หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
การพูดในชีวิตประจำวัน
การพูดกับการใช้ชีวิตประจำวัน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การพูดมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของคนเราทุกคนเป็นอย่างมาก เพราะการพูดคือรูปแบบของการสื่อสารที่ง่ายและทำความเข้าใจได้ชัดเจน มากกว่าการเขียน ไม่ว่าจะเป็นการสนทนากันระหว่างบุคคล การพูดต่อหน้าที่สาธารณะชน การพูดโดยผ่านเครื่องมือต่างๆเช่น โทรศัพท์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถพูดสื่อสารกันได้ ฯลฯ
การพัฒนาการพูดจึงมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน เรื่องของมนุษย์สัมพันธ์ ย่อมจะต้องใช้การสื่อสารทางการพูดทั้งสิ้น พวกเราคงไม่ปฏิเสธว่า คนที่มีความสามารถพูดเป็นที่ประทับใจของผู้ฟังมักจะได้รับความเคารพและศรัทธาจากคนฟัง พวกเราคงไม่ปฏิเสธว่า คนที่คุยสนุกสนานในกลุ่มสนทนามักจะมีคนชอบคุยด้วยมากกว่าคนที่เงียบขรึม พวกเราคงไม่ปฏิเสธว่าคนที่พูดแล้วสามารถชักจูงใจคนได้มักจะมีโอกาสเป็นผู้นำมากกว่าคนที่ไม่มีความสามารถในด้านนี้
ดังการพัฒนาทักษะการพูดจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากโดยเฉพาะการพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาจจะต้องมีการเรียนรู้พัฒนาทักษะด้านนี้ในมากขึ้น อาจจะหาเทคนิคต่างๆที่พูดแล้วคนชื่นชอบ ดังเช่น
- การจดจำชื่อของคนก็เป็นสิ่งสำคัญในการพูด เมื่อเราจำชื่ออีกฝ่ายหนึ่งได้ เราก็จะสามารถสร้างความ
ประทับใจอีกฝ่ายหนึ่งได้ในระดับหนึ่ง
- การกล่าวขอโทษ ขอบคุณ และสวัสดี เป็นสิ่งที่สมควรทำในสังคมไทย เพราะการกล่าวคำพูดเหล่านี้ ไม่ต้อง
ลงทุนด้วยเงิน ไม่เสียเงิน แต่ในทางกลับกันเรามักได้รับการชื่นชอบจากอีกฝ่ายมากขึ้น ขอโทษ ขอบคุณ และสวัสดี จึงเป็นคำพูดที่มีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง
- รู้จักชมคนอื่นๆบ้าง การชมคนอื่นๆ ในขณะที่เขาทำความดี จะทำให้ผู้รับเกิดความภาคภูมิใจ อีกทั้งตัวเราเอง
ผู้ชมก็จะเกิดความคิดในแง่ดีหรือความคิดในเชิงบวก ก็จะทำให้ชีวิตเราพบในสิ่งที่ดีมากยิ่งขึ้น การรู้จักชมหรือรู้จังหวะในการชมเป็นสิ่งสำคัญ การชมจะทำให้เขารู้สึกดีกับเราอยากพูดคุยกับเรา แต่ตรงกันข้าม หากว่าเราพูดจาดูถูกผู้อื่นหรือพูดจาไม่ดีกับเขา เขาก็คงไม่อยากพูดจากับเรา แต่ข้อควรระวังในการชมคือ ไม่ควรพูดจายกย่อง ชม อีกฝ่ายจนโอเวอร์หรือเกินความเป็นจริงมากเกินไป เพราะจะทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเราไม่มีความจริงใจ
- ต้องรู้จักจังหวะในการพูดคุย การพูดที่ดี ไม่ใช่ว่าเราจะเป็นฝ่ายพูดจนไม่หยุดแล้วอีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายฟัง
ตลอดของการสนทนา ตรงกันข้าม หลักการพูดสนทนาที่ดีควรเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดมากกว่าเรา และเราควรเป็นนักฟังที่ดี อีกทั้งไม่ควรพูดนินทาผู้อื่น การพูดคุยกันมีเรื่องให้พูดคุยกันตั้งเยอะแยะ แต่ธรรมชาติของมนุษย์เรา มักชอบนินทาผู้อื่น พอพูดไปสักพักก็มักจะมีการนินทาผู้อื่นในวงสนทนา ฉะนั้น หากต้องการเป็นที่ประทับใจของผู้ฟัง ควรงดการนินทาว่าร้ายผู้อื่น การงดการนินทาผู้อื่นจะทำให้มีคนอยากคบเราเป็นเพื่อนมากขึ้น อีกทั้งเป็นการชำระล้างจิตใจของเราให้สะอาดผ่องใส่ขึ้นด้วย
- ควรทักผู้อื่นก่อนแล้วหัดพูดคำพูดในเชิงบวกหรือประโยคดีๆให้มากขึ้น เช่น สบายดีไหมครับ ลูกๆเป็น
อย่างไรบ้าง ตัดผมทรงนี้ดูดีจัง สวยจัง ใส่ชุดนี้แล้วดูดีจังเลยครับ โอ้เก่งจังครับลูกชายของคุณเนี่ย ฯลฯ
- ควรงดเว้นหรือระวังคำพูดที่ไม่ดี ออกจากปาก เช่น ผมเก่งกว่าคุณอีก คุณใส่ชุดนี้ดูแย่จัง เรื่องง่ายๆขนาดนี้
ยังทำไม่ได้อีกหรือ คุณดูไม่ค่อยสบายเหมือนจะเป็นโรคหรือเปล่าเนี่ย ฯลฯ
- ควรหลีกเลี่ยง หัวข้อสนทนา ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งกัน เช่น เรื่องของศาสนา เรื่องของความเชื่อ เรื่องของ
สถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องของการเมือง ฯลฯ ซึ่งการสนทนากันในหัวข้อเหล่านี้ มักจะก่อให้เกิดความคิดเห็นที่แตกแยกขึ้นได้ เนื่องจากความคิด ความเชื่อของคนเรา มีความแตกต่างกันไป การจะจูงใจให้คู่สนทนาเชื่อตามจึงเป็นไปได้ยาก
ฉะนั้นการพูดในชีวิตประจำวัน จึงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ศึกษากัน เราตื่นขึ้นมา เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องพูดคุยกันแล้ว ไม่ว่ากับคนในครอบครัว เพื่อนที่ทำงาน การออกงานสังคม การพูดในห้องเรียน ฯลฯ คนที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ในหน้าที่การงาน จึงควรศึกษา เรียนรู้ เพิ่มเติมในแง่มุมเกี่ยวกับการพูด เพื่อที่จะนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมกับการดำรงชีวิต















...
