หน้าแรก
เกี่ยวกับเรา
ข่าวสาร
สินค้า
บริการ
แกลลอรี
เว็บลงค์
เว็บบอร์ด
ติดต่อเรา

บริการ

 รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
 บทความต่างๆ ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 สุนทรพจน์ของนักการเมือง
 บทความเกี่ยวกับการขายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับกฏหมายของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 บทความเกี่ยวกับการเขียนของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
 นักพูดทางการเมือง
 หนังสือ การพูด
 บทความต่างๆ ของนักพูด
 ประวัตินักขาย
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการขาย
 วาทะของคนดัง
 ประวัติ ทนายความ
 ประวัติอาจารย์นักพูด
 คลิปเสียงภาพ เกี่ยวกับกฏหมาย
 วิธีการสู่ความสำเร็จ
 บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
 การบริการด้วยหัวใจ
 ผู้บริหาร
 Mind Map แผนที่ความคิด(หนังสือทางด้านการพูด)
 แนะนำหนังสือการเขียน
 ประวัตินักเขียน
 คลิปนักพูด
 แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์
 คลิป นักพูดต่างประเทศ
 คลิป ประกอบการบรรยาย
 คลิปเสียงของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ เกี่ยวกับการพูด เช่น นักพูดชั้นนำทำกันอย่างไร , วิธีการปรับปรุงน้ำเสียง ,จะพูดให้ได้ดีต้องมีการเตรียมตัว,นักพูดที่ดีต้องมีการศึกษาและองค์ประกอบของนักพูดที่ดี
 คลิป ครูเคท บรรยาย
 คลิป หมู่บ้านพลัม
 สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
 สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
 พูดอย่างมีกึ๋น
 หนังสือ การทำงานเป็นทีม
 แนะนำหนังสือ เกี่ยวกับการทำงาน
 ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
 คำคม
 รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล
 สมชาย หนองฮี
 ดร.ผาณิต กันตามระ
 อ.อุสมาน ลูกหยี
 อาจารย์จตุพล ชมภูนิช
 วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์
 รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ
 หมอพงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา
 อาจารย์พนม ปีย์เจริญ
 อาจารย์เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
 รศ.วิกรณ์ รักษ์ปวงชน
 อาจารย์วิชัย ปีติเจริญธรรม
 ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
 กนกศักดิ์ ลิขิตไพรวัลย์
 อาจารย์ถาวร โชติชื่น
 สิริลักษณ์ ตันศิริ
 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
 โต้วาที
 คะเณยะ อ่อนนาง
 ภก. ดร. ประชาสรรค์ แสนภักดี
 ประดิษฐ์ กิตติฤดีกุล
 ดร.โอภาส กิจกำแหง
 ประมวลสุนทรพจน์ ทักษิณ ชินวัตร
 ดร.อภิชาติ ดำดี
 อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
 การตลาด
 ทอล์คโชว์
 รวมคลิป ที่เกี่ยวกับการพูดต่อหน้าที่ชุมชน
 คลิป เรื่องการบริหาร
 คลิป บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ
 เพลง ที่ให้กำลังใจ
 คลิป ดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีความสุข
 คลิป แรงบันดาลใจ
 คลิป สนุกๆ สร้างสรรค์
 การทำงานอย่างมีความสุข
 การจัดการองค์ความรู้ KM
 สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย

กลุ่มสินค้า

 หลักสูตร พลังแห่งการพูด
 หลักสูตร พลังแห่งการบริการ
 หลักสูตร การทำงานเป็นทีมและการบริหาร
 หลักสูตร พลังแห่งการสื่อสาร
 ผลงานหนังสือ
 หลักสูตร พลังแห่งการขายและการตลาด
 หลักสูตร การทำงานด้วยหัวใจ
 อาเซียน
 หลักสูตรอื่น
 หลักสูตร การคิด
 มอบหนังสือ เพื่อการกุศล
Custom Search
สถาบัน Cap vision
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ
 
 
  บริการ
รับงานบรรยายในหัวข้อต่างๆ
บทความต่างๆ  ของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการพูดของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
บทความเกี่ยวกับการบริหารของดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
หนังสือ การพูด
สุนทรพจน์ JFK เคเนดี้
สุนทรพจน์ของลินคอล์นที่เก็ตตีสเบอร์ก
พูดอย่างมีกึ๋น
ท่านสามารถ ดาวน์โหลด ไหล์ PDF แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการพูดได้
สมชาย หนองฮี
อ.พิษณุ สกุลโรมวิลาศ
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย
   บริการ ทั้งหมด
เทคนิคในการเรียนพูดภาษาอังกฤษ
เทคนิคในการเรียนพูดภาษาอังกฤษ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ปัจจุบัน ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมาก ใครที่เก่งภาษาอังกฤษย่อมสร้างโอกาสและมักจะได้เปรียบคนอื่นๆ ไม่จะเป็นเรื่องของหน้าที่การงาน การติดต่อสื่อสาร โอกาสในการสอบชิงทุนการศึกษาเพื่อไปต่างประเทศหรือการสอบไปดูงาน ต่างประเทศ หรือทำวิจัย ทดลอง ค้นคว้า ในต่างประเทศ ซึ่งจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในสอบแข่งขัน
ยิ่งปัจจุบันประเทศไทย ได้เข้าสู่ AEC หรือ Asean Economics Community คือการรวมตัวของชาติใน Asean 10 ประเทศ. ได้แก่ ไทย พม่า ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา บรูไน. ซึ่งมีข้อตกลงกันว่าให้ใช้ภาษาอาเซียนในการติดต่อสื่อสารกัน ซึ่งภาษาอาเซียนก็คือภาษาอังกฤษนั่นเอง
สำหรับบทความนี้ กระผมมีเทคนิคในการเรียนพูดภาษาอังกฤษให้ได้ผล มาฝากกัน คือทำอย่างไรถึงจะพูดภาษาอังกฤษได้ ทั้งนี้จะสังเกตดูว่า ประเทศไทยของเรา เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงเรียนในมหาวิทยาลัย แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เทคนิคในการเรียนพูดภาษาอังกฤษให้ได้ผลมีดังนี้
1. ฟัง ฟัง ฟัง คือ ฟังภาษาอังกฤษให้มากๆ ฟังทุกๆวัน ฟังในทุกที่ที่โอกาสอาจจะฟังครั้งละ 5 นาที 10 นาที 15 นาที ฟังในทุกสถานที่ เช่น เวลาอาบน้ำ ก็เปิดภาษาอังกฤษฟัง เวลาเดินออกกำลังกายก็ใช้หูฟัง ฟังภาษาอังกฤษไปด้วย ถ้าทำได้เช่นนี้ เราจะสามารถฟังภาษาอังกฤษสะสมได้วันละอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ทีเดียว
2. ฟังซ้ำไป ซ้ำมา ให้เกิดการจดจำและเกิดทักษะในการเข้าใจภาษาอังกฤษมากขึ้น เช่นเราฟังนิทานภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ เราฟังครั้งแรกเราอาจจะไม่เข้าใจ 100 % เราอาจจะเข้าใจเพียง 30% แต่ถ้าเราฟังครั้งที่ 2 เราอาจจะจำเรื่องราวได้ชัดเจนขึ้น และความเข้าใจก็จะเพิ่มขึ้นจาก 30%เป็น 35% และถ้าเราฟังครั้งที่ 3,4,5,6,7,8,9,10…………เ ราก็จะยิ่งเข้าใจเรื่องราวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนถึง 100 %
3. ฟังเรื่องที่ง่ายๆไปหาเรื่องที่ยากๆ เช่น ฟังนิทานสำหรับเด็กก่อน เพราะใช้คำศัพท์ที่ง่าย ถ้าเราเริ่มต้นจากการฟังข่าวภาษาอังกฤษซึ่งมีศัพท์ที่ยากหรือมีศัพท์เฉพาะเยอะ เราก็อาจจะเรียนรู้ได้ช้าลง เหมือนกับการยกน้ำหนัก เราควรที่จะเริ่มจากน้ำหนักที่น้อยก่อนแล้วเพิ่มจำนวนน้ำหนักขึ้นไปทีละนิด ถ้าเราเริ่มจากการยกน้ำหนักที่มีน้ำหนักมากเราก็จะยกมันไม่ไหว
4. ฟังเรื่องราวที่สามารถนำเอาไปใช้ในการสนทนาภาษาอังกฤษได้จริงๆ ไม่ควรฟังหรืออ่านหนังสือ ตำรา เรียนซึ่งไม่สามารถช่วยทำให้เราสนทนาภาษาอังกฤษได้ดี เพราะในตำราเรียนเป็นรูปแบบที่ตายตัว แต่ในความจริงเราสามารถตอบได้หลายคำตอบ เช่น คนที่ 1 Good morning.How are you? คนที่ 2 I am fine. Thank you and you. คนที่ 1 I am fine.ประโยคพวกนี้พวกเราคงฟังกันคุ้นหูเนื่องจากอยู่ในหนังสือเรียนภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่แต่ในความเป็นจริง เราสามารถตอบได้หลายคำตอบ เช่น คนที่ 1 Good morning.How are you? คนที่ 2 I am good. I am sick. I am great.I am very well today. I am tired. I am hungry.I am not so good today.เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าท่านอยากพูดอังกฤษได้ ท่านจะต้องฟังภาษาอังกฤษให้มาก เพราะการพูดมาจาก
การฟัง เมื่อท่านฟังภาษาอังกฤษได้หรือรู้ว่าเขาพูดอะไร ท่านก็จะเข้าใจและท่านก็จะเริ่มขยับปากพูดได้ทีละนิดทีละหน่อย เมื่อท่านฟังภาษาอังกฤษเข้าใจได้ระดับหนึ่ง ขั้นต่อไปกระผมแนะนำให้เริ่มอ่านภาษาอังกฤษ เพราะจะทำให้เรารู้ศัพท์เพิ่มมากขึ้นและทำให้เราพูดภาษาอังกฤษได้ดียิ่งขึ้น
การอ่านภาษาอังกฤษก็ใช้หลักการเดียวกันกับการพูดก็คือ อ่านทุกเวลาที่มีโอกาส อ่านซ้ำไป
ซ้ำมาหลายๆรอบ(ซึ่งสิ่งที่เราฟังและซึ่งที่เราอ่านควรเป็นเรื่องที่เราชอบ) อ่านจากหนังสือที่ง่ายๆไปหนังสือที่ยาก(เช่นอ่านนิทานสำหรับเด็กก่อน ไม่ควรอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษก่อนในระยะที่ฝึกฝนใหม่ๆ) และไม่ควรอ่านหนังสือเรียน หนังสือตำราเรียนภาษาอังกฤษ(เพราะพวกเราอ่านมากแล้วในโรงเรียนในมหาวิทยาลัยแต่ก็ลืมไปเกือบหมด) ควรอ่านหนังสือจำพวกนิทานหรือหนังสือที่ช่วยทำให้การพูดภาษาอังกฤษได้ดี
...
  
