หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
Case study โออิชิ (1)
10
...
  
การบริหารเวลา
การบริหารเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมง เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นยาจก มหาเศรษฐี คนทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่คนที่ประสบความสำเร็จทำไมถึงประสบความสำเร็จ อีกทั้งหากเราลองไปศึกษาการทำงานในแต่ละวันของเขา เราจะทราบว่าคนที่ประสบความสำเร็จมักใช้เวลาน้อยกว่า แต่สามารถสร้างความร่ำรวยได้มากกว่าคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ นี่คือสิ่งที่น่าสนใจ น่าศึกษาและน่าเรียนรู้
กฎ 80 และ 20 ของ วิลเฟรโด ปาเรโต นักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาลี ได้อธิบายว่า 20 % ของประชากรทั้งหมดจะเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติจำนวนถึง 80 % ของประเทศ กฎนี้สามารถประยุกต์ใช้กับกิจกรรมอย่างอื่นๆ ได้ด้วย เช่น เราจะสังเกตว่า เรามักใช้เวลาไปถึง 80 % แต่มักได้ผลตอบแทนเพียงแค่ 20 % แต่คนที่ประสบความสำเร็จ เขาทำในสิ่งที่ตรงข้ามกล่าวคือ เขาใช้เวลาเพียงแค่ 20 % แต่ได้ผลตอบแทนเท่ากับ 80 % ผมขอขยายความในส่วนนี้เพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น นักขายส่วนใหญ่มักเสียเวลาไปนำเสนอขายสินค้าแก่ลูกค้ารายเล็กจำนวนถึง 80 ราย ซึ่งลูกค้ารายเล็กมักมียอดสั่งซื้อเพียง 20 % เมื่อเทียบกับการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้ารายใหญ่เพียง 20 ราย แต่สั่งซื้อสินค้าถึงจำนวน 80% ของยอดขายทั้งหมด
ฉะนั้นหากพวกเราต้องการประสบความสำเร็จก็จงทำตามคนที่ประสบความสำเร็จเขาทำ กล่าวคือ เราต้องขายสินค้าให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ที่มีจำนวน 20 % ก็จะทำให้เราทำงานเหนื่อยน้อยลง และประหยัดเวลาได้มากขึ้น
การเป็นนักบริหารเวลาที่ดีควรมีการวางแผนการทำงานของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายสามเดือน รายปี รายห้าปี เป็นต้น ซึ่งการวางแผนที่ดีเราควรมีเครื่องมือช่วย ก็จะทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว และทำให้การทำงานง่ายขึ้น เครื่องมือในที่นี้ก็คือ ตารางเวลาทำงาน ไดอารี่ สมุดบันทึก ปฏิทิน โทรศัพท์มือถือสมัยใหม่มักมีโปรแกรมในการช่วยบริหารเวลา Ipad เป็นต้น
การเป็นนักบริหารเวลาที่ดี มักต้องย่อมให้มีการกระจายอำนาจความรับผิดชอบ กิจกรรมที่มีความสำคัญน้อยก็ควรเปิดโอกาสให้คนอื่นทำแทน กล่าวคือ การใช้เวลาของคนอื่นในการทำงานของเรา เช่น การฝากเงินธนาคาร การชำระค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา การเสียค่าโทรศัพท์ ฯลฯ ควรหาคนทำงานแทน
