หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
เทคนิคการเป็นวิทยากรมืออาชีพ
เทคนิคการเป็นวิทยากรมืออาชีพ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
อาชีพวิทยากรเป็นอาชีพที่มีความน่าสนใจ และเหมาะกับคนที่ชื่นชอบอิสรภาพ เพราะไม่ต้องไปทำงานเป็นเวลาเหมือนเช่นงานประจำ แต่เราสามารถบริหารเวลาได้เอง อีกทั้งมีรายได้ที่ไม่จำกัดจำนวนทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของวิทยากรแต่ละบุคคล แล้วเราจะเป็นวิทยากรมืออาชีพได้อย่างไรกัน กระผมขอแนะนำดังนี้
1.ท่านต้องเริ่มต้นที่ความรักครับ คนเราหากมีความรัก ความชอบ ในอาชีพที่ตนเองทำ เขาคนนั้นมักจะทุ่มเท เวลา กำลังความสามารถต่างๆ แก่งานนั้น ถึงแม้งานนั้นจะพบกับความลำบากเขาก็มักจะมีความอดทนที่สูงกว่าการทำงานในงานที่ตนเองไม่รัก การเป็นวิทยากรก็เช่นกัน กระผมอยากให้ท่านเริ่มต้นที่ความรัก ความชอบ ความอยากที่จะเป็นวิทยากร อยากที่จะถ่ายทอดความรู้ให้แก่บุคคลต่างๆ
2.ท่านจะต้องมีความกล้า เมื่อมีความรักในงานวิทยากรแล้ว ขั้นต่อไปท่านจะต้องมีความกล้า ท่านต้องกล้าที่จะขึ้นไปพูดบนเวที ท่านพร้อมที่จะกล้าเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเองเสมอ เพราะบางคนมีความรู้มาก มีปัญญามาก แต่หัวใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ กล่าวคือ ใจไม่ถึง ใจเล็ก เวลาที่ถูกเชิญให้ไปพูด ในหัวข้อต่างๆ บางคนมีความรู้มากกว่าอีกคนหนึ่ง แต่ปรากฏว่าขาดซึ่งความกล้า เลยตอบปฏิเสธ แต่คนที่มีความกล้ายอมได้เปรียบ เพราะจะทำให้เขาเกิดประสบการณ์ในการพูดในหัวข้อนั้นๆมากขึ้น ถึงแม้เขาจะมีความรู้น้อยกว่าวิทยากรคนอื่น แต่ถ้าเขามีความกล้า เขาก็สามารถไปได้ไกลกว่า
3.ท่านจะต้องเตรียมตัวให้ดี เพราะการเตรียมตัวจะเป็นตัววัดความสามารถระหว่างมือสมัครกับมืออาชีพ เช่น ท่านจะต้องเตรียมข้อมูลในการพูด ถ้าจะให้ดีท่านต้องเตรียมข้อมูลให้มากถึง 10 เท่าของข้อมูลที่ท่านจะนำไปพูด ท่านจะต้องเตรียมอุปกรณ์ในการพูด ท่านจะต้องเตรียมการนำเสนอให้ดี
4.ท่านจะต้องเรียนรู้ ฝึกฝน การเป็นวิทยากรมืออาชีพมักขึ้นอยู่กับทักษะหรือประสบการณ์ กล่าวคือ เมื่อท่านถูกเชิญไปพูดบ่อยๆ ท่านก็จะเกิดทักษะ ท่านจะเกิดความชำนาญ ท่านจะรู้ว่า ควรจะพูดอย่างไร ผู้ฟังถึงสนใจ ท่านจะเกิดไหวพริบปฏิภาณในการแก้ปัญหาต่างๆในระหว่างการบรรยาย เช่น เวลาไฟดับ หรือ อุปกรณ์ไม่พอ หรือ ห้องบรรยายเล็กจนไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้แล้วท่านควรจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร วิทยากรมืออาชีพมักจะรู้วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีกว่าวิทยากรมือสมัครเล่น สาเหตุก็เนื่องมาจาก วิทยากรมืออาชีพเคยผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาก่อนนั่นเอง
5.ท่านจะต้องอดทน การจะเป็นวิทยากรมืออาชีพได้นั้น ท่านจะต้องเป็นคนที่ต้องอดทน ไม่ว่าจะต้องอดทนต่อความยากลำบาก อดทนต่อการถูกดูถูกเหยียดหยาม อดทนต่อการวิจารณ์ต่างๆ อีกทั้งการจะเป็นวิทยากรมืออาชีพได้นั้น ท่านจะต้องใช้เวลานานพอสมควร ไม่ใช่วิทยากรแค่ 1-2 ปี แล้วไม่อดทน แล้วล้มเลิก คือ เปลี่ยนแปลงอาชีพอื่น อย่างนี้ก็คงเป็นวิทยากรมืออาชีพได้ยาก เพราะวิทยากรมืออาชีพบางคนต้องใช้เวลาถึง 10-20 ปี ในเส้นทางดังกล่าว หากท่านใช้เวลาแค่ 1-2 ปี ท่านมีความอดทนน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับวิทยากรมืออาชีพเหล่านั้น
6.ท่านจะต้องมีจรรยาบรรณ หรือ มาตรฐานความประพฤติ อาชีพวิทยากรถึงแม้จะเป็นอาชีพอิสระก็จริงอยู่ แต่วิทยากรมืออาชีพจะต้องเป็นคนที่มีจรรยาบรรณ เช่น เมื่อนัดวันเวลาที่จะไปบรรยายแล้ว วิทยากรต้องรับผิดชอบต่อการนัดหมายนั้น นอกจากเหตุสุดวิสัยจริงๆ อาจมอบให้วิทยากรท่านอื่นหรือให้ท่านผู้จัดงานหาวิทยากรแทน, ไม่เห็นแก่เงินหรือรายได้จนเกินไป วิทยากรบางท่านเมื่อนัดรับงานแล้ว แต่ปรากฏว่าอีกงานหนึ่งให้รายได้มากกว่างานแรก จึงไม่ยอมไปงานแรก อย่างนี้ก็ไม่ควรทำ เป็นต้น
ดังนั้น ปัจจัยข้างต้นนี้ เป็นตัวแบ่งแยกระหว่างวิทยากรมือสมัครเล่นกับวิทยากรมืออาชีพ แล้วท่านละ หากท่านอยากที่จะเดินบนเส้นทางวิทยากร ท่านจะเป็นมือสมัครหรือมืออาชีพ หากท่านต้องการเป็นมืออาชีพ ปัจจัยข้างต้นสามารถช่วยท่านได้อย่างแน่นอน
...
  