การอ้างวาทะคนดังในการพูด
การอ้างวาทะคนดังในการพูด
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
“จงอยู่อย่างกระหาย และทำตัวให้โง่เขลาอยู่เสมอ”(Stay Hungry , Stay Foolish) เป็นคำพูดของสตีฟ จอบส์
“คุณจะเห็นอุปสรรคเป็นสิ่งที่น่ากลัว ก็ต่อเมื่อคุณ....ละสายตาจากเป้าหมาย” เป็นคำพูดของเฮรี ฟอร์ด
“ความยิ่งใหญ่ของคน อยู่ที่ขนาดของความฝันของเขา” เป็นคำพูดของ บัณฑิต อึ้งรังสี
การพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟัง โดยใช้คำคมของคนดังหรือบุคคลที่มีชื่อเสียง มีความจำเป็นและมีความสำคัญมากในการพูดแต่ละครั้ง หากท่านได้มีโอกาสใช้คำคมเหล่านี้ประกอบการพูดก็จะทำให้การพูดของท่านมีรสชาติ มีความไพเราะ อีกทั้งทำให้ชวนติดตาม ดังนั้น การสะสม วาทะคนดังไว้มากๆ เพื่อนำไปใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ในการพูดต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นนักพูด
ส่วนใหญ่วาทะคนดัง มักเป็นคำพูดที่คนดังได้ใช้เวลาคิดปกติมักเป็นข้อความสั้นๆ แต่กินใจความลึกซึ้ง เมื่อได้ฟังแล้วนำไปคิดต่อก็มักจะขยายความไปได้อีกมากมาย ซึ่งวาทะคนดังมีมากมาย หลายภาษา หลายชนชาติ หลายวัฒนธรรม ซึ่งคนเป็นนักพูดควรนำไปใช้ให้เหมาะสม ถูกกาลเทศะ ก็จะสร้างความศรัทธาให้เกิดขึ้นแก่ผู้ฟังได้
สำหรับสิ่งที่ควรระวังในการใช้วาทะคนดังในการอ้างอิงในการพูด
1.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะคนดังมากจนเกินไป การใช้วาทะคนดังประกอบการพูดเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ก็ไม่ควรให้มีมากจนเกินไป เพราะการใช้วาทะคนดังมากจนเกินไป จะทำให้ผู้ฟังแทนที่จะเกิดความศรัทธา กลับทำให้เรื่องที่พูดเกิดความน่าเบื่อได้ เปรียบเทียบเหมือนผู้หญิงใส่แหวน หากว่าใส่เป็น ใส่แค่ 1-2 วงก็ทำให้บุคลิกภาพดูดีแล้ว แต่หากใส่ 10 วง ทุกนิ้วหรือมากจนเกินไป ก็จะดูแล้วเป็นตัวตลกมากกว่า ยิ่งใส่มากก็จะทำให้คุณค่าของแหวนและบุคลิกภาพของผู้ใส่ด้อยลงไปด้วย
2.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะที่คร่ำครึ หรือ เก่าเกินไป ไม่ทันสมัย อีกทั้งมีคนใช้บ่อยมากจนดูเป็นวาทะที่ปกติธรรมดา เช่น การอวยพรงานแต่งงาน เรามักจะได้ยินหลายคนอวยพรว่า “ ขอให้ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ”
3.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะ ที่ผิดกาลเทศะ เช่น สถานการณ์ ที่มีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ผู้โต้เถียงมักใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เราดันไปใช้คำคมว่า “ คนเราจะใหญ่ แค่ไหนก็เล็กกว่าโลง” ไม่แน่เราอาจจะได้ลงโลงเร็วกว่าปกติ
4.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะ ที่ไม่ชัดเจน วาทะคนดังหลายวาทะ ที่ไม่ชัดเจน เมื่อนำเอาไปใช้ประกอบการพูดก็จะทำให้ผู้ฟัง งง สับสน ได้ เพราะอย่าว่าแต่ผู้ฟังสับสนเลย ผู้พูดก็ยังสับสนกับวาทะนั้น อีกทั้งยังไม่เข้าใจกับวาทะที่นำเอาไปอ้างอิงด้วย เช่น ไม่กร้าวแต่ยืนยันหนักแน่น
5.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะที่ยาวจนเกินไป การใช้วาทะที่ยาวจนเกินไป ทำให้ผู้พูดบางคนถึงกับต้องก้มลงอ่านวาทะนั้น อีกทั้งทำให้ผู้ฟังไม่สามารถจดจำวาทะนั้นได้ ฉะนั้น การใช้วาทะที่สั้น กระฉับ จะดึงดูดความสนใจและสร้างการจดจำได้มากกว่าเมื่อนำเอาไปใช้ประกอบการพูด
6.หลีกเลี่ยงการใช้วาทะที่ไม่ตรงกับเรื่องราวที่นำไปพูด วาทะคนดังมีหลากหลาย เมื่อเรานำเอาไปใช้ก็ควรนำไปใช้ให้เหมาะสมกับเรื่องที่พูด เช่น เขาให้พูดเรื่องของการแต่งกาย ก็ควรใช้วาทะเกี่ยวกับการแต่งกายประกอบการพูด “คำโบราณได้กล่าวไว้ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” ไม่ควรใช้วาทะที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่อง การแต่งกาย “ ลิ้นเพียงสองนิ้ว ขงเบ้งยกเมืองให้กับเล่าปี่ได้ ” ซึ่งไม่มีความเกี่ยวพันธ์กับเรื่องการแต่งกายเลย เป็นต้น
อีกทั้งการใช้วาทะคนดังประกอบการพูดที่ดี เราควรที่จะต้องอ้างอิงว่าคำพูดดังกล่าวเป็นของผู้ใด เพื่อมารยาทในการนำเอาไปใช้ประกอบการพูด สำหรับแหล่งข้อมูลต่างๆ ของวาทะคนดังในยุคปัจจุบันนี้มีมากมาย กว่าในอดีต เพราะยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร เราสามารถค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต เราสามารถซื้อหนังสือวาทะคนดังตามร้านขายหนังสือต่างๆ เราสามารถฟังและจดบันทึกจากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการพูดในอนาคตของเรา
คำพูดเหน็บแนมที่เฉียบแหลมรุนแรงย่อมเชือดเฉือนได้ลึกกว่าคมอาวุธ(คติฝรั่งเศส)


