฯลฯ
สำหรับนักเขียนต่างประเทศที่สร้างรายได้มากมายมหาศาล ดังเช่น เจ.เค.โรว์ลิ่ง นักเขียนชุดนวนิยายแฟนตาซี “ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ” นักเขียนที่เป็นระดับมหาเศรษฐีเลยทีเดียว นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2551 หนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้รับการพิมพ์ไปทั่วโลก มีการแปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 67 ภาษา

เจ.อาร์.อาร์.โทลคีน ผู้แต่งหนังสือ เดอะลอร์คออฟเดอะริงส์ ได้สร้างรายได้จากการขายหนังสือเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการแปลหนังสือเป็นภาษาต่างๆไม่น้อยกว่า 38 ภาษา อีกทั้งยังได้เงินค่าลิขสิทธิ์จากการนำหนังสือเรื่อง “เดอะลอร์คออฟเดอะริงส์” ไปทำเป็นภาพยนตร์อีกด้วย
บุคคลดังกล่าวข้างต้นเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียนอาชีพ อีกทั้งยังเป็นผู้มีรายได้มากมายมหาศาลจากงานเขียน ขอย้ำอีกครั้ง ท่านก็สามารถเป็นเช่นนั้น หากท่านมีความทะเยอทะยาน มีความมานะอดทน ต่อสู้มีความขยันขันแข็ง มีเป้าหมายในชีวิตว่าต้องการเป็นนักเขียนไม่ใช่เขียนแค่สิบเรื่องยี่สิบเรื่องหรือเขียนบทความแค่ 100 เรื่องแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ล้มเลิกไป อย่างนี้คงใช้ไม่ได้ หากต้องการความสำเร็จเราจะต้องไม่ยอมแพ้ ถึงแม้จะใช้เวลานานสักเท่าไร จะเขียนมากมายขนาดไหน เราจะต้องสู้จนกว่าจะเป็นนักเขียนมืออาชีพ
ยอร์ช เบอร์นาร์ด ชอว์ นักประพันธ์ชื่อดังของโลกหรือนักอ่านทั่วโลกรู้จัก กว่าเขาจะประสบความสำเร็จ เขาต้องลำบากยากเย็นในชีวิตมาก เขาวางแผนว่าทุกวันเขาจะต้องเขียนหนังสือให้ได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 5 หน้ากระดาษ เขาต้องเขียนหนังสืออย่างต่ำวันละ 5 หน้ากระดาษ เขาได้ส่งผลงานเขียนของเขาไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆ แต่ก็จนปฏิเสธ ท่ามกลางความผิดหวัง ท่ามกลางความล้มเหลว แต่เขาไม่ยอมแพ้เขาคงตั้งหน้าตั้งตาเขียนหนังสือทุกวันไม่ต่ำกว่า 5 หน้ากระดาษ ตลอดระยะเวลานานถึง 9 ปี เขามีรายได้น้อยมากๆเขาได้รายรับได้เพียงวันละเซนต์สองเซนต์ แต่เขาก็อดทนเขียนต่อไป จนในที่สุดภายหลัง 9 ปี แห่งความลำบาก เขาก็มีชื่อเสียงขึ้นมาเรื่อยๆ ผลงานของเขาก็เป็นที่ต้องการขึ้นเรื่อยๆ นี่ถ้าเขาหยุดเขียนตั้งแต่ปีที่ 5 ผู้อ่านทั่วโลกคงไม่ได้อ่านผลงานการเขียนของนักเขียนชื่อดังระดับโลกผู้นี้
ดังนั้น หากท่านต้องการเป็นนักเขียนมืออาชีพหรือมีอาชีพนักเขียน ท่านต้องมีเป้าหมาย แล้วรีบลงมือทำทันที ลงมือเขียนเรื่องราวต่างๆ เขียนทุกวัน เขียนจนเป็นนิสัย แล้วท่านจะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียนอาชีพหรือมีอาชีพนักเขียนในที่สุด
...
  