การบริหารเวลา : เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า
การบริหารเวลา : เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การผัดวันประกันพรุ่ง คือ ตัวเร่งปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
หลายๆคนโดยเฉพาะเด็กยุคใหม่ มักเสียเวลาไปกับการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ การดูโทรศัพท์ การพูดคุยโทรศัพท์ บางคนก็เดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า เป็นเวลานานหลายๆชั่วโมง หลายๆคนมักมีข้ออ้างว่าเป็นการพักผ่อน
แต่มันจะคุ้มค่าหรือ ? ที่ใช้เวลาพักผ่อน เป็นจำนวนหลายๆชั่วโมงในแต่ละวัน ตรงกันข้ามกับบุคคลที่รู้จักคุณค่าของเวลา เขาจะใช้เวลาไปกับสิ่งที่เป็นประโยชน์ เช่น การพัฒนาตนเอง การเรียนภาษาอังกฤษ การเล่นดนตรี การเล่นกีฬา ฯลฯ และเมื่อเวลาผ่านไปเราจะเห็นความแตกต่างระหว่างคนที่ใช้เวลาเป็นกับคนที่ใช้เวลาไม่เป็น
คนที่ใช้เวลาเป็นเขาจะได้รับความก้าวหน้า ทั้ง การเรียน หน้าที่การงาน เขาจะก้าวไปได้ไกลกว่าคนที่ใช้เวลาไม่เป็นหลายเท่า ดังนั้น การศึกษา เรียนรู้ การบริหารเวลา แล้วนำไปใช้จึงทำให้คนหลายๆคนประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งหน้าที่และการทำงาน คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับการลำดับความสำคัญ ดังต่อไปนี้
ก คือ งานที่สำคัญมาก มีความเร่งด่วน มีผลกระทบต่อความสำเร็จ ไม่ทำไม่ได้จะเสียหาย
ข คือ งานที่มีความสำคัญรองลงมา ยังไม่มีความเร่งด่วน แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องทำ
ค คือ งานที่ไม่สำคัญ แต่มีความเร่งด่วน เขามักจะมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำแทน
ง คือ งานที่ไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วน เขาจะไม่ทำหรือให้คนอื่นทำแทนก็ได้
คนที่ประสบความสำเร็จมัก เน้นที่จะทำงาน ก และ ข คือ เขาจะเลือกทำงานที่สำคัญที่สุดและสำคัญรองลงมาก่อน ส่วนงานที่ไม่มีความสำคัญ เขาจะจ้างหรือหาผู้ช่วยทำแทน
ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ เขามักจะเลือกทำทุกเรื่องที่เข้ามาหาเขา อีกทั้งยังไม่มีความไว้วางใจใคร ให้ช่วยทำงานแทน เขาจึงต้องทำงานที่ไม่มีความสำคัญอยู่ร่ำไป
หลังจากการจัดลำดับงานที่มีความสำคัญและไม่สำคัญแล้ว เราควรที่จะต้องมีการวางแผนการทำงาน อีกทั้งควรมีสมุดบันทึกการทำงานที่ดี ไดอารี่ เครื่องมือช่วยเตือนความจำ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ เราใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
แต่สิ่งที่มีความสำคัญที่สุดก็คือ เราจำเป็นจะต้องมีวินัย หลายๆคน วางแผนการใช้เวลา แต่ก็ไม่สามารถปฏิบัติได้ดังแผนการที่วางเอาไว้ ก็เนื่องมาจาก การไม่มีวินัย การผัดวันประกันพรุ่ง ฉะนั้น จงเพาะนิสัยที่ดีในการบริหารเวลา เพื่อความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในทางการวิจัย เคยมีผู้วิจัย วิจัยออกมาว่า หากท่านต้องการสร้างนิสัยใหม่ให้เกิดขึ้นกับตัวของท่าน ท่านจงทำสิ่งนั้นทุกๆ วันติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน แล้วนิสัยใหม่ก็จะเกิดขึ้นกับตัวของท่าน
จงเรียนรู้และศึกษาเรื่องของการบริหารเวลา แล้วนำไปปฏิบัติ ท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
...
  