...
  
โต้วาที โลกนี้ไม่ควรมีวันวาเลนไทน์
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพิษณุโลก เป็นกรรมการและผู้เสนอแนะ ในรายการ U-Debate ของสถานีโทรทัศน์ VOICE TV ในญัตติ โลกไม่ควรมีวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่าง มหาวิทยาลัยกรุงเทพและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ...
  
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
โดย....ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ท่านผู้อ่านทุกท่านครับ ถ้าหากว่าพวกเราย้อนหลังไปในอดีต สิ่งมหัศจรรย์ ทั้งหลายในโลก ล้วนแล้วแต่ ถูกมนุษย์ สร้างขึ้น ประดิษฐ์ขึ้น คิดค้นขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น ดาวเทียม คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์สี โทรศัพท์มือถือ ในยุค 50 ปีก่อน ไม่มี เดี๋ยวนี้มี
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน F 16 ยานอาวกาศ จรวด ในอดีตไม่มี แต่ปัจจุบันมี
สิ่งต่างๆถูกมนุษย์สร้างขึ้น พัฒนาขึ้น ประดิษฐ์ขึ้น คิดค้นขึ้น
ในอดีต “ ใครๆ ก็บอกว่านกเท่านั้นที่บินได้ ” แต่ด้วยน้ำมือของ 2 พี่น้องตระกูลไรค์ เครื่องบินลำแรกถูกสร้างขึ้น
ในอดีต “ ใครๆ ก็บอกว่า มนุษย์ไม่สามารถวิ่งได้ระยะทาง 1 ไมล์ น้อยกว่า 4 นาที ” และแล้วโรเจอร์ แบนนิสเตอร์ ก็เป็นมนุษย์คนแรกที่วิ่งได้ ในเวลาต่อมาก็มีคนอีก 10 คน 100 คน 1,000 คน 10,000 คน 100,000 คนวิ่งได้
ในอดีต “ ใครๆก็บอกว่า มนุษย์ไม่มีวันเหยียบดวงจันทร์ได้ ” และแล้ว นีล อาร์มสตรอง เป็นมนุษย์คนแรกในโลกที่ได้ลงไปเหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรก
ท่านผู้อ่านที่รักทั้งหลายครับ ท่านจะเห็นได้ว่า สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ จากความคิด ความฝัน การลงมือทำ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆจึงเกิดขึ้น
นโปเลียน ฮิลล์ อดีตที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐ 3 สมัย กล่าวไว้ว่า “ ถ้าหากท่านคิดว่า ท่านทำได้ ท่านจะทำได้ แต่ถ้าหากท่านคิดว่า ท่านทำไม่ได้ ท่านก็จะทำไม่ได้” ความคิดเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ ถ้าคุณเปลี่ยนความคิด ชีวิตของคุณเปลี่ยน
บุคคลส่วนใหญ่ในโลกนี้ ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะพวกเคยชินกับความคิดเดิมๆ ความคิดเล็กๆ ความคิดที่ว่า “ทำไม่ได้ “ “ฉันไม่กล้า” แล้วเราจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร
เรา จนไม่ใช่เพราะพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์ แต่เป็นเพราะ เราไม่เคยคิดที่จะรวย
เรา ไม่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เพราะ เทวดา นางฟ้า พระอินทร์ แต่เป็นเพราะเราไม่เคยคิดที่จะประสบความสำเร็จต่างหาก
“ อันใครเล่า กำหนดชีวิตข้า ใช่เทวาดาดฟ้า อะไรหนา
ตัวข้านี้กำหนด มันมา ชั่วดีหนาเกิดจากกรรม ข้าทำเอง”
ฉะนั้นหนทางไปสู่ความสำเร็จนั้นจะว่ายาก มันก็ยาก จะว่าง่ายมันก็ง่าย จะว่าไกลมันก็ไกล จะว่าใกล้มันก็ใกล้ ดังเช่น ระยะทาง จากกรุงเทพถึงภูเก็ต ใครที่คิดว่าไกลมันก็ไกล ใครที่คิดว่าใกล้ มันก็ใกล้ แต่ระยะทางที่ไกลกว่านั้น ก็คือความคิดของคุณต่างหาก
“ ฉันแก่เกินไป” ผู้พันแซนเดอร์ส ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่หลังเกษียณอายุ 60 ปี เขาได้เริ่มทำธุรกิจร้านเคนตั๊กกี้ฟรายด์ชิกเก้นหรือ KFC เขาจึงประสบความสำเร็จภายหลังเกษียณอายุ
“ ฉันเด็กเกินไป” ไมเคิล แจ็คสัน ประสบความสำเร็จกลายเป็นนักร้องชื่อดังในขณะที่เขาเพิ่งออกจากโรงเรียนอนุบาล และด้วยความคิดอย่างผู้ประสบความสำเร็จในที่สุด “เขาคือ ราชาเพลงป๊อบของโลก”
“ ฉันมีการศึกษาน้อย” โธมัส อัลวา เอดิสัน เขาเรียนหนังสืออย่างเป็นทางการได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น แต่เขาก็เป็นนักประดิษฐ์เอกของโลก ซึ่งเขามีสิทธิบัตรเกือบ 1,300 ชิ้น
“ ฉันมันโง่” อัลเบิรต์ ไอนสไตน์ สมัยเด็กๆ เขาเป็นคนพูดช้า ชอบฝันกลางวัน จนครูที่สอนเขากล่าวหาเขาว่า เป็นเด็กที่ผิดปกติ และแล้วในเวลาต่อมา คนทั้งโลกได้ยอมรับเขาว่า เขาคืออัจฉริยะบุคคล เขาคือผู้คิดทฤษฏีซึ่งก่อกำเนิดปรมณู
“ ฉันมันคนขี้คุก” เนลสัน แมนเดลา นักโทษทางการเมืองที่ติดคุกยาวนานที่สุดของโลกคนหนึ่ง เขาติดคุกนานถึง 25 ปี แต่สุดท้ายเขาคือ ประธานาธิบดีของอาฟริกาใต้ ในขณะที่อายุ 76 ปี
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ความคิดของคุณ หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ ความคิดของคุณต้องชัดเจน ความฝันของคุณต้องชัดเจน มันจึงจะพาชีวิตของคุณไปสู่เป้าหมาย
ชาวประมงจะเดินเรือต้องมีเข็มทิศ คุณจะดำเนินชีวิตคุณจะต้องมีเป้าหมาย
เป้าหมายสามารถเปลี่ยนแปลงโลก เป้าหมายสร้างคนให้เป็นคน เป้าหมายสามาถควบคุมความคิด ควบคุมการกระทำ ควบคุมบุคลิก ให้คุณกล้าที่จะแสดงออก
คุณต้องกล้าคิด กล้าที่จะตั้งเป้าหมาย กล้าที่จะฝัน แล้วคุณจะเป็นเจ้าของมัน มันอยู่ที่ความคิดของคุณ ว่าคุณจะใส่อะไรเข้าไปในสมอง แล้วคุณต้องดูแลมัน คุณต้องรดน้ำพรวนดิน เพราะ ถ้าคุณไม่ดูแลความคิด ความฝันของคุณ แล้วใครจะดูแลให้คุณ
คนเป็นจำนวนมาก แลกชีวิต แลกร่างกาย แลกค่าตอบแทนกับสิ่งตอบแทนเล็กๆน้อยๆ แล้วคิดว่า “ ฉันทำได้แค่นี้” ฉันขายได้เท่านั้น ฉันทำรายได้เพียงเท่านี้ แต่จริงๆแล้ว เราสามารถทำรายได้ ได้โดยไม่มีขีดจำกัด
คนจำนวนน้อยคนร่ำรวยมัก Think Big หรือ คิดใหญ่ แต่คนจำนวนมากมัก Think small หรือ คิดเล็ก คิดเพียง 1 คิด ฝันเพียง 1 ฝัน ถ้าคุณจะคิดทั้งที ผมขอแนะนำคุณให้คิดใหญ่ๆ เมื่อคุณจะ ฝันทั้งที ทำไมคุณไม่ ฝันใหญ่
ฉะนั้น คุณจะเป็น นักขาย นักพูด นักการเมือง นักสื่อสารมวลชน นักการทูต คุณจะเป็น นักอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่ที่คุณ ถ้าคุณกล้าคิด ถ้าคุณกล้าฝัน ถ้าคุณกล้าตั้งเป้าหมาย คุณสามารถเป็นสิ่งนั้นได้