ผู้ที่ต้องการบริหารเวลาควรที่จะต้องมีการทบทวน ตรวจสอบ เวลาของตนเองในแต่ละวัน ควรพิจารณาดูว่า เราใช้เวลามากไปสำหรับงานที่ให้ผลตอบแทนที่ต่ำหรือเปล่า หากว่าเป็นเช่นนี้ก็ควรมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้เวลามากยิ่งขึ้น เช่น การโทรศัพท์คุยเรื่องส่วนตัวมากไปก็ควรลดเวลาโทรศัพท์ลงแล้วเปลี่ยนไปโทรศัพท์ติดต่องานกับลูกค้าแทน , การเล่นอินเตอร์เน็ต การเล่นเกมส์ การดูโทรทัศน์มากเกินไป ก็ควรลดแล้วหันไปอ่านหนังสือแทน ฯลฯ
ท่านสามารถบริหารเวลาได้โดยการประหยัดเวลาคือการทำกิจกรรมสองอย่างคู่กันได้ เช่น การขับรถพร้อมกับการเปิดเทปวิชาการฟัง การรดน้ำต้นไม้กับการฟังเพลง การทำความสะอาดบ้านกับการฟังข่าวทางวิทยุ ฯลฯ แต่กิจกรรมบางอย่างไม่ควรทำคู่กันเพราะจะทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ เช่น การโทรศัพท์ขณะขับรถ หรือ ดื่มสุราขณะขับรถ
อีกทั้งท่านสามารถประหยัดเวลาในขณะที่ต้องรอรถ รอดูภาพยนตร์ รอแถว รอเรียน โดยการอ่านหนังสือ การเขียนหนังสือ ฟังเทป ผู้เขียน ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้เวลาในการเดินทางไปที่ต่างๆ บางครั้งต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน ต้องไปก่อนเวลาทำให้ต้องรอ แต่ก็ได้ใช้ประโยชน์จากการรอขึ้นเครื่องบิน โดยการเอาคอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้วขึ้นมาทำงาน เตรียมงานในวันพรุ่งนี้ หรือ บางครั้งก็สะสางทำงานที่ค้างไว้
การใช้เทคโนโลยีช่วยในการประหยัดเวลา เมื่อจำเป็นจะต้องเดินทางไปพบลูกค้า เราควรโทรศัพท์ไปหาก่อนเพื่อลดความผิดพลาด อีกทั้งไม่ก่อให้เกิดการเสียเวลาหากไปหาแล้วลูกค้าไม่อยู่ การส่งอีเมล์แทนจดหมาย ก็ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายได้ หรือหากต้องมีการประชุมแต่ผู้เข้าร่วมประชุมอยู่คนละจังหวัดเราก็สามารถประชุมทางไกลผ่านวิดีโอหรือผ่านทางเว็บไซต์ได้ ดังนั้น หากท่านสามารถทำงานที่บ้านของตนเองได้โดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยก็จะทำให้ท่านลดการใช้เวลาในการเดินทางไปที่ทำงานได้ถึงเฉลี่ยวันละ 1-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว
การจัดลำดับความสำคัญของงานก็มีความสำคัญในการบริหารเวลา นักบริหารเวลาที่ดีต้องรู้จักจัดลำดับของงานเพื่อใช้ในการบริหารเวลา เช่น จัดลำดับดูว่า งานไหนสำคัญ งานไหนไม่สำคัญ งานไหนเร่งด่วน งานไหนไม่เร่งด่วน
สุดท้ายในการบริหารเวลาที่ดี เราต้องมีการประเมินผล มีการตรวจสอบ มีการทบทวนเวลา ในแต่ละวัน เพื่อที่จะได้ปรับปรุง แก้ไข เปลี่ยนแปลงให้การบริหารเวลาของเราเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประสิทธิผล




...
  
คุณสมบัตินักเขียน
คุณสมบัตินักเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
www.drsuthichai.com
เมื่อกล่าวถึงเรื่องคุณสมบัติของนักเขียน บางคนก็บอกว่าเป็นนักเขียนต้องทำตัวเหมือนศิลปิน บางคนบอกว่าเป็นนักเขียนจะต้องมีวินัย บางคนบอกว่าเป็นนักเขียนจะต้องมีความละเอียดรอบคอบ ซึ่งจะตอบอย่างไรก็ถูกหมด เพราะนักเขียนแต่ละท่านมีคุณสมบัติหรือลักษณะที่ดีที่แตกต่างกัน หรืออาจจะมีนักเขียนบางท่านอาจจะมีคุณสมบัติหรือลักษณะที่ดีที่เหมือนกัน ซึ่งลักษณะที่ดีของนักเขียนมีดังนี้
1.เป็นคนที่รักในงานเขียน คนเราจะทำอะไร ควรเริ่มต้นจากความรักในสิ่งนั้นๆ ก่อน ถ้าอยากจะเป็นนักเขียน เราก็ต้องเริ่มต้นที่ความรักในงานเขียนก่อน เมื่อมีความรักในงานเขียน เราก็มีทัศนคติที่ดีต่องานเขียน
2.เป็นนักอ่าน อยากเป็นนักเขียนต้องอ่านหนังสือให้มากๆ การอ่านจะช่วยให้เขียนได้ดีขึ้น การอ่านจะทำให้มีข้อมูลต่างๆที่ใช้สำหรับเขียน ดังนั้นผู้ที่ต้องการเป็นนักเขียนควรอ่านหนังสือต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่มีโอกาสอ่านได้ โดยเฉพาะหนังสือประเภทที่เราจะเขียน
3.เป็นคนที่มีวินัย นักเขียนที่จะประสบความสำเร็จ หรือ นักเขียนที่สร้างผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอ มักเป็นคนที่มีวินัยในตนเอง เช่น ต้องกำหนดเวลาทำงาน แล้วต้องทำงานให้มีผลงานออกมาตามแผนที่ตนเองได้วางไว้
4.เป็นคนที่มีประสบการณ์ในชีวิตพอสมควร การจะเขียนหนังสือให้ได้ดี นักเขียนที่ดีควรมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ อยู่บ้างพอสมควรจึงจะสามารถเขียนหรืออธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจได้ หากไม่มีก็คงต้องลงไปศึกษาและปฏิบัติเพื่อให้เกิดประสบการณ์ตรง เช่น เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเรือนจำ ก็ควรไปศึกษาดูสถานที่จริงก่อนเขียน การไปดูสถานที่จริงจะทำให้เขียนอธิบายความได้ชัดเจนขึ้น คนอ่านเข้าใจสิ่งที่ตรงการสื่อได้ชัดเจนขึ้น
5.เป็นคนที่มีความสามารถในการใช้สำนวน ภาษา ถ้อยคำได้ดี การเขียนมีความแตกต่างกับการสื่อสารด้านการพูด เพราะการพูดให้คนเศร้า หรือ พูดให้คนหัวเราะ ผู้พูดสามารถใช้ลีลาท่าทาง สีหน้า การเคลื่อนไหว น้ำเสียง ฯลฯ แต่การเขียนไม่สามารถใช้สิ่งเหล่านี้ได้ จึงต้องอาศัยการใช้ ภาษา ถ้อยคำ สำนวน ช่วยในการสื่อเพื่อให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ต่างๆ