เลิกเหล้าเข้าพรรษา
เข้าพรรษา เลิกเหล้า เลิกจน


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์




เรื่องของการเลิกเหล้า เข้าพรรษา ได้มีการพูดกันมานานแล้ว หลายปี จากตัวเลขการรณรงค์ นับว่าได้ผลเป็นอย่างยิ่ง เพราะบางปีสามารถลดการดื่มเหล้าในช่วงดังกล่าวได้ถึง ร้อยละ 30 เลยทีเดียว

การงดเหล้าเข้าพรรษาแค่เพียง 3 เดือน จากข้อมูลการงดเหล้าเข้าพรรษาปี 2549 มีผู้งดเหล้าเข้าพรรษา 5 ล้านคน ทำให้คนงดเหล้าเข้าพรรษามีเงินเพิ่มขึ้น เฉลี่ยเดือนละ 1,188.97 บาท เท่ากับว่า 3 เดือนเข้าพรรษา จะมีเงินเก็บ 6,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

ถ้าเราจะคิดง่ายๆ ถ้าเราตั้งสมมุติฐานว่า หากชาวบ้านจำนวน 100 คน ดื่มอย่างหนักวันละ 1 เป็ก ราคาเป็กละ 5 บาท จะสูญเงินลงขวดเท่ากับ 500 บาท ถ้า 30 วัน จะสูญเงินเท่ากับ 15,000 บาท

ถ้า 90 วันหรือ 3 เดือน จะสูญเงินเท่ากับ 45,000 บาท เลยทีเดียว เท่ากับซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่ได้ถึง 1 คัน

แถมการลด ละ เลิก 3 เดือนในช่วงเข้าพรรษา ยังทำให้ช่วยลดอุบัติเหตุต่างๆ รวมทั้งการทะเลาะวิวาท อีกด้วย การเลิกเหล้า เลิกจน แล้วนำเงินที่ดื่มเหล้ามาออม คือ ความคิดที่ควรนำมาใช้ให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในชุมชน หมู่บ้าน เพราะถ้าหากทุกชุมชน ทุกหมู่บ้านแก้ไขปัญหาการดื่มเหล้า ดื่มสุราได้ตรงจุด จะทำให้ชุมชนเข้มแข็ง มีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายในชุมชนอย่างมากมายมหาศาล

โครงการเลิกเหล้าเข้าพรรษาเป็นโครงการที่ดี แต่กระผมอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง น่าจะมีโครงการ

ต่อเนื่องให้คนที่เลิกเหล้าเข้าพรรษาได้เข้าโครงการเลิกดื่มไปเลย คือ ให้เลิกดื่มจาก 3 เดือน เป็น เลิก 12 เดือนไปเลยเพื่อสุขภาพ เพื่อครอบครัว เพื่อสังคมและเพื่อประเทศชาติ

สำหรับตลาดของการดื่มเหล้า บริษัทขายเหล้า ได้พยายามขยายตลาดโดยเฉพาะ กลุ่มเยาวชนและวัยรุ่น เป็นตลาดกลุ่มใหม่ของบริษัทขายเหล้า ขายเบียร์ ซึ่งเด็กเยาวชนและวัยรุ่น เป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะ การตลาดของบริษัทขายเหล้า ขายเบียร์ มีการใช้กลยุทธ์หลายอย่างเพื่อจูงใจให้เด็กกลุ่มดังกล่าวได้ มีโอกาสดื่มเหล้า มากขึ้น และกลุ่มนี้ เมื่อได้ดื่มแล้ว คงต้องดื่มไปได้อีกนานเนื่องจากอายุยังน้อยเมื่อเทียบกับวัยผู้ใหญ่ ดังจะเห็นได้จากกรณีมีการถ่ายคลิป การซื้อเหล้า เบียร์ตามบริเวณใกล้สถานศึกษา เมื่อไม่นานมานี้

อีกทั้งกลุ่มเด็ก เยาวชนไม่มีรายได้ ต้องพึ่งผู้ปกครอง พ่อแม่ และเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา

สำหรับเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา สมัยก่อนไม่มีครับ พึ่งมามีไม่กี่ปี ข้อดีของเงินกู้เพื่อการศึกษาก็คือ ทำให้เด็กที่ต้องการศึกษาต่อมีโอกาสในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น แต่ผลเสียก็อย่างที่มีคนกล่าวถึงก็คือ เด็กบางคนนำเงินไปซื้อ มือถือ ผ่อนรถจักรยานยนต์ เที่ยว และที่สำคัญคือนำเงินไปซื้อเหล้า เบียร์ เป็นต้น

และรัฐบาลปัจจุบันก็มีแนวคิดจะขยายเพดานรายได้ครอบครัวของผู้มีสิทธิ์กู้กองทุน กยศ.เป็น 2.5 แสนบาทต่อปี จากเดิม 2 แสนบาทต่อปี ในด้านหนึ่งกระผมคิดว่าเป็นการช่วยเหลือเด็กยากจนและเด็กด้อยโอกาสเพิ่มมากขึ้น แต่รัฐบาลต้องมีภาระเพิ่มขึ้น เนื่องจากการกู้ กยศ.ไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่ปีเดียว

ท้ายนี้ ก็ต้องขอฝากเด็กที่มีสิทธิ์กู้กองทุน กยศ. เมื่อมีโอกาสก็ต้องใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์มากที่สุดไม่ควรนำเงินไปใช้ นอกวัตถุประสงค์ของผู้ให้กู้

สุดท้ายก็ขอฝากแง่คิดของ ท่าน ว.วชิรเมธี เพื่อให้กำลังใจคนตั้งใจอธิษฐานงดเหล้าเข้าพรรษาว่า

"ขอให้ตั้งใจดีๆ เพราะถ้าตั้งใจก็ถือว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ขอให้เพียรพยายามต่อไป อย่าท้อ หากล้มเหลวก็จงให้อภัยตัวเองแล้วเริ่มต้นใหม่ เชื่อว่าในที่สุดต้องเอาชนะเหล้าได้อย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ เราไม่ดื่มเหล้าเราก็อยู่ได้ และถ้าวันหนึ่งเราจะประกาศอิสรภาพจากเหล้า เราก็ต้องทำได้เช่นกัน"




...
  