...
  
จะทำงานอย่างไรให้ก้าวหน้า
จะทำงานอย่างไรให้ก้าวหน้า
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
คนเราทุกคนเกิดมาแล้วต้องทำงาน และเวลาที่เราใช้ในชีวิตการทำงาน เราใช้เวลาเป็นจำนวนมาก แล้วเราจะทำงานอย่างไรให้มีความก้าวหน้า สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน เขาจะมีปัจจัยที่ทำให้ตนเองก้าวหน้าดังนี้
1.ต้องรักงานที่ตนเองทำ รวมไปถึง รักเพื่อนร่วมงาน รักเจ้านาย รักองค์กร รักสถานที่ทำงาน เมื่อเขามีทัศนคติที่บวก เขาก็จะทำงานอย่างมีความสุข ขยันขันแข็งในการทำงาน แต่ในทางกลับกัน ถ้าเขาไม่รักงานที่ทำ ไม่รักเพื่อนร่วมงาน ไม่รักเจ้านาย ไม่รักองค์กร ไม่รักสถานที่ทำงาน เขาก็จะมีทัศนคติในทางลบ จึงทำให้เขาเกิดการเบื่อหน่าย ไม่มีความสุขที่ต้องทำงาน เกิดอาการที่ท้อแท้ หมดกำลังใจ เมื่อหนักๆ เข้าเขาก็พร้อมที่จะลาออกจากงานที่เขาทำ
แล้วมีคำถามว่า แล้วจะทำอย่างไรถึงจะมีทัศนคติให้มีความรักงานที่ทำ คำตอบคือ ท่านต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ ลองคิดว่างานให้อะไรแก่เราบ้าง เช่น งานทำให้เราได้ช่วยเหลือผู้อื่น งานทำให้เราได้สถานะภาพที่ดีขึ้น งานทำให้เราได้รับรายได้ งานให้เรามีคุณค่าในความเป็นคน งานทำให้เราได้ชื่อเสียง ฯลฯ
2.ต้องให้งานสอนเรา คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมากกว่าคนธรรมดา มักจะเป็นคนที่ทำงานมาก การทำงานด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน จึงทำให้เขาทำงานได้เก่งขึ้น ระหว่าง ครูสอน กับให้งานสอน ท่านผู้อ่านคิดว่า อย่างนั้นทำให้เราเก่งงานกว่ากัน แน่นอนครับ ให้งานสอนครับ ฉะนั้น เราจะสังเกตว่า คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะเป็นคนที่ขยันทำงาน ทำงานจนเกิดความเชี่ยวชาญ
3.ต้องมีความกระตือรือร้นในการทำงาน นักข่าวท่านใดมีความกระตือรือร้นในการหาข่าว มักจะได้ข่าวก่อน แต่นักข่าวคนใดเฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้น ก็มักจะหาข่าวได้ช้า ความกระตือรือร้นจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนทำงานแล้วประสบความสำเร็จ และพบกับความก้าวหน้า
4.ต้องมีความพยามยาม กัดไม่ปล่อย คนที่ประสบความสำเร็จในที่ทำงาน เขาจะเป็นคนทุ่มเท เขาจะไม่หยุดก่อนที่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่ เมื่อเจอปัญหาเพียงแค่ครั้ง สองครั้ง ก็จิตใจท้อแท้ ตรงกันข้ามกับคนที่ประสบความสำเร็จในระดับที่สูง เขาจะกัดไม่ปล่อย เช่น เอดิสัน กว่าจะคิดค้นหลอดไฟฟ้าได้ เขาต้องล้มเหลวถึง 1,000 ครั้ง เลยทีเดียว แต่คนส่วนใหญ่ พบกับความล้มเหลวเพียงไม่กี่ 10 กี่ 100 ครั้ง ก็เลิกล้มเสียแล้ว
5.ต้องมีสติในการทำงาน คนไม่มีสติ มักจะเกิดอาการสับสน หลายคนเมื่อออกจากบ้าน ก็คิดว่า ตัวเองลืมปิดไฟ ลืมปิดกุญแจ ลืมปิดน้ำ ก็เนื่องจากตนเองไม่มีสติ เช่นกัน ในการทำงานเราต้องมีสติ บางคน ทำงานแล้วเกิดข้อบกพร่องขึ้นในงาน ก็เนื่องจากความไม่มีสติ ฉะนั้น จงทำงานอย่างมีสติ แล้วก็จะไม่เกิดความเสียหายขึ้นภายในงาน ไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เกิดความสูญเสียต่างๆ
6.ต้องทำงานอย่างฉลาด หลายคนทำงานมาก ทำงานนาน แต่ไม่มีความก้าวหน้า สาเหตุเนื่องมาจาก เขาไม่ยอมที่จะเรียนรู้งานอะไรใหม่ๆ เขาไม่ยอมที่จะแก้ไข เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน เขาไม่คิดที่จะนำเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ในการทำงาน เช่น ไม่เรียนรู้ ไม่นำเอา เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ มาช่วยในการทำงาน
ดังนั้น หากท่านต้องการที่จะมีความก้าวหน้าในการทำงาน ท่านต้องรักงานที่ท่านทำ ท่านต้องให้งานสอนท่าน ท่านต้องมีความกระตือรือร้นในการทำงาน ท่านต้องมีความพยายาม ท่านต้องมีสติในการทำงานและท่านต้องทำงานอย่างฉลาด
...
  
เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน
เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
ที ฮาร์ฟ เอคเคอร์(T.Harv Eker) โค้ช ผู้ฝึกสอนเกี่ยวกับการเป็นมหาเศรษฐี นักพูด วิทยากร ชื่อดังระดับโลกชาวอเมริกา ได้เขียนหนังสือ เล่มหนึ่งชื่อ ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน (Secrets of the Millionaire Mind ) เขาได้เขียนแนวความคิดของเขาในหนังสือเล่มนั้นว่า
คนเราสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ได้จากการที่เริ่มเปลี่ยนความคิด โดยเขาเขียนว่า
“ ความคิด ทำให้เกิด ความรู้สึก ความรู้สึก ทำให้เกิด การกระทำ เมื่อเปลี่ยนการกระทำ ผลลัพธ์จึงเปลี่ยน”
อีกทั้งเขายังยกตัวอย่างเพิ่มเติมว่า สมมุติว่า เราได้ปลูกต้นไม้ขึ้นมาต้นหนึ่ง เช่น ต้นแอปเปิ้ล เมื่อต้นแอปเปิ้ล ออกผล แต่ผลแอปเปิ้ล เล็กมาก ไม่สมบูรณ์ เราสามารถเปลี่ยนลูกแอปเปิ้ลภายในต้นนี้ให้สมบูรณ์ได้ ก็ด้วยการ รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ไปที่ราก เพื่อให้ราก ส่งน้ำ ส่งอาหาร ส่งปุ๋ยไปยัง ลูกแอปเปิ้ล จึงทำให้ลูกแอปเปิ้ล สมบูรณ์
หากว่าเราต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิต เราต้องเปลี่ยนแปลงตรงความคิดของเราก่อน อีกทั้งเราควรให้ความสำคัญกับความคิดของตนเองก่อน เพราะสิ่งที่เรามองไม่เห็น มันอาจจะมีความสำคัญกว่าสิ่งที่เรามองเห็น ดังตัวอย่าง ลูกแอปเปิ้ล รากมีความสำคัญมาก แต่พวกเราส่วนใหญ่มองไม่เห็น แต่พวกเรากลับไปมองเห็นที่ตัวผลของมัน เช่นกัน ชีวิตของพวกเราเป็นเช่นนี้ เหตุที่ส่งผล ก็คือความคิดนั้นเอง
กบฝูงหนึ่ง ได้แข่งขันกันปืนต้นไม้ใหญ่ ปรากฏว่า กบทุกตัว ปีนขึ้นไปก็ตกลงมา อีกทั้งกบที่นั่งเชียร์อยู่ข้างล่างก็ต่างพากัน ส่งเสียง ว่า “ ตกลงมา ” “ ตกลงมา” “ตกลงมา” แล้วกบทุกตัวก็ตกลงมาจริงๆ ทำให้กบที่นั่งเชียร์อยู่ข้างล่าง ต่างพากันหัวเราะ ชอบใจเป็นการใหญ่ แต่ปรากฏว่า มีกบอยู่ 1 ตัว ที่ปีนขึ้นต้นไม้ใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งถึงจุดสูงสุด กบทุกตัวต่างนั่งงง ยืนงง เป็นการใหญ่ว่า กบตัวนี้ทำได้อย่างไร เมื่อกบตัวนั้นลงมา กบทุกตัวก็ต่างไปแสดงความยินดี แล้วถามเหตุผลว่า “ ทำไมถึงปีนได้” ผลปรากฏว่า กบตัวนั้น เป็นกบที่หูหนวกตั้งแต่กำเนิด ซึ่งกบตัวนั้น ไม่ได้ยินเสียง ด่า เสียงเชียร์ว่า “ ตกลงมา” “ตกลงมา” แต่กลับคิดว่า กบทุกตัวที่อยู่ข้างล่าง ส่งเสียงเชียร์ “ ขึ้นไปอีก ขึ้นไปอีก ขึ้นไปอีก ”
ท่านผู้อ่านได้อะไรจากเรื่องนี้ ในบางครั้ง เราคิดจะทำการณ์ใหญ่ แต่ไม่ประสบความสำเร็จก็เนื่องจากว่า เราอาจจะไปฟัง คำด่า คำพูด ที่เป็นลบ จากผู้คนรอบข้างของเรามากจนเกินไป จนทำให้เราเกิดความท้อแท้ใจ ฉะนั้น ในการทำงาน ในบางครั้งเราก็ควร หูหนวก บ้าง เพราะถ้าเราฟังคำพูดที่เป็นลบมากๆ ก็จะส่งผลทำให้เราเกิดความคิดที่ลบ แล้วความคิดที่ลบ นี่แหละที่จะส่งผลต่อความสำเร็จในการทำงานของเราได้
ถ้าผมถามผู้อ่านว่า “ท่านว่ายน้ำเป็นไหม” หลายคนบอกว่า “ ไม่เป็น” แต่ถ้าถามเหตุผล “ ว่าทำไม ถึงว่ายน้ำไม่เป็น” ผู้อ่านหลายคนจะต้องมีข้ออ้างต่างๆ นาๆ ว่า “ ไม่ได้ฝึก” “ กลัวจมน้ำ” “ อายไม่กล้าลงน้ำ” แต่ถ้าเราลองไปดูชีวิตของนาย นิก วูยิชิช เขาเกิดมาไม่มีแขนไม่มีขาทั้งสองข้าง แต่เขาสามารถว่ายน้ำเป็น เหตุผลที่เขาวาดน้ำเป็น เพราะภายในความคิดของเขา เขาไม่มีข้ออ้าง ว่า ทำไม่ได้ นั่นเอง
นาย นิก วูยิชิช เขาคิดว่า เขาทำได้ เขาจึงว่ายน้ำได้ ทั้งๆที่ไม่มีแขนไม่มีขาทั้ง 2 ขา ฉะนั้น ถ้าผู้อ่านอยากว่ายน้ำเป็น ความคิดของท่านจะต้องมีความเชื่อมั่นว่า ท่านทำได้ ท่านว่ายน้ำเป็นเสียก่อน แล้วท่านจะว่ายน้ำเป็นในที่สุด
สุดท้ายนี้ กระผมอยากเห็น การศึกษาของไทยเรา สอนให้เด็กคิดให้มากขึ้น เพราะการศึกษาในอดีตมักสอนให้ท่องจำ เช่น สมัยที่ผมเรียน ข้อสอบมักจะออกว่า “ กรุงศรีอยุธยาเสียกรุงเมื่อ พ.ศ.อะไร” ผมเองก็ต้องท่องจำ แสดงว่า ใครที่มีความจำดีมักเป็นเด็กที่ได้คะแนนดี แต่ทำไมเราไม่สอนให้เด็กคิดเป็น เช่น 4+4 = 8 ถ้าเราออกข้อใหม่ว่า 8=........+........... (8=7+1),(8=4+4),(8=2+6),(8=3+5),(8=8+0) เด็กๆก็จะสามารถคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
...
  