6.เป็นคนที่ต้องทุ่มเท ขยัน เขียนอย่างต่อเนื่อง ไม่ท้อแท้ ไม่เลิกกลางคัน นักเขียนที่ดีต้องมีหัวใจที่อดทน ต้องขยัน ทุ่มเท ไม่เลิกล้ม จนกว่าที่จะประสบความสำเร็จ
7.เป็นคนที่ฝึกฝนตนเอง พัฒนาตนเอง แก้ไขปรับปรุง ตัวเองตลอดเวลา นักเขียนที่ดีต้องมีการพัฒนางานเขียนของตนเองสม่ำเสมอ ต้องศึกษาหาความรู้ เทคนิคใหม่ๆ อยู่เสมอ จึงจะทำให้งานเขียนของตนเองเป็นที่ยอมรับมากขึ้น
8.เป็นตัวของตัวเอง การเป็นนักเขียนที่ดีต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ควรเลียนแบบใคร จงเขียนงานของตนเองอย่างเป็นธรรมชาติหรือความเป็นตัวตนของตนเอง และจงเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองเขียน
9.เป็นคนที่มีสมาธิดี และเป็นคนที่ควบคุมตนเองได้ดี งานเขียนหนังสือเป็นงานที่ต้องใช้ความคิด ฉะนั้นสมาธิจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการเป็นนักเขียน นักเขียนที่มีสมาธิดีมักจะนั่งเขียนได้เป็นเวลาที่นานๆ โดยไม่ลุกขึ้น เขียนจนกว่างานที่วางแผนไว้เสร็จแล้วจึงลุก ตรงกันข้ามกับนักเขียนที่ไม่มีสมาธิ เขียนได้ไม่เท่าไรก็จะลุกขึ้นทำนั่นทำนี่ คิดสิ่งนั้นคิดสิ่งนี้ จนผลงานเขียนไม่ออกมาดังแผนที่ตั้งใจไว้
10.เป็นนักจำ นักจด นักเขียนที่ดีต้องมีความจำที่ดี แต่หากจำไม่ได้ทั้งหมดก็ควร หาปากกา กระดาษ สมุด จดในสิ่งต่างๆ ที่ตนคิด หรือ เมื่ออ่านเจอถ้อยคำ สำนวน ภาษาที่เราสนใจก็ควรจดบันทึกไว้ เพื่อนำข้อมูลที่จดไปใช้เขียนในอนาคตได้
11.เป็นผู้ทีมีใจกว้าง ยอมรับคำวิจารณ์ของผู้อื่นได้ การจะเป็นนักเขียนที่ได้รับการยอมรับ นักเขียนควรเต็มใจรับฟังคำวิจารณ์จากผู้อ่าน รับฟังคำวิจารณ์เพื่อทางแนวทางในการแก้ไขปรับปรุงงานเขียนชิ้นต่อๆไป
สิ่งเหล่านี้ข้างต้นเป็นคุณสมบัติที่ดีหรือลักษณะที่ดีของคนที่ต้องการเป็นนักเขียน ถ้าหากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเป็นนักเขียน ท่านควรศึกษา เรียนรู้ แนวทางที่กล่าวไปในข้างต้น พร้อมทั้งฝึกปฏิบัติอย่างจริงจัง ท่านก็สามารถเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จได้ในอนาคตอันใกล้ ไม่มีใครช่วยให้ท่านเป็นนักเขียนได้ นอกจากตัวของท่านเอง



...
  