จินตนาการสู่ความสำเร็จ
จินตนาการสู่ความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
“จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
“ เพื่อที่จะคิดได้อย่างจะแจ้ง คนเราจะต้องจัดเวลาสักช่วงหนึ่ง เพื่ออยู่อย่างโดดเดี่ยวสำหรับครุ่นคิด และสร้างจินตนาการโดยไม่มีสิ่งกวนใจ (โทมัส เอ.เอดิสัน)
บุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกมักมีจินตนาการเกือบด้วยกันทุกๆคน เพราะฉะนั้น จินตนาการจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนประสบความสำเร็จในระดับสูง เพราะคนที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง มักคิดอะไรแปลก ทำอะไรแปลก พูดอะไรแปลก
เพราะคนที่มีจินตนาการมัก มีความคิดที่ริเริ่มสร้างสรรค์ สิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ไม่ว่าในทางวรรณกรรม สิ่งประดิษฐ์ ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ การเมือง ฯลฯ
ฮิตเล่อร์ มีการศึกษาน้อยนิด ไม่จบปริญญา แต่เขาก็สามารถเป็นผู้นำชาวเยอรมัน เขาสามารถพูดให้ชาวเยอรมันมานั่งฟังแบบมืดฟ้ามัวฝน แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ฮิตเล่อร์ เป็นคนที่มีจินตนาการอยู่ในระดับสูงนั้นเอง เพราะเคยปรากฏมีคนเห็นฮิตเล่อร์ ชอบเหม่อมองวิว ทิวทัศน์ ตามธรรมชาติ และมองท้องฟ้า เป็นเวลานานๆ เขามักจินตนาการถึงการเมือง การพูด ในแบบของเขา
วินสตัน เชอร์ชิลล์ ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีจินตนาการ เขาเป็นนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาเป็นคนติดอ่าง เขาเป็นนักพูดที่ใช้ไม่ได้ แต่หลังจากที่เขาใช้เวลาว่าง นึกฝัน ฝึกฝน จินตนาการว่าตนเองพูดให้สภาได้ดี จนในที่สุดเขาคือนักพูดที่ได้รับการยอมรับในประเทศอังกฤษและทั่วโลกเลยทีเดียว
อาจารย์ถวัลย์ ดัชนีและอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ นักวาดรูปที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ก่อนที่อาจารย์ทั้งสองจะวาดรูปออกมาได้ ท่านต้องใช้จินตนาการในการสร้างภาพให้เกิดขึ้นภายในใจก่อน แล้วจึงออกมาเป็นภาพ
นักเขียนหลายท่าน ที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง มักมีจินตนาการทำให้ผู้อื่นสัมผัสได้ถึง การใช้สำนวนภาษา รูป รส กลิ่น ซึ่งสัมผัสได้จากงานเขียนจนเป็นที่นิยมกันไปทั่วประเทศหรือทั่วโลก ไม่ว่า งานเขียนในเชิงนวนิยาย เรื่องสั้น การแต่งเพลง เป็นต้น
มหาเศรษฐี หลายคนประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง ก็เนื่องมาจากคนเหล่านั้นมีจินตนาการ พวกเขาเหล่านี้มักสร้างภาพในจินตนาการว่า ตนเองมีคฤหาสน์หรูหรา มีคนใช้คอยดูแลปรนนิบัติ นั่งรถราคาแพง พวกเขาเหล่านั้นมักจินตนาการทุกๆวัน วันละ 10-20 นาที ไม่ว่าในขณะอาบน้ำ ในขณะกำลังหลับ
โดยสรุป จินตนาการมีความสำคัญต่อบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จ ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จในระดับสูง ท่านต้องเป็นคนที่มีจินตนาการ
จิตนาการ จึงหมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตแต่ต้องสร้างให้เกิดขึ้นภายในจิตใจก่อน แล้วภาพที่อยู่ภายในใจก็จะเกิดขึ้นจริงๆ ในอนาคต









...
  
ทำงานให้สนุกเป็นสุขเมื่อทำงาน
วันที่ 29 พฤษภาคม 2555 บรรยาย ณ Bangkok Convention Hall ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ต้องขอขอบคุณ คนระดับมันสมองของประเทศชาวทันตแพทย์กว่า 500 ท่าน ที่ได้ตั้งใจฟังการบรรยายในหัวข้อ " ทำงานให้สนุกเป็นสุขเมื่อทำงาน" ในงาน
Kerr Appreciation Festival 2012:New Paradigm indentistry จัดโดย ...
  