  
การพัฒนาการบริการในหน่วยงานราชการ
การพัฒนาการบริการในหน่วยงานราชการ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
งานบริการเป็นงานที่ทุกหน่วยงานในปัจจุบันต่างให้ความสนใจและเอาใจใส่ ไม่ว่าจะเป็นห้างร้านบริษัท เอกชน ไม่เว้นแม้กระทั่งหน่วยงานราชการ ถึงแม้หน่วยงานราชการบางแห่งไม่มีคู่แข่งหรือผูกขาด ก็ยังให้ความสนใจในการอบรมเรื่องการให้บริการแก่ประชาชน เช่น สำนักงานที่ดินจังหวัดหลายแห่งได้เชิญกระผมไปเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของการให้บริการ
ซึ่งจากการวิจัยและสอบถามข้อมูลของประชาชน ประชาชนส่วนใหญ่อยากได้รับการบริการจากหน่วยงานราชการ ดังนี้
1. การพูดจา สุภาพ ไพเราะนิ่มนวล การพูดเป็นสิ่งที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว บุคคลที่ทำงานราชการ ไม่ทราบว่าปริมาณงานอาจมาก บางคนอาจจะมีความเครียดในการทำงานหรือเบื่อการทำงานเนื่องจากทำงานมานาน จึงได้พูดจา หรือขาดสติ โดยพูดจา ที่ขาดการสุภาพและไม่มีความไพเราะ ซึ่งแตกต่างกับบริษัทเอกชนใหญ่ๆ ที่พนักงานต่างก็พูดจา สุภาพ ไพเราะกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับหน่วยงานราชการบางแห่ง
2. การไม่ดูถูก เหยียดหยาม รังเกียจ ต้องยอมรับว่างานราชการส่วนใหญ่ต้องรับใช้หรือให้บริการแก่พี่น้องประชาชน ซึ่งประชาชนโดยเฉพาะต่างจังหวัดหลายแห่ง ที่อยู่ตามชนบทและอายุมากมักขาดการศึกษา บางคนอ่านหนังสือไม่ออก พูดจาก็ไม่ชัดและมีฐานะยากจน เลยทำให้ บุคคลที่ทำงานในหน่วยงานราชการ บางคน ดูถูก เหยียดหยาม รังเกียจ
3. ต้องการได้รับข้อมูลและให้คำแนะนำที่ถูกต้อง ประชาชนส่วนใหญ่ที่ไปสอบถามคำถามต่างๆกับหน่วยงานราชการ ส่วนใหญ่มักขาดข้อมูล ดังนั้น เมื่อประชาชนมีปัญหาจึงคาดหวังว่าจะได้ข้อมูลและคำแนะนำที่ถูกต้อง
4. แก้ไขปัญหา ประชาชนที่ไปรับการบริการของหน่วยงาน ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหา จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ ข้าราชการช่วยแก้ปัญหาให้
5. ถูกปฏิเสธ หลายหน่วยงานเมื่อประชาชนไปขอความช่วยเหลือมักถูกปฏิเสธ เลยทำให้ประชาชนที่ถูกปฏิเสธมักไม่ชอบการบริการ ดังนั้น หากเป็นไปได้ ผู้ให้การบริการในหน่วยงานราชการไม่ควรรีบปฏิเสธโดยทันที แต่ควรมีทางเลือกให้ประชาชนได้นำไปปฏิบัติหรือแก้ไขปัญหาให้เบาบางลง
สำหรับหัวใจในการบริการที่ดีแก่พี่น้องประชาชนในหน่วยงานราชการ ควรปฏิบัติดังนี้
1. การอำนวยความสะดวก ควรให้บริการด้วยความสะดวก รวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก
2. ต้องช่วยเหลือ เร่งรัด อธิบายให้ความกระจ่าง แก่ผู้ใช้บริการ
3. กระตือรือร้น ไม่เฉื่อยชา ในการให้บริการ
4. ยิ้มแย้มแจ่มใส ให้การต้อนรับขับสู้ในการให้บริการ
5. สำนึกว่า ลูกค้าหรือผู้รับบริการ คือผู้ที่มีบุญคุณหรือให้เราได้ทำงาน บางคนถึงกับพูดว่าลูกค้าคือพระเจ้า หรือ คำกล่าวว่า “Customer is the King” หรือ แม้แต่ มหาตมะ คานธี กล่าวว่า “ไม่ควรคิดว่าลูกค้าจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยธุรกิจเรา เราต่างหากที่ต้องพึ่งพาอาศัยลูกค้า
6. สร้างบรรยากาศให้มีความอบอุ่น สะดวก สบายในการให้บริการ
 ดังนั้นงานบริการจึงมีความสำคัญ ไม่เว้นแม้แต่หน่วยงานราชการ อีกทั้งการบริหารงานสมัยใหม่ มักให้ความสำคัญกับแนวคิดของการบริการ เช่น จาก Marketing สู่ Service , เน้นลูกค้าตลอดชีพ ไม่ใช่เพียงแค่ใช้บริการครั้งแรก , เน้นกระบวนการสร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกับลูกค้า , การบริการจึงเป็นจุดขายของธุรกิจยุคใหม่
 เพราะ ความหายนะมักเกิดขึ้นกับการบริการที่ไม่ดี กล่าวคือมีผู้ทำการสำรวจว่า ลูกค้าไม่พอใจในบริการ 1 คน จะบอกต่อถึง 78 คน แต่ถ้าบริการดี ลูกค้าพอใจจะบอกต่อ 1 คน ต่อ10 คน และจะกลับมาใช้ใหม่35%




...