ทอล์คโชว์ ชุด 1/5
10
...
  
โต้วาที ท้องไม่แท้ง แท้งไม่ฟ้อง (4)
10
...
  
พลังแห่งชีวิต
พลังแห่งชีวิต
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีพลังต่างๆ มากมาย ซึ่งในที่นี้กระผมขอเรียกว่า “พลังแห่งชีวิต” พลังแห่งชีวิตมีด้วยกันหลายด้าน เช่น
- พลังแห่งความคิด คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมักเป็นคนที่มีความคิดที่ดี คิดบวก คิดในเชิงสร้างสรรค์
แต่ตรงกันข้ามบุคคลที่ล้มเหลว มักเป็นบุคคลที่คิดลบ เป็นบุคคลที่มองโลกในแง่ร้าย เมื่อมองโลกในแง่ร้าย บุคคลผู้นั้นก็มักจะไม่กล้าที่จะริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ฉะนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตจงคิดดี คิดบวก เมื่อเราเปลี่ยนความคิดชีวิตของเราก็จะเปลี่ยนแปลง
- พลังแห่งอารมณ์ อารมณ์ของคนเราทำให้เรา มีพฤติกรรมต่างๆ คนที่มีอารมณ์โกรธ อารมณ์โมโห อารมณ์
ร้าย หน้าตามักไม่ค่อยสดชื่นแจ่มใส ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แต่คนที่มีอารมณ์ดี อารมณ์สดชื่น มักเป็นคนที่หน้าตาแจ่มใส เมื่อมีอารมณ์ดี ความคิดก็จะออกมาดีด้วย ดังนั้น หากรู้ตัวว่ามีอารมณ์ ห่อเหี่ยว อารมณ์โกรธ อารมณ์เศร้า วิตกกังวล ควรรีบเปลี่ยนความคิด
- พลังแห่งการพัฒนาตนเอง เป็นพลังของคนที่ประสบความสำเร็จใช้ในการแก้ไข เปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่ว่าจะ
เป็นเรื่องของการศึกษาหาความรู้จากการอ่านมากๆ ฟังวิชาการมากๆ เข้าอบรมสัมมนามากๆ เข้าสังคมดีๆ เพื่อหาเครือข่าย การพัฒนาตนเองเป็นสิ่งที่คนที่ต้องการประสบความสำเร็จขาดไม่ได้
- พลังแห่งการสร้างแรงบันดาลใจ บุคคลที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มักเกิดจากการหาต้นแบบหรือหาแรง
บันดาลใจจากใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งบางคนอาจมีแรงบันดาลใจที่เกิดจากแม่ บางคนมีแรงบันดาลใจที่เกิดจากครู บางคนมีแรงบันดาลใจที่เกิดจากนักธุรกิจชื่อดัง เป็นต้น หรือ แรงบันดาลใจอาจเกิดจากความต้องการภายในของตนเองอย่างแท้จริง กล่าวคือ คนบางคนต้องการเป็นนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลก หรือ บางคนต้องการเป็นนักพูดอันดับหนึ่งของเมืองไทย เป็นต้น
- พลังของคำพูดและพลังของการเขียน เมื่อท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านจำเป็นต้องเขียนเป้าหมายหรือ
พูดบอกเป้าหมายที่ท่านต้องการสำเร็จในชีวิต แก่คนอื่นๆ เพื่อให้คนอื่นได้รับทราบถึงเป้าหมายของตนเอง พลังของคำพูดและพลังของการเขียนยังรวมไปถึงการต้องรู้จักพูดบวก การพูดบวก เช่น ฉันเป็นคนเชื่อมั่น ฉันทำได้ ฉันเก่งที่สุด ฉันเยี่ยมที่สุด ฉันมีสุขภาพแข็งแรง การพูดบวกจะเป็นการโปรแกรมสิ่งที่ดีๆ ฉะนั้นจงพูดบวก เขียนบวก แล้วจงอ่านประโยคนั้นๆ ด้วยการออกเสียงดังๆ เพื่อให้ข้อความและคำพูดเข้าไปในสมอง
- พลังแห่งแรงดึงดูด เป็นพลังของการดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันเข้าหากัน และสิ่งที่ตรงข้ามกันออกจากกัน เช่นน้ำ
กับน้ำมัน เข้ากันไม่ได้ฉันใด คนที่มีความแตกต่างกันก็มักจะไม่สามารถรวมกลุ่มกันได้ ความคิดของเราก็เช่นกัน หากท่านคิดในสิ่งที่ดีๆ คิดบวก สิ่งที่ดีๆก็จะเกิดขึ้นกับท่าน แต่หากท่านคิดลบหรือคิดสิ่งที่ร้ายๆ สิ่งต่างๆที่ร้ายๆก็จะดึงดูดมาหาท่าน
แต่คนเราโดยมากมักคิดลบมากกว่าคิดบวก อีกทั้งยังจดจำประสบการณ์ในอดีตที่เลวร้ายมากกว่าประสบการณ์ที่ดีๆ ฉะนั้นจงฝึกคิดบวกบ่อยๆ แล้วจิตใต้สำนึกก็จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงความคิดของเราให้คิดบวกมากขึ้น
- พลังแห่งการกระทำ เป็นพลังที่มีความสำคัญมากที่สุด เนื่องจากหากขาดการกระทำสิ่งต่างๆ ก็มักจะไม่เกิด
การเปลี่ยนแปลงขึ้น เราคงเคยไปอบรมหลักสูตรต่างๆ แต่กลับมาแล้วไม่ได้นำสิ่งที่อบรมมาลงมือกระทำ พฤติกรรมต่างๆของเราก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง จงลงมือปฏิบัติ จงลงมือกระทำอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง เต็มความสามารถ เมื่อคุณลงมือปฏิบัติชีวิตของคุณก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
พลังแห่งชีวิตที่กล่าวในข้อความข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้ลงมือปฏิบัติ ท่านก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถทำได้ พลังแห่งชีวิตจะปรากฏขึ้น หากว่าท่านมีความต้องการและแรงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะกระทำ เมื่อความคิดเปลี่ยน การกระทำเปลี่ยน ชีวิตของท่านก็จะเปลี่ยนแปลง จงลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นในภายหน้า