อาจารย์กับขวดโหลเวลา
อาจารย์กับขวดโหลเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ครั้งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มี “ อาจารย์ท่านหนึ่งได้เดินเข้าห้องเรียนพร้อมกับขวดโหลใบหนึ่ง ซึ่งในที่นี้ขอเรียกว่า “ ขวดโหลเวลา ” แล้วอาจารย์ท่านนั้นก็ยืนหน้าห้องพร้อมด้วยอุปกรณ์ต่างๆ หลังจากนั้น อาจารย์ก็เริ่มเข้าสู่เนื้อหาโดยการเริ่มเอา ขวดโหลเวลาขึ้นมาบนโต๊ะ จากนั้นก็ค่อยๆ เอาก้อนหินใหญ่ใส่ลงไปในขวดโหลเวลาจนเต็ม แล้วจึงถามนักเรียนในชั้นว่า ก้อนหินเต็มหรือยัง นักเรียนก็ตอบทันทีว่าเต็มแล้ว
จากนั้น อาจารย์ก็นำก้อนหินเล็กๆ ใส่ลงไปในขวดโหลเวลา จนเต็มแล้ว ก็ถามนักเรียนว่า ก้อนหินเต็มขวดโหลเวลาหรือยัง นักเรียนรีบตอบทันทีว่า “ เต็มแล้ว ” หลังจากนั้น อาจารย์จึงนำเอาถุงทรายขึ้นมาแล้วจึงเทถุงทรายลงไปในขวดโหลเวลา จนเต็ม แล้วก็ถามนักเรียนว่า ทรายเต็มขวดโหลเวลาหรือยัง เด็กนักเรียนรีบตอบว่าเต็มแล้ว อาจารย์ท่านนั้นก็บอกว่าเต็มจริงๆ
หลังจากนั้น อาจารย์ก็พูดให้แง่คิดว่า “ ชีวิตของคนเราก็เหมือนกับสิ่งต่างๆที่อยู่ภายในขวดโหลเวลานี้” หินก้อนใหญ่เปรียบเสมือนสิ่งที่มีความสำคัญต่อเรามากที่สุด มีความหนักที่สุดและใช้พื้นที่ภายในขวดแก้วมากที่สุด ซึ่งหมายถึง งาน ครอบครัว สุขภาพ เพื่อนฝูง สำหรับหินก้อนเล็กๆ เปรียบเสมือน รถ บ้าน สิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งมีความสำคัญน้อยกว่า สำหรับทรายได้แก่สิ่งที่ไม่มีความสำคัญ
ฉะนั้นชีวิตของคนเรา เรามีความจำเป็นที่จะต้องมีการลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ เช่น เราควรให้ความสำคัญกับ งาน ครอบครัว สุขภาพ เพื่อนฝูง ก่อน รถ บ้าน สิ่งอำนวยความสะดวก หลังจากนั้นหากมีเวลาเหลือ เราจึงควรทำในสิ่งที่ไม่มีความสำคัญ

...
  
ฝึกพูด
มาฝึกพูดกันเถอะ


โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)


การพูดเก่งทำให้ท่านได้เปรียบผู้อื่น การพูดเก่งทำให้ท่านได้ชื่อเสียง เงินทอง การพูดเก่งทำให้ท่านได้รับตำแหน่งสูงกว่าผู้อื่น และการพูดเก่งทำให้ท่านได้รับสิ่งต่างๆอีกมากมาย


นี่คือข้อดีของการที่ท่านพูดดีและพูดเก่ง สำหรับท่านที่ต้องการจะเป็นนักพูดนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยในยุคปัจจุบัน เพราะในยุคนี้เรามีตัวอย่าง นักพูดที่เก่งๆ เราสามารถหาดูได้ไม่ยากนัก บางทีเราอาจหาดูได้จากห้องนอนด้วยซ้ำไป( ดูโทรศัพท์) ซึ่งยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร เราสามารถหาข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายกว่าในอดีตเป็นอันมาก เรามีระบบอินเตอร์เน็ตซึ่งช่วยให้ผู้ที่ต้องการเป็นนักพูดได้


หาข้อมูลเพื่อมาประกอบการพูดได้ในเวลาอันรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย ในอดีต เราต้องไปหาตามห้องสมุด ซึ่งห้องสมุดหลายแห่งไม่มีหนังสือหรือข้อมูลที่เราต้องการ แต่ปัจจุบันเรามีห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ อินเตอร์เน็ตนั้นเอง


สำหรับคนที่ต้องการเป็นนักพูดจำเป็นจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้


1.เป็นนักอ่านที่ดี ชอบอ่านหนังสือ หาข้อมูลเพื่อใช้ในงานพูดของตน เนื่องจากงานพูดจำเป็นจะต้องมีเนื้อหา มีสาระ มีศิลปะในการใช้ภาษา ดังนั้น ผู้ที่อ่านมาก ย่อมมีข้อมูลมากและมีความแตกฉานในเรื่องของการใช้ภาษา


สำหรับประเทศไทย มีข้อเท็จจริงในเชิงสถิติที่น่าห่วงใย ปัจจุบันอัตราการอ่านหนังสือของเด็กและเยาวชนไทยต่อปีอยู่ในระดับต่ำมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ ๕ เล่มต่อคนต่อปีเท่านั้น ต่ำกว่าประเทศเวียดนามที่กำลังเร่งพัฒนาประเทศไล่กวดไทยอยู่ในขณะนี้ หากเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งของไทยอื่นๆ ปรากฏว่าคนสิงคโปร์มีอัตราการอ่านเฉลี่ย ๑๗ เล่มและมาเลเซีย ๔๐ เล่มต่อคนต่อปี ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น มีอัตราการอ่าน ๕๐ เล่มต่อคนต่อปี(ผู้จัดการรายสัปดาห์ 19 กพ.52)