กล้าฝัน กล้าไล่ล่าฝัน
กล้าฝัน กล้าไล่ล่าฝัน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
บุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง พวกเขามักจะเป็นคนมีความฝัน และที่สำคัญพวกเขาจะเป็นนักไล่ล่าฝัน พวกเขาจะมีความพยายาม มีความอดทนที่มากกว่าคนทั่วๆไป เมื่อล้มเหลว พวกเขาจะไม่ล้มเลิก พวกเขาเคยผิดหวัง พวกเขาเคยท้อแท้ แต่พวกเขาก็ต้องสู้จนประสบความสำเร็จ
- จิม แคร์รีย์ ดารานักแสดงฮอลลีวู้ดได้ค่าตัวแพงที่สุดคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน กว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จถึงขั้นนี้ เขาต้องผ่านความเจ็บปวด เขาเคยเป็นดาราที่ตกอับ เขาเคยขับรถเก่าๆ เขาแทบจะไม่มีเงินติดตัว ครั้งหนึ่งมีคนเล่าว่า จิม แคร์รีย์ มีเป้าหมายว่าอีก 5 ปีข้างหน้าเขาจะได้ค่าตัวหรือค่านักแสดงนำจำนวน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (เรื่องนี้เกิดขึ้นปี ค.ศ.1990 ต่อมาอีก 5 ปี คือ ค.ศ.1995 เขาได้รับค่าตัวมากถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐ)
มีคนเคยถาม จิม แคร์รีย์ ว่า “ตอนแรกๆที่คุณเข้าวงการคุณได้ค่าตัวไม่กี่หมื่น กี่แสนเหรียญสหรัฐ ทำไมตอนนี้คุณถึงกล้าเรียกค่าตัวมากถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐ จิม แคร์รีย์ ตอบว่า “ กว่าผมจะกล้าเรียกค่าตัวขนาดนี้ ผมต้องผ่านการฝึกฝน อดทน ฝึกซ้อมบทต่างๆ มากกว่า ยี่สิบกว่าปี ผมถึงประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้)
- เฉินหลง หรือ เฉินกั่งเซิง เขาเรียนการเล่นงิ้ว เรียนมวยจีน เรียนกังฟู และการแสดงมาตั้งแต่เด็ก
เขาฝันอยากที่จะเป็นดารานักแสดง เขาต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาต้องเรียนภายในโรงเรียนเป็นเวลาสิบปี หลังจากนั้น เขาก็ได้ตระเวน แสดงกังฟู แสดงวิทยายุทธ์ แสดงงิ้ว ณ ที่ต่างๆ ทั่วประเทศจีนและต่างประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เฉินหลงก็เคยมาแสดงงิ้ว เมื่อตอนยังหนุ่มๆ และเมื่อเขาเข้าวงการแสดงภาพยนตร์ เขาต้องแสดงเป็นตัวประกอบ โดยรับจ้างเป็นนักแสดงคิวบู๊ ต้องทนเจ็บตัว และได้รับบาดเจ็บ จนกระทั่งเขาแจ้งเกิดในหนังเรื่องไอ้หนุ่มพันมือ ตามด้วยเรื่องไอ้หนุ่มหมัดเมา ต่อมาก็ได้รับความนิยมจากผู้ชมเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้น เฉิงหลงก็ได้เป็นดาราซูเปอร์สตาร์ระดับเอเชีย แล้วก้าวขึ้นเป็นดารานำในระดับโลก
หลายคนคงนึกอิจฉา เฉินหลง แต่ถ้าพวกเราลองวิเคราะห์ย้อนไปในอดีต เฉิงหลงต้องฝึกการแสดงต่างๆ ลำบาก อดอยาก อดทน ตั้งแต่อายุไม่ถึง 8 ขวบ และต้องฝึกฝนการแสดงต่างๆ อีกเป็นเวลา 10 ปี แล้วเป็นตัวประกอบ ฉะนั้น หากพวกเราใช้ความพยายามทำอะไร แค่ 2-3 ปี หรือ 6-7 ปี ความสำเร็จย่อมห่างไกลเป็นอันมากเมื่อเปรียบเทียบกับ เฉินหลง มีเรื่องเล่ากันว่า มีคนไปถาม เฉินหลงว่า เคล็ดลับแห่งความสำเร็จของคุณคืออะไร เฉินหลงตอบกลับไปว่า “ คือความพยายาม”
- วอลท์ ดีสนีย์ ราชา การ์ตูน วอลท์ ดีสนีย์ เขามีนิสัยชอบวาดภาพตั้งแต่เด็ก เมื่อ 5 ขวบ เขาเข้า
เรียนวิชาศิลปะในโรงเรียนเมืองชิคาโก กลางคืนก็ยังศึกษางานศิลปะ ต่อมาเขามีความฝันอยากทำหนังการ์ตูน จึงตั้งบริษัทสร้างหนังการ์ตูนขึ้น แต่ปรากฏว่าถูกพนักงานยักยอกเงินแล้วหลบหนีไป ทำให้เขาประสบปัญหาทางการเงินจนล้มละลาย
ต่อมาเขาได้หาเงินชำระหนี้หมด ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่ กล้องถ่ายรูปตัวเดียว หลังจากนั้นเขาขอเช่าโรงรถของคุณอาเป็นที่ทำงาน และหยิบยืมเงินจากคุณอาและพี่ชายของเขาอีก 750 เหรียญสหรัฐ แล้วเขาก็ทำตามความฝัน ทำหนังการ์ตูนเรื่องแรกชื่อว่า “อลิซในแดนมหัศจรรย์” ขายได้เงิน 1,500 เหรียญ หักต้นทุน 750 เหรียญ เขาจึงได้กำไรจากการทำหนังเรื่องแรก 750 เหรียญ
ต่อมาเขาจึงผลิต ตัว มิดกี้ เม้าส์ และได้สร้างหนังการ์ตูนขึ้นมาอีกมากมาย ต่อมาได้ขยายกิจการไปทำสวนสนุกและสถานีโทรทัศน์
สำหรับแง่คิดที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือ “ ทำในสิ่งที่รัก ” เขาผลิตผลงานทุกชิ้นจากความรัก เขาได้เดินตามความกระหายของเขา เขาไม่ได้หมกมุ่นเรื่องเงินทอง แต่เขาหมกมุ่นในเรื่องที่เขากระหายอยากที่จะทำ เพราะเขาเชื่อว่า “ ความกระหายที่อยากจะทำ คือ พลังอำนาจ ”
จงกล้าที่จะฝัน จงกล้าที่จะล้มเหลว เพราะคนที่ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน มักจะไม่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่

...
  