  
คุณประโยชน์ของการอ่าน คือ หน้าต่างแห่งโลกกว้าง
คุณประโยชน์ของการอ่าน คือ หน้าต่างแห่งโลกกว้าง
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
เมื่อวันที่ 27 กรกฏาคม 2555 กระผมได้มีโอกาสไปบรรยายให้ความรู้กับ เจ้าหน้าที่ พนักงาน ผู้บริหารของ องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ดอกคำใต้และ บุคลากรของ มหาวิทยาลัยพะเยาบางส่วน ในหัวข้อ “ คุณประโยชน์ของการอ่าน คือ หน้าต่างแห่งโลกกว้าง” จัด ณ ห้องประชุมใหญ่ ของ องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ดอกคำใต้ ในโอกาสนี้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ กระผมจึงได้เขียนบทความฉบับนี้เพื่อเผยแพร่
เมื่อพูดถึงเรื่องการอ่านของสังคมไทย สังคมไทยมีนิสัยรักการอ่านโดยเฉลี่ยต่อคนน้อยมาก จากสถิติการอ่านหนังสือของคนไทยในปี 2554 ( อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2555 ) ประเทศเวียดนาม ประชาชนอ่านหนังสือเฉลี่ย 60 เล่ม ต่อปี , ประเทศสิงคโปร์ ประชาชนอ่านหนังสือเฉลี่ย 40-60 เล่มต่อปี และประเทศไทยของเรา ประชาชนอ่านหนังสือเพียง 2-5 เล่มต่อปีเท่านั้น
จากสถิติข้างต้นเราจะเห็นได้ว่า คนไทยอ่านหนังสือน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เพราะธรรมชาติของคนไทยมีนิสัยที่ชอบพูด ชอบฟัง มากกว่า ชอบอ่าน ชอบเขียน อีกทั้งในสังคมโลกยุคปัจจุบันมีสื่อที่ทันสมัยอีกมากมาย จึงทำให้การอ่านของคนไทยยิ่งน้อยลง เช่น มี VCD DVD อินเตอร์เน็ต ฯลฯ
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ได้เขียนในหนังสือของท่านว่า สังคมโลกแบ่งออกเป็น 5 ยุค ซึ่งประกอบไปด้วย ยุคที่ 1 ยุคของสังคมเกษตร คนที่มีที่ดินมากจึงถือว่าเป็นคนที่มั่งคั่งในยุคสังคมในสมัยนั้น ยุคที่ 2 ยุคสังคมอุตสาหกรรมเป็นยุคของการผลิต ใครผลิตได้มาก ใครตั้งโรงงาน ใครมีทุนมากถือว่าเป็นคนที่มั่งคั่ง ยุคที่ 3 เป็นยุคของข้อมูลข่าวสาร เป็นยุคของคนที่มีข้อมูลมากมักได้เปรียบคนมีข้อมูลน้อย ยุคที่ 4 เป็นยุคของความรู้ เป็นยุคที่ใครสามารถแปลงข้อมูลเป็นความรู้ได้คนนั้นได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ และยุคที่ 5 เป็นยุคของสังคมแห่งปัญญา กล่าวคือ ใครสามารถเอาความรู้มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาจะได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ
ดังนั้น การอ่านจึงมีความสำคัญอย่างมากในสังคมโลกยุคปัจจุบันและยุคอนาคต แต่เป็นที่น่าเสียดายที่สังคมไทยและคนไทยยังให้ความสำคัญกับการอ่านน้อยมาก
สำหรับคุณประโยชน์ของการอ่านนั้น มีมากมาย เช่น
1.การอ่านทำให้เกิดความคิด คนที่อ่านหนังสือมากมักจะเป็นนักคิด อีกทั้งการอ่านยังทำให้เราสามารถคิดใคร่ครวญมากกว่าการฟัง เพราะการฟังเราไม่สามารถหยุดฟังคนพูดได้ เราต้องฟังจนจบ แต่การอ่านหนังสือ เมื่อเราอ่านแล้วเกิดคำถาม หรือข้อสงสัย เราสามารถหยุดอ่านบรรทัดนั้นได้แล้ว คิดต่อว่าสิ่งที่เราอ่านนั้นใช่หรือไม่ใช่ เป็นจริงหรือไม่เป็นจริง ตามที่ผู้เขียนได้เขียนไว้
2.การอ่านช่วยในการสร้างสมาธิได้ดี คนที่อ่านหนังสือมักเป็นคนที่มีสมาธิ การอ่านจึงเป็นวิธีในการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง เป็นการฝึกสมาธิที่ได้ทั้งองค์ความรู้ ความคิด ข้อมูลข่าวสารในเวลาเดียวกัน
3.การอ่านช่วยในการพัฒนาตนเอง คนที่อ่านหนังสือมากมักเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ ชอบที่จะพัฒนาตนเอง การอ่านจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการพัฒนาตนเองเพื่อให้เกิดทักษะต่างๆอย่างมากมาย
4.การอ่านช่วยให้เกิดการเพลิดเพลิน บางคนเมื่อทำงานเหนื่อย เกิดความเบื่อหน่ายในการทำงาน การอ่านหนังสือ ตลก หนังสือบันเทิง หนังสือนิยาย จะช่วยให้เกิดการเพลินเพลินได้อีกวิธีหนึ่ง
5.การอ่านช่วยในการสร้างแรงบันดาลใจ คนที่ประสบความสำเร็จมักชอบอ่านหนังสือ การอ่านหนังสือทำให้เขาเกิดความคิด เกิดแรงบันดาลใจ เกิดความมานะที่จะต่อสู้สิ่งต่างๆ โดยเฉพาะ การอ่านหนังสือประเภท ชีวประวัติบุคคลสำคัญของโลก
เมื่อเราเห็นประโยชน์ของการอ่านหนังสือแล้ว แต่ถามว่าทำไมคนไทยจึงไม่ชอบอ่านหนังสือ อาจเป็นเพราะ หลายคนคิดเรื่องเกี่ยวกับหนังสือไม่ถูกต้อง เช่น เมื่ออ่านหนังสือมากๆ กลัวถูกคนล้อว่า เป็น “ หนอนหนังสือ” หรือ “ อ่านหนังสือแล้วเครียด” อีกทั้งบรรยากาศในการอ่านก็มีส่วนช่วยในการอ่านหนังสืออีกด้วย การปรับปรุงห้องสมุด จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะเป็นเครื่องมือในการช่วยให้คนไทยเกิดนิสัยรักการอ่านเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นคุณประโยชน์ของการอ่าน จึงเป็นการเปิดหน้าต่างให้เราพบโลกที่กว้างขึ้น เราสามารถรู้วัฒนธรรม ประเพณี ความเป็นอยู่ เรื่องราวของประเทศต่างๆ ของคนอีกซีกโลกหนึ่งก็ด้วยการอ่าน จงอ่านหนังสือมากๆ แล้วชีวิตของท่านจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

...