2.เป็นนักจินตนาการและช่างฝัน การเป็นนักพูดที่ดีและประสบความสำเร็จจำเป็นที่ต้องมีจินตนาการเพื่อสร้างความแตกต่างจากผู้อื่น เพราะถ้าไม่มีจินตนาการและการช่างฝัน นักพูดผู้นั้นก็มักจะพูดแนวทางเดียวกันกับนักพูดทั่วๆไป และเมื่อพูดในแนวทางเดียวกันกับนักพูดทั่วไปแล้ว ก็มักจะไม่ประสบความสำเร็จ


3.ถ้าอยากเป็นนักพูด ก็จง พูด พูด และพูด จงหาเวทีให้กับตนเอง ท่านที่ต้องการว่ายน้ำเป็น ท่านต้องลงไปว่ายน้ำ ถ้าท่านอยากเป็นนักพูดไม่มีวิธีอื่น ท่านต้องหาเวทีพูดให้กับตัวเอง การพูดเป็นทักษะ ถ้าเราพูดบ่อยๆ เราก็จะเก่งไปเอง


สำหรับท่านที่คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติของนักพูดที่ดีแล้ว แต่มีปัญหาว่าจะเข้าสู่วงการได้อย่างไร


สำหรับผมคิดว่า ท่านควรเริ่มเวทีเล็กๆก่อนหรือหาโอกาสพูด ในเวทีเล็ก เมื่อพูดได้ดี คนก็จะเชิญท่านพูดในเวทีระดับชาติเอง เมื่อถึงจุดนั้น เงิน ทอง ชื่อเสียงและตำแหน่งก็จะตามมาเองครับ





จงทำให้ผู้ฟังสนุกสนาน ในขณะเดียวกันก็สอนเขาไปด้วย

...
  
จงเชื่อมั่นในตนเอง
จงเชื่อมั่นในตนเอง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนใหญ่แล้ว...มักไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง ซึ่งความไม่เชื่อมั่นในตนเอง ส่วนหนึ่งเกิดจากความกลัว โดย ดร.นโปเลียน ฮิลล์ ผู้เขียนหนังสือ “ ปรัชญาชีวิต ศาสตร์แห่งความสำเร็จ” ได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์มีความกลัวพื้นฐาน 6 ประการคือ
1.ความกลัวยากจน
2.ความกลัววัยชรา
3.ความกลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์
4.ความกลัวสูญเสียความรักของคนบางคน
5.ความกลัวสุขภาพทรุดโทรม
6.ความกลัวตาย
ความกลัวพื้นฐานเหล่านี้ เป็นบ่อเกิดแห่งการทำให้มนุษย์ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง จงขจัดหรือทำให้เบาบาง แล้วท่านจะเกิดความเชื่อมั่นในตนเองขึ้น
สำหรับเทคนิคในการทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง มีดังนี้
1.จงทำตัวให้เคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้น เดินยืดอก ตัวตรง เดินอย่างผู้นำ กระฉับกระเฉง ว่องไว
2.ยิ้มแย้ม แจ่มใส เบิกบาน ไม่ทำใบหน้าอมทุกข์
3.จงพูดบวกกับตัวเองบ่อยๆ เช่น ฉันทำได้ , ฉันมีความเชื่อมั่นในตนเอง , ฉันสู้ ,ฉันมีพลัง ฯลฯ
4.ฝึกนั่งแถวหน้า ฝึกแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม
5.ฝึกช่วยตนเอง ฝึกพึ่งตนเองให้มากที่สุด จงคิดว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน
หากท่านฝึกปฏิบัติ ตามคำแนะนำดังกล่าว กระผมเชื่อว่าจะทำให้ท่านเกิดความเชื่อมั่นในตนเอง เพราะความเชื่อมั่นในตนเอง เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของบรรดาบุคคลที่ประสบความสำเร็จในแวดวงต่างๆ ผู้ชนะ คนที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่โต ไม่มีใครคนใดเลยที่ปราศจากความเชื่อมั่นในตนเอง หากว่าท่านเป็นผู้หนึ่ง ที่อยากเป็น ผู้ชนะ อยากดำรงตำแหน่งใหญ่โต จงฝึกมัน
เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก หากไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง ท่านก็ไม่สามารถประดิษฐ์ หลอดไฟฟ้า ให้พวกเราได้ใช้กันทั่วโลก
ลินคอล์น มุสโสลินี ฮิตเล่อร์ เซอร์วินสตัน เชอร์ชิลส์ บุคคลเหล่านี้ หากไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง เขาเหล่านี้ ก็ไม่สามารถเป็น นักพูดเรืองนามระดับโลก
ไม่มีอิทธิพลอันใดหรือใครคนใดของโลก ที่จะกำหนดโชคชะตาให้แก่ท่าน ตัวของท่านเองต่างหาก ที่จะกำหนดโชคดีหรือโชคร้ายให้แก่ตัวเอง เราจะเป็นอะไร เราจะมีความสามารถเก่งแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองทั้งสิ้น จงเชื่อมั่นในตนเอง ว่า ท่านทำได้ ท่านก็จะทำได้
ไม่มีบุคคลที่ประสบความสำเร็จในโลกที่พบกับความสำเร็จ โดยบุคคลผู้นั้นขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เราจงจำกัดความอ่อนแอในตัวเรา แล้วปลูกฝังความเชื่อมั่นในตนเอง แล้วท่านจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จ

...
  