...
  
พลังแห่งการบริหารเวลา
พลังแห่งการบริหารเวลา
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
ถ้าหากไปถามถึงเรื่องของการใช้เวลาหรือการบริหารเวลา พวกเราส่วนใหญ่มักมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้เวลาหรือการบริหารเวลาต่างๆ มากมาย หลายๆท่านมักให้คำตอบ เช่น ไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย , ตื่นสาย , มีงานแทรกเข้ามาระหว่างการทำงานเลยต้องหยุดการทำงานเพื่อทำงานที่แทรกเข้ามาก่อน , มีสิ่งที่ต้องทำมากแต่มีเวลาไม่พอ ฯลฯ
สำหรับปัญหาของการบริหารเวลาอาจสรุปได้ดังนี้ ขาดเป้าหมายที่ชัดเจน , ขาดการวางแผนที่ดี , ขาดการจัดลำดับความสำคัญของงาน , ขาดวินัยในการทำตามแผนที่วางไว้ , ขาดเครื่องมือที่ใช้ในการวางแผน ฯลฯ
แต่บุคคลที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่มักใช้เวลาทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า อีกทั้งสร้างผลงานขึ้นมาอย่างมากมาย เช่น
- โธมัส อัลวา เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก เขาทำงานหนักมาก นอนหลับวันละ 4-6 ชั่วโมง เขาจึงเป็น
นักวิทยาศาสตร์ นักค้นคว้า นักคิดที่ยิ่งใหญ่ สำหรับผลงานการประดิษฐ์ของเขามีมากมายเช่น เครื่องบันทึกการนับคะแนน , เครื่องบันทึกเสียง , หลอดไฟฟ้า , เครื่องถ่ายภาพ , เครื่องบันทึกภาพเคลื่อนไหว , สร้างโรงถ่ายภาพยนตร์แห่งแรกของโลก , เครื่องแบตเตอรี่ เป็นต้น ครั้งหนึ่งเมื่อครั้งที่เขามีชีวิตอยู่มีคนเคยถามว่า “ อัจฉริยะ คือ ” เขาตอบกลับไปว่า “ อัจฉริยะในความคิดเห็นของผม ประกอบด้วยพรสวรรค์เพียง 1 % อีก 99 % มาจากความพยายาม
- ประธานาธิบดี เบนจามิน แฟรงคลิน ชาวอเมริการู้จักเขาหลายบทบาท เขาเป็นนักการเมือง เป็น
นักวิทยาศาสตร์ เป็นนักธุรกิจ เป็นแกนนำในการก่อตั้งประเทศอเมริกา เป็นนักการทูต เป็นนักประดิษฐ์ เป็นนักปราชญ์ ฯลฯ เขามีผลงานมากมาย เช่น เป็นผู้ก่อตั้งห้องสมุดแห่งแรกของอเมริกา , คิดค้นสายล่อฟ้า , นำระบบแลกเปลี่ยนโดยธนบัตรมาใช้ในอเมริกา เป็นต้น เบนจามิน แฟรงคลิน เคยพูดให้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้เวลาว่า “ ถ้าคุณรักชีวิตของคุณ คุณก็ไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปอย่างสูญค่า”
- หลวงวิจิตรวาทการ เดิมชื่อ “ กิมเหลียง ” เป็นบุคคลสำคัญของไทยผู้หนึ่งที่มีความเก่งหลายด้าน เช่น เป็นนัก
คิด นักเขียน นักการเมือง นักการทูต นักประวัติศาสตร์ นักบริหาร ฯลฯ โดยมีผลงานต่างๆ มากมาย เช่น มีผลงานการเขียนหนังสือและแต่งเพลงจำนวนมาก , ขยายการเปิดสาขาหอสมุด งานพิพิธภัณฑ์และโบราณคดี , สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นต้น หลวงวิจิตรวาทการถือว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่ชอบทำงาน จนประพันธ์บทกลอนเกี่ยวกับการทำงานดังนี้
ฉันรักงานรักจริงยิ่งชีวิต ถูกหรือผิดอยากจะทำให้ถ้วนทั่ว
ถ้าทำผิดก็เป็นครูอยู่กับตัว ดีหรือชั่วขอให้ฉันได้ทำงาน
จากตัวอย่างของบุคคลสำคัญต่างๆในระดับโลกและระดับประเทศ ท่านจะเห็นได้ว่าบุคคลเหล่านี้มีผลงานมากมาย อีกทั้งยังได้รับตำแหน่งต่างๆ มากมาย บุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีเวลามากไปกว่าพวกเรา แต่ทุกๆคนในโลกนี้มีเวลาเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง หรือ 1 วัน แต่การใช้เวลาต่างหากที่ทำให้เกิดสิ่งที่แตกต่างกัน จึงอาจกล่าวได้ว่า ความสำเร็จของบุคคลสำคัญของโลกของประเทศ ปัจจัยหนึ่งเกิดจาการบริหารเวลานั้นเอง
เมื่อท่านสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่านจะได้ประโยชน์มากมาย เช่น
1.ท่านจะมีเวลามากขึ้น
2.สุขภาพร่างกายและจิตใจท่านจะดีขึ้น
3.มีผลงานมากขึ้นทั้งทางด้านคุณภาพและปริมาณ
4.การตัดสินใจต่างๆของท่านจะดีขึ้น
5.ชีวิตท่านจะมีความสุขมากขึ้น
6.การดำเนินชีวิตและการทำงานของท่านก็จะเรียบง่ายขึ้น
ฉะนั้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตและการทำงาน การบริหาร
เวลาจึงเป็นเรื่องหนึ่งที่ควรศึกษา เรื่องรู้ ปรับปรุง พัฒนา และลงมือทำ







...
  