ใช้เวลาเดินทางอย่างคุ้มค่า
ใช้เวลาเดินทางอย่างคุ้มค่า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
ในการดำเนินชีวิตของคนเรา มักจะเสียเวลาไปกับการเดินทางค่อนข้างมาก ยิ่งถ้าดำเนินชีวิตในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ๆยิ่งต้องมีความจำเป็นในการเดินทาง อีกทั้งเผชิญกับปัญหาการจราจร ปัญหารถติด ทั้งในช่วงเช้า และช่วงเย็นสมมุติว่าเราใช้เวลาเดินทางไปทำงาน 5 วัน คือวันจันทร์-วันศุกร์ เราเสียเวลาเดินทางไปวันละ 3 ชั่วโมง ช่วงเช้าและช่วงเย็น ทำให้เราเสียเวลาสัปดาห์ละ 15 ชั่วโมงโดยประมาณ ทำให้หลายๆท่านคงเกิดอาการเบื่อหน่าย และคิดว่าการเดินทางมักทำให้เสียเวลา
ในวิกฤติย่อมมีโอกาส ในปัญหาย่อมมีประโยชน์ แต่ในความจริงแล้วเราสามารถใช้ประโยชน์ในระหว่างการเดินทางได้ ทั้งนี้แล้วแต่ปัจจัยของแต่ละบุคคล เช่น บางคนใช้รถยนต์ บางคนขึ้นรถโดยสารประจำทาง บางคนขึ้นรถไฟลอยไฟ รถไฟใต้ดิน ฯลฯ
เราสามารถหาประโยชน์จากการเสียเวลาในการเดินทางได้ดังนี้
1.ฟังวิชาการ ฟังเพลง ฟังข่าว ในระยะการเดินทางเพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ การผ่อนคลาย การได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร เราสามารถฟังได้จากรถยนต์ส่วนตัว หรือ ใช้หูฟังหากว่านั่งรถโดยสารประจำทาง นั่งในรถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นต้น
2.อ่านหนังสือประเภทต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ หนังสือเรียน หนังสือนิตยสาร ตำรา ฯลฯ เพื่อเป็นการได้รับข่าวสาร ความรู้ เนื้อหาสาระ ที่เป็นประโยชน์ ในระหว่างเดินทาง
3.คิดโครงการ คิดสร้างสรรค์ งานใหม่ๆ ในระหว่างเดินทาง แล้วหาสมุดบันทึกไว้จด อันความคิดดีๆ มักเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เกิดขึ้นได้ทุกเวลา การหาสมุดบันทึกเพื่อจดความคิดต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะความจำของคนเราอาจลืมเลือนได้
4.เช็ค E-mail และ หาข้อมูลต่างๆได้ระหว่างเดินทาง เนื่องจากยุคปัจจุบัน มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ท่านสามารถเช็คE-mail เช็คข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต โดยผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ Ipad คอมพิวเตอร์ ฯลฯ
5.สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ในกรณีที่ท่านเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ท่านต้องไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียน ท่านสามารถ นำเอาอาหารเช้าโดยการทำแบบง่ายๆ อาหารว่าง น้ำดื่ม ไปรับประทานในรถ อีกทั้งยังสามารถสนทนาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวได้ด้วย เช่น ถามเรื่องเพื่อน เรื่องครู ในโรงเรียน
6.ทำสมาธิ ในกรณีที่ท่านไม่ได้ขับรถยนต์เอง ท่านสามารถฝึกสมาธิได้ในระหว่างนั่งรถโดยสาร เพียงแต่หลับตา แล้วกำหนดคำบริกรรมภาวนาภายในใจ การฝึกสมาธิ จะทำให้ท่านเป็นคนที่อดทนในการรอคอย การฝึกสมาธิในรถโดยสารประจำทางจะไม่ทำให้ท่านอารมณ์เสียง่ายเนื่องจากปัญหารถติด
7.พักผ่อนด้วยวิธีนอนหลับ ในกรณีที่ไม่ได้ขับรถยนต์เอง ท่านสามารถนอนหลับพักผ่อนระหว่างเดินทางได้ เป็นการหลับแบบช่วงสั้นๆ หากนั่งในรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถหลับได้อย่างเต็มที่ แต่หากนอนหลับในรถโดยสารก็ควรจะต้องระวังเรื่องของการกรน เรื่องของการถูกขโมยของ เป็นต้น
ดังนั้นเราสามารถหาประโยชน์ได้จากการเสียเวลาในการเดินทาง เพียงแต่ขอให้ท่านได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ไม่ปล่อยให้ความเคยชินมาเป็นตัวกำหนด ท่านสามารถสร้างคุณค่าในระหว่างการเดินทางได้มากขึ้นกว่าในอดีต ที่ได้ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า


...
  