วัยกับการบริหารเวลา
วัยกับการบริหารเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
วัยกับการบริหารเวลา ในชีวิตของคนเราทุกๆคน มักมีวงจรชีวิตที่เหมือนกันกล่าวคือ เมื่อเราเกิดมาเราต้องผ่านวัยต่างๆ เช่น วัยเด็ก วัยเรียน วัยทำงาน วัยชรา ซึ่งเราสามารถแบ่งออกเป็นช่วงๆ โดยมีความสัมพันธ์กับอายุได้ดังนี้
อายุ 1-25 ปี เป็นวัยที่มีความสนุกสนาน วัยศึกษาเล่าเรียน ไม่ต้องรับผิดชอบในเรื่องการหาเงินเลี้ยงชีพมากนัก ซึ่ง เราจำเป็นจะต้องเรียนให้ดีและให้ได้มากที่สุด ซึ่งบุคคลใดที่มีความตั้งใจศึกษาเล่าเรียน บุคคลนั้นก็มักจะได้มีการงานอาชีพที่ดีและมั่นคงในอนาคต
อายุ 25-50 ปี เป็นวัยทำงาน เราต้องลองผิดลองถูก ท่านจึงไม่ควรกลัวความล้มเหลว กลัวความผิดหวังมากนัก เพราะหากท่านเกิดความกลัวมากๆ ท่านก็จะไม่กล้าริเริ่มทำอะไรใหม่ๆให้กับชีวิตเลย วัยนี้ เราต้องเรียนรู้ เราต้องฝึกหัดหาประสบการณ์ อีกทั้งต้องหาเงินเพื่อสร้างฐานะตนเองและครอบครัว ช่วงวัยนี้หากใคร ขยันทำงาน มีความสามารถในการหาเงินเก่ง ก็จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ในช่วงต่อไป เกิดความสุขความสบาย
อายุ 50-60 ปี เป็นวัยที่ บุคคลหลายๆคนประสบความสำเร็จในชีวิต บางคนได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ในตำแหน่งสูงๆ วัยนี้เป็นวัยที่เราสามารถช่วยเหลือสังคมได้มากกว่าวัยอื่นๆ เช่น หลายคนรับราชการเมื่อใกล้อายุ 60 ปี มักจะได้รับตำแหน่งบริหารในระดับต่างๆ อาทิ ปลัดกระทรวง อธิบดี พลเอก พลตำรวจเอก บางคนดำรงตำแหน่งจนกระทั่งเกษียณอายุในที่สุด
อายุ 60-80 ปี เป็นวัยพักผ่อน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน สำหรับคนอายุในวัยนี้ ไม่ควรเครียดให้มาก เพราะจะทำให้สุขภาพกาย สุขภาพใจเสียได้ง่าย และทำให้อายุไม่ยืนยาว บางคนอยู่ในช่วงนี้ยังไม่ย่อมปล่อยวาง ไม่ยอมส่งมอบกิจการให้กับลูกหลาน จึงทำให้เกิดความทุกข์ ก็เนื่องจากการแบกรับภาระ
อายุ 80 ปีขึ้นไป เป็นวัยพลัดพราก หรือเป็นวัยที่ละสังขาร หลายคนอาจอยู่ไม่ถึง แต่ถ้าหากใครอยู่ถึง 80 ปี ขึ้นไปก็นับได้ว่า ท่านได้กำไรชีวิต ท่านควรรักษาสุขภาพให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ลูกหลานในการที่จะต้องมาคอยดูแล รักษาพยาบาลร่างกายของท่าน
ดังนั้น หากใครสามารถดำเนินชีวิตตามวัยได้ บุคคลผู้นั้นจะประสบความสำเร็จได้ดีกว่าบุคคลที่ไม่รู้จักใช้ชีวิตให้ไปตามวัย เช่น หากใครอยู่ในอายุ 1-25 ปี แล้วไม่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เรียนไม่จบก็จะกระทบกับวัยอื่นๆไปด้วย กล่าวคือ อายุ 25-50 ปี ท่านจะได้ทำงานในอาชีพที่ไม่สู้จะดีนัก เมื่อท่านมีหน้าที่การงาน อาชีพที่ไม่ดี ท่านก็จะได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนในระดับที่ไม่สูงนัก
เมื่อท่านมีรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย ก็จะทำให้ช่วง อายุ 50-60 ปี ท่านจะไม่ประสบความสำเร็จไปด้วย เนื่องจากถ้าหากคนเราเสียเรื่องเงินก็จะทำให้เรื่องอื่นๆมีปัญหาไปด้วย บางคนต้องถูกฟ้องล้มละลาย ก็เพราะการใช้เงินที่เกินตัว อายุ 60-80 ปี แทนที่ท่านจะได้พักผ่อน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ท่านจำเป็นจะต้องหาเงินมาใช้หนี้สิน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ท่านเกิดความเครียดและทำให้ท่านพลัดพรากไปเร็วกว่าเวลาที่ควร
สำหรับข้อความข้างต้น เป็นข้อความที่นำเสนอภาพรวมที่เกี่ยวกับเรื่องวัยกับการบริหาร แต่ทั้งนี้ หลายคนไม่ได้ดำเนินชีวิตตามวัยในข้อความข้างต้น แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ จึงข้อสรุปว่า ความสำเร็จของคนเราขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ ตัวเราเอง เพราะบางคน ช่วงอายุ 1-25 ปี แต่ไม่มีโอกาสเรียนเนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน บางคนไม่ชอบเรียนในระบบ ต้องออกไปเรียนนอกระบบ แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จในระดับสูงได้เช่นกัน
...
  
เรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ
จงอ่าน ฟัง เรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ชีวิตของคนบางคนมักเจอแต่เรื่องที่ล้มเหลว มีแต่เรื่องเศร้า มีแต่ปัญหา จนท้อแท้ใจ จนหมดกำลังใจ หากชีวิตของท่านเป็นเช่นนั้น จงสร้างกำลังใจให้แก่ตนเอง ด้วยการ สร้างแรงบันดาลใจจากการอ่าน การฟัง เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับแรงบันดาลใจ เช่น ประวัติส่วนตัวของผู้ประสบความสำเร็จ,การต่อสู้ของสัตว์แต่ละชีวิตเพื่อที่จะเอาตัวรอด เป็นต้น
จงอ่านทุกๆวัน แล้วชีวิตของท่านก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ท่านจะมีกำลังใจมากขึ้น ท่านจะมีพลังชีวิตมากขึ้น ท่านจะมีแรงในการต่อสู้เหตุการณ์ต่างๆ มากขึ้น
แล้วมีคนถามผมว่า แล้วตนเอง เป็นคนไม่ชอบอ่านละ ถ้าหากว่าท่านไม่ชอบอ่านหนังสือ ท่านก็จงฟังเรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ แทน มีงานวิจัยที่น่าสนใจว่าคนทำงานส่วนใหญ่ใช้เวลาเดินทางไปทำงานหรือไปในที่ต่างๆ โดยรถยนต์ส่วนตัวเป็นจำนวนมาก
จงเปลี่ยนเวลาเดินทางเป็น เวลาศึกษาเล่าเรียน โดยการฟังเทป การฟังซีดี วิชาการในรถ โอกาสมีสำหรับผู้แสวงหาและค้นหาโอกาส แล้วบางคนอาจอ้างว่าแล้วผมไม่ได้เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวละ จะทำอย่างไร ท่านสามารถฟังวิชาการหรือเรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจได้โดย ซื้อเครื่องเล่นเทป หรือ เครื่องเล่นซีดี มาเปิดในห้องน้ำในขณะอาบน้ำ ในขณะทำงานในบ้าน หรือระหว่างเดินทางโดยฟังผ่าน MP3 ทางหูฟัง
หากว่าคุณปฏิบัติได้เช่นนี้เป็นประจำ มันจะสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของคุณ คุณจะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในอนาคต คนประสบความสำเร็จส่วนมากมักไม่ได้ทำงาน “หนัก” แต่เขาเหล่านั้นรู้จักเรียนรู้ที่จะทำงานอย่าง “ ฉลาด” ต่างหาก
โดยสรุปก็คือ คุณสามารถ อ่าน ฟัง เรื่องราวเกี่ยวกับแรงบันดาลใจ ได้โดย
1.อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร เกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ
2.ดูโทรทัศน์ รายการที่เกี่ยวกับชีวประวัติของบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ ดูว่าเขาต่อสู้อย่างไร ลำบากอย่างไร เขาอดทน มุ่งมั่นอย่างไร
3.ศึกษาจากการอ่านหนังสือชีวประวัติ ฟังเทป ดูวิดีโอ ที่เจ้าตัวเขียนหรือพูดเกี่ยวกับการต่อสู้ของตนเองจนประสบความสำเร็จ
และโดยส่วนตัวของผม ผมชอบอ่านและศึกษาประวัติของบุคคลสำคัญหลายๆคน เช่น โดนัลด์ ทรัมพ์ , จอห์น เอฟ เคเนดี้ , อับราฮัม ลินคอล์น , Tonyrobbins , Brian Tracy , บัณฑิต อึ้งรังสี เป็นต้น
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น กระผมขอยกตัวอย่าง เรื่องราวของ Starbucks (สตาร์บัคส์)เป็นร้านขายกาแฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก Howard Schultz เป็นผู้ก่อตั้ง โดยแรกเริ่มเดิมที่เขาไปเที่ยวที่เมือง Seattle และพบร้านขายกาแฟชื่อ Starbucks ซึ่งมีเพียง 4 ร้านเท่านั้นในประเทศอเมริกาในขณะนั้น เขาจึงอยากที่จะสร้างวัฒนธรรมการกินกาแฟของคนอเมริกันขึ้นมาใหม่ ขณะนั้นในอดีตคนอเมริกามักไม่ค่อยพิถีพิถันการกินกาแฟมากนักซึ่งแตกต่างการกินกาแฟของคนยุโรป
โดยความรัก ความชอบและความฝันของเขา เขาจึงลงทุนลาออกจากงานประจำเพื่อไปตามหาความฝันของเขา เขายอมลงทุนเพื่อเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของ Starbucks ในขณะนั้น และเขาได้ลงทุนไปอิตาลี เพื่อไปดูวัฒนธรรมและต้นแบบของศิลปะการกินกาแฟ เมื่อไปถึงทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
เขาจึงเสนอความคิดแก่หุ้นส่วนในการสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้แก่ Starbucks แต่หุ้นส่วนเขาไม่ยอม เขาจึงตัดสินใจซื้อหุ้นทั้งหมดเพื่อเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว เพื่อสร้างฝันของเขา ในที่สุด Starbucks เป็นร้านกาแฟที่คนรู้จักกันไปทั่วโลก และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินกาแฟสมัยใหม่ของชาวอเมริกา ในปัจจุบัน Starbucks มีสาขาประมาณ 16,000 สาขาทั่วโลก และ สำหรับประเทศไทยมีประมาณ 140 สาขา
จงอ่าน ฟัง เรื่องราวที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ ให้มากๆ แล้วท่านจะเกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ในตัวของท่าน







...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.