  
บรรยาย องค์ประกอบของการขายที่ประสบความสำเร็จ
บรรยายให้แก่ นักธุรกิจเครือข่าย เรื่อง " องค์ประกอบของการขายที่ประสบความสำเร็จ " ...
  
7 C เพื่อการสื่อสารที่ดี
7 C เพื่อการสื่อสารที่ดี
โดย..ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
การสื่อสารของมนุษย์มีความสำคัญและมีความจำเป็นมากในการอยู่ร่วมกัน เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคม กล่าวคือ มีการอยู่ร่วมกัน มีการช่วยเหลือกัน มีการแบ่งงานกันทำ ดังนั้น การสื่อสารไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารด้วยคำพูด การเขียน การใช้ท่าทาง จำเป็นจะต้องมีการพัฒนา ในบทความนี้ขอนำเสนอเรื่อง “7 C เพื่อการสื่อสารที่ดี”
C ที่ 1 Clear ชัดเจน การสื่อสารไม่ว่าจะด้วยการพูด การเขียน จะต้องเป็นการสื่อสารที่มีความชัดเจน เรียบง่าย เมื่อสื่อสารออกไปแล้ว ผู้รับสารต้องมีความเข้าใจที่ชัดเจนเช่นเดียวกับผู้ส่งสาร
C ที่ 2 Concise มีความกระชับ การสื่อสารที่ดีไม่จำเป็นจะต้อง เขียนหรือพูด ยาวๆหรือต้องปริมาณมากๆ แต่การสื่อสารที่ดี ไม่ว่าการพูดหรือการเขียน ควรพูดหรือเขียนให้มีความสั้นกระชับ
C ที่ 3 Correct มีความถูกต้อง เป็นสิ่งที่ผู้ส่งสารควรพิจารณา และตรวจสอบก่อนที่จะส่งสารออกไป ว่าสารที่ผู้ส่งสารต้องการจะสื่อสารออกไป เป็นข้อมูลข่าวสารที่มีความถูกต้องชัดเจนหรือไม่ หากไม่ถูกต้องควรแก้ไขให้ถูกต้องก่อนที่จะส่งสารออกไป
C ที่ 4 Courteous มีความสุภาพ พอเหมาะ พอสมควร สารที่ส่งออกไปควรเป็นไปด้วยความสุภาพ พอเหมาะ พอสมควร ไม่มากไปหรือน้อยเกินไป ทั้งนี้การสื่อสารเป็นทั้ง ศาสตร์คือเรียนรู้ได้ และเป็นทั้งศิลป์ กล่าวคือ ประยุกต์ใช้ได้ ผู้ส่งจึงต้องรู้จักการวิเคราะห์สถานการณ์และต้องรู้จักวิเคราะห์ผู้รับสาร
C ที่ 5 Concrete สื่อให้มีความสร้างสรรค์ การสื่อสารที่ดีควรสื่อไปในลักษณะการสร้างสรรค์มากกว่าการทำลายกัน เพราะการสื่อสารในด้านบวกมักจะทำให้ผู้รับสารชื่นชอบมากกว่า การส่งข่าวสารออกไปในด้านลบ
C ที่ 6 Consider พิจารณาว่าการสื่อสารนั้นสามารถเป็นที่เชื่อถือสำหรับผู้รับสารหรือทำให้ผู้รับสารคล้ายตามด้วยหรือไม่ เพราะการสื่อสารหากต้องการได้รับความร่วมมือจากผู้รับสาร สารที่ส่งออกไปและผู้ส่งจะต้องทำให้ผู้รับสารเชื่อถือ ยอมรับเสียก่อน
C ที่ 7 Complete มีความสมบูรณ์ครบถ้วน การสื่อสารที่ดี สารที่ส่งควรมีความครบถ้วนสมบูรณ์เสียก่อน ที่จะส่งออกไปยังผู้รับสาร ดังนั้น ผู้ส่งควรต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์มากที่สุด
สำหรับการนำเสนอ ผู้ส่งสารควรนำเสนอด้วยบุคลิกภาพดังนี้
1. ใช้ท่าทางประกอบการพูดอย่างเป็นธรรมชาติ
2. มีการยืนและนั่ง อย่างสง่า อย่างเชื่อมั่นในตนเอง
3. น้ำเสียงมีความชัดเจน แจ่มใส
4. สีหน้า ใบหน้า ต้องแสดงให้มีความเหมาะสมกับเรื่องที่พูด
5. การแสดงบุคลิกควรแสดงให้มีความกระตือรือร้น
ทั้งนี้ การสื่อสารที่ดี เป็นทั้ง ศาสตร์และศิลปะ กล่าวคือ เป็นศาสตร์ ท่านสามารถเรียนรู้ เข้ารับการอบรมได้
อ่านหนังสือได้ และเป็นทั้ง ศิลปะ กล่าวคือ ท่านสามารถประยุกต์หรือนำไปใช้ได้ ซึ่งแต่ละคนอาจมีความสามารถในการนำไปประยุกต์ใช้ที่แตกต่างกัน ทั้งนี้แล้วแต่ สถานการณ์ การรู้จักวิเคราะห์ผู้ฟัง เงื่อนเวลา สถานที่ ความต้องการของผู้รับสาร เป็นต้น

...