รู้ทิศทาง รู้ทำ รู้ทนทาน
รู้ทิศทาง รู้ทำ รู้ทนทาน
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
คนที่ประสบความสำเร็จ เขามักจะรู้ความต้องการของตนเอง ว่าเขามีความต้องการอะไรในชีวิตอย่างแท้จริง และเมื่อเขารู้แล้วว่า เขามีความต้องการอะไร อยากเป็น อยากทำอะไร เขาจะใช้เวลาทุกวินาที อย่างมีประสิทธิภาพ
รู้ทิศทาง : หากว่าเราต้องการประสบความสำเร็จ เรามีความจำเป็นต้องรู้ก่อนว่า เรามีความต้องการอะไร เรามีเป้าหมายอะไร ความฝันของเราคืออะไร ดังนั้นเราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องค้นหาตัวเองให้เจอเสียก่อน ถ้าหากว่าพวกเรายังค้นหาตนเองยังไม่เจอ ผมขอแนะนำว่า เราจำเป็นจะต้องลงทุนกับตัวเราเองก่อน เราต้องลงทุนกับความคิดของเราก่อน จงหาที่เงียบๆ จงหลบหนีผู้คนไปสักระยะก่อน แล้วลองทบทวนว่า ตนเองมีความต้องการอะไร ถ้ายังไม่เจอ ก็ลองเข้าห้องสมุดที่ใหญ่หน่อย มีหนังสือมากหน่อย จงลองลงทุนอ่านหนังสือที่เราชอบ แล้วเราจะพบอะไรบ้างอย่าง จงหัดใช้ชีวิตอยู่ด้วยตนเอง สักระยะ แล้วคุณจะพบอะไรบางอย่างกับตัวคุณเอง ชีวิตของคุณ ทิศทางของคุณ
สตีฟ จอบส์ เคยพูดไว้ ก่อนตาย ว่า ตัวเขาโชคดีที่รู้จักตนเองว่าตนเองชอบคอมพิวเตอร์ แล้วเขาก็แนะนำนักศึกษาหรือบุคคลต่างๆว่า จงค้นหาตัวเองให้เจอ ว่าตนเองต้องการอะไร ชอบอะไร ถึงแม้จะต้องค้นหาตลอดชีวิตก็ตาม
Ray Kroc (เรย์ คร็อก) อยากเป็นเศรษฐี อยากที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ เขาเริ่มทำแฟรนไชส์ยี่ห้อแม็คโดนัลด์ ตอนอายุ 52 ปี แต่ตอนที่เขาทำงานในอดีต เขาต้องลำบาก เขาต้องอดทนมาก เขาต้องเป็นพนักงานขายถ้วยกระดาษมาก่อน และเมื่อเขารู้ทิศทางของตนเอง แฟรนไชส์แฮมเบอร์เกอร์ แม็คโดนัลด์ ซึ่งขายไปทั่วโลกก็กำเนิดขึ้น
Harland Sanders(ผู้พัน แซนเดอร์ส) เคยลำบากมาก ภรรยาพาลูกหนีออกจากบ้านและถามหย่า เขาเปลี่ยนแปลงงานที่ทำบ่อย จนกระทั่งเกษียณอายุจากราชการ เขารู้ว่าเขาชอบทำอาหารและรู้ว่า เขาทำไก่ทอดได้อร่อยมากๆ เมื่อเขารู้ทิศทางของตนเองแล้ว เขาก็มาขายไก่ทอด แล้วเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ KFC ตอนอายุ 60 ปี
รู้ทำ : เมื่อรู้ว่าตนเองมีทิศทางอย่างไรแล้ว ที่เนี่ยเราต้องรู้ว่า เราจะต้องทำอะไรต่อไป ในขั้นตอนนี้ ขอให้ท่านไปดูบุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกหรือในระดับประเทศ หรือบุคคลที่ท่านต้องการจะเป็น แล้วลองอ่านประวัติของเขา ว่าเขาใช้วิธีหรือมีวิธีใดหรือทำอย่างไร ถึงประสบความสำเร็จ แล้วเราก็ลงมือทำตามเขา เช่น บางคนอยากที่จะเป็นนักพูดระดับโลก เราก็ควรไปศึกษาชีวิตของ นักพูดระดับโลกว่าเขาทำอย่างไรถึงเก่ง ถึงประสบความสำเร็จ แล้วเราก็ลองทำแบบเขา
บางคนอยากเป็นวิทยากรระดับโลกอย่าง Brian Tracy (ไบรอัน เทรซี่) เราก็ควรดูว่าเขาได้ทำอะไรลงไปบ้าง แล้วเราก็ควรทำเช่นเดียวกับเขา Brian Tracy(ไบรอัน เทรซี่) กว่าที่เขาจะเป็นวิทยากรระดับโลก เขาต้องอ่านหนังสือเป็นจำนวนมาก เขาต้องเขียนหนังสือ เขียนบทความเป็นจำนวนมาก เราก็ควรหัดเขียนและทำหนังสือขึ้นมาบ้าง เขามีคลิปบรรยายให้ความรู้ลงในสื่อต่างๆ เช่น มีเทป มีคลิปลง Youtube มี DVD มี CD มีเว็ปไซค์ มีการทำหลักสูตรต่างๆ เพื่อที่จะบรรยาย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ เราก็ต้องหัดทำ หัดผลิตตามเขา แล้วเราก็จะประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
รู้ทนทาน : คนที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ได้อะไรง่ายๆ ถ้าคุณคิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จได้อะไรมาง่ายๆ คุณคิดผิด ถ้าคุณคิดว่า คนที่ประสบความสำเร็จได้อะไรมาง่ายๆ คุณคิดผิด แต่คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะต้องทุ่มเท เขาจะต้องอดทน เขาจะต้องทนทาน เขาจะต้องพบกับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจะต้องลำบาก เขาจะต้องร้องไห้ เขาจะต้องเสียเวลา สละเวลาทำงานซึ่งหนักและมากกว่าคนทั่วไป ฯลฯ
Sun Yat Sen (ซุน ยัด เซน) เขามีอุดมการณ์ เขามีทิศทางเป็นของตนเองคือต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศจีน ในการทำงาน เขาต้องหลบหนี บุคคลหรือศัตรูที่ตามฆ่าเขา เขาต้องปลอมตัว เขาต้องเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆในประเทศจีนเพื่ออธิบายแนวคิด อุดมการณ์ของเขา เขาล้มเหลวในการปฏิวัติประเทศจีน ถึง 10 ครั้งในเมืองต่างๆ(1.กวางโจว 2.ฮุยโจว 3.เชาโจว 4.ฮุยโจว 5.ชิงโจว 6.เซิ่นหนานกวาน 7.กวางโจว เลียนโจวและชางสี่ 8.ยูนาน อีโฮว 9.กวางโจว 10.กวางโจว) แต่เขาก็ยังพยายามต่อไป จนประสบความสำเร็จในการปฏิวัติในครั้งที่ 11 ที่เมืองวูจาง เขาได้รับชัยชนะและกลายเป็นบิดาแห่งจีน อีกทั้งยังเป็นประธานาธิบดีแห่งชาติของสาธารณรัฐจีนไต้หวันเมื่ออายุ 46 ปี
ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการที่จะประสบความสำเร็จ ท่านจะต้อง รู้ทิศทางว่าท่านต้องการอะไร มีเป้าหมายอะไรในชีวิต ท่านจะต้องรู้ทำคือรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง จึงจะประสบความสำเร็จ และท่านจะต้องรู้ทนทาน คือ รู้จักคำว่า อดทน อดกลั้น อดออม และท่านจะต้องทนทานกว่าคนทั่วไปนั่นเอง
...
  
สาธารณสุขกับประชาคมอาเซียน
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ เรื่อง "สาธารณสุขกับประชาคมอาเซียน" ซึ่งหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุข ระดับต้น จัดรุ่นที่ 25 ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2558 ถึงวันที่ 17 กรกฏาคม 2558 โดยผู้อบรมเข้ารับการอบรมเดินทางมาจากทั่วประเทศ ณ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดนนทบุรี ...
  