จงเผชิญหน้ากับความตกต่ำ
จงเผชิญหน้ากับความตกต่ำ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
ความตกต่ำ เป็นสิ่งที่คนเราไม่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความตกต่ำในชีวิต ความตกต่ำของภาวะจิตใจ ความตกต่ำของสภาพร่างกาย แต่ในความจริงเราไม่สามารถเลี่ยงหนีกับความตกต่ำนั้นได้ ดังคำสอนทางพุทธศาสนาเรื่อง โลกธรรม 8 คือ ได้ลาภ , ได้ยศ , ได้รับสรรเสริญ ,ได้สุข , เสียลาภ , เสื่อมยศ ,ถูกนินทาและพบความทุกข์ สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถึงแม้ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ทุกๆคนต้องประสบ แต่จะพบมากหรือน้อย ช้าหรือเร็ว เท่านั้นเอง
การดำเนินชีวิตของคนเราหรือการทำงาน เราก็ต้องพบเจอกับความตกต่ำเช่นกัน แต่ทั้งนี้บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักจะทำความเข้าใจธรรมชาติของมันว่า ความตกต่ำเป็นสิ่งที่ไม่ถาวรเป็นสิ่งชั่วคราว ในความจริงแล้วช่วงชีวิตของคนเรามีขึ้น มีลง หากทำความเข้าใจธรรมชาติตรงนี้ได้ก็จะทำให้ความวิตกกังวลลดน้อยลง
สำหรับเทคนิคในการเผชิญหน้ากับความตกต่ำมีดังนี้
1.สร้างแรงบันดาลใจหรือเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต คนที่ประสบความสำเร็จมักมีเป้าหมายหรือแรงบันดาลใจในชีวิต การมีเป้าหมายและแรงบันดาลใจจะทำให้เรามีชีวิตที่ไม่จืดชืด แต่มีความกระตือรือร้น ความทะเยอทะยาน เมื่อตกอยู่ในสภาพตกต่ำก็ไม่ท้อถอยง่ายๆ
2.เรียนรู้นิสัยและปรับปรุงตัวเอง คนบางคนเมื่อพบกับความตกต่ำมักใช้เวลาในการปรับสภาพหรือทำใจนาน แต่คนบางคนเมื่อพบกับความตกต่ำก็ใช้เวลาสั้นๆหรือไม่นานนักในการทำใจ หากใครที่ปรับสภาพหรือทำใจนาน ก็มักจะตกอยู่ในสภาพตกต่ำนานและพบกับความทุกข์ ดังนั้นจงเรียนรู้และพัฒนาจิตใจให้เป็นคนเข้มแข็ง ทำใจให้ลุกขึ้นสู้กับสภาพตกต่ำก็จะทำให้ท่านเกิดภาวะตกต่ำที่ไม่รุนแรงและไม่กินเวลานาน
3.ยอมรับความจริงและกล้าเผชิญหน้า คนที่ประสบความสำเร็จเขามักจะไม่โอดครวญ ถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น แต่เขาจะยอมรับความจริงและกล้าเผชิญหน้าอย่างท้าทาย เขาจะไม่ด่าดินฟ้าอากาศ เขาจะไม่ด่าทอเทพพระเจ้าองค์ใด แต่เขาจะเตรียมพร้อมที่จะรับมือ อีกทั้งยังมีความคิดในแง่บวกว่าอุปสรรคต่างๆ เป็นเครื่องทดสอบจิตใจ
4.ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ ในบางครั้งความตกต่ำเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัส ในบางเรื่องเราก็ไม่เคยพบเจอ เราควรขอคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์หรือบุคคลที่เคยเผชิญกับความตกต่ำมาก่อน ว่าเขามีวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร การขอคำแนะนำดังกล่าวจะทำให้เรา มีวิธีการในการแก้ไขปัญหามากขึ้น
5.นึกถึงอดีตที่เราสามารถเอาชนะความตกต่ำได้ ในช่วงชีวิตของเราในอดีตมักมีบางช่วงที่มีความตกต่ำ แต่เราก็สามารถผ่านพ้นมาได้ การนึกถึงอดีตที่เราสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆมาได้จะทำให้เราเกิดกำลังใจ กำลังความคิด ในการแก้ไขปัญหา
6.รู้จักปล่อยวาง ทุกสรรพสิ่งในโลกเรานี้ มักมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป จิตใจหรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเราก็เช่นกัน ก็มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ถ้าภาวะความตกต่ำ บางอย่างเราแก้ไขไม่ได้ก็คงต้องปล่อยให้มันดับไปเอง โดยการต้องรู้จักปล่อยวาง เมื่อวัน เวลา เปลี่ยนแปลงไป ทุกอย่างก็จะคลี่คลายไป
7.มองคนที่เขาตกต่ำหรือลำบากกว่าเรา จะทำให้เราเกิดกำลังใจ ความมานะบากบั่นในการต่อสู้เหตุการณ์ หากเราสังเกตและศึกษาประวัติต่างๆ ของคนที่ประสบความสำเร็จ เขาเคยตกต่ำและลำบากกว่าเราแต่เขาก็สามารถผ่านพ้นมาได้ หรือหากเราดูข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ เราก็จะเห็นว่ามีคนในโลกนี้อีกมากมายที่ลำบากกว่าเราหรือตกต่ำกว่าเรา
ดังนั้นการเผชิญหน้ากับความตกต่ำ จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถ ความอดทนและท้าทายจิตใจ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือหลีกหนีมันได้ ฉะนั้นจึงขอให้เราเผชิญหน้ากับมันโดยอาศัยเทคนิคดังกล่าวคือ การสร้างแรงบันดาลใจหรือเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต , เรียนรู้นิสัยและปรับปรุงตัวเอง , ยอมรับความจริงและกล้าเผชิญหน้า , ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ , นึกถึงอดีตที่เราสามารถเอาชนะความตกต่ำได้ , รู้จักปล่อยวาง และมองคนที่เขาตกต่ำหรือลำบากกว่าเรา

...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  [100]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.