  
เขียนสู่อิสระภาพ
เขียนสู่อิสระภาพ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
งานเขียนเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่เราสามารถ ถ่ายทอดประสบการณ์ ถ่ายทอดความคิด ถ่ายทอดความรู้สึก ถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ตลอดจนถ่ายทอดจินตนาการ ของเราไปสู่ผู้อ่านได้
งานเขียนจึงเป็นงานที่เราสามารถใช้ความคิดอย่างเป็นอิสระและสามารถปลดปล่อย สิ่งต่างๆที่ได้กล่าวมาในข้างต้น
การเขียนมีประโยชน์มากกว่าที่คิด
1.เป็นการฝึกสมาธิ หลายคนชอบนั่งสมาธิ แต่ถ้าหากใครที่ไม่ชอบนั่งสมาธิ กระผมขอแนะนำให้เขียนหนังสือครับ เพราะงานเขียนทำให้เรามีสมาธิ หลายครั้งที่เราต้องพบกับความวุ่นวาย สับสน หากเราได้ใช้เวลาดังกล่าว ในการลงมือเขียนอะไรบางอย่าง ก็จะทำให้จิตใจของเราสงบนิ่งลงอย่างรวดเร็ว
2.เป็นการเผยแพร่ความรู้ ให้กำลังใจผู้อื่น นักเขียนมักมีความสุขและมีความสนุก เมื่อได้ลงมือเขียนเรื่องราวต่างๆ ผ่านตัวอักษรเพื่อให้ผู้อ่านได้รับความรู้และได้รับกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต บทความ เรื่องราวจากผู้เขียน ทำให้ผู้อ่านได้อ่านแล้วมีความรู้สึกมีกำลังใจและได้รับความรู้แง่มุมใหม่ๆเพิ่มขึ้น
3.เป็นการฝึกระบบความคิดอย่างเป็นระบบ การคิดอย่างเป็นระบบช่วยให้เราประสบความสำเร็จเร็วขึ้นและหลายอาชีพจะต้องใช้ความคิดในการแก้ไขปัญหา เช่น ผู้บริหารมักจะต้องตัดสินใจ หากใครมีระบบคิดที่ดีกว่าก็ย่อมตัดสินใจได้ถูกต้องและรวดเร็วกว่า
4.เป็นการสร้างผลงานฝากไว้ให้แก่โลก นักเขียนเป็นจำนวนมาก แม้ตัวเองตายไปหลายร้อยปีแล้ว แต่ก็ยังมีชื่อเสียงโด่งดัง คนจดจำได้ ก็เนื่องจากเขามีผลงานผ่านหนังสือต่างๆมากมายนั้นเอง
5.เป็นการสร้างรายได้ งานเขียนทำให้เราได้รับรายได้ หลายคนร่ำรวยจากการเขียนหนังสือขายนักเขียนบางคนร่ำรวยจนการเป็นมหาเศรษฐีเลยก็มี เช่น เจ.เค.โรว์ลิ่ง นักเขียนชาวอังกฤษ เขียนเรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์ ขายลิขสิทธิ์จนร่ำรวยมหาศาล
6.เป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเองและวงค์ตระกูล หลายคนคงได้อ่านผลงานหนังสือต่างๆของ พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ท่านเขียนหนังสือเกือบ 200 เล่ม หลายเล่มทำให้ท่านมีชื่อเสียงโด่งดัง
7.เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้รับตำแหน่งวิชาการ ครู ตามโรงเรียน อาจารย์ ในมหาวิทยาลัย ในการขอตำแหน่งทางวิชาการ ทางราชการมักจะกำหนดให้มีผลงานโดยผ่านข้อเขียน เช่น งานวิจัย , เอกสารประกอบการสอน , ตำรา , บทความทางวิชาการ , หนังสือ เป็นต้น
8.เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ทำให้ เป็นคนพูดเก่ง บางคนเป็นพูดเก่งแต่เขียนไม่เก่ง บางคนเขียนเก่งแต่พูดไม่เก่ง แต่คนที่เป็นนักพูดหรือนักเขียนที่เก่งๆ มักจะทำทั้งสองอย่างได้เป็นอย่างดี เพราะทั้งสองอย่างเป็นเรื่องของการสื่อสาร การใช้ภาษา การใช้ถ้อยคำ หากว่าใครเขียนเก่ง ก็มักมีโอกาสเลือกใช้ภาษาในการพูดได้มากกว่าคนที่เขียนไม่เก่ง
นี่คือประโยชน์ของงานเขียน สำหรับงานเขียนจะทำให้เราพบอิสรภาพอย่างไร หากว่าท่านอยากรู้ ท่านคงต้องลองทดลองดู โดยวิธีการ เขียน เขียนและเขียน เขียนให้บ่อยขึ้น เขียนให้สม่ำเสมอขึ้น เขียนอย่างต่อเนื่อง แล้วท่านจะเป็นคนที่หนึ่งที่ได้พบกับความคิดและความรู้สึกที่เป็นอิสรภาพอย่างแท้จริง
...