หมิ่นประมาททั่วไป
หมิ่นประมาททั่วไป
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 326 ระบุว่า “ ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือ ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ”
ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 326 เราสามารถแยกองค์ประกอบของความผิดได้ดังนี้
1.ใส่ความ
2.ผู้อื่น
3.ต่อบุคคลที่สาม
4.โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้น( เสียชื่อเสียง,ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง)
5.โดยเจตนา
ซึ่งจะขออธิบายในรายละเอียดแยกเป็นข้อๆ ดังนี้
1.ใส่ความ จากพจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน โดย นายมานิต มานิตเจริญ ได้ให้ความหมายของคำว่า “ ใส่ความ ” หมายถึง “ กล่าวหาเรื่องร้ายให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย” ซึ่งอาจจะกระทำโดยทางคำพูด ทางการเขียน หรือ ทางการโฆษณา ก็ได้ (ทั้งนี้ อาจไม่ต้องได้รับโทษ ถ้าพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริง และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ตามมาตรา 330)
หมายเหตุ: มาตรา 330 “ ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดพิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน )
2.ผู้อื่น คำว่าผู้อื่นในที่นี้คือ ผู้ที่เสียหายหรือผู้ที่ถูกใส่ความ จะเป็นบุคคล องค์กร หน่วยงาน นิติบุคคล กลุ่มคน ก็ได้
3.ต่อบุคคลที่สาม ถ้าเป็นการด่ากันตรงๆ ทำให้เสียหาย กันเพียง 2 คน จะไม่เข้าความผิดฐานหมิ่นประมาท เพราะจะไปเข้าความผิดฐานดูหมิ่น ฉะนั้น ถ้าจะเข้าความผิดฐานหมิ่นประมาท จะต้องกระทำผิดต่อหน้าบุคคลที่สาม อีกทั้งบุคคลที่สาม ต้องเข้าใจข้อความที่ใส่ความด้วย แต่ถ้าเป็นคนต่างประเทศที่ไม่รู้ภาษาไทย เด็กเล็กๆที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง คนหูหนวก ก็ไม่ถือว่าเป็นบุคคลที่สาม
4.โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้น( เสียชื่อเสียง,ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง)
องค์ประกอบข้อนี้
เสียชื่อเสียง หมายถึง ทำให้สูญเสีย ความน่าเชื่อถือ เสียคุณค่า ทำให้ขายหน้า ต่อบุคคลหรือประชาชนในสังคมที่อาศัยอยู่
ถูกดูหมิ่น หมายถึง ถูกเหยียดหยาม ถูกสบประมาท ถูกดูแคลน ถูกทำให้เห็นว่าเป็นคนเลว
ถูกเกลียดชัง หมายถึง ทำให้ผู้อื่นไม่ชอบจนขนาดไม่อยากพบเห็น
5.โดยเจตนา
ผู้กระทำผิดต้องทำ “ โดยเจตนา” กล่าวคือ ต้องทำด้วยความตั้งใจ ความจงใจ หรือมีความมุ่งหมาย เพื่อให้คนอื่น เสียงชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง หากว่า ได้ทำไปโดยขาดเจตนาแล้ว ถือว่าไม่เป็นความผิด
ทั้งนี้ หากว่าต้องการทำความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น ขอให้ผู้อ่านลองเข้าไปดูแนวฏีกา ที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นประมาททั่วไป ก็จะทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
...
  
อบรมศิลปะการพูด
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " ศิลปะการพูดต่อหน้าที่ชุนชน " แก่ นิสิต
ณ ห้อง C101 พร้อมมีการฝึกปฏิบัติ ...
  
การเตรียมเพื่อพูด
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
จากประสบการณ์การเป็นวิทยากรหรือการเป็นพิธีกรของกระผม ผมมักให้ความสำคัญในการเตรียมการพูดค่อนข้างมาก เหมือนดังคนชกมวย ต้องมีการฝึกซ้อมชกทุกวัน พอถึงเวลาชกจริงจะได้มีแรงมีพลัง มีความคล่องตัวในการชกจริง หรือนักกีฬาที่ต้องการแข่งขันก็เช่นกัน ต้องมีการซ้อมอย่างเอาจริงเอาจัง ถึงจะประสบความสำเร็จ

คนที่อยากจะเป็นนักพูดก็เช่นเดียวกันกับนักกีฬา ต้องมีการฝึกฝนการพูดหรือการเตรียมตัว อยู่เป็นประจำ จึงจะประสบความสำเร็จในการขึ้นเวทีการพูด ทำให้การพูดคล่องขึ้น ไม่ติดขัด เวลาพูดสามารถจัดระเบียบความคิดได้อย่างเป็นลำดับขั้นตอน ไม่ประหม่าเวที (สำหรับท่านใดต้องการพูดคล่องขึ้น ไม่ติดขัด ท่านควรอ่านหนังสือออกเสียงหลายๆ เที่ยว)

ดังนั้นการเตรียมการพูดจึงมีความสำคัญเป็นอันมากจนกระทั่งมีผู้กล่าวไว้ว่า “ ผลสำเร็จในการพูดแต่ละครั้งมักขึ้นอยู่กับการเตรียมถึง 70-80 % อีก 20-30 % อยู่ที่การพูดบนเวที

จากบทความนี้ กระผมขอเขียนเรื่องของการเตรียมการพูด ซึ่งการเตรียมตัวที่ดีต้องมีองค์ประกอบดังนี้