บางครั้งการล้มเหลวก็เป็นสิ่งที่ดี
บางครั้งการล้มเหลวก็เป็นสิ่งที่ดี
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
www.drsuthichai.com
“ สิ่งที่คนอื่นมองเห็นเกี่ยวกับความสำเร็จของผมมีแค่ 1 % แต่สิ่งที่เขามองไม่เห็นอีก 99 %
คือความล้มเหลว” Soichiro Honda(โซอิจิโร ฮอนด้า)
คนเราส่วนใหญ่เมื่อได้อ่าน ได้ฟัง บุคคลที่ประสบความสำเร็จ มักจะชื่นชม ยินดี และแสดงความภาคภูมิใจกับคนที่ประสบความสำเร็จว่า เขาทำไมถึงเก่งขนาดนั้น เขาทำไมโชคดี พระเจ้าช่วยเขาให้ประสบความสำเร็จ แต่จริงๆแล้ว รางวัลต่างๆที่เขาได้รับ มีเบื้องหลังเสมอ เบื้องหลังนั้นก็คือ คำว่า “ ล้มเหลว” ซึ่งมีอยู่เต็มไปหมด
มีนักขายมือทองคนหนึ่ง เพื่อนๆนักขายด้วยกันมักพูดว่า เขาทำไมถึงโชคดีจริงๆ แต่หารู้ไหมว่า กว่าที่เขาจะขายได้ เขาได้นำเสนอลูกค้าเป็น สิบราย เป็นร้อยราย นักขายประกันชีวิตมืออาชีพท่านหนึ่งเคยเล่าให้กระผมฟังว่า “ นักขายหลายคนบอกว่า เขาโชคดี เขาตอบกลับว่า โชคดีบ้าอะไร เสนอขายเป็น 20 ราย ได้แค่รายเดียว ” แต่พวกเราลองไปสอบถาม นักขายที่โชคร้ายซิ ทำไมถึงขายไม่ได้ เพราะมันขายแค่รายเดียว แล้วมันก็บอกกับทุกคนว่า โชคร้ายขายไม่ได้ ฉะนั้น ถ้าเราอยากโชคดี เราต้องพบกับความล้มเหลว ต้องพบกับการถูกปฏิเสธ ยิ่งมาก ท่านก็ยิ่งพบกับคำว่า “โชคดี”
- สองพี่น้องตระกูลไรท์ กว่าจะผลิตเครื่องบินลำแรกของโลกได้ เขาต้องพบกับความ
ล้มเหลว เป็นจำนวนมาก ยิ่งพวกเขาพบกับความล้มเหลวมากเท่าไร เขาก็ยิ่งเข้าใกล้กับความสำเร็จมากขึ้นทุกขณะ
- โทมัส อัลวา เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก กว่าเขาจะประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลก
ได้ เขาต้องพบกับความล้มเหลวถึงกว่าพันครั้ง มีคนเคยไปถาม โทมัส อัลวา เอดิสัน ว่า อัจฉริยะเกิดจากอะไร โทมัส อัลวา เอดิสัน ตอบว่า “ อัจฉริยะเกิดจากแรงบันดาลใจแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ แต่เกิดจากความพยายาม 99 เปอร์เซ็นต์” จากคำตอบนี้เราจะเห็นได้ว่า โทมัส อัลวา เอดิสัน พบกับความล้มเหลวเป็นจำนวนมาก แต่เขาก็ยังมานะพยายามจนกระทั่งสำเร็จ
- อับราฮัม ลินคอล์น อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ เขาประสบกับความล้มเหลวและเปลี่ยนแปลง
อาชีพอยู่บ่อยๆเช่น เปิดร้านขายของชำ เป็นช่างสำรวจ เป็นทหาร เป็นพนักงานไปรษณีย์ ฯลฯ
ต่อมาเขาลงสมัครรับเลือกตั้งทางการเมือง เขาต้องพบกับความล้มเหลวและพ่ายแพ้จากการเลือกตั้ง
อย่างมากมายหลายครั้งเช่น แพ้การเลือกตั้งฝ่ายนิติบัญญัติปี 1832 แพ้การเลือกตั้งในการเป็นโฆษกปี 1838 แพ้การเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรปี 1848 แพ้การเลือกตั้งวุฒิสภาปี 1855 แพ้การเลือกตั้งรองประธานาธิบดีปี 1856 แพ้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาปี 1858 และในที่สุดปี 1860 เขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐ ทำไมเขาถึงได้เป็นประธานาธิบดี ก็เพราะเขาไม่ยอมแพ้ เมื่อพบกับความล้มเหลว บางครั้งความล้มเหลวก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้เราได้พบกับความเข้มแข็ง ความฉลาด ความอดทน ความพยายาม ความเอาตัวรอด
- อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบล กว่าจะคิดค้นโทรศัพท์เครื่องแรกของโลกได้ เขาต้องพบกับ
อุปสรรค พบกับความล้มเหลวนานาชนิด แต่เขาไม่หยุดตรงความล้มเหลว เขาพยายามทำต่อไป เขาพยายามค้นหาต่อไป จนในที่สุด โทรศัพท์ เครื่องแรกของโลกก็เกิดขึ้น
- ผู้พันแซนเดอร์ส หรือ ผู้พัน KFC ต้องการที่จะขายสูตรไก่ทอด เขาต้องเดินทางไปทั่วประเทศ
เพื่อเสนอขายสูตรไก่ทอดและขายแฟรนไชส์ เขาต้องพบกับคำว่าล้มเหลวหรือคำปฏิเสธมากถึง 1,009 ครั้ง ก่อนที่จะมีนักธุรกิจท่านหนึ่งตอบตกลงซื้อสูตรไก่ทอดของเขา
คำถามคือ ถ้าท่านเป็นผู้พันแซนเดอร์สหรือผู้พัน KFC ถ้าท่านไปเสนอขายสูตรไก่ ท่านสามารถอดทนต่อคำปฏิเสธและคำว่าล้มเหลว ได้เพียงกี่ครั้ง โดยส่วนตัวกระผมเชื่อแน่ได้ว่า คนส่วนใหญ่เสนอขายสูตรไก่ทอด ไม่ถึง 1,009 ครั้ง ก็ยอมแพ้เสียแล้ว
ฉะนั้น จงกล้าที่จะล้มเหลว เพราะในบางครั้งความล้มเหลวก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันคือบททดสอบการต่อสู้ ถ้าเรากลัวกับคำว่าล้มเหลว เราก็ต้องอยู่กับที่ไม่ไปไหน เราจะไม่มีวันพบกับความสำเร็จ ความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการทำงาน จงกล้าที่จะล้มเหลว เพราะมันคือสิ่งที่คุณจะต้องได้รับ ถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จ
...
  

    จำนวนหน้า : [1]  [2]  [3]  [4]  [5]  [6]  [7]  [8]  [9]  [10]  [11]  [12]  [13]  [14]  [15]  [16]  [17]  [18]  [19]  [20]  [21]  [22]  [23]  [24]  [25]  [26]  [27]  [28]  [29]  [30]  [31]  [32]  [33]  [34]  [35]  [36]  [37]  [38]  [39]  [40]  [41]  [42]  [43]  [44]  [45]  [46]  [47]  [48]  [49]  [50]  [51]  [52]  [53]  [54]  [55]  [56]  [57]  [58]  [59]  [60]  [61]  [62]  [63]  [64]  [65]  [66]  [67]  [68]  [69]  [70]  [71]  [72]  [73]  [74]  [75]  [76]  [77]  [78]  [79]  [80]  [81]  [82]  

หนังสือ พูดอย่างมีกึ๋น
ศิลปะการขาย
วาทะวาที

  Copyright @ 2010 drsuthichai.com All Rights Reserved.  Powered by ThaiWeb.  Admin Business Online 
Popularne pozyczka 5000 kasa stefczyka tarnów, dzięki nowelizacjom w prawie, są coraz pozyczka do 3 osób. Nowe regulacje mają na celu ochronę konsumentów i objęcie większym nadzorem procedur udzielania pożyczek pozabankowych chwilówki plac wolności rzeszów x kom. Nowe przepisy opierają się na pożyczki dla zatrudnionych na czarno góra zmianie ustawy o nadzorze nad rynkiem finansowym net credit splata pozyczki irlandia. Weszły one w życie z dniem 11 marca 2016 r. chwilówka dla studenta ranking Poniżej zamieszczamy ich przegląd. Firma pożyczkowa musi dysponować minimalnym kapitałem początkowym w wysokości 200 tys. zł – kapitał ten nie może pochodzić z pożyczek eurobank pożyczka online pl. W ten sposób postarano się wyeliminować z rynku małe firmy, które powstawały tylko po to, aby w jak najkrótszym czasie oszukać rzesze klientów udzielanie pożyczek zwolnione z vat. Nadzór nad firmami pożyczkowymi może prowadzić Komisja Nadzoru Finansowego z o.o. udziela pożyczki vivus. KNF w razie wątpliwości może objąć monitoringiem warunki oferowanych pożyczek pożyczka 3000 online. Firma pożyczkowa, która utrudni działania czy umowa pożyczki może być bez odsetek hipotecznych, może zostać obarczona karą do 500 tys. zł credit agricole kredyt mieszkaniowy kalkulator. Niektórzy eksperci uważają, że optymalna karą za nielegalne praktyki, byłoby 1 mln zł. wynagrodzenie z tytułu pożyczki hipotecznej Ustalono także, że wszystkie koszty pożyczki nie mogą być wyższe niż 100% kwoty udzielonej koszty umowy pożyczki rodzinnej, uwzględniając cały okres kredytowania czesc pozyczki hipoteczne. Ponadto maksymalne opłaty oraz odsetki z tytułu opóźnień w umowa pożyczki od wspólnika spółki cywilnej uchwała spłacie nie mogą przekraczać 6-krotności stopy lombardowej kredytu ustalanej przez NBP pożyczka z zfśs a zwolnienie szpitalne. Koszty udzielenia pożyczki nie mogą przekroczyć 25% kwoty udzielonej pożyczki pożyczki bez bik poznan poland, a koszty pozaodsetkowe w skali roku nie mogą być większe niż 30% gdzie dostać kredyt dla zadłużonych. Chwilówki mogą być obarczone odsetkami ustawowymi tarnow pozyczki bez qica, czyli maksymalnie 4-krotnością kredytu lombardowego NBP pożyczka na doposażenie stanowiska pracy chomikuj.