  
กฎแห่งความสำเร็จ
กฎแห่งความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มักจะต้องมีหลักการหรือมีกฎเกณฑ์ประจำตัวบางอย่าง ซึ่งหลักเกณฑ์หรือกฎเกณฑ์ ที่แต่ละคนยึดถือคงมีแตกต่างกันไป แต่ก็มีอยู่หลายๆ กฎที่บุคคลส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จยึดเหมือนกัน ก็มีอยู่หลายกฎเกณฑ์ เช่น
1.การวางเป้าหมาย หากว่าท่านผู้อ่านลองสังเกตบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่เขามักมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต หรือหากท่านผู้อ่านได้มีโอกาสไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาแห่งความสำเร็จ การวางเป้าหมายเป็นสิ่งหนึ่งที่หนังสือเหล่านั้นได้กล่าวถึง ไม่ว่าหนังสือของ นโปเลียน ฮิลล์ หนังสือของเดล คาร์เนกี้ หนังสือของ Anthony เป็นต้น
2.ความเชื่อมั่นในตนเอง เป็นความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง บุคคลที่มีความสมบูรณ์ทางด้านร่างกายแต่ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง สู้คนที่มีความบกพร่องพิการแต่มีความเชื่อมั่นในตนเองไม่ได้ ซึ่งความเชื่อมั่นท่านสามารถพิชิตได้ เคยมีนักปราชญ์กล่าวว่า วิธีการสร้างความเชื่อมั่นง่ายนิดเดียวคือ “ จงทำในสิ่งที่ท่านกลัว แล้วเมื่อนั้นความกลัวในสิ่งนั้นก็จะตายจากท่านไป” ดังนั้น เมื่อกลัวสิ่งไหนก็ขอให้เราเข้าหาสิ่งนั้น ท่านก็จะเกิดความเชื่อมั่นในตนเองขึ้นมา
3.นิสัยการทำงานเกินเงินเดือน คนที่ประสบความสำเร็จเป็นจำนวนมาก มักทำงานมากกว่าคนธรรมดาทั่วๆไป เพราะการทำงานมากกว่าคนอื่น บุคคลคนนั้นก็จะมีโอกาสเรียนรู้งานมากกว่าคนอื่น การทำงานมากกว่าเงินเดือน เป็น “ กฎแห่งการตอบแทนทวีคูณ” และเป็นนิสัยของบุคคลที่ประสบความสำเร็จฝึกปฏิบัติ
4.ความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์และการเป็นผู้นำ บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนมาก มักเป็นคนที่มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มีความกล้าในการเป็นผู้นำของตนเองและผู้อื่น บุคคลเหล่านี้มักเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงโลก หรือเป็นบุคคลที่สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกับโลก ดังเช่น สตีฟ จอบส์ , บิล เกตส์ เป็นต้น
5.นิสัยประหยัดอดออม บุคคลที่ประสบความสำเร็จหรือบุคคลที่เป็นมหาเศรษฐี มักเป็นคนที่มีนิสัยประหยัดอดออม ซึ่งแตกต่างกับนิสัยสุรุ่ยสุร่าย ทำให้เกิดหนี้สิน ทำให้เกิดการสูญเปล่า การสร้างนิสัยประหยัดอดออม จะทำให้ท่านหนีพ้นจากชีวิตการทำงานหนัก และชีวิตการทำงานที่ไร้อิสรภาพ อันเนื่องจากท่านมีเงินสะสมในการดำเนินชีวิตในอนาคต อีกทั้งไม่มีหนี้สินให้เกิดการผ่อนชำระอีกด้วย
6.ความล้มเหลว ในที่นี้หมายถึง ความพ่ายแพ้ชั่วคราว บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ล้มเหลวหรือพ่ายแพ้ชั่วคราว มาก่อน ฉะนั้นจงอย่ากลัวความล้มเหลวหรือความพ่ายแพ้ชั่วคราว หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จ
7.บุคลิกภาพที่ดี บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักมีบุคลิกภาพที่ดี การมีบุคลิกภาพที่ดีไม่ได้หมายความว่า บุคคลนั้นจะต้องแต่งกายหรือมีเครื่องใช้ราคาแพง แต่บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักเป็นที่ประทับใจของผู้คน ที่ได้พูดคุยหรือสัมผัสด้วย
8.ความมุ่งมั่นจดจ่อที่เป้าหมาย คนที่ประสบความสำเร็จ มักเป็นคนที่จดจ่อกับเป้าหมาย ทำอะไรทำจริง ไม่เป็นคนที่ทิ้งกลางคัน แต่เขาจะคิดถึง เป้าหมายทุกลมหายใจ
กฎแห่งความสำเร็จ ในโลกนี้อาจจะมีมากกว่านี้ แต่กฎข้างต้นนี้ เป็น กฎที่ บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ได้ใช้และปฏิบัติกัน และหากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ จงศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติ ท่านก็จะเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จได้
...