1.ในการพูดแต่ละครั้ง เราต้องตั้งเป้าหมายของการพูดของเราเสียก่อน เช่น ในการพูดครั้งนั้น เราต้องการพูดเพื่ออะไร ซึ่งเป้าหมายของการพูดมีหลายประเภท เช่น พูดเพื่อให้กำลังใจ พูดเพื่อให้ความบันเทิง พูดเพื่อให้ข่าวสารข้อมูล และพูดเพื่อให้เกิดการกระทำขึ้น เมื่อระพำไราทราบวัตถุประสงค์แล้ว เราจึงมาเตรียมการพูด ทั้งเรื่องของเนื้อหา ลีลา ท่าทาง น้ำเสียง อารมณ์ในการพูด ฯลฯ

2.เตรียมเนื้อหา การพูดแต่ละครั้งเราจะต้องเตรียมเนื้อหา ว่าเราจะพูดประเด็นไหน ขึ้นต้นอย่างไร เนื้อหาอย่างไร สรุปจบอย่างไร สำหรับคนที่ฝึกพูดใหม่ๆ กระผมแนะนำให้เขียนเนื้อหาทั้งหมดลงในกระดาษ (ขึ้นต้น ต้อง ตื่นเต้น ตอนกลาง อนกลางื่นเต้น ารพูดคล่องขึ้น ไม่ติดขัด ท่านควรอ่านหนังสือออกเสียงหลายๆ เที่ยว่อท่านประสบความสำเร็จ เช่น ชื่อเสียง เงินทอง ตำแหน ต้อง กลมกลืน สรุปจบ ต้อง ประทับใจ) ถ้าเวลาในการพูดเขาให้เวลาน้อย เราก็ต้องนำเนื้อหาทั้งหมดนั้นมาย่อ แต่ถ้าเขาให้เวลามาก เราก็นำเรื่องที่เราเตรียมมาขยายความ

3.ฝึกซ้อมพูดคนเดียวหรืออาจมีคนฟังในการฝึกซ้อมพูดของเรา แต่ทางที่ดีควรให้ผู้ฟัง ฟังแล้วเสนอแนะ ข้อดี ข้อเสีย แก่เรา ว่าเราควรปรับปรุงการพูดอย่างไร สำหรับการฝึกพูด เราควรจับเวลาด้วย ผู้ฝึกใหม่ๆ ควรฝึกหัดพูดสัก 2-5 นาที ก่อน เมื่อฝึกพูดจนคล่องและเกิดความมั่นใจแล้ว จึงค่อยฝึกเพิ่มเวลาในการพูดขึ้น ยิ่งท่านฝึกพูดซ้อมพูดมากครั้งเท่าไร ก็จะทำให้การพูดของท่านดีขึ้นเท่านั้น

แต่เมื่อท่านฝึกแล้วเกิดความท้อใจ ขอให้คิดถึงผลประโยชน์ต่างๆ ที่ท่านจะได้รับเมื่อท่านประสบความสำเร็จ เช่น ชื่อเสียง เงินทอง ตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ความเป็นผู้นำในท้องถิ่น ท้องที่ หรือ เมือง ของท่าน

ศาสตราจารย์ วิลเลี่ยม เจมส์ นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้กล่าวว่า เราไม่จำเป็นต้องไปกังวลในการฝึกของเราเลย ขอให้เราฝึกไปเรียนไป อย่างสม่ำเสมอ ไม่หยุด แล้วในวันหนึ่งเราจะพบว่า เราไม่เป็นรองใครเลยในวงการที่เราฝึกไปเรียนไปนั้น บุคคลที่สำคัญในประวัติศาสตร์ ไม่มีอะไรแตกต่างจากคนธรรมดาเลย แต่บุคคลสำคัญเหล่านั้น เป็นคนเอาจริงเอาจัง ไม่เคยย่อท้อเท่านั้นเอง

ถ้าท่านเตรียมตัวดี แล้วฝึกซ้อมพูดคนเดียวสัก 3 ครั้ง ท่านจะพูดได้ดี แต่ถ้าท่านเตรียมตัวดี แล้วฝึกซ้อมการพูดคนเดียวสัก 6 ครั้ง ท่านจะเกิดความมั่นใจในการพูดมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าท่านซ้อมพูดคนเดียวมากเท่าไร ท่านก็จะพูดได้ดีเท่านั้น

การพูดที่ยาวเกินไป ส่วนใหญ่เกิดจากการคิดหรือการเตรียมตัวที่ไม่นานพอ

...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  [83]  [84]  [85]  [86]  [87]  [88]  [89]  [90]  [91]  [92]  [93]  [94]  [95]  [96]  [97]  [98]  [99]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.