  
สร้างจิตวิญญาณเพื่องานเขียน
สร้างจิตวิญญาณเพื่องานเขียน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
หลายคนอยากที่จะเป็นนักเขียน แต่ก็ไม่ยอมลงมือที่จะเขียน อีกทั้งยังมีข้ออ้างต่างๆนานา เช่น ไม่มีเวลา , ไม่มีอารมณ์ในการเขียน , เขียนไม่เก่ง , เขียนไม่ได้ เป็นต้น แต่แท้ที่จริงแล้ว คนที่จะเป็นนักเขียนมืออาชีพ หรืออยากจะยึดอาชีพนักเขียน มีความจำเป็นจะต้องสร้างจิตวิญญาณ
การสร้างจิตวิญญาณในการเขียนหนังสือมีความสำคัญมาก เพราะการสร้างจิตวิญญาณในการเขียนจะทำให้เราอยากที่จะเขียนหนังสือทุกๆวัน
เราจะสร้างจิตวิญญาณในการเขียนได้อย่างไร
-เริ่มต้นที่ความรักหนังสือ รักการอ่าน บ่มเพาะความรักหนังสือ จนชีวิตนี้ขาดหนังสือไม่ได้ หากว่าเรารักหนังสือ เรามักที่จะไปหาหนังสือเพื่อที่จะอ่าน ตามแหล่งต่างๆ หากไม่มีเงินก็ไปหาหนังสืออ่านตามมหาวิทยาลัย โรงเรียน ห้องสมุดประชาชน ฯลฯ แต่หากว่ามีเงินซื้อหนังสือ ก็สามารถไปซื้อหนังสืออ่านได้ที่ร้านขายหนังสือทุกแห่ง โดยเฉพาะงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ส่วนใหญ่จัดที่ศูนย์สิริกิต์ปีละ 1-2 ครั้ง ก็จะมีหนังสือลดราคาให้เราเลือกกันมากมาย
-เมื่อมีความรักแล้ว ที่นี่ก็พยายามเขียน พยายามหัดเขียนทุกๆวัน เขียนเป็นกิจวัตร เหมือนกับว่าเราทำกิจกรรมนั้นๆเป็นประจำ เช่น ทานข้าว,แปรงฟัน,อาบน้ำ ฯลฯ เขียนทุกวันจนกระทั่งติดเป็นนิสัยและเป็นธรรมชาติในที่สุด เพราะงานเขียนคือทักษะที่เราต้องสะสมและต้องฝึกฝนด้วยตนเอง อีกทั้งต้องใช้เวลาในการฝึก ไม่เหมือนกับการสะสมสิ่งของ หากว่าเรามีเงินเราก็สามารถหาซื้อสิ่งของมาสะสมได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่งานเขียนถึงแม้มีเงินมาก ก็ไม่สามารถซื้อได้ นอกจากต้องฝึกฝนด้วยตนเอง
-มีความฝัน หลายคนใช้ความฝันเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนให้ทำงานเขียนได้เพิ่มขึ้นและพัฒนาขึ้น เช่น ฝันอยากเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ, ฝันอยากร่ำรวยเงินทองจากการเขียนหนังสือขาย,ฝันว่าอยากเป็นที่รู้จักของผู้คนโดยผ่านงานเขียนฯลฯ จึงทำให้เขามีพลังที่จะเขียนหนังสือให้ได้มากขึ้น
-จงสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ตนเองและจงสร้างความกระหายอยากในการที่จะเขียนตลอดเวลา เราอาจหารูปนักเขียนที่เราชื่นชอบตัดเก็บไว้ดูหรือคำคมเตือนใจของบรรดานักเขียนโดยการจดไว้อ่านเตือนใจเรา เวลาที่เราท้อแท้จากงานเขียนของเรา และจงสร้างความกระหายความอยากที่จะเขียนหนังสือตลอดเวลา ฝันถึงมัน คิดถึงมัน แล้วลงมือเขียน เขียนดีบ้าง เขียนไม่ดีบ้างไม่เป็นไร แต่ขอให้เขียนทุกๆวัน งานเขียนของท่านก็จะพัฒนาขึ้นในที่สุด
ฉะนั้น การสร้างจิตวิญญาณเพื่องานเขียน มีความสำคัญมาก เพราะหลายคนไม่มีใจให้แก่งานเขียน เขาก็จะขาดการทุ่มเทเวลา ทุ่มเทจิตใจ ทุ่มเทพลัง ให้กับงานเขียน และหากว่าท่านเขียนจนมีผลงานออกมาเป็นเล่มขายในท้องตลาดแล้ว กระผมมีความเชื่อว่า จิตวิญญาณที่จะอยากเขียนของท่านก็จะเพิ่มมากขึ้น และผู้คนก็จะรู้จักท่านมากยิ่งขึ้น
...
  
ความสำคัญในการเป็นนักพูด
ความสำคัญในการเป็นนักพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
1.บุคคลที่พูดเก่ง มักเป็นที่นิยมของบุคคลโดยทั่วไป ซึ่งบุคคลผู้นั้นจะต้องได้รับการฝึกฝน ให้มีคำพูดที่ครบเครื่อง เช่น มีวาทศิลป์ มีอารมณ์ขัน มีหลักวิชาการ มีการอ้างอิง มีเหตุผล มีท่าทางที่สง่า มีน้ำเสียงที่ชวนฟัง รวมถึงบุคลิกภาพ ฯลฯ
2.การเป็นนักพูดจะทำให้เป็นนักค้นคว้า นักวิจารณ์ นักวิเคราะห์ นักคิด นักสังเกต สิ่งเหล่านี้จะทำให้ช่วยเพิ่มพูนปัญญาบารมีและสามารถนำไปใช้ในการพูดได้อีกด้วย
3.ทำให้เกิดความทะเยอทะยานอยากดัง อยากมีชื่อเสียง อยากเป็นที่รู้จักของผู้อื่น เมื่อต้องการเช่นนี้แล้ว ก็จะทำให้เกิดการปรับปรุงตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุคลิกภาพ การพูด ท่าทาง การเพิ่มระดับการศึกษา
4.ทำให้เป็นผู้มีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี เมื่อมีปัญหาก็สามารถตอบโต้ได้โดยทันที ไม่ต้องใช้เวลาคิดที่นาน และจะสามารถหาทางออกของปัญหาได้อย่างถูกต้อง
5.การพูดเก่ง ยังทำให้ท่านได้มีตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งทางด้านการเมือง ตำแหน่งทางด้านวิชาการ ตำแหน่งในงานบริหารงาน ดังบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศและต่างประเทศ เช่น ฮิตเล่อร์ มุสโสลินี ลินคอล์น นายควง อภัยวงศ์ นายชวน หลีกภัย นายสมัคร สุนทรเวช เป็นต้น
6.การพูดเก่ง ทำให้ท่านสามารถเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น เช่น นักขายหากได้มีการฝึกฝนการพูดก็จะทำให้ท่านขายสินค้าได้ดีขึ้น
7.ได้เพื่อนเพิ่มมากขึ้น การพูดเก่ง การพูดเป็น มักเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน ทำให้ผู้คนอยากรู้จัก อยากให้ความช่วยเหลือ
ดังนั้น เมื่อท่านทราบความสำคัญของการเป็นนักพูดแล้ว ท่านเองก็สามารถเป็นนักพูดที่ดีได้ เพียงแต่ท่านต้องมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า มีเป้าหมาย มีการฝึกฝน มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพราะความสามารถในด้านการพูดเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าวิชาการที่หลายหลากจากตำรับตำรา บุคคลที่พูดเก่งจึงเป็นบุคคลที่สามารถก้าวหน้าไปสู่ความสำเร็จได้เร็วกว่าคนที่พูดไม่เก่ง พูดไม่เป็น
...
  
อิทธิบาท 4 สู่การเป็นนักพูด
อิทธิบาท 4 สู่การเป็นนักพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
www.drsuthichai.com
อิทธิบาท 4 คือ อะไร อิทธิบาท 4 คือ หลักคำสอนของพุทธศาสนา ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงาน การเรียน การดำเนินชีวิตได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งความต้องการในการเป็นนักพูด หลักอิทธิบาท 4 มีดังนี้
1.ฉันทะ ได้แก่ความมุ่งมั่นปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จในการเป็นสิ่งใดก็ตามที่ตนเองต้องการจะเป็น เช่น หากท่านอยากเป็นนักพูด ท่านจะต้องมี ฉันทะ คือ มีความมุ่งมั่นปรารถนาอย่างแรงกล้าเสียก่อนในความอยากเป็นนักพูด และหากจะให้ดี ควรหาแบบอย่างว่าตนเองต้องการเป็นนักพูดแบบใครหรือใครคือต้นแบบ ก็จะทำให้ท่านได้แนวทางมากขึ้น เช่น บางคนอยากเป็นนักพูดทางการเมืองแบบคุณสมัคร สุนทรเวช ท่านก็ควรนำเทปหรือคำพูดคุณสมัคร สุนทรเวช มาศึกษามาเรียนรู้บ่อยๆ หรือ หากท่านต้องการเป็นนักพูดประเภททอล์คโชว์ เหมือนอาจารย์นักพูด (อ.จตุพล,อ.สุขุม,อ.สุรวงค์,อ.ถาวร ฯลฯ) ท่านก็ควรหา VCD ขอนักพูดเหล่านี้มาฟังมากๆ บ่อยๆ ก็จะทำให้ท่านมีไฟมีความปรารถนาเพิ่มมากขึ้น
2.วิริยะ ได้แก่ความพยายามพากเพียร บากบั่น อดทนในการฝึกซ้อม ในการศึกษาเรียนรู้ การฝึกฝน ในการเป็นนักพูด ต้องมีการฝึกซ้อมหลายเวที บางเวทีอาจประสบความสำเร็จ บางเวทีอาจล้มเหลว ฉะนั้น บุคคลที่ต้องการเป็นนักพูดจึงต้องมี วิริยะ คือ ความเพียรพยายาม ดังตัวอย่างเช่น “เดมอส เทนิส” นักพูดชื่อดังในอดีต ท่านถูกหัวเราะถูกด่า จากสภาในการพูดในรัฐสภาว่าเป็น คนพูดที่ขาดซึ่งวาทศิลป์ มีการใช้ท่าทางประกอบที่น่าเกลียด ซึ่งสร้างความอัปยศอดสูแก่ตัวท่านและครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง แต่ท่าน “เดมอส เทนิส” ไม่ยอมแพ้ ท่านได้ใช้ วิริยะ คือความพากเพียร ท่านไปเก็บตัวเงียบ แล้วฝึกซ้อมอยู่ริมชายทะเลอยู่ตามลำพัง โดยการอ่านสำนวนโวหารดังๆบ้าง โดยการฝึกพูดด้วยตนเองบ้าง จนในที่สุด เขาถูกรัฐสภาปรบมือให้เกียรติในการพูดของเขา เป็นต้น
3.จิตตะ ได้แก่ จิตใจจดจ่อ เอาใจใส่ต่อเป้าหมายที่วางเอาไว้ บุคคลที่ต้องการเป็นนักพูดบางท่าน จดจ่อถึงขนาดนอนหลับฝันว่าตนเองกำลังพูดบนเวที หรือบางคนใช้จินตนาการว่าตนเองกำลังไปพูดบนเวทีใหญ่เลยก็มี และที่สำคัญที่สุด ท่านจะต้องมีการฝึกพูดด้วยตนเอง ซึ่งหมายถึงในหนึ่งวันหรือ 24 ชั่วโมง ท่านจำเป็นจะต้อง แสวงหาความรู้ แสวงหาข้อมูล และต้องมีการเตรียมตัว ต้องมีการฝึกซ้อมอยู่เสมอๆ เพื่อให้เกิดความชำนาญแคล่วคล่องในการนำไปพูดจริง โดยไม่ต้องมีการคิดให้มากนักในเวลาพูด
4.วิมังสา ได้แก่ การหมั่นพิจารณาไตร่ตรอง ถึงสิ่งที่ตนเองกำลังฝึกฝนหรือกระทำลงไป
ว่าควรแก้ไขปรับปรุง พัฒนาอย่างไร เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายในการเป็นนักพูดของตนเอง ซึ่งหากว่าเป้าหมายในการเป็นนักพูดของท่านอยู่ในระดับต่ำแค่เป็นนักพูดในระดับหมู่บ้าน ท่านก็อาจมีการปรับปรุงแก้ไข พัฒนาง่ายหน่อย แต่หากว่าเป้าหมายในการเป็นนักพูดของท่านอยู่ในระดับประเทศ แน่นอนการแก้ไขปรับปรุงการพูดของท่านก็คงต้องมีการทุ่มเท พัฒนา ปรับปรุงตนเองอย่างหนักหนาและจริงจังตามไปด้วย
อิทธิบาท 4 จึงเป็นหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ที่ควรนำไปใช้ในการเป็นนักพูด และหลักการนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการเป็นนักพูดทุกระดับ
ข้อสำคัญก็คือ หากว่าเกิดความผิดพลาด ผิดหวัง ท้อแท้ ขอให้ท่านอย่าได้ ท้อถอย ขอให้คิดเสียว่า “ คนที่ไม่ได้ทำผิดพลาดอะไรเลย ก็คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนั่นเอง” (
Do no wrong is do noting)


...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.